เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

 ::004:: ตามหัวข้อครับ รัฐบาล ท่านให้ของขวัญเราแล้วครับ คนใช้กับคนขับtaxi ที่ใช้  LPG ก็โดนด้วย ::012::

       xBR> *GOVT:กพช.ให้ขึ้นราคา LPG ภาคขนส่งรวม 6 บาท/กก.,ทยอยขึ้นเดือนละ 2 บาท
กรุงเทพฯ--13 พ.ย.--รอยเตอร์

นายแพทย์วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงาน กล่าวว่าคณะกรรมการนโยบายพลังงาน
แห่งชาติ(กพช.) อนุมัติให้ปรับขึ้นราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว(ก๊าซหุงต้ม:LPG)
สำหรับภาคขนส่ง
ซึ่งรวมถึงอุตสาหกรรม รวม 6 บาท/กิโลกรัม โดยจะทยอยขึ้นเดือนละ 2 บาท/กิโลกรัม
ก่อนหน้านี้ กระทรวงพลังงาน อยู่ระหว่างจัดทำโครงสร้างราคา LPG ออกเป็น 2
ตลาด ได้แก่ ภาคครัวเรือน และภาคขนส่ง ซึ่งรวมภาคอุตสาหกรรมด้วย จากปัจจุบันที่รัฐบาล
ตรึงราคา LPG ไว้ที่ระดับ 18.13 บาท/กิโลกรัม ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา
ขณะที่ปริมาณการใช้ LPG เพิ่มขึ้นในภาคขนส่ง หลังราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นในช่วง
ก่อนหน้านี้ ทำให้ไทยต้องเริ่มนำเข้า LPG ตั้งแต่เม.ย.--จบ--

(โดย วิลาวัลย์ พงษ์พิทักษ์ เรียบเรียง--วพ--)
((wilawan.pongpitak@reuters.com;โทร.0-2648-9730;Reuters
Messaging:wilawan.pongpitak.reuters.com@reuters.net))

 เศรษฐกิจย่ำแย่...ผู้คนตกงานกันทั่วประเทศ...  รัฐบาลจัญ... สนองคุณเข้าให้แล้ว เป็นไงหละรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งที่ชอบอ้างว่ามีจากเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน........   ::009::

ถามอย่างโง่ๆ ว่า ถ้า ปตท. กำไรจากปีละแสนล้าน เหลือปีละ หมื่นล้าน......

ปตท.จะเจ๊งไหมครับ....

ปตท. ควรลดกำไร.. ลงบ้าง

อ้อยเข้าปากช้าง คงยากที่จะคาย

งวดหน้าก็เลือกพวกนี้เข้าไปอีกนะท่าน

 ::009::ใช้เงินที่ขึ้นแก๊สได้กำไรมา ซื้อเสียงให้พรรคพวก ::010::

สงสัยโอคงต้องเปลี่ยนรถมาเป็นjazzแล้วหล่ะค่ะ เพราะตอนนี้ค่าgasก็เท่ากับน้ำมันรถแจ๊สซะแล้ว หากขึ้นไปอีกสงสัยเปลี่ยนแน่ๆ ::004::

พี่ก็กลับไปใช้รถ jazz เหมือนกัน รถ ALTIS คืนภรรยาพร้อมแถมถังแก๊ส LPG

หนูโอคงต้องเปลี่ยนระบบช่วงล่างใหม่นะ     มันคงรับน้ำหนักเธอไม่ไหว

แล้วแฟนพี่ไม่โวยเหรอคะ ::008::


 :~) รถป๋าโ่ด่ยังรับไม่ไหว สงสัยต้องฉิบย๊อ :~)

อ่วมมม...

อ้อ...ล่าสุดได้ไปลองแจ๊สใหม่มา ปราดเปรียวดีแท้ค่ะ ::002::

ใกล้เคียงโอเลยค่ะพี่ โอวิ่งวันนึงอย่างน้อย 60กม. ...อ่วม :<<

อืม...อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงน่าจะเพิ่มขึ้นอีกราว 15% ด้วยการทดลองขับโดยเจ๊โอ.......

 ::006::

เอ้า...   ;D ;D

แต่ของเค้าดีจริงๆน๊า ใช้แล้วยังชอบเลย หาก Gas ขึ้น มีแววเลยนะเนี่ย ::008::

อยากขึ้นก็ขึ้นไป...  :P



ก็แค่เดินทางไปกลับที่ทำงานแค่วันละ 120 กม.เอง....  :~)

ผมว่า...ไม่เจ๊งหรอกครับ...แต่ผลกำไรจากการปันผลให้ผู้ถือหุ้นจะลดลง...

เพราะคนที่กำหนดราคาก็เป็นผู้ถือหุ้นด้วยครับ...

รัฐบาลทำร้ายเงินในกระเป๋าประชาชน :~) :~) :~)

พอๆกับผมเลย ผมน้อยกว่าแค่สิบโล

ฝรั่งและตำราบริหารเขาบอกว่า  Maximize Profit for Shareholder wealth 

แต่กิจการสาธารณูปโภค เป็นกิจการเพื่อความผาสุขและมั่นคงของชาติ....

เอาสาธารณูปโภคไปเป็นธุรกิจ มันก็แบบนี้แหละครับ

จากประสบการณ์ที่ใช้แจ๊ส    สปอยเลอร์หน้าหลุด4ครั้ง(ยังไม่รวมครูดพื้นเกิน10ครั้ง)   ว่าไม่ได้ขับแต่รถสูงๆตอนหลังไม่ค่อยขับแล้วครับ   น้องมันบ่นว่าทำรถพัง     แต่โดยรวมแล้วเป็นรถที่ดีมากๆ

เอา ปตท ของเราคืนมา

อนิจจา ราคาน้ำมันดิบ  และแก๊สแอลพีจีในตลาดโลก ลดราคาอย่างต่อเนื่อง

แต่ ปตท.และรัฐบว....หัวคาน ดันขึ้นราคาแอลพีจี

 :~) :~) :~)

เศรษฐกิจไม่ดีก็แย่พอแรงแล้ว มันยังขึ้นราคามาซ้ำอีก 

ทำใจ..ทำใจ..ทำใจ... :OO   ผมใช้ NGV ปีหน้าคงขึ้นอีกแน่ทุกวันนี้ก็เติมวันละ70บ. ::004:: ::004::แล้วถ้าขึ้นอีกคงแย่ :~) :~) :~)

อ่านดูครับ เพื่อเกิดความคิดอะไรใหม่ๆๆ ได้บ้างครับ http://www.gasthai.com/lpgnetwork/weblist.asp

แกสโซฮอล์เป็นทางเลือกใหม่ของกระผมครับ

บริษัทขาย LPG มีหลายบริษัทครับ .... การขึ้นราคาของภาครัฐ ไม่ได้มีผลกับบริษัทเดียว


จำเขามาว่า ราคาในประเทศเดิม ๓๐๐ ต่อตัน ... ราคานอกประเทศ ช่วงแพง ๙๐๐ ต่อตัน ช่วงนี้ ๔๕๐ ต่อตัน .....

