เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

สนทนาภาษาปืน => หลังแนวยิง => ข้อความที่เริ่มโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ มิถุนายน 02, 2009, 04:51:09 PM



หัวข้อ: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ มิถุนายน 02, 2009, 04:51:09 PM
เกิดเหตุการณ์เครื่องบินสายการบินแอร์ฟรานซ์ บรรทุกผู้โดยสารรวมลูกเรือ228 ชีวิต
เดินทางจากบราซิลมุ่งหน้ายังฝรั่งเศส ขาดการติดต่อนานหลายชั่วโมง

ความหวังเริ่มเลือนลางหลังจากที่เครื่องบินแอร์บัส A-330 ของสายการบินแอร์ฟรานซ์ เที่ยวบินที่ AF447 ซึ่งบรรทุกผู้โดยสาร
รวมลูกเรือทั้งหมด 228 ชีวิต ประกอบด้วย ผู้โดยสาร 216 คน และ ลูกเรืออีก 12 คน  จากกรุงริโอเดอจาเนโร ประเทศบราซิล
มุ่งหน้ามายังกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ได้หายไปจากจอเรดาร์บริเวณเหนือมหาสมุทรแอตเลนติก ตั้งแต่เวลา 13.00 น.
ตามเวลาในประเทศไทย

โดยตามกำหนดเวลาแล้วเครื่องบินลำดังกล่าวจะต้องลงจอดที่สนามบินชาร์ลส เดอ โกล เมื่อเวลา 16.10 น.ที่ผ่านมา
แต่ขณะนี้ยังไร้วี่แววใดๆ

ทางสายการบินแอร์ฟรานซ์เองก็ออกมายอมรับว่า ไม่ได้ข่าวของเครื่องบินลำดังกล่าวมาหลายชั่วโมง โดยเป็นที่น่ากังวลว่า
เครื่องบินลำดังกล่าวน่าจะตกลงสู่ท้องมหาสมุทรแล้ว

"เครื่องบินได้หายไปจากจอหลายชั่วโมงแล้ว ซึ่งเราก็กังวลกันอย่างมากว่าจะเกิดปัญหา เพราะเครื่องไม่ได้ลงจอดตามเวลา"
พนักงานของสายการบินคนหนึ่งให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเอเอฟพี

ขณะที่เจ้าหน้าที่สนามบินอีกคนหนึ่งยังแสดงความเห็นว่าน่าจะสิ้นหวังแล้วว่าจะพบเครื่องบินลำดังกล่าวในสภาพปลอดภัย

"ในการติดต่อครั้งสุดท้าย กัปตันได้แจ้งให้ทราบว่าเครื่องบินตกหลุมอากาศ จากนั้นสัญญาณก็ขาดหายไป" เจ้าหน้าที่สนามบิน
กล่าว

โดยในขณะนี้ หน่วยบินของประเทศบราซิลได้ออกตามหา ขณะที่ประธาธิบดีฝรั่งเศส นายนิโคลาส์ ซาร์โคซี ได้ออกคำสั่งค้นหา
อย่างสุดความสามารถแล้ว

(http://www.bangkokbiznews.com/home/media/2009/06/01/images/news_img_47305_1.jpg)


ขอบพระคุณ
 ::014:: ::014:: ::014::

Click (http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/politics/world/20090601/47305/%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%9F%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%8B%E0%B9%8C-%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%88%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C.html)


หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: จอยฮันเตอร์ ที่ มิถุนายน 02, 2009, 04:55:12 PM
ขอให้รอดปลอดภัยครับ ::014::


หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ มิถุนายน 02, 2009, 06:05:33 PM

           ตามข่าวเห็นว่าหายไปนับสิบๆชั่วโมงแล้ว ..... ขอปาฎิหาริย์จงบังเกิด



หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: hare ที่ มิถุนายน 02, 2009, 06:10:22 PM
ล่าสุดมีผู้เชี่ยวชาญออกมาวิเคราะห์เกี่ยวกับสภาพอากาศในขณะที่เครื่องบินผ่าน และอาจจะเกิดจาก
ฟ้าผ่าเครื่องบินครับ  ::012::


หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: ~ Sitthipong - รักในหลวง ~ ที่ มิถุนายน 02, 2009, 06:57:43 PM
ไหนว่าเครื่องบินเป็นพาหนะที่ปลอดภัยที่สุดไม่ใช่หรอครับ  ::012::


หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: SingCring ที่ มิถุนายน 02, 2009, 07:26:20 PM
เรื่องราวถึงไหนแล้วครับ


หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: ART ที่ มิถุนายน 02, 2009, 07:34:35 PM
ยังหาไม่เจอครับ อยากให้ร่อนลงฉุกเฉินและติดต่อไม่ได้


หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: Ruk™-รักในหลวง ที่ มิถุนายน 03, 2009, 01:32:12 AM
ไหนว่าเครื่องบินเป็นพาหนะที่ปลอดภัยที่สุดไม่ใช่หรอครับ  ::012::
  ใช่ครับ แต่เป็นการเปรียบเทียบการเดินทางระหว่างเครื่องบินกับการเดินทางด้วยรถยนต์ และการโดยสารด้วยเรือเดินสมุทรแบบใหนจะปลอดภัยมากกว่ากัน
ได้คำตอบว่า การเดินทางด้วยเครื่องบิน มีอัตราการเกิดอุบัติเหตุน้อยกว่าการเดินทางด้วยรถยนต์ถึง 26 เท่า นานๆ เราจะได้ยินว่าเครื่องบินเกิดอุบัติเหตุ
แต่ด้วยจำนวนที่บรรทุกผู้โดยสารและลูกเรือได้ครั้งละมากๆ เมื่อเกิดอุบัติเหตุแต่ละครั้ง การสูญเสียจึงมีมากตามไปด้วย


หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: อรชุน-รักในหลวง ที่ มิถุนายน 03, 2009, 01:39:35 AM
ข่าวล่าสุดออกมาว่า  เครื่องบินของกองทัพที่ออกคนหาเจอเศษวัสดุและโลหะบริเวณผิวทะเลแล้วครับ   ::004:: ::004::
ขออย่าให้ไม่มีผู้เสียชีวิตเลย  ::014:: ::014::


ไหนว่าเครื่องบินเป็นพาหนะที่ปลอดภัยที่สุดไม่ใช่หรอครับ  ::012::

ข้อที่ว่าปลอดถัยที่สุดผมยกให้รถไฟนะครับ  ส่วนเครื่องบินผมให้ปลอดภัยน้อยกว่าเรือเดินสมุทรอีก  ::012:: ::012::



หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: flyingkob-รักในหลวง ที่ มิถุนายน 03, 2009, 09:07:30 AM
ล่าสุดมีผู้เชี่ยวชาญออกมาวิเคราะห์เกี่ยวกับสภาพอากาศในขณะที่เครื่องบินผ่าน และอาจจะเกิดจาก
ฟ้าผ่าเครื่องบินครับ  ::012::

จากข้อสันนิฐานเบื้องต้น.....
ฟ้าผ่าไม่น่าจะทำให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงทางอากาศได้ เพราะในแต่ละวันมีเครื่องบินโดนฟ้าผ่าเป็นเรื่องปรกติ ซึ่งรวมถึงการบินเข้าในบริเวณที่เกิดไฟฟ้าสถิตย์ด้วย....และในเครื่องบินทุกลำจะมีอุปกรณ์ปลดปล่อยไฟฟ้าสถิตย์ออกจากตัวเครื่องที่เรียกกันในทางเทคนิคว่า Static Discharge จะมีลักษณะคล้ายๆกับแซ่หางม้า..ติดตั้งอยู่บริเวณปลายปีกทั้งสองข้าง....ปลายปีกเล็กๆ.....กระโดงหาง...
แต่ผลของการที่ฟ้าผ่าอาจจะทำให้ระบบต่างๆในเครื่องบินขัดข้องและไม่สามารถแก้ไขได้..จึงทำให้เกิดอุบัติเหตุ

การก่อวินาศกรรมบนเครื่องบิน ซึ่งอาจจะเป็นไปได้จึงไม่ควรด่วนสรุป

เกิดอุบัติเหตุภายในเครื่องบินเอง......เช่น มีการขนส่งสินค้าประเภทวัตถุอัตราย เกิดการรั่วไหล..ทำปฏิกริยากัน..จึงทำให้เกิดการระเบิดขึ้น

อาจจะเกิดจากถังน้ำมันรั่วมีน้ำมันเชื้อเพลิงรั่วไหลออกนอกตัวเครื่อง ในขณะที่เครื่องบินบินผ่าบริเวณที่เกิดไฟฟ้าสถิตย์ หรือฟ้าผ่า ซึ่งข้อนี้เกิดขึ้นได้ยาก..แต่ก็เป็นไปได้..


ข่าวล่าสุดออกมาว่า  เครื่องบินของกองทัพที่ออกคนหาเจอเศษวัสดุและโลหะบริเวณผิวทะเลแล้วครับ   ::004:: ::004::
ขออย่าให้ไม่มีผู้เสียชีวิตเลย  ::014:: ::014::


ไหนว่าเครื่องบินเป็นพาหนะที่ปลอดภัยที่สุดไม่ใช่หรอครับ  ::012::

ข้อที่ว่าปลอดถัยที่สุดผมยกให้รถไฟนะครับ  ส่วนเครื่องบินผมให้ปลอดภัยน้อยกว่าเรือเดินสมุทรอีก  ::012:: ::012::



ลองนั่งเรือเดินสมุทร.....แล้วเจอคลื่นสูงกว่ายี่สิบเมตร....จะรู้เลยว่านรกมีจริง...


หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: จอยฮันเตอร์ ที่ มิถุนายน 03, 2009, 09:13:06 AM




ลองนั่งเรือเดินสมุทร.....แล้วเจอคลื่นสูงกว่ายี่สิบเมตร....จะรู้เลยว่านรกมีจริง...
[/quote]
ผมเคยนั่งเรือจากกระบี่ไปเกาะพี เจอคลื่นแค่ 3 เมตร ยังคิดว่านรกเลยครับ ::012::


หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: เห่าดง - รักในหลวง ที่ มิถุนายน 03, 2009, 09:27:58 AM
ตอนนี้ข่าวว่าพบซากเครื่องบินแล้ว และอาจจะไม่มีใครรอดครับ

http://www.posttoday.com/breakingnews.php?id=50584


หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: kit ๖๗๖๗ รักในหลวง ที่ มิถุนายน 03, 2009, 09:45:52 AM
เศร้า


หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ มิถุนายน 03, 2009, 09:56:20 AM
ตอนนี้ข่าวว่าพบซากเครื่องบินแล้ว และอาจจะไม่มีใครรอดครับ

http://www.posttoday.com/breakingnews.php?id=50584

ขอบพระคุณ คุณเห่าดงครับ +1  ;D

รัฐมนตรีกลาโหมบราซิลระบุซากเครื่องบินที่พบเป็นของแอร์ฟรานซ์

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานอ้างคำกล่าวให้สัมภาษณ์ของนายเนลสัน โจบิม รัฐมนตรีกลาโหมบราซิล ซึ่งแถลงว่า 
ชิ้นส่วนของเครื่องบินที่ทางกองทัพอากาศของบราซิลพบลอยอยู่เป็นระยะทางยาว 5 กิโลเมตร ในมหาสมุทรแอตแลนติค
มาจากเครื่องบินแอร์บัส A330-200 เที่ยวบินที่ AF 447 ของสายการบินแอร์ฟรานซ์ของฝรั่งเศส ที่สูญหายไปเมื่อวันจันทร์
พร้อมลูกเรือและผู้โดยสาร 228 คน โดยเศษชิ้นส่วนที่พบมีทั้งที่เป็นโลหะและไม่ใช่โลหะ แต่ยังไม่พบศพผู้เสียชีวิตลอยอยู่
แม้คาดว่าทุกคนบนเครื่องบินคงเสียชีวิตหมดแล้ว และการค้นหากล่องดำบรรจุข้อมูล การบินกับเทปบันทึกเสียงในห้องนักบิน
อาจทำได้ยากมาก เพราะน้ำทะเลแถบนั้นลึกระหว่าง 2,000-3,000เมตร

ทั้งนี้ หากยืนยันว่าไม่มีผู้รอดชีวิตจากเที่ยวบินนี้ จะเป็นโศกนาฏกรรมทางอากาศครั้งเลวร้ายสุดของโลกนับจากพฤศจิกายน
ปี 2544 ที่เครื่องบินโดยสารอเมริกัน แอร์ไลน์ตกในย่านควีนของนิวยอร์ค มีผู้เสียชีวิต 265 คน

ด้านกองทัพอากาศบราซิลเปิดเผยว่า รัฐบาลฝรั่งเศสจะเป็นผู้รับผิดชอบสอบสวนหาสาเหตุการตกของเครื่องบินลำนี้ โดยบราซิล
ให้การช่วยเหลือ



หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: ART ที่ มิถุนายน 03, 2009, 10:15:38 AM
เสียใจกับผู้เสียชีวิตและญาติมิตรด้วยครับ


หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: C.J. - รักในหลวง ที่ มิถุนายน 03, 2009, 01:06:24 PM

 ::004::...
Picture released by the ECPAD (The French Defence communication and audiovisual production agency) on June 2, 2009 of a French military checking with binoculars the Atlantic ocean off Cape Verde, from of a French reconnaissance Breguet Atlantic II. Two French military planes a Breguet Atlantique II and a Falcon 50 take part in searches over remote Atlantic waters on June 2, 2009 for the Air France Airbus A330 that vanished early June 1, with 228 people on board. Search aircraft Today found a seat and other debris from a plane in a remote stretch of the Atlantic where the Air France flight disappeared, Brazil's air force said.
(http://img189.imageshack.us/img189/7165/610xg.jpg) (http://img189.imageshack.us/my.php?image=610xg.jpg)



หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ มิถุนายน 03, 2009, 02:02:07 PM
ขอบคุณครับ  ข่าวยืนยันการพบแล้ว


หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: C๐๐LC@T ที่ มิถุนายน 03, 2009, 04:42:41 PM
เป็นเรื่องเศร้าและน่าใจหายจริงๆ..เวลาได้ยินข่าวการสูญเสียชีวิตจำนวนมากๆขนาดนี้ ::004:: ::004::


ขอแสดงความเสียใจกับญาติผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วยคะ ::014::


หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: ART ที่ มิถุนายน 04, 2009, 09:47:24 AM
ข้อมูลใหม่ครับ
เผยแอร์ฟรานซ์ถูกขู่วางระเบิดก่อนเที่ยวบินริโอ-ปารีสดิ่งลงแอตแลนติก
 
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 4 มิถุนายน 2552 03:39 น. 
 
 
       เอเอฟพี - สายการบินแอร์ฟรานซ์เมื่อวันพุธ(3) เปิดเผยว่าบริษัทได้รับคำขู่ระเบิดเครื่องบินโดยสารเส้นทางบัวโนสไอเรส-ปารีส ไม่กี่วันก่อนหน้าเที่ยวบินจากริโอ เดจาเนโร ประสบอุบัติเหตุตกลงสู่มหาสมุทรแอตแลนติกพร้อมกับผู้โดยสารและลูกเรือ 228 คน
       
       ตำรวจอาร์เจนตินาได้รับโทรศัพท์ลึกลับเตือนในวันที่ 27 พฤษภาคมและได้ปฏิบัติการค้นหาบนเครื่องบินก่อนที่ผู้โดยสารจะขึ้นเครื่องแต่ไม่พบวัตถุต้องสงสัยใดๆ จากนั้นจึงอนุญาตให้เครื่องบินลำดังกล่าวขึ้นไปตามปกติหลังต้องล่าช้าออกไปราว 32 นาที
       
       อย่างไรก็ตามโฆษกตำรวจบอกว่าไม่มีความเชื่อมโยงกันระหว่างเหตุโทรศัพท์ลึกลับกับกรณีเครื่องบินของสายการบินแอร์ฟรานซ์ เที่ยวบินจากริโอ เดจาเนโร ของบราซิล ปลายทางกรุงปารีส ของฝรั่งเศสประสบอุบัติเหตุตกลงสู่มหาสมุทรแอตแลนติก
       
       ด้านปฏิบัติการค้นหาเครื่องบินแอร์ฟรานซ์เที่ยวบินเอเอฟ447 ที่ประสบอุบัติเหตุ ล่าสุดเจ้าหน้าที่พบซากของเครื่องบินแอร์บัส330 เพิ่มเติมอีกในช่วงเช้าวันพุธ(3) แต่ทีมสืบสวนยอมรับว่าคงเป็นเรื่องยากที่จะพบกล่องดำที่จะช่วยอธิบายปริศนาของโศกนาฏกรรมครั้งนี้
       
       เครื่องบินแอร์ฟรานซ์ บรรทุกผู้โดยสารและลูกเรือ 228 คน ประสบอุบัติเหตุตกลงสู่มหาสมุทรแอตแลนติก หลังบินออกจากริโอ เดจาเนโร ได้ 3 ชั่วโมง
       
       ทั้งนี้ซากปรักหักพังที่พบเพิ่มเติมในวันพุธ(3) เป็นเศษชิ้นส่วนต่างๆนาๆในรัศมี 5 กิโลเมตร วัตถุหนึ่งมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 7 เมตร ชิ้นส่วนเล็กๆน้อยๆอีก 10 ชิ้น เศษโลหะต่างๆไ รวมไปถึงมีคราบน้ำมันปกคลุมกระจายไปทั่วรัศมี 20 กิโลเมตร โฆษกกองทัพอากาศบราซิลระบุ
       
       ชิ้นส่วนที่พบล่าสุดนั้นอยู่ห่างจากซากปรักหักพังที่พบเมื่อวันอังคาร(2) ไปทางใต้ 90 กิโลเมตร โดยชิ้นส่วนที่พบในวันอังคารนั้น อยู่ห่างจากเกาะเฟอร์นันโด เดอ นอรอนญา ของบราซิล ราว 650 กิโลเมตร
       
       ในปฏิบัติการค้นหาได้ใช้เครื่องบิน 11 ลำและเรือ 5 ลำ แต่เจ้าหน้าที่คาดหมายว่าคงไม่มีผู้รอดชีวิตจากอุบัติเหตุครั้งนี้ ขณะที่ทีมสืบสวนของฝรั่งยอมรับว่าคงเป็นเรื่องยากที่จะพบกล่องบันทึกการบินของเครื่องบิน
       
       ผู้อำนวยการสำนักงานวิเคราะห์และสอบสวนของฝรั่งเศส ปอล หลุยส์ อาร์สลานิออง แถลงว่า "ไม่มีความหวังเลย" ที่จะพบกล่องดำจากบริเวณกลางน่านน้ำ "ที่ลึกและมหึมา" เช่นนี้ โดยบางทีมันอาจจะจมลงใต้มหาสมุทรแอตแลนติก ในความลึก 6,000 เมตร และอยู่ห่างจากแผ่นดิน 500 กิโลเมตร
       
       สายการบินแอร์ฟรานซ์คาดว่า เครื่องบินลำนี้ น่าจะถูกฟ้าผ่า โดยแม้ปรากฎการณ์ทางธรรมชาติดังกล่าวจะภัยที่เกิดขึ้นบ่อย ๆ และไม่สามารถทำให้เครื่องบินสมัยใหม่ตกได้
       
       อย่างไรก็ตาม การโดนฟ้าผ่าอาจกลายเป็นอันตรายมาก เมื่อประกอบกับปัญหาอื่น ๆ เช่น พายุลมกรรโชกแรง
       
       ทฤษฎีอื่น ๆ ที่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนหยิบยกขึ้นมาพูดถึงเพื่อคลี่คลายปมปริศนาที่เกิดขึ้นกับเครื่องบินมรณะลำนี้ มีตั้งแต่ความผิดพลาดของนักบิน, ระบบเครื่องยนต์ขัดข้อง หรือกระทั่งความเป็นไปได้ในการก่อการร้าย
       
       "ในตอนนี้ยังไม่มีแนวคิดทฤษฎีใดที่ดูใกล้เคียงเลย" ฟรองซัวส์ ฟิลยง นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศสบอก

 
 



หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: coda ที่ มิถุนายน 04, 2009, 09:49:07 AM
...เศร้าครับ RIP


หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: A B A C U S รั ก ใ น ห ล ว ง ที่ มิถุนายน 04, 2009, 10:50:19 AM
 :D~
ครับ
น่ากลัวจัง
 :D~


หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: ART ที่ มิถุนายน 07, 2009, 04:15:22 AM
เห็นว่ายังไม่เจอ ที่เจอเป็นเศษ ขยะในแอตแลนติคนะครับ


หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: ART ที่ มิถุนายน 07, 2009, 04:24:40 AM
ล่าสุดว่าเจอแล้ว ตามข่าวนี้ประมาณ เที่ยงคืนก่อน ตี1

พบร่างผู้เสียชีวิต 2 รายในมหาสมุทรแอตแลนติก ใกล้จุดตกเครื่องบินแอร์ฟรานซ์
 
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 7 มิถุนายน 2552 00:34 น.
 
