เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

สนทนาภาษาปืน => หลังแนวยิง => ข้อความที่เริ่มโดย: terry ที่ พฤศจิกายน 04, 2008, 11:17:01 PM



หัวข้อ: จรัสพงษ์ สุรัสวดี :: บทสัมภาษณ์ซูโม่ตู้ทอลค์โชว์
เริ่มหัวข้อโดย: terry ที่ พฤศจิกายน 04, 2008, 11:17:01 PM
จรัสพงษ์ สุรัสวดี :: บทสัมภาษณ์ซูโม่ตู้ทอลค์โชว์

1. เหตุผลของพี่ตู้ในการจัดทอล์คโชว์ครั้งนี้คืออย่างไรครับ ?  
เพราะพี่อิจฉารากหญ้าครับ
การที่อนุญาตให้คนที่ไม่เรียนมีสิทธิเท่าเทียมคนที่เรียน เป็นกติกาสากลสำหรับ
ประเทศที่ระดับการศึกษาเฉลี่ยสูงถึงขั้นปลอดภัยแล้ว
การเลือกตั้งของเค้าจึงเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานได้
ซึ่งไม่ถูกต้องสำหรับประเทศที่การศึกษาเฉลี่ยต่ำครับ
เพราะจริงๆแล้วสิทธิขั้นพื้นฐานเดิมนั้นกำหนดเฉพาะเรื่องพื้นฐาน เช่น
การนับถือศาสนา การสาธารณะสุข การแสดงความคิด การสมรส
สวัสดิภาพในการดำรงชีวิต ฯลฯ รวมไปถึง การศึกษา
แต่ไม่รวมการเลือกตั้งเข้าไปในสิทธิขั้นพื้นฐานครับ
อันตรายต่อความอยู่รอดของบางเผ่าพันธุ์ในทันที
แต่เผ่าพันธุ์นั้นๆจะไม่ค่อยรู้
เพราะดันไปสงสารเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์ที่ควรกำจัดเพราะเป็นภาระ
เราไม่ได้เกรงใจภาระเพราะเราใจดีนะครับ
เราเกรงใจภาระเพราะเราขี้ขลาด เราเกรงกลัวพวกภาระครับ
ภาระจึงได้ใจ ครอบครองเมืองโดยไม่ยอมพัฒนาพวกตน
พี่อิจฉามันครับ

เมื่อการศึกษาคือสิทธิขั้นพื้นฐาน
ใครไม่ยอมเรียนก็ต้องถือว่าผู้นั้นละเลยสิทธิขั้นพื้นฐาน
ก็แปลว่าบกพร่องในหน้าที่ซึ่งโยงกับบางสิทธิ
ผู้บกพร่องในหน้าที่ก็ควรถูกเพิกถอนบางสิทธิที่เกี่ยวข้อง เช่น
สิทธิในการตัดสินใจเรื่องอนาคตของประเทศชาติ
เพราะเราจำเป็นต้องกำหนดที่การศึกษาครับ
ไม่ใช่กำหนดที่อายุเหมือนประเทศพัฒนา ตายซิ่
ระดับการศึกษาเฉลี่ยของเราต่ำกว่ามาตรฐานประเทศประชาธิปไตยในโลกครับ
ไม่ต้องอาย ต่ำกว่ามากเลยจริงๆ ต้องยอมรับ
ต้องแก้กติกาครับ ไม่งั้นตาย หลายศพแล้วด้วย
และจะมีอีกครับถ้าไม่รีบแก้กติกา อย่าอาย
เพื่อนร่วมชาติเราโง่ครับ ยอมรับซะจะได้แก้กติกากัน

ทำไมเราจึงไม่ให้ลิงบาบูนอายุ 18 ขวบมีสิทธิ์เลือกตั้งล่ะครับ
เพราะบาบูนไม่เรียนหนังสือ ไม่ใช่เพราะบาบูนไม่ใช่คนนะครับ
บาบูนเหนือกว่าบางคนด้วยซ้ำ บาบูนหากินเองได้ ไม่ต้องรอเอื้ออาทร
ไม่ต้องรอผ้าห่มทุกปี
ก็ถ้าบาบูนเรียนหนังสือสอบผ่าน ม.6 ก็แปลว่าพูดกับคนรู้เรื่อง
เราก็ควรให้สิทธิ์เลือกตั้งกับบาบูนครับ 
แต่นี่มีโง่กว่าบาบูนอีกนะ พูดก็ไม่รู้เรื่อง สะกดประชาธิปไตยก็ไม่ถูก
ทำมาหากินก็ไม่ได้ ผ้าห่มก็หาเองไม่ได้ต้องแจกทุกปี
แต่ดันมีสิทธิ์เลือกตั้ง อย่างงี้บาบูนค้อนครับ

ถ้ากุลีมีสิทธิเท่าบัณฑิต บัณฑิตจะลงทุนเรียนกันไปทำไมไม่ทราบครับ
ประชาธิปไตยมันว่าด้วยเรื่องเสียงข้างมาก
ฉะนั้น ประเทศไหนที่เสียงข้างมากไม่มีการศึกษา ประเทศก็ล่ม
เพราะกุ๊ยซื้อกุ๊ยและกุ๊ยเลือกกุ๊ยแน่นอนครับ 
พวกคอมมิวนิสนิยมก็สัพหยอกว่าพี่ตู้เป็น อำมาตยาธิปไตย
แต่พี่เต็มใจเป็น อำมาตยาธิปไตย มากกว่า กุ๊ยยาธิปไตย นะจะบอกให้
แต่เดี๋ยวนะครับ อำมาตยาธิปไตยมันไม่ดีตรงไหนหรือครับ
เทียบกับรัฐบาลรากหญ้าธิปไตยทุกวันนี้

มีคนเข้าใจสิ่งที่เข้าใจยากแบบนี้อยู่หยิบมือนึงบนแผ่นดินนี้
พี่ต้องทอล์คโชว์เพราะพี่ต้องการพูดคุยกับท่านเหล่านี้บ่อยๆครับ
อาจไม่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงวันนี้ แต่พรุ่งนี้จะไม่มืดมน
เพราะคนเหล่านี้จะเห็นทางออกไงครับ ถ้าไม่อวดเก่งกันนะ
พรุ่งนี้หมายถึงวันรุ่งขึ้น ไม่ใช่ปีรุ่งขึ้นนะ
เพราะทันทีที่รู้ทางออกก็บอกต่อกันแบบแอมเวย์
แป๊บเดียวก็เข้าใจกันหมดแล้ว ซัก 2 วันมั้ง
เพราะคนที่ฟังรู้เรื่องมีไม่ถึง 1 % ของประเทศ
ที่เหลือไม่ใช่โง่ แต่ไม่ฟังครับ ซึ่งก็ไม่ได้แปลว่าอวดดี เพียงแต่โง่

การเปลี่ยนแปลงแผ่นดินต้องทำให้เด็ดขาดครับ
ไม่ใช่ไล่ไปแล้วเลือกตั้งใหม่เพื่อให้พวกมันกลับมายิ่งใหญ่อีก
มันตลกและดูไม่เด็ดขาดไม่จริงใจนะครับ ซึ่งพี่ก็สรรเสริญ
ทุกการต่อสู้ของพันธมิตร เพราะชอบพอกันเป็นการส่วนตัวมาก
แต่พี่ไม่ไปวิ่งชนกระสุนเพื่อให้รากหญ้าเลือกพวกมันกลับมาอีก
คุณพ่อพี่สอนว่า อย่าให้คนไม่ดีมีโอกาสปกครองบ้านเมือง
เพราะฉะนั้น การขับไล่ ต้องตามด้วย การกำจัด
ซึ่งในอารยะประเทศเค้าใช้วิธีฆ่าทิ้งแบบเนียนๆ
แล้วแจงว่า ตายด้วยฝีมือคนวิกลจริต ซึ่งเรื่องก็เงียบ
แต่ในอนารยะประเทศซึ่งขี้ขลาด ก็ใช้วิธีนุ่มนวล
ซึ่งก็ตกเป็นเบี้ยล่างและสูญเสียเปล่า
เพราะกลับมาเหมือนเดิมทุกอย่างหลังทุกการต่อสู้
พี่หงุดหงิดทุกครั้งเพราะวีรบุรุษของพี่เหนื่อยเปล่าทุกครั้ง
เพราะไม่แก้ที่ระบอบไงครับ

การเป็นวีรชนด้วยอารมณ์มักไม่แก้ปัญหาครับ ต้องแก้ปัญหาด้วยเหตุผล
ซึ่งต้องแก้ที่ต้นเหตุ คือ การโกงกิน การแตกแยก และ สิทธิที่ไม่ควรเป็นขั้นพื้นฐาน
ซึ่งพี่จะได้กล่าวรวมไว้ในช่วงท้าย ขยักเอาไว้ก่อนให้หงุดหงิดเล่นซะงั้น
เป็นการคัดคนอ่านไงครับ

ท่านใดที่อ่านถึงตรงนี้แล้วงง อย่าอ่านต่อนะครับเสียเวลาท่านเปล่าๆครับ
ท่านก็ตั้งหน้าตั้งตาเลือกคนดีต่อไปนะ

2. ชื่อของทอล์คโชว์ “กรุงไม่แตก ก็เลี้ยงไม่โต” ต้องการจะบอกอะไรครับ
เหมือน“ไม่เจ็บ ก็ไม่โต” อย่างนั้นหรือเปล่าครับ ?  

จะแปลอย่างนั้นก็ได้ครับ แต่วลีที่ว่า ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต หมายถึง พิการ นะครับ
สังคมไทยพิการเพราะเราคิดว่าเราทำได้อย่างซีกโลกหนาวครับ
ลอกทุกอย่างของเค้ามา รวมทั้งระบอบการปกครอง
โดยลืมคิดไปว่าไม่มีนวัตกรรมของเราที่เค้าซื้อไปใช้เลย
มีแต่นวัตกรรมของเค้าที่เราซื้อมาใช้
เพราะเราไม่มีนวัตกรรมไงครับ
สิ่งของเครื่องใช้ในการอำนวยความสะดวกของชีวิตประจำวันประดิษฐ์คิดค้นโดย
คนซีกโลกหนาวแทบทั้งหมด
เพราะเราไม่กล้าคิด เรากลัวคนที่คิดไม่ออกจะทักท้วงเรา
เพราะคนที่คิดไม่ออกรู้ดีว่าถ้าทักท้วงแล้วจะดูเหมือนชนะในสายตาคนรอบๆ
ซึ่งก็คิดตื้นแบบเดียวกัน
จึงไม่มีกระบวนการคิดเกิดขึ้นในแถบซีกโลกร้อนที่ช่างทักท้วงครับ


มหาบุรุษอย่าง เจ้าชายสิทธัตถะ และ มหาตมะคานธี เท่านั้นครับ
ที่ฝ่าวงล้อมของนักทักท้วงได้สำเร็จ ด้วยจิตที่มั่นคง
การทักท้วงโดยที่คิดเองก็ไม่ออกเป็นวัฒนธรรมซีกโลกร้อนทีอยู่ในสันดาน
แก้ไม่ได้ครับ ทำให้เป็นประชาธิปไตยอย่างซีกโลกหนาวไม่ได้สักประเทศเดียว
แต่ก็อยากจะเป็นประชาธิปไตยเพราะหลงตนกันครับ
เหมือนการย้อมสีผมแล้วเป็นฝรั่ง 

สังคมที่พิการเกิดจาก การแก้ปัญหาด้วยอารมณ์ ไม่นิยมเหตุผล
แต่พี่เห็นพันธมิตรใช้เหตุผลแล้วก็ไม่ได้ผลนะครับ
เพราะต่อให้ใช้เหตุผลรัฐบาลหน้าด้านก็ไม่ลาออกครับ
เพราะรากหญ้าเลือกเค้ามาด้วยเสียงที่มากกว่าบัณฑิต
ซึ่งเราก็เถียงระบอบไม่ได้ เพราะบัณฑิต 14 ตุลาเอาอำนาจ
การตัดสินใจในเรื่องบ้านเมืองไปยัดให้รากหญ้า
ซึงพวกเค้าไม่อยากได้ และ เล่นไม่ถนัด

แต่พี่ว่าพวกเค้าเล่นถูกแล้วนะ
เพราะเค้าเลือกคนที่ให้เงินเค้า เพื่อตอบแทนบุญคุณ
ซึ่งเป็นการกระทำที่ถูกต้องในสายตาพวกเค้าเอง คือ การมีกตเวทิตาครับ
รากหญ้าหัวเราะเยาะพวกเราที่แห่กันไปเลือกพรรคนั้นพรรคนี้โดย
ไม่ได้อะไรตอบแทนเลย พวกเราก็ดูโง่ในสายตาพวกเค้านะครับ 

การโกงกินไม่ใช่สิ่งที่ผิดในสายตารากหญ้าครับ
เพราะรอบหมู่บ้านเค้ามีแต่การโกงกินโดยผู้มีอำนาจมีฐานะ
และมีคนยกย่องด้วยเพราะรวยนี่ เป็นที่พึ่งของทั้งหมู่บ้าน กลายเป็นเทพไปเลย 
แม้จะโกงมาก็ไม่ว่าเพราะทุกคนที่นั่นโกงแล้วได้ดีทั้งนั้น
ทุกห้องแถวทั้งในกรุงและบ้านนอกก็ทำอาชีพซื้อถูกมาขายแพงโดยไม่เสียภาษีทั้งสิ้น
ก็คือการโกงดีๆนี่เอง ไม่เห็นตำรวจจับนี่
เราเรียกร้องให้อุดหนุนร้านโชห่วยที่ไม่เสียภาษี
และขับไล่ แมคโคร โลตัส คาฟู ที่เสียภาษี
ทั้งๆที่ร้านโชห่วยก็เป็นของคนต่างด้าวเหมือนกัน บางร้านไม่พูดไทยด้วยซ้ำ
เราเห็นว่าผิดแต่รากหญ้าเห็นว่าไม่ผิด
เพราะเราดันยอมให้พวกที่คิดไม่เหมือนพวกเรามีสิทธิเลือกคนมาปกครองเราไงครับ
เราต่างหากครับที่เป็นฝ่ายที่ทำผิดมาตลอด
เรื่องอย่างนี้คนที่คิดได้เท่านั้นที่จะรู้
บางคนคิดไม่ได้ครับ คิดแล้วปวดหัวสลบเหมือดคาหลังควาย

ความไม่กล้าคิดทำให้ทุกสังคมพิการครับ
สังคมที่พิการจะล่มแล้วล่มอีก ลุกกลับขึ้นมาได้ก็ป้อแป้ เดี๋ยวก็ล่มอีก
โยนกก็ล่ม เชียงแสนก็ล่ม ล้านนาก็ล่ม ทวาราวดีก็ล่ม ศรีวิชัยก็ล่ม หริภุญชัยก็ล่ม
สุโขทัยก็ล่ม อยุธยาก็ล่ม ธนบุรีก็ล่ม
นี่ยังไม่รวม อ้ายลาว น่านจ้าว นะครับ
เพราะนักวิชาการหลัง 14 ตุลาบอกว่า ไทยไม่ได้มาจาก อ้ายลาว น่านจ้าว
เนื่องจากไม่ต้องการให้คนไทยคิดว่าเราโดนจีนรุกราน
เพราะพวกเค้ากำลังจะเอาลูกจีนเข้าสภาปกครองคนไทย
เราจึงเคยมีประธานสภาที่พูดไทยไม่ชัดมากันแล้ว
หัวหน้าพรรคก็มาจากแซ่แทบทั้งนั้น
พวกเขามาจากไหน ใยจึงมาปรารถนาดีต่อแผ่นดินที่ไม่ใช่ของบรรพบุรุษตน
ช่างประหลาดเหลือล้ำ แวะมาปรารถนาดีต่อแผ่นดิน 4 ปีก็ดันมีคนลงคะแนนให้
เรียกว่า พิการหมู่ ครับ

ถึงเวลาต้องคิดระบอบใหม่กันแล้วครับ
ถ้าไม่อยากให้อาณาจักรรัตนโกสินทร์ล่มอีก
ถ้าคิดไม่ออกจงรู้จักฟังนะครับ ฟังแล้วก็ไม่ต้องคิดด้วยครับ
เพราะเค้าคิดมาแล้วจะมาคิดทับอีกทำไม
ช่วยกันคิดของใหม่ซิ่ครับ มาคิดทับกันอยู่นั่น
คนไทยถนัดนักเรื่องคิดทับคนอื่น
ฝรั่งเรียก ขโมยซีน ไทยเรียกว่า ไทยมุง หรือ รุมสกรัม
หรือ หมาหมู่ นั่นเองครับ

3. พี่ตู้คาดการณ์ว่า บ้านเมืองของเราจะก้าวไปถึงจุดที่เรียกว่า “กรุงแตก” หรือเปล่า เพราะอะไรครับ ?  

