เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

สนทนาภาษาปืน => สนทนาภาษาปืน => ข้อความที่เริ่มโดย: M1*VEE* ที่ ธันวาคม 10, 2009, 06:48:58 AM



หัวข้อ: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: M1*VEE* ที่ ธันวาคม 10, 2009, 06:48:58 AM
ในขณะที่เราขับรถออกจากบ้าน บางเหตุการที่เกิดกับเรา หลายครั้งที่เคยบอกกับตัวเองว่า "ถ้าเอาปืนติดรถมา ป่านนี้คงติดคุกไปแล้ว" แล้วเราก็เคยได้ยินข่าวเช่นนี้...

           1. ผศ. อาจารย์มหาลัย..ขับรถสวนกันในซอยแคบกับ ร.ต.อ เมื่อไม่ยอมหลีกให้กัน ผล....ผศ.ตาย
           2. ชายสูงอายุ 60 ปลายๆ  กดแตรเมื่อจะต่อท้ายรถหนุ่ม 30 เพื่อจะเติมน้ำมัน เมื่อลงไปใส่กัน ชายสูงอายุเข้าไปหยิบปืนในรถ ผล....หนุ่ม 30 ตาย
           3. ชายขี่เบ็นซ์ออกจากบ่อนตอนตี 4 เจอแท็กซี่ หาผู้โดยสารขับช้าขวางหน้า แซงขึ้นไปส่องด้วย .45 ตาย

       ยังมีอีกหลายเหตุการณ์ในลักษณะเช่นนี้จนนับไม่ถ้วน  ผมเป็นคนหนึ่งที่ใจร้อนในบางครั้ง และภรรยาห้ามเด็ดขาดในการนำปืนเข้าไปไว้ในรถ  (บางครั้งไปต่างจังงหวัด ต้องแอบซ่อนไม่ให้รู้) เพราะกลัวจะต้องติดคุกในยามแก่ ที่จริงภรรยาผมพูดก็ถูกเหมือนกัน ผมเลยไม่นำปืนติดรถในขณะที่ขับรถใน กทม.
       ผมคิดถูกหรือเปล่าครับ
   


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: nick357 "รักในหลวง" ที่ ธันวาคม 10, 2009, 07:09:10 AM
ตัวอย่างที่ท่าน จขกท นำมาเป็นตัวอย่างก็พอจะบอกอะไรได้บ้างว่า ตัวเองควรไม่ควรอย่างไร   ขอตอบคำถามจขกทว่า ไม่ควรครับ ยิงกันบนถนน เหตุผลตื้นเกินไป..... :D


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: น้าพงษ์...รักในหลวง ที่ ธันวาคม 10, 2009, 07:36:50 AM
. :D..ใจเย็นๆอย่างเดียว..ทุกอย่างจบครับ.แม้จะพูดง่ายแต่.ทำยากบางกรณีก็ตาม... ::014::


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ ธันวาคม 10, 2009, 07:46:56 AM

       ถ้าแค่สาเหตุทั้ง ๓ ข้อนั้น  อย่าแค่ติดปืนไปเลยครับ   พวกมันสมองน้อยๆแบบนี้ไม่สมควรมีปืนในครอบครองด้วยซ้ำไป



หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: A B A C U S รั ก ใ น ห ล ว ง ที่ ธันวาคม 10, 2009, 08:39:05 AM
 ???


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: boon(เสือไบ) ที่ ธันวาคม 10, 2009, 08:51:14 AM
อารมณ์ชั่ววูบครับ บางคนตอนไม่โมโห รู้เรื่องดีทุกอย่าง เป็นคนดีมีเหตุผลน่านับถือ
แต่พอมีเรื่องสะกิจใจ สมองส่วนความรับผิดชอบ ช่องควบคุณตัวเองให้มีสติมัดปิดอย่างเร็วมาก
คุยอะไร อธิบายอะไรก็ไม่รู้เรื่อง  อาระวาดเหมือนผีเข้า พอใจเย็นก็เริ่มรู้สึกผิดในสิ่งที่ทำลงไป
เห็นแบบนี้หลายรายครับ เมื่อก่อนผมก็เป็น(บอกแบบไม่อาย) ตอนนี้เดินหนีอย่างเดียวครับ กลัวมีเรื่อง
ใครขับรถเร็วก็โบกมือขอโทษให้เขาแซงไปก่อน


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: chawalkman ที่ ธันวาคม 10, 2009, 08:57:11 AM
กระทู้นี้ดีครับ ขอบวกให้..
 ;D ;D



หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: flyingkob-รักในหลวง ที่ ธันวาคม 10, 2009, 09:01:15 AM
เขาเรียกว่า หมาบ้า


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: TEDDY BLUES ♥รักในหลวง♥ ที่ ธันวาคม 10, 2009, 09:17:55 AM
เชื่อว่าทุกท่านที่ใช้รถใช้ถนนต่างก็มีประสบการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ดังกล่าว ทั้งเป็นผู้กระทำและเป็นผู้ถูกกระทำทั้งนั้นครับ ส่วนตัวผมถ้าเจอเหตุการณ์แบบนี้ผมจะนึกถึงคนที่รักผม..และคนที่ผมรัก..และคิดต่อไปว่าถ้าทำอไรวู่วามไปผลกระทบจะร้ายแรงมาก..เมื่อคิดได้ดังนั้น..ก็ต้องจ๋อย..ต้องยอม..ต้องหยวน..และภาวนาต่อไปอีกนิดว่า..ขอให้เอ็งไปเจอกับพวกเดียวกันกับเอ็งเถิด..สาธุ


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: Southlander ที่ ธันวาคม 10, 2009, 09:34:01 AM
ติดเครื่องเสียงดีๆฟังเพลงเพราะๆ
ขับไปฟังไปซิครับ ใจเย็นดี ;D ;D


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: a lone wolf ที่ ธันวาคม 10, 2009, 09:56:43 AM
 :D
ขอนอกเรื่องปืนนิดนึงครับ
เคยอ่านข้อเขียนเชิงจิตวิทยาชิ้นหนึ่ง  ผมว่าเขามีมุมมองที่ดี
เขาบอกว่าการขับรถบนถนนที่มีรถจำนวนมาก ขับเปลี่ยนเลนไปมา  ก็เหมือนกับการเดินบนทางเท้าที่มีคนเยอะๆ
เวลาเราเดินบนทางเท้า  แล้วมีคนเดินปาดหน้า  หรือเบียดเข้ามาในทางของเรา  มักไม่มีการทะเลาะ หรือเกิดเรื่อง....เพราะอะไร?
เพราะมนุษย์เรามีภาษากายครับ
คนที่เดินปาดหน้าเรา  เขามักมีภาษากายประกอบเพื่อขอความเห็นใจ เช่นกริยา ค้อมหัว ยกมือ หรือยิ้มเชิงขอร้อง บางทีมีกระทั่งพูดว่า ขอโทษครับขอทางหน่อยนะครับ
เราก็มักให้เขาเดินปาดไปโดยไม่รู้สึกโกรธอะไรเลย
เพราะภาษากายของเขา  มันบอกให้เรารู้ว่าเขาเห็นว่าเรามีตัวตน เขาให้เกียรติโดยการแสดงอาการให้เราเห็นว่าเขาแคร์ที่มาสร้างความลำบากให้เรา  ให้เราต้องเดินชะลอนิดนึง
เราอ่าน"หัวใจ"เขาออกผ่านภาษากาย

แต่กับรถยนต์บนถนนนั้น  บางทีการขอเปลี่ยนเลนกระชั้นชิด 
เราไม่เห็นกริยาของคนในรถ  เราเห็นแต่ก้อนเหล็กขึ้นรูปเป็นรถ  เห็นเงารางๆของคนขับหลังฟิล์มสีดำ
พอเขาปาดมาปุ๊ป  เราจะรู้สึกต่างจากเวลามีคนค้อมหัวให้เวลาถูกเบียดบนทางเท้า
เราไม่เห็นภาษากายของเขา  เราเลยอ่านใจเขาไม่ออก
มันเลยจะพาลคิดไปว่า "โหย เบียดไม่ดูตาม้าตาเรือ เห็นแก่ตัวชิบ แม่ม...."
บางทีเราก็โกรธจนบีบแตรไล่  ขับรถจี้  หรือแซงไปดูหน้ามันเสียหน่อย
ไอ้เจ้าคนอีกฝ่ายเกิดไม่ยอม  ก็เป็นเรื่องกันใหญ่โตครับ
...







หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: จอบหลอย-รักในหลวง ที่ ธันวาคม 10, 2009, 10:02:50 AM
ตอนใช้รถใช้ถนน บางครั้งก็ต้องมีอารมณ์ฉุนเฉียวไม่พอใจกันบ้างครับ
เพราะต่างคนก็ต่างขับ ต่างคนก็ต่างอยากจะไป
ผมก็เคยเจอเหตุการแบบนี้มาบ้างครับ
และผมเลือกที่จะด่าเลยครับ ด่าเละเลยครับ แต่ด่าในรถน่ะครับ ไม่เปิดกระจก
ผมกลัวเขาได้ยินครับ....;D เท่านี้ผมก็สบายใจ หายโกรธเลยครับ.... ;D


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: เขาใหญ่ ที่ ธันวาคม 10, 2009, 10:04:14 AM
ในขณะที่เราขับรถออกจากบ้าน บางเหตุการที่เกิดกับเรา หลายครั้งที่เคยบอกกับตัวเองว่า "ถ้าเอาปืนติดรถมา ป่านนี้คงติดคุกไปแล้ว" แล้วเราก็เคยได้ยินข่าวเช่นนี้...

           1. ผศ. อาจารย์มหาลัย..ขับรถสวนกันในซอยแคบกับ ร.ต.อ เมื่อไม่ยอมหลีกให้กัน ผล....ผศ.ตาย
           2. ชายสูงอายุ 60 ปลายๆ  กดแตรเมื่อจะต่อท้ายรถหนุ่ม 30 เพื่อจะเติมน้ำมัน เมื่อลงไปใส่กัน ชายสูงอายุเข้าไปหยิบปืนในรถ ผล....หนุ่ม 30 ตาย
           3. ชายขี่เบ็นซ์ออกจากบ่อนตอนตี 4 เจอแท็กซี่ หาผู้โดยสารขับช้าขวางหน้า แซงขึ้นไปส่องด้วย .45 ตาย

       ยังมีอีกหลายเหตุการณ์ในลักษณะเช่นนี้จนนับไม่ถ้วน  ผมเป็นคนหนึ่งที่ใจร้อนในบางครั้ง และภรรยาห้ามเด็ดขาดในการนำปืนเข้าไปไว้ในรถ  (บางครั้งไปต่างจังงหวัด ต้องแอบซ่อนไม่ให้รู้) เพราะกลัวจะต้องติดคุกในยามแก่ ที่จริงภรรยาผมพูดก็ถูกเหมือนกัน ผมเลยไม่นำปืนติดรถในขณะที่ขับรถใน กทม.
       ผมคิดถูกหรือเปล่าครับ
   
ขอตอบและชี้แนะดังนี้
1.เมื่อเข้าซอยแคบๆเห็นรถสวนมาควรหาที่แอบชิดซ้ายก่อน หลบแล้วอาจได้รับคำขอบคุณเช่นผงกหัวให้
2.บางครังก้อควรแบ่งบัน คันหน้าเข้าหัวจ่ายด้านในสุด คันหลังจะได้มีที่เติม แค่นี้แหละ
3.ก้อแซงไปซะ ขับรถอย่าตาม เท็กซี่ สามล้อ รถเมล์ เพราะจอดมั่วหมดลูกค้ายังไม่โบกเลยเบรครอแล้ว

    ทั้งสามเหตุการผมผ่านมาเยอะแล้วนะ จัดการปัญหาได้


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: aka11"รักในหลวง" ที่ ธันวาคม 10, 2009, 10:05:17 AM
:D
ขอนอกเรื่องปืนนิดนึงครับ
เคยอ่านข้อเขียนเชิงจิตวิทยาชิ้นหนึ่ง  ผมว่าเขามีมุมมองที่ดี
เขาบอกว่าการขับรถบนถนนที่มีรถจำนวนมาก ขับเปลี่ยนเลนไปมา  ก็เหมือนกับการเดินบนทางเท้าที่มีคนเยอะๆ
เวลาเราเดินบนทางเท้า  แล้วมีคนเดินปาดหน้า  หรือเบียดเข้ามาในทางของเรา  มักไม่มีการทะเลาะ หรือเกิดเรื่อง....เพราะอะไร?
เพราะมนุษย์เรามีภาษากายครับ
คนที่เดินปาดหน้าเรา  เขามักมีภาษากายประกอบเพื่อขอความเห็นใจ เช่นกริยา ค้อมหัว ยกมือ หรือยิ้มเชิงขอร้อง บางทีมีกระทั่งพูดว่า ขอโทษครับขอทางหน่อยนะครับ
เราก็มักให้เขาเดินปาดไปโดยไม่รู้สึกโกรธอะไรเลย
เพราะภาษากายของเขา  มันบอกให้เรารู้ว่าเขาเห็นว่าเรามีตัวตน เขาให้เกียรติโดยการแสดงอาการให้เราเห็นว่าเขาแคร์ที่มาสร้างความลำบากให้เรา  ให้เราต้องเดินชะลอนิดนึง
เราอ่าน"หัวใจ"เขาออกผ่านภาษากาย

แต่กับรถยนต์บนถนนนั้น  บางทีการขอเปลี่ยนเลนกระชั้นชิด 
เราไม่เห็นกริยาของคนในรถ  เราเห็นแต่ก้อนเหล็กขึ้นรูปเป็นรถ  เห็นเงารางๆของคนขับหลังฟิล์มสีดำ
พอเขาปาดมาปุ๊ป  เราจะรู้สึกต่างจากเวลามีคนค้อมหัวให้เวลาถูกเบียดบนทางเท้า
เราไม่เห็นภาษากายของเขา  เราเลยอ่านใจเขาไม่ออก
มันเลยจะพาลคิดไปว่า "โหย เบียดไม่ดูตาม้าตาเรือ เห็นแก่ตัวชิบ แม่ม...."
บางทีเราก็โกรธจนบีบแตรไล่  ขับรถจี้  หรือแซงไปดูหน้ามันเสียหน่อย
ไอ้เจ้าคนอีกฝ่ายเกิดไม่ยอม  ก็เป็นเรื่องกันใหญ่โตครับ
...






เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งเลยครับ...


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: Naymodx ที่ ธันวาคม 10, 2009, 10:09:57 AM
ขอระบายบ้างครับ ใช้รถใช้ถนนมีโอกาสจิตตก พาลจะมีเรื่องกันง่ายครับ
รถเยอะ คนเยอะ วุฒิภาวะการคุมอารมณ์ไม่เท่ากัน ผมว่าใจเย็นแค่ไหน ก็มีโอกาสจิตหลุดง่าย
ยิ่งใครต้องใช้รถทุกวัน ๆ ละนาน ๆ ก็ยิ่งเจอครับ

- วันก่อนลงกรุงเทพ ฯ ผมลงสะพานประชานุกูลมา เจอแท๊กซี่ปาดจากขวาสุดมาซ้ายสุดแล้วจอด
เบรคกันหัวทิ่มครับ พอกันคนโบกก็ไม่เลือกที่ให้จอดง่าย ๆ ไม่ต้องขวางถนนมาก ส่วนโชเฟอร์ก็ต้องรีบหาตังค์ให้เถ้าแก่

- กลับจากโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ประชาชื่น กำลังจะเลี้ยวขวาไปแยกประชานุกูล เจอรถปิ๊กอัพติดฟิล์มดำ
มาจ่อท้าย พยายามจะแทรก ก็เว้นช่องไว้ให้แทรก (เว้นมากกว่านี้ไม่ได้เพราะข้างหลังติดรถอีกคัน จริง ๆ แล้วมันแทรกไม่เก่ง)
พอพี่เค้าแทรกได้ก็ออกล้อฟรีไปติดไฟแดงด้วยกัน แล้วเดินเซแท่ด ๆ ลงมาจะเปิดประตูหน้่าด้านคนโดยสาร เห็นว่าล็อค
ก็เลยมาด้านผม เคาะกระจกบอกให้เปิดประตู ผมก็โมโหนะ (อะไรฟะ เว้นให้แล้ว แต่แทรกไม่เป็นเอง ดันมาโกรธ)
แต่ก็โบกมือหย๋อย ๆ ยิ้มหวาน บอกไปเหอะ ไฟเขียวแล้ว ต่างคนต่างไป แล้วก็นั่งด่าบุพการีพี่เค้า

- กำลังจะกลับรถ มีปิ๊กอัพอยู่หน้า ทันใดนั้น มอเตอร์ไซค์พุ่งปาดหน้าเกือบล้ม แต่ไม่ล้ม แล้วเร่งเครื่องหนี ปิ๊กอัพขับตาม
ผมเร่งตามไปดู กะมีงานแน่ พอปิ๊กอัพเทียบได้ หักตบ มอร์เตอร์ไซค์กลิ้งลงข้างทาง ไม่รู้คนขับคนซ้อนตายหรือเปล่าไม่ได้หยุดดู
แต่ในใจลึก ๆ คิดว่าคนขับปิ๊กอัพขับเก่ง ตบทีเดียวอยู่ ไม่โดนรถให้เป็นหลักฐานด้วย

- คนรู้จักขับรถแข่งมากับคนในเครื่องแบบ (คงปาดกันมา) แล้วก็ยกนิ้วให้ (ไม่ใช่นิ้วที่หมายถึงว่าเยี่ยม) พี่ในเครื่องแบบเค้าคงโกรธ
ชักปืนโผล่มาทางหน้าต่าง (เห็นชุดถึงได้รู้ว่าเป็นคนในเครื่องแบบ) เหมือนในหนังเลย ตามล่ากันบนถนน แต่หนีทันถอยรถเข้าบ้าน
พี่เค้าขับวนหาอยู่นานไม่เจอ ถามมอร์เตอร์ไซค์รับจ้่างว่าบ้านไหน ก็ไม่มีใครบอก ก็เลยรอดไป

-เมื่อวานนี้เอง ที่ห้างประจำจังหวัด จอดรออยู่ตรงทางขึ้นที่จอดรถ เพราะคันหน้าโน้นเป็นผู้หญิงถอยออกไม่ได้
ลงมาขอร้องพี่คันหน้าผมให้ลงไปถอยให้แล้วจะจอดแทน พี่เค้าก็ใจดีดับเครื่องลงไปถอยให้
แต่ดันมีพี่อีกคนคงรีบ แซงปาดซ้่ายมาจากข้างหลังบนทางขึ้นที่จอดรถที่วิ่งกันเลนเดียวตามมารยาทนี่ล่ะ
แล้วมาทิ่มพรวดจ่อตูดพี่ที่ลงไปถอยรถให้สาวน้อย ตานี้ทำไงล่ะ พี่เค้าก็ถอยเข้าไม่ได้ เพราะข้างหน้าติดเสา
หลังติดรถที่แทรกขึ้นมา พี่ที่แทรกมาก็ไม่ยอมถอย
สุดท้ายพี่คนดีที่ถอยรถให้สาวน้อยต้องยอมเสียที่จอดรถนี้ไป เพราะคงเกรงใจรถหลัง ๆๆ ที่ไม่ใช่คันที่แทรกต้องรอนาน

เฮ้อ ตอนสอบใบขับขี่ก็ไม่มีสอบมารยาท / จริยธรรมในการขับรถซะด้วย
เคยเห็นในหนังฝรั่ง คนคุมสอบจะนั่งไปกับรถด้วย วางกาแฟแก้วนึงไว้บนคอนโซล
ถ้าเบรคหัวทิ่มหัวตำ หรือปาดซ้ายปาดขวา แก้วกาแฟหก ก็สอบตก ....


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: Daimyo ที่ ธันวาคม 10, 2009, 10:10:04 AM
ผมทํางานกับพวกต่างชาติมาเป็นสิบๆปี......

พวกนี้ชอบคนไทย....ชมตลอดว่า.....คนไทยเป็นมิตร....มีนําใจ...โอบอ้อมอารี....

แต่.............(เขาบ่นว่า)....อย่าให้มันขับรถกันนะ..........มันคนละคนเลย.....เหมือนคนบ้าคลั่ง....

ฟังทีไรหน้าชาทุกที..............เอ...มันชมหรือมันด่าฟะ...


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: janeorchid33 love the king ที่ ธันวาคม 10, 2009, 10:56:56 AM
:D
ขอนอกเรื่องปืนนิดนึงครับ
เคยอ่านข้อเขียนเชิงจิตวิทยาชิ้นหนึ่ง  ผมว่าเขามีมุมมองที่ดี
เขาบอกว่าการขับรถบนถนนที่มีรถจำนวนมาก ขับเปลี่ยนเลนไปมา  ก็เหมือนกับการเดินบนทางเท้าที่มีคนเยอะๆ
เวลาเราเดินบนทางเท้า  แล้วมีคนเดินปาดหน้า  หรือเบียดเข้ามาในทางของเรา  มักไม่มีการทะเลาะ หรือเกิดเรื่อง....เพราะอะไร?
เพราะมนุษย์เรามีภาษากายครับ
คนที่เดินปาดหน้าเรา  เขามักมีภาษากายประกอบเพื่อขอความเห็นใจ เช่นกริยา ค้อมหัว ยกมือ หรือยิ้มเชิงขอร้อง บางทีมีกระทั่งพูดว่า ขอโทษครับขอทางหน่อยนะครับ
เราก็มักให้เขาเดินปาดไปโดยไม่รู้สึกโกรธอะไรเลย
เพราะภาษากายของเขา  มันบอกให้เรารู้ว่าเขาเห็นว่าเรามีตัวตน เขาให้เกียรติโดยการแสดงอาการให้เราเห็นว่าเขาแคร์ที่มาสร้างความลำบากให้เรา  ให้เราต้องเดินชะลอนิดนึง
เราอ่าน"หัวใจ"เขาออกผ่านภาษากาย

แต่กับรถยนต์บนถนนนั้น  บางทีการขอเปลี่ยนเลนกระชั้นชิด 
เราไม่เห็นกริยาของคนในรถ  เราเห็นแต่ก้อนเหล็กขึ้นรูปเป็นรถ  เห็นเงารางๆของคนขับหลังฟิล์มสีดำ
พอเขาปาดมาปุ๊ป  เราจะรู้สึกต่างจากเวลามีคนค้อมหัวให้เวลาถูกเบียดบนทางเท้า
เราไม่เห็นภาษากายของเขา  เราเลยอ่านใจเขาไม่ออก
มันเลยจะพาลคิดไปว่า "โหย เบียดไม่ดูตาม้าตาเรือ เห็นแก่ตัวชิบ แม่ม...."
บางทีเราก็โกรธจนบีบแตรไล่  ขับรถจี้  หรือแซงไปดูหน้ามันเสียหน่อย
ไอ้เจ้าคนอีกฝ่ายเกิดไม่ยอม  ก็เป็นเรื่องกันใหญ่โตครับ
...
ชอบครับ +1ให้  มนุษย์เป็นสัตว์สังคม ::014::


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: E_mail ที่ ธันวาคม 10, 2009, 11:01:43 AM
ผมทํางานกับพวกต่างชาติมาเป็นสิบๆปี......

พวกนี้ชอบคนไทย....ชมตลอดว่า.....คนไทยเป็นมิตร....มีนําใจ...โอบอ้อมอารี....

แต่.............(เขาบ่นว่า)....อย่าให้มันขับรถกันนะ..........มันคนละคนเลย.....เหมือนคนบ้าคลั่ง....

ฟังทีไรหน้าชาทุกที..............เอ...มันชมหรือมันด่าฟะ...


เค้าพูดความจริงครับ  ::005::


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: c.tong - รักในหลวง ที่ ธันวาคม 10, 2009, 11:16:23 AM
ในขณะที่เราขับรถออกจากบ้าน บางเหตุการที่เกิดกับเรา หลายครั้งที่เคยบอกกับตัวเองว่า "ถ้าเอาปืนติดรถมา ป่านนี้คงติดคุกไปแล้ว" แล้วเราก็เคยได้ยินข่าวเช่นนี้...

           1. ผศ. อาจารย์มหาลัย..ขับรถสวนกันในซอยแคบกับ ร.ต.อ เมื่อไม่ยอมหลีกให้กัน ผล....ผศ.ตาย
           2. ชายสูงอายุ 60 ปลายๆ  กดแตรเมื่อจะต่อท้ายรถหนุ่ม 30 เพื่อจะเติมน้ำมัน เมื่อลงไปใส่กัน ชายสูงอายุเข้าไปหยิบปืนในรถ ผล....หนุ่ม 30 ตาย
           3. ชายขี่เบ็นซ์ออกจากบ่อนตอนตี 4 เจอแท็กซี่ หาผู้โดยสารขับช้าขวางหน้า แซงขึ้นไปส่องด้วย .45 ตาย

       ยังมีอีกหลายเหตุการณ์ในลักษณะเช่นนี้จนนับไม่ถ้วน  ผมเป็นคนหนึ่งที่ใจร้อนในบางครั้ง และภรรยาห้ามเด็ดขาดในการนำปืนเข้าไปไว้ในรถ  (บางครั้งไปต่างจังงหวัด ต้องแอบซ่อนไม่ให้รู้) เพราะกลัวจะต้องติดคุกในยามแก่ ที่จริงภรรยาผมพูดก็ถูกเหมือนกัน ผมเลยไม่นำปืนติดรถในขณะที่ขับรถใน กทม.
       ผมคิดถูกหรือเปล่าครับ
   

จากทั้ง 3 ข้อ ท่านเจ้าของกระทู้จะยอมเป็นฝ่ายที่ขึ้นศาล หรือ จะยอมเป็นฝ่ายที่นอนอยู่ในโลงครับ


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: chew - รักในหลวง ที่ ธันวาคม 10, 2009, 11:18:14 AM
ผมมีปืนอยู่กับตัวไม่ว่าในรถหรือนอกรถ  จะใจเย็นกว่าปกติครับ เพราะรู้ว่าเมื่อมีการใช้อาวุธแล้ว โอกาสจะมี่คนเจ็บต้องมีแน่ ก็เลยพยายามเลี่ยงครับ  ปกติผมก็ไม่หาเรื่องใครอยู่แล้วครับ  ขี้กลัว    ::008::

เอ...หรือว่ามีปืนแล้ว เย็นกว่าอมฮอล์ลอีก ...อันนี้ต้องให้ท่านอื่นทดลองดูบ้าง  ::005::



หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: Ro@d - รักในหลวง ที่ ธันวาคม 10, 2009, 11:25:43 AM
เขาเรียกว่า หมาบ้า

............................   ::002:: ::002:: ::002::.  ตรง ดีครับ .