 
       สำนักข่า่วต่างประเทศรายงานโดยอ้างคำเปิดเผยของเจ้าหน้าที่กองทัพบราซิลว่า หน่วยค้นหาได้พบร่างผู้เสียชีวิตเพศชาย 2 ราย ในมหาสมุทแอตแลนติกใกล้กับจุดที่คาดว่าเครื่องบินของสายการบินแอร์ฟรานซ์เที่ยวบิน 447 ตก
       
       พ.อ.ฮอร์เก้ อะมารัล โฆษกกองทัพอากาศบราซิลระบุว่า ร่างผู้เสียชีวิตทั้งสองถูกค้นพบเมื่อเช้าวันเสาร์ ตามเวลาท้องถิ่น ห่างจากเกาะแฟร์นานโด เดอ โนโรญา ที่อยู่เหนือสุดของชายฝั่งบราซิล ไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ ประมาณ 640 กิโลเมตร นอกจากนี้ยังมีการพบตู้เก็บบัตรโดยสารของเที่ยวบินดังกล่าวด้วย
       
       ทั้งนี้ เที่ยวบิน 447 หายไปจากจอเรดาร์เมื่อวันอาทิตย์ที่ 31 พ.ค.พร้อมผู้โดยสาร 228 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่คาดการณ์ว่าคงไม่มีผู้รอดชีวิตในเที่ยวบินดังกล่าว
 
 


หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: sig_surath7171 ที่ มิถุนายน 07, 2009, 10:36:35 AM
ขอแสดงความเสียใจกับญาติผู้เสียชีวิตครับ


หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: Ki-jang-aey ที่ มิถุนายน 07, 2009, 10:58:26 AM
ความเห็นส่วนตัวของผม ในฐานะที่ผมทำงานกับเครื่องบินรุ่นนี้ (A330-200) ผมให้นำหนักกับการโดนวินาศกรรมครับ...ซึ่งผมอาจจะหน้าแตกในภายหลังก็ได้ แต่ขณะนี้ผมเชื่ออย่างนี้เพราะเหตุผลดังต่อไปนี้ครับ
1. ข่าวที่ว่าโดนฟ้าผ่าแล้วตกนั้น ยากครับ เพราะการบินข้ามบริเวณเส้นศูนย์สูตรแล้วเจอเมฆเยอะๆ น่ะ เป็นเรื่องธรรมดาครับ เหมือนทางแถบเกาะบอร์เนียว, สิงคโปร์, มาเลย์, ฟิลิปปินส์ เป็นต้น  ไม่มีนักบินคนไหนหรอกครับที่เห็นเมฆที่เป็นเมฆแบบอันตรายแล้วจะไม่หลบ หลบเมฆกันทีละ 30-50 ไมล์ ก็ทำกันเป็นประจำครับ ทั้งนักบินและผู้ควบคุมการจราจรของประเทศแถบเขตร้อนคุ้นเคยกันดี ถ้านักบินของแอร์ฟรานซ์ลำดังกล่าว แล้วตั้งใจไม่หลบ กะลุยเต็มที่ (ก็ต้องบ้าแน่ๆ ครับ) มันฝืนความรู้สึกจริงๆ ครับ
2. เครื่องบินโดนฟ้าผ่า ผมว่าก็โดนกันออกบ่อยนะครับ แต่ก็ไม่เห็นเป็นอะไร แต่ก็นั่นหละครับ  เราโดนกันในระดับที่ถือว่าเป็นหางๆ ของสายฟ้าแล้ว (แบบที่ว่า หลบแล้วนะ)ไอ้ที่จะโดนเต็มๆ แบบกลางก้อนเมฆ ก็ขอให้ย้อนไปอ่านข้อหนึ่งอีกที (ต้องบ้าแน่ะๆ) เพราะเครื่องบินมีระบบ กระจายประจุไฟฟ้าออกไปรอบๆ ตัว เท่าที่ผมเคยโดน ก็จะมีอาการเบลอไปบ้าง ไม่กีวินาที แต่ก็ไม่ถึงขนาดที่จะทำให้ระบบไฟฟ้าขัดข้องเสียทั้งหมด
3. เครื่องบินรุ่นนี้ ได้รับการรับรองเรื่องการบินในแบบฉุกเฉิน (เช่น เครื่องยนต์ดับไปหนึ่งเครื่อง เหลือแค่เครื่องเดียว, ระบบปรับความดันเสีย, ระบบไฟฟ้าเหลือจำกัด, ไฮดรอลิกเหลือ 1 ใน 3 ฯลฯ ) โดยยังสามารถบินต่อไปได้อีก 3 ชั่วโมงครับ (ย้ำ 3 ชั่วโมง) นั่นคือสามารถบินกับไปหาสนามบินที่ใกล้ที่สุดที่อยู่ในระยะที่ใช้เวลาบินไม่เกิน 3 ชั่วโมง คือคร่าวๆ ประมาณ 2,700 กม. จากจุดที่เกิดเหตุนั้นครับ

(เดี๋ยวมีต่อ)


หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: Ki-jang-aey ที่ มิถุนายน 07, 2009, 11:13:06 AM
4.เครื่องบินแอร์บัสรุ่น A330 ทั้ง -300 และ -200 แบบ ลำที่เกิดเหตุ (การบินไทยไม่มีนะครับ อย่าเข้าใจผิดกัน) มีระบบรายงานข้อขัดข้องทางเทคนิคโดยอัตโนมัติ (แบบที่สำนักข่าวต่างประเทศรายงานกัน) กลับไปยังสำนักงานใหญ่ของตัวเอง แต่มันจะเป็นอะไรที่ไม่ค่อยสำคัญเท่าไหร่นัก เพราะผมเคยเจอ บางครั้งเราบินกลับไปถึงต้นทางของเรา เห็นช่างเตรียมอะหลั่ยไว้รอเปลี่ยนแล้ว เพราะเขาได้ข้อมูลจากการรายงานอัตโนมัตินี่แหละ แต่ว่าเราคนบินไม่เห็นรู้เรื่องเลย ปรกติทุกอย่าง เพราะถ้าขัดข้องระบบที่เกี่ยวกับความปลอดภัยแล้วจะต้องมี warning ในห้องนักบิน เพื่อแจ้งให้นักบินทราบก่อนเสมอ
ระดับของ warning ก็จะมีสองระดับ เช่น ผิดปรกตินิดหน่อย หรือผิดปรกติระดับฉุกเฉิน (Red warning) พร้อมเสียงกระดิ่งดังไม่หยุด นักบินจะบอกว่าไม่รู้ไม่เห็นไม่ได้ ต้องมี action โดยทันที
ซึ่งถ้าระบบไฟฟ้าขัดข้องจริงๆ เช่น เครื่องยนต์ดับทั้งสองเครื่องๆ ทำให้ generator หลักที่อยู่กับเครื่องยนต์แต่ละเครื่อง ไม่สามารถปั่นไฟฟ้าออกมาได้ ก็ยังมีระบบ emergency gen> ซึ่งจะปั่นโดยไฮดรอลิก เข้ามาแทนที่ทันที (ไม่มีการต้องรอเลย) เพี่ยงแต่ว่ากำลังไฟจะลดลงมามากพอสมควร ทั้งลำก็จะรู้ เพราะว่าไม่สามารถใช้งานในครัวได้, ระบบบันเทิงทั้งหมดต้องหยุดหมด ฯลฯ แต่การนำร่องต่างๆ ของนักบินจะได้รับการ supplied รวมทั้งวิทยุสื่อสารอีกด้วย ยังสามารถที่จะติดต่อสื่อสารกับชาวบ้านไปได้อีกไม่น้อยกว่า 3 ขั่วโมงครับ (อันนี้ยืนยัน และนั่งยัน) ไม่ใช่เงียบเป็นเป่าสาก ไม่แหกปากบอกใครอย่างในกรณีนี้


หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: Ki-jang-aey ที่ มิถุนายน 07, 2009, 11:34:23 AM
ต่อจากข้อ 4 เมื่อสักครู่
ในกรณีที่ซวยจริงๆ เครื่องยนต์ดับหมดทั้งสองเครื่อง ถึงแม้ว่าจะพยายามแล้ว พยายามเล่า ที่จะสตารท์ขึ้นมาใหม่ แล้วมันก็ไม่ติดขึ้นมาอีกทั้งสองเครื่อง ก็อย่างที่ผมอธิบายมาก่อนหน้านี้ นักบินยังสามารถพูดจาทางวิทยุได้ (ในขณะที่เครื่องก็จะเสียความสูงลงไปเรื่อยๆ) ถ้าปีกและหางของเครื่องบินทั้งลำยังอยู่ปรกติ จะมีเวลาอีกไม่น้อยกว่า 20 นาที่ กว่าที่จะถึงผิวน้ำ ยกเว้นเสียแต่ว่าเกิดวินาศกรรม เครืองบินแตกสลายตั้งแต่บนฟ้า (นักบินถึงไม่พูดกับใครเลย แบบกรณีนี้) และถ้าปีก, หาง และสติของนักบินยังอยู่ครบ ก่อนที่จะถึงผิวน้ำ ยังสามารถที่จะเตรียมตัวลงจอดแบบ ditching คือ ตั้งใจจะให้ลอยน้ำ (ด้วยการบิดรูทุกจุดที่ลำตัวเครื่องบิน ก่อนที่จะถึงน้ำได้) แต่ก็นั่นแหละครับ คงจะต้องมีความเสียหายอยู่บ้าง ไอ้จะหวังให้ลงจอดผิวน้ำโดยที่ชิ้นส่วนยังอยู่ครบไม่บุบสลายเลย คงเป็นไปไม่ได้
เหมือนอย่างกรณีของการลงจอดฉุกเฉินในแม่น้ำฮัตสัน เมือไม่กี่เดือนที่ผ่านมานั่นไงครับ จะเห็นว่า เครื่องยนต์ดับหมดเช่นกัน นักบินก็ยังพูดวิทยุติดต่อสื่อสารได้

ที่ผมสันนิษฐานเรื่องวินาษกรรม ก็ตรงที่ทำไมนักบินไม่ติดต่อใครเลยทั้งๆ ที่มีวิทยุอยู่ VHF#1 ที่ available ตลอดเวลาที่เป็นสถานการณืฉุกเฉิน ถึงแม้ว่าไอ้ generator ฉุกเฉินที่ปั่นโดยไฮโดรลิค (เจ้าโฮโดรลิคนี่ ก็จะได้มาจากกังหันเล็กๆ อีกที่ เราเรียกกันว่า Ram Air Turbine) จะเกิดเสียขึ้นมาอีก (ซวยสุดสุด) ก็ยังจะมีอีกก๊อกนึง ซึ่งก็คือ มาจากแบตเตอรี่ของเครื่องบินเอง (ซึ่งจะสามารถจ่ายไฟได้นานไม่ต่ำกว่า 15 นาทีอีกเช่นกัน)

ท่านจะเห็นว่าเมื่อใดก็ตามที่เครื่องรุ่นนี้ มีปัญหาเรื่องไฟฟ้าขัดข้อง ไม่ว่าจะจิ๊บจ๊อย หรือหนักหนาสาหัส มันจะมีแบ๊คอัพเยอะมากครับ แน่หละครับ ระบบบันเทิง, การทำงานในครัว, แสงสว่างในห้องผู้โดยสาร ฯลฯ จะต้องถูกตัดออกไปก่อนเพื่อลดโหลด แต่สำหรับนักบินแล้ววิทยุและระบบนำร่อง(บางส่วน) ยังอยู่ครับ อันนี้รับรอง ยกเว้นในกรณีที่นักบินไม่อยู่แล้ว



หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: -Joke- ที่ มิถุนายน 07, 2009, 11:41:45 AM
เสียใจด้วยครับกับครอบครัวผู้สูญเสีย ครั้งนี้นับว่าเป็นครั้งแรกเลยสำหรับอุบัติเหตุร้ายแรงบนเครื่อง 330

แถมมันเป็นเครื่องที่ผมชอบซะด้วย

ขอบคุณคุณ Ki-jang-aey ที่ให้ความเห็นครับ ผมชอบเครื่องจากค่ายนี้น่ะครับ ออกแบบ cockpit มาสถาปัตยกรรมใกล้ๆกันหมดเลย ตั้งแต่เครื่องเล็กแบบ ตระกูล 320 ไปจนถึง ยักษ์แบบ 380 เปลี่ยนแบบทีคงไม่ซับซ้อน ไม่ยุ่งยากมากนักเหมือนค่ายโบอิ้ง


หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: ทัดมาลา ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป ที่ มิถุนายน 07, 2009, 12:03:02 PM
มีคนเคยบอกว่า

โบอิ้งออกแบบเครื่องบินสำหรับนักบิน... โดยนักบิน

แอร์บัสออกแบบเครื่องบินให้ผู้โดยสาร....โดยวิศวกร

ยุโรปกับอเมริกา แนวความคิดไม่เหมือนกันครับ...

กลับมาเข้าเรื่องนี้ ผมเห็นด้วยว่าน่าจะเป็นการวินาศกรรม และเท่าที่ทราบมีการขู่วางระเบิดก่อนด้วย...





หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: โป้ง*กันบอย - รักในหลวง ที่ มิถุนายน 07, 2009, 12:24:50 PM
ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิตด้วยครับ


หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: SingCring ที่ มิถุนายน 07, 2009, 01:09:40 PM
Ki-jang-aey ถูกต้องหรือเปล่าไม่ทราบ แต่ผมชอบแนวคิดของท่านครับ บวก  ๑ ครับ  ::002::


หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: RouRou_Mel - รักในหลวง ที่ มิถุนายน 07, 2009, 09:45:24 PM
ความเห็นส่วนตัวของผม ในฐานะที่ผมทำงานกับเครื่องบินรุ่นนี้ (A330-200) ผมให้นำหนักกับการโดนวินาศกรรมครับ...ซึ่งผมอาจจะหน้าแตกในภายหลังก็ได้ แต่ขณะนี้ผมเชื่ออย่างนี้เพราะเหตุผลดังต่อไปนี้ครับ
1. ข่าวที่ว่าโดนฟ้าผ่าแล้วตกนั้น ยากครับ เพราะการบินข้ามบริเวณเส้นศูนย์สูตรแล้วเจอเมฆเยอะๆ น่ะ เป็นเรื่องธรรมดาครับ เหมือนทางแถบเกาะบอร์เนียว, สิงคโปร์, มาเลย์, ฟิลิปปินส์ เป็นต้น  ไม่มีนักบินคนไหนหรอกครับที่เห็นเมฆที่เป็นเมฆแบบอันตรายแล้วจะไม่หลบ หลบเมฆกันทีละ 30-50 ไมล์ ก็ทำกันเป็นประจำครับ ทั้งนักบินและผู้ควบคุมการจราจรของประเทศแถบเขตร้อนคุ้นเคยกันดี ถ้านักบินของแอร์ฟรานซ์ลำดังกล่าว แล้วตั้งใจไม่หลบ กะลุยเต็มที่ (ก็ต้องบ้าแน่ๆ ครับ) มันฝืนความรู้สึกจริงๆ ครับ
2. เครื่องบินโดนฟ้าผ่า ผมว่าก็โดนกันออกบ่อยนะครับ แต่ก็ไม่เห็นเป็นอะไร แต่ก็นั่นหละครับ  เราโดนกันในระดับที่ถือว่าเป็นหางๆ ของสายฟ้าแล้ว (แบบที่ว่า หลบแล้วนะ)ไอ้ที่จะโดนเต็มๆ แบบกลางก้อนเมฆ ก็ขอให้ย้อนไปอ่านข้อหนึ่งอีกที (ต้องบ้าแน่ะๆ) เพราะเครื่องบินมีระบบ กระจายประจุไฟฟ้าออกไปรอบๆ ตัว เท่าที่ผมเคยโดน ก็จะมีอาการเบลอไปบ้าง ไม่กีวินาที แต่ก็ไม่ถึงขนาดที่จะทำให้ระบบไฟฟ้าขัดข้องเสียทั้งหมด
3. เครื่องบินรุ่นนี้ ได้รับการรับรองเรื่องการบินในแบบฉุกเฉิน (เช่น เครื่องยนต์ดับไปหนึ่งเครื่อง เหลือแค่เครื่องเดียว, ระบบปรับความดันเสีย, ระบบไฟฟ้าเหลือจำกัด, ไฮดรอลิกเหลือ 1 ใน 3 ฯลฯ ) โดยยังสามารถบินต่อไปได้อีก 3 ชั่วโมงครับ (ย้ำ 3 ชั่วโมง) นั่นคือสามารถบินกับไปหาสนามบินที่ใกล้ที่สุดที่อยู่ในระยะที่ใช้เวลาบินไม่เกิน 3 ชั่วโมง คือคร่าวๆ ประมาณ 2,700 กม. จากจุดที่เกิดเหตุนั้นครับ

(เดี๋ยวมีต่อ)


ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ
ผมสงสัยเล็กน้อยครงกรณีเครื่องยนต์ดับ เครื่องบินสามารถบินได้ด้วยเครื่องยนต์เดียว 3 ชั่วโมง หรือ 2,700 กม.
เครื่องยนต์ของ A330 มีแรงขับเครื่องละประมาณ 70,000 ปอนด์ (เทียบเท่า 70,000 แรงม้า)
ปกติความเร็วเดินทางประมาณ 900 กม. ต่อ ชั่วโมง
ถ้าเครื่องดับหมายถึงเสียกำลังขับไป 50% เครื่องบินสามารถยังสามารถบินได้ด้วยความเร็วเท่าเดิมหรือครับ
แล้วมีหลักประกันอะไรไหมที่เครื่องยนต์ที่เหลืออีกหนึ่ง จะ "ไม่" ดับตามเครื่องแรกไป


หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: R2D2 ที่ มิถุนายน 07, 2009, 10:12:32 PM
ตอนฟุตบอลล์โลกเรียกกันว่าฟรองซ์ 98 อยากทราบว่าชื่อสายการบินนี้ทำไมไม่อ่านแอร์ฟรองซ์ ครับ


หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: RouRou_Mel - รักในหลวง ที่ มิถุนายน 07, 2009, 10:20:26 PM
ตอนฟุตบอลล์โลกเรียกกันว่าฟรองซ์ 98 อยากทราบว่าชื่อสายการบินนี้ทำไมไม่อ่านแอร์ฟรองซ์ ครับ
สวัสดีครับ
"ฟรานซ์" อ่านตามภาษาอังกฤษ ส่วนฝรั่งเศษเรียก "ฟรองซ์"
ผมเคยงงตอนมาถึง Australia ใหม่ๆ อ่านข่าว Tony Henry ในพรีเมียร์ลีก
ตอนแรกไม่ทราบว่าเป็นใครมาจากไหน มารู้ทีหลังว่า "เทียรี่ อองรี"


หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: SOAP47 รักในหลวง ที่ มิถุนายน 08, 2009, 02:23:58 AM
ไหนว่าเครื่องบินเป็นพาหนะที่ปลอดภัยที่สุดไม่ใช่หรอครับ  ::012::
ใช่ครับปลอดภัยที่สุดครับแต่เหตุ แบบนี้มันเกิดขึ้นได้ครับ ถ้าเทียบกับรถยนต์ แล้วเครื่องบินปลอดภัยกว่า

ถามครับว่าก่อนออกรถ สตาร์ทรถ มีสักกี่คนที่ตรวจเช็ครถ นอกจากจะเดินทางไกล แต่เครื่องบินทำทุกครั้งครับ


หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: ART ที่ มิถุนายน 08, 2009, 05:53:56 AM
ไหนว่าเครื่องบินเป็นพาหนะที่ปลอดภัยที่สุดไม่ใช่หรอครับ  ::012::
ใช่ครับปลอดภัยที่สุดครับแต่เหตุ แบบนี้มันเกิดขึ้นได้ครับ ถ้าเทียบกับรถยนต์ แล้วเครื่องบินปลอดภัยกว่า

ถามครับว่าก่อนออกรถ สตาร์ทรถ มีสักกี่คนที่ตรวจเช็ครถ นอกจากจะเดินทางไกล แต่เครื่องบินทำทุกครั้งครับ
คนทำมาตอบเอง รุ่นนี้ทราบว่าการบินไทยไม่มีแต่คิดว่าของสายการบินอื่น ท่านคงผ่านมือมาบ้างนะครับ


หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: flyingkob-รักในหลวง ที่ มิถุนายน 08, 2009, 07:47:34 AM
ความเห็นส่วนตัวของผม ในฐานะที่ผมทำงานกับเครื่องบินรุ่นนี้ (A330-200) ผมให้นำหนักกับการโดนวินาศกรรมครับ...ซึ่งผมอาจจะหน้าแตกในภายหลังก็ได้ แต่ขณะนี้ผมเชื่ออย่างนี้เพราะเหตุผลดังต่อไปนี้ครับ
1. ข่าวที่ว่าโดนฟ้าผ่าแล้วตกนั้น ยากครับ เพราะการบินข้ามบริเวณเส้นศูนย์สูตรแล้วเจอเมฆเยอะๆ น่ะ เป็นเรื่องธรรมดาครับ เหมือนทางแถบเกาะบอร์เนียว, สิงคโปร์, มาเลย์, ฟิลิปปินส์ เป็นต้น  ไม่มีนักบินคนไหนหรอกครับที่เห็นเมฆที่เป็นเมฆแบบอันตรายแล้วจะไม่หลบ หลบเมฆกันทีละ 30-50 ไมล์ ก็ทำกันเป็นประจำครับ ทั้งนักบินและผู้ควบคุมการจราจรของประเทศแถบเขตร้อนคุ้นเคยกันดี ถ้านักบินของแอร์ฟรานซ์ลำดังกล่าว แล้วตั้งใจไม่หลบ กะลุยเต็มที่ (ก็ต้องบ้าแน่ๆ ครับ) มันฝืนความรู้สึกจริงๆ ครับ
2. เครื่องบินโดนฟ้าผ่า ผมว่าก็โดนกันออกบ่อยนะครับ แต่ก็ไม่เห็นเป็นอะไร แต่ก็นั่นหละครับ  เราโดนกันในระดับที่ถือว่าเป็นหางๆ ของสายฟ้าแล้ว (แบบที่ว่า หลบแล้วนะ)ไอ้ที่จะโดนเต็มๆ แบบกลางก้อนเมฆ ก็ขอให้ย้อนไปอ่านข้อหนึ่งอีกที (ต้องบ้าแน่ะๆ) เพราะเครื่องบินมีระบบ กระจายประจุไฟฟ้าออกไปรอบๆ ตัว เท่าที่ผมเคยโดน ก็จะมีอาการเบลอไปบ้าง ไม่กีวินาที แต่ก็ไม่ถึงขนาดที่จะทำให้ระบบไฟฟ้าขัดข้องเสียทั้งหมด
3. เครื่องบินรุ่นนี้ ได้รับการรับรองเรื่องการบินในแบบฉุกเฉิน (เช่น เครื่องยนต์ดับไปหนึ่งเครื่อง เหลือแค่เครื่องเดียว, ระบบปรับความดันเสีย, ระบบไฟฟ้าเหลือจำกัด, ไฮดรอลิกเหลือ 1 ใน 3 ฯลฯ ) โดยยังสามารถบินต่อไปได้อีก 3 ชั่วโมงครับ (ย้ำ 3 ชั่วโมง) นั่นคือสามารถบินกับไปหาสนามบินที่ใกล้ที่สุดที่อยู่ในระยะที่ใช้เวลาบินไม่เกิน 3 ชั่วโมง คือคร่าวๆ ประมาณ 2,700 กม. จากจุดที่เกิดเหตุนั้นครับ

(เดี๋ยวมีต่อ)


ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ
ผมสงสัยเล็กน้อยครงกรณีเครื่องยนต์ดับ เครื่องบินสามารถบินได้ด้วยเครื่องยนต์เดียว 3 ชั่วโมง หรือ 2,700 กม.
เครื่องยนต์ของ A330 มีแรงขับเครื่องละประมาณ 70,000 ปอนด์ (เทียบเท่า 70,000 แรงม้า)
ปกติความเร็วเดินทางประมาณ 900 กม. ต่อ ชั่วโมง
ถ้าเครื่องดับหมายถึงเสียกำลังขับไป 50% เครื่องบินสามารถยังสามารถบินได้ด้วยความเร็วเท่าเดิมหรือครับ
แล้วมีหลักประกันอะไรไหมที่เครื่องยนต์ที่เหลืออีกหนึ่ง จะ "ไม่" ดับตามเครื่องแรกไป


ขอทำความเข้าใจให้ครับ
ในกรณีที่เครื่องยนต์ดับ..ไฟไหม้..หรือเครื่องยนต์หลุด..หลังจากที่นักบินได้ทำการแก้ไขเป็นที่เรียบร้อยแล้ว....นักบินจะต้องนำเครื่องบินกลับมาลงยังสนามบินใกล้เคียงให้เร็วที่สุด และตามกฎการบินสำหรับเครื่องบินสองเครื่องยนต์ เครื่องบินจะต้องบินไปยังสนามบินสำรองหรือสนามบินฉุกเฉินในรัศมีไม่เกิน 300 ไมล์ทะเลหรือ 1 ชั่วโมงบินของหนึ่งเครื่องยนต์ที่เหลืออยู่ ทั้งนี้เหตุผลที่ให้มานั้นเนื่องจาก ระบบไฮดรอลิค ระบบไฟฟ้า ระบบปรับอากาศ มีใช้ได้เพียง 70% ของการใช้งานปรกติ ส่วนเครื่องยนต์ที่เหลืออยู่นั้นสามารถประคับประคองไปยังสนามบินสำรองหรือสนามบินฉุกเฉินได้แต่ความเร็วจะลดลงไม่มาก และหากนักบินใช้ความเร็วปรกติที่บินอยู่การบังคับเครื่องบินจะทำได้ยากกว่าเนื่องจาก Aerodynamic ของเครื่องบินนั้นเปลี่ยนไปมาก ดังนั้นจึงต้องลดความเร็วของเครื่องบินลงมาและเป็นการถนอมเครื่องยนต์ที่เหลืออยู่ เพราะหากอีกเครื่องดับไปอีกมันจะไม่เหลืออะไร ร่อนลงอย่างเดียว

และในกรณีที่เครื่องยนต์ดับหมดทั้งสองเครื่องยนต์.....นักบินจะต้องทำการร่อนลงจะลงบนพื้นดิน หรือร่อนลงน้ำก็ตามแต่ นักบินมีเวลามากที่สุดคือสามสิบนาทีที่จะทำการร่อนลงเพราะระบบไฟฟ้าสำรองที่เหลืออยู่คือ Battery ส่วนระยะทางการร่อนลงนั้นขึ้นกับนำหนักของเครื่องบิน จากประสพการณ์การฝึกบินกับเครื่องบินแบบ B767 ใน Simulator เมื่อเครื่องยนต์ดับหมดที่ 63 ไมล์จากสนามบินและระยะสูง 27000 ฟุต จะต้องนำเครื่องกลับมาลงให้ได้...ใครทำไม่ได้ก็ไม่ผ่านครับ ทั้งนี้เนื่องมากจาสาเหตุของสายการบิน Air Canada เครื่องยนต์ดับสาเหตุจากน้ำมันหมดเพราะเติมเชื้อเพลิงผิดจากกิโลกรัมเป็นปอนด์ และไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่จะทำ

หากจำเป็นจะต้องร่อนลงน้ำ (Ditching) เป็นเรื่องที่ไม่อยากจะทำที่สุด..เครื่องบินได้ถูกออกแบบมาให้สามารถลอยอยู่บนผิวน้ำไปประมาณ 1 ชั่วโมง แต่ในทางปฏิบิติแล้วมันขึ้นกับความเสียหายที่เกิดขึ้นหลังจากเครื่องบินกระแทกน้ำ ซึ่งจะเห็นได้จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆนี้ที่สหรัฐฯ




หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ มิถุนายน 08, 2009, 07:55:47 AM

        ขอบคุณน้ากบครับ



หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: flyingkob-รักในหลวง ที่ มิถุนายน 08, 2009, 08:17:23 AM
 ::008::


หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ มิถุนายน 08, 2009, 09:35:45 AM
เสียใจกับญาติพี่น้อง...

และขอบคุณในความรู้ใหม่จากทุกท่านครับ...


หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: NaiMai>รักในหลวง ที่ มิถุนายน 08, 2009, 12:21:40 PM
 ;D ใช่กรณีกิบลิไกลดิงหรือเปล่าครับท่านกบ ;D


หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ มิถุนายน 08, 2009, 12:41:18 PM
กรณี เครื่องยนต์ดับไปหนึ่งเครื่อง จากสองเครื่อง 
ต้องทิ้งสัมภาระที่โหลดทิ้งไปหรือเปล่าครับ เพื่อให้เครื่องยนต์ที่เหลือรับภาระน้อยลง
(เคยเจอแต่ ยางล้อเครื่องบินแตก นักบิน ต้องทิ้งโหลดสัมภาระลงทะเลหมด เพื่อให้เครื่องเบา หนักกว่านั้น
ต้องทิ้งน้ำมันบางส่วนด้วย)


หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: NOOM 19 รักในหลวง ที่ มิถุนายน 08, 2009, 01:48:36 PM
กรณี เครื่องยนต์ดับไปหนึ่งเครื่อง จากสองเครื่อง 
ต้องทิ้งสัมภาระที่โหลดทิ้งไปหรือเปล่าครับ เพื่อให้เครื่องยนต์ที่เหลือรับภาระน้อยลง
(เคยเจอแต่ ยางล้อเครื่องบินแตก นักบิน ต้องทิ้งโหลดสัมภาระลงทะเลหมด เพื่อให้เครื่องเบา หนักกว่านั้น
ต้องทิ้งน้ำมันบางส่วนด้วย)

...แล้วใครลงไปใต้ท้องเครื่องเพื่อเอาสัมภาระทิ้งครับ....


หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ มิถุนายน 08, 2009, 02:09:13 PM
กรณี เครื่องยนต์ดับไปหนึ่งเครื่อง จากสองเครื่อง 
ต้องทิ้งสัมภาระที่โหลดทิ้งไปหรือเปล่าครับ เพื่อให้เครื่องยนต์ที่เหลือรับภาระน้อยลง
(เคยเจอแต่ ยางล้อเครื่องบินแตก นักบิน ต้องทิ้งโหลดสัมภาระลงทะเลหมด เพื่อให้เครื่องเบา หนักกว่านั้น
ต้องทิ้งน้ำมันบางส่วนด้วย)

...แล้วใครลงไปใต้ท้องเครื่องเพื่อเอาสัมภาระทิ้งครับ....
กรณี เครื่องยนต์ดับไปหนึ่งเครื่อง จากสองเครื่อง 
ต้องทิ้งสัมภาระที่โหลดทิ้งไปหรือเปล่าครับ เพื่อให้เครื่องยนต์ที่เหลือรับภาระน้อยลง
(เคยเจอแต่ ยางล้อเครื่องบินแตก นักบิน ต้องทิ้งโหลดสัมภาระลงทะเลหมด เพื่อให้เครื่องเบา หนักกว่านั้น
ต้องทิ้งน้ำมันบางส่วนด้วย)

...แล้วใครลงไปใต้ท้องเครื่องเพื่อเอาสัมภาระทิ้งครับ....

อิ อิ เปิดประตูท้องเครื่องด้านข้าง (ถ้าเปิดได้) แล้วบินเขย่าๆ ตัวเครื่องให้คอนเทนเนอร์หลุดออกมามั๊งครับ

...เวลาอ่านเรื่องสมัย WWII เครื่่องทิ้งระเบินจากอังกฤษไปบอร์มเป้าหมายในยุโรป ถูกยิงเสียหายเครื่องดับจะบินกลับอังกฤษ เขามักโยนของทิ้ง บอร์มเบอร์เมกันเครื่องหนึ่ง ปลดของโยนทิ้งน้ำหมด ปืน .50 และกระสุน แจกเกตกันสะเก็ดระเบิด ปืนพก 1911 เครื่องแบบพลประจำเครื่อง ฯลฯ แบบว่าพอลงสนามบินได้ก็ล้อนจ้อนทั้งเครื่องบินทั้งลูกเรือ


หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: flyingkob-รักในหลวง ที่ มิถุนายน 08, 2009, 03:30:05 PM
;D ใช่กรณีกิบลิไกลดิงหรือเปล่าครับท่านกบ ;D

ใช่ครับเป็นกรณีศึกษาที่ดีกรณีหนึ่งครับ เป็นความผิดพลาดอันใหญ่หลวงของสายการบินแอร์แคนาดา เปลี่ยนระบบชั่งตวงวัดใหม่ นักบินสั่งน้ำมันเป็นกิโล ช่างเติมน้ำมันเป็นปอนด์ ผลออกมา.....น้ำมันหายไปกว่าครึ่งครับ บินๆอยู่ดีๆน้ำมันหมดกลางอากาศ โชคดีที่กัปตันเคยบินลงสนามบินแห่งนี้..แต่ก็ความบังเอิญอีกครับที่วันนั้นสนามบินนี้พึ่งจะเสร็จสิ้นการแข่งรถไปไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา และสนามบินนี้ได้ยกเลิกการบินมานานแล้ว.... เครื่อง 767 ลำนั้นเลยได้ถูกตั้งชื่อว่า กิปลิ ครับตามชื่อสนามบิน
ยังมีกรณีศึกษาของเลาด้าร์แอร์ด้วยครับที่ระเบิดกลางอากาศที่สุพรรณบุรีด้วย...ตัว Thrust Reverser มันตีมือแทบพังเลยครับ..ตบแทบไม่ทัน..ไม่งั้นเครื่องยนต์ระเบิดครับ


กรณี เครื่องยนต์ดับไปหนึ่งเครื่อง จากสองเครื่อง 
ต้องทิ้งสัมภาระที่โหลดทิ้งไปหรือเปล่าครับ เพื่อให้เครื่องยนต์ที่เหลือรับภาระน้อยลง
(เคยเจอแต่ ยางล้อเครื่องบินแตก นักบิน ต้องทิ้งโหลดสัมภาระลงทะเลหมด เพื่อให้เครื่องเบา หนักกว่านั้น
ต้องทิ้งน้ำมันบางส่วนด้วย)

ในปัจจุบันนี้เมื่อเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินและจะต้องนำเครื่องบินกลับมาลงให้เร็วที่สุด และน้ำหนักสูงสุดที่จะทำการร่อนลงนั้นเกินกว่าน้ำหนักที่ให้ไว้ มีสามกรณีที่จะต้องตัดสินใจคือ
1. บินไปทิ้งน้ำมันเชื้อเพลิง จะมีเฉพาะเครื่องบินบางแบบเช่น B747 All serries, MD-11 ส่วนเครื่องบินพิสัยกลางและพิสัยใกล้จะไม่มีการทิ้งน้ำมันเชื้อเพลิงกลางอากาศ การทิ้งน้ำมันเชื้อเพลิงทางอากาศ สายการบินจะต้องเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายตามมาคือการรักษาสภาพแวดล้อมที่เสียไป ในแต่ละสนามบินจะมีพื้นที่และความสูงที่ให้เครื่องบินบินไปทิ้งน้ำมันเชื้อเพลิง
2. บินวนเวียนจนกว่าน้ำหนักจะลดลงมาเท่ากับน้ำหนักสูงสุดที่สามารถร่อนลงได้ นานจนน่าเบื่อ
3. ลงมันทั้งอย่างนั้น (ภาษาชาวบ้านครับ) (Over weight landing) ซึ่งเครื่องบินแต่ละแบบจะมีข้อกำหนดว่าจะต้องทำอะไรบ้าง เช่นลดอัตราร่อนในระยะ 500 ฟุตสุดท้ายให้เหลือต่ำกว่า 300 Ft/min เป็นต้น ซึ่งอัตราร่อนนี้จะใช้ระยะทางในการร่อนมากกว่าปรกติ และอาจจะกินระยะทางของทางวิ่งลงไปบ้าง.... แต่ถึงอย่างไรก็ตามไม่ว่าจะร่อนลงด้วยอัตราเท่าไหร่.......ความปลอดภัยต้องมาก่อน หลังจากเครื่องลงถึงพื้นเรียบร้อย...เป็นหน้าที่ของกัปตันที่จะสั่งให้อพยบฉุกเฉิน (Emergency Evacuation Procedure) หรือไม่ เพราะหากสั่งให้มีการอพยพความโกลาหลย่อมเกิดขึ้นอาจจะมีผู้ได้รับบาดเจ็บเพิ่มขึ้น ยกตัวอย่างสายการบิน Qantas B747-300 หลุดออกนอกทางวิ่งที่ดอนเมืองเนื่องจากลงตามลมและไมาสามารถหยุดเครื่องบินได้ ล้อหน้าไปจมในสนามกอล์ฟ แต่กัปตันตัดสินใจให้รถบันไดมารับผู้โดยสาร..จึงไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บมาก ทุกอย่างขึ้นกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นครับ



หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: Ki-jang-aey ที่ มิถุนายน 08, 2009, 05:01:48 PM
ความเห็นส่วนตัวของผม ในฐานะที่ผมทำงานกับเครื่องบินรุ่นนี้ (A330-200) ผมให้นำหนักกับการโดนวินาศกรรมครับ...ซึ่งผมอาจจะหน้าแตกในภายหลังก็ได้ แต่ขณะนี้ผมเชื่ออย่างนี้เพราะเหตุผลดังต่อไปนี้ครับ
1. ข่าวที่ว่าโดนฟ้าผ่าแล้วตกนั้น ยากครับ เพราะการบินข้ามบริเวณเส้นศูนย์สูตรแล้วเจอเมฆเยอะๆ น่ะ เป็นเรื่องธรรมดาครับ เหมือนทางแถบเกาะบอร์เนียว, สิงคโปร์, มาเลย์, ฟิลิปปินส์ เป็นต้น  ไม่มีนักบินคนไหนหรอกครับที่เห็นเมฆที่เป็นเมฆแบบอันตรายแล้วจะไม่หลบ หลบเมฆกันทีละ 30-50 ไมล์ ก็ทำกันเป็นประจำครับ ทั้งนักบินและผู้ควบคุมการจราจรของประเทศแถบเขตร้อนคุ้นเคยกันดี ถ้านักบินของแอร์ฟรานซ์ลำดังกล่าว แล้วตั้งใจไม่หลบ กะลุยเต็มที่ (ก็ต้องบ้าแน่ๆ ครับ) มันฝืนความรู้สึกจริงๆ ครับ
2. เครื่องบินโดนฟ้าผ่า ผมว่าก็โดนกันออกบ่อยนะครับ แต่ก็ไม่เห็นเป็นอะไร แต่ก็นั่นหละครับ  เราโดนกันในระดับที่ถือว่าเป็นหางๆ ของสายฟ้าแล้ว (แบบที่ว่า หลบแล้วนะ)ไอ้ที่จะโดนเต็มๆ แบบกลางก้อนเมฆ ก็ขอให้ย้อนไปอ่านข้อหนึ่งอีกที (ต้องบ้าแน่ะๆ) เพราะเครื่องบินมีระบบ กระจายประจุไฟฟ้าออกไปรอบๆ ตัว เท่าที่ผมเคยโดน ก็จะมีอาการเบลอไปบ้าง ไม่กีวินาที แต่ก็ไม่ถึงขนาดที่จะทำให้ระบบไฟฟ้าขัดข้องเสียทั้งหมด
3. เครื่องบินรุ่นนี้ ได้รับการรับรองเรื่องการบินในแบบฉุกเฉิน (เช่น เครื่องยนต์ดับไปหนึ่งเครื่อง เหลือแค่เครื่องเดียว, ระบบปรับความดันเสีย, ระบบไฟฟ้าเหลือจำกัด, ไฮดรอลิกเหลือ 1 ใน 3 ฯลฯ ) โดยยังสามารถบินต่อไปได้อีก 3 ชั่วโมงครับ (ย้ำ 3 ชั่วโมง) นั่นคือสามารถบินกับไปหาสนามบินที่ใกล้ที่สุดที่อยู่ในระยะที่ใช้เวลาบินไม่เกิน 3 ชั่วโมง คือคร่าวๆ ประมาณ 2,700 กม. จากจุดที่เกิดเหตุนั้นครับ

(เดี๋ยวมีต่อ)


ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ
ผมสงสัยเล็กน้อยครงกรณีเครื่องยนต์ดับ เครื่องบินสามารถบินได้ด้วยเครื่องยนต์เดียว 3 ชั่วโมง หรือ 2,700 กม.
เครื่องยนต์ของ A330 มีแรงขับเครื่องละประมาณ 70,000 ปอนด์ (เทียบเท่า 70,000 แรงม้า)
ปกติความเร็วเดินทางประมาณ 900 กม. ต่อ ชั่วโมง
ถ้าเครื่องดับหมายถึงเสียกำลังขับไป 50% เครื่องบินสามารถยังสามารถบินได้ด้วยความเร็วเท่าเดิมหรือครับ
แล้วมีหลักประกันอะไรไหมที่เครื่องยนต์ที่เหลืออีกหนึ่ง จะ "ไม่" ดับตามเครื่องแรกไป
มันมีที่มาครับ คือเวลาที่บินระดับปรกติเครื่องยนต์ทั้งสองข้างจะทำงานทีระดับประมาณ 70-80% ของกำลังสูงสุดที่สามารถทำได้ครับ (เพื่อการประหยัดเชื้อเพลิงและเพื่อลดการสึกหรอ) ซึ่งในระดับนี้ก็สามารถทำให้ได้ความเร็วที่ค่า มัค 0.82 แล้ว (True air speed ประมาณ 480 น็อต) พอเวลาที่เหลือเครืองยนต์เดียว เราจะใช้ให้เครื่องยนต์ที่เหลือเพิ่มกำลังไปทำงานที่สูงขึ้นไป คือที่ Maximum continueous thrust (ก็เกือบเต็มร้อยละครับ) คือไม่ได้ให้ทำงานแบบผ่อนกำลังอีกต่อไป ซึ่งก็จะทำให้ได้ True air speed ที่ใกล้เคียง 480 อยู่เหมือนเดิมครับ และในขณะเดียวกันเวลาที่เครื่องยนต์ดับไป จะต้องลดระดับลงมาบินที่ระดับต่ำกว่าอีกด้วย จึงทำให้การทำความเร็วไม่ใช่ปัญหาครับ (เปรียบเหมือนให้รถรักษาความเร็วในขณะที่ขับลงเนินน่ะครับ) หนึ่งชั่วโมงสามารถทำได้ 420-430 ไมล์ทะเล ไม่ใช่เรื่องยากครับ ขออย่างเดียวคือ ขอให้ปีก, หาง ชิ้นส่วนต่างๆ อยู่ครบก็แล้วกัน เครื่องรุ่นนี้พร้อมจะเป็นเครื่องร่อนอยู่ตลอดเวลา (ตัวเลข 900 กม.ต่อชั่วโมงของผมอาจจะเวอร์ไปนิดหน่อย)
ส่วนที่ถามว่าจะมั่นใจได้อย่างไรว่าเครื่องที่เหลือจะไม่ดับตามไปอีก อันนี้ไม่มีใครในแวดวงการบินตอบได้ว่ามั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์หรอกครับ เพียงแต่ว่าก่อนที่เขาจะได้รับการ certify จากผู้ควบกฏของแต่ละประเทศ ผู้ผลิตเครื่องยนต์แต่ละรายก็จะต้องโชว์สถิติให้เห็นละครับว่า เครื่องยนต์ของเขารุ่นนั้นรุ่นนี้ อยู่ในตลาดมากี่ปีแล้ว ทำการบินไปกี่แสนหรือกี่ล้านชั่วโมงแล้ว มีสถิติของการดับในอากาศกี่เปอร์เซ็นต์ เพื่อเป็นการให้ความมั่นใจต่อหน่วยงานที่จะให้การรับรอง เช่น FAA, JAA หรือกรมการขนส่งทางอากาศของแต่ละประเทศที่เครื่องบินลำนั้นๆ จดทะเบียนอยู่
สายการบินที่ผมทำงานด้วย เรามีเส้นทางบินที่จำเป็นต้องได้รับการรับรอง ETOPS 180 mins. อยู่ ทางสายการบินก็ต้องโชว์ว่ามีการบำรุงรักษาที่ดีเยี่ยมนะ, สถิติอัตราการดับในอากาศที่ผ่านมาเป็นอย่างไร ภายในเปอร์เซ็นต์ที่รับได้มั้ย, ผู้ผลิตเครื่องยนต์และเครื่องบินเป็นอย่างไงบ้าง แน่นอนหละครับ สองรายหลังเขาเป็นผู้ผลิตสินค้าขายเขาก็ต้องมีการบินทดสอบและเก็บสถิติส่งให้ทั้ง FAA และ JAA ดูว่า เครื่องของฉันทำได้จริงนะจ๊ะนาย (ล่าสุดเมื่อประมาณสัก 2-3 ปีทีผ่านมา โบอิ้งได้ทดสอบเครื่องบินแบบ B777-200/300ER โดยเมื่อบินระดับแล้ว ดับเครื่องยนต์ไปเลยหนึ่งเครื่องแล้วบินเครื่องที่เหลือไปอีกประมาณ 5 ชั่วโมง เพื่อส่งให้ FAA รับรอง)
ในใจผู้ผลิต คงอยากจะได้รับการรับรองให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะมันเป็นชื่อเสียงของเขา (ขายได้ดี, แพงขึ้น) แต่ในแง่ของผู้ให้การรับรองก็คิดถึงความปลอดภัยเป็นหลัก ก็เลยดึงๆ กันไว้ที่ 180 นาทีก่อนแล้วกัน ทีนี้กรมการขนส่งของประเทศอื่น เช่นของไทย ก็ต้องตามแบบประเทศใหญ่ๆ เขาละครับ เขารับรองก็เลยรับรองตาม โดยมีข้อกำหนดต่างๆ มากมาย ปัจจุบันนี้ผมไม่แน่ใจว่าการบินไทยได้ยื่นของการรับรอง ETOPS 180 นาทีหรือยัง แต่ 120 นาที่ผมมั่นใจว่าเขามีแน่ๆ เพราะเส้นทางของการบินไทยอาจจะยังไม่จำเป็นที่จะต้องใช้ 180 นาที เพราะขอสูงไปเกินความจำเป็นก็จะเป็นภาระทางด้านการบำรุงรักษาไปเสียเปล่าๆ  และถ้าเมื่อใดเกิดมีเครื่องดับบนอากาศก็จะทำให้สถิติเสีย และอาจจะทำให้ถูกยกเลิกการรับรองในท้ายที่สุดไปอีก ทำให้การรับรองต้องลดลงมาที่ 120 นาทีอีก

โอกาสที่เครื่องยนต์จะดับพร้อมกันทั้งหมดก็ยังมีครับ เช่นบินเข้ากลุ่มควันภูเขาไฟ เป็นต้น






หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: menkmenk รักในหลวง ที่ มิถุนายน 08, 2009, 05:16:00 PM
พอดีไปอ่านเจอมาครับ
ETOPS
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aquarious&group=11&month=09-2008&date=30


หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: -Joke- ที่ มิถุนายน 08, 2009, 05:43:50 PM
;D ใช่กรณีกิบลิไกลดิงหรือเปล่าครับท่านกบ ;D

ใช่ครับเป็นกรณีศึกษาที่ดีกรณีหนึ่งครับ เป็นความผิดพลาดอันใหญ่หลวงของสายการบินแอร์แคนาดา เปลี่ยนระบบชั่งตวงวัดใหม่ นักบินสั่งน้ำมันเป็นกิโล ช่างเติมน้ำมันเป็นปอนด์ ผลออกมา.....น้ำมันหายไปกว่าครึ่งครับ บินๆอยู่ดีๆน้ำมันหมดกลางอากาศ โชคดีที่กัปตันเคยบินลงสนามบินแห่งนี้..แต่ก็ความบังเอิญอีกครับที่วันนั้นสนามบินนี้พึ่งจะเสร็จสิ้นการแข่งรถไปไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา และสนามบินนี้ได้ยกเลิกการบินมานานแล้ว.... เครื่อง 767 ลำนั้นเลยได้ถูกตั้งชื่อว่า กิปลิ ครับตามชื่อสนามบิน
ยังมีกรณีศึกษาของเลาด้าร์แอร์ด้วยครับที่ระเบิดกลางอากาศที่สุพรรณบุรีด้วย...ตัว Thrust Reverser มันตีมือแทบพังเลยครับ..ตบแทบไม่ทัน..ไม่งั้นเครื่องยนต์ระเบิดครับ


กรณี เครื่องยนต์ดับไปหนึ่งเครื่อง จากสองเครื่อง 
ต้องทิ้งสัมภาระที่โหลดทิ้งไปหรือเปล่าครับ เพื่อให้เครื่องยนต์ที่เหลือรับภาระน้อยลง
(เคยเจอแต่ ยางล้อเครื่องบินแตก นักบิน ต้องทิ้งโหลดสัมภาระลงทะเลหมด เพื่อให้เครื่องเบา หนักกว่านั้น
ต้องทิ้งน้ำมันบางส่วนด้วย)

ในปัจจุบันนี้เมื่อเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินและจะต้องนำเครื่องบินกลับมาลงให้เร็วที่สุด และน้ำหนักสูงสุดที่จะทำการร่อนลงนั้นเกินกว่าน้ำหนักที่ให้ไว้ มีสามกรณีที่จะต้องตัดสินใจคือ
1. บินไปทิ้งน้ำมันเชื้อเพลิง จะมีเฉพาะเครื่องบินบางแบบเช่น B747 All serries, MD-11 ส่วนเครื่องบินพิสัยกลางและพิสัยใกล้จะไม่มีการทิ้งน้ำมันเชื้อเพลิงกลางอากาศ การทิ้งน้ำมันเชื้อเพลิงทางอากาศ สายการบินจะต้องเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายตามมาคือการรักษาสภาพแวดล้อมที่เสียไป ในแต่ละสนามบินจะมีพื้นที่และความสูงที่ให้เครื่องบินบินไปทิ้งน้ำมันเชื้อเพลิง
2. บินวนเวียนจนกว่าน้ำหนักจะลดลงมาเท่ากับน้ำหนักสูงสุดที่สามารถร่อนลงได้ นานจนน่าเบื่อ
3. ลงมันทั้งอย่างนั้น (ภาษาชาวบ้านครับ) (Over weight landing) ซึ่งเครื่องบินแต่ละแบบจะมีข้อกำหนดว่าจะต้องทำอะไรบ้าง เช่นลดอัตราร่อนในระยะ 500 ฟุตสุดท้ายให้เหลือต่ำกว่า 300 Ft/min เป็นต้น ซึ่งอัตราร่อนนี้จะใช้ระยะทางในการร่อนมากกว่าปรกติ และอาจจะกินระยะทางของทางวิ่งลงไปบ้าง.... แต่ถึงอย่างไรก็ตามไม่ว่าจะร่อนลงด้วยอัตราเท่าไหร่.......ความปลอดภัยต้องมาก่อน หลังจากเครื่องลงถึงพื้นเรียบร้อย...เป็นหน้าที่ของกัปตันที่จะสั่งให้อพยบฉุกเฉิน (Emergency Evacuation Procedure) หรือไม่ เพราะหากสั่งให้มีการอพยพความโกลาหลย่อมเกิดขึ้นอาจจะมีผู้ได้รับบาดเจ็บเพิ่มขึ้น ยกตัวอย่างสายการบิน Qantas B747-300 หลุดออกนอกทางวิ่งที่ดอนเมืองเนื่องจากลงตามลมและไมาสามารถหยุดเครื่องบินได้ ล้อหน้าไปจมในสนามกอล์ฟ แต่กัปตันตัดสินใจให้รถบันไดมารับผู้โดยสาร..จึงไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บมาก ทุกอย่างขึ้นกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นครับ



ผมนึกถึง Case JAL123 ครับพี่กบ ที่ตรงส่วนหางหลุดไปแทบทั้งกระบิ แถมไฮดรอลิคพัง นักบินฝืนต่อไปได้ 30 นาทีแล้วชนภูเขา น่าเศร้ามากครับ พอทดสอบในซิมให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ ยังไม่มีใครฝืนได้นานขนาดนั้นเลยครับ


หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: flyingkob-รักในหลวง ที่ มิถุนายน 08, 2009, 07:14:54 PM
;D ใช่กรณีกิบลิไกลดิงหรือเปล่าครับท่านกบ ;D

ใช่ครับเป็นกรณีศึกษาที่ดีกรณีหนึ่งครับ เป็นความผิดพลาดอันใหญ่หลวงของสายการบินแอร์แคนาดา เปลี่ยนระบบชั่งตวงวัดใหม่ นักบินสั่งน้ำมันเป็นกิโล ช่างเติมน้ำมันเป็นปอนด์ ผลออกมา.....น้ำมันหายไปกว่าครึ่งครับ บินๆอยู่ดีๆน้ำมันหมดกลางอากาศ โชคดีที่กัปตันเคยบินลงสนามบินแห่งนี้..แต่ก็ความบังเอิญอีกครับที่วันนั้นสนามบินนี้พึ่งจะเสร็จสิ้นการแข่งรถไปไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา และสนามบินนี้ได้ยกเลิกการบินมานานแล้ว.... เครื่อง 767 ลำนั้นเลยได้ถูกตั้งชื่อว่า กิปลิ ครับตามชื่อสนามบิน
ยังมีกรณีศึกษาของเลาด้าร์แอร์ด้วยครับที่ระเบิดกลางอากาศที่สุพรรณบุรีด้วย...ตัว Thrust Reverser มันตีมือแทบพังเลยครับ..ตบแทบไม่ทัน..ไม่งั้นเครื่องยนต์ระเบิดครับ


กรณี เครื่องยนต์ดับไปหนึ่งเครื่อง จากสองเครื่อง 
ต้องทิ้งสัมภาระที่โหลดทิ้งไปหรือเปล่าครับ เพื่อให้เครื่องยนต์ที่เหลือรับภาระน้อยลง
(เคยเจอแต่ ยางล้อเครื่องบินแตก นักบิน ต้องทิ้งโหลดสัมภาระลงทะเลหมด เพื่อให้เครื่องเบา หนักกว่านั้น
ต้องทิ้งน้ำมันบางส่วนด้วย)

ในปัจจุบันนี้เมื่อเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินและจะต้องนำเครื่องบินกลับมาลงให้เร็วที่สุด และน้ำหนักสูงสุดที่จะทำการร่อนลงนั้นเกินกว่าน้ำหนักที่ให้ไว้ มีสามกรณีที่จะต้องตัดสินใจคือ
1. บินไปทิ้งน้ำมันเชื้อเพลิง จะมีเฉพาะเครื่องบินบางแบบเช่น B747 All serries, MD-11 ส่วนเครื่องบินพิสัยกลางและพิสัยใกล้จะไม่มีการทิ้งน้ำมันเชื้อเพลิงกลางอากาศ การทิ้งน้ำมันเชื้อเพลิงทางอากาศ สายการบินจะต้องเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายตามมาคือการรักษาสภาพแวดล้อมที่เสียไป ในแต่ละสนามบินจะมีพื้นที่และความสูงที่ให้เครื่องบินบินไปทิ้งน้ำมันเชื้อเพลิง
2. บินวนเวียนจนกว่าน้ำหนักจะลดลงมาเท่ากับน้ำหนักสูงสุดที่สามารถร่อนลงได้ นานจนน่าเบื่อ
3. ลงมันทั้งอย่างนั้น (ภาษาชาวบ้านครับ) (Over weight landing) ซึ่งเครื่องบินแต่ละแบบจะมีข้อกำหนดว่าจะต้องทำอะไรบ้าง เช่นลดอัตราร่อนในระยะ 500 ฟุตสุดท้ายให้เหลือต่ำกว่า 300 Ft/min เป็นต้น ซึ่งอัตราร่อนนี้จะใช้ระยะทางในการร่อนมากกว่าปรกติ และอาจจะกินระยะทางของทางวิ่งลงไปบ้าง.... แต่ถึงอย่างไรก็ตามไม่ว่าจะร่อนลงด้วยอัตราเท่าไหร่.......ความปลอดภัยต้องมาก่อน หลังจากเครื่องลงถึงพื้นเรียบร้อย...เป็นหน้าที่ของกัปตันที่จะสั่งให้อพยบฉุกเฉิน (Emergency Evacuation Procedure) หรือไม่ เพราะหากสั่งให้มีการอพยพความโกลาหลย่อมเกิดขึ้นอาจจะมีผู้ได้รับบาดเจ็บเพิ่มขึ้น ยกตัวอย่างสายการบิน Qantas B747-300 หลุดออกนอกทางวิ่งที่ดอนเมืองเนื่องจากลงตามลมและไมาสามารถหยุดเครื่องบินได้ ล้อหน้าไปจมในสนามกอล์ฟ แต่กัปตันตัดสินใจให้รถบันไดมารับผู้โดยสาร..จึงไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บมาก ทุกอย่างขึ้นกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นครับ



ผมนึกถึง Case JAL123 ครับพี่กบ ที่ตรงส่วนหางหลุดไปแทบทั้งกระบิ แถมไฮดรอลิคพัง นักบินฝืนต่อไปได้ 30 นาทีแล้วชนภูเขา น่าเศร้ามากครับ พอทดสอบในซิมให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ ยังไม่มีใครฝืนได้นานขนาดนั้นเลยครับ

ถ้าหากได้ดูกรณ๊ศึกษาของ JAL-123 แล้วจะพบว่าสิ่งที่ผิดปรกติเกิดขึ้นที่ผนังด้านท้ายของเครื่องบิน เมื่อเครื่องบินเริ่มมีการอัดแรงดันอากาศจึงปริแตกและเกิดการระเบิดขึ้นทำให้เศษของโลหะไปตัดสาย Hydraulic จึงทำให้น้ำมัน Hydraulic หมดและบังคับเครื่องไม่ได้การบินจึงอยู่ได้ด้วยกำลังเครื่องยนต์ และเมื่อเครื่องชนกับเขาก่อนที่จะถึงสนามบิน.ยังมีผู้โดยสารจำนวนหนึ่งที่รอดชีวิต.....แต่การค้นและกู้ภัยทำได้ลำบากกว่าจะขึ้นไปถึงบริเวณเครื่องตกใช้เวลาร่วมๆสี่วัน จึงเหลือผู้โดยสารรอดชีวิตเพียง 4 คนเท่านั้นบางคนยังมีเวลาเพียงพอที่จะเขียนจดหมายลาตายครับ เป็นเหตุการณ์ที่เศร้าที่สุดในกรณีอุบัติเหตุทางอากาศ
ยังมีอีกกรณีศึกษาของสายการบิน China Airline B747 บินจากไทเปไปยังซานฟราซิสโก โดนกระแสอากาศแปรปรวน ทำให้เครื่องยนต์ดับทั้งหมดสามเครื่อง นักบินต้องลดระดับลงมาอย่างรวดเร็วเพราะต้องใช้อากาศเป็นตัวผลักดันกังหันใบพัดให้มีแรงอัดเพียงพอที่จะติดเครื่องยนต์....กว่าจะติดได้เหลือระยะสูงแค่ 7000 ฟุตเหนือแปซิฟิก.....จึงติดเครื่องยนต์ได้หมด..นำเครื่องลงจอดฉุกเฉินที่ซานฟรานฯ...แต่ผลการสอบสวนปรากฎว่านักบินทำผิดขั้นตอนการปฏิบัติ....เลยถูกสั่งให้งดบินนานพอสมควร ที่บริเวณ Rudder เป็นรอยโหว่ฉีกขาดอย่างชนิดที่ทุกคนถามว่า "รอดมาได้ยังไง"

ยังมีกรณีศึกษาอีกเยอะครับ..ที่นักบินสายการบินต้องศึกษาทำความเข้าใจจากอุบัติเหตุิว่ามันเกิดจากอะไร เพราะอะไร และทำไม และต่อไปเราจะทำอย่างไรเพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้นให้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นนักบินสายการบินระดับห้าดาว หรือนักบินระดับ Low cost airline มาตรฐานการฝึกแต่ละสายการบินเท่ากันหมด....เพียงแต่จะมากหรือน้อยเท่านั้น...

ส่วนเรื่อง ETOP นั้นมันมีที่มาคือ ปัจจุบันเครื่องบินโดยสารสองเครื่องยนต์นั้นได้ออกแบบมาให้สามารถบินได้ไกลเกือบเท่ากันกับเครื่องบินโดยสารขนาดใหญ่ แต่บรรทุกจำนวนผู้โดยสารได้น้อยกว่าเพราะขนาดของมัน ดังนั้นเพื่อเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายเพราะบางเส้นทางนั้นทำอย่างไรก็ไม่สามารถหาจำนวนผู้โดยสารให้ได้เต็ม..จึงเอาเครื่องบินเหล่านี้มาบิน..ในระยะเริ่มแรกต้องลงจอดกลางทางเพื่อเติมน้ำมันเชื้อเพลิง..ทั้งนี้เพื่อให้ถูกต้องตามกฎการบินสากล..แต่ค่าใช้จ่ายก็ยังสูงอยู่และทำให้เวลาของการเดินทางเพิ่มขึ้น จึงเป็นที่มาของการบินด้วย ETOP (Extra Range Twin-Engine Operations)
ซึ่งการบินภายใต้ระเบียบ ETOP มีสิ่งต่างๆอีกเยอะไม่ใช่แค่ระบบการซ่อมบำรุงเพียงอย่างเดียว การฝึกนักบินก็มีผลด้วย รวมทั้งการวางแผนการบินแต่ละเที่ยวบินซึ่งจะต้องเป็นไปตามกฎระเบียบของการบิน ส่วนการจะได้มาซึ่ง ETOP 75 นาที, 90 นาที, 120 นาที, 138 นาที, 180 นาที นั้นขึ้นกับขีดความสามารถของแต่ละสายการบิน..ซึ่งจะต้องใช้ระยะเวลาในการปฏิบัติการบินเพื่อให้องค์กรการบินรับรอง...และต้องรักษามาตรฐานตลอดไป


ความเห็นส่วนตัวของผม ในฐานะที่ผมทำงานกับเครื่องบินรุ่นนี้ (A330-200) ผมให้นำหนักกับการโดนวินาศกรรมครับ...ซึ่งผมอาจจะหน้าแตกในภายหลังก็ได้ แต่ขณะนี้ผมเชื่ออย่างนี้เพราะเหตุผลดังต่อไปนี้ครับ
1. ข่าวที่ว่าโดนฟ้าผ่าแล้วตกนั้น ยากครับ เพราะการบินข้ามบริเวณเส้นศูนย์สูตรแล้วเจอเมฆเยอะๆ น่ะ เป็นเรื่องธรรมดาครับ เหมือนทางแถบเกาะบอร์เนียว, สิงคโปร์, มาเลย์, ฟิลิปปินส์ เป็นต้น  ไม่มีนักบินคนไหนหรอกครับที่เห็นเมฆที่เป็นเมฆแบบอันตรายแล้วจะไม่หลบ หลบเมฆกันทีละ 30-50 ไมล์ ก็ทำกันเป็นประจำครับ ทั้งนักบินและผู้ควบคุมการจราจรของประเทศแถบเขตร้อนคุ้นเคยกันดี ถ้านักบินของแอร์ฟรานซ์ลำดังกล่าว แล้วตั้งใจไม่หลบ กะลุยเต็มที่ (ก็ต้องบ้าแน่ๆ ครับ) มันฝืนความรู้สึกจริงๆ ครับ
2. เครื่องบินโดนฟ้าผ่า ผมว่าก็โดนกันออกบ่อยนะครับ แต่ก็ไม่เห็นเป็นอะไร แต่ก็นั่นหละครับ  เราโดนกันในระดับที่ถือว่าเป็นหางๆ ของสายฟ้าแล้ว (แบบที่ว่า หลบแล้วนะ)ไอ้ที่จะโดนเต็มๆ แบบกลางก้อนเมฆ ก็ขอให้ย้อนไปอ่านข้อหนึ่งอีกที (ต้องบ้าแน่ะๆ) เพราะเครื่องบินมีระบบ กระจายประจุไฟฟ้าออกไปรอบๆ ตัว เท่าที่ผมเคยโดน ก็จะมีอาการเบลอไปบ้าง ไม่กีวินาที แต่ก็ไม่ถึงขนาดที่จะทำให้ระบบไฟฟ้าขัดข้องเสียทั้งหมด
3. เครื่องบินรุ่นนี้ ได้รับการรับรองเรื่องการบินในแบบฉุกเฉิน (เช่น เครื่องยนต์ดับไปหนึ่งเครื่อง เหลือแค่เครื่องเดียว, ระบบปรับความดันเสีย, ระบบไฟฟ้าเหลือจำกัด, ไฮดรอลิกเหลือ 1 ใน 3 ฯลฯ ) โดยยังสามารถบินต่อไปได้อีก 3 ชั่วโมงครับ (ย้ำ 3 ชั่วโมง) นั่นคือสามารถบินกับไปหาสนามบินที่ใกล้ที่สุดที่อยู่ในระยะที่ใช้เวลาบินไม่เกิน 3 ชั่วโมง คือคร่าวๆ ประมาณ 2,700 กม. จากจุดที่เกิดเหตุนั้นครับ