เราแตกโดยพฤตินัยแล้วครับ
ถ้ารอต่อไปโดยไม่ทำระบอบใหม่ เราจะแตกโดยนิตินัยครับ 
ก็จะเหมือน เขมรสามฝ่าย ลาวห้าฝาย เวียตนามเหนือใต้ เกาหลีเหนือใต้
ซึ่งตอนนี้เราก็มีไทยเหนือใต้แล้วนี่ใช่มั้ย

วันนี้ไทยแตกเป็นจีนสองฝ่ายตีกันบนแผ่นดินไทย
ลูกจีนทั้งนั้นครับที่แสดงออกกัน
ตั้งแต่ 14 ตุลาแล้วครับที่มีคำว่ากุมารจีน
กุมารไทยนอนครับ เพราะรับราชการกลัวอำนาจรัฐ
ลับหลังก็นินทาคนโกงแต่ต่อหน้าก็เดินตามตูด
คนไทยแท้ตอแหลครับ
สมเด็จพระนเรศวรทรงตรัสไว้ว่า
พวกเจ้าคนไทยเปรียบเหมือนหญ้าที่ต้องคอยตัดเล็ม
เมื่อปล่อยให้โตโดยอิสระจะหาระเบียบใดมิได้ 
เราจะเอาทองคำโปรยบนทางเดิน
ผู้ใดจ้องมองด้วยดวงตากิเลส เราจะให้ทหารเอาธนูยิงลูกนัยน์ตา

อยุธยาช่วงนั้น สงบสุข น่าอยู่
เพราะไม่ทรงอนุญาตให้ไพร่ที่ต่ำช้าแสดงออกครับ
มาวันนี้ที่ประชาธิปไตยเบ่งบานทะโล่ จัณฑาลก็บังอาจแสดงออกได้
และ ซื้ออำนาจเข้ามาปกครองบัณฑิต ซึ่งไร้น้ำยาเพราะพวกน้อยกว่า
ประเทศที่คนมีการศึกษามีจำนวนน้อยกว่าคนที่ไม่มีการศึกษา
จะยังเป็นประชาธิปไตยไม่ไครับ
เพราะเสียงส่วนใหญ่จะโง่ จะวุ่นวายไม่จบสิ้น
จะตะโกนแต่คำขวัญของกรรมกรคอมมิวนิส ประชาชนต้องเป็นใหญ่ในแผ่นดิน
แล้วก็ตีกันด้วยอารมณ์ จบไม่ลงก็เดือดร้อนพ่อหลวงต้องมาระงับศึกทุกครั้งไป
แต่ประชาชนก็ยังอยากเป็นใหญ่ในแผ่นดิน ของพระเจ้าอยู่หัว โดยไม่รู้จักเจียมตัว
ดูแลแผ่นดินกันให้เรียบร้อยยังไม่ได้ แต่อยากเป็นใหญ่ในแผ่นดิน
เป็นคอมมิวนิสที่แอบอ้างประชาธิปไตยมาต่อเนื่องครับ
เพราะยังเชื่อกันว่า ถ้ากรรมกรเป็นใหญ่ฟ้าจะสีทองผ่องอำไพครับ
ตัวอย่างมีให้เห็นในแผ่นดินคอมมิวนิสอื่นเยอะแยะ ยังจะดักดานกันอยู่อีก
ก็วันนี้กุลีก็เป็นใหญ่ในแผ่นดินไทยแล้วนี่ครับ ฟ้าก็ยังสีแดง
ทุกอย่างจะเรียบร้อยต่อเมื่อฟ้าสีน้ำเงินเท่านั้นครับ
จงรับรู้ไว้ซะ

ถ้าสิ้นพระบารมีเมื่อใด เราก็จะเหมือนอดีตของเพื่อนบ้านเราแน่นอนครับ
คนที่ต้องการล้มสถาบัน เพื่อให้พวกตนคนต่างด้าวเป็นใหญ่
จึงต้องการเร่งให้สิ้นพระบารมีทุกวิธีโดยเร็วไงครับ 

ซึ่งการสิ้นพระบารมีมิได้หมายถึงต้องสิ้นพระอายุขัยแต่อย่างใด
การที่ทรงทำอะไรไม่ได้ต่อสถานการณ์บ้านเมือง
ก็ถือเป็นการสิ้นพระบารมีในสายตาคนพวกนี้ ที่รอให้สถาบันเสื่อม
เพื่อสร้างเงื่อนไขในการตั้งราชวงศ์ใหม่ ที่มาจากแซ่ครับ

วันเสียงปืนแตกของคอมมิวนิสต์ใกล้แล้วนะครับ
แตกในกรุงนี่แหละ ..แตกกันเอง

4. ถ้ากรุงมันจะแตกหรือไม่แตก แล้วมันเกี่ยวอะไรกับ “วิชาประวัติศาสตร์” ล่ะครับ ?  

ประวัติศาสตร์สอนให้คนในชาติบังเกิด 3 สิ่ง
สำนึก กตเวทิตา และ อุทาหรณ์
ปราศจาก 3 สิ่งนี้เราเป็นชาติไม่ได้ครับ

อ้ายลาว น่านจ้าว โยนก เชียงแสน ล้านนา ทวาราวดี ศรีวิชัย หริภุญชัย
สุโขทัย อยุธยา ธนบุรี แตกหมดแล้ว
เพราะไม่มีวิชาประวัติศาสตร์เรียนครับ
อาณาจักรเหล่านี้เอาคนเชื้อสายต่างด้าวเข้ามาปกครอง
เป็นรัฐมนตรีกระทรวงศึกษา และลบประวัติศาสตร์ทิ้ง
ให้หันมาเลื่อมใสเชื้อสายต่างด้าวที่รวยเอารวยเอาไม่เลิก
เพื่อให้เลิกนับถือพ่อและหันมานับถือเตี่ยใหม่แทนพ่อ

ไม่มีทางครับ
คนไทยเติบโตมากับการปกครองแบบพ่อกับลูก
เปลี่ยนไม่ได้ครับ ยังไงก็เปลี่ยนไม่ได้
แต่ปรับได้ ขอให้รอฟังในช่วงต่อไปด้วยความอึดอัดและหงุดหงิดนะครับ
เพราะของดีต้องมาตอนจบ
เหมือนทุกวิกฤติของบ้านเมืองที่ผ่านมา และ คราวนี้ก็ด้วย
พ่อจ๋า หนูกราบขอบพระคุณ และ คิดถึงพ่อมาก พะย่ะค่ะ
ทอล์คโชว์ครั้งนี้จัดเพื่อสนองกระแสรับสั่งของสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ
เรื่องวิชาประวัติศาสตร์ที่หายไปครับ

5. ถามตรงๆ ทอล์คโชว์คราวนี้มีประเด็นหลักๆ เป็นเรื่องการเมืองใช่หรือเปล่าครับ เพราะอะไร ?  

การเมืองอย่างเดียวเลยครับ
การเมืองตั้งแต่สมัยโยนกมาจนถึงสมัยราชวงศ์แซ่เบ๊อีก 50 ปีข้างหน้าครับ
เราไม่รอดหรอกครับ เพราะเราแหย
คนไม่แหยมีอยู่หยิบมือเดียว ที่กล้าฟังเรื่องพวกนี้
ที่เหลือนอนรอสิ่งศักดิ์สิทธิ์บันดาล
ซึ่งบางทีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็ทรงพระเบื่อเป็นนะครับ
เพราะประชาชนอยากเป็นใหญ่ในแผ่นดิน แต่แก้ปัญหาในแผ่นดินกันไม่ได้

แผ่นดินเกษตรกรรมแหงนรอฝนฟ้าบันดาลมาเกือบพันปี
แก้กำพืดนี้ไม่ได้ จะให้แก้ปัญหากันเอง ไม่มีวันครับ 

ในทอล์คโชว์วันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคมนี้
ท่านผู้ชมที่มีกตเวทิตาและกล้าหาญสามารถสมัครคาราวาน กรุงเทพ – อยุธยา
เดินทางวันเสาร์ที่ 1 พฤศจิกายน
เพื่อเยี่ยมคำนับแผ่นดินประวัติศาสตร์ที่ลูกหลานลืมหมดแล้วว่า
บรรพบุรุษไทยก็ไม่ใช่ขี้ขี้
เพียงเพราะวันนี้ไม่มีวิชาบรรพบุรุษศาสตร์ให้ผองเราเฝ้าศึกษา
ก็หาใช่ว่าวีรกรรมของผองท่านจะหาเคยปรากฏไม่
ใช้ภาษาวรรณกรรมแล้วซับซ้อนดี
เหมือนที่ให้รากหญ้าอ่านรัฐธรรมนูญแล้วไม่รู้เรื่อง
ก็ถามว่ากินได้มั้ย
ทำให้เรารู้ว่าค่อนประเทศคิดแค่เรื่องกิน คนที่พวกนี้เลือกมาจึงกินจุ

ไม่รู้จักคำว่าพอเพียงของในหลวง
ถือเป็นการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ
เช่นเดียวกับการเข้าคูหาไปกาเลือกสามัญชนมาใช้ พระราชอำนาจของพระองค์ ก็มิผิดเพี้ยน
ผลกรรมจึงตามมาลงโทษทัณฑ์ให้เราต้องอยู่อย่างไร้ความสงบสุขฉะนี้เอง
แต่แผ่นดินย่อมดูแลผู้ที่กาโนโหวตให้มีชีวิตที่สุขสบายไร้กังวล
สามารถมานั่งให้สัมภาษณ์ได้อย่างสบายใจเฉิบๆอยู่ ณ ขณะนี้นั่นเองครับ

6. พี่ตู้มองความแตกต่างระหว่างเพลงเก่ากับนักการเมืองเก่ายังไงครับ ?  

เช่น เพลงยิ่งเก่ายิ่งอมตะ แต่นักการเมืองยิ่งเก่า ก็ยิ่งเก๋าและโกงเก่งอะไรอย่างงี้เป็นต้น

น้องนิยามได้คมคายมากครับ พี่ชอบ เมื่อพี่ชอบพี่ก็ชมต่อหน้า
คนไทยต้องแก้นิสัยไม่กล้าแสดงออกนะครับ ไม่ชม ไม่ด่า
แล้วมันจะรู้มั้ยว่าเราเกลียดมัน
พี่จึงยกย่องวีรกรรมของแกนนำพันธมิตรและผู้ร่วมชุมนุม
และพี่จึงด่าคนที่พี่เกลียด เช่น รากหญ้า
เพราะมันคือต้นตอแห่งปัญหาทั้งปวง
คนที่มันเลือกมาสร้างปัญหาให้บัณฑิตเมืองหลวง
ที่เสียภาษีไปเลี้ยงพวกมันที่โง่และขี้เกียจ

พูดออกสื่อไม่ได้เพราะสื่อขี้ขลาดครับ จึงต้องมาทำทอล์คโชว์
เพื่อให้พูดได้โดยไม่ต้องเกรงใจสื่อที่ปอดแหก
แต่ต้องพูดกับเฉพาะคนดูที่กล้าเท่านั้นนะครับ
คนดูที่ขี้ขลาดอย่าซื้อบัตรทอล์คโชว์พี่นะ เดี๋ยวเยี่ยวแตกในโรงครับ 

สังคมที่ไม่กล้าแสดงออกไม่มีวันเป็นประชาธิปไตยได้ครับ
คนที่ไม่กล้าแสดงออกก็เกิดมาหายใจเสียเปล่าไปชาตินึง เรียกว่า ดีแต่เกิด
ซึ่งเป็นชื่อหนังสือเล่มแรกของพี่ ที่ผู้คนบอกว่าควรอธิบายชื่อหนังสือ
พี่ก็บอกว่าถ้าไม่เข้าใจก็ไม่ควรอ่าน
พี่ไม่เอาใจใครเลยครับ
ไม่ใช่เพราะเป็นลูกทหารยศพลอากาศเอก
ไม่ใช่เพราะไปโตเมืองนอกตอนคุณพ่อเป็นทูตลอนดอน
ไม่ใช่เพราะเป็นนิสิตดีเด่นเพชรชมพูของจุฬา
แต่เพราะพี่เหนื่อยกับการอธิบายคนที่ฟังไม่เป็นครับ
ต่อให้พี่อธิบายจนมันเข้าใจแล้วมันก็ไปนอน แล้วมันจะสงสัยไปทำไม
ไม่ใช่คนสำคัญอะไรเลย
ไม่ได้เป็นแม้แต่ทรัพยากรที่มีคุณค่าอะไรต่อแผ่นดินเลย
แต่ขี้สงสัย ถามจังเลย
แผ่นดินสยามไม่ต้องมีมันก็ได้ครับ เปลืองออกซิเจนสยาม 


พี่เลือกพูดกับเฉพาะคนที่มีไอคิว ฟังเป็น เข้าใจเป็น คิดต่อเป็น
คนเหล่านี้มีประโยชน์ต่อส่วนรวม พี่ต้องพูดกับเค้าครับ

แต่ไอ้ประเภทฟังแล้วขี้ขโมย เช่น พี่ตู้คิดเหมือนผมเลย
พวกนี้พี่ถีบเบาๆแล้วสอนครับ
ท่านคิดสิ่งดีๆแล้วไม่พูดออกมา มึงจะคิดไปทำไม
พลังเงียบไม่มีพลังนะครับไอ้โง่ !!

ได้ผลหลายรายแล้วครับ
จริงๆคือ มันฟังเสร็จแล้วเห็นด้วย แต่วางฟอร์ม ก็พูดว่าคิดเหมือนกัน
ไม่ใช่มันคิดเหมือนพี่นะ มันบอกว่าพี่คิดเหมือนมัน แปลว่ามันคิดก่อน
บัณฑิตที่เรียนถึงปริญญาเอกยังเป็นเลยครับสันดานนี้ คือ คอรัปชั่นดีๆนี่เอง
มาจากการตักกับข้าวจากกลางโต๊ะมาใส่จานตัวเอง คือ
เอาของส่วนรวมมาเป็นของตน
ซึ่งเราสอนเด็กให้โกงตั้งแต่เล็กๆมาโดยไม่รู้ตัวกันครับ
ประเทศที่เป็นประชาธิปไตยในซีกโลกหนาว เวลากินข้าวต้องจานใครจานมัน
ไม่มีการตักจากกลางโต๊ะทีละคำ มันตักทีเดียวราดเสร็จไปเลย
เป็นการวางแผนระยะยาว

ไทยเราคิดทีละคำ แล้วตะกละด้วยนะ กับข้าวหลายอย่างมาก
เมืองหนาวมันกินมื้อละอย่าง เพราะยังมีมื้อหน้าค่อยกินอย่างอื่น
มื้อนั้นไม่ใช่มื้อสุดท้ายของชีวิต มันคิดกันได้ไงครับ
ถ้าเราสอนเด็กกินข้าวราดแกงตั้งแต่เล็ก เด็กจะโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่ตะกละ
ไม่ขโมยของส่วนกาง รู้จักวางแผน
และ คิดเป็นว่าทุกมื้อไม่ใช่ THE LAST SUPPER

เพราะคิดกันไกลอย่างเมืองหนาวไม่ได้
เนื่องจากอุดมสมบูรณ์ ไม่มีการอดอยากหน้าหนาวอย่างพวกนั้น
ก็ไม่มีการวางแผนล่วงหน้า
ทำให้นักการเมืองก็ไม่คิดไกล โกงง่ายๆ
เพราะประชาชนเองก็ไม่คิดไกลเหมือนกัน
เลือกพรรคนี้คนนี้เพราะเบื่อพรรคโน้นคนโน้น
ถ้าคิดไกลจะรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่สามัญชนจะแวะมาหวังดีกับประเทศ 4 ปี
โดยที่ก่อนหน้านั้นก็ไม่เคยทำอะไรให้ประเทศมาก่อนเลย

