เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

วิธีดูว่าปืนรุ่นนี้เป็นปืนโครงอะไรดูอย่างไร ครับ ขอบคุณครับ

โครงปืนของสมิท ปัจจุบัน แบ่งเป็น 5 ขนาดครับ ...................

J เล็ก  ............. K กลาง ............ L กลางที่ใหญ่ขึ้นมาหน่อยนึง .............. N ใหญ่ และ X ใหญ่สุด

ทั้ง 5 แบบ ............. ถ้าไม่ดูที่โมเดลของปืน ต้องดูด้วยตาครับ ซึ่งในโครง J  K L N และ X จะแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด หากเทียบกัน .............  เรียกง่ายว่า J ต่างกับ K L มาก  ........... K และ L ต่างกับ N มาก ...........และ N ต่างกับ X มาก (โครง X ผมเห็นการเทียบแต่ในรูปนะครับ เมืองไทย ยังไม่เห็นว่ามีการสั่งเข้ามา) .............เว้นแต่ในโครง K กับ L จะใกล้เคียงกัน............ต้องเทียบดูหรือใช้ความชำนาญ

สำหรับโมเดล จะแยกได้ชัด........คือ โครง J เป็น model 31 34 36 40 49  60 640 637 337 ฯลฯ ........... โครง K เป็น model 10 13 15 17 19 48 66 ฯลฯ ...............โครง L เป็น model 586 686 620 ฯลฯ .................โครง N เป็น model 25 27 28 29 625 627 629 ฯลฯ.............และในโครง X เป็น model 500 เป็นต้น

ลองค้นหารูปใน google ดูสิครับ เช่น S&W model 686 ................ จะพอมองภาพและขนาดออก 

ขอบคุณมากครับพี่มะขิ่น    ขอเก็บสำเนาไว้นะครับ

ขอบคุณครับ  ::014::

ตามไปดูที่นี่ก็ได้ครับ มีครบ ขาดแต่ปืนใหญ่มือถืออย่างโครงX

http://www.world.guns.ru/handguns/hg00-e.htm

เป็นข้อความเก่าที่สมาชิกเคยลงไว้ แล้วผมเซฟเก็บไว้ในคอมลองอ่านดูครับ

เมื่อมีการกล่าวถึงปืนรีวอลเว่อร์ โดยเฉพาะยี่ห้อ สมิท แอนด์ เวสสัน เรามักจะได้ยินการเรียกขนาดของ Frame หรือโครงปืนของรุ่นนั้นๆ ด้วยเสมอ เช่น โครง-เค, โครง-เจ, หรือโครง-เอ็น ซึ่งนักยิงปืนหน้าใหม่ยังงุนงงและสับสนกับการเรียกโครงปืนของ สมิธ แอนด์ เวสสันอยู่ ในความเป็นจริง สมิธ แอนด์ เวสสัน ไม่ได้มีโครงปืนรีวอลเวอร์ เพียง ๓-๔ โครง เท่านั้น ยังมีขนาดโครงปืนแยกย่อยลงไปอีกมาก สมิธ แอนด์ เวสสัน เริ่มแบ่งขนาดของปืนรีวอลเว่อร์ มาตั้งแต่ยุคแรกที่มีการพัฒนาปืนรีวอลเว่อร์ออกมา โดยแบ่งออก
เป็น ๓ ยุค คือ
   
