หัวข้อ: "Battle of Britain" เริ่มหัวข้อโดย: Enruoblem ที่ กันยายน 16, 2005, 10:16:46 AM ลองเข้าไปอ่านดูนะครับ สนุกดี ;D http://www.all-final.com/forum/read.php?tid=26076&forumid=12&page=11&PHPSESSID=bf37b994b350e716e2dc7459ec456af6
หัวข้อ: Re: "Battle of Britain" เริ่มหัวข้อโดย: Enruoblem ที่ กันยายน 16, 2005, 10:19:44 AM ;Dมีอยู่12หน้าครับลองไล่อ่านดู รูปและข้อมูลเพียบเหมือนโม้เลย :D~
หัวข้อ: Re: "Battle of Britain" เริ่มหัวข้อโดย: coda ที่ กันยายน 16, 2005, 10:34:39 AM ...วันหลังจะอ่านครับ (ยาว) น่าสนใจมั่กๆ ขอบคุณครับ ;D
หัวข้อ: Re: "Battle of Britain" เริ่มหัวข้อโดย: ต่อครับ ที่ กันยายน 16, 2005, 11:21:53 AM ขอบคุณหลายๆนายต๊ะ อ่านจะเพลินเลยล่ะ
:D หัวข้อ: Re: "Battle of Britain" เริ่มหัวข้อโดย: Tiger wut ที่ กันยายน 16, 2005, 11:27:33 AM ยาวมากครับ ต้องทยอยอ่าน ขอบคุณครับสำหรับข้อมูล
หัวข้อ: Re: "Battle of Britain" เริ่มหัวข้อโดย: INTEND ที่ กันยายน 16, 2005, 11:38:31 AM เฮ้อ... งานนี้มีเหนื่อย แน่ ๆ
หัวข้อ: Re: "Battle of Britain" เริ่มหัวข้อโดย: Padet ที่ กันยายน 16, 2005, 11:58:31 AM ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ กว่าจะอ่านจบคงเปิดดิคจนเมื่อย ;D ;D ;D
หัวข้อ: Re: "Battle of Britain" เริ่มหัวข้อโดย: coda ที่ กันยายน 16, 2005, 12:04:55 PM ...battle of Britain เป็นตำนานการสงครามหลายเรื่อง ทั้งการรบทางอากาศ ชาวบริเตนที่ "ไม่ยอมแพ้" และบทบาทผู้นำในยามหน้าสิ่วหน้าขวานก็น่าศึกษามากครับ 8)
หัวข้อ: Re: "Battle of Britain" เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ กันยายน 16, 2005, 12:08:05 PM อ่านยังไม่หมด...
บอกได้คำเดียวว่าเด็ดซะระตี่ครับ... คนเขียนกระทู้อายุคงไม่น้อยแล้วครับ ดูตามสำนวนแล้วเชื่อว่าไม่ใช่มือใหม่ สงสัยคงมีอาชีพเล่นกับภาษาครับ... เยี่ยมมาก ไม่จ๊ากซ์ ไม่ฮา... ภาษาไทยเนี่ย... พอนายสมชายอายุได้เกิน 40 แล้วเพิ่งดื่มด่ำกับภาษาครับ เป็นเรื่องแปลกที่แต่ก่อนเราไม่เคยรู้สึกแบบนี้... เอาที่ใกล้ตัวนะครับ... ลองอ่านข้อเขียนของผู้การสุพินท์ กับ อ.ผณิศวร ไล่อ่านทีละพยางค์... จะพบว่าหากตัดแค่พยางค์เดียวออกจากประโยคความหมายเปลี่ยนครับ... หัวข้อ: Re: "Battle of Britain" เริ่มหัวข้อโดย: Ro@d - รักในหลวง ที่ กันยายน 16, 2005, 12:53:24 PM :)..ขอบคุณมากครับ คุณ Enruoblem .. อยากอ่านครับ.. Real Story.. :D
