หัวข้อ: "นายกเฮงซวยกับประชาชน" วลีเด็ดของ สุทิน วรรณบวร นักข่าวสายโจร เริ่มหัวข้อโดย: ทัดมาลา ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป ที่ กันยายน 03, 2008, 04:48:42 AM ระหว่างการแถลงข่าวตอบข้อซักถามของ ผบ.ทบ. เมื่อวานนี้
มีคำถามเด็ดๆโดนใจ ตอบยากหลายข้อ ไม่ว่าจะเรื่องเป็นหนังหน้าไฟ ถูกหลอกใช้ ฯลฯ แต่คงไม่มีคำถามใดตรงใจไปกว่า คำถามของสุทิน วรรณบวร นักข่าวอาวุโสของ AP "ถ้าจะต้องแลกระหว่างการเอาทหารมาปะทะกับประชาชน กับนายกฯ เฮงซวย เฮงซวย แค่คนเดียว ท่านจะเลือกอย่างไหนครับ" ท่านผบ.ทบ. ตอบได้อย่างกินใจว่า "ทหารยืนยันจะอยู่เคียงข้างประชาชนครับ" .. . . มาดูกันดีกว่าว่า สุทิน วรรณบวรคือใคร . . . . . . . http://hilight.kapook.com/view/19681 (http://hilight.kapook.com/view/19681) สุทิน วรรณบวร นักข่าว กับคำถามที่ไม่ควรถาม!? (http://hilight.kapook.com/admin_hilight/spaw2/imghilight4/news/P6251658-6_450.jpg) เรียบเรียงโดยกระปุกดอทคอม ภาพประกอบจาก Oknation เมื่อวันที่ 19 มกราคมที่ผ่านมา ที่โรงแรมสุโขทัย มีการแถลงข่าวการจัดตั้งรัฐบาล ภายใต้สโลแกน "รวมพลังเพื่ออนาคตที่สดใส" ของ 6 พรรคการเมือง ประกอบด้วย พรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทย พรรคเพื่อแผ่นดิน พรรคมัชฌิมาธิปไตย พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา และพรรคประชาราช อย่างไรก็ตามหลังจากตัวแทน 6 พรรค แถลงเหตุผลเสร็จ นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน ได้เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนสอบถาม และจากเหตุการณ์นี้ก็เป็นเรื่องขึ้นมาจนได้ เมื่อ สุทิน วรรณบวร นักข่าวอาวุโสจาก AP ตั้งคำถามที่ถามสมัครเห็นว่าไม่ควรถาม ผู้สื่อข่าว : ทุกพรรคยืนยันได้หรือไม่ว่าจะเลือกคุณสมัครเป็นนายกรัฐมนตรี สมัคร: คำถามแบบนี้คุยกันไม่สนุก (มีเสียงหัวเราะ) ผมเคยได้รับคำถามแบบนี้ก็ไปย้อนเขา จนได้รับคำเตือนจาก นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรค ว่าคนที่จะเป็นหัวหน้ารัฐบาล ต้องรักษาถ้อยคำและท่าที เพราะฉะนั้นคำถามนี้ฟังแล้วไม่น่าถาม ผู้สื่อข่าว : (นายสุทิน วรรณบวร ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวเอพี) การจัดตั้งรัฐบาลถ้าไม่ให้ถามเรื่องบุคคลที่จะมาเป็นนายกฯ แล้วจะให้ถามเรื่องอะไร เพราะเมื่อจะจัดตั้งรัฐบาลก็ควรจะเปิดเผยว่า ใครจะมาเป็นนายกฯ รัฐบาลจะเอาหางมาก่อนไม่มีหัวหรือ หรือทุกคนอายที่จะให้คุณสมัครมาเป็นนายกฯ ใช่หรือไม่ ถึงไม่กล้าตาม สมัคร: (พยายามพูดแทรก) นี่! คุณรู้หรือเปล่าว่าตามรัฐธรรมนูญเรื่องนี้ต้องไปเลือกในสภา พอหรือยัง ผู้สื่อข่าว : จะมีความชัดเจนในการเลือกนายกฯ เมื่อไหร่ สมัคร: เขาให้เวลา 1 เดือน แต่ตอนนี้ยังไม่รู้กำหนดการ ดังนั้น ยังไม่ทราบ ถามแบบนี้เขาเรียก ถามข้ามช็อต ผู้สื่อข่าว : พรรคร่วมรัฐบาลจะทำอย่างไรเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการทำงานร่วมกับพรรคพลังประชาชนและจะเลือกใครเป็นนายกฯ สมัคร: คุณตะบันเล่นถามกันแบบนี้ ผมบอกแล้วว่าคำถามนี้ต้องไปเลือกในสภา ผู้สื่อข่าว : (นายสุทิน) แต่ชาวบ้านต้องการรู้ว่าจัดตั้งรัฐบาลแล้วใครจะเป็นนายกฯ สมัคร: (น้ำเสียงหงุดหงิด) ไม่รู้วันนี้แล้วเดือดร้อนใช่มั้ย ผู้สื่อข่าว : (นายสุทิน พยายามถามซ้ำ แต่ถูกทีมงานนายสมัครห้ามไว้) สมัคร: (หัวเราะ) ครับๆ คำถามอื่น ผู้สื่อข่าว : คิดว่าเหตุผลอะไรที่ทำให้ท่านจะไม่ได้เป็นหัวหน้ารัฐบาล สมัคร: (มีอารมณ์หงุดหงิด) คุณถามยั่วยวนกวนประสาทนี่ ถามทำไมคำถามนี้ ถามทำไม เขามาพร้อมใจกัน 6 พรรค บอกว่าจะตั้งรัฐบาล และเขาบอกว่าสนับสนุนให้พรรคเสียงมากเป็นหัวหน้ารัฐบาลแล้วมานั่งถามอะไรที่ไม่เป็นสาระแบบนี้ ถามยั่วยวนให้ผมตอบรุนแรงหรือไง