๑. ทิป อัพ รีวอลเว่อร์ (Tip Up Revolvers) เป็นปืนในยุคแรก ใช้ระบบหักลำกล้องพับกลับไปด้านบนเพื่อการบรรจุ ลูกปืนและคัดปลอกลูกปืน โดยมีจุดหมุนอยู่ท้ายลำกล้องกับโครงปืนด้านบน ผลิตออกมาในช่วงปี ค.ศ. ๑๘๕๗-๑๘๘๑   
๒. ท็อป เบรก รีวอลเวอร์ (Top Breaks Revolver) ใช้ระบบหักลำกล้องลงข้างล่าง ท้ายโม่จะยกสูงขึ้น สะดวกในการ บรรจุลูกปืนและคัดปลอก โดยมีสลักทำหน้าที่เป็นจุดหมุนอยู่ด้านล่างของท้ายลำกล้องกับโครงปืนส่วน ล่าง ติดตั้งคันคัด ปลอกอัตโนมัติ ปลอกลูกปืนจะถูกคัดออกทันทีที่หักลำกล้องลง ผลิตออกมาในช่วงปี ๑๘๗๐-๑๙๔๐   
๓. แฮนด์ อีเจ็คเตอร์ รีวอลเวอร์ (Hand Ejectors Revolver) ใช้ระบบเปิดโม่ออกด้านข้าง (Swing Out) ทางซ้ายของ โครงปืน ตัวโครงปืนจะยึดแน่นเป็นชิ้นเดียวกันเรียกว่า Solid Frame คัดปลอกลูกปืนด้วยคันคัดปลอกที่อยู่ด้านหน้าโม่ ใช้มือดันมาข้างหลัง อันเป็นที่มาของคำว่า แฮนด์ อีเจ็คเตอร์ โดยพ่วงต่อท้ายด้วยขนาดลูกปืน จากปี ค.ศ.๑๙๕๗ เป็นต้นมา สมิธ แอนด์ เวสสัน ยกเลิกคำว่า แฮนด์ อีเจ็คเตอร์ มาใช้รหัสตัวเลขและตัวอักษรแทน ซึ่ง สมิธ แอนด์ เวสสัน ได้จัดแบ่งขนาดของโครงปืนตามวัตถุประสงค์และขนาดลูกปืน ดังนี้   

ยุค Tip Up และ Top Breaks ๑. โมเดล ๑ เฟรม (Model One Frame) เป็นปืนโครงเล็กที่สุดของตระกูล มีแบบ Tip Up เพียงอย่างเดียว ใช้ลูกปืน ขนาด .๒๒ โม่บรรจุลูกปืน ๗ นัด   
๒. โมเดล ๑-แอนด์-อะ-ฮาล์ฟ เฟรม (One-and-a-Half Frame) เป็นโครงขนาดกลางค่อนข้างเล็ก (Medium Small) โม่บรรจุลูกปืน ๕ นัด ใช้ลูกปืนขนาด .๓๒ หักลำกล้องแบบ Tip Up และ Top Breaks ๓. โมเดล ๒ เฟรม (Model Two Frame) เป็นโครงขนาดกลาง โม่บรรจุลูกปืน ๖ นัด ขนาดลูกปืน .๓๒ ใช้ระบบ Tip Up ส่วนขนาด .๓๘ ใช้ระบบ Top Breaks ๔. โมเดล ๓ เฟรม (Model Three Frame) เป็นโครงขนาดใหญ่ โม่บรรจุลูกปืน ๖ นัด ใช้ลูกปืนขนาด .๔๔ ใช้ระบบ Top Breaks ใช้เป็นปืนทดลองในการพัฒนา ไม่มีการผลิตออกจำหน่าย ยุค Hand Ejector สมิธ แอนด์ เวสสัน เปลี่ยนมาเป็นการแบ่งขนาดของโครงปืนด้วยตัวอักษรและใช้มาจนถึงปัจจุบัน ดังนี้ ๑. เอ็ม-เฟรม (M-Frame) เป็นปืนรีวอลเว่อร์ที่โครงเล็กที่สุด โม่บรรจุลูกปืน ๖ นัด ผลิตออกมาเพียงรุ่นเดียวคือ เลดี้ สมิธ (Lady Smit)   