พึ่งทราบว่า ปิโตรเคมี ได้รับการยกเว้นการขึ้นราคาครับเพราะ ปตท ใช้เอง ไม่เกี่ยวกับภาคอุตสาหกรรม

ต้นปีหน้า ถ้าเดินทางในกรุงเทพฯ ผมจะเปลื่ยนมาใช้มอเตอร์ไซด์แล้วครับ ไม่ไหวแล้ว :~)
น้ำมันแพง ก็เปลื่ยนมาใช้ LPG
 

ไทยสามารถผลิตก๊าซแอลพีจีทั้งจากการกลั่นและการขุดเจาะในประเทศตกเดือนละ 357,000 ตันต่อเดือน แต่การใช้จริงเฉลี่ยตั้งแต่ม.ค.-ก.ย.51อยู่ที่ 379,000 ตันต่อเดือน แสดงว่าผลิตไม่พอใช้อยู่ที่ 22,000 ตันต่อเดือน แต่ตัวเลขการนำเข้าตั้งแต่เดือน เม.ย-ต.ค. 51 มีการนำเข้า 357,953 ตัน หรือเฉลี่ยเดือนละ 51,136 ตันต่อเดือน แสดงว่านำเข้ามาเกินความต้องการใช้เดือนละประมาณ 30,000 ตัน มันไปอยู่ที่ไหน และใครได้ผลประโยชน์จากภาคปิโตรเคมีที่ไม่ต้องขึ้นราคา ในขณะที่นำไปใช้ในปิโตรเคมีแล้วผลตอบแทนเป็นกำไรเพิ่มขึ้นกี่เท่า ไม่รู้จะถามใครและคงไม่ได้รับคำตอบ ???

ช่วงนี้ราคาขายของผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีเป็นช่วงขาลงครับ (เป็นไปตามวัฏจักรทางธุรกิจ) ... ผมจำได้ว่าแรงซื้อจากจีนลดลง และโรงงานที่อิหร่านเปิดดำเนินการได้แล้ว

เชื้อเพลิงต่าง ๆ ที่ใช้ในประเทศ ผมเข้าใจว่าต้องมีการสำรองไว้ตามกฏหมายครับ คงต้องดูอีกว่าเป็นสต็อกเท่าไร

ท่าน ๆ คงไม่ชอบแน่ ถ้าปริมาณการซัพพลายเชื้อเพลิงขาดตอน เพราะไม่ได้สั่งเผื่อ รอให้เชื้อเพลิงใกล้หมดแล้วค่อยสั่ง ... เกิดเรือเข้าท่าช้า เดี๋ยวก็มีรายการแท็กซี่นอนเฝ้าปั๊ม และด่า ปตท. เป็นของแถม ;D ;D ;D

ผมเรียนถามคุณjakritเป็นความรู้สำหรับผมนะครับถ้าปริมาณที่นำเข้ามาเกินเดือนละ 30,000 ตันต่อเดือนก็แสดงว่าเรามีปริมาณก๊าซสำรองเฉพาะที่นำเข้า210,000 ตันแล้วนะครับไม่รวมที่เราผลิตได้เองอีก ตัวเลขการใช้ของ กพช.ระบุว่า
ภาคครัวเรือน ใช้เฉลี่ย 175,000 ตัน/เดือน
ภาคขนส่ง                   64,000 ตัน/เดือน
ภาคอุตสาหกรรม          57,000 ตัน/เดือน
ภาคปิโตรเคมี              83,000 ตัน/เดือน
กพช.มาเก็บเงินชดเชยให้ ปตท.เฉพาะจากภาคขนส่งและภาคอุตสาหกรรม ที่น่าสงสัยก็คือไม่มีการพูดถึงภาคปิโตรเคมี ใครในภาคปิโตรเคมีนำก๊าซแอลพีจีไปใช้มากที่สุด และหากจะเก็บเงินคืนให้ ปตท.ควรจะยกเว้นให้เฉพาะภาคครัวเรือนเพราะผลกระทบเป็นวงกว้าง แต่ภาคปิโตรเคมีไม่ควรจะได้รับการยกเว้น ;D

ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าภาคปิโตรเคมีเขาซื้อ LPG กันกิโลละเท่าไรครับ

การคิดว่ามี LPG ส่วนเกินที่เอาไปแอบซ่อนเพื่อการใด ๆ นั้น ผมเห็นว่าคิดได้ แต่ไม่น่าจะเป็นข้อน่าสงสัย เพราะคนจะเก็บ LPG ได้ ต้องมีที่เก็บเฉพาะ และไม่สามารถสะสมมาก ๆ ได้ (ขยายที่เก็บยาก เพราะต้องก่อสร้าง)

ถ้าผมวิเคราะห์จากข่าวสารที่ได้รับ ..."LPG นำเข้าเป็นวัตถุดิบ ไม่ได้นำเข้าเป็นกาซสำเร็จ" ... ผมอาจจะคาดเดาว่าส่วนเกินที่ตั้งข้อสังเกตนั้น อาจจะไม่ได้ถูกผสมเป็น LPG แต่ถูกนำไปเป็นวัตถุดิบสำหรับการทำอย่างอื่น (ปิโตรเคมีอื่น ๆ)

การที่ ปตท. ได้รับเงินชดเชย เพราะเคยนำเข้า LPG ราคาแพงเข้ามาให้ใช้ ... ซึ่งผมมองว่าก็น่าจะเป็นจำนวนจำกัดขนาดหนึ่ง ไม่ใช่การชดเชยทุกกิโลที่นำเข้ามาครับ (เงินกองทุน ดำเนินการโดยรัฐฯ คงไม่ให้ใครมารูดเงินออกไปใช้ง่าย ๆ)

ถ้าการปรับราคาขายในประเทศ สะท้อนราคาตลาดโลก ก็น่าจะไม่ต้องมีการชดเชยให้ใครอีก และน่าจะมีผู้นำเข้า LPG รายอื่น นำ LPG จากต่างประเทศเข้ามาบริิการลูกค้าของตนได้บ้าง

ราคาเชื้อเพลิงในประเทศเรา ถูกทำให้เบี่ยงเบนจากการกำหนดราคาในหลาย ๆ รูปแบบ ไม่ได้ใช้ราคาที่แปลงมาตรง ๆ จากราคาตลาดโลก ... แต่เวลาราคาตลาดโลกเปลี่ยนแปลง เรากลับคิดว่าราคาที่มีการเติมท็อปปิ้งในบ้านเราต้องเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย ....