ฉะนั้นจงพร้อมใจกันกันกาโนโหวตให้สภาโล่งเถิด
เพราะบ้านเมืองก็เดินได้ด้วยกระทรวงต่างๆอยู่แล้วนี่
มีสภาก็ไม่เคยเล่นงานข้าราชการเลวได้เลย เพราะมัวแต่เล่นงานกันเอง 
มีสภาก็คือมีรัฐมนตรีมาช่วยโกงอีก
การกาไม่เลือกใครเป็นการรักษาศักดิ์ศรีของผู้กา
ว่าไม่ได้ส่งโจรเข้าไปแย่งพระราชอำนาจครับ

ถ้าคิดว่ากาโนโหวตแล้วเสียของจะทำให้พวกผู้แทนรากหญ้าชนะและเข้าสภา
กาเลือกประชาธิปัตย์ให้ตายพรรคของรากหญ้าก็มาอยู่ดีทุกทีครับ
มันวางแผนกันมาตั้งแต่ 14 ตุลาแล้วครับ
ผู้ใช้แรงงานต้องเป็นใหญ่ในแผ่นดิน ผู้ใช้สมองต้องเจียมตัวอยู่เงียบๆ
แต่พี่หมั่นไส้มัน เลยไม่อยากเงียบ 

แต่พี่ก็พูดอยู่คนเดียวนะเพราะคนอื่นขี้เกรงใจ
ซึ่งพี่ก็เห็นใจเพราะเค้าไม่มีปืนกลเหมือนพี่ ของพี่เป็นปืนกลอาบยาพิษด้วย
กำลังจะเอาไปให้น้องยะ สุริยใสที่พันธมิตรครับ
แต่ต้องใช้แทง เพราะอาบยาพิษที่ปากกระบอก

นักการเมืองเก่าหรือนักการเมืองใหม่ไม่มีประโยชน์ทั้งนั้นครับ
ถ้าสภายังยกมือไว้วางใจคนโกงอยู่
ระบอบใหม่ต่างหากครับที่จำเป็น ระบอบที่เหมาะสมกับสันดานไทย ที่ขี้โกง
พี่เรียกว่า พอเพียงธิปไตย ถวายแด่พ่อผู้ทรงทศพิศราชธรรมครับ 


ซึ่งพี่ได้ขยายความไว้ใน จดหมายเรียนแกนนำพันธมิตร
ที่ลงตีพิมพ์ในฉบับเดียวกันนี้แล้ว
ใครอ่านแล้วไม่เข้าใจก็อย่าไปพยายามเข้าใจมันเลยนะครับ
จงกลับไปเลือกคนดีต่อไปเถิด
งวดหน้านี่คนดีลงสมัครทั้งนั้นเลย เพราะต้องรีบถอนทุนกัน


หัวข้อ: Re: จรัสพงษ์ สุรัสวดี :: บทสัมภาษณ์ซูโม่ตู้ทอลค์โชว์
เริ่มหัวข้อโดย: terry ที่ พฤศจิกายน 04, 2008, 11:20:09 PM
8. พี่ตู้เห็นดีด้วยหรือไม่กับการที่คนในสังคมเริ่มพูดถึงการเมืองใหม่กันมากขึ้น
เพราะอะไรครับ?

ต้องยกความดีให้พี่สนธิครับ
พันธมิตรทำให้คนกล้าพูดเรื่องการเมืองมากขึ้น
เพราะพูดแล้วไม่เป็นไรไงครับ
ก่อนพันธมิตรก็มีแค่พี่ตู้คนเดียวที่พูดบนเวทีหรือพูดออกสื่อเปิดเผย
คนก็ไม่กล้าเอาอย่างเพราะกลัวเป็นอย่างพี่ตู้ พูดเรื่องเมืองแล้วหัวล้าน 

การเมืองใหม่เป็นความหวังของทุกคนเพราะเบื่อของเก่าครับ
เราเห็นทางตันแต่ความจริงทางไม่ตันถ้ากล้ายกเลิกของเก่ามากกว่าปรับแก้ 

แต่คนก็ยังไม่อยากออกความเห็นกันมาก
เพราะไม่มีความรู้เรื่องประวัติศาสตร์การเมืองโลกครับ
คนที่มีความรู้ก็ดันไม่มีความคิดอีก
โลกพัฒนาด้วยความคิดครับไม่ใช่ด้วยความรู้
ทุกนวัตกรรมมาจากความคิดที่ใช้ความรู้เป็นฐานในการคิด
ความรู้คือ KNOWLEGE ความคิดคือ IDEA
คนฉลาดคือคนที่มีความคิดครับไม่ใช่คนที่มีความรู้
การศึกษาเราสอนให้รู้อย่างเดียว เลยไม่กล้าคิดกัน
เมื่อไม่กล้าคิด ก็ไม่กล้าพูด
คนที่พูดก็พูดแต่ความรู้ไม่พูดความคิด คงเพราะไม่มีกันมั้งครับ
พอใครทักท้วงก็เป๋ไปต่อไม่ถูก 

วันนี้คนไทยก็ยังคุยการเมืองกันไม่ถนัดนะครับ
ต้องหยั่งเสียงดูก่อนว่าอยู่ข้างไหน ซึ่งทำไมต้องเลือกข้างครับ
ใครคุยกับพี่ตู้แล้วปรากฏว่าคุยง่ายดี พี่ตู้ไม่อยู่ข้างพรรคไหนเลย
พี่บอกมันเลวหมดทุกพรรค
แต่พี่ชื่นชมเป็นคนๆไปนะครับไม่เกี่ยวกับพรรค
พรรคเลวก็มีคนดีได้ เพราะเค้ายังไม่เคยเลวเราก็ต้องให้เครดิตเค้าครับ
มนุษย์ทะเลาะกันเพราะดันเลือกพวก โดยหารู้ไม่ว่าผู้ที่ไม่มีพวกมีเยอะกว่าผู้ที่มีพวก
ผู้ที่ไม่มีพวกจึงมีพวกเยอะกว่าครับ
ผู้ที่เลือกว่าจะเป็นพวกไหน วันใดพวกที่เรางมงายเชิดชูเกิดทำอะไรเลวขึ้นมา
เราก็ต้องบากหน้าแก้ตัวแทนมันอีก
ซึ่งก็ฟังไม่ขึ้นก็ต้องเสียหมาไปตลอดกาล
การไม่มีพวกจึงเป็นลาภอันประเสริฐครับ

9. พี่ตู้เบื่อหน่ายหรือไม่ครับกับการเมืองเก่า ?  

เบื่อไม่ได้ครับ
เราเลือกที่จะใช้ระบอบนี้เราต้องแก้จนดีให้ได้ครับ
แต่ต้องแก้ที่ต้นเหตุเลยนะครับ
รากหญ้า พรรค รัฐมนตรี มีแค่ 3 ต้นเหตุเท่านั้น
ซึ่งถ้าใครไม่เห็นด้วยก็ให้เค้าเลือกคนดีต่อไป
อย่าไปบังคับเค้าให้เปลี่ยนแปลงระบอบที่ไม่เหมาะสมกับเค้าครับจะยิ่งมีปัญหา

ความแตกแยกไม่ได้อยู่ที่พันธมิตรกับรัฐบาลนะครับ
ความคิดครับที่แตกแยก
พวกนึงบอกต้องแก้อย่างงี้ อีกพวกบอกต้องแก้อย่างโง้น
โดยไม่มีใครกล้าแก้ที่ต้นเหตุเลยครับ
พี่ไม่ทราบว่าเพราะอะไร โจรก็เลยยังครองเมือง
เพราะเรามัวเถียงกันว่าจะแก้วิธีไหนดี

ถ้ามันตกลงกันได้ว่าใช้ทุกวิธีเลย
แล้วฝ่ายค้านก็เสนอสภาเพื่อทำประชามตินะครับว่าประชาชนเอาวิธีไหนก่อน
จากนั้นเราก็ทดลองใช้
ถ้าไม่ได้ผลก็เอาวิธีที่คะแนนประชามติมาที่สองมาลองอีก
แล้วก็อันที่สามไปเรื่อย บางวิธีมันใช้พร้อมกันได้นะพี่ว่า
ใครจะจ้างรากหญ้ากาคะแนนให้ฝ่ายโจรก็ไม่ได้
เพราะไม่มีข้อไหนเป็นประโยชน์ของฝ่ายโจรเลยครับ
ใครเสนอวิธีที่โจรได้ประโยชน์เราก็คัดออกโดยเสียงส่วนใหญ่
ของกรรมการประชามติที่พกปืนอาบยาพิษทุกคน

ถ้าใครเห็นด้วยกับหนทางนี้ กรุณาไปบอกพี่ที่ทอล์คโชว์ 26 ตุลา
พี่สัญญาว่าจะเสนอคุณอภิสิทธิ์ให้ในงานบนเวทีเลย
ซึ่งคราวที่แล้วคุณอภิสิทธิ์ก็กรุณาให้เกียรติมารับ
ร่าง พ.ร.บ.ป้องกันการทารุณสัตว์เลยบนเวทีเช่นกันครับ

10. ถ้าเราจำเป็นจะต้องมีการเมืองใหม่กันจริงๆ พี่ตู้มองภาพของการเมืองใหม่ว่า ควรจะออกมาเป็นอย่างไรครับ ?

พอเพียงธิปไตย ครับ
ซึ่งพี่ตั้งชื่อไว้เรียกไปงั้นเองเพื่อให้นึกออกว่าพูดถึงอะไร
โดยแก้ที่ต้นเหตุทั้ง 3 ปัญหา
ซึ่งปัญหาวันนี้คือ การโกงกิน ความแตกแยก และ คุณภาพผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง

ที่มาของปัญหาคือ
 ตำแหน่งรัฐมนตรีทำให้มีสิทธิ์โกง

 ระบบพรรคทำให้เกิดการแตกแยก

 คนไม่เสียภาษีมีสิทธิ์เลือกตั้งทำให้เลือกชุ่ย

ซึ่งทุกคนเห็นด้วยในสามข้อนี้
ดังนั้น การเมืองใหม่ต้อง
ไม่มี ตำแหน่งรัฐมนตรี
ไม่มี พรรคการเมือง ครับ
ประธานสภา คือ นายก ซึ่งไม่มีอำนาจแต่งตั้งโยกย้ายหรืออนุมัติโครงการ
มีหน้าที่รับแขกเมืองอย่างเดียว คือ ความจริงไม่ต้องมีนายกก็ได้ไง
เพราะประเทศเรามีองคมนตรีมีประมุขแล้วนะครับ อย่าทำเป็นลืมกัน

สภา ในระบอบใหม่ควรมีหน้าที่ ตรวจสอบข้าราชการเลว
แล้วส่งศาลรัฐธรรมนูญเลยครับ
ไม่ต้องส่งศาลปกครอง จะได้ไม่ต้อง อุทร ฎีกา
สภาในระบอบใหม่ไม่ต้องตรวจสอบรัฐมนตรีครับ
เพราะรัฐธรรมนูญใหม่ยกเลิกตำแหน่งรัฐมนตรีทั้งหมด
ก็ไม่มีการโกงกินในระดับบริหารอีกต่อไป
นักการเมืองเก่าก็จะเลิกเล่นการเมือง เพราะไม่มีโอกาสโกงอีกต่อไป

เมื่อไม่มีตำแหน่งรัฐมนตรี
สภาในระบอบใหม่ก็ตั้ง กรรมาธิการกระทรวง แทน รัฐมนตรี
กระทรวงละ 20 คน มาจากผู้แทนราษฎรในสภาใหม่ที่ห้ามสมาชิกสังกัดพรรค
กรรมาธิการกระทรวงทำหน้าที่แทนรัฐมนตรี
แต่ไม่มีอำนาจแต่งตั้งโยกย้ายหรืออนุมัติโครงการใดๆ
มีหน้าที่ ผลักดันการทำงานของกระทรวงนั้นๆ
ตรวจสอบข้าราชการในกระทรวงนั้นๆ
ใครจะซื้อกรรมาธิการกระทรวงต้องซื้อกึ่งหนึ่งของ 20 คน
ที่ต่างคนต่างมาไม่ใช่แก๊งเดียวกันมาก่อน
แต่กรรมาธิการกระทรวงก็เปลี่ยนทุก 6 เดือน
เวรกรรม ประเทศนี้มีแต่โจรหรืออย่างไรครับ
จึงต้องตั้งกติกาใหม่เข้มงวดขนาดนี้ จำเป็นครับถ้าจะแก้กันจริงๆ

ลองนึกนะครับว่าถ้าสภาใหม่ไม่มีพรรคการเมือง
เพราะรัฐธรรมนูญใหม่ห้ามสังกัดพรรค อะไรจะเกิดขึ้น
จะเหมือนยุคทองของประชาธิปไตยสมัยกรีก
ทุกคนเป็นอิสระไม่ต้องขึ้นต่อหัวหน้าพรรค
500 คนก็ 500 ความคิด
ไม่ใช่ 500 คนแต่ 2 ความคิดอย่างวันนี้
เพราะมีแค่ 2 ฝ่ายจาก 2 พรรคใหญ่เท่านั้น ก็แบ่งข้างตีกัน
นอกสภาก็แบ่งตาม ก็วุ่นวาย
สภาใหม่มี 500 ฝ่ายจะแบ่งพวกตีกันยังไง
ซื้อก็ไม่ได้ เพราะเมื่อห้ามมีพรรคการเมือง
คนดีๆที่ไม่ใช่นักการเมืองอาชีพก็แห่กันลงสมัคร
แย่งเก้าอี้นักการเมืองอาชีพซึ่งก็หนีหมด
เพราะไม่มีตำแหน่งรัฐมนตรีให้โกงกินแล้ว
คนอย่างพี่และท่านผู้อ่านก็จะเข้าสภาได้ด้วยยินดีเพราะไม่ต้องสังกัดพรรคไงครับ
แต่ต้องเข้าไปนั่งกันให้เต็มทุกสมัยนะครับ
ไม่งั้นมันซื้อเสียงเข้ามาแก้รัฐธรรมนูญคืนจนได้

จะป้องกันการซื้อเสียงอย่างไรล่ะครับทีนี้
เพื่อความถูกต้องและยุติธรรมซะที
กำหนดจำนวนผู้แทนแต่ละจังหวัดมากหรือน้อยตาม
อัตราการเสียภาษีรายได้ ของแต่ละจังหวัด
อยากมีผู้แทนเยอะก็ต้องขยันเสียภาษีแข่งกันทั้งประเทศ
ก็เจริญกันทุกจังหวัด
แต่พี่ว่าคงขี้เกียจเหมือนเดิมแหละครับ มีผู้แทนน้อยก็ช่างมัน
ผู้แทนต่างหากที่เดือดร้อน ประชาชนไม่สนอยู่แล้ว 
แต่เราสามารถกำจัดนักการเมืองคุณภาพต่ำได้เห็นๆไงครับ

จะได้มาซึ่งรัฐธรรมนูญใหม่ ทำได้ 2 วิธีครับ
ทำรัฐประหาร แล้วเข้ามาแก้ 3 ข้อนี้แล้วเลือกตั้งด้วยรัฐธรรมนูญใหม่
หรือ ทำประชามติ โดยเสนอ 5 วิธีซึ่งล้วนเป็นวิธีพิฆาตมารทั้งสิ้น
ให้ประชาชนเลือกว่าจะเอาวิธีไหน ไม่ใช่เลือกว่าเอาหรือไม่เอา

11. พี่ตู้คิดเห็นยังไงที่มีคนมองว่าพี่เป็นคนที่มีทัศนคติอันเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของชาติ ?

