หัวข้อ: ของเก่า เราลืม : "สงครามดาบปลายปืนที่นครศรีธรรมราช" เริ่มหัวข้อโดย: Siri_Pat รักในหลวง ที่ ตุลาคม 19, 2008, 06:33:16 PM (http://61.19.248.235/uploads/778c2af4d4.jpg) (http://imagehost.compgamer.com/getimg.php?img=778c2af4d4.jpg) เอามาให้อ่านกันนะครับจากเวปแห่งหนึ่ง...รำลึกถึงอดีตและความกล้าหาญ..... เมื่อญี่ปุ่นได้ก่อสงครามมหาเอเชียบูรพาขึ้นในปลายปี พ.ศ.2484 นั้น กองทัพญี่ปุ่นได้ยกพลขึ้นบกที่ภาคใต้ของไทยเพื่อรุกไปโจมตีมลายูและพม่าจุดที่ญี่ปุ่นบุกขึ้นนั้น ได้แก่จังหวัดปัตตานี สงขลา ชุมพร ประจวบคีรีขันธ์ และนครศรีธรรมราช จุดจุดที่กองทัพญี่ปุ่นยกพลขึ้นบกต่างก็ถูกกำลังของกองทัพบกไทยต่อต้านอย่างเหนียวแน่นและทรหดเป็นที่สุด หลายคนคงเคยได้ยิน วีรกรรมของกองบินน้อยที่ 5 ประจวบคีรีขันธ์ วีรกรรมยุวชนทหารจังหวัดชุมพร ที่ได้กลายมาเป็นภาพยนต์....... แต่จะมีใครสักคนในยุคปัจจุบันที่จะรู้บ้างว่า.....ยังมีวีรกรรมของทหารสังกัดมณฑลทหารบกที่ 6 จังหวัดนครศรีธรรมราช ที่นับเป็นเกียรติประวัติความกล้าหาญของชาวจังหวัดนครศรีธรรมราชอีกครั้งหนึ่งที่จะต้องดำรงอยู่ในประวัติศาสตร์ไม่มีวันรู้เลือน...... พลตรี ชาย อุบลเดชประชารักษ์ ได้เล่าไว้ในหนังสืออนุสรณ์ เนื่องในงานพระราชทานเพลิงศพ พันเอก อมร อมรเสนีย์ (หลวงอมรเสนีย์ ทศ อัมรานนท์)เมื่อนานกว่า 30 ปีมาแล้ว สามารถสรุปเรื่องราวต่างๆ ได้ว่า..... หัวข้อ: Re: ของเก่า เราลืม : "สงครามดาบปลายปืนที่นครศรีธรรมราช" เริ่มหัวข้อโดย: Siri_Pat รักในหลวง ที่ ตุลาคม 19, 2008, 06:38:18 PM (http://61.19.248.235/uploads/ae1c8b313a.jpg) (http://imagehost.compgamer.com/getimg.php?img=ae1c8b313a.jpg)
1. ทราบข่าว....... ในวันที่ 8 ธันวาคม 2484 เวลาประมาณ 06.00 น. พลตรีหลวงเสนาณรงค์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 6 นครศรีธรรมราช ได้รับโทรเลข ซึ่งนายไปรษณีย์จังหวัดนครศรีธรรมราชได้นำมาส่งให้ที่บ้านพัก ความว่าญี่ปุ่นได้ส่งเรือรบประมาณ 15 ลำ มาที่ชายทะเลสงขลา และลำเลียงพลขึ้นบก เมื่อเวลา 04.00 น. ภายหลังที่ได้รับข่าวจาก หลวงอรรถโกวิทวที อัยการจังหวัดสงขลา ซึ่งแลเห็นเรือรบจำนวนมากจอดอยู่นอกฝั่งสงขลาและเตรียมยกพลขึ้นบกที่บ้านสำโรงและบ้านเขารูปช้าง อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา...... 2. รวมพล...... ภายหลังที่ได้รับโทรเลขฉบับนั้น ท่ามกลางสายฝนที่กำลังตกลงมาอย่างหนัก ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 6 จึงสั่งการให้แตรเดี่ยว ณ กองรักษาการณ์ประจำกองบัญชาการ เป็นสัญญาณเหตุสำคัญให้กับ ร.พัน 39 เพื่อเตรียมตัวรวมพลที่จะไปช่วยหยุดยั้งกองทัพญี่ปุ่นที่จังหวัดสงขลา และเตรียมรับมือกับกองทัพญี่ปุ่นที่คาดว่าอาจจะบุกขึ้นนครศรีธรรมราชด้วย....... 3. เหตุการณ์แปรเปลี่ยน...... ในขณะที่ ผบ.