เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

เรียนถามช่างซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าและท่านอื่นๆครับว่า...
1.พวกเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีมอเตอร์ร่วมด้วย (เช่นพัดลม) เวลาเสียส่วนมากจะเสียที่ตรงจุดไหน
   ต้องพันขดลวดทองเหลืองใหม่เสมอหรือเปล่า(ช่างซ่อมเค้าว่างั้น) พัดลมที่บ้านเสียบ่อย(ไฟเข้าแต่พัดลมไม่มีแรงหมุน)
   ก็เลยอยากจะลองซ่อมเองดูบ้างถ้าส่งช่างซ่อมราคาก็พอๆกับซื้อใหม่เลยรวมทั้งพวกเครื่องซักผ้าแบบถังคู่ด้วยครับ
2.คาร์ปาซิเตอร์ มีหน้าที่อะไร จำเป็นต้องมีหรือเปล่า เห็นมอเตอร์ส่วนมากมีติดคู่กันตลอดเลย ในพวกเครื่องเสียงรถก็มี
3.สวิทควบคุมวงจรไฟฟ้าด้วยระบบสั่นสะเทือนมีหรือเปล่าครับ(พอเวลาตัวสวิทสั่นแล้ววงจรทำงานครับ)
   ขอบคุณครับ

ตอบข้อ1
ที่เจอมาส่วนใหญ่คือมอร์เตอรไหม้ วิธีช่อมคือเปลี่ยนหรือพันลวดใหม่

ตอบข้อ2
คาร์ปาซิเตอร์มันเป็นตัวช่วยเก็บประจุไฟฟ้าครับ คือไฟจะเข้ามาเก็บที่ตัวคาปาซิเตอร์จนเต็มก่อนแล้วคาปาซิเตอร์ถึงจะจ่ไฟไปที่มอร์เตอร์อีกทีประโยชน์ก็คือตอนเปิดมอร์เตอร์จะไม่ได้รับไฟแบบ100%ช่วยลดการกระชากเมื่อได้รับไฟเต็ม แล้วก็ยังช่วยลดผลกระทบจากไฟตกไฟกระชากได้ด้วย แต่ไม่ใส่มอร์เตอร์ก็ทำงานได้ครับ   สรุปคือใส่คาร์ปาแล้วช่วยยืดอายุและให้กระแสไฟสม่ำเสมอกับมอร์เตอร์ 

ข้อ3ไม่รู้ครับเพราะไม่เคยเห็น

-  มอเตอร์ซ๊อตหรือไหม้ต้องพันใหม่  อันนี้คงซ่อมเองไม่ไหวครับ  กรณีเครื่องใช้ไฟฟ้านั้น ๆ ไม่แพงมากซื้อใหม่คุ้มกว่าครับ
-  คาปาซิสเตอร์ หมายถึง ตัวเก็บประจุครับมีขั้ว + - ใช้หลักการเก็บประจุและการคาย  นำไปประยุกต์ใช้ในวงจรอิเล็กทรอนิกส์ทั่วไป
-  มีครับเช่นสัญญาณกันขโมยในรถยนต์   การสั่งให้วงจรเริ่มทำงาน  มีหลายแบบตั้งแต่การสัมผัสนะครับ  อาทิ  สวิทซ์พัดลม
   สัมผัสด้วยมือก็ได้  รีโมทก็ได้ ( มีตัวเซ็นเซอร์รับส่ง ) นอกจากนี้ยังมีเงื่อนไขใช้ได้อีกหลายชนิด  เช่น  เวลา  อุณหภูมิ  แสง  เสียง อื่น ๆ  :)