ไม่ใช่ความมั่นคงของชาติครับ
ความมั่นคงของพวกมันต่างหาก ที่เป็นอันตรายจากทัศนคติของพี่
เพราะพี่ต่อต้าน กุ๊ยยาธิปไตย ไงครับ
ถ้าประชาชนเห็นด้วยกับพี่ พวกมันก็จะไม่มั่นคง
แต่ประชาชนทั่วไปไม่เห็นด้วยกับพี่หรอกครับ
เค้าคิดว่าเลือกคนดีบ้านเมืองก็เรียบร้อยแล้ว
เรียบร้อยโรงเรียนลูกครึ่งจีนครับ
คนจีนไม่มีอันตรายต่อประเทศเรานะครับ
เค้าขยันทำมาหากิน หาเงินเข้าประเทศเรา เสียภาษีให้เรา
ยกเว้นพวกห้องแถวบางห้องแถวทั่วประเทศเท่านั้นครับ

เราเป็นหนี้บุญคุณคนจีนนะครับ
ตั้งแต่พระเจ้าตากมาจนถึงนักธุรกิจวันนี้

แต่เจ๊กซิ่ครับที่ทำร้ายประเทศเรา
เจ๊กเป็นวรรณะต่ำของจีน
คนจีนที่หนีมาไทยสมัยอยุธยาเค้าหนีเจ๊กมาครับ
วันนี้เจ๊กตามมาแล้ว อยู่เต็มสภาแล้ว
เพราะเจ๊กซื้อเสียงเสี่ยวตอนเลือกตั้ง
คนไทยเจ้าของประเทศก็ร่วมมือกับพี่น้องเชื้อสายจีนขับไล่เจ๊กที่มีเสี่ยวหนุน
เสี่ยวเป็นวรรณะต่ำของลาวครับ
ลาวเป็นผู้ดีเก่ามารยาทงามเหมือนจาวเหนือของไทยเรา
แต่เสี่ยวอพยพหนีคอมมิวนิสลาวมาอาศัยในบ้านเรา
คลอดลูกหลานมีบัตรประชาชน แต่วรรณะไม่ยอมขยับ ขี้เกียจ โง่ อวดดี
คนไทยก็ไม่กล้าว่ากล่าว เพราะเกรงใจ ขี้ขลาดนั่นแหละครับ
มันจึงจะครองประเทศเราอยู่แล้ว 


เมื่อใดที่พี่น้องเชื้อสายไทยกับจีนจับมือกันขับไล่เจ๊กและเสี่ยวสำเร็จ
ประเทศจะน่าอยู่ทันที  เพราะเหลือแต่ผู้ดีไม่มีจัณฑาลอีกต่อไป

เมื่อมาอาศัยแผ่นดินเขาอยู่ต้องรู้จักเจียมตัว
แต่ถ้าเจ้าของบ้านขี้ขลาดก็สมควรสูญเสียความมั่นคงของชาติครับ
แสดงออกกันซะมั่งพี่ไทย โดยเฉพาะกองทัพน่ะ
ปล่อยพวกมันได้ใจกันใหญ่แล้ว มันรอสมน้ำหน้าเราอยู่นะ
มันมีอาชีพล้มสถาบันนะครับ
เจ๊กล้มกษัตริย์จีน เสี่ยวล้มกษัตริย์ลาว
ไม่รู้มาเสือกอะไรในบ้านเมืองเรากันครับ   

อังกฤษไล่กุลีออกจากสิงคโปร์หมด
ใครไม่เรียนหนังสือมันถีบตกทะเล ว่ายน้ำมาหาเราอื้อเลย
สิงคโปร์นำเข้ากุลีชั่วคราวระยะสั้น ห้ามคลอดในประเทศ บ้านเมืองเค้าจึงเรียบร้อย
เพราะทุกคนมีการศึกษา ก็ไม่มีใครเลือกโจรเข้าสภาครับ
ไม่ใช่เพราะเค้าไม่มีโจรสมัครรับเลือกตั้งนะครับ เพราะไม่มีใครเลือกมันครับ
หลังๆมันก็เลยไม่สมัครแล้ว เค้าเริ่มอย่างนี้นี่เอง

12. พี่ตู้เคยมีความคิดหรือความสนใจที่จะเข้าไปเล่นการเมืองหรือเปล่าครับเพราะอะไร?

ถ้ายังบังคับให้สังกัดพรรค ไม่มีวันครับ
พี่รังเกียจระบบแก๊งครับ ไม่มีอิสระในการแสดงความคิด
ต้องเชื่อฟังหัวหน้าแก๊ง ไม่เห็นมันเป็นประชาธิปไตยตรงไหน
มีหน้าที่ยกมือให้รัฐมนตรีของพรรคโกงกินเท่านั้นครับ ต่ำช้ามาก 
พี่เป็นลูกผู้ดี พี่ยอมไม่ได้จริงๆ หม่อมแม่ต้องเคืองเป็นแน่แท้
นามสกุลพระราชทานไม่สมควรเกลือกกลั้วของโสมม

เมื่อใด ยกเลิกระบบพรรค ยกเลิกรัฐมนตรี
พี่จะเข้าไปรับใช้แผ่นดินทางตรงในสภาครับ
พี่ว่าหลายท่านที่มีความคิดและฝีมือก็ยินดีทำงานให้แผ่นดิน
ภายใต้เงื่อนไขใหม่ของระบอบใหม่ พอเพียงธิปไตย 
ที่ไม่มีรัฐมนตรี ไม่มีพรรค ไม่มีผู้แทนของเสี่ยว
แต่ถ้ายังเป็น กุ๊ยยาธิปไตย ไม่มีผู้ดีเล่นด้วยแน่นอนครับ

13. พี่ตู้มองสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบันอย่างไรบ้างครับ?  

ไม่รอดครับ เพราะเราไม่กล้าคิดนอกกรอบ
เราแก้ปัญหาด้วยวิธีการเดิมๆ มันก็วนกลับมาให้แก้ใหม่อยู่อย่างนี้ครับ
เราไม่กล้าตัดต้นตอของปัญหา เราไม่กล้าแตกหัก เราไม่กล้าใช้ความเด็ดขาด
แต่พี่ว่าถ้าแกนนำพันธมิตรเด็ดขาดก็อาจไม่มีใครเอาด้วยนะ
เพราะธรรมเนียมไทยไม่นิยมความเด็ดขาด
เมื่อเด็ดขาดไม่ได้ ก็ต้องใช้ความอดทนแทนซิ่ครับ

ซึ่งพี่ไม่มีไง
สุริยใสชวนพี่ พี่ก็ลำบากใจ เพาะพี่แพ้ยุง
ที่สำคัญคือเค้าห้ามพกอาวุธ แต่พี่พกปืนติดตัวตลอดเวลา
เพราะพี่กลัวตายมากจริงๆครับ
พี่แปลกใจที่คนไทยไม่กลัวตายกัน ไม่มีใครพกอาวุธเลย
หรือเค้าคิดว่าชีวิตของเค้าไม่มีค่า
ก็ในเมื่อผู้ร้ายมีอาวุธแล้วทำไมเราจึงจะยอมเสียเปรียบมันครับ
ทุกชีวิตมีค่าครับ แม้จะคิดหลอดไฟฟ้าหรือระบอบใหม่ไม่ได้ก็ตาม 

อเมริกาสร้างประเทศโดยการ
ติดอาวุธให้พลเมืองดีทุกคนโดยอิสระที่เอวเลย เพราะโจรชุมมาก
มันมาจากพวกกุ๊ยที่มาขุดทองแล้ววืด ก็มาปล้นจี้รังแกชาวบ้าน
กฎหมายก็อนุญาตให้ชาวบ้านพกปืนบ้าง

โจรก็จ๋อย ต้องหันไปปล้นรถไฟ ธนาคาร ที่ปล้นประชาชนมาอีกที
ประชาชนก็ยกให้เป็นวีรบุรุษเพราะช่วยรังแกคนที่รังแกประชาชน
ลูกหลานก็เอาชีวประวัติมาทำเป็นหนัง   

พี่น้องพันธมิตรเราวันนี้ก็ไม่ต่างจากวีรบุรุษ เช่น เจสซี่ เจมส หรือ โรบินฮู้ด หรอกครับ
ลูกหลานจะสรรเสริญท่านในวันข้างหน้า
ถ้าท่านแก้ปัญหาด้วยวิธีที่ฉลาดสำเร็จลุล่วงโดยถาวรนะครับ
พี่ตู้เป็นกำลังใจให้เสมอตั้งแต่แรก บริจาคให้ก็เยอะ
เตรียมอาวุธไว้ให้ตั้งนานจนสนิมขึ้นแล้ว
ความคิดคนเราก็สนิมขึ้นได้นะครับ ถ้าไม่นำมาปฏิบัติซะที

พี่เขียนชื่อน้องโบแปะหน้าประตูห้องแล้วยืนร้องไห้อยู่ตรงนั้น
สัญญาน้องว่าจะช่วยพันธมิตรเปลี่ยนระบอบให้สำเร็จ
เพื่อไม่ให้ชีวิตน้องโบสูญเปล่า
น้องโบเตือนพี่ว่า
ระวังจะเหนื่อยเปล่านะ บ้านเมืองดีๆเหมาะสำหรับประชาชนดีๆเท่านั้น
ถ้าประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่ได้ความ ก็ยังไม่ควรเอาบ้านเมืองดีๆไปให้พวกมันใช้
พี่ไม่เถียงกับวิญญาณครับ

14. พี่ตู้มองว่า ทำยังไง ประเทศชาติของเราถึงจะไม่ต้องเดินเข้ามาวงจรเดิมๆ
เช่น ปฏิวัติ เข่นฆ่ากัน ใช้ความรุนแรง ครับ?  

ต้องเปลี่ยนประชากรครับ สิงคโปร์ทำสำเร็จนะครับ
โดยอังกฤษไล่ประชากรเดิมออกหมดเลย เอาคนจีนเข้ามาแทน
บังคับให้เรียนหนังสือ ให้เคารพกฎหมาย ลงโทษรุนแรง ได้ผลครับ 

พี่เคยเห็นภาพเก่าๆของสิงคโปร์ ผู้คนหน้าตาไม่ใช่อย่างทุกวันนี้ครับ
เป็นชาวเกาะ ขี้เกียจ ขนาดเป็นภาพนิ่งยังดูรู้เลยว่าขี้เกียจมากครับ
พี่เดินบนถนน ORCHARD เห็นกุลีไทยทำงานก่อสร้างที่นั่น
ตะโกนทักทายพี่ ดีใจเจอดารา ทำท่าบาบูนกันใหญ่
เพื่อนสิงคโปร์ถามพี่ว่า เป็นกันอย่างงี้ทั้งประเทศเหรอ
พี่อายเค้านะ พี่บอกเค้าว่าเป็นเฉพาะในภูมิภาคกับในสภา
ซึ่งพี่บอกว่าพี่ภูมิใจที่กุลีไทยแสดงออกน่ารักเหมือนลิง
เนื่องจากพี่รักสัตว์เพราะพี่เป็นนายกสมาคมพิทักษ์สัตว์
เพื่อนเลยพาไปกินข้าวที่ GOLDEN MILE ซึ่งเป็นที่สิงสู่ของกุลีไทย

พี่ก็ได้ถามทุกข์สุขพวกเราเรื่องไหลตาย
เค้าเล่าให้พี่ฟังว่าวิญญาณชาวเกาะสิงคโปร์เข้าสิง
หวงบ้านเมือง จึงเข่นฆ่าพวกต่างด้าว   
แต่ก็ไม่เห็นพวกอังกฤษสมัยยึดครองโดนวิญญาณฆ่าตอนหลับเลยครับ
ที่สำคัญคือเป็นเฉพาะกุลีชาย 
พี่ก็ซักไซ้ละเอียดจนได้ความว่านอนหงายแล้วลิ้นตกปิดเพดานกั้นทางหายใจ
ซึ่งในคนปกติจะสะดุ้งตื่นโดยสัญชาติญาณอัตโนมัติ
แต่พี่น้องกุลีไทยเมาสลบเพราะกินเหล้าหนักก่อนนอน
ร่างกายไม่แสดงปฏิกิริยาใดๆ ก็ขาดใจกันไป
ไม่ใช่อย่างที่หมอสันนิฐานว่าหุงข้าวในท่อพีวีซีแล้วรับสารพิษเข้าร่างกาย
พี่จึงแนะนำน้องๆกุลีไทยทั้งหลายให้แก้ไขโดยการนอนตะแคง
เค้าบอกว่าไม่ถนัด เพราะติดโหนกแก้ม
ก็จริงของเค้านะ เพราะพี่ก็ไม่เคยเห็นบาบูนนอนตะแคง
บาบูนแก้ปัญหาไม่เป็น เพราะไม่ยอมเรียน

ทั้งๆที่รัฐก็ให้เรียนฟรีด้วยซ้ำ อ้างโน่นอ้างนี่ ก็ขี้เกียจนั่นแหละ 

อังกฤษไม่ยอมให้สิงคโปร์เลี้ยงคนที่สร้างแต่ปัญหาและแก้ปัญหาไม่เป็นไว้บนเกาะเลยครับ
ถ้าเราไม่อยากเจอวงจรเดิมๆทางการเมือง
เราต้องกำจัดเผ่าพันธุ์ที่สร้างปัญหาและแก้ไม่เป็นครับ
นักการเมืองที่มีปัญหาใบเหลืองใบแดงมาจากเขตไหน
ก็ให้เขตนั้นพักการเลือกตั้ง 5 ปี ไม่ต้องมีผู้แทนครับ
จะมาอ้างว่าต้องมีผู้แทนไว้ดูแลพื้นที่ ไม่มีที่ไหนในโลกที่ผู้แทนต้องดูแลพื้นที่ครับ
ประชาชนในประเทศที่จะเป็นประชาธิปไตยได้ต้องดูแลตัวเองได้
ไม่ใช่กินผ้าห่มแล้วมาแบมือขอทุกปี

ผู้แทนทั่วโลกเค้าทำหน้าที่นิติบัญญัติพิจารณากฎหมายแก้ปัญหาให้ประเทศครับ
หน้าที่ดูแลท้องที่เป็นเรื่องของมหาดไท นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งมีงบอยู่แล้ว
ไม่ต้องมาตั้งงบซ้อนเพื่อสวาปาม
เราเป็นประชาธิปไตยไม่ได้เพราะมีพวกนี้อยู่ในประเทศครับ
พวกที่กินผ้าห่มทุกปี น้ำท่วมสลับน้ำแล้ง
น้ำท่วมเราก็ต้องช่วย น้ำแล้งเราก็ต้องช่วยอีก
เพราะเก็บน้ำไว้ใช้กันไม่เป็น


หัวข้อ: Re: จรัสพงษ์ สุรัสวดี :: บทสัมภาษณ์ซูโม่ตู้ทอลค์โชว์
เริ่มหัวข้อโดย: E_mail ที่ พฤศจิกายน 04, 2008, 11:23:51 PM
ยอดเยี่ยม ได้ใจ  ::002::

แต่รับประกันว่าเดี๋ยวต้องมีคนมางอแง  ::005:: ::005::


หัวข้อ: Re: จรัสพงษ์ สุรัสวดี :: บทสัมภาษณ์ซูโม่ตู้ทอลค์โชว์
เริ่มหัวข้อโดย: deore XT ที่ พฤศจิกายน 05, 2008, 12:44:56 AM
คุณterryจขกท. เสื้อแดงสวยได้ใจจังครับ


หัวข้อ: Re: จรัสพงษ์ สุรัสวดี :: บทสัมภาษณ์ซูโม่ตู้ทอลค์โชว์
เริ่มหัวข้อโดย: rute - รักในหลวง ที่ พฤศจิกายน 05, 2008, 01:27:50 AM
มาแล้ว...::005::


หัวข้อ: Re: จรัสพงษ์ สุรัสวดี :: บทสัมภาษณ์ซูโม่ตู้ทอลค์โชว์
เริ่มหัวข้อโดย: Τσρ Κσρ รักในหลวง ที่ พฤศจิกายน 05, 2008, 02:10:21 AM
ขอบคุณครับ ชอบแนวคิด พี่ตู้ มานานมากแล้วครับ    :VOV:


หัวข้อ: Re: จรัสพงษ์ สุรัสวดี :: บทสัมภาษณ์ซูโม่ตู้ทอลค์โชว์
เริ่มหัวข้อโดย: Bird ที่ พฤศจิกายน 05, 2008, 02:33:48 AM
ยอดเยี่ยม ได้ใจ  ::002::

แต่รับประกันว่าเดี๋ยวต้องมีคนมางอแง  ::005:: ::005::

มาแล้ว...::005::


 ::007:: ::007:: ::007::


หัวข้อ: Re: จรัสพงษ์ สุรัสวดี :: บทสัมภาษณ์ซูโม่ตู้ทอลค์โชว์
เริ่มหัวข้อโดย: Suchet ที่ พฤศจิกายน 05, 2008, 04:04:21 AM
ขอบคุณมากครับที่นำมาให้อ่าน    ::002:: ::002::   + 1



หัวข้อ: Re: จรัสพงษ์ สุรัสวดี :: บทสัมภาษณ์ซูโม่ตู้ทอลค์โชว์
เริ่มหัวข้อโดย: ahu ที่ พฤศจิกายน 05, 2008, 07:38:21 AM
ยังจำสัญลักษณ์กลุ่มซูโม่ได้ครับ.......ตอนหลังมีตัวเล็กวิ่ง ดุ๊ก ดิ๊ก มาเกาะขา


หัวข้อ: Re: จรัสพงษ์ สุรัสวดี :: บทสัมภาษณ์ซูโม่ตู้ทอลค์โชว์
เริ่มหัวข้อโดย: น้าพงษ์...รักในหลวง ที่ พฤศจิกายน 05, 2008, 07:46:34 AM
..เอ่..ถ้าจำไม่ผิด.ซูโม่ตู้.ท่านนี้ก็.คอปืน.คนนึงใช่ไหมครับ... ;D


หัวข้อ: Re: จรัสพงษ์ สุรัสวดี :: บทสัมภาษณ์ซูโม่ตู้ทอลค์โชว์
เริ่มหัวข้อโดย: ScaRECroW ที่ พฤศจิกายน 05, 2008, 08:25:44 AM
ก่อนหน้านี้มีกระทู้หนึ่ง สมาชิกท่านหนึ่งบอกทำนองว่า จบปริญญาตรีบวก 1 เสียง จบปริญญาโทบวก 2 จบต่างประเทศบวก 3 หรืออะไรทำนองนี้

สมาชิกท่านนั้นรู้สึกจะเละครับ  :D


หัวข้อ: Re: จรัสพงษ์ สุรัสวดี :: บทสัมภาษณ์ซูโม่ตู้ทอลค์โชว์
เริ่มหัวข้อโดย: ๏แก้วเดียวจุก๏รักในหลวง ที่ พฤศจิกายน 05, 2008, 09:31:55 AM
   เป็นการมองตัวเองอย่างตรงไปตรงมาดีครับ อยู่ที่ว่าเรา คนอื่นๆ จะกล้าย้อนมองและยอมรับแบบเค้าหรือเปล่า


หัวข้อ: Re: จรัสพงษ์ สุรัสวดี :: บทสัมภาษณ์ซูโม่ตู้ทอลค์โชว์
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ พฤศจิกายน 05, 2008, 09:47:10 AM
แรงกว่านายสมชายแยะครับ...