(เดี๋ยวมีต่อ)


ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ
ผมสงสัยเล็กน้อยครงกรณีเครื่องยนต์ดับ เครื่องบินสามารถบินได้ด้วยเครื่องยนต์เดียว 3 ชั่วโมง หรือ 2,700 กม.
เครื่องยนต์ของ A330 มีแรงขับเครื่องละประมาณ 70,000 ปอนด์ (เทียบเท่า 70,000 แรงม้า)
ปกติความเร็วเดินทางประมาณ 900 กม. ต่อ ชั่วโมง
ถ้าเครื่องดับหมายถึงเสียกำลังขับไป 50% เครื่องบินสามารถยังสามารถบินได้ด้วยความเร็วเท่าเดิมหรือครับ
แล้วมีหลักประกันอะไรไหมที่เครื่องยนต์ที่เหลืออีกหนึ่ง จะ "ไม่" ดับตามเครื่องแรกไป
มันมีที่มาครับ คือเวลาที่บินระดับปรกติเครื่องยนต์ทั้งสองข้างจะทำงานทีระดับประมาณ 70-80% ของกำลังสูงสุดที่สามารถทำได้ครับ (เพื่อการประหยัดเชื้อเพลิงและเพื่อลดการสึกหรอ) ซึ่งในระดับนี้ก็สามารถทำให้ได้ความเร็วที่ค่า มัค 0.82 แล้ว (True air speed ประมาณ 480 น็อต) พอเวลาที่เหลือเครืองยนต์เดียว เราจะใช้ให้เครื่องยนต์ที่เหลือเพิ่มกำลังไปทำงานที่สูงขึ้นไป คือที่ Maximum continueous thrust (ก็เกือบเต็มร้อยละครับ) คือไม่ได้ให้ทำงานแบบผ่อนกำลังอีกต่อไป ซึ่งก็จะทำให้ได้ True air speed ที่ใกล้เคียง 480 อยู่เหมือนเดิมครับ และในขณะเดียวกันเวลาที่เครื่องยนต์ดับไป จะต้องลดระดับลงมาบินที่ระดับต่ำกว่าอีกด้วย จึงทำให้การทำความเร็วไม่ใช่ปัญหาครับ (เปรียบเหมือนให้รถรักษาความเร็วในขณะที่ขับลงเนินน่ะครับ) หนึ่งชั่วโมงสามารถทำได้ 420-430 ไมล์ทะเล ไม่ใช่เรื่องยากครับ ขออย่างเดียวคือ ขอให้ปีก, หาง ชิ้นส่วนต่างๆ อยู่ครบก็แล้วกัน เครื่องรุ่นนี้พร้อมจะเป็นเครื่องร่อนอยู่ตลอดเวลา (ตัวเลข 900 กม.ต่อชั่วโมงของผมอาจจะเวอร์ไปนิดหน่อย)
ส่วนที่ถามว่าจะมั่นใจได้อย่างไรว่าเครื่องที่เหลือจะไม่ดับตามไปอีก อันนี้ไม่มีใครในแวดวงการบินตอบได้ว่ามั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์หรอกครับ เพียงแต่ว่าก่อนที่เขาจะได้รับการ certify จากผู้ควบกฏของแต่ละประเทศ ผู้ผลิตเครื่องยนต์แต่ละรายก็จะต้องโชว์สถิติให้เห็นละครับว่า เครื่องยนต์ของเขารุ่นนั้นรุ่นนี้ อยู่ในตลาดมากี่ปีแล้ว ทำการบินไปกี่แสนหรือกี่ล้านชั่วโมงแล้ว มีสถิติของการดับในอากาศกี่เปอร์เซ็นต์ เพื่อเป็นการให้ความมั่นใจต่อหน่วยงานที่จะให้การรับรอง เช่น FAA, JAA หรือกรมการขนส่งทางอากาศของแต่ละประเทศที่เครื่องบินลำนั้นๆ จดทะเบียนอยู่
สายการบินที่ผมทำงานด้วย เรามีเส้นทางบินที่จำเป็นต้องได้รับการรับรอง ETOPS 180 mins. อยู่ ทางสายการบินก็ต้องโชว์ว่ามีการบำรุงรักษาที่ดีเยี่ยมนะ, สถิติอัตราการดับในอากาศที่ผ่านมาเป็นอย่างไร ภายในเปอร์เซ็นต์ที่รับได้มั้ย, ผู้ผลิตเครื่องยนต์และเครื่องบินเป็นอย่างไงบ้าง แน่นอนหละครับ สองรายหลังเขาเป็นผู้ผลิตสินค้าขายเขาก็ต้องมีการบินทดสอบและเก็บสถิติส่งให้ทั้ง FAA และ JAA ดูว่า เครื่องของฉันทำได้จริงนะจ๊ะนาย (ล่าสุดเมื่อประมาณสัก 2-3 ปีทีผ่านมา โบอิ้งได้ทดสอบเครื่องบินแบบ B777-200/300ER โดยเมื่อบินระดับแล้ว ดับเครื่องยนต์ไปเลยหนึ่งเครื่องแล้วบินเครื่องที่เหลือไปอีกประมาณ 5 ชั่วโมง เพื่อส่งให้ FAA รับรอง)
ในใจผู้ผลิต คงอยากจะได้รับการรับรองให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะมันเป็นชื่อเสียงของเขา (ขายได้ดี, แพงขึ้น) แต่ในแง่ของผู้ให้การรับรองก็คิดถึงความปลอดภัยเป็นหลัก ก็เลยดึงๆ กันไว้ที่ 180 นาทีก่อนแล้วกัน ทีนี้กรมการขนส่งของประเทศอื่น เช่นของไทย ก็ต้องตามแบบประเทศใหญ่ๆ เขาละครับ เขารับรองก็เลยรับรองตาม โดยมีข้อกำหนดต่างๆ มากมาย ปัจจุบันนี้ผมไม่แน่ใจว่าการบินไทยได้ยื่นของการรับรอง ETOPS 180 นาทีหรือยัง แต่ 120 นาที่ผมมั่นใจว่าเขามีแน่ๆ เพราะเส้นทางของการบินไทยอาจจะยังไม่จำเป็นที่จะต้องใช้ 180 นาที เพราะขอสูงไปเกินความจำเป็นก็จะเป็นภาระทางด้านการบำรุงรักษาไปเสียเปล่าๆ  และถ้าเมื่อใดเกิดมีเครื่องดับบนอากาศก็จะทำให้สถิติเสีย และอาจจะทำให้ถูกยกเลิกการรับรองในท้ายที่สุดไปอีก ทำให้การรับรองต้องลดลงมาที่ 120 นาทีอีก

โอกาสที่เครื่องยนต์จะดับพร้อมกันทั้งหมดก็ยังมีครับ เช่นบินเข้ากลุ่มควันภูเขาไฟ เป็นต้น







ในการบินปรกตินั้นมันไม่ใช่ว่าใช้ความเร็ว .82M แล้วกำลังเครื่องยนต์จะต้องอยู่ที่ 70-80% ของกำลังเครื่องยนต์สูงสุด.... ความเร็วที่ใช้เดินทางปรกติจะขึ้นกับความสูงที่เกี่ยงข้องกับน้ำหนักเครื่องบิน ณเวลานั้น ซึ่งสามารถคำนวณได้จากแผนการบินก่อนบิน และคำนวณในระหว่างบินโดยตัว FMS จะเป็นตัวคำนวณให้ ซึ่งอาจจะไม่ถึงหรือเกินกว่านั้นมันไม่มีอะไรแน่นอนที่จะต้องเป๊ะๆขนาดนั้น แค่อุณหภูมิเปลี่ยนแปลง 1 องศาทุกอย่างก็เปลี่ยนแล้วครับ

ในความเป็นจริง......หากเกิดกรณีฉุกเฉิน...ไม่ว่าเครื่องยนต์ดับ เครื่องยนต์ระเบิด ระบบปรับความดันเสียหาย ลำตัวฉีกขาด เกิดผู้โดยสารหัวใจวาย ลมชัก เบาหวานกำเริบ ฯลฯ ไม่มีนักบินคนไหนที่จะมาบิน 180 นาทีอ้อยอิ่งอยู่บนฟ้าหรอกครับ และเครื่องบินไม่สามารถรักษาระดับเพดานบินได้หากเครื่อยนต์ดับหนึ่งเครื่องต้องร่อนลงมาบินในระดับที่เครื่องบินสามารถบินได้ด้วยเครื่องยนต์เดียว และต้องหาสนามบินที่เหมาะสมลงให้เร็วที่สุด ดังนั้นต้องทำความเข้าใจให้มากกว่านี้ครับว่า Land at the nearest suitable airport หมายความว่าอะไร

สำหรับกรณีของสายการบิน Air France ที่เกิดอุบัติเหตุเหนือมหาสมุทรแอตแลนติกนั้น ผมได้คาดคะเนมาในหน้าแรกๆซึ่งการก่อวินาศกรรมอาจจะเป็นไปได้ และอุบัติเหตุจากวัตุถุอันตรายที่บรรทุกมาเกิดการสันดาปกันในห้องเก็บสินค้า หรือแม้กระทั่งอาจจะเกิดจากการรั่วไหลของเชื้อเพลิงในอากาศในขณะที่บินผ่ากระแสอากาศแปรปรวน
กระแสอากาศแปรปรวนนั้นในห้วงอากาศจะมีประจุไฟฟ้าทั้งบวกและลบกระจายอยู่ทั่วบริเวณ และที่เรียกกันทั่วๆไปคือ ฟ้าร้องฟ้าแลบและฟ้าผ่า ถึงแม้ว่านักบินจะบินหลบสภาพอากาศที่มองเห็นในเรดาร์ตรวจอากาศ หรือมองด้วยตาเปล่าก็ตาม บางครั้งอาจจะมีฟ้าผ่าในแนวนอนวิ่งเข้าหาเครื่องบินซึ่งเป็นไปได้ (เคยโดนมาแล้วครับ..มันวิ่งมาหาในระยะสี่สิบไมล์...ขี้ขึ้นสมองเลยครับ)

อะไรก็เป็นไปได้ครับเมื่อเท้าพ้นพื้น



หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: อรชุน-รักในหลวง ที่ มิถุนายน 09, 2009, 02:26:22 AM
ขอบคุณความรู้และประสบการณ์ที่มีคุณค่ามากครับ  ::014:: ::014::




หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: ทัดมาลา ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป ที่ มิถุนายน 09, 2009, 08:07:56 AM
พี่ๆให้ข้อมูลไว้ครบถ้วนแล้วครับ.....

ถ้าฟ้าผ่าธรรมดา หรือสตอล  เครื่องยนต์ดับ ยังแก้ไขได้ไม่ยากนัก

หากเกิด Explosive Decompression หรือการระเิบิดฉีกขาดของลำตัวที่ความสูงมากๆ

ต้องนำเครื่องลงสู่ความสูงปลอดภัยอย่างรวดเร็ว คือประมาณ 10000 ฟุต

หากตัวเครื่องมีความเสียหายมากจนไม่อาจทำการบินต่อได้ ก็ต้องทำการลงจอดในน้ำ

แต่ความเสี่ยงที่เ ครื่องจะฉีกขาดในขณะที่ลงใน้นำสูงมากครับ....

เมื่อ จนท พบซากเครื่องและกล่องดำ ก็จะสามารถสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป






หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: จอยฮันเตอร์ ที่ มิถุนายน 09, 2009, 08:13:50 AM
เรียนถามท่านกัปตันทั้งหลายครับ บ้านผม(ถนนพระยาสุเรนท์)เครื่องบินผ่านทุกวัน(ตรงบ้านพอดี) ส่วนมากเสาร์-อาทิตย์ ผมชอบล้างรถเองพร้อมขัดสีจนเงาวับ แต่พอตกเย็นมาดูอีกครั้ง บนตัวรถจะเป็นคราบละอองน้ำมันเต็มไปหมด ไม่ทราบว่าสาเหตุมาจากละอองน้ำมันท้ายเครื่องหรือปล่าวครับ ;D


หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: dig5712 ที่ มิถุนายน 09, 2009, 08:15:29 AM
 ::014:: ขอขอบคุณสำหรับความรู้ที่พี่ๆกล่าวไว้ครับ

และขอแสดงความเสียใจเหตุการณ์ครั้งนี้... เป็นเรื่องเศร้าที่ยังค้นพบร่างผู้เสียชีวิตเป็นส่วนน้อย และไกลสุดดิ่งลึกถึงก้นมหาสมุทร


หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: ทัดมาลา ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป ที่ มิถุนายน 09, 2009, 08:17:31 AM
เรียนถามท่านกัปตันทั้งหลายครับ บ้านผม(ถนนพระยาสุเรนท์)เครื่องบินผ่านทุกวัน(ตรงบ้านพอดี) ส่วนมากเสาร์-อาทิตย์ ผมชอบล้างรถเองพร้อมขัดสีจนเงาวับ แต่พอตกเย็นมาดูอีกครั้ง บนตัวรถจะเป็นคราบละอองน้ำมันเต็มไปหมด ไม่ทราบว่าสาเหตุมาจากละอองน้ำมันท้ายเครื่องหรือปล่าวครับ ;D

ไม่แน่ใจครับพี่จอย ว่าจะลองออกไปดูควันท้ายเครื่องสักหน่อย

ประตูเครื่องมันก็ไม่ยอมเปิดให้ อิอิอิ


หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: C.J. - รักในหลวง ที่ มิถุนายน 09, 2009, 08:33:12 AM
ขอบคุณครับ... ::014::

อ่านจากข่าว บอกว่าเป็นเพราะ ตัววัดความเร็ว (Pitot tube)  (http://en.wikipedia.org/wiki/Pitot_tube) มีน้ำแข็งเกาะ ทำให้การคำนวณความเร็วผิดพลาด...


(http://img30.imageshack.us/img30/2392/633pxairspeedp1230157.jpg) (http://img30.imageshack.us/my.php?image=633pxairspeedp1230157.jpg)


หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: ทัดมาลา ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป ที่ มิถุนายน 09, 2009, 08:46:08 AM
ขอบคุณครับ... ::014::

อ่านจากข่าว บอกว่าเป็นเพราะ ตัววัดความเร็ว (Pitot tube)  (http://en.wikipedia.org/wiki/Pitot_tube) มีน้ำแข็งเกาะ ทำให้การคำนวณความเร็วผิดพลาด...


มีความเป็นไปได้ แต่ก็ยากครับ เพราะโดยปรกติ Pitot probe พวกนี้จะมีระบบป้องกันน้ำแข็งและละลายน้ำแข็งที่ตัวมันอยู่แล้วครับ

ยกเว้นว่าจะมีอะไรไปอุดตั้งแต่ก่อนทำการบิน ซึ่งก็น่าจะมีสัญญาณเตือน เช่น ค่าความเร็วผิดปรกติตั้งแต่ตอนเทคออฟ

หรือถ้าระบบทำความร้อนที่ตัว Probe ไม่ทำงาน ก็จะมีสัญญาณเตือนมายังที่นักบินครับ....

ต่อให้ระบบวัดค่าพวกนี้ไม่ทำงานเลย หรือทำงานผิดพลาด....

เราก็สามารถบินโดยรักษา มุมปะทะหรือ Attitude ของเครื่องและรอบของเครื่องยนต์ที่สัมพันธุ์กันได้

โดยไม่สนใจความเร็วที่อ่านได้ครับ เรียกว่า บินโดยอาศัย Attitude และ Thrust Setting

ซึ่งจะมีค่ามาตรฐานในทุกๆเฟสของการบินให้ใช้อ้างอิงได้ และในความเป็นจริงก็ไม่ต่างจากตารางเท่าไร

เครื่องจะดีแค่ไหน แต่สุดท้ายนักบินมีหน้าที่บินครับ รักษามุมปะทะแล้วเครื่องยังมีอาการหล่น เราก็เติมพาวเวอร์ไป

หรือกรณีร่อนลงจอดแต่ทำไมเครื่องเหมือนบินระดับ ก็กดหัวแล้วลด Thrust ลงเป็นต้นครับ

เรียกว่า แก้ไปตามอาการเครื่อง.....


กลับมาเรื่องถ้าเกิดจากระบบการอ่านค่าความเร็วผิดพลาดจริงๆ จะทำให้เกิดการ สตอล ...

แต่การสตอลไม่ใช่ปัญหายากครับ สามารถแก้ไขได้ ยิ่งมีความสูงเดินทางสูงๆ ก็ยิ่งมีระยะทางให้แก้ได้มากขึ้น.....

ยกเว้นในการเกิด Hi speed Stall อันนี้ยากมาก.


หรือถ้าเป็นอีกรูปแบบคือ ความเร็วสูงกว่าที่แสดง...จนเข้าสู่ความเร็วสูงสุดของโครงสร้าง

โครงสร้างอาจแตกร้าวหรือแยกออกจากกัน.....

หรือที่นักข่าวบางท่านให้ข้อมูลว่า บินชนสภาพอากาศนั้น..... ยากมาก

เพราะคงไม่มีนักบินคนไหนวิ่งเข้าหาเมฆ....




หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: จอยฮันเตอร์ ที่ มิถุนายน 09, 2009, 08:52:07 AM
เรียนถามท่านกัปตันทั้งหลายครับ บ้านผม(ถนนพระยาสุเรนท์)เครื่องบินผ่านทุกวัน(ตรงบ้านพอดี) ส่วนมากเสาร์-อาทิตย์ ผมชอบล้างรถเองพร้อมขัดสีจนเงาวับ แต่พอตกเย็นมาดูอีกครั้ง บนตัวรถจะเป็นคราบละอองน้ำมันเต็มไปหมด ไม่ทราบว่าสาเหตุมาจากละอองน้ำมันท้ายเครื่องหรือปล่าวครับ ;D

ไม่แน่ใจครับพี่จอย ว่าจะลองออกไปดูควันท้ายเครื่องสักหน่อย

ประตูเครื่องมันก็ไม่ยอมเปิดให้ อิอิอิ
จะเอาอย่างนั้นเลยหรือครับกัปตัน ผมว่าเอาท่านซับผูกใว้ท้ายเครื่องดีกว่า พอเครื่องลงถ้าท่านซับหน้าดำก็แสดงว่าใช่ ::007::


หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: C.J. - รักในหลวง ที่ มิถุนายน 09, 2009, 09:03:56 AM
Brazilian Air Force officer Henry Nunhoz shows a picture during a press conference to announce the recovery of more bodies of the 228 victims of the of the Air France A330 aircraft lost in midflight over the Atlantic ocean June 1st, in Recife, Brazil on June 8, 2009. Seventeen bodies now have been recovered from the debris of the jet that plunged into the Atlantic nearly a week ago, as investigators probe whether a defective speedometer caused the tragedy. Fifteen more bodies were snatched from the waves 1,150 kilometers (600 miles) off Brazil's northeastern coast, when search teams battled "unfavorable" weather conditions to recover other bodies spotted floating among seats and other plane debris, Brazilian military officials said.
(http://img291.imageshack.us/img291/8025/610xiax.jpg) (http://img291.imageshack.us/my.php?image=610xiax.jpg)

(http://img241.imageshack.us/img241/6984/610x2.jpg) (http://img241.imageshack.us/my.php?image=610x2.jpg)


หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ มิถุนายน 09, 2009, 12:05:33 PM
ขอบคุณสำหรับทุกความรู้ครับ


หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: ART ที่ มิถุนายน 09, 2009, 02:32:13 PM
ข่าวเพิ่มเติมครับ จาก nation breaking news
นักบินแอร์ฟรานซ์จะไม่ยอมขึ้นบินกับเครื่องแอร์บัส
 9 มิย. 2552 13:26 น.