ผู้สื่อข่าว : มีความกังวลกับอุปสรรค หรืออุบัติเหตุทางการเมืองที่จะเกิดขึ้นหรือไม่ สมัคร: ถามแบบนี้แล้วรู้หรือไม่ว่า พรุ่งนี้ ฝนตกหรือแดดออก ผู้สื่อข่าว : แล้วแต่สภาพอากาศ สมัคร: (ย้อนตอบทันที) คำถามนี้ผมไม่ใช่ หมอดู ไม่ใช่กรมอุตุนิยมวิทยา ที่จะมาตอบในสิ่งที่ถามล่วงหน้า ถ้าอยากรู้ก็ให้ไปถามนายลักษณ์ เรขานิเทศ หมอดูฟันธงเอา ผมตอบแบบนี้ไม่ได้ ยั่วยวนนะ แต่ถามในสิ่งที่มีเหตุผลหน่อย ผู้สื่อข่าว : จากประสบการณ์ทำงานที่ผ่านมา กังวลว่ารัฐบาลผสมจะเกิดปัญหาหรือไม่ สมัคร: รัฐบาลมีเสียง 315 เสียง ก็ควรจะอยู่ทำงานด้วยกันนานๆ ให้เวลา 4 ปี ช่วยกันแก้ไขปัญหาบ้านเมือง และที่นินทาว่ารัฐธรรมนูญไม่ดี จะแก้กันมั้ย ผู้สื่อข่าว : พรรคร่วมทั้ง 5 พรรค จะยึดหลักการใดที่จะให้นายสมัครมาเป็นนายกฯ และจะยอมรับในคุณสมบัติของนายสมัครหรือไม่ และต้องการคุณสมบัตินายกฯ แบบไหน สมัคร: (ชิงตอบแทนทั้ง 5 คน) คำถามยาว ไม่อยากตอบ ก็บอกย้ำแล้ว ยังถามต้องการอะไรอีก (ช่วงนั้นกองเชียร์พรรคพลังประชาชนได้ลุกขึ้นพูดว่า ขอสนับสนุน 6 พรรค ในการตั้งรัฐบาล เพื่อให้บ้านเมืองพ้นวิกฤต ทำให้นายสมัครยิ้มและหัวเราะ พร้อมกล่าวว่า ต้องอย่างนี้สิ คนคนนี้ ไม่ใช่คนของผมนะ) ผู้สื่อข่าว : คุณสมัครจะทำตามเงื่อนไข 5 ข้อ ของพรรคชาติไทยและพรรคเพื่อแผ่นดินได้หรือไม่ คำถามดังกล่าวนายสมัครไม่ได้ตอบ แต่กองเชียร์พรรคพลังประชาชนตะโกนว่า ไม่ตอบแล้วคำถามแบบนี้ ทำให้นายสมัครรีบชิงปิดแถลงข่าวทันที ขณะที่กองเชียร์ได้ตะโกนด่าสื่อมวลชนด้วยถ้อยคำหยาบคาย อย่างไรก็ตาม หลังจากจบการณ์แถลงข่าวดังกล่าวแล้ว หลายคนต่างวิพากษ์วิจารณ์นักข่าวที่(ช่าง)กล้าถามนายสมัคร ว่าเป็นคำถามที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง เพราะถึงอย่างไรก็ไม่มีใครให้คำตอบได้ เพราะต้องเสนอชื่อ และมีการโหวต ขณะที่บางคนก็เห็นด้วยกับนายสุทิน เนื่องจากก่อนการแถลงข่าวดังกล่าว นายสมัครและพรรคพลังประชาชนต้องรู้อยู่แล้วว่าจะเสนอชื่อใครเป็นนายกรัฐมนตรี และคำถามดังกล่าวก็สมควรถามในฐานะสื่อมวลชน เพื่อหาคำตอบมาให้กับประชาชน เมื่อเกิดกระแสการวิพากษ์วิจารณ์ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับคำถามของสุทิน ก็ทำให้ชื่อของเขากลายเป็นนักข่าวที่คนอยากทำความรู้จักมากที่สุดในเวลานี้ สุทิน วรรณบวร นักข่าวอาวุโสของสำนักข่าว AP ตลอดระยะเวลากว่า 25 ปี การทำหน้าที่เป็นนักข่าวสายโจรแห่งสำนักข่าวเอพี เขาต้องประสบกับเหตุการณ์ระทึกขวัญเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย หาข่าวท่ามกลางลูกกระสุนมาอย่างโชกโชนนับครั้งไม่ถ้วนตลอด เขาเป็นหนึ่งในนักข่าวเพียงไม่กี่คนที่มีโอกาสเข้าไปสัมภาษณ์ผู้นำกองโจรรอบชายแดนไทย ทั้ง ขุนส่า จีนเป็ง หรือโบเมี๊ยะ แม้ภายหลังย้ายทำข่าวสายการเมือง คุณสุทินก็ยังคงยืนหยัดในเจตนาอันบริสุทธ์ของความเป็นนักข่าว บวกกับปฏิภาณไหวพริบอันเยี่ยมยอด ส่งผลให้เขารอดพ้นเหตุการณ์วิกฤตและได้ข่าวที่โดดเด่นเหนือชั้นอยู่เสมอ คุณสุทิน เล่าถึงประสบการณ์ในการทำงานข่าวสายโจรว่า คำว่านักข่าวสายโจรมีที่มาจากช่วงที่ผมเริ่มทำงานเมื่อประมาณ 10 กว่าปีที่แล้ว เป็นช่วงที่สงครามอินโดจีนยังรุนแรงอยู่ รอบชายแดนไทยมีพวกกองโจรอยู่ทั่วไป ผมต้องประจำทำข่าวอยู่ที่นั้น พอสงครามสงบต้องย้ายกลับลงมาทำงานในเมือง ก็เจอคำถามว่าผมทำงานสายไหน ผมไม่มีสายที่ชัดเจนเหมือน สายการเมือง สายเศรษฐกิจ ผมเลยสรุปบอกเขาไปว่า ผมเป็นนักข่าวสายโจร ตอนที่ผมทำงานในช่วงสงครามอินโดจีนนั้น มีโอกาสได้เข้าไปสัมภาษณ์ผู้นำกองโจรหลายคน ไม่ว่าจะเป็น ขุนส่า จีนเป็ง หรือโบเมี๊ยะ ทั้งในส่วนที่เขามาเชิญให้ผมไปสัมภาษณ์ เพราะเขาต้องการสื่อสารกับคนของเขา และในส่วนที่ผมบุกเข้าไปสัมภาษณ์เขาด้วยตัวเอง