ฮา... สามที


หัวข้อ: Re: จรัสพงษ์ สุรัสวดี :: บทสัมภาษณ์ซูโม่ตู้ทอลค์โชว์
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ พฤศจิกายน 05, 2008, 09:51:28 AM
เย้...


หัวข้อ: Re: จรัสพงษ์ สุรัสวดี :: บทสัมภาษณ์ซูโม่ตู้ทอลค์โชว์
เริ่มหัวข้อโดย: EAK1980 รักในหลวง ที่ พฤศจิกายน 05, 2008, 10:27:28 AM
อย่าแบ่งคนที่การศึกษาเลยครับ...ลองคิดดูแล้วไอ้ที่โกงๆกันอยู่นี่เขาเรียนจบอะไรกันมาครับ.....เคยรู้จักป้าที่ขายข้าวแกงจบประถม คนให้เงินเขาเอาครับ...แต่แกไม่เลือกแกบอกมันแจกเดี๋ยวมันก็ไปเอาคืน...ต้นตอของปัญหามันอยู่ที่ไอ้คนที่ไปแจกชาวบ้านเขามากกว่า
ระดับของการศึกษามันไม่ได้บ่งบอกถึงระดับจิตสำนึกของความเป็นคน...ถ้าเป็นเมื่อก่อนสื่อไม่แพร่หลายความรู้ข่าวสารหาได้ยากก็น่าจะแบ่งปัจจุบันนี้
ความรู้ข่าวสารมีให้เสพมากมายครับ...บางคำในบทสัมภาษณ์ผมว่าแรงไปนะครับ...


หัวข้อ: Re: จรัสพงษ์ สุรัสวดี :: บทสัมภาษณ์ซูโม่ตู้ทอลค์โชว์
เริ่มหัวข้อโดย: ScaRECroW ที่ พฤศจิกายน 05, 2008, 10:56:44 AM
เย้...


อ้าว :D


หัวข้อ: Re: จรัสพงษ์ สุรัสวดี :: บทสัมภาษณ์ซูโม่ตู้ทอลค์โชว์
เริ่มหัวข้อโดย: ทัดมาลา ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป ที่ พฤศจิกายน 05, 2008, 10:58:52 AM
อย่าแบ่งคนที่การศึกษาเลยครับ...ลองคิดดูแล้วไอ้ที่โกงๆกันอยู่นี่เขาเรียนจบอะไรกันมาครับ.....เคยรู้จักป้าที่ขายข้าวแกงจบประถม คนให้เงินเขาเอาครับ...แต่แกไม่เลือกแกบอกมันแจกเดี๋ยวมันก็ไปเอาคืน...ต้นตอของปัญหามันอยู่ที่ไอ้คนที่ไปแจกชาวบ้านเขามากกว่า
ระดับของการศึกษามันไม่ได้บ่งบอกถึงระดับจิตสำนึกของความเป็นคน...ถ้าเป็นเมื่อก่อนสื่อไม่แพร่หลายความรู้ข่าวสารหาได้ยากก็น่าจะแบ่งปัจจุบันนี้
ความรู้ข่าวสารมีให้เสพมากมายครับ...บางคำในบทสัมภาษณ์ผมว่าแรงไปนะครับ...

จริงครับ นักการเมือง สวมตอ สวมวุฒิ จ้างคนไปเรียน จ้างคนทำการบ้าน จ้างคนไปสอบซะค่อนสภา..............



หัวข้อ: Re: จรัสพงษ์ สุรัสวดี :: บทสัมภาษณ์ซูโม่ตู้ทอลค์โชว์
เริ่มหัวข้อโดย: ThaiLoei ที่ พฤศจิกายน 05, 2008, 11:15:06 AM
 ;Dบางสิ่งที่คุณ ตู้ให้สัมภาษณ์ เเรงไปมากครับ
อย่างการให้สิ่งของยังชีพกับคนที่เขาเรียกว่ารากหญ้า
โดยมองว่าคนเหล่านี้ไร้ความสามารถ ต้องคอยรับเเจกอย่างเดียว
นั้น ถ้าไม่ให้เขาเขาก็อยู่ได้ ครับ เพียงเเต่ เราเห็นเขา เเล้วเราคิดไปเองว่า
เขาเหล่านั้นคงจะลำบากน่าสงสาร โดยใช้บรรทัดฐานความเป็นคนเมืองไปวัด
ทั้งที่จริงเเล้ว เขาก็ถือเป็นเรื่องปรกติของเขา อยู่เเล้ว
ไม่งั้นถ้าเขาทนไม่ได้ จริงๆ
ก็คงไม่สามารถดำรงเผ่าพันธุ์ของเขา มารับของเเจกยังชีพที่เริ่ม มีมาไม่กี่ปี
จนถึงปัจจุบันนี้หลอกครับ
  การที่คุณตู้มองระบบนั้นผมเห็นด้วย อย่างยิ่ง
มันผิดมาตั้งเเต่ต้น ถึงคนใหม่จะมีอุดมการณ์เเรงกล้า ความคิดดีขนาดไหน
เมื่อเข้าสู่ระบบ อันไม่พึงต้องการนี้เเล้ว  ถ้าไม่ทำตามก็จะถูกบีบโดยคนบังคับใช้ระบบ
ที่อยู่มาก่อน เมื่อโดนบีบมากๆ ก็ไม่สามารถอยู่เพื่อเเก้ไขได้
หรือถ้าสามารถอยู่ได้ ก็จะเสียความเป็นตัวตน โดยการกลายเป็นสิ่งเดียวกับคนส่วนมากในระบบไป
การที่ระบบห่วยๆ นี้อยู่ได้ เพราะ.............การมีผลประโยชน์ร่วม...... :~)..........
ลบล้าง โดยการ Dlete ไม่ได้เเน่นอน ต้อง  Format สถานเดียว :OO


หัวข้อ: Re: จรัสพงษ์ สุรัสวดี :: บทสัมภาษณ์ซูโม่ตู้ทอลค์โชว์
เริ่มหัวข้อโดย: นิ น น า ท ที่ พฤศจิกายน 05, 2008, 11:29:38 AM

                  ....เจ็บ  ลึก  แรง  กล้าแสดง  ไม่แปลง..ไม่เคยเปลี่ยน

ตู้  จรัสพงษ์...  อีกครั้งหนึ่งที่ประทับใจระคน..ขมขื่นกับ..ความเป็นจริง

นับจาก "รัฐบาลพระราชทาน..เถอะนะ พี่แม้ว..นะ"  เมื่อปี ๒๕๔๙...

+ให้คุณ terry สำหรับบทความ..ประทืองปัญญา ชิ้นนี้ ครับ


หัวข้อ: Re: จรัสพงษ์ สุรัสวดี :: บทสัมภาษณ์ซูโม่ตู้ทอลค์โชว์
เริ่มหัวข้อโดย: ฮิวโก้ ที่ พฤศจิกายน 05, 2008, 12:35:25 PM
ปวดตา   +1ครับ ::002::


หัวข้อ: Re: จรัสพงษ์ สุรัสวดี :: บทสัมภาษณ์ซูโม่ตู้ทอลค์โชว์
เริ่มหัวข้อโดย: Choro - รักในหลวง ที่ พฤศจิกายน 05, 2008, 12:58:41 PM
อย่าแบ่งคนที่การศึกษาเลยครับ...ลองคิดดูแล้วไอ้ที่โกงๆกันอยู่นี่เขาเรียนจบอะไรกันมาครับ.....เคยรู้จักป้าที่ขายข้าวแกงจบประถม คนให้เงินเขาเอาครับ...แต่แกไม่เลือกแกบอกมันแจกเดี๋ยวมันก็ไปเอาคืน...ต้นตอของปัญหามันอยู่ที่ไอ้คนที่ไปแจกชาวบ้านเขามากกว่า
ระดับของการศึกษามันไม่ได้บ่งบอกถึงระดับจิตสำนึกของความเป็นคน...ถ้าเป็นเมื่อก่อนสื่อไม่แพร่หลายความรู้ข่าวสารหาได้ยากก็น่าจะแบ่งปัจจุบันนี้
ความรู้ข่าวสารมีให้เสพมากมายครับ...บางคำในบทสัมภาษณ์ผมว่าแรงไปนะครับ...

จริงครับ นักการเมือง สวมตอ สวมวุฒิ จ้างคนไปเรียน จ้างคนทำการบ้าน จ้างคนไปสอบซะค่อนสภา..............



เข้าห้องเรียน อาจารย์ต้องไหว้ลูกศิษย์   สอนอะไรก็ได้กูไม่ฟังอยู่แล้ว นอกเรื่องตลอกเลยผมเนี่ย

ขอบคุณบทความครับ  ::014::


หัวข้อ: Re: จรัสพงษ์ สุรัสวดี :: บทสัมภาษณ์ซูโม่ตู้ทอลค์โชว์
เริ่มหัวข้อโดย: Glock36 ที่ พฤศจิกายน 05, 2008, 01:04:53 PM
พี่ตู้เป็นคนรักปืนคนนึงครับ จำได้ว่าแกเคยเอาปืนมาโชว์ในรายการที่รับเชิญด้วย

ความเห็นแรง ตรงไปตรงมา เชื่อว่าถ้าทำได้น่าจะมีประโยชน์ต่อประเทศ และเห็นด้วยกับท่านที่บอกว่าคนที่ความรู้น้อย แต่เป็นคนดีก็ยังมีอยู่ครับ


หัวข้อ: Re: จรัสพงษ์ สุรัสวดี :: บทสัมภาษณ์ซูโม่ตู้ทอลค์โชว์
เริ่มหัวข้อโดย: Ro@d - รักในหลวง ที่ พฤศจิกายน 05, 2008, 02:26:49 PM

ขอบคุณมากครับ คุณ terry .  :D.
เยี่ยมครับ ความคิดของพี่ตู้ เป็นครรลอง ที่เด็ดขาด ประเภท

"กูไม่กลัวมึง และกูพร้อมจะจัดการกับพวกมึงให้สิ้นซาก "
(กู-มึง ในความหมายนี้ไม่ใช่การใช้ คำหยาบนะครับ )

ที่หยิบจับข้อเท็จจริงในประวัติศาสตร์ ความเป็นมาและเป็นไป ของบางกลุ่มชน
ที่มีพฤติการณ์ เป็น สวะของสังคม.. 

ถ้าตาม คำในพุทธศาสนา ก็"พวกบัวใต้ตม" เป็นพวกปราศจากปัญญา

ผมถวิลหา ผู้กล้าแสดงความเห็น ครรลองนี้ มานานพอสมควร แล้ว ครับ.  ::002::


หัวข้อ: Re: จรัสพงษ์ สุรัสวดี :: บทสัมภาษณ์ซูโม่ตู้ทอลค์โชว์
เริ่มหัวข้อโดย: คนแปลกหน้า - รักในหลวง ที่ พฤศจิกายน 05, 2008, 03:21:38 PM
 จริงครับ....จริงอย่างที่เขาว่า   แต่ความรู้ต้องคู่คุณธรรมนะครับ


หัวข้อ: Re: จรัสพงษ์ สุรัสวดี :: บทสัมภาษณ์ซูโม่ตู้ทอลค์โชว์
เริ่มหัวข้อโดย: พราน ที่ พฤศจิกายน 05, 2008, 04:25:31 PM
เป็นเพียงความคิดเห็นของคนๆหนึ่งที่ฟังได้และติติงคัดค้านได้ องคาพยพของสังคมมันก็ย่อมมีความแตกต่างและมีหน้าที่ของแต่ละส่วนไป ผมไม่สนับสนุนการจะไปวัดค่าหรือกำหนดสิทธิคนด้วยการศึกษา เพราะการศึกษาที่จะเอาไปจัดไปวัดคนนั้นคือการศึกษาในระบบ คนที่เป็นบัณฑิตโดยที่เขาไม่ได้เข้าศึกษาในระบบมีเยอะแยะ เขามีความรู้ความตื่นความเบิกบานในสิ่งที่เขาศึกษาและเป็นอยู่ แต่เขาไม่มีโอกาสตามระบบการศึกษาในช่วงอายุที่เขาควรจะเป็น ่การเรียนรู้มันต้องเป็นการเรียนรู้ตลอดชีวิต อย่างเรื่องการเสียภาษีจะไปมองว่าเขาไม่เสียภาษีหรือเสียน้อยกว่าผมก็ว่าไม่เป็นธรรม พึงระลึกเสมอว่าคนเราโอกาสไม่เท่ากัน คนที่เสียภาษีมากกว่าก็มีโอกาสในทรัพยากรมากกว่า มีทุนมากกว่าใช้ทรัพยากรมากกว่า และต้องไม่ลืมว่าภาษีมีทั้งทางตรงทางอ้อม ทางตรงไม่โดนแต่ทางอ้อมโดนทุกคนและรากหญ้าคือฐานภาษีใหญ่ในสังคมที่ไม่ค่อยมีโอกาสเครดิตภาษีคืน ความพอเพียงตามฐานานุรูปและทำหน้าที่ตามองคาพยพที่ตัวอยู่ และมีสำนึกพลเมืองพวกนี้ต่างหากที่จะค้ำจุนสังคม


หัวข้อ: Re: จรัสพงษ์ สุรัสวดี :: บทสัมภาษณ์ซูโม่ตู้ทอลค์โชว์
เริ่มหัวข้อโดย: tle in betong ที่ พฤศจิกายน 05, 2008, 07:33:35 PM
อย่าดูถูกคนจนนะครับ  ไปหาว่าคนชนบทไม่มีการศึกษาอย่างนู้น อย่างนี้ ยกตนข่มท่านจนเป็นนิสัย บ่มลึกไปเป็นสันดาน
คิดแบบนั้นก้อไล่เข่นฆ่าคนจน คนไม่มีการศึกษาไปเลย มองพวกเค้าเป็นคนชั้นตำเลวกว่าตัวเอง
งั้นก้อออกกฎหมายให้เลือกตั้งได้เฉพาะคนจบปริญญาตรีไปเลยดิ
เกลียดนักไอ้พวกชอบดูถูกคนเนี่ย
มองจากข้างบนจนเป็นนิสัย


หัวข้อ: Re: จรัสพงษ์ สุรัสวดี :: บทสัมภาษณ์ซูโม่ตู้ทอลค์โชว์
เริ่มหัวข้อโดย: ห ม า ย จั น ท ร์ ที่ พฤศจิกายน 05, 2008, 07:38:49 PM
อ่าน  ดี ๆ ช้า ๆ ค่อย ๆ ตีความ ครับ ท่าน ::002::


