หัวข้อ: เปิดขุมทรัพย์ เริ่มหัวข้อโดย: flyingkob-รักในหลวง ที่ กรกฎาคม 02, 2008, 07:33:10 AM เปิดขุมทรัพย์ไทย-กัมพูชาข้อครหาพระวิหารแลกบ่อน้ำมัน
ยังไม่ทันคลี่คลายว่า "ปราสาทเขาพระวิหาร" เป็นของใคร แต่คำครหา เขาพระวิหารแลกขุมทรัพย์กลางทะเลพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา กลับเอ็ดอึง แม้จะบ่งถึงการมองการณ์ไกลของอดีตนายกฯ ทักษิณ ที่ชิงเจรจาธุรกิจพลังงานกับ ฮุน เซน แต่นั่นก็หมิ่นเหม่ต่อความรู้สึก "รักชาติ" ผลสะเทือนจากการยื่นขอจดทะเบียน "ปราสาทเขาพระวิหาร" เป็นมรดกโลกบานปลายเกินกว่าที่คาดคิด โดยเฉพาะการปลุกกระแส "รักชาติ" และประเด็นการแลกเปลี่ยนเขาพระวิหารกับ "น้ำมัน" และ "ก๊าซธรรมชาติ" ในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทย-กัมพูชา ท่ามกลางข่าวสะพัดว่า มีนักการเมืองไทยบางคนจะได้รับ "สัมปทาน" เป็นการตอบแทน จริงเท็จแค่ไหนยังไม่ปรากฏชัด แต่ที่ผ่านมาก็มีข่าวที่ถูกนำไปเชื่อมโยงให้เห็นภาพความเกี่ยวข้องอยู่เป็นระยะ ตั้งแต่ครั้งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย บินไปตีกอล์ฟกับ ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา จากนั้นก็มีข่าวว่า อดีตนายกฯ ของไทยจะไปลงทุนทำธุรกิจ ที่ จ.เกาะกง ประเทศกัมพูชา นายจาม ประสิทธิ์ รมว.พาณิชย์กัมพูชา ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์กัมพูชา และ พล.อ.เตีย บัน ก็ยืนยันด้วยเช่นกันว่า อดีตนายกรัฐมนตรีของไทยเจรจาขอทำธุรกิจพลังงานร่วมกับกัมพูชา แลกกับการเจรจาเรื่องเขาพระวิหาร แต่ นายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ ก็ออกมาปฏิเสธว่า ไม่มีการเกี้ยเซียะ หรือเอาแผ่นดินไปแลกอะไรอย่างเด็ดขาด ส่วนแนวทางการบริหารจัดการพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล เฉพาะข้อมูลที่ นายนพดล มีอยู่ก็มากมายมหาศาลแล้ว "พื้นที่ทับซ้อนหรือเจดีเอนั้น มีการประเมินว่ามีทั้งหมด 2.6 หมื่นตารางกิโลเมตร ตรงนี้ต้องตกลงให้ชัดเจน เด็ดขาด ทั้งสองประเทศต้องมาบริหารจัดการร่วมกัน มาพบกันครึ่งทาง เนื่องจากมีก๊าซธรรมชาติและน้ำมันอยู่ในพื้นที่ถึง 5 ล้านล้านบาท" นายนพดล ยืนยันด้วยว่า การเจรจาจะเป็นแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล ไม่มีเอกชนเข้ามาเกี่ยวข้องอย่างเด็ดขาด แต่เมื่อเจรจาเสร็จแล้ว กัมพูชาอยากจะให้ ปตท.หรือบริษัทเอกชนเข้าไปสำรวจนั้นก็เป็นเรื่องที่เขาสามารถจะทำได้ น่าสนใจว่า หลังมีข่าวเขาพระวิหาร แลกก๊าซและน้ำมัน ไม่นาน นายนพดล ก็ไปเปิดถนนสายที่ 48 ร่วมกับตัวแทนฝ่ายกัมพูชา ถนนสายที่ 48 เกิดมาจาก "เงินกู้ยืม" ที่รัฐบาลไทยให้แก่กัมพูชา จำนวน 1,200 ล้านบาท พร้อมเงินช่วยเหลืออีก 300 ล้านบาท ในการสร้างสะพานอีก 4 สะพาน ที่น่าสนใจกว่านั้น คือ ถนนสายนี้จะเชื่อมเส้นทางระหว่าง จ.เกาะกง-จ.กำปงโสม ระยะทาง 152 กิโลเมตร และเชื่อมต่อไปยังกรุงพนมเปญอีกกว่า 200 กิโลเมตร ถนนสาย 48 จึงเป็นถนนสายหลักที่เชื่อมต่อจากเมืองหลวงของกัมพูชามายัง จ.