หัวข้อ: Re: "Battle of Britain" เริ่มหัวข้อโดย: Enruoblem ที่ กันยายน 16, 2005, 08:20:49 PM ต้องยกคำขอบคุณให้กับผู้เขียน(ภาคอังกฤษ) ผู้แปล และท่านที่เอามาลงในเวปครับ ผมแค่ลิ้งมาให้ งานสบายยยยย :D~
หัวข้อ: Re: "Battle of Britain" เริ่มหัวข้อโดย: ekkawit ที่ กันยายน 16, 2005, 08:53:52 PM ขอบคุณมากนะครับ ;D ;D ;D
หัวข้อ: Re: "Battle of Britain" เริ่มหัวข้อโดย: josan ที่ กันยายน 16, 2005, 09:03:39 PM น่าสนใจครับ :) ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: "Battle of Britain" เริ่มหัวข้อโดย: Doctormore ที่ กันยายน 18, 2005, 01:52:46 PM ขอบคุณมากนะครับ :VOV: :VOV: :VOV:
หัวข้อ: Re: "Battle of Britain" เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ กันยายน 18, 2005, 02:07:10 PM อู.......ยาวววววมากๆ
หัวข้อ: Re: "Battle of Britain" เริ่มหัวข้อโดย: JJ-รักในหลวง ที่ กันยายน 18, 2005, 02:34:57 PM ขอบคุณมากครับ
หัวข้อ: Re: "Battle of Britain" เริ่มหัวข้อโดย: jakrit97 - รักในหลวง - ที่ กันยายน 18, 2005, 02:37:39 PM อ่านเป็นวันที่ ๓ แล้ว ยังไม่จบ ;D ;D
ขอบคุณครับ อ่านไปเจอตอนน่าสนใจ ในเดือนกันยายน ปี 1933 แผนการฮุปสวิตฯได้ถูกพิมพ์ออกแจกจ่าย ก็เหมือนกับการคัดลอกออกมาจาก Mein Kampf ของท่านฮิตเล่อร์เขานั่นแหละ ที่เขียนไว้ว่า เลือดของชาวไรค์ จะต้องมาไหลรวมกันเป็นหนึ่งเดียว หมายถึงว่า ในอดีตกาล ดินแดนส่วนของสวิตเซอร์แลนด์เคยได้รวมเป็นทองแผ่นเดียวกับ ออสเตรีย เยอรมัน (ในยุคกลาง สมัยพระเจ้าชารล์มาญที่เล่าให้ฟังแล้ว ที่เรียกว่า Holy Roman Empire) และเป็นที่น่าประหลาดใจ..ทันที่ที่แผนนี้ได้ล่วงรู้ถึงหูชาวสวิส อันชนชาติจริงๆแล้วกอร์ปไปด้วยรวมมิตรเช่น.. เยอรมัน ฝรั่งเศส อิตาเลี่ยน ต่างพากันตื่นตัวต่อต้านนาซีกันสุดฤทธิ์ ชาวประชาพากันไปซ้อมยิงปืนกันเป็นที่เอิกเกริก ในปี 1935 ปืนยาว K31 คาร์ไบน์ ได้ออกมาใช้สำหรับในประเทศ ว่ากันว่า เป็นปืนยาวที่มีประสิทธิภาพดีที่สุดในโลก ซึ่ง สามแสนห้าหมื่นกระบอกนั้น อยู่ในความครอบครองของชาวสวิส ซึ่งหมายถึงมีใช้ในทุกครัวเรือน นอกจากนั้น ภายในปี 1938 สวิตฯได้สร้างเสริมกำลังอาวุธในกองทัพอย่างแน่นหนา รวมไปถึงการสร้างเครื่องกีดขวาง อุโมงค์ต่อเชื่อมกับประเทศเจ้าปัญหาสามารถทำลายปิดกั้นลงได้ในทุกเวลา ทุกคนเตรียมพร้อมอย่างไม่กลัวเกรงเลยสักนิดว่า ฮิตเล่อร์ที่มีประชากรรวมแล้ว 120 ล้านคน(หมายถึงประเทศอื่นๆที่ไปยึดเขามาด้วย) แต่..