   ล่าสุด เลื่อนการประชุมออกไปแล้วอย่างไม่มีกำหนด

SGPอ่อนแรงหลังเลื่อนถกพิจารณาขึ้นราคา LPG
Source - กระแสหุ้นออนไลน์ (Th)

Thursday, November 27, 2008 15:18
60517 XTHAI XECON XFINSEC ZSTOCK V%WIREL P%SWO

กรุงเทพฯ--27 พ.ย.--กระแสหุ้นออนไลน์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นบมจ.สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ (SGP)หลังจากที่รัฐบาลเลื่อนการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบาย (กบง.) ออกไปไม่มีกำหนด จากเดิมที่จะประชุมช่วงบ่ายวันนี้ หลังนายแพทย์วรรณรัตน์ ชาญนุกูลรมว.พลังงาน ในฐานะประธาน กบง. ติดภารกิจประชุมคณะรัฐมนตรี นัดพิเศษวันนี้ ส่งผลให้การพิจารณาช่วงเวลาในการปรับขึ้น LPGสำหรับภาคขนส่ง และอุตสาหกรรม ต้องเลื่อนออกไปไม่มีกำหนด--จบ--

จาก ไทยรัฐ ออนไลท์

NGV ขึ้น 11  บาท LPG ไม่รอดแน่ขึ้นราคาแน่นอน ใช้น้ำมันดีกว่า

ปตท.ขึ้นเอ็นจีวีม.ค.ปีหน้า 8.50 เป็น 11 บาท/กก. [16 ธ.ค. 51 - 14:09]
 
นายณัฐชาติ จารุจินดา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าววันนี้ (16 ธ.ค.) ว่า จากราคาน้ำมันที่ลดลงโดยเฉพาะกลุ่มดีเซล ทำให้ ปตท.เสนอปรับขึ้นราคาก๊าซเอ็นจีวี 11 บาทต่อกิโลกรัม  จากเดิมที่ กพช.มีมติให้ปรับเพิ่มในราคาเพดานไม่เกิน 12 บาทต่อกิโลกรัม  ในปี 2552 โดยจะมีผลตั้งแต่ 1 มกราคม 2552 เป็นต้นไป จากราคาปัจจุบัน 8.50 บาทต่อกิโลกรัม

ส่วนสาเหตุที่ต้องขึ้นราคา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ บมจ.ปตท. กล่าวว่า  เพราะต้นทุนทั้งระบบการจำหน่ายก๊าซอยู่ในระดับสูง และราคาต้นทุนเอ็นจีวีที่แท้จริงอยู่ที่ 14.50 บาทต่อกิโลกรัม อย่างไรก็ตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เดิม คือ ราคาก๊าซเอ็นจีวีจะขึ้นไม่เกินครึ่งหนึ่งของราคาน้ำมันดีเซล การปรับขึ้นในอัตรา 11 บาท  จึงถือว่าเหมาะสม ทั้งนี้ ตั้งแต่ ปตท. จำหน่ายก๊าซเอ็นจีวี มีปัญหาขาดทุนมาโดยตลอด โดยปีนี้รับภาระขาดทุน 3,700 ล้านบาท ปี 2550 ขาดทุน 1,900 ล้านบาท และปี 2549 ขาดทุน 1,200 ล้านบาท

นายณัฐชาติ กล่าวด้วยว่า จากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและราคาน้ำมันที่ลดต่ำมาก ทำให้ความต้องการใช้ก๊าซเอ็นจีวีทดแทนน้ำมันลดลง โดยปัจจุบันยอดการติดตั้งเอ็นจีวีของรถยนต์อยู่ที่ 150-200 คันต่อวัน จากเดิมที่ในช่วงราคาน้ำมันสูงสุดกว่า 40 บาทต่อลิตร ยอดการติดตั้งอยู่ที่ประมาณ 450-500 คันต่อวัน ดังนั้น เมื่อยอดติดตั้งลดลง ปตท.จึงอยู่ระหว่างการทบทวนแผนลงทุนทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ภายในปีนี้การเปิดสถานีจำหน่ายก๊าซเอ็นจีวียังเป็นไปตามแผนเดิม คือ 300 แห่ง จากที่ขณะนี้มี 275 แห่ง ครอบคลุม 44 จังหวัด และในส่วนปริมาณความต้องการใช้อยู่ที่ 2,800-2,900 ตันต่อวัน ขณะที่ปริมาณการจำหน่ายมีกว่า 3,000 ตันต่อวัน
 
 
 
 
 

เห็นด้วยครับ

ต้องเรียกคืนมาเป็นของรัฐอีกครั้งครับ  แต่ไม่รู้ว่าจะทำได้รึเปล่า  ::004::

จริงๆๆ ก็ เป็นของรัฐอยู่นะครับ แต่เป็นรัฐเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อยู่โดยกระทรวงการคลัง แต่  ปตท. เป็นบริษัท มหาชน จึงขายหุ้นไปให้เอกชน ให้ประชาชนถือหุ้นด้วย ถ้าให้กลับเป็นของรัฐ 100% คงต้องซื้อหุ้นคืน อันนี้คงต้องถามผู้มีความรู้ ให้ความคิดเห็นเพิ่มเติมครับ :)

 อย่าว่าแต่ภาคขนส่งเลย.... แก๊สปิ๊กนิคถังน้อยๆของ STeelShoTS คนยาก....สามเดือนก่อนเติมถังละ 100 ล่าสุดถังละ 110  :OO  :P  ช่างขานรับนโยบายกันเสียจริง....
   