แต่กว่าเขาจะมั่นใจว่าเราเป็นนักข่าวจริงๆ ก็โดนกักตัวเพื่อตรวจสอบอยู่นาน มีหลายครั้งที่ต้องเข้าไปทำข่าวในช่วงที่เขากำลังรบกันอยู่พอดี การรบแบบกองโจร มีเสียงที่ดังน่ากลัวมาก ต่างฝ่ายต่างยิงใส่กันแบบมองไม่เห็นหน้า มีกระสุนบินว่อนเป็นร้อยๆ นัด แต่สุดท้ายก็แทบจะไม่มีใครตาย ผมเองก็ยังไม่ตาย ยังมีชีวิตรอดอยู่ในบังเกอร์ พร้อมกับพวกโจรคนอื่นๆ อาศัยความตั้งใจในการทำงานจึงไม่เคยกลัวอะไร ต่อมาสุทินก็ย้ายมาทำงานเป็นนักข่าวสายการเมือง ซึ่งหลังจากที่มาเป็นนักข่าวสายการเมือง ก็ยังมีเหตุการณ์มากมายเกิดขึ้นเพราะผมก็ยังคงเป็นนักข่าวใจกล้า พูดจาแดกดันตรงไปตรงมา หลายครั้งหวิดโดนซ้อม หวิดโดนอุ้ม จากการปะทะคารมกับนักการเมือง แต่เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ถูกต้องและดีที่สุด เราจึงต้องมีวิธีการบางอย่างที่เป็นเคล็ดลับเฉพาะตัว (เทปบันทึกรายการเจาะใจ ที่ออกอากาศเมื่อวัน พฤหัสบดีที่ 3 เมษายน 2550 ทาง ททบ.5) นอกจากสุทิน จะทำหน้าที่เป็นสื่อมวลชนคอยหาข้อมูลข่าวสารมาให้ประชาชนแล้ว เขายังมีผลงานแปลอื่น ๆ อีกมากมาย ถึง 26 เล่ม ส่วนใหญ่เป็นวรรณกรรมการเมือง อย่างไรก็ตามชื่อนักข่าวนาม สุทิน ทำให้นักการเมืองหลายๆ คนต่างกลัวและไม่อยากตอบคำถามมาแล้วหลายท่าน . (http://hilight.kapook.com/admin_hilight/spaw2/imghilight4/news/sutin.jpg) และครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาตั้งคำถามกับสมัคร ย้อนเวลากลับไปกว่าสิบปี หลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 35 เพียง 3 วัน เขาเคยตั้งคำถามและปะทะคารมกับสมัครในกลางทำเนียบรัฐบาลมาแล้ว โดยสุทิน เล่าว่า ผมถามคุณสมัครว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ตกลงพรรคประชากรไทยจะอยู่ร่วมรัฐบาลหรือจะลาออกจากรัฐบาล คุณสมัครตอบว่า ก็เห็นบุชสั่งฆ่าคนตายเป็นเบือในสหรัฐฯยังไม่เห็นใครถามเหมือนที่คุณถามเลย ผมก็บอกว่าคุณสมัครผมไม่ได้ถามว่าบุชฆ่าใครหรือยังไง และคุณเอาตัวเองไปเปรียบกับบุชมันคนละเรื่องคนละประเด็น แต่ผมถามว่าตกลงคุณจะถอนตัวหรือไม่ นายสมัคร ไม่ตอบแต่หันไปให้นักข่าวฝรั่งถาม ปรากฎว่านักข่าวฝรั่งบอกว่าเขาจะถามเหมือนที่ผมถาม ผมจึงถามต่อคำถามเดิมแต่เป็นภาษาอังกฤษ แกก็หันมาตวาดใส่ผมว่า ให้ผมหุบปากเสียบ้างสิ ผมก็บอกว่า มึงก็ควรจะหุบปากด้วย นายสมัครก็ตอกกลับผมว่า งั้นคุณมาถามผมหาหอกอะไร ผมก็บอกว่า แล้วคุณส.ใส่เกือกมาแถลงข่าวทำไมล่ะ เมื่อมีประเด็นปะทะคารมระหว่างสมัครกับสุทินมาก่อนหน้านี้ ทำให้หลายคนที่ไม่เห็นด้วยกับการตั้งคำถามครั้งนี้และมองว่า สุทินมีอคติ อาฆาต นายสมัคร ขณะที่อีกฝ่ายก็มองว่าเป็นการตั้งคำถามธรรมดาทั่วๆ ไป ที่นักข่าวควรจะถาม ถ้านายสมัครไม่เต็มใจที่จะตอบคำถามดังกล่าว ทำไมต้องมาเปิดเวทีแถลงข่าวและให้สื่อมวลชนถาม ก่อนที่จะเปิดแถลงข่าวก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่านักข่าวต้องถามถึงประเด็นการวางตัวคนที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีแน่นอน แต่ทำไมนายสมัคร ในฐานะที่คาดว่าจะเป็นผู้นำประเทศเรื่องแค่นี้ก็เก็บมาเป็นอารมณ์ ทำให้หลายคนมองว่า นายสมัคร ไม่มีวุฒิภาวะในการเป็นผู้นำ และพูดจากวนนักข่าวเอง นอกจากจะมีวีรกรรมกับนายสมัครแล้ว นักข่าวอย่างสุทิน ในฐานะที่เป็นนักข่าวอาวุโสและทำด้านสายการเมือง ยังมีวีรกรรมอีกมากมาย โดยเฉพาะกับนักการเมือง สุทิน ดับอหังการของนักการเมืองมาแล้วนักต่อนัก ด้วยความที่ไม่ยอมให้นักการเมืองบิดพริ้วชิวหา กลับกลอกหลอกชาวบ้านไปวัน ๆ เขาจึงตะลุยถามตรง ๆ เพื่อให้ได้คำตอบที่ตรงประเด็น ตรงคำถาม ห้ามเฉไฉ สไตล์ของสุทิน ถ้าไม่ได้ข่าวก็จะ เจาะยาง ทันที ไม่มี เกรงใจ ลีลาแบบนี้ทำให้ตลอดชีวิตการทำข่าวของเขาเพาะศัตรูไว้มากมายเหลือเกิน