เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

สนทนาภาษาปืน => หลังแนวยิง => ข้อความที่เริ่มโดย: วัฒน์ ที่ กันยายน 16, 2009, 10:53:24 AM



หัวข้อ: ข้อปฏิบัติในการใส่บาตร
เริ่มหัวข้อโดย: วัฒน์ ที่ กันยายน 16, 2009, 10:53:24 AM
 :) การใส่บาตรเป็นการขัดเกลากิเลสอย่างหนึ่ง บังเอิญไปอ่านเรื่องนี้แล้วเห็นว่าสมควรที่ พุทธศาสนิกชนควรทราบเอาไว้ เพื่อจะได้ปฏิบัติอย่างถูกต้อง และได้บุญกุศลจากการทำบุญ จึงนำมาให้อ่านกันครับ....

(http://images.vipaust.multiply.com/image/ggVkGsnBt1zi70ysZW54LA/photos/1M/300x300/1143/471.jpg?et=k%2CDURnF76tRLybqx87tMlg&nmid=0)


1. นิมนต์พระ

หลังจากที่เราเตรียมสำรับกับข้าวเรียบร้อยแล้ว เราก็ยืนรอพระที่จะเดินบิณฑบาตผ่านมา
การยืนรอพระในขั้นตอนนี้ ควรศึกษาให้ดีเสียก่อนว่า เส้นทางนี้มีพระเดินผ่านหรือไม่
ไม่ใช่ว่าไปรอบนทางสายเปลี่ยวที่ไม่มีพระเดินผ่าน คงไม่ได้ใส่กันพอดี
รอซักพัก พอมีพระเดินมาก็นิมนต์ท่าน
การนิมนต์ ก็ควรใช้คำว่า "นิมนต์ครับ/ค่ะท่าน" แค่นี้พระท่านก็ทราบแล้ว
ตอนเป็นพระเคยเดินบิณฑบาตที่ตลาดเขมร โยมนิมนต์ด้วยถ้อยคำอันรื่นหูว่า "ท่านเจ้าประคุณเจ้าคะ นิมนต์เจ้าค่ะ" ( ใช้คำไฮโซมาก)
มีอีกทีนึงโยมใช้คำว่า "นิมนต์เจ้าค่ะ พระอาจารย์ " ( เอ่อ โยม อาตมาเพิ่งบวชอาทิตย์เดียว) การนิมนต์พระควรนิมนต์ด้วยความสำรวมและใช้เสียงดังพอประมาณ
โยมบางคนเรียกพระด้วยเสียงอันดัง "นิ โมนน!!" (แง้ ทำไมต้องตะคอกด้วย - -")
การนิมนต์ควรสังเกตอายุของพระด้วย
ถ้าอายุน้อยกว่าเราหรือว่าเยอะกว่าไม่มากก็เรียกว่าหลวงพี่ ถ้ามีอายุหน่อยก็เรียกหลวงน้า ถ้าแก่พรรษามากก็เรียกหลวงตา หรือนอกจากนี้ก็อาจจะเรียกหลวงอา หลวงลุง หลวงปู่ฯลฯ แล้วแต่จะลำดับญาติ อย่างฉันปีนี้อายุ ๒๓ ปี หน้าตาค่อนข้างเด็ก แต่เคยมีโยมใช้คำว่า "นิมนต์ค่ะ หลวงลุง " ทำเอาเสีย self จนอยากสึกออกไปทำ baby face
โยมบางคนคงเขินอายพระ เนื่องจากไม่ค่อยได้ใส่บาตรเท่าไร เวลาพระเดินมาก็ยื่นมือออกมาทำท่ากวักๆ ทำเหมือนพระเป็นรถเมล์
หลังจากนิมนต์พระ ก็เข้าสู่ขั้นตอนถัดไปคือ


2. จบ

อันนี้ไม่ได้หมายความว่าเรื่องจบแล้วนะ
การจบ หมายถึง การเอามาทูนไว้ที่หัวแล้วอธิษฐาน
การจบ ควรใช้เวลาอธิษฐานแต่พองาม ไม่ต้องอธิษฐานนานจนเกินไป
เคยมีโยมนิมนต์ไปรับบาตร ไอเราก็เดินไปเปิดฝาบาตรรอรับ โยมก็จบอยู่ ขอบอกว่านานมากกกกกกก นานจนรู้สึกได้ นานจนอดคิดไม่ได้ว่า " โยมขออะไรเราน้า ?"