    .... วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ นักขัตฤกษ์ หรือวันหยุดเพิ่มพิเศษของบริษัท ( ที่เราไม่อยากหยุด  ::012:: )  STeelShoTS คงต้องเข้าป่าตัดฟืนเผาถ่านแล้วมั้ง........
           
     ... อีตา สงวน เจ้าของป่าคงได้วิ่งไล่จับ STeelShoTS ฐานบุกรุกป่า กันสนุกกันคราวนี้แหละ  ::013:: ::011::

ผมว่าถ้าระดมทุนซื้อคืนก็คงจะไม่ยากครับ  ;D

งานนี้ร้านรับติดตั้งแก็สคงได้งานใหม่เพิ่มครับ คืองานเอาระบบแก็สออก แล้ว เปลี่ยนระบบไปใช้แก็สโซฮอลล์ E20 E 85 E100
พูดถึงเรื่องนี้เซ็งครับ พอ น้ำมันแพงก็โอดครวญกันที เอาเรื่องพลังงานทดแทนมาพูด แอลกอฮอล์บ้างละ ไบโอดีเซล บ้างละ พูดมาทุกครั้ง พอน้ำมันราคาลง แล้วก็หายเงียบ ทำไมไม่แก้ปัญหาให้เป็นระบบ เจ็บมาก็หลายครั้งแล้วกับความไม่แน่นอนของราคาน้ำมัน เราจะเป็นอย่างนี้ไปอีกนานเท่าไหร่

ความคิดผมนะ  ขึ้น LPG ให้คนไปใช้ NGV จะได้คุมราคาง่ายๆ ผูกขาดเจ้าเดียว 

เหมาะครับตอนนี้เดินทางไกลๆจะได้ไม่ต้องกลัวน้ำมันหมดถัง...... เพราะมีแก๊สอีกถัง.....อิอิ

มีลุ้นกลับ ท่าน นายกอภิสิทธิ์ ครับ
ตามข่าว ผู้จัดการ ออน ไลท์ ครับ
นายกฯ ถกราคา LPG พรุ่งนี้ ลุ้น!! ลดไม่ลด
 
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 4 มกราคม 2552 16:13 น.
 
 
       นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้ตนมีความเป็นห่วงเกี่ยวกับราคาแก๊สแอลพีจี หลังราคาในตลาดโลกปรับลงต่อเนื่อง ซึ่งวันพรุ่งนี้ (5 ม.ค.) จะมีการเรียกประชุมนัดพิเศษกับคณะรัฐมนตรี และคณะกรรมการนโยบายพลังงาน เพื่อพูดถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในเบื้องต้น พร้อมขอดูตัวเลขสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงราคาแก๊สแอลพีจีในตลาดโลกทั้ง 2 ประเภท คือ แก๊สแอลพีจีภาคครัวเรือน และแก๊สแอลพีจีภาคขนส่ง ทั้งนี้เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหา และดูสถานการณ์ว่าจะสามารถปรับเปลี่ยนแนวทางหรือไม่
        อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีระบุว่า ภายหลังการหารือกับคณะรัฐมนตรี และผู้ที่เกี่ยวข้อง น่าจะมีการปรับแนวทางไปจากเดิม และจะกล่าวในรายละเอียดอีกครั้งหนึ่ง
 
 

ที่เชียงใหม่ อาทิตย์ที่ผ่านมาราคาลดลงจาก 13.50 บาท เหลือ 12.50 บาท หลังจากที่ยืนราคาอยู่ 13.50 ตั้งแต่เดือน สิงหาคม 2551 ครับ

ผลการประชุมที่จะขึ้น LPG / NGV ครับ
จาก ผู้จัดการ astv online ครับ
นายกฯ สั่งทบทวนแนวทางปรับราคา LPG - สั่งตรึง NGV กิโลละ 8.50 บาท
 
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 5 มกราคม 2552 12:16 น.
 
 
       นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เรียกนายแพทย์วรรณรัตน์ ชาญนุกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน หารือเรื่องราคาก๊าซแอลพีจี ที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ หรือ กพช.เดิม แบ่งตลาดออกเป็น 2 ตลาด คือ ภาคครัวเรือน ที่จะไม่ขึ้นราคา และภาคขนส่งกับอุตสาหกรรม ที่จะขึ้นราคา 6 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมายให้กระทรวงพลังงานไปทำการบ้านว่า ควรจะทบทวนนโยบายดังกล่าวหรือไม่ เพราะราคาตลาดโลกขณะนี้ปรับลดลงจนใกล้เคียงกับราคาควบคุมในประเทศ จึงไม่น่าจะเป็นเหตุผลที่จะต้องปรับขึ้นราคา อย่างไรก็ตาม จะนำไปหารือในที่ประชุม กพช. ที่นายกรัฐมนตรีจะเป็นประธานเองในสัปดาห์หน้า
        ส่วนเรื่องราคาเอ็นจีวี ที่เดิมวางแผนจะปรับขึ้นไม่เกิน 12 บาทต่อกิโลกรัม หรือไม่เกินครึ่งหนึ่งของราคาดีเซล ทั้งนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เห็นสอดคล้องกันว่า ให้ตรึงราคาที่ 8.50 บาทต่อกิโลกรัม ไปก่อนเนื่องจากไม่ต้องการเพิ่มภาระของประชาชน
        ทั้งนี้ มาตรการลดค่าไฟ และลดภาษีน้ำมัน ตามมาตรการ 6 เดือนลดค่าครองชีพ ซึ่งจะครบกำหนดสิ้นเดือนนี้ นายกรัฐมนตรีให้กระทรวงพลังงานไปทำการบ้านว่าจะมีการปรับอย่างใดจึงจะเหมาะสม
 
 
ที่มา   http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9520000000089

 กระทรวงพลังงานทำการบ้านเองหรือปล่าว หรือรอลอก บ.น้ำมัน .....  ::009::
  ...ลอกจนเคยตัว ระวังจะโดนไม้เรียว...  ::001:: ::010::