ครั้งหนึ่งนายบรรหาร ศิลปอาชา พูดในสภาว่ามีการตระบัดสัตย์กัน พอแกเดินออกมานอกห้องประชุม นักข่าวก็กรูเข้าไปถามว่ามันเรื่องอะไร แกก็วิ่งหนี พอดีผมอยู่ตรงนั้น ผมก็ล็อกแกไว้ แล้วแกตัวเตี้ยกว่าผม ผมเลยบีบไปที่ไหล่ แล้วถามว่าตระบัดสัตย์อะไร ใครเป็นคน ใครเป็นสัตว์ ตอบหน่อย หลังจากนั้นนักการเมืองหนีผมหมด มีนักการเมืองคนหนึ่งเป็นดารา พอเจอหน้าผมวิ่งมุดโต๊ะแถลงข่าวที่สภาหนีไปเลย สุทินกล่าว นอกจากนี้ สุทิน บอกว่า ผมโทรศัพท์ไปหาคุณเฉลิม อยู่บำรุง เพื่อเช็คเรื่องที่เขาเคยปราศรัยที่สนามหลวงว่าคุณทักษิณ จะกลับมาวันที่ 14 ก.พ. ตอนแรกแกไม่รับสายให้เลขารับแทน ผมก็บอกว่าจะถามเรื่องนี้ เลขาก็ปัดไม่ยอมให้คุย ผมก็บอกว่าคุณเฉลิมเป็นคนพูดเรื่องนี้เองปฎิเสธได้อย่างไร เท่านั้นแหล่ะ เลขาไปรายงานคุณเฉลิม แกโทรกลับมาหาผมทันที แล้วบอกว่าที่พูดวันนั้นเป็นการพูดแบบการเมืองเท่านั้น ไม่ได้จริงจังอะไร ผมก็โมโห บอกว่า อ๋อเนนักการเมืองนี่คิดจะถ่มถุยอะไรออกมาก็ได้ งั้นเหรอ ผมไม่ยอมให้นักการเมืองใช้สื่อถ่มถุยอะไรก็ได้โดยไม่รับผิดชอบ แล้วสื่อก็ไม่ยอมให้เป็นแบบนั้น ผมเคยตั้งคำถามจนคุณวัฒนา อัศวเหม บอกว่าตกลงผมจะมาหาข่าวหรือมาเรื่อง ผมก็บอกว่าอยากจะได้ทั้ง 2 อย่างแต่เอาอย่างแรกก่อนก็ได้ คุณวัฒนา ก็บอกว่ามีเรื่องกับเขาไม่ดีหรอก ผมก็บอกว่าแล้วมีเรื่องกับใครถึงจะดีหล่ะ อยากมีอยู่เหมือนกัน อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ สุทินก็เคยตั้งคำถามเสนาะ เทียนทอง หลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ และงานนี้ก็ทำเอานายเสนาะไม่ตอบคำถามมาแล้วเช่นกัน สุทิน : อดีตรัฐมนตรีที่ถูกยึดทรัพย์มาก่อนจะเสียสละไม่รับตำแหน่งครั้งนี้หรือไม่ เสนาะ : กับนักข่าวเรารักกันมานานแล้ว คุณมาจากไหนที่มาถามแบบนี้ เพราะว่าเมื่อก่อนเราเคยต่อสู้กับเผด็จการมาด้วยกันเมื่อไล่เผด็จการออกไปแล้วทำไมยังมาหาเรื่องกันแบบนี้ สุทิน : ช่วยตอบให้ชัดเจนหน่อยว่าที่ไล่เผด็จการออกไปนั้นเป็นคุณหรือประชาชนกันแน่ . เงียบ ไม่มีเสียงตอบจากท่านนักการเมือง และทั้งหมดนี้คือตัวตัวแห่งความเป็นนักข่าวของผู้ชายที่มีนามว่า สุทิน วรรณบวร หัวข้อ: Re: "นายกเฮงซวยกับประชาชน" วลีเด็ดของ สุทิน วรรณบวร นักข่าวสายโจร เริ่มหัวข้อโดย: ทัดมาลา ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป ที่ กันยายน 03, 2008, 04:54:53 AM http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9510000087788
สุทิน วรรณบวร คู่ปรับ นายกฯหอกหัก โดย ผู้จัดการรายวัน 28 กรกฎาคม 2551 10:17 น. (http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=1017483) เขาคือนักข่าวรุ่นเก๋าคู่ปรับตลอดกาลของสมัคร สุนทรเวช ตั้งแต่ครั้งเหตุการณ์ 14 ตุลาฯ 2516 จนกระทั่งลมเพลมพัดส่งนายสมัครขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีก็ยังมีการเผชิญหน้าอย่างท้าทาย ตามแบบลูกผู้ชายที่ชื่อ สุทิน วรรณบวร ยิ่งกว่านั้นการปะทะคารมของคนทั้งคู่ยังนำไปสู่ที่มาของฉายา นายกฯ หอกหัก การตั้งคำถามแบบถึงลูกถึงคนซึ่งทำให้นักการเมืองใหญ่และนายทหารหลายคนไม่พอใจดูจะเป็นเรื่องเล็กน้อยเมื่อเทียบกับวีรกรรมเสี่ยงตายเมื่อครั้งเข้าไปทำข่าวกลุ่มกองกำลังต่างๆในช่วงสงครามอินโดจีน หลายครั้งที่แหล่งข่าวถือกระบอกปืนยืนข่มขู่ให้เขางดเสนอข่าว แต่เขาก็ยืนกราน ปฏิเสธ พร้อมทั้งยืนยันว่านี่คือการทำหน้าที่ของ สื่อมวลชน ที่ต้องนำเสนอความจริง มิใช่ซุกกายแอบอิงอยู่ใต้ร่มเงาผู้มีอำนาจ ในยุคที่สื่อมวลชนไทยส่วนใหญ่ตีค่าตนเองให้เป็นเพียงกระบอกเสียงของผู้มีอำนาจ ไม่ว่าจะเป็นอำนาจทางการเมืองหรืออำนาจทางการเงิน แต่นักข่าวผู้นี้กลับยืนหยัดอหังการกับการทำหน้าที่สื่อที่ถือว่าการเปิดโปงความจริงคือสิ่งที่ต้องยึดถือสำหรับสื่อมวลชน