3. ถอดรองเท้า ยืนด้วยเท้าเปล่า

จริงๆแล้ว จุดประสงค์ของการถอดรองเท้าคือเป็นการให้ความเคารพพระสงฆ์โดยการไม่ยืนสูงกว่าท่าน เพราะเวลาพระสงฆ์บิณฑบาตจะเดินเท้าเปล่า แต่มีญาติโยมบางคนไม่เข้าใจเกี่ยวกับการถอดรองเท้าซึ่งมีหลายประเภทเหมือนกัน เช่น
บางคนถอดรองเท้าอย่างเรียบร้อยแต่ยืนบนรองเท้า - -" ( สูงกว่าเดิมอีก)
บางคนถอดรองเท้าและยืนบนพื้นจริง แต่ว่าตัวเองยืนบนฟุตบาท พระยืนบนพื้นถนนซะงั้น ( หนักกว่าเก่า)
เคยมีเรื่องเล่าว่า มีโยมคนนึงยืนใส่บาตรพระ พระเห็นว่าโยมใส่รองเท้าเลยแนะนำโยมไปว่า
พระ : "โยม อาตมาว่าโยมควร ถอดรองเท้าใส่บาตร นะ"
โยมมีสีหน้าตกกะใจ ตอบพระไปว่า
โยม : เอ่อ จะดีเหรอคะ
พระ : ไม่เป็นไรหรอกโยม
โยมก็จัดแจงถอดรองเท้า ยกขึ้นมาพร้อมกับถามพระว่า
โยม : จะให้ใส่ข้างเดียวหรือว่าสองข้างเลยคะ
อิบ้า!! ท่านหมายถึงถอดรองเท้าเวลาใส่บาตร ไม่ใช่ถอดรองเท้าเอามาใส่ในบาตร
อันนี้เป็นเรื่องที่หลวงน้าท่านนึงเล่าให้ฟังระหว่างฉันเพล ( เรื่องขำขันขณะฉันเพล)
พอถอดรองเท้าเสร็จก็เข้าสู่ขั้นตอนที่สี่


4. ใส่บาตร

อันนี้ถือเป็นจุดไคลแมกซ์ของการใส่บาตร
สิ่งสำคัญที่ทุกคนมองข้ามก็คือควรดูว่าของที่นำมาใส่บาตรนั้น เสียรึเปล่า
บางคนมีเจตนาอยากทำบุญดี แต่ดันไปซื้อของเสียมาใส่บาตร
พระฉันไป เข้าห้องน้ำไป
พวกร้านค้าก็จริงๆ บางครั้งเอาของค้างคืนมาขายเอากำไร ไม่สนใจพระเจ้า เห็นแก่ตัว หากินกับพระ
ก็ฝากด้วยนะครับ เด๋วทำบุญจะได้บาปเปล่าๆ
นอกจากนี้ ของที่นำมาใส่ ถ้าเพิ่งปรุงสุกเสร็จ ควรดูด้วยว่ามันร้อนมากรึเปล่า
เคยมีโยมใส่แกง ร้อนมากๆๆ บาตรเกือบหล่น ทั้งนี้เพราะบาตรทำจากโลหะ นำความร้อนได้ดี ปริมาณไม่ควรมากจนเกินไป
เคยมีโยมใส่บาตรด้วย "กล้วย ๓ หวี"
กล้วยเล็บมือนาง กล้วยไข่ อาตมาไม่ว่า
แต่นี่ใส่ "กล้วยหอม" ( อันนี้เกิดกับตัวเองจริงๆ)
คิดดู "กล้วยหอม ๓ หวี" อยู่ในบาตร หนักมากกกก จนอยากบอกโยมว่า "โยม อาตมาไม่ใช่ช้าง"
การใส่ก็ควรวางในบาตรด้วยอาการสำรวม
โยมผู้หญิงบางคนกลัวโดนพระจัด พอถุงกับข้าวถึงแค่ปากบาตร ก็ปล่อยลงมา ตุ๊บ!! นึกว่ากาลิเลโอกลับชาติมาทดลองเรื่องแรงโน้มถ่วงของโลก (วางดีๆก็ได้ 55)
ขั้นตอนต่อไปคือ


