เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

สนทนาภาษาปืน => สนทนาภาษาปืน => ข้อความที่เริ่มโดย: oil ที่ ตุลาคม 01, 2005, 10:01:41 AM



หัวข้อ: ผมเพิ่งรู้ที่มาของชื่อปาท่องโก๋ (อิ่วจาไก้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: oil ที่ ตุลาคม 01, 2005, 10:01:41 AM
เมื่อคืนฟังเมืองไทยร่อนเร่ของนายสนธิ จับใจความได้คร่าวๆแต่พอรู้ว่ามันเป็นชื่อของมหาเสนาบดีกังฉิน ทีวางแผนฆ่าแม่ทัพซื่อสัตย์ชื่องักฮุย  และบังอาจล้มล้างราชวงศ์ แข็งข้อต่อฮ่องเต่  สมรู้ร่วมคิดกับเมียโฉด วางแผนต่างๆ 
ในที่สุดสวรรค์มีตา  เรื่องราวความโฉดชั่วของมหาเสนาบดีกังฉินและเมียของมัน(แซ่ไก้ว)ถูกเปิดโปงและนำไปตัดหัวเสียบประจาน  แต่ผู้คนยังไม่หายแค้น จึงเอาแป้งสองอันมามัดติดกัน  ทอดในน้ำมันเดือดพล่าน แล้วกัดเคี้ยวแป้งสองอันที่แทนตัวสองผัวเมียโฉดชั่วนั้น ด้วยความเมามัน
5555มิ น่าวันนี้ถึงกินปาท่องโก๋ อร้อย  อร่อย


หัวข้อ: Re: ผมเพิ่งรู้ที่มาของชื่อปาท่องโก๋ (อิ่วจาไก้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: Nattapol ที่ ตุลาคม 01, 2005, 10:13:07 AM
โห...กว่าจะเป็น ปาท่องโก๋   :D

ขออนุญาตเจ้าของกระทู้ครับผมขอถามต่อว่าท่านใดทราบประวัติของ
1. กล้วยแขก
2. ขนมจีน
บ้างครับ  ???


หัวข้อ: Re: ผมเพิ่งรู้ที่มาของชื่อปาท่องโก๋ (อิ่วจาไก้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: coda ที่ ตุลาคม 01, 2005, 10:21:31 AM
...เคยได้ยินมาเหมือนกันครับ  นึกไม่ถึงว่าจะประยุกต์ใช้ในประเทศไทยได้ขนาดนี้  :-[ :-[


หัวข้อ: Re: ผมเพิ่งรู้ที่มาของชื่อปาท่องโก๋ (อิ่วจาไก้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: โจ ™ ที่ ตุลาคม 01, 2005, 10:46:58 AM
โห...กว่าจะเป็น ปาท่องโก๋ :D

ขออนุญาตเจ้าของกระทู้ครับผมขอถามต่อว่าท่านใดทราบประวัติของ
1. กล้วยแขก
2. ขนมจีน
บ้างครับ ???

มีแต่ขนมจีนครับพี่ ไม่ทราบตรงความต้องการหรือเปล่าครับ  ;)

 

          การผลิตขนมจีนในประเทศ ไทยเริ่มมาแต่เมื่อใดนั้นไม่มีหลักฐานปรากฏแน่ชัด เข้าใจว่ามีการทำขนมจีนบริโภคกันมาช้านานแต่โบราณ ที่จัดหวัดพระนครศรีอยุยา มีคลองชื่อคลองขนมจีนและคลองน้ำยาปรากฏอยู่ การบันทึกเกี่ยวกับขนมจีนเริ่มมา ตั้งแต่สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้นในแผ่นดินสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ซึ่งมีการทำขนมจีนเลี้ยงเป็นงานใหญ่ ต่อมาในแผ่นดินสมเด็จ พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ก็มีการกล่าวถึงขนมจีนกันอีก โดยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยุ่หัว รับสั่งว่าขนมจีนมิใช่เป็นของชาวจีนแต่ชื่อเป็นจีนเท่านั้น ด้วยเหตุนี้จึงทำให้แน่ใจว่าเป็น ของคนไทยทำ