ตลอดระยะเวลา 30 ปีในการทำงานเขาผ่านมาทั้งดงระเบิด ควันโขมงจากปลายกระบอกปืน การข่มขู่คุกคามของผู้มีอำนาจ รวมถึงบรรยากาศตึงเครียดขณะปะทะคารมกับนักการเมืองระดับประเทศ แต่เขาก็หาได้ยี่หระ ณ วันนี้ สุทิน วรรณบวร แห่งสำนักข่าวเอพี ยังคงมุ่งมั่นกับการทำหน้าที่คนข่าว ที่พร้อมจะเดินหน้าท้าชนเพื่อค้นหาความจริง และบอกกล่าวให้ผู้คนได้รับรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับบ้านนี้เมืองนี้ 30 ปีที่หยัดยืน สุทินเริ่มชีวิตการทำข่าวเมื่อ 30 ปีที่แล้วกับสำนักข่าวยูพีไอ (UPI- United Press International) ในช่วงที่สงครามอินโดจีนกำลังคุกรุ่น เขาจึงถูกส่งตัวไปคลุกคลีหาข่าวตามตะเข็บชายแดน และหลายครั้งที่ข้ามฝั่งไปยังประเทศเพื่อนบ้านเพื่อติดตามสถานการณ์การสู้รบ จึงนับเป็นช่วงเวลาที่เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายมากที่สุด หลายครั้งที่ถูกฝ่ายรัฐบาลและนายทหารคุกคามห้ามเสนอข่าว เขาและช่างภาพเคยถูกทหารเวียดนามกักตัวเพื่อต่อรองให้มอบฟิล์มที่บันทึกภาพกองกำลังเวียดนามที่ซ่องสุมอยู่ในกัมพูชา ชื่อของสุทินจึงเป็นที่รู้จักของกลุ่มกองกำลังต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มเขมร 3 ฝ่าย , โจรจีนมลายู , กลุ่มพูโล , กองกำลังแบ่งแยกดินแดนในพม่า ไปจนถึงขุนส่าราชายาเสพติด ผมทำข่าวกับสำนักข่าวต่างประเทศมาตลอด ที่แรกคือสำนักข่าวยูพีไอซึ่งถือว่าเป็นช่วงที่สนุกและตื่นเต้นที่สุดเพราะกำลังเกิดสงครามอินโดจีน การต่อสู้ตามแนวชายแดนกำลังคุกรุ่นทั่วทั้งเอเชีย ไม่ว่าจะเป็นพม่า ลาว เวียดนาม กัมพูชา มาเลเซีย รวมทั้งตามแนวชายแดนในประเทศไทยด้วย เราได้เข้าไปอยู่กับกองโจรเขมรแดง บางทีก็ลงไปอยู่กับกองโจรจีนมลายา เข้าไปอยู่กับเขา 7-8 วัน บางทีก็เป็นเดือน แล้วไม่ใช่ว่าเราแอบเข้าไปทำข่าวนะ แต่เขาเชิญเราเข้าไป คือสงครามยุคใหม่ในช่วงหลังจากสงครามเย็นมันไม่ใช่สงครามที่ต่อสู้กันด้วยอาวุธหรือสู้กันในสนามรบอย่างเดียว แต่มันต่อสู้กันด้วยสงครามข่าวสารด้วย การเผยแพร่ข่าวสารออกไปจะสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ที่ให้เงินสนับสนุนเขา สมมติว่ากองกำลังเขมรแดงเข้ายึดหมู่บ้านหนึ่งได้ก็ไม่มีใครรู้ แต่ถ้าเขาพาผู้สื่อข่าวเข้าไป ไปเห็นว่าเขายึดได้จริง มีการถล่มหมู่บ้าน มีผู้อพยพ ข่าวนั้นเมื่อเผยแพร่ผ่านสำนักข่าวต่างประเทศ ข่าวมันก็จะออกไปทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น จีน อาเซียน หรือประเทศในแถบตะวันตก มันเป็นอำนาจการต่อรองทางการเมืองเวลาเจรจาตกลงสันติภาพกัน อย่างขุนส่าซึ่งเป็นราชายาเสพติด ช่วงที่ถูกรัฐบาลสหรัฐอเมริกาออกหมายจับ ตั้งค่าหัวถึง 2 ล้านดอลล่าร์ ตลาดการค้าของขุนส่าก็ปั่นป่วนไปหมด เขาก็ให้นักข่าวเข้าไปทำข่าว ไปถ่ายโรงงานของเขา พอข่าวออกไปลูกค้าก็มั่นใจว่าขุนส่ายังมีชีวิตอยู่ ยังมีเพาเวอร์ (หัวเราะ) คือกลุ่มที่เป็นกองโจร พวกนักปฏิวัติ หรือผู้ก่อการร้ายระดับสากล ระดับโลก เขาจะรู้วิธีติดต่อสื่อ คนที่เป็นมือเป็นไม้ของผู้ก่อการร้ายเนี่ยเขาไม่ได้อยู่ในป่าอย่างที่เราเข้าใจกันหรอก ถ้ารู้แล้วจะแปลกใจว่าโรงแรมใหญ่ๆในไทยบางแห่งเป็นของผู้ก่อการร้าย สุทิน เล่าถึงเบื้องหลังในการเข้าไปทำข่าวกลุ่มกองกำลังตามแนวชายแดน วินาทีเสี่ยงตาย หลายห้วงเวลาที่สุทินและทีมงานต้องท้าทายกับความเป็นความตายที่อยู่ตรงหน้า เพราะแน่นอนว่ามิใช่ทุกข่าวที่แหล่งข่าวเต็มใจให้เผยแพร่ นักข่าวมาดเข้มหยิบยกบางส่วนของช่วงเวลาระทึกขวัญมาเล่าขานให้ฟังว่า มีอยู่ครั้งหนึ่งรัฐบาลทหารกัมพูชาเชิญผมและนักข่าวไทยอีก 2-3 คนไปทำข่าว เพราะเห็นว่าช่วงนั้นมีแต่ข่าวของฝ่ายเขมรแดงออกมา ระหว่างที่นั่งเรือจากตราดไปเกาะกง เรือเราก็ถูกทหารเขมรปล้น รัฐมนตรีกระทรวงข่าวสารที่นั่งมาด้วยเขาก็อาย เขาก็คุยกันเป็นภาษาเขมรว่าตอนนี้มีนักข่าวอยู่ในเรือ ถ้าจะเอาเงิน ค่อยไปเอาบนบก ให้ไปติดต่อที่บ้านผู้ว่าฯ (หัวเราะขำ) ทหารที่มาปล้นมันก็โมโห ยิงปืนลงน้ำชุดใหญ่ พอเห็นทหารยิงปืนพวกรัฐมนตรีก็รีบโยนกระเป๋าสตางค์ โยนของมีค่าลงในเรือ พอเรือของทหารพวกนี้ออกไปผู้ว่าฯเกาะกงซึ่งแกพูดภาษาไทยได้แกก็บอกว่า...