5. รับพร

หลังจากใส่บาตรเสร็จ พระสงฆ์ส่วนมากก็จะให้พร
เราเป็นญาติโยม ก็ประนมมือรับพรกันตามระเบียบ โดยอาจยืนหรือนั่งยองๆ ก็ได้ ก้มหัวแต่พองาม
เคยมีโยมยืนประนมมือ แต่ก้มหน้ามาแทบชนพระ ห่างจากหน้าพระประมาณคืบเดียว (ไม่ต้องใกล้ชิดศาสนาขนาดนั้นก็ได้โยม (ตอนนั้นให้พรเบาๆ เพราะไม่มั่นใจเรื่องกลิ่นปาก)
ถ้าเป็นโยมผู้หญิงก็นั่งให้เรียบร้อย เหมาะสม
ระหว่างนี้ก็อุทิศส่วนกุศลให้คนที่รัก เจ้ากรรมนายเวรและอื่นๆ ก็ว่ากันไป

การใส่บาตรที่อยากแนะนำก็มีประมาณเท่านี้
ขั้นตอนการทำบุญง่ายๆ
ตื่นเช้ามาใส่บาตรกันเถอะ


 :) ไม่ทราบที่มาของต้นฉบับครับ....


หัวข้อ: Re: ข้อปฏิบัติในการใส่บาตร
เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ กันยายน 16, 2009, 11:03:41 AM

       ขอบคุณครับอาวัฒน์ .... ผมไม่ค่อยมีโอกาสได้ตักบาตรหน้าบ้านหรอกครับ ..... ส่วนใหญ่บุกถึงถิ่นเลย



หัวข้อ: Re: ข้อปฏิบัติในการใส่บาตร
เริ่มหัวข้อโดย: yod - รักในหลวง ครับ ที่ กันยายน 16, 2009, 11:28:35 AM
ขอบคุณครับ พี่ วัฒน์.......

น้อยคนแล้วครับ  ที่จะลุกใส่บาตร ยามเช้า
นอกจากจะมีเรื่องอะไร มาตะขิดตะขวงใจ
จึงจะเริ่มตื่นเช้า ทำบุญ เข้าวัดเข้าวา


หัวข้อ: Re: ข้อปฏิบัติในการใส่บาตร
เริ่มหัวข้อโดย: ~ Sitthipong - รักในหลวง ~ ที่ กันยายน 16, 2009, 11:57:08 AM
ผมก็ไม่ได้ใส่บาตรนานมากแล้วครับ  ::014::


หัวข้อ: Re: ข้อปฏิบัติในการใส่บาตร
เริ่มหัวข้อโดย: Zeus-รักในหลวง ที่ กันยายน 16, 2009, 12:06:27 PM
อ่านไปขำไปครับ นึกถึงตอนไปเป็นเด็กวัด เจอโยมดีใจเห็นพระมีคนช่วยถือ ถวายน้ำขวดลิตร 2 แพ๊คเด็กวัดลิ้นห้อยเลยงานนั้น.......ตอนบวชก็ญาติโยมเห็นหน้าแล้วบังเกิดศัทธาแบบปุ๊บปั๊บ รีบใช้ให้เด็กในบ้านไปหยิบแตงโม  มาใส่บารตร เล่นเอาพระเดินเป็นนักเลงไปเลย เพราะเอาใส่ยามข้างตัว แล้วหุบแขนไม่ลง
ผมตื่นไม่ค่อยทันใส่บาตรพระ อาศัยทำบุญด้วยการลงมือทำกับข้าว แล้วฝากญาติไปใส่บาตรแทน :)


หัวข้อ: Re: ข้อปฏิบัติในการใส่บาตร
เริ่มหัวข้อโดย: M 60 - 7 รักในหลวง ที่ กันยายน 16, 2009, 01:58:10 PM
ขอบคุณครับคุณวัฒน์


หัวข้อ: Re: ข้อปฏิบัติในการใส่บาตร
เริ่มหัวข้อโดย: somsakbck ที่ กันยายน 16, 2009, 02:07:23 PM
ผมเคยเป็นเด็กวัดมาก่อน..อ่านแล้วชอบใจมาก...ขอบคุณท่านวัฒน์ครับ


หัวข้อ: Re: ข้อปฏิบัติในการใส่บาตร
เริ่มหัวข้อโดย: Ultraman Taro #รักในหลวง# ที่ กันยายน 16, 2009, 03:29:30 PM
ชาวพุทธสมัยนี้ห่างไกลวัดมาก โดยเฉพาะพวกเด็กสมัยใหม่