มณฑล ได้สั่งการและมอบหมายหน้าที่ต่างๆ เพื่อเตรียมรับศึกอยู่อย่างรีบเร่งนั้น....ก็ได้รับแจ้งข่าวจาก พลฯ จ้อน ใจซื่อ และ พลฯ เติม ลูกเสือ สังกัด หน่วย ป.พัน 15 ซึ่งเป็นเวรตรวจเหตุการณ์ที่บ้านท่าแพ (ใกล้กับค่ายวชิราวุธ) ได้พาร่างอันโชกเลือดไปด้วยคมดาบซามูไรกว่า 10 แผล เข้ามาแจ้งข่าวว่า ได้พบกองทหารญี่ปุ่นกำลังยกพลขึ้นจากเรือรบ และลำเลียงกำลังด้วยเรือท้องแบนมาตามคลองท่าแพ จะขึ้นที่ท่าแพ ในขณะที่จะพยายามกลับมารายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ก็ถูกทหารญี่ปุ่นบุกขึ้นมาทำร้าย แต่ได้พยามยามหลบหนีมาได้....... เมื่อเห็นว่าเหตุการณ์เข้าสู่สถานการณ์ฉุกเฉิน.....ผบ.มณฑล จึงสั่งระงับการไปช่วยจังหวัดสงขลา ให้ทหารทั้งหมดกลับมารวมกันเพื่อต้านทานกองทัพญี่ปุ่น โดยสั่งการให้เปิดคลังแสงอย่างรีบด่วนและสั่งจ่ายอาวุธปืนเล็ก ปืนกล และกระสุนปืน ให้แก่ทุกคนที่ยังไม่มีอาวุธประจำกายและประกาศให้ทุกคนทำการสู้อย่างเต็มกำลัง มิให้ทหารญี่ปุ่นบุกยึดโรงทหารและค่ายทหารได้เป็นอันขาด....และสั่งให้ ร.พัน 39 รีบไปเสริมกับกำลังของทหารปืนใหญ่ ป.พัน 15 ที่กำลังยิงต่อสู้อย่างสุดฤทธิ์ หัวข้อ: Re: ของเก่า เราลืม : "สงครามดาบปลายปืนที่นครศรีธรรมราช" เริ่มหัวข้อโดย: Siri_Pat รักในหลวง ที่ ตุลาคม 19, 2008, 06:43:23 PM 4. ป.พัน 15........
ย้อนกลับมาทาง ป.พัน15 ในเวลา 6.30 น. ผู้บังคับกองรักษาการณ์ภายนอก ของ ป.พัน 15 ซึ่งอยู่แนวหน้าสุด ได้ทราบถึงการยกพลขึ้นบกของทหารญี่ปุ่น ซึ่งมีกำลังประมาณ 1 กองพล ได้ทยอยลงจากเรือระบายพลเพื่อขึ้นฝั่งที่ท่าแพ จังหวัดนครศรีธรรมราช จึงได้รวบรวมกำลังพลจากกองรักษาการณ์ เข้ายับยั้งต่อสู้ข้าศึก โดยจ่าสิบตรี ผ่อง พ่วงดวงงาม ผู้บังคับกองรักษาการณ์ภายนอก ได้นำทหารในกองรักษาการณ์ไปต่อต้านข้าศึกเป็นกองแรก ทำให้ ป.พัน 15 ได้มีเวลาเตรียมตัวและปรับกำลังได้ทันเวลา โดยทางทหารไทยได้เปิดฉากยิงต่อสู้อย่างรุนแรงเด็ดขาด เพราะถือว่ากองทัพญี่ปุ่นละเมิดอธิปไตยของไทยอย่างร้ายแรง ทำให้กระสุนนัดแรกๆ ของทหารญี่ปุ่นที่ยิงขู่ขึ้นฟ้า.....ลดองศาลงมาเป็นกระสุนสังหาร..... ส่งผลให้ทหารกองรักษาการณ์กองแรกของ ป.พัน 15 ได้รับบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตไปหลายนาย........แต่กำลังพลทั้งหมดของกองพัน ก็สามารถจัดกำลังตั้งรับที่หน่วยของตนได้..... 5. ประจำการรบ...... ร้อยตรีประยงค์ ไกรกิตติ ผู้บังคับหมวด กองร้อยที่ 1 ป.พัน 15 ได้อำนวยการให้ทหารนำปืนใหญ่ออกมาตั้งยิงได้สำเร็จ.....โดยได้นำ ปืน ป.105 จำนวน 4 กระบอก และ ป.63 จำนวน 2 กระบอก ออกมาจากโรงเก็บออกมาตั้งยิงบริเวณด้านหน้า และทหารปืนใหญ่เมื่อตั้งยิงได้แล้ว ก็ส่งกระสุนเข้าถล่มทหารญี่ปุ่น.....