หัวข้อ: Re: จรัสพงษ์ สุรัสวดี :: บทสัมภาษณ์ซูโม่ตู้ทอลค์โชว์
เริ่มหัวข้อโดย: oil ที่ พฤศจิกายน 05, 2008, 08:20:07 PM
ชอบใจจังเพราะเกลียดเจ๊กและเกลียดเสี่ยว  แต่รักลูกจีนกับเพื่อนพี่น้องชาวอีสาน


หัวข้อ: Re: จรัสพงษ์ สุรัสวดี :: บทสัมภาษณ์ซูโม่ตู้ทอลค์โชว์
เริ่มหัวข้อโดย: ระอา-รักในหลวง ที่ พฤศจิกายน 06, 2008, 12:23:00 AM
เป็นกระทู้แรกที่ผมตั้งใจอ่านจนจบได้ ขอบคุณครับที่นำมาให้อ่าน เผื่อจะมีใครตาสว่างมั้ง ::002::


หัวข้อ: Re: จรัสพงษ์ สุรัสวดี :: บทสัมภาษณ์ซูโม่ตู้ทอลค์โชว์
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ พฤศจิกายน 06, 2008, 09:44:02 AM
ขอบคุณมากครับ


หัวข้อ: Re: จรัสพงษ์ สุรัสวดี :: บทสัมภาษณ์ซูโม่ตู้ทอลค์โชว์
เริ่มหัวข้อโดย: ...อภิสิทธิ์ ... ที่ พฤศจิกายน 06, 2008, 08:48:15 PM
ยาดีที่แสนขมปี๋ บวก 1


หัวข้อ: Re: จรัสพงษ์ สุรัสวดี :: บทสัมภาษณ์ซูโม่ตู้ทอลค์โชว์
เริ่มหัวข้อโดย: -จ่าตะพาบน้ำ- * รักในหลวง* ที่ พฤศจิกายน 06, 2008, 11:48:55 PM
พี่ตู้คงต้องการเพียง สะท้อนให้เห็นปัญหาสังคม การเมืองที่เกิดขึ้นจริงๆเท่านั้นครับ
คงไม่มีเจตนาดูหมิ่นดูแคลนรากหญ้านะครับ
+1 ให้ด้วยครับผม


หัวข้อ: Re: จรัสพงษ์ สุรัสวดี :: บทสัมภาษณ์ซูโม่ตู้ทอลค์โชว์
เริ่มหัวข้อโดย: MP7 ที่ พฤศจิกายน 07, 2008, 01:07:30 PM
ลองนึกนะครับว่าถ้าสภาใหม่ไม่มีพรรคการเมือง
เพราะรัฐธรรมนูญใหม่ห้ามสังกัดพรรค อะไรจะเกิดขึ้น
จะเหมือนยุคทองของประชาธิปไตยสมัยกรีก
ทุกคนเป็นอิสระไม่ต้องขึ้นต่อหัวหน้าพรรค
500 คนก็ 500 ความคิด
ไม่ใช่ 500 คนแต่ 2 ความคิดอย่างวันนี้
เพราะมีแค่ 2 ฝ่ายจาก 2 พรรคใหญ่เท่านั้น ก็แบ่งข้างตีกัน
นอกสภาก็แบ่งตาม ก็วุ่นวาย
สภาใหม่มี 500 ฝ่ายจะแบ่งพวกตีกันยังไง

เรืองแจกผ้าห่มนี้บ้านผมก็ได้ครับ  ก็ท่านเอามาแจกเองนิ

ทำไมเราจึงไม่ให้ลิงบาบูนอายุ 18 ขวบมีสิทธิ์เลือกตั้งล่ะครับ
แล้วทำไมเราไม่แต่งงานกับลิงบาบูนล่ะครับ

ผมว่า 500 คนนี้มันก็ต้องไปจับกลุ่มกันอยู่ดีครับ
แล้วถ้าเสียงมันเป็น 250 ต่อ 250 จะเอายังไง


หัวข้อ: Re: จรัสพงษ์ สุรัสวดี :: บทสัมภาษณ์ซูโม่ตู้ทอลค์โชว์
เริ่มหัวข้อโดย: nin ที่ พฤศจิกายน 07, 2008, 01:58:42 PM
อย่าดูถูกคนจนนะครับ  ไปหาว่าคนชนบทไม่มีการศึกษาอย่างนู้น อย่างนี้ ยกตนข่มท่านจนเป็นนิสัย บ่มลึกไปเป็นสันดาน
คิดแบบนั้นก้อไล่เข่นฆ่าคนจน คนไม่มีการศึกษาไปเลย มองพวกเค้าเป็นคนชั้นตำเลวกว่าตัวเอง
งั้นก้อออกกฎหมายให้เลือกตั้งได้เฉพาะคนจบปริญญาตรีไปเลยดิ
เกลียดนักไอ้พวกชอบดูถูกคนเนี่ย
มองจากข้างบนจนเป็นนิสัย


จบ ป.ตรี ให้มีสิทธิลงคะแนนได้ 1 คะแนน
จบ ป.โท ให้มีสิทธิลงคะแนนได้ 2 คะแนน
จบ ป.เอก ให้มีสิทธิลงคะแนนได้ 3 คะแนน

จบราม.ให้สิทธิเลือก สส.ได้ 1 คน จบจุฬาให้สิทธิเลือก สส.ได้ 2 คน
จบเมืองนอกที่เจริญแล้วให้สิทธิเลือก สส.ได้ 3 คน

ใครไม่จบปริญญา ไม่มีสิทธิเลือก สส.  แต่ไม่ต้องเสียภาษี ไม่ต้องเกณฑ์ทหาร อย่างงี้จะเอาไหม ยุติธรรมดี
อ้างถึง
ผมเรียนพี่หูดับตับไหม้อย่างนี้ครับ

คือถ้าได้ฟังหรืออ่านความเห็นของพี่ตู้ แว้บแรกคือแกชอบประชดประชัน เสียดสี มีอารมณ์ขัน
และถ้าพิจารณาดีๆ มันมีความเจ็บปวดปนอยู่ด้วยครับ

การที่พูดเรื่องคนที่ไม่ได้รับการศึกษานั้น ไม่ได้ต้องการไปตอกย้ำแต่อย่างใดครับ
หากแต่ต้องการให้ทุกๆ คนเกิดความอยากที่จะพัฒนาตนเอง แข่งขันกันเรียนรู้ แข่งขันกันสร้างสรร
เมื่อตนเองดีขึ้นแล้ว ก็ช่วยเหลือ-หยิบยื่นโอกาสให้คนรอบข้างได้ดีขึ้นด้วย แล้วก็ขยายวงออกไปทั้งสังคม
ดีจะตายไปครับ

แต่ที่ผ่านมา คนที่เราเลือกเป็นตัวแทนของเรานั้น ส่วนมากเป็นคนที่พัฒนาตัวเองแล้ว แต่ไม่ยอมมาพัฒนาคนอื่นๆ ต่อ
ไม่หยิบยื่นโอกาสให้ผู้ที่ฝากความหวังไว้กับเขา ตามที่ควรจะทำ ในบางครั้งก็กดไว้และมอมเมาด้วยสิ่งล่อใจต่างๆ
“หาปลามาให้  แต่ไม่ได้สอนให้จับปลา”
(หรือหาเงินมาให้ แต่ไม่ได้สอนให้หาเงิน-ก็คือซื้อนั่นแหละ)
พี่หูดับฯ คงเคยได้ยินใช่ไหมครับ

ก็ดันเลือกเข้าไปแล้ว ทำไงได้
แต่ยังไม่เข็ด สมัยหน้าก็เลือกเข้าไปใหม่ ก็ไม่ทราบอะไรมาบังตา
หรือเราใช้อารมณ์ชั่ววูบตอนเขาเข้ามาทักทายในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง

พอใจหรือครับที่เลือกเข้าไปตั้งหลายสมัยแล้ว เราก็ยังเจริญอยู่กับที่
เลือกตั้งแต่สมัยพ่อ จนพ่อเลิกเล่นแล้วเลือกลูกมันต่อ เราก็ยังเจริญเหมือนเดิม

อย่างนี้จะโทษคนเลือกหรือคนถูกเลือกครับ

การออกเรียกร้องสิทธิในเรื่องต่างๆ เป็นสิ่งที่ดีครับ ไม่ว่าเราจะเป็นใครตาม เพราะแสดงว่าเราไม่ใช่คนหงอ ไม่ได้จำยอม
และต้องไม่ใช่แค่เรื่องสิทธิในการเลือกตั้งเท่านั้นนะครับ  เรื่องที่เกี่ยวข้องกับสวัสดิภาพต่างๆ
ชีวิตความเป็นอยู่ การศึกษาของลูกหลาน และอีกมากมายก็ต้องไม่ลืมครับ

เราก็คงรู้อยู่แล้วว่า การที่สิทธิในการเลือกตั้งเป็นประเด็นขึ้นมา ก็ด้วยมีนักการเมืองหนุนหลังอยู่ เพราะมันเป็นช่องทางที่ทำให้เขาได้อำนาจมาอย่างชอบทำ

ถ้าคนมีสิทธิเลือกไม่พัฒนา  มีหรือครับที่นักการเมืองจะพัฒนา



ผมเคยตอบพี่ท่านหนึ่งไปอย่างนี้ครับ


หัวข้อ: Re: จรัสพงษ์ สุรัสวดี :: บทสัมภาษณ์ซูโม่ตู้ทอลค์โชว์
เริ่มหัวข้อโดย: Nakin ที่ พฤศจิกายน 07, 2008, 03:28:20 PM


เก่งจังเลยนะ  ..........   คน ๆ  นี้          ::007::   


ผมชอบมาก


แต่  . . . . . . .


ไม่รู้ว่า    .......    คนอื่น    เขาจะชอบ  หรือเปล่า  !






หัวข้อ: Re: จรัสพงษ์ สุรัสวดี :: บทสัมภาษณ์ซูโม่ตู้ทอลค์โชว์
เริ่มหัวข้อโดย: pranyai ที่ พฤศจิกายน 07, 2008, 03:35:37 PM
อย่าไปโทษรากหญ้าเลย ทุกวันนี้ต้นเหตุของการโกงก็มาจากพวกเรียนสูงๆนี่แหละ ดูเอาเองเถอะ ทักษิณก็ดอกเตอร์ สมัครก็ธรรมศาสตร์ สมชายก็ธรรมศาสตร์ เรียนสูงแล้วโกงทั้งนั้นแหละ


หัวข้อ: Re: จรัสพงษ์ สุรัสวดี :: บทสัมภาษณ์ซูโม่ตู้ทอลค์โชว์
เริ่มหัวข้อโดย: Nakin ที่ พฤศจิกายน 07, 2008, 04:03:35 PM

ไอ้  ตู้  ...........   สู้  ๆ     !       ::007::





*   ที่ผมมาให้    กำลังใจ    ไอ้ ตู้   เนี่ย   .....    ก็เพราะว่า    สงสารนะ

อุตส่าห์    เผยแพร่    แนวความคิดของเขา    ที่เก็บบ่มมานาน    จนตกผลึก

แต่    .......    ก็    ยังมีคนจำนวนมากออกมา    ตำหนิ    และ    ดูถูก    .......    ได้อีก

ถ้า    ....    ไอ้ ตู้    ออกไปฟัง    คนภายนอกจำนวนมาก    ที่พูดถึงตัวเขา    ในเรื่องนี้แล้ว

ไอ้  ตู้    ............    คงจะ    น้อยใจแย่เลย


เฮ้อ    !    ..................      ::007::











หัวข้อ: Re: จรัสพงษ์ สุรัสวดี :: บทสัมภาษณ์ซูโม่ตู้ทอลค์โชว์
เริ่มหัวข้อโดย: C.J. - รักในหลวง ที่ พฤศจิกายน 07, 2008, 04:09:43 PM



ไอ้  ตู้  ...........   สู้  ๆ     !       ::007::





เครียดมาจาก ประชาไท หรือ ครับ... :D

เขา บอร์ด นี้ อารมณ์ ดีใหญ่เชียว...  ;D


หัวข้อ: Re: จรัสพงษ์ สุรัสวดี :: บทสัมภาษณ์ซูโม่ตู้ทอลค์โชว์
เริ่มหัวข้อโดย: Nakin ที่ พฤศจิกายน 07, 2008, 04:26:29 PM



ไอ้  ตู้  ...........   สู้  ๆ     !       ::007::






เครียดมาจาก ประชาไท หรือ ครับ ...  :D

เขา บอร์ด นี้ อารมณ์ ดีใหญ่เชียว ...   ;D





สวัสดี    คุณ  JongRakN



ยังสบายดีเหรอครับ   ?    .............    อยู่แต่    ที่นี่    คงไม่เครียดเลยสิครับ

คุณคงชอบนะครับ    .....    หลากหลายดี   ผมก็  ชอบ  ครับ


แต่  .......    หลัง  ๆ  นี่    ผมไปอยู่    หัวหิน    และ    พัทยา    ครับ

ไม่ได้อยู่แต่หน้าจอ    หรือ    เล่น   Internet    .........      ;D


ช่วงนี้    กลับมาอยู่   กทม.   ก็เลย    เข้า  Internet   เพื่อดูความเคลื่อนไหว    สักหน่อย

เพราะ  ได้ข่าวว่า    ......    เร็ว  ๆ  นี้    จะมีอะไรสนุก  ๆ   ให้ติดตาม


ก็  ........    ตามประสาคอการเมือง    แหละครับ   .......    มีอะไรสนุก  ๆ    แล้วผมจะมาส่งสัญญาณ




คิก  ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ       ::007::







หัวข้อ: Re: จรัสพงษ์ สุรัสวดี :: บทสัมภาษณ์ซูโม่ตู้ทอลค์โชว์
เริ่มหัวข้อโดย: C.J. - รักในหลวง ที่ พฤศจิกายน 07, 2008, 04:35:21 PM



ไอ้  ตู้  ...........   สู้  ๆ     !       ::007::






เครียดมาจาก ประชาไท หรือ ครับ ...  :D

เขา บอร์ด นี้ อารมณ์ ดีใหญ่เชียว ...   ;D





สวัสดี    คุณ  JongRakN



ยังสบายดีเหรอครับ   ?    .............    อยู่แต่    ที่นี่    คงไม่เครียดเลยสิครับ

คุณคงชอบนะครับ    .....    หลากหลายดี   ผมก็  ชอบ  ครับ


แต่  .......    หลัง  ๆ  นี่    ผมไปอยู่    หัวหิน    และ    พัทยา    ครับ

ไม่ได้อยู่แต่หน้าจอ    หรือ    เล่น   Internet    .........      ;D


ช่วงนี้    กลับมาอยู่   กทม.   ก็เลย    เข้า  Internet   เพื่อดูความเคลื่อนไหว    สักหน่อย

เพราะ  ได้ข่าวว่า    ......    เร็ว  ๆ  นี้    จะมีอะไรสนุก  ๆ   ให้ติดตาม


ก็  ........    ตามประสาคอการเมือง    แหละครับ   .......    มีอะไรสนุก  ๆ    แล้วผมจะมาส่งสัญญาณ




คิก  ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ       ::007::







ครับ..  สวัสดีครับ :D

อยู่ที่นี่ไม่เครียดเลยครับ... ชอบ ครับ เพราะ คนที่นี่ส่วนใหญ่ เข้าใจ ว่า ใคร นักการเมือง ตัวไหน เลว.. จริง

หายไปเที่ยว นาน เชียว... ครับ ;D


หัวข้อ: Re: จรัสพงษ์ สุรัสวดี :: บทสัมภาษณ์ซูโม่ตู้ทอลค์โชว์
เริ่มหัวข้อโดย: Nakin ที่ พฤศจิกายน 07, 2008, 04:50:23 PM


อืมม์  ...........      ::007::



เหรอ อ อ อ  . . . . . .     ครับ    คุณ   JongRakN


. . . . . . . . . . . . .


เอ่อ   ........   ไปเที่ยว  London   กันไหมครับ   ?

ผมเบื่อ  หัวหิน  กับ  พัทยา  แล้ว  ...............................     ;D





หัวข้อ: Re: จรัสพงษ์ สุรัสวดี :: บทสัมภาษณ์ซูโม่ตู้ทอลค์โชว์
เริ่มหัวข้อโดย: C.J. - รักในหลวง ที่ พฤศจิกายน 07, 2008, 04:54:41 PM


อืมม์  ...........      ::007::



เหรอ อ อ อ  . . . . . .     ครับ    คุณ   JongRakN


. . . . . . . . . . . . .


เอ่อ   ........   ไปเที่ยว  London   กันไหมครับ   ?