คำว่า “ขนมจีน.มีความเป็นมาอย่างไรนั้นไม่มีหลักฐานแน่ชัด กล่าวคือชาวมอญมีคำเรียกขนมจีนอยู่สองคำคือ “คนอม” และ “คนอมจิน “ถ้าเป็นภาษาทั่วไปๆไปเรียกว่า “คนอม” ซึ่งหมายถึงขนมจีน ในการสันนิษฐานจากลักษณะการทำแล้วชื่อขนมจีนน่าจะมาจากภาษามอญ คนมอญคงจะเรียก “คนอมจิน” ซึ่งคำว่า “จิน”แปลว่าสุก เนื่อจากการทำขนมจีนนั้นจะต้องมีการต้มแป้งให้พอสุกและเมืองทำเป็นเส้นก็ทำให้สุกอีกครั้งหนึ่ง คนมอญจึงเรียกขนมจีนว่า “เข้าหนมเส้น” ซึ่งก่อนนั้นคงจะต้องเรียกว่า “ขนมเส้น”มาก่อน ทางภาคใต้แถบจังหวัดสตูลเรียกขนมจีนว่า “ละสา” ส่วนภาษาลาวพวนเรียกขนมจีนว่า”เข้าปุ้น” ซึ่งเป็นคำเรียกขนมจีนของคนไทยแต่ละภาคนั้น นิยมบริโภคกับอาหารประเภทแกงซึ่งมีส่วนผสม วีการปรุงและมีชื่อแตกต่างกันคือ ภาคเหนือมีขนมจีนน้ำเงี้ยว ภาคกลางมีขนมจีนน้ำยากขนมจีนำน้ำพริก ขนมจีนกับแกงประเภทที่มีรสเผ็ด ภาคใต้มีขนมจีนน้ำยาปักษ์ใต้และแกงที่มีรสเผ็ดต่างๆ ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีขนมจีนน้ำยาแกงเผ็ด (ทัสนีย์,2522) ขนมจีนกับน้ำ แจ่วและผักลวก(สุรางค์รัตน์,2526) นอกจากนี้ยังพบว่าคนไทยภาคนี้นิยมบริโภคขนนนมจีนน้ำยาปู และขนมจีนกับส้มตำมะละกออีกด้วย ในจังหวัดราชบุรีและเพชรบุรีนิยมบริโภคขนมจีนกับทอดมันปลา



ปัจจบันขนมจีนที่ผลิตแบ่งออกเป็น 2 ชนิด (สุรางค์รัตน์,2526)คือ


1.ขนมจีนแป้งสด เป็นขนมจีนที่ทำจากข้าวเจ้าปลายข้าวเจ้าที่ผ่านการแช่น้ำ หรือล้างน้ำก่อนที่จะนำข้าวมาโม่แล้วทำเป็นขนมจีน ขนมจีนชนิดนี้เก็บไว้ได้ไม่นาน สีขาวขุ่นและความเหนียวน้อยกว่าขนมจีนแป้งหมัก ขนมจีนชนิดนี้นิยมบริโภคกันมากในภาคใต้ ภาคอื่นมีบ้างแต่น้อยกว่าขนมจีนแป้งหมัก
2.ขนมจีนแป้งหมัก เป็นขนมจีนที่ทำจากข้าวเจ้า นำมาผ่านกระบวนการทำเป็นแป้งหมัก แล้วนำไปทำเป็นขนมจีนต่อไป
 


หัวข้อ: Re: ผมเพิ่งรู้ที่มาของชื่อปาท่องโก๋ (อิ่วจาไก้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: E_mail ที่ ตุลาคม 01, 2005, 11:05:17 AM
ยังงี้ต้องแถมเกร็ดที่มาของของกิน ที่เกิดจากความรู้สึกดีๆของคนมั่งละ

เทศกาลบ๊ะจ่างไงครับ
       ขุนนางตงฉินผู้ประเสริฐและเป็นที่เคารพรักของราษฏรท่านหนึ่ง......ชื่ออะไรจำไม่ได้แต่ถึงจะมีชื่อเสียงไปในทางเดียวกันก็คงไม่ได้ชื่อจารุวรรณ เพราะขุนนางท่านนี้เกิดและตายในแผ่นดินจีนเมื่อหลายร้อยปีมาแล้ว
       เกิดเผลอไปบี้ตาปลาของลิ่วล้อสุดรักของมหาเสนาบดีกังฉินเข้า.....โครงการอะไรก็จำไม่ได้อีกเหมือนกัน แต่คงไม่ใช่CTXเพราะสมัยนั้นยังไม่มีเครื่องบิน เดาๆเอาว่าอาจเป็นเรื่องโคล้านตัว หรือไม่ก็ล็อกสเปครถม้าพยาบาล :-X
       จึงถูกกลั่นแกล้งใส่ความให้เสื่อมเสียชื่อเสียง , ถูกถอดออกจาตำแหน่ง , ล็อคห้องทำงาน , งดจ่ายเงินเดือนฯลฯ.........ด้วยความคับแค้นและท้อแท้ ระหว่างถูกควบคุมตัวไปสอบสวน ท่านจึงกระโดดน้ำตายซะให้รู้แล้วรู้รอด
       ชาวบ้านรู้ข่าวต่างพากันร้องไห้อาลัยรักจนน้ำตาแทบท่วมแผ่นดิน พากันออกมาช่วยกันงมหาศพแต่ก็ไม่พบ จึงชวนกันให้เอาของกินมาโยนลงน้ำ เพื่อที่ปลาได้กินอิ่มแล้วจะได้ไม่ไปแตะต้องศพของท่าน......................