คนเรา คิดว่ามีปืน แล้วมีอำนาจ และมักเผลอว่า คนอื่น มือเปล่า หรือมีแต่ มีด ไม้
และเป็นความจริง ที่ว่า เมื่อตัวเองถูกลูกปืน เมื่อนั้นจะรู้สึก ถึงความกลัวตาย จนหมด ความซ่า ความกร้าวร้าว แต่ก็อาจสายไปแล้ว

อาวุธปืน มีไว้เพื่อป้องกันชีวิตตนเองและครอบครัว รวมถึงผู้อื่นให้พ้นจากอันตรายฯ จากโจร คนร้าย  ไม่ใช่จากคนดี ..  
แต่หลายครั้ง มากเหลือเกิน วนเวียนอยู่กับเรื่องหวังใช้ในการเอาชนะ ในการทะเลาะวิวาท ซะงั้น

เหตุการณ์รายแรก ตาม ที่จขกท.ยกมา  เมื่อราว ๑๕ ปีมาแล้ว  ดร. ใช้ .๔๕ ยิงขู่ขึ้นฟ้า แต่ ร.ต.อ. กับสวนด้วย .๓๕๗  ไม่ถือเป็นการป้องกันตัว ศาลลงโทษจำคุก

รายที่ ๒ และ ๓ มันก็เป็นได้แค่ไอ้ชั่วคนหนึ่ง   ที่ยิงคนมือเปล่า ไม่มีทางสู้

ถ้าวุฒิภาวะยังไม่เป็นผู้ใหญ่พอ  อย่ามีปืนเลยครับ



หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: เมียหลวงสั่งถอย เมียน้อยสั่งลุย ที่ ธันวาคม 10, 2009, 11:27:39 AM
ในขณะที่เราขับรถออกจากบ้าน บางเหตุการที่เกิดกับเรา หลายครั้งที่เคยบอกกับตัวเองว่า "ถ้าเอาปืนติดรถมา ป่านนี้คงติดคุกไปแล้ว" แล้วเราก็เคยได้ยินข่าวเช่นนี้...

           1. ผศ. อาจารย์มหาลัย..ขับรถสวนกันในซอยแคบกับ ร.ต.อ เมื่อไม่ยอมหลีกให้กัน ผล....ผศ.ตาย
           2. ชายสูงอายุ 60 ปลายๆ  กดแตรเมื่อจะต่อท้ายรถหนุ่ม 30 เพื่อจะเติมน้ำมัน เมื่อลงไปใส่กัน ชายสูงอายุเข้าไปหยิบปืนในรถ ผล....หนุ่ม 30 ตาย
           3. ชายขี่เบ็นซ์ออกจากบ่อนตอนตี 4 เจอแท็กซี่ หาผู้โดยสารขับช้าขวางหน้า แซงขึ้นไปส่องด้วย .45 ตาย

       ยังมีอีกหลายเหตุการณ์ในลักษณะเช่นนี้จนนับไม่ถ้วน  ผมเป็นคนหนึ่งที่ใจร้อนในบางครั้ง และภรรยาห้ามเด็ดขาดในการนำปืนเข้าไปไว้ในรถ  (บางครั้งไปต่างจังงหวัด ต้องแอบซ่อนไม่ให้รู้) เพราะกลัวจะต้องติดคุกในยามแก่ ที่จริงภรรยาผมพูดก็ถูกเหมือนกัน ผมเลยไม่นำปืนติดรถในขณะที่ขับรถใน กทม.
       ผมคิดถูกหรือเปล่าครับ
   

จากทั้ง 3 ข้อ ท่านเจ้าของกระทู้จะยอมเป็นฝ่ายที่ขึ้นศาล หรือ จะยอมเป็นฝ่ายที่นอนอยู่ในโลงครับ
ใช่ครับ ถ้าพวกเขามีปืนอาจจะไม่ต้องมาตายก็ได้ หรืออาจจะตายทั้งคู่ก็ได้
ข้อ 2 คนแก่นั้นนิสัยเสียอย่างมาก เขาเติมน้ำมันยังไม่เสร็จบีบแตรไล่อยู่ได้


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: เมียหลวงสั่งถอย เมียน้อยสั่งลุย ที่ ธันวาคม 10, 2009, 11:30:35 AM
เขาเรียกว่า หมาบ้า

............................   ::002:: ::002:: ::002::.  ตรง ดีครับ .

คนเรา คิดว่ามีปืน แล้วมีอำนาจ และมักเผลอว่า คนอื่น มือเปล่า หรือมีแต่ มีด ไม้
และเป็นความจริง ที่ว่า เมื่อตัวเองถูกลูกปืน เมื่อนั้นจะรู้สึก ถึงความกลัวตาย จนหมด ความซ่า ความกร้าวร้าว แต่ก็อาจสายไปแล้ว

อาวุธปืน มีไว้เพื่อป้องกันชีวิตตนเองและครอบครัว รวมถึงผู้อื่นให้พ้นจากอันตรายฯ จากโจร คนร้าย  ไม่ใช่จากคนดี ..  
แต่หลายครั้ง มากเหลือเกิน วนเวียนอยู่กับเรื่องหวังใช้ในการเอาชนะ ในการทะเลาะวิวาท ซะงั้น

เหตุการณ์รายแรก ตาม ที่จขกท.ยกมา  เมื่อราว ๑๕ ปีมาแล้ว  ดร. ใช้ .๔๕ ยิงขู่ขึ้นฟ้า  แต่ ร.ต.อ. กับสวนด้วย .๓๕๗  ไม่ถือเป็นการป้องกันตัว ศาลลงโทษจำคุก

รายที่ ๒ และ ๓ มันก็เป็นได้แค่ไอ้ชั่วคนหนึ่ง   ที่ยิงคนมือเปล่า ไม่มีทางสู้

สมควรแล้วครับ ถ้าไม่เอาปืนออกมายิงขู่คงไม่โดนยิง   ผมว่าถ้าเป็นใครที่มีปืนก็คงยิงสวนก่อนละครับ


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ ธันวาคม 10, 2009, 11:32:05 AM
คนโง่มาอยู่บนถนนแยะเกินไปครับ โง่ไม่รู้จักวิธีขับรถไม่กวน Teen ผู้อื่น, โง่ไม่รู้จักให้อภัยคนที่โง่กว่า, และโง่ไม่รู้ตัวว่าถลำลึกเมื่อเผลอโง่ไปแล้วครับ...

โกรธคือโง่ โมโหคือบ้า... คนโง่กว่ามันจะกวน Teen คนอื่นเพราะความโง่ เช่นย้ายเลนไม่เป็น, ใช้สัญญาณบอกคนอื่นไม่เป็น คนอื่นไม่รู้ว่าเราจะทำอะไรเลยคาดเดาไม่ได้, หัดขับอยู่ตลอดเวลา ขับมาตั้งหลายปีแล้วก็ยัง"หัดขับ"บนถนนอยู่นั่นแหละไม่ยอมพัฒนา...

คนโง่พวกนี้ต่อให้ไม่มีปืน มันก็ลงจากรถมาชกกับคันอื่นครับ... เหนือฟ้าย่อมมีฟ้าเสมอ คน"เล่นปืน"จะรู้ว่าไม่มีใครเก่งที่สุดครับ ต่อให้ฝึกมาอย่างดี เดินยิงวิ่งยิงเข้าเป้าได้อย่างแม่นยำไม่ต้องปักหลักตั้งท่ายิง แต่เวลาเกิดเรื่องต้องใช้ปืนดั๊นนน ยืนด้านที่มีแสงอาทิตย์แยงตา... โฮ่ะ โฮ่ะ โฮ่ะ โฮ่ะ...

ทุกเรื่องมีดวงผสมอยู่ด้วยเสมอแหละครับ... ฮา


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ ธันวาคม 10, 2009, 11:33:15 AM
เขาเรียกว่า หมาบ้า

............................   ::002:: ::002:: ::002::.  ตรง ดีครับ .

คนเรา คิดว่ามีปืน แล้วมีอำนาจ และมักเผลอว่า คนอื่น มือเปล่า หรือมีแต่ มีด ไม้
และเป็นความจริง ที่ว่า เมื่อตัวเองถูกลูกปืน เมื่อนั้นจะรู้สึก ถึงความกลัวตาย จนหมด ความซ่า ความกร้าวร้าว แต่ก็อาจสายไปแล้ว

อาวุธปืน มีไว้เพื่อป้องกันชีวิตตนเองและครอบครัว รวมถึงผู้อื่นให้พ้นจากอันตรายฯ จากโจร คนร้าย  ไม่ใช่จากคนดี ..  
แต่หลายครั้ง มากเหลือเกิน วนเวียนอยู่กับเรื่องหวังใช้ในการเอาชนะ ในการทะเลาะวิวาท ซะงั้น

เหตุการณ์รายแรก ตาม ที่จขกท.ยกมา  เมื่อราว ๑๕ ปีมาแล้ว  ดร. ใช้ .๔๕ ยิงขู่ขึ้นฟ้า  แต่ ร.ต.อ. กับสวนด้วย .๓๕๗  ไม่ถือเป็นการป้องกันตัว ศาลลงโทษจำคุก

รายที่ ๒ และ ๓ มันก็เป็นได้แค่ไอ้ชั่วคนหนึ่ง   ที่ยิงคนมือเปล่า ไม่มีทางสู้

สมควรแล้วครับ ถ้าไม่เอาปืนออกมายิงขู่คงไม่โดนยิง   ผมว่าถ้าเป็นใครที่มีปืนก็คงยิงสวนก่อนละครับ

นายสมชายจำได้ครับ รู้สึกว่าในซอยอาภาภิรมย์ฯ... ผู้เสียชีวิตเป็น อ. มหาลัยเกษตร...


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: วุธ อุดร -รักในหลวง~ ที่ ธันวาคม 10, 2009, 11:34:14 AM
คิดเสมอว่าเราพกได้ คนอื่นก็ต้องพกได้  ;D

ปิดกระจกเปิดเพลงนั่งด่ามันในรถระบายไปครับ

ลูกกะเมียผมชอบว่าเวลาป๊าขับรถป๊าเปลี่ยนไป ;D


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: E_mail ที่ ธันวาคม 10, 2009, 11:36:23 AM
ผมไม่ใช้อาวุธกับเรื่องวิวาทครับ พอดีมีหน้าตาเป็นอาวุธอยู่แล้ว ยิ่งหลังอายุ30พอยั๊วะขึ้นมามีแต่คนถอยกรูดๆ  :~)


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ ธันวาคม 10, 2009, 11:36:48 AM
ยังมีอีกเรื่องครับ...

ขับรถซูบารุเลกาซี่(2200 cc, 4WD Alltime อัตราเร่งดีมาก) แล้วไล่ปาดหน้ากับบิกไบค์(อัตราเร่งก็ดีมาก)... ในที่สุดปาดบิ๊กไบ๊ค์ได้จนล้ม เลยลงจากรถจะเอากระบองเบสบอลตีฯ...
บิ๊กไบค์เลยเอา 686/2.5 นิ้วอัดเป้งเข้าที่ลิ้นปี่... ดูภาพจากไทยรัฐฯ นอนหงายแขนขาเหยียดตรงกระบอง วางข้างตัวเลยครับ...


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: Ro@d - รักในหลวง ที่ ธันวาคม 10, 2009, 11:41:32 AM
เขาเรียกว่า หมาบ้า

............................   ::002:: ::002:: ::002::.  ตรง ดีครับ .

คนเรา คิดว่ามีปืน แล้วมีอำนาจ และมักเผลอว่า คนอื่น มือเปล่า หรือมีแต่ มีด ไม้
และเป็นความจริง ที่ว่า เมื่อตัวเองถูกลูกปืน เมื่อนั้นจะรู้สึก ถึงความกลัวตาย จนหมด ความซ่า ความกร้าวร้าว แต่ก็อาจสายไปแล้ว

อาวุธปืน มีไว้เพื่อป้องกันชีวิตตนเองและครอบครัว รวมถึงผู้อื่นให้พ้นจากอันตรายฯ จากโจร คนร้าย  ไม่ใช่จากคนดี ..  
แต่หลายครั้ง มากเหลือเกิน วนเวียนอยู่กับเรื่องหวังใช้ในการเอาชนะ ในการทะเลาะวิวาท ซะงั้น

เหตุการณ์รายแรก ตาม ที่จขกท.ยกมา  เมื่อราว ๑๕ ปีมาแล้ว  ดร. ใช้ .๔๕ ยิงขู่ขึ้นฟ้า  แต่ ร.ต.อ. กับสวนด้วย .๓๕๗  ไม่ถือเป็นการป้องกันตัว ศาลลงโทษจำคุก

รายที่ ๒ และ ๓ มันก็เป็นได้แค่ไอ้ชั่วคนหนึ่ง   ที่ยิงคนมือเปล่า ไม่มีทางสู้

สมควรแล้วครับ ถ้าไม่เอาปืนออกมายิงขู่คงไม่โดนยิง   ผมว่าถ้าเป็นใครที่มีปืนก็คงยิงสวนก่อนละครับ

ท่านอาจเข้าใจผิดแล้ว นะครับ ถึงเค้าจะเอาปืนออกมายิงขู่ เพื่อขับไล่ ก็เพื่อหวังระงับความกร่างของคู่กรณี.. ท่านไม่มีสิทธิไปยิงเขา นะครับ อย่าไปตกอยูใต้อารมณ์ชั่วแล่น คุยทางตัวหนังสือนั้นได้ครับ  แต่ถ้าเผลอไปกระทำ ชีวิต จะรันทด ยากจะกลับมาอีก  ..  เพียงแค่ถอยหลัง รถให้กัน ถึงจะถูกยิงขู่ เค้าไม่ใช่เค้าพยายามจะฆ่าท่าน  ยังไม่เกิดสิทธิในการป้องกันตัว นะครับ

แต่เมื่อไหร่ เมื่อเค้าหันปืนมาจ้องเล็งมาที่ท่าน นั้นแหละครับ ท่านจึงจะเกิดสิทธิป้องกันตัว  เรื่องทีเล่านั้น กลายเป็นสมัครใจวิวาท ถึงไม่เข้าเรื่องวิวาท ก็ไม่ยังไม่เข้าการป้องกันตัวครับ




หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ ธันวาคม 10, 2009, 11:42:38 AM
คนโง่มาอยู่บนถนนแยะเกินไปครับ โง่ไม่รู้จักวิธีขับรถไม่กวน Teen ผู้อื่น, โง่ไม่รู้จักให้อภัยคนที่โง่กว่า, และโง่ไม่รู้ตัวว่าถลำลึกเมื่อเผลอโง่ไปแล้วครับ...