เกาะกง ซึ่งมีข่าวว่า อดีตนายกฯ ของไทยจะไปลงทุนทำธุรกิจที่นั่น ! สำหรับความคืบหน้าของการแบ่งปันผลประโยชน์ในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล หลังมีการเปิดถนนสาย 48 นายนพดล บอกว่า ได้หารือกับ นายสก อัน รองนายกรัฐมนตรี และรมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ในการหารือครั้งนี้ ได้พิจารณาว่าจะใช้หลักพื้นที่ใกล้ประเทศไหนประเทศนั้นจะได้ผลประโยชน์มากกว่า แต่ยังเป็นสูตรที่ไม่ลงตัว โดยกัมพูชาจะส่งคณะกรรมการเทคนิคมาหารือกับไทยอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งหวังว่าน่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้ คำยืนยันของ รมว.ต่างประเทศ แม้จะยืนยันชัดว่า จะไม่มีเอกชนรายใดได้ผลประโยชน์จากพื้นที่ทับซ้อนตรงนี้ แต่เมื่อดูจากข้อมูลของพื้นที่ทับซ้อน ทั้งขนาดของพื้นที่ รวมทั้งปริมาณก๊าซธรรมชาติและน้ำมัน ที่ซุกอยู่ใต้ผืนทะเลก็น่าหวั่นไหวใจในขุมทรัพย์ก้อนนี้ยิ่งนัก โดยพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทย-กัมพูชา มีพื้นที่ประมาณ 2.6-2.7 หมื่นตารางกิโลเมตร การเจรจาพื้นที่ทับซ้อนผืนนี้มีการเจรจามานานตั้งแต่กัมพูชาประกาศเขตไหล่ทวีปในปี 2515 และไทยมาประกาศภายหลังในปี 2516 จนเกิดพื้นที่เหลื่อมทับกัน แต่ผลการเจรจาเรื่องการปักปันเขตแดนและแบ่งผลประโยชน์ในพื้นที่ก็ยังไม่มีความคืบหน้ามานานกว่า 30 ปี กระทั่ง เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2544 รัฐบาลไทย (สมัย พ.ต.ท.ทักษิณ) และกัมพูชา ได้ร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยพื้นที่ที่ทั้งสองประเทศอ้างสิทธิในเขตไหล่ทวีปทับซ้อนกัน ใจความสำคัญ ระบุว่า พื้นที่ทับซ้อนเหนือเส้นละติจูดที่ 11 องศาเหนือ ขึ้นไปให้ใช้แนวทางการแบ่งเขต (Delimitation) และพื้นที่ทับซ้อนใต้เส้นละติจูดที่ 11 องศาเหนือลงมาให้ใช้แนวทางการพัฒนาพื้นที่ร่วม (Joint Development Area - JDA) ต่อมา ในวันที่ 10 สิงหาคม 2549 พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ของไทย (ในขณะนั้น) เดินทางไปเยือนกัมพูชาอย่างเป็นทางการเพื่อเจรจาเรื่องนี้ แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จ ประเด็นนี้เริ่มมีความคืบหน้าอีกครั้ง หลังจากได้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งที่มีความใกล้ชิดกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ในปี 2551 แหล่งข่าวในกองบัญชาการกองทัพไทย เผยว่า เดิมกัมพูชาจะส่ง นายวากิมฮอง ประธานทีบีซีของกัมพูชา มาเจรจาในเรื่องนี้ แต่ก็เงียบหายไป โดยครั้งที่ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เดินทางไปกัมพูชา ก็มีการหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นไปพูด แต่หลังจากนั้นก็ดูเงียบๆ ไป ซึ่งอาจจะเป็นเพราะกัมพูชาจะมีการเลือกตั้งในเดือนกรกฎาคม และอาจกำลังยุ่งๆ กับการขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกอยู่ก็เป็นได้ เขามองว่า การเจรจาล่าช้าส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะ 2 สาเหตุหลัก คือ 1.