สวิตเซอร์แลนด์ มีประชากรเพียงแค่ 4 ล้านคน(เป็นทหารซะเจ็ดแสน) หลังจากที่ฝรั่งเศสล่มอยู่ในอำนาจนาซีได้ไม่นาน ฮิตเล่อร์กับมุสโสลินี ต่างเริ่มแผนการว่าจะแบ่งเค้กในส่วนนี้กันยังไง ภายใต้แผนชื่อว่า von Menges สรุปได้ว่า ฮิตเล่อร์จะเอาดินแดนจากส่วนเหนือลงไปสองในสาม มุสโสลินี รับเอาส่วนที่เหลือ ฮิตเล่อร์สัญญาด้วยความมั่นใจว่า "ต้องไปสั่งสอนไอ้พวกเลี้ยงวัว กะไอ้พวกทำชีสซะหน่อย..ให้พวกมันรู้สำนึก" และอย่างที่เล่ามาแล้วว่า นายพล อองรี กีซัง และเหล่าทหารหาญได้ประกาศสู้ตายเช่นกัน..กองทัพสวิสเตรียมพร้อมที่จะเคลื่อนทัพขึ้นไปบนภูเขา ถ้าคับขันขึ้นมา พวกเขาพร้อมที่จะสละ พื้นที่ 75% ของประเทศ กองทัพอากาศเล็กๆของสวิตฯ ได้สอยเครื่องของลุฟท์วัฟฟ์ ที่บังอาจบินกระแดะเข้ามาในน่านฟ้าถึง 11 ลำ อีกทั้ง..ถ้าจับได้ว่า ทหารคนไหน pro-Nazi ละก้อ ให้ยึดหลักว่า จับได้ตรงไหน ยิงทิ้งตรงนั้น (โดนไปกว่า 17 ศพ) และที่ตลกที่สุดคือ..เครื่องบินที่สอยลุฟท์วัฟฟ์ร่วงไปหลายลำนั้น คือ ME-109 ที่ซื้อไปจากเยอรมันนั่นแหละ..รวมไปถึงกองทัพสกีแม่นปืนที่คุมภูมิประเทศแถบเทือกเขาอัลไพน์อีกเล่า..แม้ว่าฮิตเล่อร์จะต้องการเส้นทางลัดตัดผ่านสวิตฯเพื่อลำเลียงอาวุธไปช่วยอิตาลีในปี ย่ำแย่ของสงคราม (43-44) แค่ไหน ก็ยังไม่สามารถฝ่าแรงต่อต้านของพวกเลี้ยงวัว และพวกทำชีสทหารของกองทัพสวิสไปได้ ตลอด 12 ปี ของยุคนาซี สวิตเซอร์แลนด์เป็นประเทศใข่ดาวประเทศเดียว ที่ รอดพ้นจากเงื้อมมือไปได้อย่างสง่างาม สมกับเป็นเชื้อสายของ วีรบุรุษ William Tell !! หัวข้อ: Re: "Battle of Britain" เริ่มหัวข้อโดย: Ro@d - รักในหลวง ที่ กันยายน 18, 2005, 03:16:07 PM :)..ขอบคุณมากครับ คุณ jakrit ที่กรุณานำมาให้ผ่านสายตากัน.. ;D.. เป็นตัวอย่าง เชื่อผู้นำเลว นำประเทศชาติสู่ความหายนะ.ชิบ... หมด. :OO
หัวข้อ: Re: "Battle of Britain" เริ่มหัวข้อโดย: vichai01++รักในหลวง++ ที่ กันยายน 18, 2005, 05:48:22 PM ;D ;Dขอบคุณมากครับ ;D ;D
หัวข้อ: Re: "Battle of Britain" เริ่มหัวข้อโดย: ek_suwat ที่ กันยายน 18, 2005, 08:40:14 PM ...........................................เอาไว้อ่านต่อพรุ่งนี้ขอรับ..........................