อำนาจการยิงของ ป.พัน 15 กองร้อยที่ 1 นั้นรุนแรงมาก.....กระสุนได้ตกไปถึงเรือระบายพล และเรือคุ้มกันที่จอดลอยลำอยู่ ซึ่งใช้ปืนใหญ่ประจำเรือยิงสนับสนุนเข้ามาในค่ายวชิราวุธ โดยกระสุนบางส่วนได้ตกมาในบริเวณโรงนอนทหาร และโรงอาหารหลายนัด ซึ่งกองเรือคุ้มกันเมื่อได้รับการยิงตอบโต้จากปืนใหญ่ของ ป.พัน15 จึงได้หยุดยิง และปรับองศาการยิงมาที่ ป.พัน 15 แทน จากการยิงสนับสนุนอย่างรุนแรงของ ป.พัน 15 ได้ส่งผลให้เรือลำเลียงพลท้องแบนที่จะเข้าสู่ท่าแพจมไปหลายลำ สามารถระงับการยกพลขึ้นบกระลอกสองได้ชั่วคราว ทหารญี่ปุ่นจำนวนมากจึงระดมการยิง หมายที่จะดับปืนใหญ่ทั้ง 4 กระบอกของไทยให้ได้.... หัวข้อ: Re: ของเก่า เราลืม : "สงครามดาบปลายปืนที่นครศรีธรรมราช" เริ่มหัวข้อโดย: Siri_Pat รักในหลวง ที่ ตุลาคม 19, 2008, 06:46:14 PM (http://61.19.248.235/uploads/1582b22d5e.jpg) (http://imagehost.compgamer.com/getimg.php?img=1582b22d5e.jpg)
6. ปืนใหญ่ดับ..... ทางด้านกองร้อยหนึ่ง ทหารญี่ปุ่นได้รุกเข้ามาใกล้กับแนวรั้วไร่กสิกรรมของ ป.พัน15 ที่ทางฝ่ายไทยยึดเป็นที่มั่นเพื่อคุ้มกันปืนใหญ่อยู่ เมื่อมีทหารญี่ปุ่นบุกเข้ามาใกล้เช่นนั้นทาง ผบ.ร้อยจึงสั่งให้ปืนใหญ่ 2 กระบอกทำการยิงสกัดกั้น แต่ไม่สามารถต้านทานทหารญี่ปุ่นอันมีจำนวนมากได้ จนทหารญี่ปุ่นบุกเข้ามาถึงระยะ 50 เมตร ปืนใหญ่จึงไม่สามารถทำการยิงได้อีก พลประจำปืนก็ต้องใช้อาวุธปืนเล็กยาวยิงร่วมกับทหารราบ และได้มีกระสุนปืนใหญ่จากเรือคุ้มกันที่ลอยลำอยู่ตกลงมาในหน่วยปืนใหญ่หลายนัด......ส่งผลให้ ร้อยตรีประยงค์ ไกรกิตติ รวมถึงนายสิบ และพลทหารประจำปืนใหญ่เสียชีวิตไปถึง 10 นาย.... กองร้อยที่ 2 ได้พยายามลากปืนใหญ่ ป.105 จำนวน 1 กระบอก ซึ่งไปนำคืนมาจากร้านงานฉลองรัฐธรรมนูญ มาตั้งยิงใกล้กับคลังกระสุน แต่เนื่องจากกองร้อยที่ 2 มีทหารอยู่น้อย เนื่องจากต้องไปรักษาการณ์ภายนอก จึงมีทหารไม่พอจะทำหน้าที่พลประจำปืน ประกอบกับกองร้อย 2 อยู่ใกล้กับทางท่าแพมากพอทางฝ่ายญี่ปุ่นเริ่มเคลื่อนที่และยิงมาอย่างหนักหน่วง ทำให้กองร้อยที่ 2 หมดความสามารถที่ทหารจะเข้าไปลากปืนใหญ่เอามาตั้งยิงสนับสนุนได้ จึงใช้ปืนเล็กยาวยิงต่อสู้ฝ่ายทหารญี่ปุ่นที่เริ่มรุกเข้ามา...... พันเอก หลวงอมรเสนีย์ ผู้บังคับการทหารปืนใหญ่ พร้อมกับ พันตรี หลวงราญรอนสงคราม รองเสนาธิการมณฑลทหารบก ได้นำทหารในกองบัญชาการไปจัดขบวนรบในแนวหน้า และได้อำนวยการรบอยู่ตลอดเวลา..... จนในที่สุด พันตรี หลวงราญรอนสงคราม ก็ถูกกระสุนปืนของทหารญี่ปุ่นถึงแก่กรรมลง..... หัวข้อ: Re: ของเก่า เราลืม : "สงครามดาบปลายปืนที่นครศรีธรรมราช" เริ่มหัวข้อโดย: Siri_Pat รักในหลวง ที่ ตุลาคม 19, 2008, 06:53:37 PM 7. กำลังสนับสนุน......