โกรธคือโง่ โมโหคือบ้า... คนโง่กว่ามันจะกวน Teen คนอื่นเพราะความโง่ เช่นย้ายเลนไม่เป็น, ใช้สัญญาณบอกคนอื่นไม่เป็น คนอื่นไม่รู้ว่าเราจะทำอะไรเลยคาดเดาไม่ได้, หัดขับอยู่ตลอดเวลา ขับมาตั้งหลายปีแล้วก็ยัง"หัดขับ"บนถนนอยู่นั่นแหละไม่ยอมพัฒนา...

คนโง่พวกนี้ต่อให้ไม่มีปืน มันก็ลงจากรถมาชกกับคันอื่นครับ... เหนือฟ้าย่อมมีฟ้าเสมอ คน"เล่นปืน"จะรู้ว่าไม่มีใครเก่งที่สุดครับ ต่อให้ฝึกมาอย่างดี เดินยิงวิ่งยิงเข้าเป้าได้อย่างแม่นยำไม่ต้องปักหลักตั้งท่ายิง แต่เวลาเกิดเรื่องต้องใช้ปืนดั๊นนน ยืนด้านที่มีแสงอาทิตย์แยงตา... โฮ่ะ โฮ่ะ โฮ่ะ โฮ่ะ...

ทุกเรื่องมีดวงผสมอยู่ด้วยเสมอแหละครับ... ฮา

สรุปว่า... หากเจอคนโง่ขับรถกวน Teen ก็อย่าเผลอโง่กว่าเข้าน่ะครับ... แฮ่ๆ...


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: Zeus-รักในหลวง ที่ ธันวาคม 10, 2009, 11:49:00 AM
ก็อย่างที่ท่าน จขกท.ตั้งละครับ เป็นเรื่องของวุฒิภาวะทางอารมณ์ของบุคคล ปัญญามันมีอยู่ว่า เวลาไปขอปืน หรือไปทำใบขับขี่ไม่ได้มีการใช้แบบทดสอบ หรือทดสอบโดยนักจิตวิทยา แบบพวกนักบิน ว่าคุณเหมาะสมจะขับรถ หรือมีปืนหรือไม่....................ยกตัวอย่างง่าย ๆ ใกล้ตัวผม คือพี่สะใภ้ผมไม่ยอมขับรถเองครับ เพราะจบมาทางด้านจิตวิทยา แก่รู้ตัวว่า ไม่เหมาะสมที่จะขับรถ ใครจะเชิญให้ไปไหนถ้าไม่ส่งรถมารับก็ต้องนั่งแท๊กซี่ไป :)
ถ้าทุกคนต่างมีมารยาทในการใช้รถใช้ถนน ปัญหามันก็จะไม่เกิด ถ้าทุกกคนคิดว่าการพกปืนคือการเอาขาข้างหนึ่งแหย่เข้าไปในคุก ก็จะไม่มีใครคิดใช้ปืนเพื่อแก้ไขปัญหา อย่างที่พี่ชิ้วพูดครับ คนมีปืนใจเย็น ขี้เกรงใจ ขี้กลัว ตำรวจโบกก็ยิ้มยกมือไหว้ คุยดี ๆ เจรจาอธิบายถึงเหตุผลว่าอย่าเขียนใบสั่งเลยครับพี่ แต่ถ้าสุดท้ายคุณตำรวจอยากเขียนใบสั่งก็ให้เขียน ด้วยความเกรงใจและกลัวว่าคุณตำรวจจะเสียเวลาต้องมาค้นรถเรา  ;D
ผมเคยเจอหนักสุดก็คนไทยเชื้อสายอินเดีย แถวพัทยาขับรถชนรถผมแล้วขับหนี ผมขับตามพร้อมให้เมียโทรแจ้งตำรวจเพื่อสกัดจับ สุดท้ายตำรวจหาพิกัดไม่เจอ คู่กรณีจอดรถหน้าบ้านได้ ทำมึน แล้วก็ไปตามขาใหญ่แถวนั้นเพื่อจะมาขู่ ปืนอยู่ในจุดที่พร้อมจะใช้งาน แต่ผมเลือกที่จะยกมือไหว้ขาใหญ่ (เพราะถือว่าเขาไม่เกี่ยวข้องแต่เข้ามาเพราะถูกร้องขอ) แล้วบอกไปง่าย ๆ ว่า "พี่....เพื่อนพี่เมา ขับรถ ชนผมแล้วหนี แจ้งตำรวจไปแล้วครับ ให้เพื่อนพี่โทรตามประกันมาเคลมรถให้ผมด้วยครับ" คนเรามันพูดจากันรู้เรื่องครับ เว้นแต่ถ้าไม่ฟังกัน อันนั้นก็ว่ากันตามสมควรแก่เหตุเพื่อไปศาลดีกว่านอนในโลง :D


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: Ro@d - รักในหลวง ที่ ธันวาคม 10, 2009, 11:49:35 AM
ยังมีอีกเรื่องครับ...

ขับรถซูบารุเลกาซี่(2200 cc, 4WD Alltime อัตราเร่งดีมาก) แล้วไล่ปาดหน้ากับบิกไบค์(อัตราเร่งก็ดีมาก)... ในที่สุดปาดบิ๊กไบ๊ค์ได้จนล้ม เลยลงจากรถจะเอากระบองเบสบอลตีฯ...
บิ๊กไบค์เลยเอา 686/2.5 นิ้วอัดเป้งเข้าที่ลิ้นปี่... ดูภาพจากไทยรัฐฯ นอนหงายแขนขาเหยียดตรงกระบอกวางข้างตัวเลยครับ...

รายนี้เกิดใกล้เหม่งจ๋าย  พวกเที่ยวกลางคืน แล้ว.ซ่า  รายนี้ ความเมาพาไป เป็นเพื่อนของรุ่นน้องผมเอง  ถูกสายสืบ ยิง ป้องกันตัว หลังจากที่ตัวเองเจ็บหนักเหมือนกัน
ตายฟรี ครับ  :<<


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: chew - รักในหลวง ที่ ธันวาคม 10, 2009, 11:53:11 AM
เหมือนหนังเรื่อง dumb and dumber  ซิครับ ฮิ ฮิ

มีหรือไม่มีอาวุธ  อยู่ในรถแล้วเหมือนผีสิงจริงๆครับ  ต้องเอาน้ำมนต์พรมๆซะบ้าง  


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: Ro@d - รักในหลวง ที่ ธันวาคม 10, 2009, 11:57:41 AM
คนโง่มาอยู่บนถนนแยะเกินไปครับ โง่ไม่รู้จักวิธีขับรถไม่กวน Teen ผู้อื่น, โง่ไม่รู้จักให้อภัยคนที่โง่กว่า, และโง่ไม่รู้ตัวว่าถลำลึกเมื่อเผลอโง่ไปแล้วครับ...

โกรธคือโง่ โมโหคือบ้า... คนโง่กว่ามันจะกวน Teen คนอื่นเพราะความโง่ เช่นย้ายเลนไม่เป็น, ใช้สัญญาณบอกคนอื่นไม่เป็น คนอื่นไม่รู้ว่าเราจะทำอะไรเลยคาดเดาไม่ได้, หัดขับอยู่ตลอดเวลา ขับมาตั้งหลายปีแล้วก็ยัง"หัดขับ"บนถนนอยู่นั่นแหละไม่ยอมพัฒนา...

คนโง่พวกนี้ต่อให้ไม่มีปืน มันก็ลงจากรถมาชกกับคันอื่นครับ... เหนือฟ้าย่อมมีฟ้าเสมอ คน"เล่นปืน"จะรู้ว่าไม่มีใครเก่งที่สุดครับ ต่อให้ฝึกมาอย่างดี เดินยิงวิ่งยิงเข้าเป้าได้อย่างแม่นยำไม่ต้องปักหลักตั้งท่ายิง แต่เวลาเกิดเรื่องต้องใช้ปืนดั๊นนน ยืนด้านที่มีแสงอาทิตย์แยงตา... โฮ่ะ โฮ่ะ โฮ่ะ โฮ่ะ...

ทุกเรื่องมีดวงผสมอยู่ด้วยเสมอแหละครับ... ฮา

สรุปว่า... หากเจอคนโง่ขับรถกวน Teen ก็อย่าเผลอโง่กว่าเข้าน่ะครับ... แฮ่ๆ...
;D ;D ;D
ผมเคยเจอ มา ๒ ราย  คู่กรณีอาการอยากจะมีเรื่อง กันบนถนน  ผมจอดห่างออกไป ข้างหน้า แล้วจดเลขทะเบียนคู่กรณีไว้  และนั่งดูในรถ  ให้คู่กรณีเห็นชัด ๆ

แล้วสักครู่ ก็ได้ยินเสียง เจริญพรกัน แล้วแยกย้ายกันไป กับเสียงด่า ดัง ๆ   ๆ   ด่ากัน ดีกว่า ลงมือลงไม้ ลงมีด ยิงปืน  นะครับ  ;D


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: ลุมพินี08 ที่ ธันวาคม 10, 2009, 12:02:44 PM
เจอมาเยอะครับ เมื่อวานนี้เองเจอ BM คันงาม แต่จิตใจคนขับเป็นไงไม่รู้ขับมาจอดปิดทางแยกเพื่อลงไปซื้อของที่แม่ค้าขายริมทางตรงทางแยก ผมออกแยกไม่ได้บีบแตรเรียก คนขับกลับมายังมีหน้ามาทำกริยาข่มขู่ด้วยสีหน้าอีก แค่สีหน้ายังพอทนได้ครับ ต้องอดทนอดกั้นกับสิ่งที่เข้ายั่วอารมณ์ให้ได้ หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าตอนที่มีอารมณ์ให้มากๆ


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ ธันวาคม 10, 2009, 12:14:12 PM
ยังมีอีกเรื่องครับ...

ขับรถซูบารุเลกาซี่(2200 cc, 4WD Alltime อัตราเร่งดีมาก) แล้วไล่ปาดหน้ากับบิกไบค์(อัตราเร่งก็ดีมาก)... ในที่สุดปาดบิ๊กไบ๊ค์ได้จนล้ม เลยลงจากรถจะเอากระบองเบสบอลตีฯ...
บิ๊กไบค์เลยเอา 686/2.5 นิ้วอัดเป้งเข้าที่ลิ้นปี่... ดูภาพจากไทยรัฐฯ นอนหงายแขนขาเหยียดตรงกระบอกวางข้างตัวเลยครับ...

รายนี้เกิดใกล้เหม่งจ๋าย  พวกเที่ยวกลางคืน แล้ว.ซ่า  รายนี้ ความเมาพาไป เป็นเพื่อนของรุ่นน้องผมเอง  ถูกสายสืบ ยิง ป้องกันตัว หลังจากที่ตัวเองเจ็บหนักเหมือนกัน
ตายฟรี ครับ  :<<

นายสมชายจำจากในหนังสือพิมพ์ได้ว่า สายสืบโดนตีแขนซ้ายหักร่องแร่ง... ส่วนคนตี นายสมชายเห็นภาพในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐฯ นอนหงายกระบองเบสบอลวางข้างตัวเลย...
ตามข่าวว่าคนตีเป็นเจ้าของร้านเหล้าด้วยครับ... โดนนัดเดียวนอนหงายเลย .357 นี่เฉียบจริงครับ...


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: infarno ที่ ธันวาคม 10, 2009, 12:23:43 PM
ส่วนผมใจเย็นอย่างเดียวครับ  เพราะผมใช้รถอยู่ตลอด  ใครบีบแตไล่ผมก็หลบให้อยากไปก่อนก็ไปผมไม่รีบ  เพราะไม่ยากมีปัญหาแล้วก็ใจเย็นๆๆๆเอาไว้
ยางเดียวดีที่สุด


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: Choro - รักในหลวง ที่ ธันวาคม 10, 2009, 12:27:00 PM
เรื่องพวกนี้ถ้าอยู่ต่างจังหวัดจะช่วยได้เยอะครับ  ::014::

 คนกรุงเทพฯ เป็นคนขี้กลัวครับ คือ กลัวว่าตัวเองจะช้ากว่าคนอื่น กลัวว่าตัวเองจะไม่ได้ไป กลัวว่าจะรอนาน

สุดท้ายน้ำใจและวินัยหายหมด  ผลเลยออกมาอย่างที่เห็น  ::014::


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: ~ Sitthipong - รักในหลวง ~ ที่ ธันวาคม 10, 2009, 12:36:41 PM
มีปืนต้องใจเย็นให้มากครับ  ;)


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: COMBAT85 ที่ ธันวาคม 10, 2009, 12:41:14 PM
คนเราต่างจิตต่างใจ การให้อภัยกันเป็นสิ่งที่ดีไม่พาให้ตัวเองและคอบครัวเดือดร้อนคนที่มีปืนติดรถย่อมควรใช้การข่มใจให้มากที่สุด การใช้ปืนเป็นเครื่องมือที่จะทำให้คนอื่นเขาได้รับอันตรายถึงตายย่อมเป็นคนที่ไม่ควบคุมอารมณ์ตนเองผลที่สุดก็เสียความอิสระในตนเอง เพียงอารมณ์แค่ไม่ถึง 1 นาทีก็ทำให้เกิดความเดือดร้อนคนหลายคนที่เป็นห่วงเราก็พลอยเดือดร้อนไปด้วย ถ้าถึงขั้นขึ้นโรงชึ้นศาล ติดคุกขึ้นมาก็คงไร้อิสระภาพ ไม่คุ้มกลับการกระทำอย่างที่ทำลงไป  เพียงแค่ให้คนอื่นเขาตายเท่านั้น การที่เราพบกับเขาเพียงแค่ 1 นาทีแล้วทำให้เขาตายไปนั้นมันช่างไม่ยุติธรรมกับคนตายเลยครับ ทั้งที่เขารักตนเองเหมือนเราเหมือนกัน.การให้อภัยย่อมเป็นหนทางและทางออกที่ดีที่สุด
  ผมคนหนึ่งที่มีปืนติดรถประจำแต่ก็ไม่คิดที่จะเอาออกมายิงกันในสถานะการณ์เช่นนี้. ::014::