หัวข้อ: Re: "Battle of Britain" เริ่มหัวข้อโดย: rute - รักในหลวง ที่ กันยายน 19, 2005, 02:13:18 AM ขอบคุณคับ ยาวดีอ่านได้หลายวัน...;D
หัวข้อ: Re: "Battle of Britain" เริ่มหัวข้อโดย: Zeus-รักในหลวง ที่ กันยายน 19, 2005, 10:38:59 AM อ่านเป็นวันที่ ๓ แล้ว ยังไม่จบ ;D ;D :)อยากรู้จังว่าในมุมมองของนักการเมืองนี่จะวิเคราะห์เรื่องนี้ว่ายังไง.....เอ๋หรือกลัวว่าประชาชนจะรวมตัวกันต่อสู้เพื่อประเทศชาติมากจนเกินไปเลยต้องพยามที่จะจำกันการมีอาวุธปืนของประชาชน ::)ขอบคุณครับ อ่านไปเจอตอนน่าสนใจ ในเดือนกันยายน ปี 1933 แผนการฮุปสวิตฯได้ถูกพิมพ์ออกแจกจ่าย ก็เหมือนกับการคัดลอกออกมาจาก Mein Kampf ของท่านฮิตเล่อร์เขานั่นแหละ ที่เขียนไว้ว่า เลือดของชาวไรค์ จะต้องมาไหลรวมกันเป็นหนึ่งเดียว หมายถึงว่า ในอดีตกาล ดินแดนส่วนของสวิตเซอร์แลนด์เคยได้รวมเป็นทองแผ่นเดียวกับ ออสเตรีย เยอรมัน (ในยุคกลาง สมัยพระเจ้าชารล์มาญที่เล่าให้ฟังแล้ว ที่เรียกว่า Holy Roman Empire) และเป็นที่น่าประหลาดใจ..ทันที่ที่แผนนี้ได้ล่วงรู้ถึงหูชาวสวิส อันชนชาติจริงๆแล้วกอร์ปไปด้วยรวมมิตรเช่น.. เยอรมัน ฝรั่งเศส อิตาเลี่ยน ต่างพากันตื่นตัวต่อต้านนาซีกันสุดฤทธิ์ ชาวประชาพากันไปซ้อมยิงปืนกันเป็นที่เอิกเกริก[/color] ในปี 1935 ปืนยาว K31 คาร์ไบน์ ได้ออกมาใช้สำหรับในประเทศ ว่ากันว่า เป็นปืนยาวที่มีประสิทธิภาพดีที่สุดในโลก ซึ่ง สามแสนห้าหมื่นกระบอกนั้น อยู่ในความครอบครองของชาวสวิส ซึ่งหมายถึงมีใช้ในทุกครัวเรือน[/u] นอกจากนั้น ภายในปี 1938 สวิตฯได้สร้างเสริมกำลังอาวุธในกองทัพอย่างแน่นหนา รวมไปถึงการสร้างเครื่องกีดขวาง อุโมงค์ต่อเชื่อมกับประเทศเจ้าปัญหาสามารถทำลายปิดกั้นลงได้ในทุกเวลา ทุกคนเตรียมพร้อมอย่างไม่กลัวเกรงเลยสักนิดว่า ฮิตเล่อร์ที่มีประชากรรวมแล้ว 120 ล้านคน(หมายถึงประเทศอื่นๆที่ไปยึดเขามาด้วย) แต่..สวิตเซอร์แลนด์ มีประชากรเพียงแค่ 4 ล้านคน(เป็นทหารซะเจ็ดแสน) ตลอด 12 ปี ของยุคนาซี สวิตเซอร์แลนด์เป็นประเทศใข่ดาวประเทศเดียว ที่ รอดพ้นจากเงื้อมมือไปได้อย่างสง่างาม สมกับเป็นเชื้อสายของ วีรบุรุษ William Tell !! หัวข้อ: Re: "Battle of Britain" เริ่มหัวข้อโดย: a lone wolf ที่ กันยายน 19, 2005, 02:51:31 PM "Never in the field of human conflict was so much owed by so many to so few."--