๒. ไอ-เฟรม (I-Frame) เป็นปืนขนาดเล็ก ใช้ลูกปืนขนาด .๓๒ โม่บรรจุลูกปืน ๖ นัด เมนสปริงหรือสปริงนกสับแบบแหนบ ก่อนจะถูกแทนที่ด้วย อิมพรู้ฟ ไอ-เฟรม   
๓. อิมพรู้ฟ ไอ-เฟรม (Improved I-Frame) เปลี่ยนเมนสปริงแบบสปริงมาเป็นสปริงขด หรือ Coil Spring ใช้สกรูยึดไซด์เพลท (Side Plate) ๔ ตัว ต่อมาถูกแทนที่ด้วย เจ-เฟรม   
๔. เจ-เฟรม (J-Frame) เป็นโครงปืนขนาดเล็ก ขนาดลูกปืน .๓๘ โม่บรรจุ ๕ นัด ส่วนขนาด .๓๒ โม่บรรจุ ๖ นัด ต่อมาได้มีการขยายโครงปืนขึ้นมาอีกเล็กน้อยเพื่อพัฒนาใช้กับลูกปืน ขนาด .๓๕๗ แม็กนั่ม เรียกว่า เจ-เฟรม-แม็กนั่ม (J-Magnum Frame) ปืนโครง-เจ ทุกขนาด จะใช้ลูกปืนโครง-เจ แม็กนั่ม ทั้งหมด   
๕. เค-เฟรม (K-Frame) เป็นโครงขนาดกลาง ใช้ลูกปืนขนาด .๓๘ โม่บรรจุลูกปืน ๖ นัด   
๖. แอล-เฟรม (L-Frame) เป็นโครงใหญ่ขนาดกลาง หรือ Magnum Large อยู่ตรงกลางระหว่างโครง-เค กับ โครง-เอ็น ใช้ลูกปืนขนาด .๓๕๗ แม็กนั่ม   
๗. เอ็น-เฟรม (N-Frame) ใช้ลูกปืนขนาด .๔๔ โม่บรรจุลูกปืน ๖ นัด   
๘. เอ็กซ์-เฟรม (X-Frame) เป็นโครงปืนรีวอลเว่อร์ที่ใหญ่ที่สุด ใช้กับลูกปืนขนาด .๕๐๐ แม็กนั่ม โครง-เจ, โครง-เค, โครง-แอล, โครง-เอ็น และโครง-เอ็กซ์ เป็นรหัสที่ใช้แบ่งแยกขนาดโครงปืนของผู้ใช้โดยทั่วไป ทั้งในปืนเหล็กรมดำและที่ผลิตด้วยสเตนเลส แต่โรงงานสมิธ แอนด์ เวสสัน จะใช้รหัสดังกล่าวในการแบ่งแยกขนาดของ โครงปืนที่ผลิตด้วยเหล็กคาร์บอนเท่านั้น ส่วนปืนรีวอลเว่อร์ที่ผลิตด้วยสเตนเลสจะใช้รหัสที่แตกต่างกัน   
ใน ปืนรีวอลเว่อร์ของ สมิธ แอนด์ เวสสัน แบบเปิดโม่ออกด้านข้าง (Hand Ejectors Revolver) ยังมีการแบ่งแยกตาม จำนวนของสกรู (Screw) ที่ใช้ยึดตัวปืนอีกด้วย ดังนี้   
๑. ๕ สกรู (5 Screws) ที่ไซ้ด์เพลทมีสกรู ๔ ตัว และอีก ๑ ตัว ที่ด้านหน้าของโกร่งไก   
๒. ๔ สกรู (4 Screws) ที่ไซ้ด์เพลทมีสกรู ๓ ตัว (ตัดสกรูตัวบนของไซ้ด์เพลทออก) และที่ด้านหน้าโกร่งไกอีก ๑ ตัว   
๓. ๓ สกรู (3 Screws) ที่ไซ้ด์เพลทมีสกรู ๓ ตัว (ส่วนอีก ๑ ตัว ด้านหน้าของโกร่งไก ตัดออก) สมิธ แอนด์ เวสสัน   
ก็ใช้สกรูแบบ ๓ ตัว มาจนถึงปัจจุบันนี้:-

เห็นว่าได้ความรู้ดี เลยขออนุญาติอัพขึ้นมาครับ... ::014::

ขอบคุณครับ :)ได้ความรู้หายสงสัย

 ;D ขอบคุณด้วยอีกคนครับ กับกระทู้ที่มีความรู้ครับ  ::014::

ขอบคุณครับได้ความรู้มาก

 ขอบคุณมากครับ ได้ความรู้เรื่องโครงปืนแล้ว ถ้ามีโอกาศได้ซื้อคงเป็นโครงLครับ..อิอิ

ได้ความรู้และรายละเอียดดีมากครับ  ::014::

 ::014::