คุณสุทิน นี่มันเป็นพวกทหารนอกแถวนะ อย่าถือเป็นสาระ อย่าเอาไปลงข่าวเลยนะ ผมก็บอกว่า..ผู้ว่าฯครับ ตั้งแต่เรามากัน 8 ชั่วโมงเนี่ย นี่เป็นข่าวชิ้นเดียวที่ผมรายงานได้ ผมก็รายงานไป ปรากฏว่าเขาโกรธผมใหญ่ แล้วก็ทิ้งผมกับช่างภาพไว้ที่แซมปึน พอเราถูกทิ้งด้วยสัญชาตญาณของนักข่าวเราก็หาข่าวทำไปเรื่อย ก็รอว่าวันไหนมีเรือประมงหรือเรือผู้อพยพผ่านมาเราก็จะขออาศัยเขาไปด้วย ก็ไปเจอทหารเขมรคนหนึ่ง พูดภาษาไทยได้ เขาจะรับจ้างพาไปที่ค่ายใหญ่แห่งหนึ่งซึ่งยืนยันว่ายังมีทหารเวียดนามอยู่ คือตอนนั้นรัฐบาลเขมรเขาประกาศว่าทหารเวียดนาม 250,000 คนที่เข้ามายึดกัมพูชาออกไปหมดแล้ว ไปถึงช่างภาพก็ถ่ายรูปรถถัง อาวุธยุทโธปกรณ์ เราก็ได้คุยกับทหารที่พอพูดภาษาอังกฤษได้ ก็ได้เค้าว่ากองทัพเวียดนามยังอยู่ เราคุยไปสักพักหนึ่งได้ ก็มีทหารซึ่งเราเข้าใจว่าน่าจะเป็นทหารเวียดนามาเชิญไปคุยที่สำนักงานในค่าย เขาก็บอกว่าผมจำเป็นต้องขอฟิล์มคุณนะ เราก็ไม่ให้ คุยไปสักพักบรรยากาศเริ่มเครียดแล้ว ก็เจรจาต่อรองกัน เขาก็บอกว่าถ้าไม่ให้ฟิล์มเขาก็จำเป็นต้องกักตัวเรา ไม่รู้ยังไงอยู่ๆช่างภาพก็ยอมให้ฟิล์ม แต่ผมไม่รู้ว่าช่างภาพเขาสลับฟิล์มเก็บไว้ก่อนแล้ว (หัวเราะ) ผมเองก็แอบอัดเทปตอนที่คุยกันเอาไว้ พอกลับมาถึงที่พักช่างภาพก็บอกว่า พี่...ยังไงวันนี้ก็ต้องออกไปจากที่นี่ให้ได้ เพราะผมแอบเปลี่ยนฟิล์ม เดี๋ยวทหารมันไปเปิดดูล่ะตายเลย(หัวเราะร่วน) คือเราก็รู้ว่ามันอันตรายนะ แต่อะไรที่เป็นข่าวก็ต้องนำเสนอ ซึ่งสิ่งนี้ต้องมีอยู่ในสื่อทุกคน สุทินพูดถึงปรัชญาในการทำงานที่เขายังคงยึดมั่นมาถึงทุกวันนี้ ที่มาของฉายานายกฯ หอกหัก สุทินทำข่าวอยู่ที่สำนักข่าวยูพีไอได้ 12 ปีก็ย้ายไปสังกัดสำนักข่าวรอยเตอร์(Reuters) และล่าสุดเขามีสถานะเป็นผู้สื่อข่าวประจำสำนักข่าวเอพี(AP- The Associated Press) โดยข่าวที่เขานำเสนอนั้นเป็นข่าวระดับมหภาค ทั้งข่าวสงคราม เศรษฐกิจ การเมือง และสังคม สุทินในวัย 59 ปี ยังคงเส้นคงวากับสไตล์การทำข่าวแบบถึงลูกถึงคนชนิดยอมหักไม่ยอมงอ เขากล้าที่จะต่อกรกับแหล่งข่าวระดับบิ๊ก ไม่ว่าจะเป็นนายทหาร นักการเมือง หรือผู้มีอิทธิพลในสังคม และหนึ่งในนักการเมืองที่เข่นเคี่ยวและปะทะคมรมกันมาหลายครั้งหลายครา จนกระทั่งเรียกว่าเป็นคู่ปรับกันก็ว่าได้ก็คือ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีคนที่ 25 ของไทยนั่นเอง ว่ากันว่าการปะทะคารมระหว่างนักข่าวหัวแข็งกับนักการเมืองฝีปากกล้ากลายเป็นที่มาของฉายา นายกฯ หอกหัก ที่นายสมัครถูกเรียกขานมาถึงทุกวันนี้ จริงๆแล้วผมเคยปะทะคารมกับคุณสมัครมาตั้งแต่ผมยังไม่ได้เป็นนักข่าว แต่เขาจำผมไม่ได้ ผมเจอคุณสมัครครั้งแรกที่สนามเสือป่า ตอนนั้นประมาณปี 2519 คุณสมัครไปพูดว่าคนตรังไปรู้เลือก ส.ส.มายังไง ส.ส.เป็นคอมมิวนิสต์ ซึ่ง ส.ส.ที่คุณสมัครพูดถึงตอนนั้นก็คือคุณชวน หลีกภัย ทีนี้เขาก็ไปปลุกระดมว่าทั้งประเทศเขามีลูกเสือชาวบ้านกันแล้วแต่จังหวัดตรังไม่มี ผมเองเป็นคนจังหวัดตรัง ก็เลยเกิดการปะทะระหว่างผมกับคุณสมัคร ผมก็ยืนยันว่าจังหวัดตรังมีลูกเสือชาวบ้าน ส่วนเขาจะเลือก ส.ส.