16 นี้ ท่านนายกฯ ตัดสินว่า จะแยกไม่แยกจะขึ้นไม่ขึ้น มีลุ้นนะครับ จะเป็นอย่างไร ไม่เกิน 24 ชม.รู้แน่แล้วครับ

up date ครับ  จากผู้จัดการ ASTV online 16 มค. 52 ครับ แต่ยังไม่จบ มีลุ้นนะครับ



กพช.สรุปขึ้นราคาก๊าซ "แอลพีจี" ภาคขนส่งฯ 2 บาท/กก. วันนี้ คนใช้รถติดก๊าซเซ็ง ปตท.มีเฮได้ค่าโง่นำเข้าก๊าซ 8 พันล้านคืน "พลังงาน" ปรับสูตรใหม่ ใช้ราคาเฉลี่ยทั้งปี 500 ดอลลาร์/ตัน คำนวณต้นทุน โดยยืนยันจะปรับขึ้นเพียงครั้งเดียว เพื่อหยุดการจ่ายชดเชยส่วนต่างราคาที่เกิดขึ้น
       
       วันนี้ (16 มกราคม 2552) กระทรวงพลังงานจะเสนอทางเลือกการปรับโครงสร้างราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ภาคขนส่งและอุตสาหกรรมต่อที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มีนายอภิสิทธิ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน โดยเสนอตัวเลขให้เหมาะสมตามราคาก๊าซหุงต้มในตลาดโลก และคำนึงถึงภาระหนี้นำเข้าก๊าซแอลพีจีประมาณ 8 พันล้านบาท ที่รัฐบาลชุดก่อนค้างจ่ายบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ขณะเดียวกันไม่ให้ประชาชนเดือดร้อนมากนัก ซึ่งหากขึ้นก็คงขึ้นครั้งเดียว ไม่ทยอยขึ้นเหมือนมติ กพช.เดิมที่จะขึ้น 6 บาทต่อกิโลกรัม โดยทยอยขึ้นเดือนละ 2 บาท
       
       สำหรับแนวทางการขึ้นราคาก๊าซแอลพีจีในครั้งนี้ มีการปรับสูตรคำนวณใหม่ โดยอิงการคำนวณราคาตลาดโลกเฉลี่ยทั้งปีที่ระดับ 500 ดอลลาร์ต่อตัน จะทำให้ราคาก๊าซแอลพีจีปรับขึ้นประมาณ 2.70 บาทต่อกิโลกรัม แต่เพื่อลดผลกระทบอาจเสนอทางเลือกทยอยขึ้นครั้งแรกอิงตลาดโลกปัจจุบันเป็นหลักก่อน คือ ที่ระดับราคา 380 ดอลลาร์ต่อตัน หรือปรับขึ้นเพียง 1.80 บาทต่อกิโลกรัม เท่านั้น เพื่อหยุดการจ่ายชดเชยส่วนต่างราคาที่เกิดขึ้น
       
       ทั้งนี้ ราคาก๊าซหุงต้มเดือน พฤศจิกายน 2551 อยู่ที่ 800 ดอลลาร์ต่อตัน โดยล่าสุด ได้ปรับลดลงมาอยู่ที่อัตรา 380 ดอลลาร์ต่อตัน ขณะที่ราคาในประเทศอยู่ที่ 340 ดอลลาร์ต่อตัน หรือแตกต่างกัน 1.50-2.00 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งเกณฑ์ที่เสนอ กพช.วันนี้ กระทรวงพลังงานจะใช้ราคาเฉลี่ย 500 ดอลลาร์ต่อตัน
       
       กระทรวงพลังงาน ยังระบุว่า การปล่อยลอยตัวราคาก๊าซแอลพีจี ก็ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง แต่นโยบายของรัฐบาลนี้ชัดเจนว่า จะขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมัน จึงคิดว่าคงไม่ปล่อยลอยตัวราคาก๊าซหุงต้มแน่นอน โดยต้องดูราคาเฉลี่ยทั้งปีก่อนว่าอยู่ที่ระดับเท่าไร เพื่อไม่ให้ผิดพลาด ซึ่งทั่วโลกประเมินราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยทั้งปีนี้ 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และก๊าซหุงต้มเฉลี่ย 500-600 ดอลลาร์ต่อตัน แต่หากสถานการณ์เปลี่ยนแปลงรุนแรง ก็ต้องพิจารณาใหม่อีกที
       
       ส่วนมติการลดผลกระทบต่อประชาชนจากการขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมัน หลังสิ้นสุดนโยบาย 6 มาตรการ 6 เดือน ในวันที่ 31 มกราคม 2552 นี้ รัฐบาลจะใช้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงช่วยชะลอการขึ้นราคาน้ำมันเป็นแบบขั้นบันได ซึ่งกรมธุรกิจพลังงานเป็นผู้ตรวจสอบสตอกน้ำมันก่อนขึ้นทุกครั้ง คาดว่าจะทยอยขึ้นอย่างน้อย 3 ครั้ง ครั้งละ 0.70-1.00 บาทต่อลิตร ใช้วงเงินประมาณ 3 พันล้านบาท โดยใช้เงินกองทุนน้ำมันจ่ายภาษีสรรพสามิตน้ำมันคืนกระทรวงการคลังไปก่อน หลังจากนั้นกองทุนน้ำมันเก็บคืนจากส่วนเกินของผู้ค้าน้ำมัน

ตอนนี้ราคาก๊าซตลาดโลกลง ประเทศไทยจะปรับขึ้นก็คงจะได้เป็นข่าวกันอีก ;D

เป็นไปตามกลไกตลาด  ถูกต้องตามวิชาเศรษฐศาสตร์แล้ว
คนบางคนรวย เพราะถือหุ้นตามกฏหมาย   ปฏิบัติชอบแล้ว
คนทั่วไปเดือดร้อน เพราะเลือกคนข้างต้นไปบริหารบ้านเมือง   ก็ชอบแล้ว
เลี้ยงมะเร็งไว้ในตัว   จะไม่เจ็บปวดหรือ  มันก็ผิดไป

ควรให้ใช้ LPG ฟรีกันทุกคน ทรัพยากรของชาติเป็นของทุกคน ดังนั้นรัฐฯก็จ่ายค่าขุด ค่าแปรรูป ค่าขนส่ง ให้เรียบร้อย แล้วให้ชาวบ้านใช้ฟรี ๆ  ::005:: ::005:: ::005::

 ;D ล่าสุดเลื่อนการขึ้นทั้ง LPG NGV ไม่มีกำหนดครับ ขอบคุณรัฐบาลคุณอภิสิทธิ์ ครับ   ::014::

จากไทยรัฐ ออนไลท์
ชะลอแอลพีจี-เอ็นจีวี เบนซิน-โซฮอล์เพิ่ม 80 สต. [16 ม.ค. 52 - 17:10] 
 
นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวถึงผลการประชุมคณะกรรม การนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) วันนี้ (16 ม.ค.) ซึ่งมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม ว่า กพช. มีมติให้ชะลอการปรับขึ้นราคาแอลพีจีและเอ็นจีวีออกไปอย่าไม่มีกำหนดเนื่องไม่ต้องการให้ประชาชนมีภาระเพิ่มขึ้นท่ามกลางวิกฤษเศรษฐกิจ

 

วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ค้าน้ำมันทุกรายขึ้นราคาน้ำมันในกลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์ 80 สตางค์/ลิตร โดยให้มีผลตั้งแต่เช้าวันพรุ่งนี้ (17 ม.ค.) ส่วนดีเซลยังคงราคาเดิม

 

 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานวันนี้ว่า ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์ก ปรับตัวลดลงอย่างมากจนแตะระดับ 33.20 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ต่ำสุดในรอบ 5 ปี ก่อนปิดระดับที่ 35.40 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล โดยนักลงทุนยังกังวลกับเศรษฐกิจโลกที่ทรุดหนักกว่าที่คาดการณ์ไว้ หลังจากสหรัฐฯ ซึ่งเป็นประเทศผู้บริโภคน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก ต้องได้รับการเยียวยาอีกครั้งโดยรัฐบาลสหรัฐฯ ต้องอัดฉีดเม็ดเงินช่วยเหลือ อีก 350,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

 

ก่อนหน้านี้นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัทบางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ราคาน้ำมันดิบในตลาดนิวยอร์กปรับตัวลดลง เนื่องจากโรงกลั่นน้ำมันในสหรัฐฯ ลดกำลังการผลิตทำให้มีสต็อคน้ำมันเหลืออยู่เป็นจำนวนมาก ขณะที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดลอนดอน น้ำมันดิบดูไบ ตลาดเอเชีย กลับเคลื่อนไหวสวนทางกัน โดยราคาอยู่ที่ระดับ 45-47 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล ส่งผลให้ราคาน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดสิงคโปร์ โดยเฉพาะกลุ่มเบนซิน และแก๊สโซฮอล์ปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากความต้องการใช้น้ำมันของประเทศอินโดนีเซียที่มีสูง ในขณะที่โรงกลั่นในภูมิภาคอยู่ระหว่างปิดทำการ เพื่อทำการซ่อมแซมและคาดว่าอาจเห็นการปรับขึ้นราคาน้ำมันขายปลีกในกลุ่มเบนซิน และแก๊สโซฮอล์ในระยะอันใกล้นี้อีก
 
 

อิอิ..........น่ารักๆ

เย้.........^^

เพิ่มเติมครับ

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 16 มกราคม 2552 18:47 น.
 
 
 
คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
 

 
 
 
  ที่ประชุม กพช.มีมติ ให้ชะลอขึ้นราคาก๊าซ “แอลพีจี-เอ็นจีวี” ไม่มีกำหนด เพราะเพิ่มภาระค่าใช้จ่าย และกระทบต่อกำลังซื้อของประชาชน ส่วนค่าโง่นำเข้าก๊าซ “แอลพีจี” ในราคาแพง เมื่อปี 51 จำนวน 9 พันล้าน ให้นำเงินกองทุนน้ำมันฯ เอาไปทยอยจ่ายชดเชย โดยไม่กำหนดระยะเวลา
       
       การประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) บ่ายวันนี้ ซึ่งมี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน มีมติให้ชะลอการปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) และก๊าซเอ็นจีวี ออกไปโดยไม่มีกำหนด ให้เหตุผลเศรษฐกิจชะลอตัว พร้อมเห็นชอบแผนพัฒนากำลังไฟฟ้า (พีดีพี) 15 ปี ฉบับใหม่ เลื่อนกำลังผลิตไฟฟ้ารวม 6,000 เมกะวัตต์ และลดวงเงินลงทุน 460,000 ล้านบาท
       
       นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวแถลงภายหลักงการประชุม โดยระบุว่า กพช.เห็นชอบเรื่องดังกล่าว เนื่องจากเห็นร่วมกันว่า ในขณะนี้ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว หากปรับราคาแล้ว ประชาชนจะได้รับผลกระทบ โดยจะชะลอไปเมื่อใดนั้น ก็แล้วแต่ช่วงเวลาที่เหมาะสม
       
       ส่วนหนี้การนำเข้าก๊าซแอลพีจีของ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ที่นำเข้ามาในปี 2552 ประมาณ 9,000 ล้านบาทนั้น ที่ประชุมเห็นชอบให้นำเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงไปทยอยชดเชย เพื่อใช้หนี้ ซึ่งในขณะนี้เงินกองทุนมีประมาณ 10,000 ล้านบาท แต่จะเริ่มใช้หนี้เมื่อใด ก็ดูในช่วงเวลาเหมาะสมเช่นกัน ซึ่งคงต้องไปเร่งฟันส่วนต่างค่าการตลาดในแต่ละเดือน เพื่อนำเงินมาโปะกองทุน แม้จะเป็นเบี้ยหัวแตก แต่ก็ดีกว่าไม่ได้
       
       ทั้งนี้ รมว.พลังงาน ได้เสนอให้ที่ประชุมแยก 2 ราคาแอลพีจี แต่ที่สุด กพช.ก็เห็นชอบให้ตรึงราคาต่อไป โดยในปีนี้ กระทรวงพลังงาน ประเมินว่า ไทยจะต้องมีการนำเข้าแอลพีจีประมาณ 3,300 ตันต่อเดือน โดยให้ ปตท.รับภาระนำเข้าไปก่อน เพราะคาดว่าความต้องการใช้จะมีประมาณ 360,000 ตันต่อเดือน จากกำลังผลิตของประเทศอยู่ที่ประมาณ 335,000 ตันต่อเดือน
       
       ในขณะที่เอ็นจีวีเดิมนั้น กพช.เคยมีมติให้ปรับราคาจาก 8.50 บาท ต่อกิโลกรัม เพิ่มเป็น 12 บาทต่อกิโลกรัม ในปี 2552 ซึ่งการไม่ปรับขึ้นเอ็นจีวี ทำให้ ปตท.รับภาระเพิ่มประมาณ 4,000 ล้านบาทต่อปี เพราะราคาต้นทุนสูงกว่าราคาจำหน่าย โดยราคาต้นทุนเฉลี่ยปีนี้อยู่ที่ประมาณ 12 บาทต่อกิโลกรัม และที่ผ่านมานั้น ปตท.รับภาระขาดทุนการจำหน่ายเอ็นจีวีไปแล้วรวม 8,000 ล้านบาท
       