ผมเบื่อ  หัวหิน  กับ  พัทยา  แล้ว  ...............................     ;D





ไปทำไมละครับ London... ?

เอ่อ .... ผมยังไม่เบื่อ ส่วนไหน ของประเทศไทยเลย............ ครับ :D





หัวข้อ: Re: จรัสพงษ์ สุรัสวดี :: บทสัมภาษณ์ซูโม่ตู้ทอลค์โชว์
เริ่มหัวข้อโดย: pranyai ที่ พฤศจิกายน 07, 2008, 05:04:27 PM
"คงต้องหยุดประชาธิปไตยไว้ก่อน เพราะการเลือกตั้งไม่เหมาะกับเมืองไทยจริงๆ เพราะคนไทยโง่และเห็นแก่เงินเกินว่าจะมีความสามารถเลือกตั้งได้"

ไม่ยักกะพูดถึงพวกดร.ขี้โกงมั่งเลย


หัวข้อ: Re: จรัสพงษ์ สุรัสวดี :: บทสัมภาษณ์ซูโม่ตู้ทอลค์โชว์
เริ่มหัวข้อโดย: Bird ที่ พฤศจิกายน 07, 2008, 05:11:05 PM


*   ที่ผมมาให้    กำลังใจ    ไอ้ ตู้   เนี่ย   .....    ก็เพราะว่า    สงสารนะ

อุตส่าห์    เผยแพร่    แนวความคิดของเขา    ที่เก็บบ่มมานาน    จนตกผลึก

แต่    .......    ก็    ยังมีคนจำนวนมากออกมา    ตำหนิ    และ    ดูถูก    .......    ได้อีก

ถ้า    ....    ไอ้ ตู้    ออกไปฟัง    คนภายนอกจำนวนมาก    ที่พูดถึงตัวเขา    ในเรื่องนี้แล้ว

ไอ้  ตู้    ............    คงจะ    น้อยใจแย่เลย



คนที่ตกผลึกทางความคิดแล้ว  ผิดบ้างถูกบ้าง เขาก็ยังมีความเป็นปัจเจกชนที่เคารพตัวเอง

จะถูกวิจารณ์อย่างไร  ไม่ต้องไปสงสารเขาหรอกครับ  เพราะเขาก็คงไม่เคยคิดน้อยใจตัวเอง...

ยิ่งคนอย่างพี่ตู้ ตกผลึกความคิดมาจากพื้นฐานที่ตรง... แรง...
และที่สำคัญ ผมว่า มันตกผลึกมาจากจิตสำนึกที่ถูกต้องทำนองคลองธรรม

คนอย่างนี้คงยินดีที่จะเสวนาหาเหตุผลมาแย้ง มากกว่าจะมานั่งน้อยใจจากการถูกตำหนิต่อว่า

แม้จะไม่เห็นด้วยทั้งหมด แต่ผมว่าคนจำนวนไม่น้อย ชอบข้อความของเขานะครับ
อาจจะมากกว่าคนที่ไม่ชอบเสียอีก...


หัวข้อ: Re: จรัสพงษ์ สุรัสวดี :: บทสัมภาษณ์ซูโม่ตู้ทอลค์โชว์
เริ่มหัวข้อโดย: C.J. - รักในหลวง ที่ พฤศจิกายน 07, 2008, 05:22:58 PM
คนที่ตกผลึกทางความคิดแล้ว  ผิดบ้างถูกบ้าง เขาก็ยังมีความเป็นปัจเจกชนที่เคารพตัวเอง

จะถูกวิจารณ์อย่างไร  ไม่ต้องไปสงสารเขาหรอกครับ  เพราะเขาก็คงไม่เคยคิดน้อยใจตัวเอง...

ยิ่งคนอย่างพี่ตู้ ตกผลึกความคิดมาจากพื้นฐานที่ตรง... แรง...
และที่สำคัญ ผมว่า มันตกผลึกมาจากจิตสำนึกที่ถูกต้องทำนองคลองธรรม

คนอย่างนี้คงยินดีที่จะเสวนาหาเหตุผลมาแย้ง มากกว่าจะมานั่งน้อยใจจากการถูกตำหนิต่อว่า

แม้จะไม่เห็นด้วยทั้งหมด แต่ผมว่าคนจำนวนไม่น้อย ชอบข้อความของเขานะครับ
อาจจะมากกว่าคนที่ไม่ชอบเสียอีก...


... ::002::...


หัวข้อ: Re: จรัสพงษ์ สุรัสวดี :: บทสัมภาษณ์ซูโม่ตู้ทอลค์โชว์
เริ่มหัวข้อโดย: Nakin ที่ พฤศจิกายน 07, 2008, 05:48:27 PM
อ้างถึง

คนที่ตกผลึกทางความคิดแล้ว  ผิดบ้างถูกบ้าง เขาก็ยังมีความเป็นปัจเจกชนที่เคารพตัวเอง

จะถูกวิจารณ์อย่างไร  ไม่ต้องไปสงสารเขาหรอกครับ  เพราะเขาก็คงไม่เคยคิดน้อยใจตัวเอง...

ยิ่งคนอย่างพี่ตู้ ตกผลึกความคิดมาจากพื้นฐานที่ตรง... แรง...
และที่สำคัญ ผมว่า มันตกผลึกมาจากจิตสำนึกที่ถูกต้องทำนองคลองธรรม

คนอย่างนี้คงยินดีที่จะเสวนาหาเหตุผลมาแย้ง มากกว่าจะมานั่งน้อยใจจากการถูกตำหนิต่อว่า

แม้จะไม่เห็นด้วยทั้งหมด แต่ผมว่าคนจำนวนไม่น้อย ชอบข้อความของเขานะครับ
อาจจะมากกว่าคนที่ไม่ชอบเสียอีก...





อืมม์  .......



คุณ  Bird   พูดมีเหตุผลนะครับ   เรื่อง  ความคิดเห็นส่วนตัว  หรือ  ปัจเจกชน   .... 

แต่ว่า  ..........   ถูก  หรือ  ผิด  ..........   นี่    เขาสนใจหรือเปล่า  ?   หรือว่า   เขาไม่รู้


นี่แหละ   ....  ผมจึงอยากให้  เขาออกไปฟัง   คนอื่น  ๆ  บ้าง


แล้วเขาจะรู้ครับว่า   .............    คนที่คิดเหมือนเขา   มีมาก  หรือ  น้อย  แค่ไหน  ?

และ  ความรู้สึก  ต่อ  แนวคิดของเขา  เป็นอย่างไร  ?


ถ้า  .....    เขายังเหมือนเดิม   .............


ผม  ก็  สงสารเขา  ...................    ครับ


  ;D






หัวข้อ: Re: จรัสพงษ์ สุรัสวดี :: บทสัมภาษณ์ซูโม่ตู้ทอลค์โชว์
เริ่มหัวข้อโดย: ThaiLoei ที่ พฤศจิกายน 07, 2008, 06:16:48 PM
 ;Dจริงๆ เเล้ว คุณ ตู้น่าจะโทษตัวเองบ้างน่ะครับ  :<<
อย่างน้อยก็เรื่องที่พึ่งจะออกมาทอกโชว์นี้ละ  :~) น่าจะมาเร็วกว่านี้  ::014::


หัวข้อ: Re: จรัสพงษ์ สุรัสวดี :: บทสัมภาษณ์ซูโม่ตู้ทอลค์โชว์
เริ่มหัวข้อโดย: SA-KE ที่ พฤศจิกายน 07, 2008, 07:57:34 PM
    ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณ "คุณ Terry " ที่นำมาให้อ่านครับ  ส่วนใหญ่พูดได้อย่างใจทีอยากคิดจริงๆครับ .. ::014::
ปกติที่ผ่านมาจะไม่ค่อยชอบอ่าน/ฟัง งานของ "คุณตู้" มากนักเพราะค่อนข้างแรงเกินไป   แต่ครั้งนี้สงสัยทำไม? มีหลายหน้า สุดท้ายก็อ่านจบจนได้ 

  ผมชอบและค่อนข้างเห็นด้วยกับข้อสรุปของ "คุณ Bird "  ครับ ..... ::002:: 


หัวข้อ: Re: จรัสพงษ์ สุรัสวดี :: บทสัมภาษณ์ซูโม่ตู้ทอลค์โชว์
เริ่มหัวข้อโดย: สุกรจากโลกันต์ ที่ พฤศจิกายน 08, 2008, 12:00:40 AM
อ่านไม่จบครับ ยอมแพ้ก่อน แต่ก็พอเข้าใจว่าคุณตู้ต้องการจะสื่ออะไร  ถ้าจะโทษกันจริง ๆ ต้องโทษคณะราษฎร์ (พิมพ์ผิดแหง) เอาประชาธิปไตยมายัดให้ประเทศไทย จนกลายพันธ์เป็นเผด็จการในยุคแรก ๆ เพราะกลัวว่าตัวเองจะตกงานแท้ ๆ ตัวคณะราษฎร์เองก็ไม่ได้หยั่งซึ้งถึงคำว่าประชาธิปไตย เท่าใหร่ จำฝรั่งเศษมา
คนไทยที่โดนยัดเยียดยิ่งไม่รู้จักใหญ่ว่า ประชาธิปไตยหน้าตาเป็นยังไง มีหูหรือเปล่า เอามาทำส้มตำได้ใหม


หัวข้อ: Re: จรัสพงษ์ สุรัสวดี :: บทสัมภาษณ์ซูโม่ตู้ทอลค์โชว์
เริ่มหัวข้อโดย: sinop ที่ พฤศจิกายน 08, 2008, 01:22:24 AM
คนมีปัญญาเท่านั้นถึงจะเข้าใจในสิ่งที่คุณตู้ต้องการสื่อ ;D


หัวข้อ: Re: จรัสพงษ์ สุรัสวดี :: บทสัมภาษณ์ซูโม่ตู้ทอลค์โชว์
เริ่มหัวข้อโดย: ScaRECroW ที่ พฤศจิกายน 10, 2008, 05:01:17 AM
อ่าน ๆ กระทู้มาแล้วผมก็มีคำถามน่ะครับ   เราควรแก้ปัญหาการเมือง ปัญหาที่เกิดขึ้นกับประชาธิปไตยพิกลพิการของประเทศไทย ที่ทั้งหมดแล้วมันเกิดจากเรามีนักการเมืองเลวมากเกินไป ด้วยการจำกัดสิทธิ์ของประชาชน ที่ตามหลักประชาธิปไตยเบื้องต้นมันควรจะเท่าเทียมกัน จริง ๆ เหรอครับ

แล้วผมก็ไม่เชื่อว่า คนที่ลงคะแนนเลือกไทยรักไทย, พลังประชาชน, ชาติไทย จะเป็นคนที่มีการศึกษาต่ำไปเสียทั้งหมด ขณะเดียวกัน คนที่เลือกประชาธิปปัตย์ ก็ไม่ใช่ว่าจะเรียนสูงเสียทั้งหมดเหมือนกัน

ทัศนะของคุณจรัสพงษ์ ก็เป็นมิติหนึ่งของปัญหา แต่ผมไม่เห็นว่ามันจะเป็นหนทางแก้ไขที่ถูกต้อง และยั่งยืน แถมมันมีหนทางที่จะนำไปสู่ความขัดแย้งที่รุนแรงได้อีกด้วย "สงครามกลางเมืองระหว่างชนชั้น" หรืออะไรทำนองนี้

แล้วถ้าถามผมว่า หนทางแก้ปัญหาที่ถูกต้อง จะต้องทำอย่างไร ผมก็คงตอบไม่ได้เหมือนกัน เพราะคลำไปตรงไหนมันก็เป็นปัญหา สาวไล่ย้อนขึ้นไป ท้ายสุดมันก็วนกลับมาที่จุดเริ่มต้น จำได้ว่าสมาชิกท่านหนึ่งเคยนำเอาปัญหางูกินหางนี้มาลงไว้แล้วเหมือนกัน

ผมค่อนข้างเห็นด้วยกับทัศนะของคุณอานันท์ ปันยารชุน หรือผู้ใหญ่ท่านใดท่านหนึ่ง ที่กล่าวไว้ทำนองว่า สังคมไทยเดินมาถึงจุดที่จะต้องยอมรับว่าเราเป็นสังคมที่แปลกแยก ไม่ใช่สังคมที่จะสมานฉันท์อย่างที่เราอยากให้เป็นอีกต่อไป แล้วเราก็จะต้องเรียนรู้ที่จะยอมรับความคิดเห็นที่แตกต่างให้ได้  อะไรทำนองนี้ ผมไม่แน่ใจว่าผมจดจำมาถูกต้องชัดเจนนะครับ แต่แนวคิดมันเป็นอย่างนี้

รัฐบาลของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน มันเป็น Definition ของประชาธิปไตยที่มองกันจริง ๆ แล้ว ในทางปฏิบัติมันกว้างมาก ๆ
เอาเงินมาให้กู้, ปลดหนี้ให้, ประกันราคาสินค้าเกษตร และอะไรอีกหลาย ๆ อย่าง มันเป็นกระบวนการในทางปฏิบัติของ Definition ข้างต้นเหมือนกัน มันสอดคล้องกับความต้องการของคนในชนบท ขณะที่คนชั้นกลางอาจจะไม่ได้เห็นอย่างนั้น

โดยส่วนตัว แม้ว่าผมจะไม่ค่อยชอบพวกเสื้อแดง แต่ผมจะบอกตัวเองตลอดเวลาว่า พวกเขาก็คนไทย จะถูกขนมารวมกัน จะมากันเพราะอามิสสินจ้าง หรืออะไร เขาก็เป็นเพื่อนร่วมแผ่นดินเท่า ๆ กับคนใส่เสื้อเหลือง ทั้งสองฝ่ายเป็นคนไทยเท่า ๆ กันน่ะครับ

บางครั้งผมรู้สึกว่า เราหลอกตัวเองกันมานานว่าเราเป็นสังคมสมานฉันท์ ทั้ง ๆ ที่ความจริงเรามีความแปลกแยกแตกต่างมาตลอดเวลา เพียงแต่ความแปลกแยกมันยังไม่ก้าวเดินมาสู่จุดที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งอย่างรุนแรง 


ก็เป็นทัศนะความเห็นของปัจเจกบุคคลผู้หนึ่งนะครับ ผมอาจจะผิดก็ได้ครับ



หัวข้อ: Re: จรัสพงษ์ สุรัสวดี :: บทสัมภาษณ์ซูโม่ตู้ทอลค์โชว์
เริ่มหัวข้อโดย: EAK1980 รักในหลวง ที่ พฤศจิกายน 10, 2008, 08:08:58 AM
อ่าน ๆ กระทู้มาแล้วผมก็มีคำถามน่ะครับ   เราควรแก้ปัญหาการเมือง ปัญหาที่เกิดขึ้นกับประชาธิปไตยพิกลพิการของประเทศไทย ที่ทั้งหมดแล้วมันเกิดจากเรามีนักการเมืองเลวมากเกินไป ด้วยการจำกัดสิทธิ์ของประชาชน ที่ตามหลักประชาธิปไตยเบื้องต้นมันควรจะเท่าเทียมกัน จริง ๆ เหรอครับ

แล้วผมก็ไม่เชื่อว่า คนที่ลงคะแนนเลือกไทยรักไทย, พลังประชาชน, ชาติไทย จะเป็นคนที่มีการศึกษาต่ำไปเสียทั้งหมด ขณะเดียวกัน คนที่เลือกประชาธิปปัตย์ ก็ไม่ใช่ว่าจะเรียนสูงเสียทั้งหมดเหมือนกัน

ทัศนะของคุณจรัสพงษ์ ก็เป็นมิติหนึ่งของปัญหา แต่ผมไม่เห็นว่ามันจะเป็นหนทางแก้ไขที่ถูกต้อง และยั่งยืน แถมมันมีหนทางที่จะนำไปสู่ความขัดแย้งที่รุนแรงได้อีกด้วย "สงครามกลางเมืองระหว่างชนชั้น" หรืออะไรทำนองนี้

แล้วถ้าถามผมว่า หนทางแก้ปัญหาที่ถูกต้อง จะต้องทำอย่างไร ผมก็คงตอบไม่ได้เหมือนกัน เพราะคลำไปตรงไหนมันก็เป็นปัญหา สาวไล่ย้อนขึ้นไป ท้ายสุดมันก็วนกลับมาที่จุดเริ่มต้น จำได้ว่าสมาชิกท่านหนึ่งเคยนำเอาปัญหางูกินหางนี้มาลงไว้แล้วเหมือนกัน