ย้อมกลับมาที่ ร.พัน 39 เมื่อ ผบ.มณฑล ของหน่วยทหารภาคใต้...ได้รับรายงานแล้ว ก็จัดกำลัง ร.พัน 39 เข้าเสริมกำลังของ ป.พัน 15 โดย พันโท หลวงประหารริปูราบ ผู้บังคับการ ร.พัน 39 ได้นำกำลังทหาร กองร้อยที่ 1 และ หมวด ส. ยกไปต้านทานทหารญี่ปุ่น โดยวางกำลังรบเป็นสองแนว แนวแรกคือ แนวบ้านพักนายทหาร ป.พัน 15 และโรงพักทหาร รวมไปถึงแนวรั้วไร่กสิกรรม ส่วนแนวที่ 2 คือ บริเวณตลาดท่าแพ เมื่อกำลังทหารจาก ร.พัน 39 เมื่อเข้าสนับสนุนทหารปืนใหญ่ ก็ได้แบ่งกำลังให้กองพันทหารพาหนะเป็นปีกขวา กองพันทหารสื่อสารป้องกันปีกซ้าย และให้หน่วยยุวชนทหารเป็นแนวหนุน แล้วเปิดฉากการยิงต้านทานทหารญี่ปุ่นที่มีจำนวนมากกว่าหลายเท่า ซึ่งกำลังดาหน้าเข้ามา ด้วยอาวุธทุกชนิดที่มี จากระยะที่ห่างกันเพียงประมาณ 100 เมตร ร้อยเอก ชาย ไชยกาล นายทหารคนสนิทของผู้บัญชาการ ได้นำปืนกลหนัก ที่ได้รับมอบจาก ร.พัน 39 มาเสริมกำลังของ ป.พัน 15 ซึ่งขณะนั้นไม่มีปืนกลหนักมาสนับสนุนทำให้ทหารต้องใช้เพียงปืนเล็กยาวยิงต่อต้านทหารญี่ปุ่น เมื่อปืนกลหนักจาก ร.พัน 39 และกำลังสนับสนุนจากทหารราบมาถึง ทำให้การรุกเข้ามาของทหารญี่ปุ่นจึงหยุดชะงักลง....แต่พันโท หลวงประหารริปูราบ ที่อำนวยการรบอยู่ก็ถูกยิงกระสุนทะลุหมวกเหล็ก แต่ลูกกระสุนแฉลบไป ได้รับบาดเจ็บสาหัส ร้อยเอก สวัสดิ์ บูรณะสมิต ผบ. กองร้อยที่ 1 นำทหารราบหมวดแรก จาก ร.พัน 39 บุกไปแนวหน้า เพื่อช่วยสนับสนุนทหารปืนใหญ่ยิงต่อสู้ จนผู้ใต้บังคับบัญชาเสียชีวิตและบาดเจ็บจนไม่สามารถทำการรบได้....ร้อยเอก สวัสดิ์ บูรณะสมิต จึงทำหน้าที่พลยิงปืนกลหนักต่อไปด้วยตนเอง....และถูกสะเก็ดระเบิดของกระสุนปืนใหญ่ข้าศึกจนบาดเจ็บสาหัส..... ทำให้สิบตรี เจริญ สินสมบัติ ที่ถูกทางด้านปีกขวาของแนวยิง และถูกยิงจากปืนกลของฝ่ายทหารญี่ปุ่นจนแขนซ้ายเกือบขาดจากร่าง และยึดแนวที่มั่นอยู่จึงเข้าไปทำหน้าที่พลยิงปืนกลหนักแทน....ขณะยิงตอบโต้ก็ถูกยิงจากทหารญี่ปุ่นอีกครั้งที่ขมับ....จนเสียชีวิต ทางด้านซ้ายของแนวยิง สิบตรี ขัน ศรีดี ผู้บังคับหมู่ 2 ได้นำกำลังเข้าสนับสนุนทางด้านซ้ายของหมวด และถูกยิงได้รับบาดเจ็บ ขณะนั้นกองทหารญี่ปุ่นได้รุกเข้ามาทางด้านซ้าย และได้ยิงพลประจำปืนกลเบาและขว้างระเบิดใส่จนเสียชีวิตทั้งหมด สิบตรี ขัน ศรีดี จึงได้เข้าประจำปืนกลเบาและยิงต่อสู้จนกระสุนหมด และนำปืนถอยมาด้านหลังเพื่อเอากระสุนจากพลประจำปืนที่เสียชีวิต จึงถูกรุมยิงจากทหารญี่ปุ่นถึงแก่ชีวิต.... สิบตรี พ่วง พารา รองผู้บังคับหมวด 1 ได้นำปืนกลหนัก จาก ร.พัน 39 ขึ้นไปสนับสนุนในแนวหน้า ท่ามกลางการระดมยิงอย่างหนาแน่นของทหารญี่ปุ่นที่ต้องการไม่ให้ทางฝ่ายไทยทำการยิงปืนกลสนับสนุนได้ สิบตรี พ่วง พารา และทหารในหมู่ได้ใช้ปืนเล็กยาวยิงต่อสู้ทหารญี่ปุ่น จนหมู่ปืนกลสามารถตั้งปืนยิงได้ แต่ตนเองและทหารในหมู่ก็ถูกยิงเสียชีวิตทั้งหมด....... หัวข้อ: Re: ของเก่า เราลืม : "สงครามดาบปลายปืนที่นครศรีธรรมราช" เริ่มหัวข้อโดย: Southlander ที่ ตุลาคม 19, 2008, 06:54:36 PM เหตุการณ์เดียวกับวีรกรรมพ่อจ่าดำหรือเปล่าครับ