มีรายงานว่าสหภาพนักบินของสายการบินแอร์ฟรานซ์ ได้มีหนังสือเวียนถึงนักบินเมื่อวานนี้ขอร้องไม่ให้ขึ้นบินกับเครื่องบินแอร์บัส เอ 330 และเอ 340 จนกว่าจะมีการเปลี่ยนไพล็อต ทูปส์ ซึ่งอุปกรณ์ตรวจวัดความเร็วของเครื่องบิน อย่างน้อย 2 ใน 3 ตัวที่ติดอยู่กับเครื่องบินแต่ละลำเสียก่อน แม้จะยังไม่มีการสรุปว่าไพล็อต ทูปส์เป็นสาเหตุของเครื่องบินตกครั้งนี้หรือไม่

แม้เจ้าหน้าที่สอบสวนจะยังไม่สามารถค้นหากล่องดำมาช่วยไขปริศนาสาเหตุที่ทำให้เครื่องบินแอร์บัส 330-200 ของสายการบินแอร์ฟรานซ์ประสบเหตุตกกลางมหาสมุทรแอตแลนติคพร้อมกับผู้โดยสารและลูกเรือ 228 ชีวิต เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา แต่เจ้าหน้าที่ค่อนข้างเชื่อในสมมุติฐานที่ว่า เครื่องบินประสบเหตุตกเนื่องจาก ไพล็อต ทูปส์ ที่ติดอยู่ด้านนอกลำตัวเครื่องถูกน้ำแข็งจับจนทำให้คอมพิวเตอร์ตั้งค่าความเร็วของเครื่องบินขณะบินฝ่าพายุฝนฟ้าคะนองผิดพลาด จนเป็นเหตุให้เครื่องบินตก ซึ่งมีรายงานว่าทางสายการบินได้แจ้งไปยังนักบินก่อนหน้านี้ว่ากำลังเปลี่ยนอุปกรณ์ชิ้นนี้ในเครื่องบินแอร์บัสทุกลำซึ่งจะแล้วเสร็จภายในเวลาในกี่สัปดาห์

เจ้าหน้าที่ของฝรั่งเศสกำลังเร่งค้นหากล่องดำที่เป็นกล่องบันทึกข้อมูลการบิน และกล่องบันทึกเสียงสนทนาในห้องนักบิน ที่เชื่อว่าตกอยู่ใต้ทะเลลึก 6 กิโลเมตร เนื่องจากหากเวลาผ่านไปนานเกิน 30 วัน ข้อมูลในกล่องดำจะเริ่มลบเลือน ซึ่งคาดว่าเรือดำน้ำเอเมอร์โร้ดของฝรั่งเศสจะเดินทางถึงจุดเกิดเหตุในปลายสัปดาห์นี้ เพื่อช่วยค้นหาสัญญานกล่องดำ นอกจากนี้กองทัพเรือสหรัฐยังส่งอุปกรณ์ตรวจหาคลื่นเสียงใต้น้ำ ลึก ที่เคยช่วยหากล่องดำจากเครื่องบินโดยสารของสายการบินอดัมแอร์ ของอินโดนีเซียที่ประสบเหตุตกกลางทะเลเมื่อ 2 ปีก่อน จนพบหลังเครื่องบินตกได้ 25 วัน มาช่วยหากล่องดำอีกแรงด้วย  
 
 
 



หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: ทัดมาลา ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป ที่ มิถุนายน 09, 2009, 02:50:51 PM
ข่าวผิดนิดหน่อยครับ....

Pitot  ปิโต  ครับ ไม่ใช่ Pilot....

นักข่าวคงสับสน...


หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: flyingkob-รักในหลวง ที่ มิถุนายน 09, 2009, 03:36:00 PM
ขอบคุณครับ... ::014::

อ่านจากข่าว บอกว่าเป็นเพราะ ตัววัดความเร็ว (Pitot tube)  (http://en.wikipedia.org/wiki/Pitot_tube) มีน้ำแข็งเกาะ ทำให้การคำนวณความเร็วผิดพลาด...


มีความเป็นไปได้ แต่ก็ยากครับ เพราะโดยปรกติ Pitot probe พวกนี้จะมีระบบป้องกันน้ำแข็งและละลายน้ำแข็งที่ตัวมันอยู่แล้วครับ

ยกเว้นว่าจะมีอะไรไปอุดตั้งแต่ก่อนทำการบิน ซึ่งก็น่าจะมีสัญญาณเตือน เช่น ค่าความเร็วผิดปรกติตั้งแต่ตอนเทคออฟ

หรือถ้าระบบทำความร้อนที่ตัว Probe ไม่ทำงาน ก็จะมีสัญญาณเตือนมายังที่นักบินครับ....

ต่อให้ระบบวัดค่าพวกนี้ไม่ทำงานเลย หรือทำงานผิดพลาด....

เราก็สามารถบินโดยรักษา มุมปะทะหรือ Attitude ของเครื่องและรอบของเครื่องยนต์ที่สัมพันธุ์กันได้

โดยไม่สนใจความเร็วที่อ่านได้ครับ เรียกว่า บินโดยอาศัย Attitude และ Thrust Setting

ซึ่งจะมีค่ามาตรฐานในทุกๆเฟสของการบินให้ใช้อ้างอิงได้ และในความเป็นจริงก็ไม่ต่างจากตารางเท่าไร

เครื่องจะดีแค่ไหน แต่สุดท้ายนักบินมีหน้าที่บินครับ รักษามุมปะทะแล้วเครื่องยังมีอาการหล่น เราก็เติมพาวเวอร์ไป

หรือกรณีร่อนลงจอดแต่ทำไมเครื่องเหมือนบินระดับ ก็กดหัวแล้วลด Thrust ลงเป็นต้นครับ

เรียกว่า แก้ไปตามอาการเครื่อง.....


กลับมาเรื่องถ้าเกิดจากระบบการอ่านค่าความเร็วผิดพลาดจริงๆ จะทำให้เกิดการ สตอล ...

แต่การสตอลไม่ใช่ปัญหายากครับ สามารถแก้ไขได้ ยิ่งมีความสูงเดินทางสูงๆ ก็ยิ่งมีระยะทางให้แก้ได้มากขึ้น.....

ยกเว้นในการเกิด Hi speed Stall อันนี้ยากมาก.


หรือถ้าเป็นอีกรูปแบบคือ ความเร็วสูงกว่าที่แสดง...จนเข้าสู่ความเร็วสูงสุดของโครงสร้าง

โครงสร้างอาจแตกร้าวหรือแยกออกจากกัน.....

หรือที่นักข่าวบางท่านให้ข้อมูลว่า บินชนสภาพอากาศนั้น..... ยากมาก

เพราะคงไม่มีนักบินคนไหนวิ่งเข้าหาเมฆ....




สบายดีนะโอ๊ค..............จำกรณีศึกษาเรื่องเครื่อง B757 ของสายการบินถ้าจำไม่ผิดของเปรู เกิดอุบัติเหตุเมื่อหลายปีก่อน....สาเหตุเกิดจากพนักงานทำความสะอาดเครื่องบินเอาผ้าเทปไปปิดที่รู Static Port ด้วยความหวังดีกลัวน้ำเข้าตอนล้างเครื่องบิน แล้วลืมเอาออก....นักบินตรวจเครื่องก็ไม่เห็นนำเครื่องขึ้นบินได้ไม่เท่าไหร่ทุกอย่างอ่านค่าผิดไปหมด...ไม่สามารถนำเครื่องกลับมาลงได้..บินจนไปฟาดกับเขาก่อนจะถึงสนามบิน..ไปหมดลำ.


Pitot Tube คือท่อวัดความเร็วของเครื่องบิน...มันทำหน้าที่ดักอากาศที่ไหลผ่านเข้าไปแล้วไปดันกับแผ่นไดอะแฟรมเล็กๆเพื่อให้ได้ค่าความเร็วในขณะที่เครื่องบินแหวกอากาศออกไป และท่อ Pitot นี้จะมีขดลวดให้ความร้อนตลอกเวลา เพราะเมื่อบินสูงๆอุณหภูมิจะลดลงและหากบินผ่านเมฆมันจะมีเกล็ดน้ำแข็งเกาะ..หากความร้อนไม่ทำงานการอ่านค่าของมันจะผิดพลาดไป
และสิ่งที่เข้ามาอุดตันอีกคือเจ้าหมาร่ามันชอบเอาท่อ Pitot ทำเป็นรัวของมันโดยเอาดินโคลนมาอุด..เรื่องจริงครับ...เคยมีอุบัติเหตุตายกันทั้งลำก็เพราะไอ้หมาร่าตัวเดียวด้วยครับ


หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ มิถุนายน 09, 2009, 04:51:52 PM
ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ


หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: ทัดมาลา ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป ที่ มิถุนายน 09, 2009, 05:29:49 PM
 
สบายดีนะโอ๊ค..............จำกรณีศึกษาเรื่องเครื่อง B757 ของสายการบินถ้าจำไม่ผิดของเปรู เกิดอุบัติเหตุเมื่อหลายปีก่อน....สาเหตุเกิดจากพนักงานทำความสะอาดเครื่องบินเอาผ้าเทปไปปิดที่รู Static Port ด้วยความหวังดีกลัวน้ำเข้าตอนล้างเครื่องบิน แล้วลืมเอาออก....นักบินตรวจเครื่องก็ไม่เห็นนำเครื่องขึ้นบินได้ไม่เท่าไหร่ทุกอย่างอ่านค่าผิดไปหมด...ไม่สามารถนำเครื่องกลับมาลงได้..บินจนไปฟาดกับเขาก่อนจะถึงสนามบิน..ไปหมดลำ.


Pitot Tube คือท่อวัดความเร็วของเครื่องบิน...มันทำหน้าที่ดักอากาศที่ไหลผ่านเข้าไปแล้วไปดันกับแผ่นไดอะแฟรมเล็กๆเพื่อให้ได้ค่าความเร็วในขณะที่เครื่องบินแหวกอากาศออกไป และท่อ Pitot นี้จะมีขดลวดให้ความร้อนตลอกเวลา เพราะเมื่อบินสูงๆอุณหภูมิจะลดลงและหากบินผ่านเมฆมันจะมีเกล็ดน้ำแข็งเกาะ..หากความร้อนไม่ทำงานการอ่านค่าของมันจะผิดพลาดไป
และสิ่งที่เข้ามาอุดตันอีกคือเจ้าหมาร่ามันชอบเอาท่อ Pitot ทำเป็นรัวของมันโดยเอาดินโคลนมาอุด..เรื่องจริงครับ...เคยมีอุบัติเหตุตายกันทั้งลำก็เพราะไอ้หมาร่าตัวเดียวด้วยครับ

สบายดีครับพี่ ....

สมัยเป็นศิษย์การบิน เจอเจ้าหมาร่ากับตัวครั้งนึง ก็แจ้งพี่ช่างให้จัดการครับ

Static Block นี่เรื่องใหญ่.....เรื่องความเร็วเรื่องเล็ก  เรื่องความสูงเรื่องใหญ่....



หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: Ch@i-Yo. ที่ มิถุนายน 09, 2009, 07:15:01 PM

[/quote]
 บางครั้งอาจจะมีฟ้าผ่าในแนวนอนวิ่งเข้าหาเครื่องบินซึ่งเป็นไปได้ (เคยโดนมาแล้วครับ..มันวิ่งมาหาในระยะสี่สิบไมล์...ขี้ขึ้นสมองเลยครับ)

อะไรก็เป็นไปได้ครับเมื่อเท้าพ้นพื้น

[/quote]
อยากให้พี่เล่าตรงนี้ด้วยครับ ขอบคุณครับ


หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ มิถุนายน 10, 2009, 08:07:30 AM
พบแล้วส่วนหางแอร์ฟรานซ์ กองทัพบราซิลคาดพบกล่องดำระบุสาเหตุเครื่องตก และพบศพผู้เสียชีวิตเพิ่ม 24 ศพ

กองทัพบราซิล แถลงว่าว่าเจ้าหน้าที่ พบส่วนหางขนาดใหญ่ของเครื่องบิน แอร์บัส 330-200 ลำที่ประสบอุบัติเหตุ
ตกพร้อมกับผู้โดยสารและลูกเรือ 228 ชีวิตตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน ซึ่งจะช่วยให้การค้นหากล่องดำที่จะช่วยระบุ
ถึงสาเหตุของอุบัติเหตุครั้งนี้ได้ จำกัดวงแคบมากขึ้น เนื่องจากกล่องดำที่เป็นกล่องบันทึกข้อมูลการบิน และกล่อง
บันทึกการสนทนาในห้องนักบิน จะติดตั้งอยู่ในบริเวณลำตัวเครื่องบินใกล้กับส่วนหาง


นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังเจ้าหน้าที่ค้นหาพบศพผู้โดยสารเพิ่มอีก 8 ศพ ลอยอยู่กลางทะเลห่างชายฝั่งเกาะเฟอร์นานโด
เดอ โนโรนญ่า ไปทางตะวันออกเฉียงเหนือราว 640 กิโลเมตร และอยู่ห่างจากจุดที่ได้ยินเสียงเครื่องบินเป็นครั้งสุด
ท้ายราว 70 กิโลเมตร ทำให้ตอนนี้พบศพแล้ว 24 ศพจากที่พบในบริเวณใกล้กันตั้งแต่เมื่อวันเสาร์ 16 ศพ


แต่แม้จะพบศพและชิ้นส่วนของเครื่องบิน เจ้าหน้าที่ก็ยังไม่สามารถระบุจุดที่เครื่องบินตกได้ เพราะคลื่นในทะเลอาจ
พัดพาศพและซากลอยไปไกล หลังจากเครื่องบินตกมาแล้วหลายวัน ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าการตรวจสอบรอยแตก
หักของส่วนหางที่พบ จะเป็นกุญแจสำคัญที่จะชี้ให้เห็นถึงการตกของเครื่องบิน เนื่องจากจะสามารถระบุทิศทางแรง
ปะทะที่ให้ชิ้นส่วนเครื่องบินแตกหัก และจากภาพชิ้นส่วนหางเครื่องบินชี้ให้เห็นว่าหางเครื่องบินแตกหักกลางอากาศ
และเชื่อว่าการอ่านค่าผิดของเครื่องตรวจวัดความเร็วกับการที่หางเครื่องบินหักออกจากลำตัวมีส่วนเกี่ยวกับข้องกัน

จาก

http://www.rssthai.com/reader.php?t=foreign&r=14309 (http://www.rssthai.com/reader.php?t=foreign&r=14309)



หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ มิถุนายน 10, 2009, 08:09:52 AM
แอร์ฟรานซ์หายเลวร้ายสุดรอบ10ปี

"ซาร์โกซี"รับโอกาสพบผู้รอดชีวิตน้อยหลังแอร์ฟรานซ์หายปริศนา

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า ประธานาธิบดีนิโกลาส์ ซาร์โกซีของฝรั่งเศล กล่าวหลังจากพูดคุยกับบรรดา
ญาติผู้โดยสารสายการบินแอร์ฟรานซ์ จำนวน 228คน ซึ่งหายไปจากจอเรดาร์อย่างไร้ร่องรอยหลังจากพายุ
ที่เหนือมหาสมุทรแอตแลนติก เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า มีโอกาสบผู้รอดชีวิตน้อยมาก และมันคือหายนะที่สาย
การบินแอร์ฟรานซ์ไม่เคยประสบมาก่อน
         
 
ก่อนหน้านี้ สายการบินแอร์ฟรานซ์เปิดเผยว่าเครื่องบินแอร์บัสเอ330 ซึ่งออกเดินทางจากเมืองริโอ เด จาไนโร
ในบราซิล มุ่งหน้ามายังกรุงปารีส โดยมีผู้โดยสารบนเครื่อง 216 คน และลูกเรืออีก12คน อาจถูกฟ้าผ่าก่อให้เกิด
กระแสไฟฟ้าขัดข้อง


ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญบอกว่าดูเหมือนนี่อาจเป็นสาเหตุเดียวที่ทำให้เครื่องเกิดเสียการควบคุม หากเป็นไปตามที่
นักวิเคราะห์คาดหมาย นั่นเท่ากับว่าผู้โดยสาร 228 คนบนเที่ยวบินเอเอฟ447 เสียชีวิตทั้งหมด และเหตุการณ์
นี้จะกลายเป็นหายนะครั้งร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของสายการบินแอร์ฟรานซ์และเป็นอุบัติเหตุอันเลวร้าย
ที่สุดของการบินพลเรือนในรอบกว่า 1 ทศวรรษ

ปิแอร์ อองรี กูร์เกยง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของสายการบินแอร์ฟรานซ์ ออกมายอมรับว่า มีความเป็นไปได้
อย่างมากที่เครื่องบินลำดังกล่าวจะประสบอุบัติเหตุร้ายแรงทางอากาศแล้ว พร้อมปฏิเสธกระแสข่าวที่ว่าเครื่องบิน
ลำที่หายไปเป็นเครื่องบินเก่า โดยยืนยันว่า เครื่องบินลำนี้เพิ่งใช้งานมาเพียง 4 ปีเท่านั้น ทั้งนี้ ผู้โดยสาร 216
ในจำนวนนั้นเป็นชาย 126 คน ผู้หญิง 82 เด็ก 7 คนและทารก 1 คน ส่วนอีก 12 คนเป็นลูกเรือชาวฝรั่งเศส
ซึ่งผู้โดยสารมาจาก 32 ประเทศ มากที่สุดคือฝรั่งเศส 61 ราย บราซิล 58 คนและเยอรมนี 26 คน

http://www.posttoday.com/breakingnews.php?id=50399 (http://www.posttoday.com/breakingnews.php?id=50399)


หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: C.J. - รักในหลวง ที่ มิถุนายน 10, 2009, 11:33:29 AM
Graphic shows common Pitot tube speed sensor used on A330 aircraft.

(http://img190.imageshack.us/img190/4457/610xxoo.jpg) (http://img190.imageshack.us/my.php?image=610xxoo.jpg)

Handout picture released June 9, 2009 by the Brazilian Navy showing a piece of the tailfin of the Air France A330 aircraft that crashed June 1 while in midflight over the Atlantic ocean, being hoisted by a Navy rescue vessel. The decision to fit new "pitot probes" on A330 and A340 planes came as a union urged pilots not to fly these jets after the crew of the 0447 flight from Rio to Paris lost control and crashed, killing all 228 people on board.
(http://img200.imageshack.us/img200/3403/610x1rpa.jpg) (http://img200.imageshack.us/my.php?image=610x1rpa.jpg)


หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: Ki-jang-aey ที่ มิถุนายน 10, 2009, 01:24:57 PM
ค้นเจอภาพของ Pitot tube ของเครื่องแบบ A330 ดังกล่าว ซึ่งติดอยู่ที่ด้านซ้ายของหัวเครื่องจำนวน 2 อัน เป็นของกัปตันและ Standby และด้านขวาอีก 1 อัน เป็นของ F/O
แต่ผมไม่ทราบว่าในรูปนี้เป็นของที่ Modified แล้วหรือยัง เพราะถ่ายไว้ประมาณ 2 ปีแล้ว
ในรูปที่มีสายสีแดง เป็นการทำงานของช่าง ซึ่งเขากำลังทดสอบอะไรไม่รู้ บังเอิญผมไปถึงขณะนั้นพอดี เลยถ่ายภาพไว้
(http://www.pixnice.com/upload/files/nrkymzjmjtirjjzygdiw.bmp)

อ่านๆ ดูแล้วก็เสียวเหมือนกัน เพราะการที่จะเปลี่ยนเป็นรุ่นที่ใหม่กว่าเนี่ยะ คนบินไม่รู้เลยนะครับ รู้เฉพาะฝ่ายช่างของแต่ละสายการบินที่เป็นลูกค้า ซึ่งบริษัทผู้ผลิตจะให้คำแนะนำ จะเห็นว่าบริษัทแอร์บัส ไม่ได้เน้นย้ำว่าจะต้องรีบเปลี่ยนนะภายใน 3 เดือนหรือ 6 เดือน

นักบินจะรู้เฉพาะอุปกรณ์ที่อยู่ในห้องนักบินเท่านั้น ว่าอุปกรณ์ชิ้นนี้ชิ้นนั้นเปลี่ยนเป็นรุ่นใหม่แล้วนะ เพราะบริษัทจะต้องแจ้งให้ทราบแถมบางชิ้น เราจะต้องเข้าไปเรียนวิธีการใช้อีกด้วย :) :) :) :)


หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: Ki-jang-aey ที่ มิถุนายน 10, 2009, 01:32:44 PM
ภาพี่ผมจะโพสต์นี้ ผมได้มาจากเวป pprunne.org ครับ เพื่อนๆ สมาชิกเข้าไปอ่านได้ รับรองอ่านจนตาแฉะแน่นอน :) :) :) :) :) เป็นภาพที่แสดงถึงภาพถ่ายดาวเทียมของสภาพอากาศที่ว่ามีพายุที่บริเวณนั้น โพสต์เข้ามาโดยผู้ที่ทำงานทางด้านอุตุนิยมวิทยา ซึ่งเขาแสดงเส้นทางบินของเที่ยวบินดังกล่าวไว้ด้ว

ผมโพสต์ 2 ภาพด้วยกันนะครับ เพราะว่าเป็นข้อมูลมาจาก 2 ประเทศด้วยกัน ซึ่งก็ค่อนข้างจะเหมือนกัน (คืออากาศแย่, กลุ่มเมฆใหญ่มาก)
(http://www.pixnice.com/upload/files/mdwmozhyknjmt3wnznvm.jpg)
อีกภาพครับ
(http://www.pixnice.com/upload/files/v5rmgnjlywnnzwhjmfnm.jpg)


หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: Ki-jang-aey ที่ มิถุนายน 10, 2009, 01:44:35 PM
เท่าที่ติดตามอ่านเวปดังกล่าว มีคนโพสต์เข้าไปมากมาย และมีคนชมเป็นหลายแสนคน มีแนวโน้มที่จะเป็นไปได้ ที่ทั้ง Pitot และ TAT Probe ทำงานผิดพลาด คือส่งข้อมูลเรื่องความเร็วและอุณหภูมิผิดพลาด (อย่างเยอะๆ ด้วย) เข้าไปให้คอมพิวเตอร์ทั้งหลาย ที่จำเป็นต้องได้ข้อมูลเหล่านั้น (ขอย้ำว่ายังไม่สรุป เพียงแต่คิด, คาดเดากันไป ตราบใดที่ยังไม่ได้ข้อมูลจาก FDR และ CVR)

เมื่อเจ้า Sensor ทั้งสอง ให้สัญญาณไม่ตรงกับความเป็นจริง ทำให้คอมพิวเตอร์บอกกับคอมพิวเตอร์ตัวอื่นๆ ด้วยว่า เฮ้ย เครืองบินที่ระดับความสูงนี้ได้อย่างไร อันตรายมาก Protection ต่างๆ off หมด เพราะมันว่าเครื่องขึ้นมาบินที่ระดับที่เหนือ envelope ที่ควรจะอยู่ จึงทำให้ แม้แต่ auto pilots ก็ยังหลุดเลยครับ และ warnings ต่างๆ อีกมากมายก็ตามมา

เพื่อนๆ ลองเข้าไปอ่านในเวปดังกล่าวดูนะครับ โดยเฉพาะประมาณหน้าที่ 42 เป็นต้นมา มีข้อมูลที่เขาวิเคราะห์กันหลากหลายดีครับ

 :D :D :D :D :D :D :D :D :D :D



หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: Ki-jang-aey ที่ มิถุนายน 10, 2009, 01:53:38 PM
อีกประเด็นนึง ที่ยังไม่มีใครรู้ คือ หลังจากที่บินออกไปแล้วประมาณ 4 ชั่วโมง ณ ตอนนั้น ไม่รู้ว่ากัปตันยังนั่งอยู่ หรือว่าไปพัก แล้วในห้องนักบินก็มีแต่  F/O และ Cruise Captain หรือกัปตันยังอยู่ นั่งกับคนใดคนหนึ่ง แน่ๆ คือต้องมีคนใดคนหนึ่งออกไปพัก

แล้วก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด ลูกพี่ทั้งสองไม่ยอมหลบเมฆออกไปเยอะๆ ให้มันเคลียร์ ไว้ก่อน ทั้งๆ ที่ก็เป็น RVSM อยู่แล้ว  ??? ??? ??? ???