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: Ro@d - รักในหลวง ที่ ธันวาคม 10, 2009, 12:42:56 PM
คนเราต่างจิตต่างใจ การให้อภัยกันเป็นสิ่งที่ดีไม่พาให้ตัวเองและคอบครัวเดือดร้อนคนที่มีปืนติดรถย่อมควรใช้การข่มใจให้มากที่สุด การใช้ปืนเป็นเครื่องมือที่จะทำให้คนอื่นเขาได้รับอันตรายถึงตายย่อมเป็นคนที่ไม่ควบคุมอารมณ์ตนเองผลที่สุดก็เสียความอิสระในตนเอง เพียงอารมณ์แค่ไม่ถึง 1 นาทีก็ทำให้เกิดความเดือดร้อนคนหลายคนที่เป็นห่วงเราก็พลอยเดือดร้อนไปด้วย ถ้าถึงขั้นขึ้นโรงชึ้นศาล ติดคุกขึ้นมาก็คงไร้อิสระภาพ ไม่คุ้มกลับการกระทำอย่างที่ทำลงไป  เพียงแค่ให้คนอื่นเขาตายเท่านั้น การที่เราพบกับเขาเพียงแค่ 1 นาทีแล้วทำให้เขาตายไปนั้นมันช่างไม่ยุติธรรมกับคนตายเลยครับ ทั้งที่เขารักตนเองเหมือนเราเหมือนกัน.การให้อภัยย่อมเป็นหนทางและทางออกที่ดีที่สุด
  ผมคนหนึ่งที่มีปืนติดรถประจำแต่ก็ไม่คิดที่จะเอาออกมายิงกันในสถานะการณ์เช่นนี้. ::014::

.........................    ::002:: ::002:: ::002::    เยี่ยม ครับ  ::014::


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: COMBAT85 ที่ ธันวาคม 10, 2009, 12:45:32 PM
 ::014::จากใจจริงครับพี่  RO@D


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: Narongsak Kwan ที่ ธันวาคม 10, 2009, 12:48:51 PM
  ::004::ผมก็เคยใจร้อนครับใครอย่าได้ขับรถปาดหน้าเชียวเป็นต้องปาดคืน ::004::  :VOV: :VOV:แต่ตอนนี้มีลูกแล้วทำอะไรใจเย็นขึ้นมากเลยครับคิดถึงลูกไว้ก่อนครับ ::002::


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: เมียหลวงสั่งถอย เมียน้อยสั่งลุย ที่ ธันวาคม 10, 2009, 12:49:43 PM
เขาเรียกว่า หมาบ้า

............................   ::002:: ::002:: ::002::.  ตรง ดีครับ .

คนเรา คิดว่ามีปืน แล้วมีอำนาจ และมักเผลอว่า คนอื่น มือเปล่า หรือมีแต่ มีด ไม้
และเป็นความจริง ที่ว่า เมื่อตัวเองถูกลูกปืน เมื่อนั้นจะรู้สึก ถึงความกลัวตาย จนหมด ความซ่า ความกร้าวร้าว แต่ก็อาจสายไปแล้ว

อาวุธปืน มีไว้เพื่อป้องกันชีวิตตนเองและครอบครัว รวมถึงผู้อื่นให้พ้นจากอันตรายฯ จากโจร คนร้าย  ไม่ใช่จากคนดี ..  
แต่หลายครั้ง มากเหลือเกิน วนเวียนอยู่กับเรื่องหวังใช้ในการเอาชนะ ในการทะเลาะวิวาท ซะงั้น

เหตุการณ์รายแรก ตาม ที่จขกท.ยกมา  เมื่อราว ๑๕ ปีมาแล้ว  ดร. ใช้ .๔๕ ยิงขู่ขึ้นฟ้า  แต่ ร.ต.อ. กับสวนด้วย .๓๕๗  ไม่ถือเป็นการป้องกันตัว ศาลลงโทษจำคุก

รายที่ ๒ และ ๓ มันก็เป็นได้แค่ไอ้ชั่วคนหนึ่ง   ที่ยิงคนมือเปล่า ไม่มีทางสู้

สมควรแล้วครับ ถ้าไม่เอาปืนออกมายิงขู่คงไม่โดนยิง   ผมว่าถ้าเป็นใครที่มีปืนก็คงยิงสวนก่อนละครับ

ท่านอาจเข้าใจผิดแล้ว นะครับ ถึงเค้าจะเอาปืนออกมายิงขู่ เพื่อขับไล่ ก็เพื่อหวังระงับความกร่างของคู่กรณี.. ท่านไม่มีสิทธิไปยิงเขา นะครับ อย่าไปตกอยูใต้อารมณ์ชั่วแล่น คุยทางตัวหนังสือนั้นได้ครับ  แต่ถ้าเผลอไปกระทำ ชีวิต จะรันทด ยากจะกลับมาอีก  ..  เพียงแค่ถอยหลัง รถให้กัน ถึงจะถูกยิงขู่  เค้าไม่ใช่เค้าพยายามจะฆ่าท่าน  ยังไม่เกิดสิทธิในการป้องกันตัว นะครับ

แต่เมื่อไหร่ เมื่อเค้าหันปืนมาจ้องเล็งมาที่ท่าน นั้นแหละครับ ท่านจึงจะเกิดสิทธิป้องกันตัว   เรื่องทีเล่านั้น กลายเป็นสมัครใจวิวาท ถึงไม่เข้าเรื่องวิวาท ก็ไม่ยังไม่เข้าการป้องกันตัวครับ

แต่เป็นการเพิ่มความกร่างให้คู่กรณีแทน แทนที่เขาจะไม่ยิง กลายเป็นเขารีบยิง

ถ้าเขายิงขู่เพื่อให้เราถอยรถเนี่ย คิดว่าเกินไปนะครับ ถ้าผมขับรุถแล้วฝั่งตรงข้ามยิงปืนขึ้นเนี่ย ผมคงไม่คิดว่าเขายิงเพื่อให้ผมถอยรถแน่

แต่บางทีอาจจะไม่ทันการนะครับ ลองคิดดูถ้าเขาฝึกยิงปืนมาอย่างดี นัดที่สองนี่เราอาจไม่ทันได้หยิบปืนด้วยซ้ำ

ผมคิดว่าในทางปฏิบัติไม่สมควรเอาปืนออกมายิงขู่นอกบ้านไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้น

ผมตอบตามความคิดเห็นนะครับพี่ ไม่ได้ตอบแบบกวนประสาทนะครับ คิดอย่างไร รู้สึกอย่างไร ก็ตอบไปแบบนั้น   ::014::


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: Ro@d - รักในหลวง ที่ ธันวาคม 10, 2009, 12:58:37 PM
เขาเรียกว่า หมาบ้า

............................   ::002:: ::002:: ::002::.  ตรง ดีครับ .

คนเรา คิดว่ามีปืน แล้วมีอำนาจ และมักเผลอว่า คนอื่น มือเปล่า หรือมีแต่ มีด ไม้
และเป็นความจริง ที่ว่า เมื่อตัวเองถูกลูกปืน เมื่อนั้นจะรู้สึก ถึงความกลัวตาย จนหมด ความซ่า ความกร้าวร้าว แต่ก็อาจสายไปแล้ว

อาวุธปืน มีไว้เพื่อป้องกันชีวิตตนเองและครอบครัว รวมถึงผู้อื่นให้พ้นจากอันตรายฯ จากโจร คนร้าย  ไม่ใช่จากคนดี ..  
แต่หลายครั้ง มากเหลือเกิน วนเวียนอยู่กับเรื่องหวังใช้ในการเอาชนะ ในการทะเลาะวิวาท ซะงั้น

เหตุการณ์รายแรก ตาม ที่จขกท.ยกมา  เมื่อราว ๑๕ ปีมาแล้ว  ดร. ใช้ .๔๕ ยิงขู่ขึ้นฟ้า  แต่ ร.ต.อ. กับสวนด้วย .๓๕๗  ไม่ถือเป็นการป้องกันตัว ศาลลงโทษจำคุก

รายที่ ๒ และ ๓ มันก็เป็นได้แค่ไอ้ชั่วคนหนึ่ง   ที่ยิงคนมือเปล่า ไม่มีทางสู้

สมควรแล้วครับ ถ้าไม่เอาปืนออกมายิงขู่คงไม่โดนยิง   ผมว่าถ้าเป็นใครที่มีปืนก็คงยิงสวนก่อนละครับ

ท่านอาจเข้าใจผิดแล้ว นะครับ ถึงเค้าจะเอาปืนออกมายิงขู่ เพื่อขับไล่ ก็เพื่อหวังระงับความกร่างของคู่กรณี.. ท่านไม่มีสิทธิไปยิงเขา นะครับ อย่าไปตกอยูใต้อารมณ์ชั่วแล่น คุยทางตัวหนังสือนั้นได้ครับ  แต่ถ้าเผลอไปกระทำ ชีวิต จะรันทด ยากจะกลับมาอีก  ..  เพียงแค่ถอยหลัง รถให้กัน ถึงจะถูกยิงขู่  เค้าไม่ใช่เค้าพยายามจะฆ่าท่าน  ยังไม่เกิดสิทธิในการป้องกันตัว นะครับ

แต่เมื่อไหร่ เมื่อเค้าหันปืนมาจ้องเล็งมาที่ท่าน นั้นแหละครับ ท่านจึงจะเกิดสิทธิป้องกันตัว   เรื่องทีเล่านั้น กลายเป็นสมัครใจวิวาท ถึงไม่เข้าเรื่องวิวาท ก็ไม่ยังไม่เข้าการป้องกันตัวครับ

แต่เป็นการเพิ่มความกร่างให้คู่กรณีแทน แทนที่เขาจะไม่ยิง กลายเป็นเขารีบยิง

ถ้าเขายิงขู่เพื่อให้เราถอยรถเนี่ย คิดว่าเกินไปนะครับ ถ้าผมขับรุถแล้วฝั่งตรงข้ามยิงปืนขึ้นเนี่ย ผมคงไม่คิดว่าเขายิงเพื่อให้ผมถอยรถแน่

แต่บางทีอาจจะไม่ทันการนะครับ ลองคิดดูถ้าเขาฝึกยิงปืนมาอย่างดี นัดที่สองนี่เราอาจไม่ทันได้หยิบปืนด้วยซ้ำ

ผมคิดว่าในทางปฏิบัติไม่สมควรเอาปืนออกมายิงขู่นอกบ้านไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้น

ผมตอบตามความคิดเห็นนะครับพี่ ไม่ได้ตอบแบบกวนประสาทนะครับ คิดอย่างไร รู้สึกอย่างไร ก็ตอบไปแบบนั้น   ::014::


เกรงจะเป็นการเข้าใจผิดนะครับ คุณ เมียหลวงสั่งถอย  เมียน้อยสั่งลุย 

จึงมาช่วยดัดท้ายให้ จักได้เห็นแนวทางที่จะทำให้รอดจากเหตุการณ์ร้ายไปได้   นะครับ   ;)

มาคัดท้าย ในข้อกฎหมายให้นะครับ ท่านไม่ต้องกังวล  นะครับ  ::014::


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: Zeus-รักในหลวง ที่ ธันวาคม 10, 2009, 12:59:16 PM
เขาเรียกว่า หมาบ้า

............................   ::002:: ::002:: ::002::.  ตรง ดีครับ .

คนเรา คิดว่ามีปืน แล้วมีอำนาจ และมักเผลอว่า คนอื่น มือเปล่า หรือมีแต่ มีด ไม้
และเป็นความจริง ที่ว่า เมื่อตัวเองถูกลูกปืน เมื่อนั้นจะรู้สึก ถึงความกลัวตาย จนหมด ความซ่า ความกร้าวร้าว แต่ก็อาจสายไปแล้ว

อาวุธปืน มีไว้เพื่อป้องกันชีวิตตนเองและครอบครัว รวมถึงผู้อื่นให้พ้นจากอันตรายฯ จากโจร คนร้าย  ไม่ใช่จากคนดี ..  
แต่หลายครั้ง มากเหลือเกิน วนเวียนอยู่กับเรื่องหวังใช้ในการเอาชนะ ในการทะเลาะวิวาท ซะงั้น

เหตุการณ์รายแรก ตาม ที่จขกท.ยกมา  เมื่อราว ๑๕ ปีมาแล้ว  ดร. ใช้ .๔๕ ยิงขู่ขึ้นฟ้า  แต่ ร.ต.อ. กับสวนด้วย .๓๕๗  ไม่ถือเป็นการป้องกันตัว ศาลลงโทษจำคุก

รายที่ ๒ และ ๓ มันก็เป็นได้แค่ไอ้ชั่วคนหนึ่ง   ที่ยิงคนมือเปล่า ไม่มีทางสู้

สมควรแล้วครับ ถ้าไม่เอาปืนออกมายิงขู่คงไม่โดนยิง   ผมว่าถ้าเป็นใครที่มีปืนก็คงยิงสวนก่อนละครับ

ท่านอาจเข้าใจผิดแล้ว นะครับ ถึงเค้าจะเอาปืนออกมายิงขู่ เพื่อขับไล่ ก็เพื่อหวังระงับความกร่างของคู่กรณี.. ท่านไม่มีสิทธิไปยิงเขา นะครับ อย่าไปตกอยูใต้อารมณ์ชั่วแล่น คุยทางตัวหนังสือนั้นได้ครับ  แต่ถ้าเผลอไปกระทำ ชีวิต จะรันทด ยากจะกลับมาอีก  ..  เพียงแค่ถอยหลัง รถให้กัน ถึงจะถูกยิงขู่  เค้าไม่ใช่เค้าพยายามจะฆ่าท่าน  ยังไม่เกิดสิทธิในการป้องกันตัว นะครับ