หัวข้อ: Re: ของเก่า เราลืม : "สงครามดาบปลายปืนที่นครศรีธรรมราช" เริ่มหัวข้อโดย: Siri_Pat รักในหลวง ที่ ตุลาคม 19, 2008, 07:05:19 PM (http://61.19.248.235/uploads/ac97f300d4.jpg) (http://imagehost.compgamer.com/getimg.php?img=ac97f300d4.jpg)
8. สงครามดาบปลายปืน..... ตั้งแต่เวลา 6.50 น. ที่ฝ่ายไทยเริ่มยิงกระสุนนัดแรกจนถึงเวลา 9.00 น. ทหารจาก ร.พัน 39 และ ป.พัน 15 ได้ยึดแนวต้านทานเอาไว้อย่างเหนียวแน่นจากทหารญี่ปุ่น....ซึ่งได้บุกดาหน้าเข้ามาเป็นระลอกแล้วระลอกเล่าจากเรือระบายพล ซึ่งกำลังของทหารไทยน้อยกว่าอย่างไม่สามารถที่จะเทียบกันได้...และรวมไปถึงยังมีทหารที่บาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก (http://61.19.248.235/uploads/a9785efa86.jpg) (http://imagehost.compgamer.com/getimg.php?img=a9785efa86.jpg) (http://61.19.248.235/uploads/ad108f49b1.jpg) (http://imagehost.compgamer.com/getimg.php?img=ad108f49b1.jpg) จากแนวรบที่มีระยะห่างกันเพียง 100 เมตร ได้ย่นระยะเข้ามาใกล้เรื่อยๆ จนเกือบจะถึงแนวหน้าของ ร.พัน 39 ที่กระสุนกำลังจะร่อยหรอลงไปทุกที ผู้บังคับหมวดได้สั่งให้ทหารติดดาบปลายปืน เพื่อทำการสกัดเป็นครั้งสุดท้าย และได้แจ้งให้ทหารในส่วนที่เป็นกำลังหนุนซึ่งยังคงยึดภูมิประเทศอยู่ในแนวที่ 2 ซึ่งอยู่ห่างจากแนวแรกประมาณ 100 เมตร ให้เตรียมพร้อมทำการรบ และให้หน่วย ส.พัน 6 และยุวชนทหาร เข้ายึดภูมิประเทศบริเวณโรงที่อยู่ของทหาร เพื่อเป็นกำลังหนุนในโอกาสต่อไป..... และในที่สุดทหารญี่ปุ่นก็เข้ามาประชิดถึงแนว ป.พัน 15 ทหารจาก ร.พัน 39 และ ป.พัน 15 ได้กรูเข้าหาทหารญี่ปุ่นเพื่อประจัญบานด้วยดาบปลายปืน ทำให้ทหารทั้งสองฝ่ายเข้าต่อสู้กันด้วยอาวุธสั้นทันที ทั้งดาบปลายปืน และดาบซามูไร..... จากบันทึกของผู้รอดชีวิต ทั้งฝ่ายไทยและฝ่ายญี่ปุ่น ได้กล่าวว่า "การรบด้วยดาบปลายปืนในครั้งนั้นดุเดือดรุนแรงที่สุด แนวรบขยายกว้างออกไปถึง 500 เมตร ทั้งสองฝ่ายเข้าใกล้กันในระยะที่ดาบปลายปืนถึงตัวกันเลยทีเดียว" ร้อยเอก ขุนนวมณฑนะโยธิน ผู้บังคับทหารพาหนะ ได้นำกำลังพลไปช่วยสนับสนุนด้านปีกขวา และอำนวยการรบ แต่ขณะเข้าประจัญบานด้วยดาบปลายปืนนั้น ได้ถูกรุมแทงจาก ทหารญี่ปุ่นชนิด 5 ต่อ 1 จนเสียชีวิต แต่ ร้อยเอก ขุนนวมณฑนะโยธินก็สามารถสังหารทหารญี่ปุ่นทั้ง 5 คนได้หมด ..... หัวข้อ: Re: ของเก่า เราลืม : "สงครามดาบปลายปืนที่นครศรีธรรมราช" เริ่มหัวข้อโดย: Siri_Pat รักในหลวง ที่ ตุลาคม 19, 2008, 07:10:41 PM 9. สิ้นสุดการรบ....