จึงเกิดเป็นเทศกาลไหว้บ๊ะจ่าง โยนบ๊ะจ่างลงแม่น้ำด้วยเหตุผลประการฉะนี้แล.......... ;)


หัวข้อ: Re: ผมเพิ่งรู้ที่มาของชื่อปาท่องโก๋ (อิ่วจาไก้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: BADBOY ที่ ตุลาคม 01, 2005, 12:11:15 PM
เคยได้ยินมาบ้างครับ วันนี้ได้รู้เพิ่มอีก ขอบคุณครับ


หัวข้อ: Re: ผมเพิ่งรู้ที่มาของชื่อปาท่องโก๋ (อิ่วจาไก้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: Ro@d - รักในหลวง ที่ ตุลาคม 01, 2005, 12:40:34 PM
 :) :) :) :)
ยังงี้ต้องแถมเกร็ดที่มาของของกิน ที่เกิดจากความรู้สึกดีๆของคนมั่งละ

เทศกาลบ๊ะจ่างไงครับ
 ขุนนางตงฉินผู้ประเสริฐและเป็นที่เคารพรักของราษฏรท่านหนึ่ง......ชื่ออะไรจำไม่ได้แต่ถึงจะมีชื่อเสียงไปในทางเดียวกันก็คงไม่ได้ชื่อจารุวรรณ เพราะขุนนางท่านนี้เกิดและตายในแผ่นดินจีนเมื่อหลายร้อยปีมาแล้ว
 เกิดเผลอไปบี้ตาปลาของลิ่วล้อสุดรักของมหาเสนาบดีกังฉินเข้า.....โครงการอะไรก็จำไม่ได้อีกเหมือนกัน แต่คงไม่ใช่CTXเพราะสมัยนั้นยังไม่มีเครื่องบิน เดาๆเอาว่าอาจเป็นเรื่องโคล้านตัว หรือไม่ก็ล็อกสเปครถม้าพยาบาล :-X
 จึงถูกกลั่นแกล้งใส่ความให้เสื่อมเสียชื่อเสียง , ถูกถอดออกจาตำแหน่ง , ล็อคห้องทำงาน , งดจ่ายเงินเดือนฯลฯ.........ด้วยความคับแค้นและท้อแท้ ระหว่างถูกควบคุมตัวไปสอบสวน ท่านจึงกระโดดน้ำตายซะให้รู้แล้วรู้รอด
 ชาวบ้านรู้ข่าวต่างพากันร้องไห้อาลัยรักจนน้ำตาแทบท่วมแผ่นดิน พากันออกมาช่วยกันงมหาศพแต่ก็ไม่พบ จึงชวนกันให้เอาของกินมาโยนลงน้ำ เพื่อที่ปลาได้กินอิ่มแล้วจะได้ไม่ไปแตะต้องศพของท่าน......................
จึงเกิดเป็นเทศกาลไหว้บ๊ะจ่าง โยนบ๊ะจ่างลงแม่น้ำด้วยเหตุผลประการฉะนี้แล.......... ;)

.