แต่เมื่อไหร่ เมื่อเค้าหันปืนมาจ้องเล็งมาที่ท่าน นั้นแหละครับ ท่านจึงจะเกิดสิทธิป้องกันตัว   เรื่องทีเล่านั้น กลายเป็นสมัครใจวิวาท ถึงไม่เข้าเรื่องวิวาท ก็ไม่ยังไม่เข้าการป้องกันตัวครับ

แต่เป็นการเพิ่มความกร่างให้คู่กรณีแทน แทนที่เขาจะไม่ยิง กลายเป็นเขารีบยิง

ถ้าเขายิงขู่เพื่อให้เราถอยรถเนี่ย คิดว่าเกินไปนะครับ ถ้าผมขับรุถแล้วฝั่งตรงข้ามยิงปืนขึ้นเนี่ย ผมคงไม่คิดว่าเขายิงเพื่อให้ผมถอยรถแน่

แต่บางทีอาจจะไม่ทันการนะครับ ลองคิดดูถ้าเขาฝึกยิงปืนมาอย่างดี นัดที่สองนี่เราอาจไม่ทันได้หยิบปืนด้วยซ้ำ

ผมคิดว่าในทางปฏิบัติไม่สมควรเอาปืนออกมายิงขู่นอกบ้านไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้น

ผมตอบตามความคิดเห็นนะครับพี่ ไม่ได้ตอบแบบกวนประสาทนะครับ คิดอย่างไร รู้สึกอย่างไร ก็ตอบไปแบบนั้น   ::014::
ผมเคยเจอกรณีหนึ่งครับ เรื่องคือบ้านติดกัน แต่มีปัญหาด้วยเรื่องการทำกันสาดที่ล้ำไปบนกำแพงทำให้น้ำไหลเข้าบ้านข้าง ๆ ฝ่ายล้ำคือปลัดอำเภออาวุโส อีกฝ่ายถูกล้ำคือสาธารณสุข ปรจำตำบล ปลัดอำเภองัดปืนยิงขึ้นฟ้า สาธารณสุขก็ยิงมั่ง ที่นี้ละต่างคนต่างยิงครับ  (11 มม.ด้วยกันทั้งคู่) ยิ่งกันจนหมดแม๊ก ไม่มีใครเจ็บ ใครตายครับ เพราะต่างคนต่างยิงปืนขึ้นฟ้า ไม่มองหน้ากันอีกเลยนับแต่บัดนั้น.....เป็นตำนานเล่าขานประจำหมู่บ้านครับว่า เคยมีเรื่องถึงขั้นยิงกันจนหมดแม๊ก


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: pasta ที่ ธันวาคม 10, 2009, 01:00:30 PM
ขับรถงดใจร้อน เอื้ออาทรเพื่อนร่วมทาง :VOV: / สุนัขบนท้องถนนที่โดนรถชนตายเพราะมันเตลิดไม่รู้ทิศรู้ทางอาจบ้าบอ หิวโหย  วิ่งเล่นซนดื้อ หลงทาง  บางตัวโชคดีก็รอด ::002:: .............คนขับรถก็ตัดสินใจได้ว่าจะหลบ ชลอ เลี่ยงการชนแต่ต้องตัดสินใจแล้วว่าต้องปลอดภัยกับคุณและผู้โดยสารด้วย ............แล้วกับคนด้วยกันล่ะ  ขับรถบนท้องถนนผมหลบให้ทุกโอกาสถ้าทำได้ทันทีไม่มีคำว่าเสียฟรอ์มทุกกรณีทั้งคุณและผมแม้คุณจะให้ควายหรือชูนิ้วกลางผมก็ไม่โกรธ.....แต่ขอเลขทะเบียนไปแทงหวยหน่อยนะ ::011::


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: เขาใหญ่ ที่ ธันวาคม 10, 2009, 02:55:42 PM
เขาเรียกว่า หมาบ้า

............................   ::002:: ::002:: ::002::.  ตรง ดีครับ .

คนเรา คิดว่ามีปืน แล้วมีอำนาจ และมักเผลอว่า คนอื่น มือเปล่า หรือมีแต่ มีด ไม้
และเป็นความจริง ที่ว่า เมื่อตัวเองถูกลูกปืน เมื่อนั้นจะรู้สึก ถึงความกลัวตาย จนหมด ความซ่า ความกร้าวร้าว แต่ก็อาจสายไปแล้ว

อาวุธปืน มีไว้เพื่อป้องกันชีวิตตนเองและครอบครัว รวมถึงผู้อื่นให้พ้นจากอันตรายฯ จากโจร คนร้าย  ไม่ใช่จากคนดี ..  
แต่หลายครั้ง มากเหลือเกิน วนเวียนอยู่กับเรื่องหวังใช้ในการเอาชนะ ในการทะเลาะวิวาท ซะงั้น

เหตุการณ์รายแรก ตาม ที่จขกท.ยกมา  เมื่อราว ๑๕ ปีมาแล้ว  ดร. ใช้ .๔๕ ยิงขู่ขึ้นฟ้า  แต่ ร.ต.อ. กับสวนด้วย .๓๕๗  ไม่ถือเป็นการป้องกันตัว ศาลลงโทษจำคุก

รายที่ ๒ และ ๓ มันก็เป็นได้แค่ไอ้ชั่วคนหนึ่ง   ที่ยิงคนมือเปล่า ไม่มีทางสู้

สมควรแล้วครับ ถ้าไม่เอาปืนออกมายิงขู่คงไม่โดนยิง   ผมว่าถ้าเป็นใครที่มีปืนก็คงยิงสวนก่อนละครับ

ท่านอาจเข้าใจผิดแล้ว นะครับ ถึงเค้าจะเอาปืนออกมายิงขู่ เพื่อขับไล่ ก็เพื่อหวังระงับความกร่างของคู่กรณี.. ท่านไม่มีสิทธิไปยิงเขา นะครับ อย่าไปตกอยูใต้อารมณ์ชั่วแล่น คุยทางตัวหนังสือนั้นได้ครับ  แต่ถ้าเผลอไปกระทำ ชีวิต จะรันทด ยากจะกลับมาอีก  ..  เพียงแค่ถอยหลัง รถให้กัน ถึงจะถูกยิงขู่ เค้าไม่ใช่เค้าพยายามจะฆ่าท่าน  ยังไม่เกิดสิทธิในการป้องกันตัว นะครับ

แต่เมื่อไหร่ เมื่อเค้าหันปืนมาจ้องเล็งมาที่ท่าน นั้นแหละครับ ท่านจึงจะเกิดสิทธิป้องกันตัว  เรื่องทีเล่านั้น กลายเป็นสมัครใจวิวาท ถึงไม่เข้าเรื่องวิวาท ก็ไม่ยังไม่เข้าการป้องกันตัวครับ



+1 ครับได้ความรู้   สมัคใจวิวาท  ป้องกันตัว  เกินกว่าเหตุ       


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: chew - รักในหลวง ที่ ธันวาคม 10, 2009, 03:22:10 PM
ขับรถงดใจร้อน เอื้ออาทรเพื่อนร่วมทาง :VOV: / สุนัขบนท้องถนนที่โดนรถชนตายเพราะมันเตลิดไม่รู้ทิศรู้ทางอาจบ้าบอ หิวโหย  วิ่งเล่นซนดื้อ หลงทาง  บางตัวโชคดีก็รอด ::002:: .............คนขับรถก็ตัดสินใจได้ว่าจะหลบ ชลอ เลี่ยงการชนแต่ต้องตัดสินใจแล้วว่าต้องปลอดภัยกับคุณและผู้โดยสารด้วย ............แล้วกับคนด้วยกันล่ะ  ขับรถบนท้องถนนผมหลบให้ทุกโอกาสถ้าทำได้ทันทีไม่มีคำว่าเสียฟรอ์มทุกกรณีทั้งคุณและผมแม้คุณจะให้ควายหรือชูนิ้วกลางผมก็ไม่โกรธ.....แต่ขอเลขทะเบียนไปแทงหวยหน่อยนะ ::011::
อันนี้จริงครับ  นึกว่าหลบให้หมาก็ดีเหมือนกัน  ::005:: ::008::


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: RTCO ที่ ธันวาคม 10, 2009, 04:12:40 PM
ในขณะที่เราขับรถออกจากบ้าน บางเหตุการที่เกิดกับเรา หลายครั้งที่เคยบอกกับตัวเองว่า "ถ้าเอาปืนติดรถมา ป่านนี้คงติดคุกไปแล้ว" แล้วเราก็เคยได้ยินข่าวเช่นนี้...

           1. ผศ. อาจารย์มหาลัย..ขับรถสวนกันในซอยแคบกับ ร.ต.อ เมื่อไม่ยอมหลีกให้กัน ผล....ผศ.ตาย
           2. ชายสูงอายุ 60 ปลายๆ  กดแตรเมื่อจะต่อท้ายรถหนุ่ม 30 เพื่อจะเติมน้ำมัน เมื่อลงไปใส่กัน ชายสูงอายุเข้าไปหยิบปืนในรถ ผล....หนุ่ม 30 ตาย
           3. ชายขี่เบ็นซ์ออกจากบ่อนตอนตี 4 เจอแท็กซี่ หาผู้โดยสารขับช้าขวางหน้า แซงขึ้นไปส่องด้วย .45 ตาย

       ยังมีอีกหลายเหตุการณ์ในลักษณะเช่นนี้จนนับไม่ถ้วน  ผมเป็นคนหนึ่งที่ใจร้อนในบางครั้ง และภรรยาห้ามเด็ดขาดในการนำปืนเข้าไปไว้ในรถ  (บางครั้งไปต่างจังงหวัด ต้องแอบซ่อนไม่ให้รู้) เพราะกลัวจะต้องติดคุกในยามแก่ ที่จริงภรรยาผมพูดก็ถูกเหมือนกัน ผมเลยไม่นำปืนติดรถในขณะที่ขับรถใน กทม.
       ผมคิดถูกหรือเปล่าครับ
   

จากทั้ง 3 ข้อ ท่านเจ้าของกระทู้จะยอมเป็นฝ่ายที่ขึ้นศาล หรือ จะยอมเป็นฝ่ายที่นอนอยู่ในโลงครับ

ผมว่าถ้าไม่มีปืนติดรถไปด้วย คดีข้างบนก็จะเป็นแค่คดีทะเลาะวิวาทอย่างมากก็ต่อยกันแค่หน้าแหกปากฉีก

โดนปรับห้าร้อยพันหนึ่ง  พอมีปืนรูปการณ์ก็เปลี่ยนไปเป็นคดีฆ่า ทั้งๆที่มันไม่น่าจะเป็น

ผมจะพกปืนก็เฉพาะตอนออกต่างจังหวัดหรือไปในที่ที่คิดว่าไม่ปลอดภัยเท่านั้น

เพราะคิดว่าตัวเราจะอารมณ์เย็นยังไง แต่ตอนโกรธขึ้นมาแล้ว  มันไม่มีสติที่จะมานั่งคิดหรือตรึกตรองอะไร ::014::





หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: chitsanu ที่ ธันวาคม 10, 2009, 04:13:43 PM
หยดน้ำใจลงถนน  ทำความดีถวายพ่อ  คิดซะว่าเค้ามีธุระร้อน ทุกวันนี้คิดอยู่แค่นี้ ช่วยได้เยอะครับ


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: ลุมพินี08 ที่ ธันวาคม 10, 2009, 05:41:39 PM
อย่าไปใส่ใจกับสิ่งยั่วยวนให้เกิดอารมณ์ ถ้าอารมณ์ไม่เกิดสติก็ไม่แตก เราก็จะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: natdanai-รักในหลวง ที่ ธันวาคม 10, 2009, 06:48:41 PM
:D
ขอนอกเรื่องปืนนิดนึงครับ
เคยอ่านข้อเขียนเชิงจิตวิทยาชิ้นหนึ่ง  ผมว่าเขามีมุมมองที่ดี
เขาบอกว่าการขับรถบนถนนที่มีรถจำนวนมาก ขับเปลี่ยนเลนไปมา  ก็เหมือนกับการเดินบนทางเท้าที่มีคนเยอะๆ
เวลาเราเดินบนทางเท้า  แล้วมีคนเดินปาดหน้า  หรือเบียดเข้ามาในทางของเรา  มักไม่มีการทะเลาะ หรือเกิดเรื่อง....เพราะอะไร?
เพราะมนุษย์เรามีภาษากายครับ
คนที่เดินปาดหน้าเรา  เขามักมีภาษากายประกอบเพื่อขอความเห็นใจ เช่นกริยา ค้อมหัว ยกมือ หรือยิ้มเชิงขอร้อง บางทีมีกระทั่งพูดว่า ขอโทษครับขอทางหน่อยนะครับ
เราก็มักให้เขาเดินปาดไปโดยไม่รู้สึกโกรธอะไรเลย
เพราะภาษากายของเขา  มันบอกให้เรารู้ว่าเขาเห็นว่าเรามีตัวตน เขาให้เกียรติโดยการแสดงอาการให้เราเห็นว่าเขาแคร์ที่มาสร้างความลำบากให้เรา  ให้เราต้องเดินชะลอนิดนึง
เราอ่าน"หัวใจ"เขาออกผ่านภาษากาย

แต่กับรถยนต์บนถนนนั้น  บางทีการขอเปลี่ยนเลนกระชั้นชิด 
เราไม่เห็นกริยาของคนในรถ  เราเห็นแต่ก้อนเหล็กขึ้นรูปเป็นรถ  เห็นเงารางๆของคนขับหลังฟิล์มสีดำ
พอเขาปาดมาปุ๊ป  เราจะรู้สึกต่างจากเวลามีคนค้อมหัวให้เวลาถูกเบียดบนทางเท้า
เราไม่เห็นภาษากายของเขา  เราเลยอ่านใจเขาไม่ออก
มันเลยจะพาลคิดไปว่า "โหย เบียดไม่ดูตาม้าตาเรือ เห็นแก่ตัวชิบ แม่ม...."
บางทีเราก็โกรธจนบีบแตรไล่  ขับรถจี้  หรือแซงไปดูหน้ามันเสียหน่อย
ไอ้เจ้าคนอีกฝ่ายเกิดไม่ยอม  ก็เป็นเรื่องกันใหญ่โตครับ
...