มายังไงนั้นถือเป็นวิจารณญาณของเขาที่เขาเห็นว่าเป็นคนดี ไม่ใช่คนเลวทรามบัดซบอย่างนี้ จากนั้นก็มีการเผชิญหน้าและถกเถียงกันมาตลอด ครั้งที่ 2 คือหลังเหตุนองเลือดช่วงพฤษภาทมิฬ ปี 2535 นักข่าวก็ไปดักสัมภาษณ์คุณสุจินดา คราประยูร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ว่าจะรับผิดชอบอย่างไร คุณสุจินดามาถึงทำเนียบฯแกเห็นนักข่าวเยอะ แกก็เผ่นแน่บไปเลย นักข่าวก็วิ่งไปดัก คุณสมัครซึ่งเป็นรองนายกฯก็วิ่งมาขวางแล้วบอกว่าจะแถลงข่าวเอง ผมก็ถามว่าคุณสมัครเมื่อเกิดเหตุนองเลือดขึ้นแล้วเนี่ย พรรคประชากรไทยของคุณจะถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลไหม แกก็บอกว่า เออ..ทีจอร์จบุชมันฆ่าคนในเหตุจลาจลในอเมริกาไม่เห็นมีใครว่าอะไรเลย ผมก็บอกว่ามันคนละเรื่องกัน ผมถามว่าคุณจะถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลไหม แกก็เห็นนักข่าวฝรั่งเยอะแกก็บอกให้ฝรั่งถามบ้าง ปีเตอร์ซึ่งเป็นนักข่าวฝรั่งเขาก็บอกว่าผมก็จะถามเหมือนที่คุณสุทินถามน่ะแหล่ะ ผมก็ถามย้ำว่าจะถอนตัวหรือเปล่า แกหันขวับมาบอกว่าคุณหุบปากได้แล้ว ผมก็เลยสวนไปว่ามึงก็หุบปากสิวะ แกก็บอกว่าถ้างั้นคุณมาถามผมทำหอกอะไร ผมก็บอกว่าแล้วคุณมาเป็นรองนายกทำส้น....อะไร เท่านั้นแหล่ะวงแตกเลย ตอนนี้พอแกมาเป็นนายกฯก็เลยมีคนตั้งฉายาแกว่า นายกฯหอกหัก (หัวเราะขำ) ล่าสุดก็เถียงกันอีกตอนแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลชุดปัจจุบัน ผมก็ถามคุณสมัครว่าทุกพรรคยืนยันหรือเปล่าว่าจะเลือกคุณสมัครเป็นนายกฯ แกก็บอกว่าเป็นคำถามที่ไม่น่าถาม ผมก็บอกว่าการจัดตั้งรัฐบาลถ้าไม่ให้ถามเรื่องบุคคลที่จะมาเป็นนายกฯแล้วจะให้ถามเรื่องอะไร หรือทุกคนอายที่จะให้คุณสมัครเป็นนายกฯถึงไม่ให้ถาม นักข่าวคนอื่นเขาก็ถามทำนองเดียวกันว่าพรรคร่วมรัฐบาลยอมรับในคุณสมบัติของคุณสมัครหรือเปล่า แกก็โมโหใหญ่ สุดท้ายก็ยกเลิกการแถลงข่าว (หัวเราะ) สุทินเล่าถึงการปะทะคารมระหว่างเขาและนายสมัคร สาวไส้สื่อ สุทินยังแสดงความวิตกต่อการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนไทยในปัจจุบันว่า สิ่งที่น่าห่วงคือสื่อส่วนใหญ่มักนำเสนอข่าวเข้าข้างผู้มีอำนาจ ไม่ว่าจะเป็นอำนาจทางการเมือง อำนาจการทหาร หรืออำนาจทุน ซึ่งสิ่งเหล่านี้กำลังนำมาสู่ วิกฤตสื่อ ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน อันเป็นปัจจัยสำคัญในการทำลายสังคมไทย นักข่าวส่วนใหญ่ไม่กล้าถามคำที่รู้ว่าถามแล้วนักการเมืองจะไม่พอใจ ทั้งๆที่มันเป็นสิ่งที่สังคมควรรู้ รวมถึงไม่กล้าเสนอข่าวที่เป็นลบต่อนักการเมืองหรือผู้มีอำนาจด้วย ที่น่าเศร้าคือนักข่าวที่ว่าเนี่ยล้วนแต่เป็นนักข่าวอาวุโส ซึ่งแนวคิดแบบนี้มันเป็นสิ่งที่สั่งสมมานานจนกลายเป็นวัฒนธรรม เท่าที่เห็นนักข่าวใหม่ๆหลายคนก็พยายามลุกขึ้นมาต่อสู้ แต่ว่าถูกกดดันจากนักข่าวระดับเจ๊ ระดับ 18 อรหันต์ ซึ่งมักแสดงความไม่พอใจนักข่าวรุ่นน้องที่ถามคำถามที่นักการเมืองขัดเคืองใจ อย่างตอนที่มีปัญหาเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ สุทิน คลังแสง พากลุ่ม นปก.เข้าไปแถลงข่าวในรัฐสภา และมีการถ่ายรูปนักข่าวในลักษณะข่มขู่คุกคาม นักข่าวก็ไม่พอใจ คุณเหวง โตจิราการ ก็บอกว่าเอาล่ะ เรื่องนี้ขอกันกินมากกว่า ก็มีนักข่าวรุ่นใหม่ๆเขาย้อนมาว่าใครไปขอคุณกิน แสดงให้เห็นว่านักข่าวเริ่มลุกขึ้นมาสู้ แต่การสู้ของเขาไม่สามารถทัดทานกับนักข่าวระดับบนที่มีอำนาจตัดสินใจในการนำเสนอข่าว แม้นักข่าวในพื้นที่จะรายงานว่าบนเวทีพันธมิตรฯ มีการแฉเรื่องการทุจริตของนักการเมืองในรัฐบาลนี้ แต่บรรณาธิการข่าวไม่เอาข่าวนี้มาออกอากาศ กลับเสนอแต่ข่าวเชิงบวกของรัฐบาล ตอนนี้มันจึงเกิดปรากฏการณ์สื่อทำร้ายสังคม ซึ่งตรงนี้นับว่าเป็นอันตรายอย่างยิ่ง สุทินกล่าวตบท้ายด้วยน้ำเสียงที่หดหู่ ********** จาก manager online... หัวข้อ: Re: "นายกเฮงซวยกับประชาชน" วลีเด็ดของ สุทิน วรรณบวร นักข่าวสายโจร เริ่มหัวข้อโดย: yod - รักในหลวง ครับ ที่ กันยายน 03, 2008, 06:57:27 AM ขอคารวะครับ ในอุดมการณ์......