และไอ้เจ้า Vertical Stabilizer ที่เก็บได้แล้ว ก็เป็นข้อกังขากันอีกว่า มันฉีกขาดจากตัวเครื่องบินมาก่อน (ตั้งแต่บนฟ้า) หรือว่ามาฉีกขาดตอนที่ตกถึงทะเลแล้ว เพราะถ้าเป็นกรณีแรก สภาพก่อนหน้านั้น คงจะน่าสงสารมาก และคงจะเหวี่ยงกระจัดกระจายไปเป็นพื้นที่กว้าง มากๆ

ขอให้เป็นแบบที่สองเถอะ เพราน่าที่จะทำให้หาลำตัวเครื่องบินและกล่องดำได้ง่ายกว่า (คงจะไม่กระจัดกระจายเท่าไหร่)


หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ มิถุนายน 10, 2009, 03:03:59 PM
ขอบคุณครับ เคนยเห็นวัตถุดำๆแบบนี้ ข้างหัวเครื่องเหมือนกัน เพิ่งทราบว่ามันคือตัวอะไร

(http://www.pixnice.com/upload/files/nrkymzjmjtirjjzygdiw.bmp)


หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: C.J. - รักในหลวง ที่ มิถุนายน 10, 2009, 04:06:43 PM
จากข่าวข้อมูล กล่องดำ จะเริ่มสูญหาย ถ้าเก็บกู้ได้ช้ากว่า ๓๐ วัน....

ถ้าเก็บกู้ไม่ทัน คงจะเป็นปริศนา คาใจ ไปอีกนาน... ว่าเกิดอะไรขึ้น....



หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: SOAP47 รักในหลวง ที่ มิถุนายน 10, 2009, 04:13:29 PM
กล่องดำมีเครื่องแจ้งตำแหน่งคงหาไม่ยากมั้งครับ


หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: flyingkob-รักในหลวง ที่ มิถุนายน 10, 2009, 08:32:39 PM
ค้นเจอภาพของ Pitot tube ของเครื่องแบบ A330 ดังกล่าว ซึ่งติดอยู่ที่ด้านซ้ายของหัวเครื่องจำนวน 2 อัน เป็นของกัปตันและ Standby และด้านขวาอีก 1 อัน เป็นของ F/O
แต่ผมไม่ทราบว่าในรูปนี้เป็นของที่ Modified แล้วหรือยัง เพราะถ่ายไว้ประมาณ 2 ปีแล้ว
ในรูปที่มีสายสีแดง เป็นการทำงานของช่าง ซึ่งเขากำลังทดสอบอะไรไม่รู้ บังเอิญผมไปถึงขณะนั้นพอดี เลยถ่ายภาพไว้
(http://www.pixnice.com/upload/files/nrkymzjmjtirjjzygdiw.bmp)

อ่านๆ ดูแล้วก็เสียวเหมือนกัน เพราะการที่จะเปลี่ยนเป็นรุ่นที่ใหม่กว่าเนี่ยะ คนบินไม่รู้เลยนะครับ รู้เฉพาะฝ่ายช่างของแต่ละสายการบินที่เป็นลูกค้า ซึ่งบริษัทผู้ผลิตจะให้คำแนะนำ จะเห็นว่าบริษัทแอร์บัส ไม่ได้เน้นย้ำว่าจะต้องรีบเปลี่ยนนะภายใน 3 เดือนหรือ 6 เดือน

นักบินจะรู้เฉพาะอุปกรณ์ที่อยู่ในห้องนักบินเท่านั้น ว่าอุปกรณ์ชิ้นนี้ชิ้นนั้นเปลี่ยนเป็นรุ่นใหม่แล้วนะ เพราะบริษัทจะต้องแจ้งให้ทราบแถมบางชิ้น เราจะต้องเข้าไปเรียนวิธีการใช้อีกด้วย :) :) :) :)

โดยทั่วไปหากมีอุปกรณ์อะไรก็ตามในเครื่องบินเกิดทำงานผิดพลาดหรือเกิดความบกพร่อง ซึ่งโรงงานผู้ผลิตจะได้รับรายงานจากสายการบินที่ใช้เครื่องบินแต่ละแบบ..โรงงานผู้ผลิตจะทำการส่งต่อไปยังบริษัทที่ผลิตอุปกรณ์นั้นๆให้ทำการตรวจสอบข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น.... เมื่อปัญหาได้รับการแก้ไขในอุปกรณ์นั้นๆ บริษัทผู้ผลิตจะทำการออกเอกสารส่งมายังโรงงานผู้ผลิตเครื่องบินเพื่อแจกจ่ายเอกสารเหล่านั้นให้กับสายการบินต่างๆ เอกสารนี้เรียกว่า Service Bulletin Note (SB Note) ในเอกสารนี้จะบ่งบอกถึง
1. ข้อบกพร่องและให้ทำการแก้ไข หรือทำการเปลี่ยนอุปกรณ์นั้น แต่สายการบินจะทำหรือไม่ทำก็ได้
2. ข้อบกพร่องที่เกิดขึ้นกับเครื่องบินที่ผลิตตั้งแต่.....จนถึง...... หรือ
3. ราคาของชิ้นส่วนที่ต้องเปลี่ยนแปลงแก้ไข
4. จำนวนเวลาในการทำงานของชิ้นงานนั้น
แต่สายการบินจะปฏิบัติตามหรือไม่ขึ้นกับฝ่ายวิศกรรมของสายการบินนั้นๆ ว่ามีผลอย่างไรบ้าง หรืออุปกรณ์นั้นได้มีการ Modification มาก่อนหน้านี้ แต่หากเกิดข้อบกพร่องมีมากขึ้น...รัฐบาลของโรงงานผู้ผลิตจะออกเอกสารบังคับให้ทำเรียกว่า Airworthiness Directive Note (AD Note) ซึ่งเอกสารนี้จะส่งให้กับรัฐภาคีขององค์การการบินระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นการบังคับสายการบินไปในตัวและกำหนดระยะเวลาในการเปลี่ยนแปลงแก้ไขให้เรียบร้อย และสายการบินจะต้องรายงานไปยังกรมการขนส่งทางอากาศของแต่ละประเทศ
ในส่วนของนักบิน....การเปลี่ยนแปลงชิ้นส่วนต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการบิน ฝ่าย Technical Pilot จะเป็นผู้ออกเอกสารแจ้งให้ทราบทุกครั้ง เนื่องจากชิ้นส่วนที่เปลี่ยนแปลง หรือได้รับการ Modification มันจะมีผลต่อการบินทั้งสิ้น หรืออาจจะมีผลต่อการใช้ Check list ด้วย


หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: C.J. - รักในหลวง ที่ มิถุนายน 10, 2009, 11:03:52 PM
กล่องดำมีเครื่องแจ้งตำแหน่งคงหาไม่ยากมั้งครับ

ครับ หาตำแหน่งคงไม่ยาก...

แต่กับความลึก ๖,๑๐๐ เมตร... เทียบได้กับแรงดันราวๆ ๖๑๐ บาร์ หรือประมาณ ๙,๐๐๐ psi ...อุปกรณ์เก็บกู้คงหาไม่ง่ายแน่ๆ...


หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ มิถุนายน 11, 2009, 08:44:37 AM
ขออภัย หากกล่องดำมีตัวแจ้งตำแหน่งอยู่แล้ว  ทำไม ถึงต้องเสียเวลาค้นหาเครื่องบินอยู่นานครับ

ไม่ทราบว่าตัวแจ้งตำแหน่งเขาเป็นแบบไหน ดาวเทียมจับได้หรือไม่


ขอบพระคุณครับ


หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: ART ที่ มิถุนายน 11, 2009, 09:28:52 AM
ดูสีเป็นกล่องสีส้ม แต่เรียกมาจากภาษาอังกฤษ ว่า black boX หรือเปล่าครับ เลยเรียกว่ากล่องดำ


หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: C.J. - รักในหลวง ที่ มิถุนายน 11, 2009, 10:51:58 AM
เท่าที่ผมเข้าใจ... กล่องดำ "black boxes"  น่าจะส่งสัญญานไม่ถึง เพราะน้ำลึกเกินไป...

อ่านๆมา บอกว่าสัญญาณส่งได้ที่ความลึกไม่เกิน 14,000 ft (4,267 m) ... ดังนั้นเลยลำบากถึงต้องเอาเครื่องมือพิเศษเข้ามาช่วย...

"Each recorder is equipped with an Underwater Locator Beacon (ULB) to assist in locating in the event of an overwater accident. The device called a "pinger", is activated when the recorder is immersed in water. It transmits an acoustical signal on 37.5 KHz that can be detected with a special receiver. The beacon can transmit from depths down to 14,000 feet. "

http://www.aviationexplorer.com/cvr_fdr_info.htm
http://www.pprune.org/rumours-news/375937-air-france-a330-200-missing-37.html

รอท่านที่รู้จริง มาให้ความกระจ่าง...เช่นกันครับ


หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ มิถุนายน 11, 2009, 11:22:40 AM
ดูสีเป็นกล่องสีส้ม แต่เรียกมาจากภาษาอังกฤษ ว่า black boX หรือเปล่าครับ เลยเรียกว่ากล่องดำ

เรียกว่ากล่องดำ เพราะ เก็บข้อมูลการบินทุกอย่างอยู่ในนั้น หากไม่ทราบข้อมูลในนั้น (คือหาไม่เจอ)
ทุกอย่างก็เหมือนดำมืด ไม่ทราบอะไรเลย ไม่ได้หมายถึงกล่องสีดำ  ทำเป็นสีส้มให้มองเห็นง่าย

คล้ายๆกับ คดีดำ อะไรอย่างนั้น (คดีที่ยังไม่ถึงที่สุด)


หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: ทัดมาลา ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป ที่ มิถุนายน 11, 2009, 12:17:03 PM
เรื่องกล่องดำนี่ เถียงกันไม่จบ....

บางคนว่าเพราะแต่ก่อนมันสีดำ

บางคนว่าเพราะมันไหม้จึงเป็นสีดำ

การทำสี้ส้ม ทำในยุคหลังเพื่อให้เห็นเด่นชัด ค้นหาง่าย

กล่องดำโดยปรกติ แบ่งเป็นสองชุด คือ Flight Recorder กับ CVR

Flight Recorder จะบันทึกข้อมูลการบินสำคัญๆ เช่นความเร็ว ความสูง ท่าทาง สถานะของอุปกรณ์หลักต่างๆ รวมถึงข้อมูลอื่นที่เกี่ยวข้อง

CVR cockpit Voice Recorder จะบันทึก เสียงที่เกิดขึ้นในห้องนักบิน ทั้งเสียงพูดคุย เสียงการติดต่อวิทยุ ฯลฯ

ส่วนรายละเอียดของแต่ละรุ่นก็อาจแตกต่างกัน ว่าจะบันทึกได้กี่นาที หรือจะบันทึกค่าอะำไร

กล่องดำแต่ละกล่องจะสามารถส่งสัญญาณระบุตำแหน่งตัวเองออกมาได้... 

ก็เหมือนวิทยุสื่อสารทั่วไป คือ มีรัศมีการทำงาน ถ้าระบุตำแหน่งอากาศยานได้ละเอียด การค้นหากล่องดำก็ง่าย

แต่ crash site ที่อยู่ในทะเลแบบนี้ การค้นหาทำได้ลำบากครับ เพราะยังไม่สามารถระบุได้ว่า....บริเวณใด....
 


หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: flyingkob-รักในหลวง ที่ มิถุนายน 11, 2009, 01:18:53 PM
ดูสีเป็นกล่องสีส้ม แต่เรียกมาจากภาษาอังกฤษ ว่า black boX หรือเปล่าครับ เลยเรียกว่ากล่องดำ

อย่างที่ท่านทัดมาลากล่าวไว้ครับ

สมัยแรกที่มีการผลิตเจ้ากล่องดำที่ว่า....เขาพ่นสีดำ จึงเรียกกันติดปากว่า Black Box ต่อมาเมื่อเครื่องบินเกิดอุบัติเหตุและมีไฟไหม้เกิดขึ้น เจ้ากล่องดำที่ว่ามันเลยหายากเพราะสีของมันกลมกลืนกับขี้เถ้าบนกองไฟ.....เขาเลยเปลี่ยนจากสีดำมาเป็นสีส้มแทน เพื่อง่ายต่อการค้นหา
บนเครื่องบินจะมีทั้งหมดสองเครื่อง....เหมือนกับที่ท่านทัดมาลาได้กล่าวไว้ครับ และขอเสริมอีกหน่อยคือ หากเกิดอุบัติเหตุแล้วเจ้ากล่องดำมันตกไปในน้ำ ไม่ว่าจะเป็นน้ำจืดหรือน้ำเค็ม เจ้าหน้าที่จะต้องเอาเจ้ากล่องนี้ใส่ถุงแล้วเติมน้ำให้เต็มเพื่อรักษาสภาพของมันเอาไว้ มิฉะนั้นข้อมูลทั้งหมดจะถูกลบทิ้ง


หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: คมขวาน รักในหลวง ที่ มิถุนายน 11, 2009, 01:44:44 PM
        ขอบคุณจขกท.และทุก ๆ คำตอบ
ได้ความรู้มากมาย  ในเรื่องที่ไม่เคยรู้ ครับ


หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: JUNGLE ที่ มิถุนายน 11, 2009, 03:40:09 PM
ดูสีเป็นกล่องสีส้ม แต่เรียกมาจากภาษาอังกฤษ ว่า black boX หรือเปล่าครับ เลยเรียกว่ากล่องดำ

อย่างที่ท่านทัดมาลากล่าวไว้ครับ

สมัยแรกที่มีการผลิตเจ้ากล่องดำที่ว่า....เขาพ่นสีดำ จึงเรียกกันติดปากว่า Black Box ต่อมาเมื่อเครื่องบินเกิดอุบัติเหตุและมีไฟไหม้เกิดขึ้น เจ้ากล่องดำที่ว่ามันเลยหายากเพราะสีของมันกลมกลืนกับขี้เถ้าบนกองไฟ.....เขาเลยเปลี่ยนจากสีดำมาเป็นสีส้มแทน เพื่อง่ายต่อการค้นหา
บนเครื่องบินจะมีทั้งหมดสองเครื่อง....เหมือนกับที่ท่านทัดมาลาได้กล่าวไว้ครับ และขอเสริมอีกหน่อยคือ หากเกิดอุบัติเหตุแล้วเจ้ากล่องดำมันตกไปในน้ำ ไม่ว่าจะเป็นน้ำจืดหรือน้ำเค็ม เจ้าหน้าที่จะต้องเอาเจ้ากล่องนี้ใส่ถุงแล้วเติมน้ำให้เต็มเพื่อรักษาสภาพของมันเอาไว้ มิฉะนั้นข้อมูลทั้งหมดจะถูกลบทิ้ง

จำได้แล้วครับ... กรณีเครื่อง ๗๓๗ ตกในทะเลที่ภูเก็ต... เจ้าหน้าที่ค้นพบกล่องดำแล้วก็ใส่ถังแช่น้ำทะเลไว้... แล้วส่ไปยังบริษัทโบอิ้งเพื่อเปิดข้อมูลออกมา... (ดูมาจากข่าวครับ... ตอนนั้นยังเรียนประถมอยู่เลย...)


หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: C.J. - รักในหลวง ที่ มิถุนายน 11, 2009, 04:46:40 PM
จาก forward mail... ไม่รู้จริงเท็จประการใด  ???

เป็นรูปที่ผู้โดยสายสายการบิน แอร์ ฟร๊านซ์ A330 ตอนที่บินผ่าน มหาสมุทรแอทแลนติกจาก ริโอ ไป ปารีส.  ภาพก่อนเครื่องบินตก มีคนเจอะกล้องแล้วกู้ไฟล์มาจากเมมโมรี่ได้   
ภาพแรกจะเห็นว่าหางเครื่องบินแตกและขาด ภาพที่สองจะเห็นคนโดนลมดูดลอยออกไปนอกเครื่องบินด้วย

(http://img154.imageshack.us/img154/9139/catszec.jpg) (http://img154.imageshack.us/i/catszec.jpg/)


http://hubpages.com/hub/Rare-Photos-After-Collision-n-before-Death-A330---Air-Frane


หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ มิถุนายน 11, 2009, 04:49:48 PM
ขอบคุณสำหรับ ความรู้เรื่องกล่องดำครับ

จากภาพ ทำไม ฟ้าข้างหลัง สว่างจัง


หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: ทัดมาลา ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป ที่ มิถุนายน 12, 2009, 12:57:34 AM
ตอนแรกรูปนี้....บอกว่าเป็น 737 ....

ตอนนี้เป็น 330 ....
.
.
.
.

มาว่ากันที่เรื่องจริง.......

ฉากหนึ่งในซีรีส์เรื่อง LOST ครับ.....

 


หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: SOAP47 รักในหลวง ที่ มิถุนายน 12, 2009, 01:09:30 AM
ขออภัย หากกล่องดำมีตัวแจ้งตำแหน่งอยู่แล้ว  ทำไม ถึงต้องเสียเวลาค้นหาเครื่องบินอยู่นานครับ

ไม่ทราบว่าตัวแจ้งตำแหน่งเขาเป็นแบบไหน ดาวเทียมจับได้หรือไม่


ขอบพระคุณครับ
ส่งสํญญาณเป็นเสียง เป็นจังหวะๆครับ เคย... ทำการทำสอบครับ.... แต่กับรุ่นอื่น แต่รุ่นนี้เค้าจะมีเป็นตรวจวันหมดอายุของแบตเตอรีครับ ต้องปีนห้องอับเฉาเข้าไปดู... ทั้งเหม็นทั้งร้อนครับพี่ซับ


หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: จอยฮันเตอร์ ที่ มิถุนายน 12, 2009, 08:11:11 AM
จาก forward mail... ไม่รู้จริงเท็จประการใด  ???

เป็นรูปที่ผู้โดยสายสายการบิน แอร์ ฟร๊านซ์ A330 ตอนที่บินผ่าน มหาสมุทรแอทแลนติกจาก ริโอ ไป ปารีส.  ภาพก่อนเครื่องบินตก มีคนเจอะกล้องแล้วกู้ไฟล์มาจากเมมโมรี่ได้   
ภาพแรกจะเห็นว่าหางเครื่องบินแตกและขาด ภาพที่สองจะเห็นคนโดนลมดูดลอยออกไปนอกเครื่องบินด้วย

(http://img154.imageshack.us/img154/9139/catszec.jpg) (http://img154.imageshack.us/i/catszec.jpg/)


http://hubpages.com/hub/Rare-Photos-After-Collision-n-before-Death-A330---Air-Frane
(http://img193.imageshack.us/img193/9139/catszec.jpg) (http://img193.imageshack.us/i/catszec.jpg/)
โลโก้ ตรงแผนหางไม่น่าใช่


หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ มิถุนายน 12, 2009, 08:38:46 AM
ท่านทัดมาลาเฉลยที่มาแล้วครับ พี่จอย


หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: จอยฮันเตอร์ ที่ มิถุนายน 12, 2009, 08:41:57 AM
ท่านทัดมาลาเฉลยที่มาแล้วครับ พี่จอย
อ้าวเรอะไม่เห็นครับ ::006::


หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: C.J. - รักในหลวง ที่ มิถุนายน 12, 2009, 09:12:55 AM
 ;D... ที่แท้ มาจาก ซีรีส์....