ปี 2551 ผมมีโอกาสได้ลองขับรถที่ประเทศเกาหลีใต้ (ผมมีใบขับขี่สากล) สิ่งหนึ่งที่ผมเห็นด้วยกับความเห็นของคุณaka11 และอยากให้คนไทยเราลองใช้วิธีขอบคุณโดยใช้ภาษารถ คือ ที่ประเทศเกาหลีใต้ เค้านิยมขอบคุณด้วยการกระพริบไฟฉุกเฉิน หลังจากที่เค้าขอแทรงเข้าหน้ารถเรา  กระพริบประมาณ 3-4 ครั้ง รถคันหลังก็ทราบว่าเค้าขอบคุณ  ผมว่านี่คือภาษารถ ที่ดูสุภาพดี และเค้าใช้กันจนทุกคนเข้าใจภาษานี้  ถ้าเป็นไปได้ที่เมืองไทยเราน่าจะคิดภาษารถ เพื่อใช้กันบ้างนะ .....โดยให้กรมทางขนส่งทางบก เป็นผู้คิดสัญญานต่างๆ แล้วเผยแพร่ให้ทุกคนเข้าใจ ...... คนไทยจะได้มีสุขภาพจิตที่ดีขึ้น   :VOV: :VOV:



หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: ธำรง ที่ ธันวาคม 10, 2009, 07:04:35 PM
ในขณะที่เราขับรถออกจากบ้าน บางเหตุการที่เกิดกับเรา หลายครั้งที่เคยบอกกับตัวเองว่า "ถ้าเอาปืนติดรถมา ป่านนี้คงติดคุกไปแล้ว" แล้วเราก็เคยได้ยินข่าวเช่นนี้...

           1. ผศ. อาจารย์มหาลัย..ขับรถสวนกันในซอยแคบกับ ร.ต.อ เมื่อไม่ยอมหลีกให้กัน ผล....ผศ.ตาย
           2. ชายสูงอายุ 60 ปลายๆ  กดแตรเมื่อจะต่อท้ายรถหนุ่ม 30 เพื่อจะเติมน้ำมัน เมื่อลงไปใส่กัน ชายสูงอายุเข้าไปหยิบปืนในรถ ผล....หนุ่ม 30 ตาย
           3. ชายขี่เบ็นซ์ออกจากบ่อนตอนตี 4 เจอแท็กซี่ หาผู้โดยสารขับช้าขวางหน้า แซงขึ้นไปส่องด้วย .45 ตาย

       ยังมีอีกหลายเหตุการณ์ในลักษณะเช่นนี้จนนับไม่ถ้วน  ผมเป็นคนหนึ่งที่ใจร้อนในบางครั้ง และภรรยาห้ามเด็ดขาดในการนำปืนเข้าไปไว้ในรถ  (บางครั้งไปต่างจังงหวัด ต้องแอบซ่อนไม่ให้รู้) เพราะกลัวจะต้องติดคุกในยามแก่ ที่จริงภรรยาผมพูดก็ถูกเหมือนกัน ผมเลยไม่นำปืนติดรถในขณะที่ขับรถใน กทม.  
       ผมคิดถูกหรือเปล่าครับ   

ถูกครับ  ::014::



หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: tidsadee ที่ ธันวาคม 10, 2009, 09:03:49 PM
 :o :o :o  คิดครับ คิดถึงเรื่องที่จะตามมา.....ส่วนใหญ่มันอาจเป็นเรื่องไม่ค่อยจะสู้ดีนัก ::003:: ::003::


ขอบให้พี่ๆทุกท่าน หายใจลึกๆครับ   บอกว่า  "ช่างมัน"สักครั้งแล้ว ทุกอย่างก็จะเรียบร้อยครับ ;D ;D ;D


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: KGB-7-รักในหลวง ที่ ธันวาคม 10, 2009, 09:58:20 PM
ภาษารถในประเทศไทยก็มีครับ พวกพี่ที่ขับสิบล้อก็ใช้กันอยู่
เวลาวิ่งถนนเลนเดียว เขาจะคอยให้สัญญานว่ามีหรือไม่มีรถสวนมา

ส่วนตัวผมไม่ขอพกปืนติดรถครับ เพราะว่ากลัวติดคุก กลัวไม่ได้อยู่กับลูกกับเมีย ::014::


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: rute - รักในหลวง ที่ ธันวาคม 10, 2009, 10:41:42 PM
ขับรถต้องมีน้ำใจกับเพื่อนร่วมทางครับ...

ยอมๆกันได้ก็ควรยอมกันไป...

กลับถึงบ้านได้ก็นอนหลับสบาย...

อีโก้สูงมากอาจได้ไปนอนโรงพัก โรงพยาบาล หรือหนักกว่านั้นคือนอนวัดครับ...::014::


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: outpost 1969 รักในหลวง ที่ ธันวาคม 10, 2009, 11:10:25 PM
 ::014::สวัสดีครับ ::014::

 ::014::ขอบพระคุณทุกๆความคิดเห็นที่ล้ำค่า ::002::


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: pasta ที่ ธันวาคม 11, 2009, 02:16:55 AM
บางครั้ง....การเป็นผู้โดยสารมันก็ทำให้เลือดลมสูบฉีดได้ดีเหมือนกัน   ผมต้องออกปากบอกพร้อมให้มันจอดรถ ขับเร็วกรูไม่สนหรอก แต่เห็นมรึงหงุดหงิดคอยสบถด่าทำกิริยาถ่อยๆ ขับกวนตรีนคันอื่นเขาไปทั่ว กรูไม่ชอบ ไม่อยากได้ของแถมจากมรึง แต่กรูให้มรึงฟรีๆด้วยจังเกิ้ล USA ทะเลทรายจักรยานถีบเข้าหน้าแง ข้อหาเตือนแล้วและไม่หยุดให้กรูลง / ::014:: กราบขออภัยครับที่ใช้คำไม่สุภาพ


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: telekbook - รักในหลวง ที่ ธันวาคม 11, 2009, 08:26:20 AM
สำหรับประชาชนคนธรรมดาที่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่  การเอาปืนติดรถในสภาพพร้อมใช้งานนี่เท่าที่ดูๆฟังๆแล้วถือว่าประโยชน์น้อยมากๆเลยครับ  โดยเฉพาะการไปมาระหว่างที่ทำงานกับที่บ้าน ( ยกเว้นเส้นทางอื่นที่เป็นทางไกล / เปลี่ยว / ไม่เคยไปมาก่อน )


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: skw.wat ที่ ธันวาคม 11, 2009, 01:03:55 PM
มีปืนข้างกาย  อย่าคิดว่าดี เหนือกว่าศัตรู หรือคนรอบข้างนะครับ

ผมเองอายุ 32   เป็น จนท  มีปืนติดรถตลอดเวลา  แต่เมื่อเจอเรื่องทำนองกระทู้นี้ โดยเฉพาะเวลาขับรถมีปัญหากัน

สิ่งที่ผมท่องขึ้นใจคือ "ชักปืนคือออก คัดปลอกคือคุก"  (ออก=ออกจากราชการ /  คัดปลอก = ยิงออกไป)

แค่คิดก็เสียวในหัวใจแล้วครับ 

ที่ผมทำเวลามีโมโห ก็คือท่องไว้ในใจแบบนั้น  แล้วสะกดอารมณ์

และที่ทำไว้บ่อยๆให้ขึ้นใจ ก็คือ  ยกมือไหว้เขางามๆ แล้วกล่าวว่า "ขอโทษครับ เป็นอะไรบ้างมั้ยครับ"

ทุกอย่างก็ จบลงด้วยดีทุกๆครั้ง


แต่ .... หากเกิดเหตุการณ์ที่ อีกฝ่ายอาจจะเป็นคนร้าย หรือชักปืนออกมา

ตัวเราก็ต้องเตรียมพร้อม  ... ไม่ประมาท

การซักซ้อมใช้ปืนให้คล่อง  คือสิ่งที่จำเป็น ครับ


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: STOPED ที่ ธันวาคม 11, 2009, 03:05:40 PM
โธ่...เว๊ย.. :(. (คือคำที่ผมร้องอยู่ในรถเวลาเจอพวกมารยาททรามขับรถ.....)"มึงรีบไปดูใจ............มึงเหรอ"
แล้วก็รีบๆ คิดไปว่า....มึงต้องตาย  >:( ขับตามจี้ และยิงมัน  และมีเจ็บ-ตาย  ถูกจับ  ::003::   ขึ้นศาล  จำคุก... ::004::. หมดชีวิตงามๆ  ::012::
หายอยาก(ฆ่ามัน)..ครับ 8)   และที่ทำเป็นประจำคือ  ::014::  จนแฟนถามว่า "ไปไหว้เค้าเหรอ.." ใช่ครับ  และเห็นเธอยิ้มๆ ครับ(แฮ่...ภูมิใจ ;D)


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ ธันวาคม 11, 2009, 03:12:40 PM
ผมทํางานกับพวกต่างชาติมาเป็นสิบๆปี......

พวกนี้ชอบคนไทย....ชมตลอดว่า.....คนไทยเป็นมิตร....มีนําใจ...โอบอ้อมอารี....

แต่.............(เขาบ่นว่า)....อย่าให้มันขับรถกันนะ..........มันคนละคนเลย.....เหมือนคนบ้าคลั่ง....

ฟังทีไรหน้าชาทุกที..............เอ...มันชมหรือมันด่าฟะ...


เค้าพูดความจริงครับ  ::005::

อิ อิ ::014::

รัสเซียคนหนึ่งชมกับผมมา 2-3 ครั้ง แล้วครับว่า "คนไทยขับรถใจเย็น มีมารยาทดี" :DD

ไม่รู้ว่าที่รัสเซียเขาขับรถมีเรื่องแล้วงัดเอา AK หรือ RPG มายิงกันหรือไง :~)


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: Zeus-รักในหลวง ที่ ธันวาคม 11, 2009, 03:29:27 PM
ผมทํางานกับพวกต่างชาติมาเป็นสิบๆปี......

พวกนี้ชอบคนไทย....ชมตลอดว่า.....คนไทยเป็นมิตร....มีนําใจ...โอบอ้อมอารี....

แต่.............(เขาบ่นว่า)....อย่าให้มันขับรถกันนะ..........มันคนละคนเลย.....เหมือนคนบ้าคลั่ง....

ฟังทีไรหน้าชาทุกที..............เอ...มันชมหรือมันด่าฟะ...


เค้าพูดความจริงครับ  ::005::

อิ อิ ::014::

สาวรัสเซีย หน้าตาดี หุ่นนางแบบ อายุไม่เกิน 22  คนหนึ่งชมกับผมมา 2-3 ครั้ง แล้วครับว่า "คนไทยขับรถใจเย็น มีมารยาทดี" :DD

ไม่รู้ว่าที่รัสเซียเขาขับรถมีเรื่องแล้วงัดเอา AK หรือ RPG มายิงกันหรือไง :~)
ผมมาขยายความำว่า รัซเซ๊ยให้ครับ :D
ว่าแต่พี่พาเธอไปไหนมาครับถึงได้เอยปากชม 2-3 ครั้ง ::005::


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: jommy ที่ ธันวาคม 12, 2009, 04:08:12 PM
อ้างถึง
ผมไม่ใช้อาวุธกับเรื่องวิวาทครับ พอดีมีหน้าตาเป็นอาวุธอยู่แล้ว ยิ่งหลังอายุ30พอยั๊วะขึ้นมามีแต่คนถอยกรูดๆ
  .....ชอบอ้ะ....อ่านแล้วเห็นภาพเลยตรับ


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: mat031 ที่ ธันวาคม 12, 2009, 04:33:09 PM
กฏในการพกปืนของผมมี 4 ข้อครับ
1.ต้องใจเย็น
2.เคารพตนเองและผู้อื่น
3.ไม่มีการใช้ปืนขู่
4.ไม่ลังเลถ้าต้องยิงครับ


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ ธันวาคม 14, 2009, 10:54:24 AM
ผมทํางานกับพวกต่างชาติมาเป็นสิบๆปี......

พวกนี้ชอบคนไทย....ชมตลอดว่า.....คนไทยเป็นมิตร....มีนําใจ...โอบอ้อมอารี....

แต่.............(เขาบ่นว่า)....อย่าให้มันขับรถกันนะ..........มันคนละคนเลย.....เหมือนคนบ้าคลั่ง....

ฟังทีไรหน้าชาทุกที..............เอ...มันชมหรือมันด่าฟะ...


เค้าพูดความจริงครับ  ::005::

อิ อิ ::014::

สาวรัสเซีย หน้าตาดี หุ่นนางแบบ อายุไม่เกิน 22  คนหนึ่งชมกับผมมา 2-3 ครั้ง แล้วครับว่า "คนไทยขับรถใจเย็น มีมารยาทดี" :DD

ไม่รู้ว่าที่รัสเซียเขาขับรถมีเรื่องแล้วงัดเอา AK หรือ RPG มายิงกันหรือไง :~)
ผมมาขยายความำว่า รัซเซ๊ยให้ครับ :D
ว่าแต่พี่พาเธอไปไหนมาครับถึงได้เอยปากชม 2-3 ครั้ง ::005::
ผมทํางานกับพวกต่างชาติมาเป็นสิบๆปี......

พวกนี้ชอบคนไทย....ชมตลอดว่า.....คนไทยเป็นมิตร....มีนําใจ...โอบอ้อมอารี....

แต่.............(เขาบ่นว่า)....อย่าให้มันขับรถกันนะ..........มันคนละคนเลย.....เหมือนคนบ้าคลั่ง....

ฟังทีไรหน้าชาทุกที..............เอ...มันชมหรือมันด่าฟะ...