หัวข้อ: Re: ข้อปฏิบัติในการใส่บาตร
เริ่มหัวข้อโดย: korpat ที่ กันยายน 16, 2009, 03:44:01 PM
 ขอบคุณมากครับ ::002::::014::


หัวข้อ: Re: ข้อปฏิบัติในการใส่บาตร
เริ่มหัวข้อโดย: เมียหลวงสั่งถอย เมียน้อยสั่งลุย ที่ กันยายน 16, 2009, 04:01:48 PM
แนะนำเพิ่ม
1. ไม่ควรใส่ของที่หนักเกิน ถ้าต้องการใส่ให้ใส่หน้าวัดตอนพระเดินกลับ
2. ห้ามใส่เงินลงไปในบาตรเด็ดขาด เพราะความจริงพระสงห์ห้ามรับเงินเด็ดขาด เพราะผิดวินัยสงฆ์ พระพุทธเจ้าตรัสเรียกเงินว่าอสรพิษ (ความจริงไม่สมควรถวายเงินแด่
     พระในทุกกรณี เพราะผิดวินัย พระจะอาบัติ แต่ในปัจุบันพระหลายๆ รูปไม่สนใจยอมอาบัติ)
3. ห้ามถามพระว่าฉันได้ไหม ชอบอะไร และห้ามบอกรายการของที่ใส่บาตรเด็ดขาด ไม่งั้นพระจะฉันอาหารที่กล่าวมาไม่ได้
    เช่น "นิมนต์พระคุณเจ้า  วันนี้ผมทำแกงเขียวหวานมาถวาย" เก็บเอาไว้กินเองได้เลย พระรับบาตรไม่ได้
4. ผู้หญิงเวลาใส่บาตรอย่าใส่เสื้อคอกว้าง เวลาก้ม หรือนั่งขอพรจะไม่สุภาพ
5. พระนิกายธรรมยุตที่เคร่งจะใม่ห้พรเวลาใส่บาตรเด็ดขาด เพราะตามพระวินัยเวลาให้พร  พระจะต้องนั่งให้เรียบร้อย ห้ามให้พรแบบยืนข้างถนน
    


หัวข้อ: Re: ข้อปฏิบัติในการใส่บาตร
เริ่มหัวข้อโดย: somsakbck ที่ กันยายน 16, 2009, 04:29:50 PM
แนะนำเพิ่ม
1. ไม่ควรใส่ของที่หนักเกิน ถ้าต้องการใส่ให้ใส่หน้าวัดตอนพระเดินกลับ
2. ห้ามใส่เงินลงไปในบาตรเด็ดขาด เพราะความจริงพระสงห์ห้ามรับเงินเด็ดขาด เพราะผิดวินัยสงฆ์ พระพุทธเจ้าตรัสเรียกเงินว่าอสรพิษ (ความจริงไม่สมควรถวายเงินแด่
     พระในทุกกรณี เพราะผิดวินัย พระจะอาบัติ แต่ในปัจุบันพระหลายๆ รูปไม่สนใจยอมอาบัติ)
3. ห้ามถามพระว่าฉันได้ไหม ชอบอะไร และห้ามบอกรายการของที่ใส่บาตรเด็ดขาด ไม่งั้นพระจะฉันอาหารที่กล่าวมาไม่ได้
    เช่น "นิมนต์พระคุณเจ้า  วันนี้ผมทำแกงเขียวหวานมาถวาย" เก็บเอาไว้กินเองได้เลย พระรับบาตรไม่ได้
4. ผู้หญิงเวลาใส่บาตรอย่าใส่เสื้อคอกว้าง เวลาก้ม หรือนั่งขอพรจะไม่สุภาพ
5. พระนิกายธรรมยุตที่เคร่งจะใม่ห้พรเวลาใส่บาตรเด็ดขาด เพราะตามพระวินัยเวลาให้พร  พระจะต้องนั่งให้เรียบร้อย ห้ามให้พรแบบยืนข้างถนน
    


แต่ไม่ต้องกลัวไม่ได้กุศลนะครับเพราะพระท่านจะให้พรที่วัดอยู่แล้ว..หลังฉันเสร็จ


หัวข้อ: Re: ข้อปฏิบัติในการใส่บาตร
เริ่มหัวข้อโดย: rute - รักในหลวง ที่ กันยายน 16, 2009, 04:50:22 PM
ขอบคุณมากครับ...::014::

ระยะหลังๆนี่เจอประเภทหลวงพี่มาคอยรับบาตรอยู่ข้างร้านอาหารถุงบ่อยๆ...