ความไม่ชัดเจนของหลักเขตที่ 73 ซึ่งเป็นหลักเขตแดนไทย-กัมพูชา หลักสุดท้าย แต่กัมพูชามองว่า เขาเสียเปรียบเยอะ และมีพื้นที่ทับซ้อนที่ตกลงกันไม่ได้ประมาณ 100 ไร่ จึงไม่สามารถตกลงเขตแดนในทะเลได้ เพราะการแบ่งเขตต้องลากเส้นอ้างอิงจากจุดนี้ 2."อคติ" ของตัวแทนเจรจาฝ่ายกัมพูชาที่มีต่อไทย ซึ่งจะเห็นได้ชัดจากการเจรจาเขตแดนทางทะเลกับฝ่ายเวียดนามที่มีความทับซ้อนกันประมาณ 7,000 กว่าตารางกิโลเมตร ที่สามารถเจรจาตกลงกันได้อย่างรวดเร็ว แต่กรณีพื้นที่ทับซ้อนกับไทยกลับเดินหน้าไปได้ช้ามาก ทั้งนี้ การเจรจาแบ่งปันผลประโยชน์บนพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทยกับกัมพูชาคงต้องใช้ระยะเวลาในการเจรจาอีกนาน และคงต้องรอดูว่า ผลจากการขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกในที่ประชุมยูเนสโกจะทำให้เกิด "อาฟเตอร์ช็อก" อะไรตามมาหรือไม่ อาฟเตอร์ช็อก ในที่นี้อาจจะมาจากกระแสคัดค้านของคนไทย ซึ่งอาจทำให้ยูเนสโกชะลอการขึ้นทะเบียนมรดกโลกไว้ก่อน หากยูเนสโกยอมชะลอการขึ้นทะเบียนมรดกโลกไว้จริงๆ ก็ย่อมส่งผลเสียต่อพรรครัฐบาลในกัมพูชาที่พยายามนำเอาประเด็นนี้ไป "หาเสียง" กับประชาชนของเขามาตลอด แต่ฝ่ายค้านในกัมพูชาก็พยายามโจมตีกลับว่า รัฐบาลกัมพูชายอมให้ฝ่ายไทยมากเกินไป เมื่อรัฐบาลกัมพูชาเสียคะแนน เพราะไม่เสร็จสมอารมณ์หมายในความพยายามปลุกกระแส "ชาตินิยมกินรวบ" เขาพระวิหาร..ก็อาจทำให้ฝันของใครบางคนที่จ้องจะมาแบ่งเค้กก้อนใหญ่นับล้านล้านบาทในอ่าวไทยอาจถึงขั้นล้มครืนก็เป็นได้ ก๊าซ-น้ำมันมหาศาลในพื้นที่ทับซ้อน ข้อมูลของ บริษัท เชฟรอน เมื่อปี 2548 ระบุว่า ได้ค้นพบบ่อน้ำมันและก๊าซขนาดใหญ่ในพื้นที่ 2,427 ตารางกิโลเมตร ทางตอนใต้ของกัมพูชา โดยเฉพาะพื้นที่สัมปทานแปลงเอ เนื้อที่ 6,278 ตารางกิโลเมตร คาดว่าจะมีน้ำมันสำรองถึง 700 ล้านบาร์เรล และก๊าซอีก 3-5 ล้านล้านลูกบาศก์เมตร ธนาคารโลก ประเมินว่า แหล่งพลังงานในกัมพูชาน่าจะมีน้ำมันถึง 2 พันล้านบาร์เรลและก๊าซธรรมชาติอีก 10 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต โดยจะสร้างรายได้ให้กัมพูชาไม่น้อยกว่า 2 พันล้านเหรียญต่อปี (เมื่อเทียบกับราคาน้ำมันดิบบาร์เรลละ 60 เหรียญ) พื้นที่ที่น่าจะมีก๊าซธรรมชาติ และน้ำมันมากที่สุด ก็คือ พื้นที่ทับซ้อนทางทะเลกับไทย โดยเฉพาะแหล่งน้ำมันแปลงบี ห่างจากชายฝั่งกัมพูชา 250 กิโลเมตร ไปทางตะวันออก ติดกับเขตน่านน้ำไทยในอ่าวไทย ซึ่งครอบคลุมพื้นที่กว่า 6,551 ตารางกิโลเมตร คาดว่ามีน้ำมันและก๊าซธรรมชาติอยู่หลายร้อยล้านบาร์เรล หัวข้อ: Re: เปิดขุมทรัพย์ เริ่มหัวข้อโดย: ป้อมทอง พรานชุมไพร ที่ กรกฎาคม 02, 2008, 07:39:57 AM ดีครับ สำหรับข้อมูล ขอโทษครับเป็นศิษย์เก่า สก.หรือเปล่า
หัวข้อ: Re: เปิดขุมทรัพย์ เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ กรกฎาคม 02, 2008, 08:26:13 AM ยิ่งอ่านแล้วยิ่งคิดถึงว่าหาวิธีทำอย่างไรให้ผลประโยชน์กำไรจาก ปตท. ตกเป็นของชาติครับ...