09.30 น. ข้าหลวงได้รับโทรเลขรหัสจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยข้อความ "ให้หยุดรบ กับให้ญี่ปุ่นผ่านและพักในประเทศไทยได้" 09.50 น. ผบ.มทบ.6 ได้รับคำสั่งทางวิทยุจากผู้บังคับบัญชาการทหารสูงสุด (จอมพลแปลก พิบูลสงคราม) ว่า "ให้หยุดรบ หลีกทางให้ ญี่ปุ่นผ่านไป แล้วรอฟังคำสั่ง" 10.10 น. มทบ.6 แต่งตั้งคณะผู้เจรจาการศึกฝ่ายไทยพร้อมธงขาวเพื่อเจรจาการศึกกับญี่ปุ่น 10.20 น. คณะผู้เจรจาการศึกฝ่ายญี่ปุ่นพร้อมธงขาวปรากฏตัว 10.40 น. เปิดเจรจากันบนถนนราชดำเนินได้ผลสรุปว่า "ทั้งฝ่ายไทยและฝ่ายญี่ปุ่นได้ทราบคำสั่งให้หยุดรบแล้ว" ขณะนั้นปรากฏว่าทหาร ญี่ปุ่นมีการเคลื่อนไหว วิ่งระหว่างต้นไม้กำบัง ซึ่งนับว่าเป็นการฉกฉวยโอกาสระหว่างที่ฝ่ายเราหยุดยิงแล้วเคลื่อนที่เข้ามา ทหาร ไทยจึงยิงเพื่อให้ยุติการเคลื่อนที่จนขยายเป็นโต้ตอบกันรุนแรงถึงขั้นตะลุมบอน มีผู้เสียชีวิตต่อหน้า คณะผู้เจรจาทั้งสองฝ่าย ซึ่ง ต้องหลบเข้าที่กำบังในบ่อดินลูกรังข้างทาง 10.50 น. หลังจากเป่าแตรสัญญาณหยุดยิงหลายครั้ง ก็ไม่หยุดยิงด้วยต่างฝ่ายต่างไปม่ยอมหยุดก่อน โต้ตะลุมบอนกันไปมา คณะผู้เจรจา ทั้ง 2 ฝ่ายจึงให้จัดผู้ห้ามยิงฝ่ายละ 1 คน เดินคล้องแขนเคียงคู่กันไปทางทิศเหนือ ซึ่งกำลังญี่ปุ่นตรึงอยู่แล้ววกมาทางกำลังฝ่าย ไทย นับว่าการรบของทั้งสองฝ่ายยุติลงตั้งแต่นั้น 11.40 น. ผู้ห้ามยิงทั้งสองเดินกลับมาถึงที่เจรจาการศึก 11.45 น. เริ่มเจรจาการศึกใหม่ได้ความว่าทางญี่ปุ่นไม่ได้ตั้งใจรุกรานประเทศไทยหรือบุกเมืองนคร แต่เข้าใจว่า รัฐบาลของทั้งสองประเทศ ได้เจรจาทำความตกลงอนุญาตให้กำลังรบของ ญี่ปุ่นผ่านประเทศไทยไปมะลายูและสิงคโปร์ เพื่อขับไล่ชนชาติผิวขาวได้แล้วการ เจรจาทางญี่ปุ่นขอ 5 ข้อ คือ พัก-ผ่าน-ฐานบิน-เขตทหารและรักษาสนามบิน 12.10 น. เจรจาศึกครั้งที่สอง ฝ่ายไทยยินยอมเพียง 4 ข้อ ยกเว้นข้อ 5 ซึ่งญี่ปุ่นจะต้องรักษาสนามบินเอง โดยกำหนดให้คลองท่าวัง เป็น เส้นแบ่งเขตทหารไทยและทหารญี่ปุ่น และฝ่ายญี่ปุ่นต้องไม่กระทำการใดๆ ที่เสื่อมเสียเกียรติแก่ชาวไทยและชาติไทยเป็นอัน ขาด และนัดเจรจาทำความตกลงรายละเอียดในเวลา 13.00 น. หากพ้นเวลากำหนดโดยฝ่ายญี่ปุ่นไม่แจ้ง เหตุขัดข้องหรือขอ เลื่อนเวลาการรบของทั้ง 2 ฝ่าย อาจเริ่มขึ้นเพื่อขับไล่กำลังรบฝ่ายญี่ปุ่นให้พ้นจากเขตแดนไทย (ภาคใต้) ต่อไป 13.00 น. เจรจายุติการรบ 14.00 น. ยุติการรบ หลังจากที่ได้สู้รบกันมากว่า 6 ชั่วโมง ฝ่ายทหารญี่ปุ่นไม่สามารถเข้ายึดที่ตั้งทางทหารของมณฑลทหารบกที่ 6 ได้เลย หัวข้อ: Re: ของเก่า เราลืม : "สงครามดาบปลายปืนที่นครศรีธรรมราช" เริ่มหัวข้อโดย: Siri_Pat รักในหลวง ที่ ตุลาคม 19, 2008, 07:19:27 PM ต่อมาได้มีการสร้างอนุสาวรีย์ขึ้น เพื่อเป็นที่ระลึกถึงการสู้รบอันกล้าหาญของทหารไทยในภาคใต้ ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นรูปทหารขนาดประมาณ 2 เท่าตัวคน แต่งเครื่องแบบสนามครบครัน ยืนถือปืนในท่าประจัญบาน หันหน้าไปทางท่าแพ ซึ่งเป็นจุดที่ทหารญี่ปุ่นยกพลขึ้นบก....
ประดิษฐานอยู่ในเขตทหารตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองนครศรีธรรมราช 6 กิโลเมตร อนุสาวรีย์แห่งนี้ได้มีการนำอัฐิของบรรดาทหารหาญที่เสียชีวิตในสงครามครั้งนี้มาบรรจุพร้อมทั้งจารึกชื่อเอาไว้ที่ฐานของอนุสาวรีย์ รวมทั้งสิ้น 116 คน การก่อสร้างแล้วเสร็จและมีพิธีเปิดเมื่อ 8 ธันวาคม 2492 มีชื่อว่าอนุสาวรีย์วีรไทย 2484 และได้มีพิธีกล่าวสดุดี วางพวงมาลา และทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ทหารที่สละชีวิต ในวันที่ 8 ธันวาคมของทุกๆ ปี มาจนถึงทุกวันนี้...... เมื่อไป นครศรีธรรมราชครั้งใด เฉพาะชาวนครศรีธรรมราชที่จากบ้านเกิดเมืองนอนมาต้องกลับไปกราบไหว้สักการะอนุสาวรีย์ของ "พ่อจ่าดำ" ซึ่งร่ำลือกันว่าศักดิ์สิทธิ์นัก .... หัวข้อ: Re: ของเก่า เราลืม : "สงครามดาบปลายปืนที่นครศรีธรรมราช" เริ่มหัวข้อโดย: shah_vip ที่ ตุลาคม 19, 2008, 09:12:14 PM ขอบคุณครับ ::014::
หัวข้อ: Re: ของเก่า เราลืม : "สงครามดาบปลายปืนที่นครศรีธรรมราช" เริ่มหัวข้อโดย: tip1976 - รักในหลวง ที่ ตุลาคม 19, 2008, 09:15:54 PM ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ของเก่า เราลืม : "สงครามดาบปลายปืนที่นครศรีธรรมราช" เริ่มหัวข้อโดย: Southlander ที่ ตุลาคม 19, 2008, 09:29:49 PM อยู่บ้านผมครับ..ขอโหนกระแสไปด้วยแบบนักการเมืองหน่อยครับ อิ..อิ.. +1 โดนๆ
แบบบางคนไง...ถามว่าใครทำร้ายประชาชน...ไม่เมี๊ยะ...ถ้าเรื่องได้หน้าล่ะก็...ทีวีจอกว้างยังไม่พอครบทุกหน้าเลย หัวข้อ: Re: ของเก่า เราลืม : "สงครามดาบปลายปืนที่นครศรีธรรมราช" เริ่มหัวข้อโดย: SA-KE ที่ ตุลาคม 19, 2008, 11:51:04 PM ขอสวมรอยด้วยคนครับ.. :D เพราะตอนเด็กๆชอบไปวิ่งเล่นแถวนั่นบ่อยๆ ก่อนอื่นต้องขอบคุณ " คุณ Siri_Pat " มากครับ ที่เอาเรื่องประวัติศาสตร์ความกล้าหาญของทหารไทยมาให้อ่านกันอีกครั้ง ทำให้หวนคิดถึงตอนที่ยังอยู่ที่นั่น นอกจากรณีที่ประวัติศาสตร์ไม่ได้เขียนแล้ว ขอเพิ่มเติมเล็กน้อยแต่เป็นเรื่องเล่าๆต่อกันมาอาจจะเป็นตำนานกล่าวขานกันเองก็ได้ จริงเท็จไม่ยืนยัน? เขาว่ากันว่ารูปปั้นที่ปั้นนั่นเป็นรูปปั้นที่ "พ่อจ่าดำ " เสียชีวิตในขณะต่อสู้กับทหารญี่ปุ่นโดยใช้ดาบปลายปืนแทงทหารญื่ปุ่นและยืนเสียชีวิตด้วยกันทั้งคู่ จริงๆแล้วผมไม่แน่ใจว่าทำไม?