.. เป็นความซับซ้อน แบบพื้น พื้นที่ชาวจีนโบราณเคยได้ใช้ ..
   ถ้าไม่เล่าบอก บางคนสมัยนี้ อาจคิดว่า ไม่เต็มบาท..    ผมก็เพิ่งทราบความเป็นมาเดี๋ยวนี้เอง ขอบคุณมากครับ คุณE_mail.. :D


หัวข้อ: Re: ผมเพิ่งรู้ที่มาของชื่อปาท่องโก๋ (อิ่วจาไก้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: Nattapol ที่ ตุลาคม 01, 2005, 12:49:35 PM
ขอบคุณสุดหล่อ natjoe  ;D


หัวข้อ: Re: ผมเพิ่งรู้ที่มาของชื่อปาท่องโก๋ (อิ่วจาไก้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: บาร์ท รักในหลวง ที่ ตุลาคม 01, 2005, 01:15:33 PM
ยังงี้ต้องแถมเกร็ดที่มาของของกิน ที่เกิดจากความรู้สึกดีๆของคนมั่งละ

เทศกาลบ๊ะจ่างไงครับ
       ขุนนางตงฉินผู้ประเสริฐและเป็นที่เคารพรักของราษฏรท่านหนึ่ง......ชื่ออะไรจำไม่ได้แต่ถึงจะมีชื่อเสียงไปในทางเดียวกันก็คงไม่ได้ชื่อจารุวรรณ เพราะขุนนางท่านนี้เกิดและตายในแผ่นดินจีนเมื่อหลายร้อยปีมาแล้ว
       เกิดเผลอไปบี้ตาปลาของลิ่วล้อสุดรักของมหาเสนาบดีกังฉินเข้า.....โครงการอะไรก็จำไม่ได้อีกเหมือนกัน แต่คงไม่ใช่CTXเพราะสมัยนั้นยังไม่มีเครื่องบิน เดาๆเอาว่าอาจเป็นเรื่องโคล้านตัว หรือไม่ก็ล็อกสเปครถม้าพยาบาล :-X
       จึงถูกกลั่นแกล้งใส่ความให้เสื่อมเสียชื่อเสียง , ถูกถอดออกจาตำแหน่ง , ล็อคห้องทำงาน , งดจ่ายเงินเดือนฯลฯ.........ด้วยความคับแค้นและท้อแท้ ระหว่างถูกควบคุมตัวไปสอบสวน ท่านจึงกระโดดน้ำตายซะให้รู้แล้วรู้รอด
       ชาวบ้านรู้ข่าวต่างพากันร้องไห้อาลัยรักจนน้ำตาแทบท่วมแผ่นดิน พากันออกมาช่วยกันงมหาศพแต่ก็ไม่พบ จึงชวนกันให้เอาของกินมาโยนลงน้ำ เพื่อที่ปลาได้กินอิ่มแล้วจะได้ไม่ไปแตะต้องศพของท่าน......................

จึงเกิดเป็นเทศกาลไหว้บ๊ะจ่าง โยนบ๊ะจ่างลงแม่น้ำด้วยเหตุผลประการฉะนี้แล.......... ;)

อ่านเรื่องนี้แล้วนึกไปถึงที่แม่เล่าให้ฟังตอนเด็กๆ ;D แม่เล่าว่า อากง(ปู่) เล่าให้ฟังมาว่า เทศการไว้บะจ่างมาจากสมัยก่อนทหารจีนออกรบ แล้วไปซ่อนตัวกันในบึงขนาดใหญ่ อยู่ใต้น้ำ ไม่มีอะไรจะกิน ชาวบ้านเลยเอาข้าวเหนียวมาปั้นเป็นก้อนรวมกับไส้ ห่อมัดแล้วโยนลงไป เพราะถ้าเป็นอาหารสด มันจะเปียกน้ำ เลยต้องทำเป็นข้าวเหนียวก้อนแบบนั้น :D~ เลยสืบกันมาเป็นประเภณีที่ว่าห่อบะจ่างไหว้ผู้ล่วงลับ 8)
 
 สงสัยนิดครับ ตรงที่ว่าลงไปในน้ำได้ไงตั้งนาน ::) อื้อ แล้วตกลงประวัติของบะจ่างเป็นยังไงกันนี่ ::)  รู้แต่ว่ากินแล้วมันอร่อยดี :D~


หัวข้อ: Re: ผมเพิ่งรู้ที่มาของชื่อปาท่องโก๋ (อิ่วจาไก้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: มะเอ็ม ที่ ตุลาคม 01, 2005, 02:14:10 PM
ได้ความรู้มากอีกแล้ว


หัวข้อ: Re: ผมเพิ่งรู้ที่มาของชื่อปาท่องโก๋ (อิ่วจาไก้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ ตุลาคม 01, 2005, 02:34:19 PM
นอกจากได้ความรู้ ยังได้เห็นลีลา ของแต่ละท่าน
ทั้งท่านต้อม และท่านอีเมล์ ......ลีลาน่าเป็นแบบอย่าง