ส่วนประเด็นว่าคนไทยคนอื่นไม่เก่งเท่าอดีตนายกฯนั้น ไม่จริงครับ... มีคนไทยเก่งแยะ มีนักกฏหมายการค้าระหว่างประเทศคนไทย ทำงานที่บริษัทในอุตสาหกรรมน้ำมันก็มีแยะ... แต่คนเหล่านี้ดังในวงการ เราไม่รู้จักในที่สาธารณะ... เพียงแต่นักการเมืองรู้จักคิดถึงส่วนรวมมากกว่าส่วนตย เมื่อนั้นจะมีคนออกมาอาสาทำงานให้แยะครับ... หัวข้อ: Re: เปิดขุมทรัพย์ เริ่มหัวข้อโดย: flyingkob-รักในหลวง ที่ กรกฎาคม 02, 2008, 09:25:16 AM ดีครับ สำหรับข้อมูล ขอโทษครับเป็นศิษย์เก่า สก.หรือเปล่า ใช่ครับ สวนกุหลาบรุ่น ๙๙ เลขประจำตัว สก.๒๒๑๔๓ หัวข้อ: Re: เปิดขุมทรัพย์ เริ่มหัวข้อโดย: Southlander ที่ กรกฎาคม 02, 2008, 08:40:06 PM ข้อมูลน่าสนใจมากถ้าไทยจะได้ผลประโยชน์ก็ขอให้ตกอยู่กับรัฐมิใช่ เอกชน ถ้าจะให้ดีหาบริษัทอื่นที่ไม่ใช่ ปตท. มาสำรวจและผลิตเพื่อถ่วงดุลป้องกันการการผูกขาด
+1 หัวข้อ: Re: เปิดขุมทรัพย์ เริ่มหัวข้อโดย: คนแปลกหน้า - รักในหลวง ที่ กรกฎาคม 02, 2008, 09:12:51 PM กองทัพเรือต้องเร่งสร้างแสนยานุภาพทางทะเล ภายหน้าต้องมีการเจรจาต่อรองแน่นอน ระหว่างนั้น ทั้ง ๒ ฝ่าย ต่างคุมเชิง
หัวข้อ: Re: เปิดขุมทรัพย์ เริ่มหัวข้อโดย: SOAP47 รักในหลวง ที่ กรกฎาคม 02, 2008, 09:18:31 PM ได้เวลากองทัพเรือจะมีเครื่องบินขับไล่ /โจมตี แบบสองเครื่องยนต์แล้ว แล้วก็ เครื่องขึ้นลงทางดิ่งรุ่นใหม่ด้วย อ้อ ลืมเรือดำนำไปได้อย่างไร อิอิ
หัวข้อ: Re: เปิดขุมทรัพย์ เริ่มหัวข้อโดย: ภูปทุม-รักในหลวง ที่ กรกฎาคม 02, 2008, 09:20:51 PM ข้อมูลน่าสนใจมากถ้าไทยจะได้ผลประโยชน์ก็ขอให้ตกอยู่กับรัฐมิใช่ เอกชน ถ้าจะให้ดีหาบริษัทอื่นที่ไม่ใช่ ปตท. มาสำรวจและผลิตเพื่อถ่วงดุลป้องกันการการผูกขาด บริษัทของไทยที่ไม่ใช่ ปตท.มีด้วยหรือครับ ถ้าโอกาสเป็นอย่างว่าจริง บริษัทใดก็ได้ที่เป็นของไทยสนับสนุนครับ+1 เพราะถ้าเป็นของต่างชาติสุดท้ายก็ต้องเอากลับมาขายคนไทยอีก หัวข้อ: Re: เปิดขุมทรัพย์ เริ่มหัวข้อโดย: Southlander ที่ กรกฎาคม 02, 2008, 09:55:00 PM ข้อมูลน่าสนใจมากถ้าไทยจะได้ผลประโยชน์ก็ขอให้ตกอยู่กับรัฐมิใช่ เอกชน ถ้าจะให้ดีหาบริษัทอื่นที่ไม่ใช่ ปตท. มาสำรวจและผลิตเพื่อถ่วงดุลป้องกันการการผูกขาด บริษัทของไทยที่ไม่ใช่ ปตท.