อยากให้สื่อหลุดพ้น............ หัวข้อ: Re: "นายกเฮงซวยกับประชาชน" วลีเด็ดของ สุทิน วรรณบวร นักข่าวสายโจร เริ่มหัวข้อโดย: น้าพงษ์...รักในหลวง ที่ กันยายน 03, 2008, 07:31:51 AM ::002::..... ::002::....... ::002::
หัวข้อ: Re: "นายกเฮงซวยกับประชาชน" วลีเด็ดของ สุทิน วรรณบวร นักข่าวสายโจร เริ่มหัวข้อโดย: flyingkob-รักในหลวง ที่ กันยายน 03, 2008, 07:49:08 AM เมื่อวานได้ดูสดๆๆๆๆ..........เป็นคำถามที่สะใจ...ดูดเสียงไม่ทัน....หลังจากนั้นนักข่าวจะถามก็จะมีรปภ.ยืนประกบตลอด....คงกลัวจะเจอกับคำถามที่ตรงๆแบบนั้น
หัวข้อ: Re: "นายกเฮงซวยกับประชาชน" วลีเด็ดของ สุทิน วรรณบวร นักข่าวสายโจร เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ กันยายน 03, 2008, 07:58:45 AM เคียงคู่กับ ชัย ราชวัตร ....... ยกนิ้วให้ครับ หัวข้อ: Re: "นายกเฮงซวยกับประชาชน" วลีเด็ดของ สุทิน วรรณบวร นักข่าวสายโจร เริ่มหัวข้อโดย: bigbang ที่ กันยายน 03, 2008, 08:02:00 AM ขอบคุณครับ จำได้ตรงที่ตอบว่าสมัคร "คุณละหุบปาก"
หัวข้อ: Re: "นายกเฮงซวยกับประชาชน" วลีเด็ดของ สุทิน วรรณบวร นักข่าวสายโจร เริ่มหัวข้อโดย: มะเอ็ม ที่ กันยายน 03, 2008, 08:16:24 AM สุดยอด... ::002::
หัวข้อ: Re: "นายกเฮงซวยกับประชาชน" วลีเด็ดของ สุทิน วรรณบวร นักข่าวสายโจร เริ่มหัวข้อโดย: dig5712 ที่ กันยายน 03, 2008, 08:17:13 AM ขอบคุณครับพี่ทัดมาลา ::014:: :D
หนังสือที่คุณสุทินเขียนเล่มนี้(ปกแดง)อ่านแล้วดีครับ... ได้มุมมองในอีกมิติหนึ่งที่ผู้บริโภคสื่อเมืองไทยจะได้รับทราบ.... เมื่อวานตอนที่ นาย ก แถลงข่าวที่ บก.กองทัพฯ ตอนที่ผู้สื่อข่าวต่างประเทศถาม ผมก็นึกถึงคุณสุทิน ที่เปรียบเปรยความแตกต่างของสื่อมวลชนไทยกับเทศ.... หัวข้อ: Re: "นายกเฮงซวยกับประชาชน" วลีเด็ดของ สุทิน วรรณบวร นักข่าวสายโจร เริ่มหัวข้อโดย: visith ที่ กันยายน 03, 2008, 08:23:21 AM ..ขอแสดงความนับถือครับ..
หัวข้อ: Re: "นายกเฮงซวยกับประชาชน" วลีเด็ดของ สุทิน วรรณบวร นักข่าวสายโจร เริ่มหัวข้อโดย: มะขิ่น ที่ กันยายน 03, 2008, 09:02:46 AM คำถาม ผมถือว่า OK สำหรับความหมาย.....................
แต่ใช้คำพูดคำจา"ทราม" และ"ถ่อย"เกินไป...............สำหรับคนที่มีการศึกษาขั้นนี้ หัวข้อ: Re: "นายกเฮงซวยกับประชาชน" วลีเด็ดของ สุทิน วรรณบวร นักข่าวสายโจร เริ่มหัวข้อโดย: ฮิวโก้ ที่ กันยายน 03, 2008, 09:09:28 AM ถ้าไม่มีกองหนุนช่วยตอบแทน รับรองน๊อตหลุดแน่ๆเลย หอกหัก ::008::
หัวข้อ: Re: "นายกเฮงซวยกับประชาชน" วลีเด็ดของ สุทิน วรรณบวร นักข่าวสายโจร เริ่มหัวข้อโดย: ๏แก้วเดียวจุก๏รักในหลวง ที่ กันยายน 03, 2008, 09:40:47 AM ยังอ่านไม่จบ ต้องขอบอกว่า ช่างกล้านะตัวเอง
แต่ก็สุ๊ดยอด ครับ หัวข้อ: Re: "นายกเฮงซวยกับประชาชน" วลีเด็ดของ สุทิน วรรณบวร นักข่าวสายโจร เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 03, 2008, 09:44:14 AM ขอบคุณมากครับคุณโอ๊ค เดี๋ยวจะหาหนังสือมาอ่านมั่ง
หัวข้อ: Re: "นายกเฮงซวยกับประชาชน" วลีเด็ดของ สุทิน วรรณบวร นักข่าวสายโจร เริ่มหัวข้อโดย: Southlander ที่ กันยายน 03, 2008, 10:01:31 AM คำถามที่ตรงกับที่เราอยากถามเองนั่นแหละ
หัวข้อ: Re: "นายกเฮงซวยกับประชาชน" วลีเด็ดของ สุทิน วรรณบวร นักข่าวสายโจร เริ่มหัวข้อโดย: Biggun หนุ่ม ที่ กันยายน 03, 2008, 10:36:03 AM มีนายกเฮงซวย......แล้วนักข่าวเฮงซวย ไม่มีเหรอครับ ฮ่า
หัวข้อ: Re: "นายกเฮงซวยกับประชาชน" วลีเด็ดของ สุทิน วรรณบวร นักข่าวสายโจร เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 03, 2008, 10:37:33 AM มีนายกเฮงซวย......แล้วนักข่าวเฮงซวย ไม่มีเหรอครับ ฮ่า มีนายกเฮงซวย......แล้วนักข่าวเฮงซวย ไม่มีเหรอครับ ฮ่า ก็บางคนที่ NBT ไงครับ หัวข้อ: Re: "นายกเฮงซวยกับประชาชน" วลีเด็ดของ สุทิน วรรณบวร นักข่าวสายโจร เริ่มหัวข้อโดย: tao-01 ที่ กันยายน 03, 2008, 10:44:33 AM ขอบคุณมากๆ ที่ช่วยพูดแทนประชาชน
หัวข้อ: Re: "นายกเฮงซวยกับประชาชน" วลีเด็ดของ สุทิน วรรณบวร นักข่าวสายโจร เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ กันยายน 03, 2008, 10:46:08 AM ::002::ได้ยินกับหู....ถึงจะถ่อยไปหน่อย...แต่ก็สะใจ...สนใจทันที ว่า นักข่าวท่านนี้ คือใคร....ขอบคุณ จขกท.ครับ
หัวข้อ: Re: "นายกเฮงซวยกับประชาชน" วลีเด็ดของ สุทิน วรรณบวร นักข่าวสายโจร เริ่มหัวข้อโดย: beer66 ที่ กันยายน 03, 2008, 10:49:23 AM กล้ามากครับ นับถือ ::014::
|