เขาเรียก "พ่อจ่าดำ " เพราะผู้ที่เสียชีวิตตามที่เล่าขานท่านมียศแค่ "พลทหาร" รูปปั้นนี้ไม่ทราบใครเป็นผู้ปั้น รู้แต่ว่าตอนเด็กๆไปยืนมองที่ตารูปปั้นที่ไร? กลัวทุกที่ เป็นรูปปั้นที่ดูเข้มแข็งและแข็งแรงมากได้สัดส่วน คนในค่ายวชิราวุธ ส่วนใหญ่จะนับถือกันมาก และมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับ "พ่อจ่าดำ "ค่อนข้างแยอะตามประสาคนไทย รูปปั้นนี้ตั้งอยู่หน้าโรงเรียน ที่ผมเรียนชั้นประถมพอดีครับ..
หัวข้อ: Re: ของเก่า เราลืม : "สงครามดาบปลายปืนที่นครศรีธรรมราช" เริ่มหัวข้อโดย: fink ที่ ตุลาคม 20, 2008, 02:01:38 AM ขอบคุณที่นำมาแบ่งปันครับ
แล้วก็ขอบคุณบรรพชนไทยที่เสียสละให้เราได้มีแผ่นดินอยู่ทุกวันนี้ครับ ::014:: หัวข้อ: Re: ของเก่า เราลืม : "สงครามดาบปลายปืนที่นครศรีธรรมราช" เริ่มหัวข้อโดย: EAK1980 รักในหลวง ที่ ตุลาคม 20, 2008, 08:40:52 AM ::014:: ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ของเก่า เราลืม : "สงครามดาบปลายปืนที่นครศรีธรรมราช" เริ่มหัวข้อโดย: ป๊อกแมน ที่ ตุลาคม 20, 2008, 08:52:55 AM ขอบคุณครับ ขอเข้ามาบริโภคข้อมูลครับ
หัวข้อ: Re: ของเก่า เราลืม : "สงครามดาบปลายปืนที่นครศรีธรรมราช" เริ่มหัวข้อโดย: Kwan -รักในหลวง- ที่ ตุลาคม 20, 2008, 09:02:30 AM อ่านแล้วได้รู้ว่า ไทยเป็นไทย มาถึงวันนี้ได้อย่างไร ::002:: แต่พอเห็นการเมืองแล้วเศร้าใจจริงๆ ::010::ไม่รู้จะพูดอย่างไร
หัวข้อ: Re: ของเก่า เราลืม : "สงครามดาบปลายปืนที่นครศรีธรรมราช" เริ่มหัวข้อโดย: ฅนต้นน้ำ ที่ ตุลาคม 20, 2008, 11:14:41 AM ::014::ขอบคุณท่าน Siri_Pat ที่เอาสิ่งดีๆมาให้อ่าน ผมเป็นฅนคอนเหมือนกันครับ เข้าไปในค่ายคอน คราใดต้องไปให้ว พ่อจ่าดำ ทุกครั้งครับ ;D
หัวข้อ: Re: ของเก่า เราลืม : "สงครามดาบปลายปืนที่นครศรีธรรมราช" เริ่มหัวข้อโดย: october109 ที่ ตุลาคม 20, 2008, 11:29:12 AM ผมขับรถเข้าเมืองนครศรีฯทางท่าแพต้องไห้วพ่อจ่าดำทุกครั้ง รู้สึกปลอดโปร่งดีครับ
หัวข้อ: Re: ของเก่า เราลืม : "สงครามดาบปลายปืนที่นครศรีธรรมราช" เริ่มหัวข้อโดย: CAESAR ที่ ตุลาคม 20, 2008, 11:58:19 AM ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ของเก่า เราลืม : "สงครามดาบปลายปืนที่นครศรีธรรมราช" เริ่มหัวข้อโดย: Mr.yai.g19 ที่ ตุลาคม 21, 2008, 04:26:58 PM ขอบคุณคับ กับประวัติศาสตร์ดีดี ที่หาอ่านได้ยากมาก ผ่านทุกครั้ง ไหว้ทุกครั้งคับผม
|