On Monday, Brazilian authorities confirmed that 16 bodies out of the 228 on board had been found. The recovery process has been arduous and painstaking for crews on the water. Where the bodies have been found, the depth of the ocean ranges between 19,685 and 26,247 feet (about 6,000 and 8,000 meters).  
http://edition.cnn.com/2009/WORLD/americas/06/08/brazil.airfrance.recovery/index.html

ลึกขนาดนี้ เชียวหรือ.... 15,000 ft ก็หืดจับแล้ว... :o







หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ มิถุนายน 12, 2009, 11:51:47 AM
ท่านทัดมาลาเฉลยที่มาแล้วครับ พี่จอย
อ้าวเรอะไม่เห็นครับ ::006::
::006::  ::006:: ::006::... :D~ :D~ :D~


หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: C.J. - รักในหลวง ที่ มิถุนายน 12, 2009, 11:54:45 AM
Handout picture released on June 11, 2009 by the Brazilian Air Force showing crew on board a Hercules C-130 while it searches for the Air France A330 aircraft that crashed June 1 during midflight. The family of a passenger of Air France flight 447 has signed up as a civil plaintiff in a manslaughter probe opened in Paris to gain access to case files on the crash, officials said Thursday.

(http://img38.imageshack.us/img38/1292/610x1l.jpg) (http://img38.imageshack.us/i/610x1l.jpg/)

Members of the Brazilian Air Force carry the body of a victim of Air France Flight 447 that went missing en route from Rio to Paris, at a base in Fernando de Noronha island June 11, 2009. All 228 people aboard Air France flight AF 447 from Rio de Janeiro to Paris are believed to have died when the Airbus A330 aircraft crashed into the ocean after flying into stormy weather more than a week ago. Brazilian military search teams have recovered 41 bodies from the sea and moved some of them to the archipelago of Fernando de Noronha off Brazil's northeastern coast, which is being used as a base for the search operations.
(http://img246.imageshack.us/img246/5240/610x2a.jpg) (http://img246.imageshack.us/i/610x2a.jpg/)


หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: ART ที่ มิถุนายน 14, 2009, 10:31:07 PM
ชี้ “แอร์ฟรานซ์” ไม่ได้ระเบิดกลางอากาศ
 
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 14 มิถุนายน 2552 19:22 น.
 
 
 
ซากเครื่องบินแอร์ฟรานซ์บ่งบอกว่า เครื่องบินลำนี้ตกลงอย่างกะทันหัน
 
 
       เอเอฟพี - จากซากชิ้นส่วนต่างๆ ของเครื่องบินแอร์ฟรานซ์ เท่าที่พบและเก็บกู้ขึ้นมาได้จนถึงตอนนี้ น่าจะบ่งบอกว่า เที่ยวบินมรณะดังกล่าวดิ่งลงสู่มหาสมุทรแอตแลนติกในทันที และไม่ได้ระเบิดกลางอากาศ ผู้เชี่ยวชาญของบราซิลกล่าวในวันเสาร์ (13)
       
       ผ่านมาเกือบ 2 สัปดาห์แล้ว นับตั้งแต่เกิดเหตุเครื่องบินโดยสารของแอร์ฟรานซ์ ตกลงสู่มหาสมุทร ระหว่างเดินทางจากเมืองริโอเดจาเนโร ในบราซิล ไปยังกรุงปารีส ของฝรั่งเศส เมื่อวันเสาร์ (13) อารี เจอร์มาโน อดีตนักบินผู้หนึ่งบอกกับหนังสือพิมพ์ โอ โกลโบ ว่า “สะดุดตา” กับภาพถ่ายที่กองทัพอากาศบราซิล นำออกมาเผยแพร่เมื่อวันศุกร์ (12)
       
       เจอร์มาโน ซึ่งเคยเขียนหนังสือว่าด้วยเหตุเครื่องบินตก บอกว่า ภาพเหล่านั้นแสดงให้เห็นว่า ผู้ที่อยู่บนเครื่องบินแอร์บัสเอ 330 ลำดังกล่าว เผชิญกับเหตุร้ายแบบไม่รู้ตัว โดยโศกนาฏกรรมดังกล่าวเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เสียจนพวกลูกเรือก็ไม่ทันได้ตั้งตัว
       
       ในภาพเหล่านั้น เก้าอี้ที่นั่งในส่วนของลูกเรือ ยังถูกพับไว้ โดยที่เข็มขัดนิรภัยห้อยลงมา ซึ่ง “บ่งบอกว่า ลูกเรือยังเดินไปมาทั่วห้องโดยสาร เพราะถ้าหากมีสัญญาณ หรือการเตือนภัย ลูกเรือทุกคนจะต้องนั่งประจำที่”
       
       “พวกเขาไม่ทันได้ทำอะไรทั้งนั้น” อดีตนักบินรายนี้ กล่าว พร้อมทั้งตั้งข้อสังเกตด้วยว่าชุดเครื่องมือปฐมพยาบาลสีส้มยังอยู่ในสภาพเดิม
       
       ซากชิ้นส่วนนับสิบๆ ชิ้น ที่กองทัพเรือบราซิลเก็บกู้ขึ้นมาจากมหาสมุทร ถูกส่งต่อไปยังโรงเก็บเครื่องบินในเมืองราซิเฟ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของบราซิล
       
       เมื่อศุกร์ที่แล้ว (12) เรือของกองทัพฝรั่งเศสเก็บกู้ศพเพิ่มเติมอีก 6 ราย โดยตอนนี้ สามารถเก็บกู้ศพผู้โดยสารของสายการบินแอร์ฟรานซ์ขึ้นมาจากมหาสมุทรแอตแลนติกรวมทั้งสิ้น 50 ราย
       
       กัปตัน โรนัลโด เยนกินส์ ที่ปรึกษาด้านความปลอดภัยของสหภาพการบินแห่งชาติของบราซิล (เอสเอ็นอีเอ) บอกกับหนังสือพิมพ์โอโกลโบ ว่า เสื้อชูชีพและชิ้นส่วนผนังด้านในของเครื่องบินลำนี้ ไม่มีรอยเผาไหม้ของเขม่าควัน ซึ่งหมายความว่า ไม่น่าจะเกิดการระเบิด
       
       “หลายๆ ภาพที่นำเสนอเมื่อเร็วๆ นี้ เราจะเห็นซากชิ้นส่วนต่างๆ ของเครื่องบินที่ลอยอยู่ในมหาสมุทร รวมทั้งประตูห้องน้ำบานหนึ่งด้วย ซึ่งล้วนแต่ไม่มีรอยเผาไหม้” เยนกินส์ กล่าว
 
 


หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ มิถุนายน 15, 2009, 01:02:48 PM
รอสาเหตุที่แท้จริงครับ


หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: ทัดมาลา ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป ที่ มิถุนายน 15, 2009, 06:42:49 PM
Timeline of AF447

 19:03 - Departure at Rio de Janeiro-GIG -
~22:05 AF 447 is passing Natal and is heading out over the Atlantic at 35.000 feet and with 450 knots - 
 22:33 last radio contact, AF 447 passing INTOL waypoint -
 22:48 AF 447 left controlled airspace of CINDACTA 3, north of Fernando de Noronha Island  -
~23:00 AF 447 entered a zone of thunderstorm clounds and turbulences -
 23:10 ACARS message indicates that the autopilot was disengaged, fly-by-wire systen reverts to alternate law, data from both pitot static ports lost, TCAS antenna at fault -
 23:11 both air data units flight computers (ADIRU) failed, standby attitude indicator (ISIS) lost -
 23:12 diagreement of ADIRU data -
 23:13 two flight management computers (PRIM1 + SEC1) failed -
 23:14 AF 447 sent an automated message indicating an electrical problem and a possible loss of cabin pressure - 
 23:20 - estimated passing of waypoint TASIL -
 02:33 alarm war raised and the search rescue mission began -

French investigator reported, that automated ACARS messages indicated a disagreement of airspeed measurement by the pitot static tubes. In certain weather conditions the tubes have a tendency of picking up ice during cruiseflight disturbing the airflow inside and influencing the speed measurement. The problem was known since autumn 2008 after a number of similar occurences on other long range Airbus aircraft have been reported. All A330s and A340s were due to have their pitot static tubes replaced within their normal maintenance intervals. The accident aircraft F-GZCP, however, was not equipped with new pitot tubes at the time of the accident.
As a short-term measure, Air France and other companies using the Thales AA pitot tubes , are currently replacing them with more reliable BA models.


หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: C.J. - รักในหลวง ที่ มิถุนายน 16, 2009, 09:34:00 AM
สำหรับความคิดผม ผมคิดว่า โอกาสที่จะเก็บกู้กล่องดำได้นั้นเป็นไปได้ยาก... และอาจจะทำการเก็บกู้ไม่ได้ เพราะเครื่องไม้เครื่องมือที่ความลึกเกิน 6 km นั้นหายากหรือแทบจะไม่มี... กล่องดำก็คงติดอยู่กับเครื่องบิน คงจะยากมากที่จะเอา submersibles เข้าไปเก็บกู้...

อ่านเจอ ทราบว่า กล่องดำทนแรงดันน้ำได้จำกัดด้วย Hydrostatic Pressure equivalent to depth of 20,000 ft...

The recovered tailfin of the Air France A330 aircraft lost in midflight over the Atlantic ocean June 1st is unloaded from Brazilian Navy frigate Constituicao at Recife's harbor June 14, 2009. Debris recovered so far from Air France flight 447 seems to indicate the jet plunged suddenly into the Atlantic Ocean and did not explode in the sky, Brazilian experts said Saturday.
(http://img524.imageshack.us/img524/3076/610xyai.jpg) (http://img524.imageshack.us/i/610xyai.jpg/)

Journalists report the first wreckage pieces and objects of the Air France A330 aircraft, flight AF447, lost in midflight over the Atlantic ocean Jene 1st and recovered from the sea, at the airbase hangar, in Recife, northeastern Brazil, on June 12, 2009. The Whether or not the black boxes from Air France flight 447 are found, the crash has shown that new technology is needed to record a flight's last moments in real-time, an aviation expert argues.
(http://img268.imageshack.us/img268/3157/610xpbw.jpg) (http://img268.imageshack.us/i/610xpbw.jpg/)


หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: C.J. - รักในหลวง ที่ มิถุนายน 16, 2009, 10:23:11 AM
The last message at 02:14 was a 'Cabin vertical speed' advisory..... :OO

http://aviation-safety.net/database/record.php?id=20090601-0


หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: ozero++รักในหลวงมากค่ะ++ ที่ มิถุนายน 16, 2009, 05:16:23 PM
แก้ไขค่ะ มีคนเอามาลงแล้ว ;D


หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: พญาจงอาง +รักในหลวง+ ที่ มิถุนายน 17, 2009, 02:11:47 PM
..ผมว่าเครื่องบินโดยสารที่บินข้ามทวีปที่บินผ่านมหาสมุทรต่างๆ น่าจะประจำการด้วยเครื่องBeriev A-42PE Albatros เพราะสามารถลงในน้ำได้แบบนี้ ถ้าเกิดเหตุฉุกเฉินก็ร่อนลงในน้ำซะเลย ปลอดภัย..  ::005:: ::002::


หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ มิถุนายน 17, 2009, 04:44:41 PM
เครื่องบินพานิชย์เหรอครับ ผมเห้นทีแรกคิดว่าเครื่องทหาร


หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: ทัดมาลา ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป ที่ มิถุนายน 17, 2009, 07:27:46 PM
..ผมว่าเครื่องบินโดยสารที่บินข้ามทวีปที่บินผ่านมหาสมุทรต่างๆ น่าจะประจำการด้วยเครื่องBeriev A-42PE Albatros เพราะสามารถลงในน้ำได้แบบนี้ ถ้าเกิดเหตุฉุกเฉินก็ร่อนลงในน้ำซะเลย ปลอดภัย..  ::005:: ::002::

ทะเลไม่ได้สงบตลอดเวลาครับ....

ถ้าคลื่นสูง......เครื่องแตกตอนปะทะคลื่นครับ


หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ มิถุนายน 18, 2009, 10:11:32 AM
..ผมว่าเครื่องบินโดยสารที่บินข้ามทวีปที่บินผ่านมหาสมุทรต่างๆ น่าจะประจำการด้วยเครื่องBeriev A-42PE Albatros เพราะสามารถลงในน้ำได้แบบนี้ ถ้าเกิดเหตุฉุกเฉินก็ร่อนลงในน้ำซะเลย ปลอดภัย..  ::005:: ::002::

ทะเลไม่ได้สงบตลอดเวลาครับ....

ถ้าคลื่นสูง......เครื่องแตกตอนปะทะคลื่นครับ

เวลาดูสารคดี WWII เห็นบ่อยๆ ว่าคลื่นในแอตแลตติกใหญ่ขนาดโยนเรือลาดตระเวน/เรื่อประจัญบานใหญ่ๆ กระแทกน้ำขึ้นมากลบหัวเรือเลยครับ


หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ มิถุนายน 18, 2009, 11:20:30 AM
ญาติอยู่เรือสินค้า (พานิชย์นาวี) บางทีบอกเมาคลื่น7-8วันต่อเนื่อง
ต้องคอยตั้งเข็มเรือตลอด  เรือถูกคลื่นซัดออกจากทิศทางไปเรื่อย

บางที ออกจากแนวไปถึง15 กม.  เสียค่าน้ำมันน่าดู


หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: ทัดมาลา ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป ที่ มิถุนายน 19, 2009, 02:43:33 PM
..ผมว่าเครื่องบินโดยสารที่บินข้ามทวีปที่บินผ่านมหาสมุทรต่างๆ น่าจะประจำการด้วยเครื่องBeriev A-42PE Albatros เพราะสามารถลงในน้ำได้แบบนี้ ถ้าเกิดเหตุฉุกเฉินก็ร่อนลงในน้ำซะเลย ปลอดภัย..  ::005:: ::002::

ทะเลไม่ได้สงบตลอดเวลาครับ....

ถ้าคลื่นสูง......เครื่องแตกตอนปะทะคลื่นครับ

เวลาดูสารคดี WWII เห็นบ่อยๆ ว่าคลื่นในแอตแลตติกใหญ่ขนาดโยนเรือลาดตระเวน/เรื่อประจัญบานใหญ่ๆ กระแทกน้ำขึ้นมากลบหัวเรือเลยครับ

จากความสูง 37000-40000 ในวันที่อากาศดีแต่ลมแรง

ยังเห็นคลื่นหัวแตกครับ...เป็นระลอกขาวในทะเล...

ถ้าลงมาใกล้ คงสูงสักสองสามเมตร...เป็นอย่างน้อย


หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: C.J. - รักในหลวง ที่ มิถุนายน 24, 2009, 09:33:36 AM
ไม่ทราบว่า การเก็บกู้ไปถึงไหนแล้ว...ครับ


หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: Army - รักในหลวงครับ ที่ มิถุนายน 24, 2009, 01:26:47 PM
ไม่ทราบว่า การเก็บกู้ไปถึงไหนแล้ว...ครับ

ทราบแค่ว่ายังไม่พบกล่องดำครับ ยังพยายามหากันอยู่ เห็นข่าว headline ที่ไหนซักช่องเมื่อวานครับ  :D


หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: ART ที่ มิถุนายน 26, 2009, 05:23:42 AM
พบศพนักบินแล้วครับ

แอร์ฟรานซ์พิสูจน์พบศพนักบินแอร์บัสมรณะแล้ว
 
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 25 มิถุนายน 2552 20:10 น.
 
 
       เอเจนซี - เจ้าหน้าที่พิสูจน์พบนักบินของสายการบินแอร์ฟรานซ์เที่ยวบินเอเอฟ 447 ที่ประสบเหตุตกกลางมหาสมุทรแอตแลนติกแล้ว รวมทั้งพนักงานต้อนรับบนเครื่องอีก 1 คนด้วย
       
       สายการบินแอร์ฟรานซ์เปิดเผยว่า บุคคลทั้งสองอยู่ในกลุ่มศพ 50 ศพที่กู้ขึ้นมาได้จากมหาสมุทรแอตแลนติกระหว่างคณะผู้เชี่ยวชาญจากนานาประเทศออกค้นหาลูกเรือและผู้โดยสารรวมถึงศซากเครื่องบินแอร์บัส เอ 330 ที่ตกในมหาสมุทรแอตแลนติก เมื่อวันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมา ระหวางการเดินทางจากนครริโอเดจาเนโร บราซิลไปยังกรุงปารีสของฝรั่งเศส
       
       คำแถลงบนเว็บไซต์ของแอร์ฟรานซ์ระบุว่า มีการยืนยันว่าในกลุ่มศพ 50ศพ เป็นนักบินและพนักงานต้อนรับบนเครื่องผู้ชาย แต่ไม่ได้เปิดเผยชื่อของพวกเขา ขณะที่สหภาพนักบินระบุชื่อของนักบินคือ มาค ดูบัวส์ ชาวฝรั่งเศส
       
       ต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา อินเตอร์โพลหรือองค์การตำรวจระหว่างประเทศเผยว่า ยืนยันอัตลักษณ์บุคคลของศพได้ 11 ศพแล้ว โดยเป็นชาวบราซิล 8 คน ผู้ที่ถือ 2 สัญชาติคือบราซิลและเยอรมนี 1 คน ผู้ที่ถือสัญชาติบราซิลและสวิตเซอร์แลนด์ 1 คน และชาวอังกฤษอีก 1 คน และเมื่อวานนี้ (24) กระทรวงการต่างประเทศเยอรมนีเผยว่า การระบุอัตลักษณ์พบว่าเป็นชาวเยอรมนี 3 คน โดย 2 คนมาจากแคว้นบาวาเรียและอีกคนจากเมืองฮัมบูร์ก แต่ก็ไม่ได้เปิดเผยชื่อว่าพวกเขาเป็นใคร
       
       เครื่องบินแอร์บัส เอ 330 ประสบอุบัติเหตุตกในมหาสมุทรแอตแลนติก หลังจากเผชิญกับพายุ กองทัพบราซิลยังคงค้นหาซากและศพผู้เสียชีวิตต่อไป ขณะที่รัฐบาลฝรั่งเศสรับหน้าที่สอบสวนหาสาเหตุและตามหาเครื่องบันทึกการบินหรือกล่องดำ อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้สาเหตุยังเป็นปริศนา แม้ว่าหน่วยสืบสวนจะออกมาระบุว่า กำลังได้ข้อสรุปแล้ว ขณะที่กล่องดำ ซึ่งอาจช่วยคลี่ปมเหตุแห่งหายนะนี้ก็ใกล้จะหมดเวลาที่จะปล่อยสัญญาณบอกพิกัดตัวเองแล้ว
       
       ทั้งนี้ กล่องดำจะส่งสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ออกมาในทุกๆ วินาที อย่างน้อยเป็นเวลา 30 วัน ซึ่งอาจจับสัญญาณได้ในระยะ 2 กิโลเมตร

 
 


หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ มิถุนายน 26, 2009, 08:54:14 AM
สุดท้ายก็ต้องหากล่องดำต่อไป  อนาคต กล่องดำอาจมีแอร์แบ็ค ทีพอจมน้ำทะเลระดับหนึ่ง
แรงดันน้ำจะไปกดสวิชท์ให้แอร์แบ็ค ทำงาน อัดกาซเข้าไปในวัสดุปิด เพื่อลอยตัวสู่ผิวน้ำ


หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: Ki-jang-aey ที่ มิถุนายน 26, 2009, 09:04:06 AM
สุดท้ายก็ต้องหากล่องดำต่อไป  อนาคต กล่องดำอาจมีแอร์แบ็ค ทีพอจมน้ำทะเลระดับหนึ่ง
แรงดันน้ำจะไปกดสวิชท์ให้แอร์แบ็ค ทำงาน อัดกาซเข้าไปในวัสดุปิด เพื่อลอยตัวสู่ผิวน้ำ

ไอเดียเข้าท่านะครับเนี่ยะ................เชียร์ครับ


หัวข้อ: Re: เครื่องแอร์ฟรานซ์ หายจากจอเรดาร์
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ มิถุนายน 26, 2009, 06:29:42 PM
สุดท้ายก็ต้องหากล่องดำต่อไป  อนาคต กล่องดำอาจมีแอร์แบ็ค ทีพอจมน้ำทะเลระดับหนึ่ง
แรงดันน้ำจะไปกดสวิชท์ให้แอร์แบ็ค ทำงาน อัดกาซเข้าไปในวัสดุปิด เพื่อลอยตัวสู่ผิวน้ำ

สุดท้ายก็ต้องหากล่องดำต่อไป  อนาคต กล่องดำอาจมีแอร์แบ็ค ทีพอจมน้ำทะเลระดับหนึ่ง
แรงดันน้ำจะไปกดสวิชท์ให้แอร์แบ็ค ทำงาน อัดกาซเข้าไปในวัสดุปิด เพื่อลอยตัวสู่ผิวน้ำ


ไอเดียดีครับ   ......แต่อาจมีปัญหาเรื่องกล่องติดอยู่ในเคบิน หรือชิ้นส่วนอื่น หรือถูกทับไว้ และถ้าลอยขึ้นมากระแสน้ำอาจพัดไปไกลเป็นร้อยกิโลในเวลาไม่กี่วัน