ผมค่อนข้างเห็นด้วยกับทัศนะของคุณอานันท์ ปันยารชุน หรือผู้ใหญ่ท่านใดท่านหนึ่ง ที่กล่าวไว้ทำนองว่า สังคมไทยเดินมาถึงจุดที่จะต้องยอมรับว่าเราเป็นสังคมที่แปลกแยก ไม่ใช่สังคมที่จะสมานฉันท์อย่างที่เราอยากให้เป็นอีกต่อไป แล้วเราก็จะต้องเรียนรู้ที่จะยอมรับความคิดเห็นที่แตกต่างให้ได้  อะไรทำนองนี้ ผมไม่แน่ใจว่าผมจดจำมาถูกต้องชัดเจนนะครับ แต่แนวคิดมันเป็นอย่างนี้

รัฐบาลของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน มันเป็น Definition ของประชาธิปไตยที่มองกันจริง ๆ แล้ว ในทางปฏิบัติมันกว้างมาก ๆ
เอาเงินมาให้กู้, ปลดหนี้ให้, ประกันราคาสินค้าเกษตร และอะไรอีกหลาย ๆ อย่าง มันเป็นกระบวนการในทางปฏิบัติของ Definition ข้างต้นเหมือนกัน มันสอดคล้องกับความต้องการของคนในชนบท ขณะที่คนชั้นกลางอาจจะไม่ได้เห็นอย่างนั้น

โดยส่วนตัว แม้ว่าผมจะไม่ค่อยชอบพวกเสื้อแดง แต่ผมจะบอกตัวเองตลอดเวลาว่า พวกเขาก็คนไทย จะถูกขนมารวมกัน จะมากันเพราะอามิสสินจ้าง หรืออะไร เขาก็เป็นเพื่อนร่วมแผ่นดินเท่า ๆ กับคนใส่เสื้อเหลือง ทั้งสองฝ่ายเป็นคนไทยเท่า ๆ กันน่ะครับ

บางครั้งผมรู้สึกว่า เราหลอกตัวเองกันมานานว่าเราเป็นสังคมสมานฉันท์ ทั้ง ๆ ที่ความจริงเรามีความแปลกแยกแตกต่างมาตลอดเวลา เพียงแต่ความแปลกแยกมันยังไม่ก้าวเดินมาสู่จุดที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งอย่างรุนแรง 


ก็เป็นทัศนะความเห็นของปัจเจกบุคคลผู้หนึ่งนะครับ ผมอาจจะผิดก็ได้ครับ


::002::


หัวข้อ: Re: จรัสพงษ์ สุรัสวดี :: บทสัมภาษณ์ซูโม่ตู้ทอลค์โชว์
เริ่มหัวข้อโดย: C.J. - รักในหลวง ที่ พฤศจิกายน 10, 2008, 11:32:01 AM
อ่าน ๆ กระทู้มาแล้วผมก็มีคำถามน่ะครับ   เราควรแก้ปัญหาการเมือง ปัญหาที่เกิดขึ้นกับประชาธิปไตยพิกลพิการของประเทศไทย ที่ทั้งหมดแล้วมันเกิดจากเรามีนักการเมืองเลวมากเกินไป ด้วยการจำกัดสิทธิ์ของประชาชน ที่ตามหลักประชาธิปไตยเบื้องต้นมันควรจะเท่าเทียมกัน จริง ๆ เหรอครับ

แล้วผมก็ไม่เชื่อว่า คนที่ลงคะแนนเลือกไทยรักไทย, พลังประชาชน, ชาติไทย จะเป็นคนที่มีการศึกษาต่ำไปเสียทั้งหมด ขณะเดียวกัน คนที่เลือกประชาธิปปัตย์ ก็ไม่ใช่ว่าจะเรียนสูงเสียทั้งหมดเหมือนกัน

ทัศนะของคุณจรัสพงษ์ ก็เป็นมิติหนึ่งของปัญหา แต่ผมไม่เห็นว่ามันจะเป็นหนทางแก้ไขที่ถูกต้อง และยั่งยืน แถมมันมีหนทางที่จะนำไปสู่ความขัดแย้งที่รุนแรงได้อีกด้วย "สงครามกลางเมืองระหว่างชนชั้น" หรืออะไรทำนองนี้

แล้วถ้าถามผมว่า หนทางแก้ปัญหาที่ถูกต้อง จะต้องทำอย่างไร ผมก็คงตอบไม่ได้เหมือนกัน เพราะคลำไปตรงไหนมันก็เป็นปัญหา สาวไล่ย้อนขึ้นไป ท้ายสุดมันก็วนกลับมาที่จุดเริ่มต้น จำได้ว่าสมาชิกท่านหนึ่งเคยนำเอาปัญหางูกินหางนี้มาลงไว้แล้วเหมือนกัน

ผมค่อนข้างเห็นด้วยกับทัศนะของคุณอานันท์ ปันยารชุน หรือผู้ใหญ่ท่านใดท่านหนึ่ง ที่กล่าวไว้ทำนองว่า สังคมไทยเดินมาถึงจุดที่จะต้องยอมรับว่าเราเป็นสังคมที่แปลกแยก ไม่ใช่สังคมที่จะสมานฉันท์อย่างที่เราอยากให้เป็นอีกต่อไป แล้วเราก็จะต้องเรียนรู้ที่จะยอมรับความคิดเห็นที่แตกต่างให้ได้  อะไรทำนองนี้ ผมไม่แน่ใจว่าผมจดจำมาถูกต้องชัดเจนนะครับ แต่แนวคิดมันเป็นอย่างนี้

รัฐบาลของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน มันเป็น Definition ของประชาธิปไตยที่มองกันจริง ๆ แล้ว ในทางปฏิบัติมันกว้างมาก ๆ
เอาเงินมาให้กู้, ปลดหนี้ให้, ประกันราคาสินค้าเกษตร และอะไรอีกหลาย ๆ อย่าง มันเป็นกระบวนการในทางปฏิบัติของ Definition ข้างต้นเหมือนกัน มันสอดคล้องกับความต้องการของคนในชนบท ขณะที่คนชั้นกลางอาจจะไม่ได้เห็นอย่างนั้น

โดยส่วนตัว แม้ว่าผมจะไม่ค่อยชอบพวกเสื้อแดง แต่ผมจะบอกตัวเองตลอดเวลาว่า พวกเขาก็คนไทย จะถูกขนมารวมกัน จะมากันเพราะอามิสสินจ้าง หรืออะไร เขาก็เป็นเพื่อนร่วมแผ่นดินเท่า ๆ กับคนใส่เสื้อเหลือง ทั้งสองฝ่ายเป็นคนไทยเท่า ๆ กันน่ะครับ

บางครั้งผมรู้สึกว่า เราหลอกตัวเองกันมานานว่าเราเป็นสังคมสมานฉันท์ ทั้ง ๆ ที่ความจริงเรามีความแปลกแยกแตกต่างมาตลอดเวลา เพียงแต่ความแปลกแยกมันยังไม่ก้าวเดินมาสู่จุดที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งอย่างรุนแรง 


ก็เป็นทัศนะความเห็นของปัจเจกบุคคลผู้หนึ่งนะครับ ผมอาจจะผิดก็ได้ครับ



 ::002:: ::002:: ::002::.... ::014::


หัวข้อ: Re: จรัสพงษ์ สุรัสวดี :: บทสัมภาษณ์ซูโม่ตู้ทอลค์โชว์
เริ่มหัวข้อโดย: SA-KE ที่ พฤศจิกายน 10, 2008, 11:32:36 AM
    ยอมรับไหม?ครับว่า โดยภาพรวมสังคมบ้านเราเป็นสังคมที่ลูบหน้าปะจมูกกันเสียส่วนใหญ่  ผมชอบจับประเด็นของวิธีคิด โดยมองประเด็นความผิดพลาดเป็นเพียงส่วนหนึ่งของความคิดส่วนใหญ่ แล้วมองว่าความคิดส่วนใหญ่คืออะไร?มากกว่า   ซึ่งประเด็นข้อด้อยหรือผิดพลาดบางส่วน อาจจะเป็นเพียง  1 ใน 100 หรือ 1 ใน 10 ก็ได้  แต่ถ้าอ่านให้ดีแบบกลางจริงหรือกลางแท้ ผมว่าน่าจะสรุปได้ว่า  ประเด็นที่นำมาวิจารณ์หรืออาจจะวิพาษณ์นั่น  มันคือหัวใจหลักที่ "คุณตู้" ต้องการสื่อหรือเปล่า? และคนที่คิดได้อย่างนี้อย่าง "คุณตู้ "  ผมว่าเป็นวิธีคิดแบบตรงไปตรงมา ตีแสกหน้าของสังคมไทยได้ค่อนข้างดีและชัดเจน และเป็นวิธีคิดที่คนส่วนหนึ่งของสังคมบ้านเรารับไม่ได้หรือแกล้งรับไม่ได้กับความจริงที่เป็นจริงที่เกิดขึ้นจริง  ผมว่ามันมีนัยที่ซ่อนอยู่ในระหว่างเรื่องการศึกษาหรือความยากจนของชนชั้น  อย่าเพิ่งมองประเด็นที่ตัวอักษรเป็นหลัก ลองคิดให้ลึกกว่านั่นอีกหน่อยแล้วจะเข้าใจในสิ่งที่เขาต้องการสื่อ ผมอาจจะคิดมากหรืออาจจะเข้าใจผิดก็ได้ถ้ามองจากมุมมองของคำพูดของ"คุณตู้ "   ก็ลองพิจารณากันเองแล้วกันครับ  นักคิดนักเขียนอีกท่านหนึ่งที่ผมชอบฟังท่านพูดและไม่ต้องแปลความอะไรมากมายแต่มีนัยซ่อน คือ  " ส  ศิวรักษ์ "  ครับ  


หัวข้อ: Re: จรัสพงษ์ สุรัสวดี :: บทสัมภาษณ์ซูโม่ตู้ทอลค์โชว์
เริ่มหัวข้อโดย: ทัดมาลา ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป ที่ พฤศจิกายน 10, 2008, 11:49:20 AM
เห็นด้วยครับ......

สองสิ่งแรกที่ต้องสร้างคือ ความรู้ และปากท้องอิ่มครับ

เมื่อสองอย่างนี้เติมเต็ม คนจึงจะมีเวลามองออกนอก

และข้อที่เห็นด้วยมากๆ คือ คนเราไม่เท่าเทียมกัน...มีความแตกแยก แตกต่างอยู่เป็นธรรมดา

ต้องยอมรับข้อนี้ก่อน มีคนจน มีคนรวย มีคนฉลาด มีคนโง่

เมื่อยอมรับและเข้าใจโดยถ่องแท้....

การแก้ไขปัญหาต่างๆจะง่ายขึ้นมาก



หัวข้อ: Re: จรัสพงษ์ สุรัสวดี :: บทสัมภาษณ์ซูโม่ตู้ทอลค์โชว์
เริ่มหัวข้อโดย: ทัดมาลา ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป ที่ พฤศจิกายน 10, 2008, 11:54:42 AM
เพิ่มเติมครับ.....

ที่ผ่านมาเรามีความแตกต่างมากมายในทุกๆด้าน....

แต่ที่ไม่เคยเกิดปัญหาเพราะ คนไทย มีศูนย์รวมดวงใจเพียงหนึ่งเดียว

มีสถาบันและองค์พระประมุขเป็นแกนกลางร้อยรวมความแตกต่างทั้งหมดไว้ให้อยู่ร่วมกันได้

แต่วันนี้ความแตกแยกแสดงออกชัด เพราะมีความพยายามสั่นคลอนสถาบันอันเป็นแกนนี้.....



หัวข้อ: Re: จรัสพงษ์ สุรัสวดี :: บทสัมภาษณ์ซูโม่ตู้ทอลค์โชว์
เริ่มหัวข้อโดย: C.J. - รักในหลวง ที่ พฤศจิกายน 10, 2008, 11:57:05 AM
เห็นด้วยครับ......

สองสิ่งแรกที่ต้องสร้างคือ ความรู้ และปากท้องอิ่มครับ

เมื่อสองอย่างนี้เติมเต็ม คนจึงจะมีเวลามองออกนอก

และข้อที่เห็นด้วยมากๆ คือ คนเราไม่เท่าเทียมกัน...มีความแตกแยก แตกต่างอยู่เป็นธรรมดา

ต้องยอมรับข้อนี้ก่อน มีคนจน มีคนรวย มีคนฉลาด มีคนโง่

เมื่อยอมรับและเข้าใจโดยถ่องแท้....

การแก้ไขปัญหาต่างๆจะง่ายขึ้นมาก



 ::014::

ที่ผมคิดไว้ มี 3 อย่าง..

1. การศึกษา

2. เศรษฐกิจ..

3. การเข้าถึง ข้อมูล ข่าวสารที่ถูกต้อง เพียงพอ..


หัวข้อ: Re: จรัสพงษ์ สุรัสวดี :: บทสัมภาษณ์ซูโม่ตู้ทอลค์โชว์
เริ่มหัวข้อโดย: Ro@d - รักในหลวง ที่ พฤศจิกายน 10, 2008, 12:04:39 PM
ความเห็นของ คุณตู้. เป็นการให้หลักคิด เป็นการให้ปัญญา.
การใช้มุมมอง วิสัยทัศน์ไปมอง ถ้า้มองอย่างเป็นบวก เลี่ยงการไปจับผิด.
จะัเป็นการอ่านอย่างประเทืองปัญญา แก่ตนเอง

เป็นการกล้า วิพากษ์ กลุ่มคนในสังคม และให้บทสรุป การอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข นั้น.
ใช่จะยอมให้ กลุ่มคนที่ไร้ปัญญา.. มากำหนดแนวทางนำพาให้กับสังคม.ไปตามใจฉัน
คุณตู้ให้ความคิดที่จะไม่ยอมให้ กลุ่มคนที่ไร้ปัญญา ยอมเป็นฐานให้ นักการเมืองมาร
จูงจน ทำให้สังคม ล่มจม แล้วก่อความเสียหายแก่สังคมส่วนรวม

สังคมจะพัฒนาก้าวหน้า จะต้องใช้สติปัญญาไปผลักดัน ไม่ใช่อารมณ์ ความงี่เง่าของกลุ่มคนไปผลักดัน สติปัญญา ในทุกสังคม ในโลกนี้ ด้านหลัก มาจากคนชั้นกลาง ที่รวมอยู่ ของนักคิด จากทุกสายงานหลากหลายที่สุด ..
โดยอาศัย กำลังพวกรากหญ้า ที่ถูกนำด้วย สติปัญญาของคนชั้นกลาง ที่มีคุณธรรม ไปนำ.

วิธีกาีรที่จัีับได้ในการแก้ปัญหาางการเมืองของคุณตู้..ผู้ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ๑ คนหนึ่งเสียง.
แต่ฐานคะแนนเสียง ไม่ได้กำหนดจาก ผู้แทน ๑ คนต่อฐานคน ๒๕๐,๐๐๐.- เท่านั้น
แต่คุณตูู้่นำเสนอ ผู้แทน ๑ คน ต่อฐานการเสียภาษีรวมทั้งจังหวัด เป็นเกณฑ์ ส่วนจะคิดอย่างไร เป็นเรื่องปลีกย่อย

เมืองที่มีการเสียภาษีมากเมืองนั้นจะพัฒนาเจริญมาก ภาษีที่เก็บได้มาก อย่างน้อยมองได้ว่า คนมีความสำนึกต่อส่วนร่วมมากตามไปด้วย .. นั่นคือเป็นที่รวมของของคนชั้นกลาง
ย่อมใช้ปัญญาในการ ดำเนิืนชีวิตมากกว่า สังคมที่ต่างออกไป .. การพิจารณาเลือกผู้แทนของเขา..
ย่อมต้องใช้ปัญญาในการเลือกคนที่ีคุณภาพ ผู้แทนของเขา

ดูสังคม เมกา อังกฤษ ถ้า่รายไหน หวังมาแจกเงิน นอกจากจะโดนไล่ ยังจะโดนดำเนินคดีตามกฎหมายด้วย .. แต่มันใช้ไม่ได้ กับสังคม ชนบทของไทย

ความเห็นคุณตู้ ยาวนัก จึงต้องแยก เป็นประเด็นความเห็น.. อ่านอย่างพิจารณาในประเด็นที่สนใจ อ่านแล้วเก็บหลักให้ได้
อย่าอ่านอย่างจับผิด มิฉะนั้น ท่านจะไม่ได้อะไรเลย.  ;)