จำน้ำคำเชอร์ชิลมาขอรับ :D หัวข้อ: Re: "Battle of Britain" เริ่มหัวข้อโดย: xiehua dun ที่ กันยายน 19, 2005, 02:57:49 PM อ่านเป็นวันที่ ๓ แล้ว ยังไม่จบ ;D ;D อยากให้ "เหลี่ยมพักตร์เจ้ายักษ์มีฤทธิ์ อำมหิตแหกสภา ใช้เงินตราฟาดหัวเขามา "ได้อ่านจังขอบคุณครับ อ่านไปเจอตอนน่าสนใจ ในเดือนกันยายน ปี 1933 แผนการฮุปสวิตฯได้ถูกพิมพ์ออกแจกจ่าย ก็เหมือนกับการคัดลอกออกมาจาก Mein Kampf ของท่านฮิตเล่อร์เขานั่นแหละ ที่เขียนไว้ว่า เลือดของชาวไรค์ จะต้องมาไหลรวมกันเป็นหนึ่งเดียว หมายถึงว่า ในอดีตกาล ดินแดนส่วนของสวิตเซอร์แลนด์เคยได้รวมเป็นทองแผ่นเดียวกับ ออสเตรีย เยอรมัน (ในยุคกลาง สมัยพระเจ้าชารล์มาญที่เล่าให้ฟังแล้ว ที่เรียกว่า Holy Roman Empire) และเป็นที่น่าประหลาดใจ..ทันที่ที่แผนนี้ได้ล่วงรู้ถึงหูชาวสวิส อันชนชาติจริงๆแล้วกอร์ปไปด้วยรวมมิตรเช่น.. เยอรมัน ฝรั่งเศส อิตาเลี่ยน ต่างพากันตื่นตัวต่อต้านนาซีกันสุดฤทธิ์ ชาวประชาพากันไปซ้อมยิงปืนกันเป็นที่เอิกเกริก ในปี 1935 ปืนยาว K31 คาร์ไบน์ ได้ออกมาใช้สำหรับในประเทศ ว่ากันว่า เป็นปืนยาวที่มีประสิทธิภาพดีที่สุดในโลก ซึ่ง สามแสนห้าหมื่นกระบอกนั้น อยู่ในความครอบครองของชาวสวิส ซึ่งหมายถึงมีใช้ในทุกครัวเรือน นอกจากนั้น ภายในปี 1938 สวิตฯได้สร้างเสริมกำลังอาวุธในกองทัพอย่างแน่นหนา รวมไปถึงการสร้างเครื่องกีดขวาง อุโมงค์ต่อเชื่อมกับประเทศเจ้าปัญหาสามารถทำลายปิดกั้นลงได้ในทุกเวลา ทุกคนเตรียมพร้อมอย่างไม่กลัวเกรงเลยสักนิดว่า ฮิตเล่อร์ที่มีประชากรรวมแล้ว 120 ล้านคน(หมายถึงประเทศอื่นๆที่ไปยึดเขามาด้วย) แต่..สวิตเซอร์แลนด์ มีประชากรเพียงแค่ 4 ล้านคน(เป็นทหารซะเจ็ดแสน) หลังจากที่ฝรั่งเศสล่มอยู่ในอำนาจนาซีได้ไม่นาน ฮิตเล่อร์กับมุสโสลินี ต่างเริ่มแผนการว่าจะแบ่งเค้กในส่วนนี้กันยังไง ภายใต้แผนชื่อว่า von Menges สรุปได้ว่า ฮิตเล่อร์จะเอาดินแดนจากส่วนเหนือลงไปสองในสาม มุสโสลินี รับเอาส่วนที่เหลือ ฮิตเล่อร์สัญญาด้วยความมั่นใจว่า "ต้องไปสั่งสอนไอ้พวกเลี้ยงวัว กะไอ้พวกทำชีสซะหน่อย..ให้พวกมันรู้สำนึก" และอย่างที่เล่ามาแล้วว่า นายพล อองรี กีซัง และเหล่าทหารหาญได้ประกาศสู้ตายเช่นกัน..