       รมว.พลังงาน ยังกล่าวด้วยว่า ในเรื่องของแผนพีดีพี เป็นการปรับปรุงตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว โดยอิงกับตัวเลขประมาณการการเติบโตทางเศรษฐกิจของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ที่คาดว่า เศรษฐกิจปี 2552-2553 จะขยายตัวประมาณร้อยละ 2 จึงคาดว่า ความต้องการใช้ไฟฟ้าจะชะลอตัวไปด้วย ดังนั้น ตามแผน 15 ปี จึงชะลอการก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่รวม 6,000 เมกะวัตต์ วงเงินลงทุนรวม 460,000 ล้านบาท
       
       ทั้งนี้ โครงการที่ต้องชะลอไป ประกอบด้วย 1.เลื่อนการรับซื้อไฟฟ้าไอพีพี 1 ปี ของโรงไฟฟ้าเพาเวอร์เจเนอเรชั่นและสยามเอ็นเนอร์ยี่ รวมกำลังผลิต 3,200 เมกะวัตต์ 2.เลื่อนการก่อสร้างโรงไฟฟ้าของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย คือ โรงไฟฟ้าวังน้อย และบางปะกง กำลังผลิตรวมประมาณ 1,400 เมกะวัตต์ เลื่อนออกไป 2 ปี
       
       3.เลื่อนการรับซื้อโรงไฟฟ้าจาก ส.ป.ป.ลาวไป 2 ปี จากเดิมจะเข้าระบบในปี 2556-2557 จำนวน 5 โครงการ รวม 4,200 เมกะวัตต์ 4. ลดปริมาณก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เหลือเพียง 2,000 เมกะวัตต์ จากเดิม 4,000 เมกะวัตต์ และ 5. ปลดโรงไฟฟ้าเก่าของการไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) ที่อายุมากกว่า 30 ปี จำนวน 3-4 โรง
       
       นอกจากนี้ กพช.ยังเห็นชอบเรื่องการเกลี่ยเงินรายได้ของ 3 การไฟฟ้า เพื่อให้ค่าไฟฟ้าทั่วประเทศมีอัตราเดียวกัน โดยปี 2552 การไฟฟ้านครหลวงต้องจ่ายเงินชดเชยดังกล่าวแก่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค รวมประมาณ 12,000 ล้านบาท
 
 
 
 
 

ตรึงราคา   โดยท้ายสุดเอาเงินภาษีของเราไปจ่ายหรือเปล่าครับ
ถ้าเป็นอย่างนั้นก้ไม่ได้ส่งผลอะไรมากมาย

แล้วน้ำมันราคาตลาดโลกก็ลดแล้ว แล้วราคาในประเทศทำไมถึงขึ้นเอาอีก  ??? ??? :P
ตอนลด ลดทีละสี่สิบสคางค์  ตอนขึ้น ขึ้นทีละแปดสิบสตางค์ :'( :'( :'(

ฝรั่งเขามีภาษิตว่า ... " no free lunch"

บทความ ราคา LPG ครับ
จาก กรุงเทพธุรกิจ


การเมือง : บทวิเคราะห์
วันที่ 21 มกราคม 2552 15:31ความจำเป็นในการขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม (LPG) ???โดย : ทิวากร ณ กรุงเทพฯ


ภาพประกอบข่าว

TOOLS
  ขนาดตัวอักษร
 พิมพ์ข่าวนี้
 ส่งต่อให้เพื่อน
 share
 ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ปตท.ดึงเอกชนตั้งปั๊มเอ็นจีวีลดภาระ1.5พันล้าน
ความจำเป็นในการขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม (LPG) ???
ปตท.ลดราคาดีเซล60สต.-ขึ้นเบนซิน60สต.พรุ่งนี้
พลังงานเล็งซื้อไฟเอสพีพีเพิ่ม2พันเมกะวัตต์
ปตท. แจ้งแผนจัดหาเงินกู้ 5 ปี (ปี 2552-2556)
 คอลัมน์อื่นๆ
บทวิเคราะห์
บำนาญต้องรออีกนานสักเท่าไร
ตีรณ เตือนแพคเกจกระตุ้นศก.ไม่รอบคอบงบสูญเปล่า

คุณภาพชีวิต
กมธ.สภาเผย500คนในขบวนการทุจริตฝายแม้ว
ผอ.อนุรักษ์ฯเผยสร้างเยาวชนแจ้งค้าสัตว์-ตัดไม้

การศึกษา
ชัยวุฒิปูดมหาวิทยาลัยเอกชน ใช้กยศ.ล่อเด็กเข้าเรียน
ใครอยากเป็นตำรวจหญิง รีบสม้ครเร็ว

 ความพยายามปรับขึ้นราคาก๊าซ LPG ของกระทรวงพลังงานมีสิ่งที่น่าสงสัย

วันที่ 16 มกราคมที่ผ่านมา ผู้ใช้ก๊าซ LPG รถเก๋ง รวมทั้งบรรดารถแท็กซี่ต้องลุ้นระทึกว่าคณะกรรมการพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน จะขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม (LPG) อีก 2.70 บาทต่อกิโลกรัมตามการชงตัวเลขของ รมว.พลังงานหรือไม่ ท่ามกลางเสียงคัดค้านของผู้ใช้ที่หน้าทำเนียบรัฐบาล พร้อมทั้งยื่นจดหมายแสดงความไม่เห็นด้วยในการขึ้นราคา และเสนอให้ยกเลิกกฎหมายที่อนุญาตให้ข้าราชการกระทรวงพลังงาน สามารถไปนั่งเป็นกรรมการในธุรกิจพลังงานได้อีกต่อไป เนื่องจากเชื่อว่านโยบายพลังงานของภาครัฐในปัจจุบันถูกครอบงำโดยกลุ่มทุนพลังงานผ่านกรรมการบริษัทที่มาจากภาครัฐนี่เอง

เสียงคัดค้านที่น่าสนใจที่สุดเห็นจะเป็นของ ส.ว. รสนา โตสิตระกูล ประธานกรรมาธิการศึกษากรณีทุจริตและเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา ที่ค้านว่าปัญหาการขาดแคลนก๊าซ LPG ในประเทศครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปีเกิดจาก ปตท.นั่นเอง ผมได้นำข้อมูลจากข่าวของท่าน ส.ว.รสนา มาเทียบกับข้อมูลของกระทรวงพลังงาน และข้อมูลของ ปตท.พบประเด็นที่น่าสนใจดังนี้