ขออภัยครับไม่ทันดู  ตอบซ้ำกับท่าน  Hydra  :D

๑ ไม่ทางไฟฟ้า (ขดลวดขาดและคาปาซิเตอร์เสื่อม) ก็ทางกล (บุชแตก) ส่งซ่อมก็ดีครับ ช่างที่ทำจะมีอุปกรณ์และอะไหล่พร้อมกว่าทำเอง
๒  กรณีของเครื่องใช้ไฟฟ้าตามบ้าน ใช้ไฟกระแสสลับเฟสเดียว
    ขณะมอเตอร์ไม่หมุน แล้วใส่ไฟเข้าไป มันจะเป็นแค่สนามแม่เหล็กสองขั้วสลับกัน ยังไม่หมุน
    ต้องมีอีกขดหนึ่ง ทำหน้าที่ช่วยหมุน โดยสร้างสนามแม่เหล็กที่มีเฟสต่างจากเดิม  โดยใช้คาปาซิเตอร์ทำให้เฟสของไฟกระแสสลับเลื่อน
    เมื่อสองขดนี้ทำงาน จึงจะหมุน
    เมื่อทำงาน(หมุน) ได้ประมาณ ๗๐ เปอร์เซนต์  สวิทซ์แรงเหวี่ยงจึงจะตัดไฟของขดที่ทำหน้าที่สตาร์ท(มีคาปาซิเตอร์อนุกรมอยู่)
    มีแรงเฉื่อยแล้ว ขดที่เหลือขดเดียว ก็ยังทำหน้าที่หมุนโรเตอร์ได้ (คล้ายเครื่องยนต์สูบเดียว)
๓  อาจตอบไม่ตรงนะครับ   ใช้สวิทซ์ปรอททำหน้าที่ได้ ถ้าไม่ซับซ้อนนัก
    ถ้าละเอียดมาก  ต้องใช้อุปกรณ์เซนเซอร์ค่า ความโน้มถ่วง (G Sensor) มีทั้ง ๒ แกน และ ๓ แกน
    หาซื้อ ยากอยู่

ไม่ทราบว่าตอบตรงไหมครับ
:D

ไม่เป็นไรครับช่วยๆกัน  ;D ;D

1-มอเตอร์ไหม้จะต้องนำไปพันใหม่ครับ แต่ไหม้นี้คือการใช้การไม่ได้นะครับ ส่วนมอเตอร์ไม่มีแรงมีอีกสาเหตุหนึ่งคือ capacitor start&run เสื่อม หรือขดลวดชุด start มีปัญหา
    ครับ เนื่องจากขดลวดทางไฟฟ้าจะมีสองขด คือขด start กับ ขด run
2-capacitor จำเป็นมากในวงจร Strat &run motor ครับ
3-มีครับ sw.ปรอท กับ sw.ก้อนหอย ครับเรียกตามภาษาครับ ราคาไม่แพง ผมเคยใช้อยู่ครับ ::002::

ขอบคุณทุกท่านครับที่เข้ามาให้ความรู้
จะลองนำไปศึกษาต่อไปครับ อยากลองซ่อมเองดูบ้างครับ

ผมขอตอบไม่ตรงประเด็น นะครับ แต่เป็นข้อสังเกต กรณีเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านเสียบ่อย ควรตรวจสอบแรงดันไฟฟ้าหรือแรงเคลื่อนไฟฟ้า(Voltage)ว่าเสถียรหรือไม่ ลองใช้ mutti - meter วัดดูนะครับ

คาร์ปาซิเตอร์มันเป็นตัวช่วยเก็บประจุไฟฟ้า แต่กรณีนี้ไม่ได้ใช้ในการเก็บประจุครับ

จะช่วยในการ start มอเตอร์

มีไฟเข้าแต่ไม่หมุน
ก่อนจะส่งซ่อมลองตรวจดูเบื้องต้นก่อนครับ
ถอดปลั๊กออกแล้วใช้มือหมุนใบดูว่าหมุนได้คล่องหรือไม่
หากฝืดก็มักจะมาจากฝุ่นที่เข้าไปในลูกปืน หรือน้ำมันที่ใส่มาแห้ง
เอาน้ำมันชโลมปืนหยอดเข้าไปที่บริเวณลูกปืนและแกนใบพัด
เอามือช่วยหมุนจนคล่อง ถ้ายังไม่ได้ก็ค่อยส่งช่างครับ

พันมอเตอร์เอง คงจะยากครับ ใช้เครื่องมือเฉพาะ และวัสดุหลายอย่าง ส่งช่างดีกว่าครับ

คาปาซิเตอร์ในมอเตอร์ ใช้สร้างสนามแม่เหล็กที่ต่างเฟส เพื่อให้มอเตอร์หมุน ไม่ค่อยเสียหรอกครับ

โดยมากจะฝืด หรือบูชสึกมากกว่า

สำหรับพัดลม ถ้าไม่ใช่พัดลมอุตสาหกรรม ซื้อใหม่ดีกว่าครับ

วัดยังไงหรือครับ ช่วยบอกวิธีวัดหน่อย ที่บ้านไฟตกประจำ
เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านเสียบ่อยครับ ถ้าแรงดันไฟฟ้าไม่
เสถียรมีวิธีแก้ไขเบื่องตนหรือเปล่าครับ

     เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านที่เสียประจำเนื่องจากไฟตก ก็อาจจะมีพวกที่มีมอเตอร์อยู่ เนื่องจากไฟตก จะไม่ค่อยหมุน  ขดลวดมักจะไหม้ การป้องกัน จะใช้อุปกรณ์พวก UPS  แต่ก็อาจจะไม่เหมาะกับบ้านพักอาศัย ใช้เครื่องตัดไฟเมื่อไฟตกหรือไฟเกิน จะดีกว่า

     ส่วนอุปกรณ์พวกโทรทัศน์ธรรมดา จะใช้ไฟฟ้าย่านกว้างมาก เพราะบางรุ่นทำส่งออกด้วย ใช้ได้ทั้งไฟ 110 หรือ 220 โวลท์ โดยที่ไม่ต้องปรับเลือก ลองดูที่ป้ายหลังเครื่องซิครับ จะบอกระดับแรงดันที่ใช้

     อุปกรณ์พวกคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ ก็ใช้อุปกรณ์พวก Voltage Stabilizer ราคาไม่แพง ตามร้านที่ขายอุปกรณ์เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์จะมีขาย

:D

ผมใช้วิธียื่นขอเฟสไฟเพิ่มครับ  เพราะสังเกตุว่าไฟตกบ่อยมาก
ทั้งที่ใช้แอร์ 1 - 2 ตัว + พัดลม +ไฟส่องสว่าง  8 จุด + คอมพิวเตอร์ 1 เครื่อง
คิดว่าไม่มากมายอะไร  แต่อาจเป็นเพราะไฟจ่ายมาไม่สมำเสมอ  กลางวันคนใช้เยอะ
จำไม่ได้ว่าเท่าไหร่ ประมาณ 3000 - 4000 บาท  หายเป็นปลิดทิ้งทั้งบ้าน  :D

ซ่อมเบื้องต้นก็พอครับ น้ำมันหยอดตามจุดหมุนต่างๆ สาวนพวกวงจรไห้ช่างซ่อมดีกว่าครับเพราะเรามองไม่เห็น อิเล็กตลอนที่วิงมา ขนาดคาปาซิเตอร์เมื่อไม่ได้คายประจุออก ก็แสบใช่เล่นนะครับ อุ่ยๆๆ

พัดลมตั้งโต๊ะ ราคาห้าร้อยกว่าบาทครับ... ค่าซ่อมก็ไล่เรี่ยกัน ซื้อใหม่ดีกว่าเสี่ยงไฟดูด อันตรายถึงชีวิตครับ...

คาปาซิเตอร์ หรือคอนเดนเซอร์ เป็นตัวเก็บประจุ... หลักการทำงาน จะชาร์จเข้าจนเต็มแล้วดิสชาร์จออกจนหมด จากนั้นชาร์จเข้าใหม่ ทำให้กระแสไฟกระเพื่อมน้อยลงครับ...

คาดว่า จขกท. คงทราบหลักการนี้ เลยคิดว่าจะเอาแก้ปัญาไฟกระเพื่อม... การแก้ปัญหาไปกระเพื่อมด้วยการใช้ค่า C แยะๆ ต้องใช้กับไฟกระแสตรง(DC.)เท่านั้น... แล้ว C จะตัวโตๆ เบ้อเร่อ หากโวลต์สูงๆ ยิ่งตัวโตใหญ่เลยครับ...

สำหรับที่พัดลมเป็นตัวเล็กๆ เอาไว้ทำหน้าที่อื่นครับ...

การใช้คาปาค่าเยอะๆ ระวังต้องให้สัมพันธ์กับโหลดด้วยครับ มิฉะนั้นแรงดันไฟฟ้าในระบบจะสูงเกิน เครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆจะพังไปด้วย ::004::

เรื่องไฟฟ้า ขอแนะนำว่าถ้าไม่รู้จริงไม่ควรซ่อมเองครับ ถ้าพลาด เบาะๆก็โดนไฟดูด ไฟช็อต อุปกรณ์พัง หนักๆก็เสียชีวิต ::004:: บ้านไฟไหม้ ::004:: ไม่คุ้มครับ  ::014::

เครื่องใช้ไฟฟ้าเดี๋ยวนี้ราคาถูกลงเยอะ ถ้าคิดว่าซ่อมไม่คุ้มก็ซื้อใหม่ดีกว่าครับบางอย่าง ประหยัดกว่าในระยะยาวครับ เช่นเครื่องซักผ้าจากแบบ2ถังเป็นถังเดียว ของเก่าเอาบริจากวัดสวนแก้ว มีรถมารับถึงที่  ::014::