กองทัพสวิสเตรียมพร้อมที่จะเคลื่อนทัพขึ้นไปบนภูเขา ถ้าคับขันขึ้นมา พวกเขาพร้อมที่จะสละ พื้นที่ 75% ของประเทศ กองทัพอากาศเล็กๆของสวิตฯ ได้สอยเครื่องของลุฟท์วัฟฟ์ ที่บังอาจบินกระแดะเข้ามาในน่านฟ้าถึง 11 ลำ อีกทั้ง..ถ้าจับได้ว่า ทหารคนไหน pro-Nazi ละก้อ ให้ยึดหลักว่า จับได้ตรงไหน ยิงทิ้งตรงนั้น (โดนไปกว่า 17 ศพ) และที่ตลกที่สุดคือ..เครื่องบินที่สอยลุฟท์วัฟฟ์ร่วงไปหลายลำนั้น คือ ME-109 ที่ซื้อไปจากเยอรมันนั่นแหละ..รวมไปถึงกองทัพสกีแม่นปืนที่คุมภูมิประเทศแถบเทือกเขาอัลไพน์อีกเล่า..แม้ว่าฮิตเล่อร์จะต้องการเส้นทางลัดตัดผ่านสวิตฯเพื่อลำเลียงอาวุธไปช่วยอิตาลีในปี ย่ำแย่ของสงคราม (43-44) แค่ไหน ก็ยังไม่สามารถฝ่าแรงต่อต้านของพวกเลี้ยงวัว และพวกทำชีสทหารของกองทัพสวิสไปได้ ตลอด 12 ปี ของยุคนาซี สวิตเซอร์แลนด์เป็นประเทศใข่ดาวประเทศเดียว ที่ รอดพ้นจากเงื้อมมือไปได้อย่างสง่างาม สมกับเป็นเชื้อสายของ วีรบุรุษ William Tell !! หัวข้อ: Re: "Battle of Britain" เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 20, 2005, 01:06:35 PM มีโจ๊กว่า
นายพลนาซีเยอรมันโม้ข่มนายพลสวิส "เยอรมันตอนนี้เข้มแข็งมั่กๆ มีทหารตั้ง 5 ล้านคน (ของจริงตอนปลายสงครามเยอรมันขยายกองทัพเป็น 10 ล้านคน) มากกว่าพลเมืองประเทศแกซะอีก ถ้าอยากนะ จะไปยึดสวิสเซอร์แลนด์เมื่อไรก็ได้" นายพลสวิสเชิดหน้าอย่างไม่ยี่หระ "เหรอออ ก็ดีนี่ เราจะได้เตรียมกระสุนปืนไว้ 5 ล้านนัด" หัวข้อ: Re: "Battle of Britain" เริ่มหัวข้อโดย: Ro@d - รักในหลวง ที่ กันยายน 20, 2005, 01:50:22 PM :)..ความเห็นส่วนตัวครับ สำหรับสวิส... มันออกเจือไปด้วยความเชื่อ และเป็นเรื่องทางการเมืองไปแล้ว..
สวิส รอดพ้น ความพินาศ จาก นาซี ไปได้.. คงไม่ใช่เพราะ ความสามารถของคนสวิส .. แต่ถึงว่าครับ เหตุการณ์ไม่เกิดขึ้น มันก็พูดกันได้ตลอด... แต่ต้องมองจากความเป็นจริงด้วยครับ.. สวิส รอดพ้นไปได้ ด้วยความเหมาะเจาะลงตัว จาก ๑ สภาพที่ธรรมชาติเป็นปราการ เป็นเงื่อนไขสำคัญที่สุด ๒.ความสำคัญทางด้านทรัพยากร และทรัพยากรมนุษย์ ไม่ถึงขนาดดีไปกว่า ที่อื่นที่จะต้องรีบฮุบเสียก่อน.๓.ด้านการเมืองที่ผู้นำสวิส วางนโบบายที่ยึดหยุ่นสอดคล้องเหมาะสม ไม่ใช่ศัตรูของเยอรมัน ไม่วางตัวเป็นศัตรูเยอรมัน.. ๔. ด้วยมุมมองวิเทโสบาย ของผู้นำที่หยิบนำทุกอย่าง และเรียกร้องประชาชน..ของตนให้เป็นเอกภาพ เพื่อต่อสู้ตามแนวทางป้องกัน ป้องปราม สร้างภาพ .. ที่ได้กำหนดไว้...