มีด้วยหรือครับ ถ้าโอกาสเป็นอย่างว่าจริง บริษัทใดก็ได้ที่เป็นของไทยสนับสนุนครับเพราะถ้าเป็นของต่างชาติสุดท้ายก็ต้องเอากลับมาขายคนไทยอีก นั่นซิครับผมนึกไม่ออกว่ามีใครอีก แต่ในอ่าวไทยเราตอนนี้ที่ตั้งแท่นเจาะอยู่มี ปตท .สผ- ยูโนแคล-โทเทล ผมคิดไม่ออกว่าจะไม่ให้รั่วไหลไปอีกอย่างไรเลยเสนอแบบนี้มารอผู้รู้มาตอบอีกทีนะครับ ...แต่ถ้าเราให้ทุกบริษัทที่สำรวจขุดเจาะอยู่ตอนนี้มาประมูลแข่งกันเราจ้างเฉพาะสำรวจขุดเจาะนะพอได้น้ำมันมาแล้วเราบริหารเองโดยรัฐบาล เหมือนกับเราตั้ง รัฐวิสาหกิจด้านพลังงานขึ้นมาแข่งกับ ปตท. เดิมซึ่งแน่นอนต้นทุนต่ำกว่าคราวนี้หุ้น ปตท. ตก รูดมหาราชเราก็ช้อนซื้อแปรรูปกลับมารวมตัวกันกลายเป็นของรัฐอีกที ตอนนี้มีบริษัทไทยที่ทำแท่นเจาะเองได้แล้วแถมส่งออกด้วยอยู่ริมอ่าวแถวแหลมฉบัง ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- กรณีเรือดำน้ำผมอยากให้มีมานานแล้วไม่ใช่แค่ ลำ 2 ลำ ผมอยากให้มีเป็นฝูงๆละ 2- 4 ลำก็ได้อยู่ฝั่งอันดามัน 1 ฝูง ฝั่ง อ่าวไทย 1 ฝูง และแล่นสลับไปมาทั้งสองฝั่งสวนทางทักทายกันตลอดเพื่อประกาศแสนยานุภาพของเราพร้อมปกป้องอธิปไตยและทรัพยากรใต้ผืนน้ำของเรา ยิ่งเจอขุมทรัพย์แบบนี้ด้วยมีสิทธิ์ทะเลเดือดเอาง่ายๆ หัวข้อ: Re: เปิดขุมทรัพย์ เริ่มหัวข้อโดย: ต้นน้ำ ที่ กรกฎาคม 03, 2008, 06:49:41 PM พี่เหลี่ยมเอาทุกอย่างเลย.......
เเปรรูป ปตท. เอาหุ้นเข้าพวกพ้อง..... CTX....ซื้อที่ดินรัชดา ขายหุ้น 73000 ล้านให้สิงคโปร์ ไม่เสียภาษี........ เอาเเผ่นดินเขาพระวิหารให้เขมรเเลกบ่อน้ำมัน...... ชวนเเขกมาซื้อที่นา........ เอาเงินฟาดหัวจมูกหมู ตาเหล่ เป็ดฝั่งธน มาเป็นรัฐบาล......... เยอะเเยะพิมพ์ไม่หมด.....ยิ่งกว่าพระยาจักรีตอนเสียกรุงศรีครั้งที่ 1 อีก.... หัวข้อ: Re: เปิดขุมทรัพย์ เริ่มหัวข้อโดย: carrera ที่ กรกฎาคม 03, 2008, 09:00:59 PM นึกว่าขุมทรัพย์โกโบริ ;D ;D ;D
|