1. ไทยผลิตก๊าซ LPG ได้เองในประเทศ และมีการส่งขายต่างประเทศมายาวนานนับ 10 ปี รวมถึงปีนี้ซึ่งเป็นปีที่ขาดแคลน ผู้ผลิตก็ยังส่งออกก๊าซ LPG ไปขายต่างประเทศถึง 2 หมื่นตัน

2. ก๊าซ LPG กว่าครึ่งผลิตจากโรงแยกก๊าซของ ปตท. LPG ส่วนที่เหลือมาจากผลิตภัณฑ์ของโรงกลั่นน้ำมัน

3. วัตถุดิบในการผลิตก๊าซ LPG ของโรงแยกก๊าซ ปตท. คือ ก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทยทั้งหมด ซึ่งปัจจุบันมีก๊าซธรรมชาติขึ้นมาจากอ่าวไทยวันละประมาณ 2,400 ล้านลูกบาศก์ฟุต (ซึ่งเป็นปริมาณที่เยอะมาก)

4. ปัจจุบันโรงแยกก๊าซของ ปตท. รองรับก๊าซได้เพียงวันละประมาณ 1,700 ล้านลูกบาศก์ฟุตเท่านั้น เพราะเต็มกำลังผลิตแล้ว จึงไม่สามารถรับก๊าซธรรมชาติที่มีอยู่ทั้งหมดได้

ข้อเท็จจริงนี้สรุปได้ว่า การขาดแคลนก๊าซ LPG ของไทย เกิดจากปัญหาที่ ปตท.สร้างโรงแยกก๊าซไม่เพียงพอ ทำให้ไทยต้องสูญเสียก๊าซธรรมชาติที่มีคุณค่าวันละกว่า 600-700 ล้านลูกบาศก์ฟุต ซึ่งหากนำก๊าซธรรมชาติทั้งหมดมาผ่านโรงแยกก๊าซได้ ไทยคงมีก๊าซใช้เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 1 ล้านตันต่อปี ปัญหานี้ทำให้ไทยต้องเสียเงินตราต่างประเทศในการนำเข้าก๊าซ LPG ส่วนที่ขาดอยู่ประมาณ 10% ของปริมาณการใช้ในปี 2551 ซึ่ง ความพยายามปรับขึ้นราคาก๊าซ LPG ครั้งนี้ของกระทรวงพลังงานมีสิ่งที่น่าสงสัยดังนี้

ข้อแรก การขึ้นราคาครั้งนี้สวนกระแสกับราคาก๊าซในตลาดโลกที่ร่วงลงมา 60% จากกลางปีที่ผ่านมา (ตารางที่ 1)

ข้อสอง LPG ที่ขาดแคลนในปีที่แล้วก็เพียง 10% ของปริมาณการใช้ ดังนั้น การขึ้นราคาราวกับว่าไทยนำเข้าก๊าซ LPG จากต่างประเทศมาทั้งหมด จึงดูไม่สมเหตุผลในสายตาผู้บริโภค

ข้อสาม การขาดแคลนนี้มีสาเหตุหลักมาจากการบริหารจัดการของภาคเอกชน ดังนั้น การลงโทษประชาชน 60 ล้านคน ด้วยการขึ้นราคา LPG อีก 2.70 บาท ทำให้ราคาที่ประชาชนต้องจ่ายสูงถึง 20.83 ต่อกิโลกรัม เป็นสิ่งที่เป็นธรรมหรือไม่

ข้อสี่ ขณะนี้ ราคาก๊าซ LPG ในตลาดโลกช่วงนี้อยู่ที่ 380 ดอลลาร์ต่อตัน หรือ 13 บาทกว่าต่อกิโลกรัมเท่านั้น ซึ่งราคานี้ได้รวมเอากำไรของผู้ผลิตเข้าไปแล้ว ดังนั้น ใครเป็นผู้รับผลประโยชน์จากส่วนต่างระหว่างราคาที่รัฐกำหนดกับราคาตลาดโลกอีก 7.50 บาทต่อกิโลกรัม รวมเป็นเงินกว่า 3 หมื่นล้านบาทต่อปี คงต้องมีคำตอบที่ชัดเจนต่อสังคม (ตารางที่ 2)

และข้อสุดท้ายซึ่งสำคัญที่สุด ก็คือ ปตท.มีต้นทุนคือก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทยที่รับซื้อมาในราคาต่ำกว่าตลาดโลกมาก (ราคาเฉลี่ยก๊าซธรรมชาติของไทยตั้งแต่ปี 2542) ซึ่งอาจเกิดจากรัฐบาลในอดีตได้ให้สัมปทานราคาถูกต่อเอกชนในการขุดเจาะและผลิตปิโตรเลียมเพื่อให้ประชาชนได้มีพลังงานใช้ในราคาที่ไม่สูงนัก ดังนั้น การตั้งธงในการกำหนดราคาพลังงานไทยที่อิงราคาตลาดโลกหรือสูงกว่าตลาดโลกทั้งที่ก๊าซส่วนใหญ่ก็ผลิตได้เองในประเทศ จึงน่ากังขาเป็นอย่างยิ่ง เพราะประชาชนเจ้าของก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยมีแต่เสียกับเสีย

สุดท้ายนี้คงต้องขอบคุณท่านนายกรัฐมนตรี ที่ช่วยยับยั้งการขึ้นราคา LPG ในครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม การรุกฆาตของกลุ่มทุนพลังงานต่อผู้บริโภคคงดำเนินต่อไป ประเทศไทยจะอยู่รอดหรือไม่คงขึ้นอยู่กับว่าจะสามารถยกเครื่องการบริหารจัดการทรัพยากรสาธารณะด้านปิโตรเลียมของไทยให้ประชาชนไทยผู้เป็นเจ้าของได้ประโยชน์กันจริงๆ จังๆ และได้ใช้พลังงานในราคาที่เป็นธรรมได้หรือไม่ วันนี้ก็คงขอส่งกำลังใจไปช่วยท่านนายกฯ กัน!!!

 

 


Tags : ก๊าซหุงต้ม • LPG • ปตท. • กระทรวงพลังงาน