ฯลฯ... ฝรั่งเศส เป็นประเทศจักรวรรดิ์ เจ้าอาณานิคม.. เยอรมัน ยังจัดการเสียเดี้ยง หมดลาย.. แม้แต่อังกฤษเอง คงไม่รอด ถ้าเยอรมันไม่เปลี่ยนเป็นมุ่งตะวันออกเสียก่อน. การมองประเทศสวิสก็เช่นกัน ต้องเลี่ยงมองแต่เพียงด้านใดด้านเดียว..แต่ควรมองอย่างความเป็นจริง หลายด้าน.. จึงจะสามารถหยิบด้านที่อาจเป็นประโยชน์มาเลือกใช้.. แค่ความเห็นครับ.. :-* หัวข้อ: Re: "Battle of Britain" เริ่มหัวข้อโดย: BADBOY ที่ กันยายน 20, 2005, 02:11:12 PM ชอบอ่านในรูปแบบหนังสือมากกว่าครับ
หัวข้อ: Re: "Battle of Britain" เริ่มหัวข้อโดย: อรชุน-รักในหลวง ที่ กันยายน 20, 2005, 02:34:48 PM ตอนที่เยอรมันรบกับอังกฤษผมรู้อยู่อยางเดียวว่าพลาดมหันตจากการที่ฮิตเลอร์สั่งให้หยุดการบุกไม่ยอมตามไปบดขยี้กองทัพอังกฤษให้สิ้นซากในขณะที่กำลังถอยเข้าสู้ดันเคริกเพื่อกลับประเทศซึ่งเยอรมันไม่มีโอกาสอีกเลยตลอดสงครามนอกจากส่งV1-V2ไปถล่มหากขยายการบุกตามไปแล้วไม่แน่ว่าอังกฤษอาจจะไม่มีโอกาสเสนอหน้าว่าเป็นผู้ชนะสงครามแล้วบังคับให้ประเทศไทยเป็นประเทศแพ้สงคราม อีกข้อก็คือเยอรมันไม่สามารถครองความเป็นจ้าวอากาศได้จากการที่ตัวเองมีเครื่องบินเจ็ทให้งานก่อนประเทศอื่นถึง18เดือนแต่ฮิตเลอร์ไม่ยอมฟังเหล่าเสนาธิการที่เสนอให้ทำการผลิตแบบอุตสาหกรรมให้เร็วที่สุดแต่ผ่าจะไปใช้เป็นเครื่องบินทิ้งรเบิดระยะไกลไปถล่มอเมริกาโดยไม่คิดว่าหากไม่สามารถครองอากาศได้แล้วก็เปรียบเหมือนว่าเปิดน่านฟ้าให้สัมพันธมิตรเข้ามาถล่มตามสบาย ซึ่งถ้าเยอรมันผลิตขับไล่เจ็ทขึ้นใช้งานให้เร็วที่สุดการครองอากาศเหนื่อยุโรปคงไม่ใช่เรื่องยากที่สำคัญที่สุดฮิตเลอร์ดันสั่งให้บุกรัสเซียก่อนที่จะสะสางทางฝั่งอักฤษให้เรียบร้อยเป็นการบังคับให้เยอรมันต้องทำสงคราม2ด้านแล้วยังไม่ยอมทุ่มกำลังถล่มเพื่อเช็กบิลแต่ดันสั่งให้เบนการโจมตีไปที่ยูเครนเพื่อยึดแหล่งผลิตแร่เหล็กจนเข้าฤดูหนาวก็ยังไม่ยอมสั่งถอนกำลังเป็นแสนนายที่ยื่นล้ำเข้าไปในเขตหนาดจัดเพื่อส่งไปให้จอมพลรอมเมลซึ่งกำลังจะได้คลองสุเอชมาไว้ในกำมือดีกว่าส่งไปละลายสูญเปล่ากับการรบที่ไม่มีหวังชนะ
อย่างว่าแหละนะครับฮิตเลอร์ยศแค่สิบโทความรู้ก็แค่สิบโทเยอรมันก็เลยได้แค่นกกระจอกมานำฝูงอินทรีก็เลยพลอยไปกับความงี่เง่าของนกกระจอกไปด้วย :-\ :-\ |