เลยห่างหายจากการใส่บาตรไปหลายปีครับ...


หัวข้อ: Re: ข้อปฏิบัติในการใส่บาตร
เริ่มหัวข้อโดย: Middle ที่ กันยายน 16, 2009, 04:56:35 PM
ผมเคยทำบาตรหลุดมือระหว่างโยมเอาแตงโมใส่บาตร สีกาหัวเราะกันกลิ้งเลย อายแทบแย่...


หัวข้อ: Re: ข้อปฏิบัติในการใส่บาตร
เริ่มหัวข้อโดย: todsagun ที่ กันยายน 16, 2009, 06:58:18 PM
ข้าวสวยร้อนๆครับ..แบบควันฉุยๆน่ะ..
บาตรพระเป็นโลหะ..ถ่ายเทความร้อนดีมาก..
ข้าวสวยร้อน>บาตร>มือ+แขนพระ.. ;D
ควรจะเลี่่ยงนะครับ..


หัวข้อ: Re: ข้อปฏิบัติในการใส่บาตร
เริ่มหัวข้อโดย: เมียหลวงสั่งถอย เมียน้อยสั่งลุย ที่ กันยายน 16, 2009, 07:41:10 PM
ผมเคยทำบาตรหลุดมือระหว่างโยมเอาแตงโมใส่บาตร สีกาหัวเราะกันกลิ้งเลย อายแทบแย่...
ถ้าเป็นเมื่อก่อนใช้บาตรดินเผาคงสนุกกันใหญ่


หัวข้อ: Re: ข้อปฏิบัติในการใส่บาตร
เริ่มหัวข้อโดย: ko_kloy212 ที่ กันยายน 17, 2009, 12:20:39 AM
+1 ให้ข้อ 3 ครับ ชอบมาก ::007::

3. ถอดรองเท้า ยืนด้วยเท้าเปล่า

จริงๆแล้ว จุดประสงค์ของการถอดรองเท้าคือเป็นการให้ความเคารพพระสงฆ์โดยการไม่ยืนสูงกว่าท่าน เพราะเวลาพระสงฆ์บิณฑบาตจะเดินเท้าเปล่า แต่มีญาติโยมบางคนไม่เข้าใจเกี่ยวกับการถอดรองเท้าซึ่งมีหลายประเภทเหมือนกัน เช่น
บางคนถอดรองเท้าอย่างเรียบร้อยแต่ยืนบนรองเท้า - -" ( สูงกว่าเดิมอีก)
บางคนถอดรองเท้าและยืนบนพื้นจริง แต่ว่าตัวเองยืนบนฟุตบาท พระยืนบนพื้นถนนซะงั้น ( หนักกว่าเก่า)
เคยมีเรื่องเล่าว่า มีโยมคนนึงยืนใส่บาตรพระ พระเห็นว่าโยมใส่รองเท้าเลยแนะนำโยมไปว่า
พระ : "โยม อาตมาว่าโยมควร ถอดรองเท้าใส่บาตร นะ"
โยมมีสีหน้าตกกะใจ ตอบพระไปว่า
โยม : เอ่อ จะดีเหรอคะ
พระ : ไม่เป็นไรหรอกโยม
โยมก็จัดแจงถอดรองเท้า ยกขึ้นมาพร้อมกับถามพระว่า
โยม : จะให้ใส่ข้างเดียวหรือว่าสองข้างเลยคะ
อิบ้า!! ท่านหมายถึงถอดรองเท้าเวลาใส่บาตร ไม่ใช่ถอดรองเท้าเอามาใส่ในบาตร
อันนี้เป็นเรื่องที่หลวงน้าท่านนึงเล่าให้ฟังระหว่างฉันเพล ( เรื่องขำขันขณะฉันเพล)
พอถอดรองเท้าเสร็จก็เข้าสู่ขั้นตอนที่สี่  


หัวข้อ: Re: ข้อปฏิบัติในการใส่บาตร
เริ่มหัวข้อโดย: C๐๐LC@T ที่ กันยายน 17, 2009, 11:31:56 AM
+1 เช่นกันคะ...ขอบคุณคุณวัฒน์คะ...อ่านแล้ว(ขำ)น้ำตาไหลพราก ::007:: ::007::