เค้าพูดความจริงครับ  ::005::

อิ อิ ::014::

สาวรัสเซีย หน้าตาดี หุ่นนางแบบ อายุไม่เกิน 22  คนหนึ่งชมกับผมมา 2-3 ครั้ง แล้วครับว่า "คนไทยขับรถใจเย็น มีมารยาทดี" :DD

ไม่รู้ว่าที่รัสเซียเขาขับรถมีเรื่องแล้วงัดเอา AK หรือ RPG มายิงกันหรือไง :~)
ผมมาขยายความำว่า รัซเซ๊ยให้ครับ :D
ว่าแต่พี่พาเธอไปไหนมาครับถึงได้เอยปากชม 2-3 ครั้ง ::005::

เรื่องขับรถนะครับท่าน ไม่ใช่เรื่องขับอะไร แต่ไม่ว่าอะไรก็เรียบร้อยครับ สำหรับผมนะ  อิ อิ


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: ปาล์มๆ...ซุ่มโป่ง ที่ ธันวาคม 14, 2009, 12:20:38 PM
ในขณะที่เราขับรถออกจากบ้าน บางเหตุการที่เกิดกับเรา หลายครั้งที่เคยบอกกับตัวเองว่า "ถ้าเอาปืนติดรถมา ป่านนี้คงติดคุกไปแล้ว" แล้วเราก็เคยได้ยินข่าวเช่นนี้...

           1. ผศ. อาจารย์มหาลัย..ขับรถสวนกันในซอยแคบกับ ร.ต.อ เมื่อไม่ยอมหลีกให้กัน ผล....ผศ.ตาย
           2. ชายสูงอายุ 60 ปลายๆ  กดแตรเมื่อจะต่อท้ายรถหนุ่ม 30 เพื่อจะเติมน้ำมัน เมื่อลงไปใส่กัน ชายสูงอายุเข้าไปหยิบปืนในรถ ผล....หนุ่ม 30 ตาย
           3. ชายขี่เบ็นซ์ออกจากบ่อนตอนตี 4 เจอแท็กซี่ หาผู้โดยสารขับช้าขวางหน้า แซงขึ้นไปส่องด้วย .45 ตาย

       ยังมีอีกหลายเหตุการณ์ในลักษณะเช่นนี้จนนับไม่ถ้วน  ผมเป็นคนหนึ่งที่ใจร้อนในบางครั้ง และภรรยาห้ามเด็ดขาดในการนำปืนเข้าไปไว้ในรถ  (บางครั้งไปต่างจังงหวัด ต้องแอบซ่อนไม่ให้รู้) เพราะกลัวจะต้องติดคุกในยามแก่ ที่จริงภรรยาผมพูดก็ถูกเหมือนกัน ผมเลยไม่นำปืนติดรถในขณะที่ขับรถใน กทม.
       ผมคิดถูกหรือเปล่าครับ
   
ขอตอบและชี้แนะดังนี้
1.เมื่อเข้าซอยแคบๆเห็นรถสวนมาควรหาที่แอบชิดซ้ายก่อน หลบแล้วอาจได้รับคำขอบคุณเช่นผงกหัวให้
2.บางครังก้อควรแบ่งบัน คันหน้าเข้าหัวจ่ายด้านในสุด คันหลังจะได้มีที่เติม แค่นี้แหละ
3.ก้อแซงไปซะ ขับรถอย่าตาม เท็กซี่ สามล้อ รถเมล์ เพราะจอดมั่วหมดลูกค้ายังไม่โบกเลยเบรครอแล้ว

    ทั้งสามเหตุการผมผ่านมาเยอะแล้วนะ จัดการปัญหาได้
ผมอายุ 36 ปี ขับรถไปธุระกับพี่ชายเข้าซอยแคบผมเห็นรถกระบะขับจะสวนมาผมเลยหลบชิดซ้ายข้างทางให้ รถคันนั้นไม่ชะลอเลย ขับสวนมาแต่ไม่ผ่าน กระจกมองข้างชนกัน เลยหยุดรถ ผมเลยเอากระจกรถลง รถคันนั้นก็เอากระจกลงเป็นชายอายุประมาณ 60-65 ปี กับผู้หญิง อายุประมาณ 55-60 ปี ผัวเมียกัน แต่งตัวใส่เสื้อคุมสีขาวทั้งคู่แล้วผมก็ถามว่า
ผม - ผมชิดให้แล้วทำไมยังมาชนกระจกมองข้างผมอยู่
ชายแก่(เก๋ามาก) -  ก็ไม่เห็นมีอะไรเสียหายนี่
ผมเริ่มโกรธแต่ข่มจิตใจไว้
ชายแก่(เก๋ามาก) - ไม่ได้เจตนา ไม่ได้ตั้งใจ แล้วมันก็ไม่มีอะไรเสียหาย
ผม - ทำไมไม่ค่อยๆไปแล้ว
ชายแก่(เก๋ามาก) - ถ้าชิดมากรถก็จะตกข้างทาง (มองหน้าด้วยเหมือนไม่สำนึก)
ตกลงแกชนผมแล้วไม่ยอมขอโทษ คำพูดจากับวัยไม่สมควรกันเลย
ผมเลยไม่อยากพูดมากเลยขับรถออกมาเลย หากคุยต่อไปอาจทนไม่ได้



หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: Ro@d - รักในหลวง ที่ ธันวาคม 14, 2009, 12:30:51 PM
ในขณะที่เราขับรถออกจากบ้าน บางเหตุการที่เกิดกับเรา หลายครั้งที่เคยบอกกับตัวเองว่า "ถ้าเอาปืนติดรถมา ป่านนี้คงติดคุกไปแล้ว" แล้วเราก็เคยได้ยินข่าวเช่นนี้...

           1. ผศ. อาจารย์มหาลัย..ขับรถสวนกันในซอยแคบกับ ร.ต.อ เมื่อไม่ยอมหลีกให้กัน ผล....ผศ.ตาย
           2. ชายสูงอายุ 60 ปลายๆ  กดแตรเมื่อจะต่อท้ายรถหนุ่ม 30 เพื่อจะเติมน้ำมัน เมื่อลงไปใส่กัน ชายสูงอายุเข้าไปหยิบปืนในรถ ผล....หนุ่ม 30 ตาย
           3. ชายขี่เบ็นซ์ออกจากบ่อนตอนตี 4 เจอแท็กซี่ หาผู้โดยสารขับช้าขวางหน้า แซงขึ้นไปส่องด้วย .45 ตาย

       ยังมีอีกหลายเหตุการณ์ในลักษณะเช่นนี้จนนับไม่ถ้วน  ผมเป็นคนหนึ่งที่ใจร้อนในบางครั้ง และภรรยาห้ามเด็ดขาดในการนำปืนเข้าไปไว้ในรถ  (บางครั้งไปต่างจังงหวัด ต้องแอบซ่อนไม่ให้รู้) เพราะกลัวจะต้องติดคุกในยามแก่ ที่จริงภรรยาผมพูดก็ถูกเหมือนกัน ผมเลยไม่นำปืนติดรถในขณะที่ขับรถใน กทม.
       ผมคิดถูกหรือเปล่าครับ
   
ขอตอบและชี้แนะดังนี้
1.เมื่อเข้าซอยแคบๆเห็นรถสวนมาควรหาที่แอบชิดซ้ายก่อน หลบแล้วอาจได้รับคำขอบคุณเช่นผงกหัวให้
2.บางครังก้อควรแบ่งบัน คันหน้าเข้าหัวจ่ายด้านในสุด คันหลังจะได้มีที่เติม แค่นี้แหละ
3.ก้อแซงไปซะ ขับรถอย่าตาม เท็กซี่ สามล้อ รถเมล์ เพราะจอดมั่วหมดลูกค้ายังไม่โบกเลยเบรครอแล้ว

    ทั้งสามเหตุการผมผ่านมาเยอะแล้วนะ จัดการปัญหาได้
ผมอายุ 36 ปี ขับรถไปธุระกับพี่ชายเข้าซอยแคบผมเห็นรถกระบะขับจะสวนมาผมเลยหลบชิดซ้ายข้างทางให้ รถคันนั้นไม่ชะลอเลย ขับสวนมาแต่ไม่ผ่าน กระจกมองข้างชนกัน เลยหยุดรถ ผมเลยเอากระจกรถลง รถคันนั้นก็เอากระจกลงเป็นชายอายุประมาณ 60-65 ปี กับผู้หญิง อายุประมาณ 55-60 ปี ผัวเมียกัน แต่งตัวใส่เสื้อคุมสีขาวทั้งคู่แล้วผมก็ถามว่า
ผม - ผมชิดให้แล้วทำไมยังมาชนกระจกมองข้างผมอยู่
ชายแก่(เก๋ามาก) -  ก็ไม่เห็นมีอะไรเสียหายนี่
ผมเริ่มโกรธแต่ข่มจิตใจไว้
ชายแก่(เก๋ามาก) - ไม่ได้เจตนา ไม่ได้ตั้งใจ แล้วมันก็ไม่มีอะไรเสียหาย
ผม - ทำไมไม่ค่อยๆไปแล้ว
ชายแก่(เก๋ามาก) - ถ้าชิดมากรถก็จะตกข้างทาง (มองหน้าด้วยเหมือนไม่สำนึก)
ตกลงแกชนผมแล้วไม่ยอมขอโทษ คำพูดจากับวัยไม่สมควรกันเลย
ผมเลยไม่อยากพูดมากเลยขับรถออกมาเลย หากคุยต่อไปอาจทนไม่ได้


อดทนได้ ดีมากแล้ว ครับ  ถ้าทนไม่ได้ กับ ความไร้มารยาท และกระจกบานเดียว ของ คนผู้นั้น   

ท่านจะไม่ใช่คนเดียวที่มีปืน  ท่าน กับเขา คง อยู่เฝ้ารถด้วยกันทั้ง คู่   ในเรื่องที่ไม่สมควรเลย  :OO


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: ลุมพินี08 ที่ ธันวาคม 14, 2009, 12:44:40 PM
ลำพังแค่พกปืนก็เสี่ยงแล้ว หากมีการใช้ปืนยิงกันจริงๆไม่ว่าจะเป็นฝ่ายถูกหรือผิดย่อมมีความสูญเสียตามมา หลีกเลี่ยงเถอะครับ การหลีกไม่ได้หมายความว่าเป็นผู้แพ้ครับ การได้ไปถึงที่หมายโดยสามารถฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆมาได้อย่างปลอดภัยโดยไม่ต้องใช้อาวุธดีที่สุดเป็นใหนๆ อาวุธที่ดีคือสติไหวพริบวาจาต่างๆครับ


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: prawin -รักในหลวง- ที่ ธันวาคม 14, 2009, 04:24:59 PM
:D
ขอนอกเรื่องปืนนิดนึงครับ
เคยอ่านข้อเขียนเชิงจิตวิทยาชิ้นหนึ่ง  ผมว่าเขามีมุมมองที่ดี
เขาบอกว่าการขับรถบนถนนที่มีรถจำนวนมาก ขับเปลี่ยนเลนไปมา  ก็เหมือนกับการเดินบนทางเท้าที่มีคนเยอะๆ
เวลาเราเดินบนทางเท้า  แล้วมีคนเดินปาดหน้า  หรือเบียดเข้ามาในทางของเรา  มักไม่มีการทะเลาะ หรือเกิดเรื่อง....เพราะอะไร?
เพราะมนุษย์เรามีภาษากายครับ
คนที่เดินปาดหน้าเรา  เขามักมีภาษากายประกอบเพื่อขอความเห็นใจ เช่นกริยา ค้อมหัว ยกมือ หรือยิ้มเชิงขอร้อง บางทีมีกระทั่งพูดว่า ขอโทษครับขอทางหน่อยนะครับ
เราก็มักให้เขาเดินปาดไปโดยไม่รู้สึกโกรธอะไรเลย
เพราะภาษากายของเขา  มันบอกให้เรารู้ว่าเขาเห็นว่าเรามีตัวตน เขาให้เกียรติโดยการแสดงอาการให้เราเห็นว่าเขาแคร์ที่มาสร้างความลำบากให้เรา  ให้เราต้องเดินชะลอนิดนึง
เราอ่าน"หัวใจ"เขาออกผ่านภาษากาย

แต่กับรถยนต์บนถนนนั้น  บางทีการขอเปลี่ยนเลนกระชั้นชิด 
เราไม่เห็นกริยาของคนในรถ  เราเห็นแต่ก้อนเหล็กขึ้นรูปเป็นรถ  เห็นเงารางๆของคนขับหลังฟิล์มสีดำ
พอเขาปาดมาปุ๊ป  เราจะรู้สึกต่างจากเวลามีคนค้อมหัวให้เวลาถูกเบียดบนทางเท้า
เราไม่เห็นภาษากายของเขา  เราเลยอ่านใจเขาไม่ออก
มันเลยจะพาลคิดไปว่า "โหย เบียดไม่ดูตาม้าตาเรือ เห็นแก่ตัวชิบ แม่ม...."
บางทีเราก็โกรธจนบีบแตรไล่  ขับรถจี้  หรือแซงไปดูหน้ามันเสียหน่อย
ไอ้เจ้าคนอีกฝ่ายเกิดไม่ยอม  ก็เป็นเรื่องกันใหญ่โตครับ
...






ชอบความคิดเห็นนี้มากครับ + ครับ

ถ้าใครเข้ามาอ่านความคิดเห็นในนี้ มีกรณีศึกษาแยอะ คงมีสติขึ้นมาก  และเย็นลง ๆ


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: Sting รักในหลวง ที่ ธันวาคม 14, 2009, 05:55:43 PM
พึงระลึกอยู่เสมอว่า

ตอนที่กรอก ป.1 ก็ระบุไว้ชัดเจนว่า

"เพื่อป้องกันชีวิตและทรัพย์สิน"

ไม่ใช่

"เพื่อแก้ปัญหา /  ข้อพิพาท" ครับ


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: pongsirin ที่ ธันวาคม 14, 2009, 08:12:12 PM
 ที่จริงเท่าที่ผมศึกษาจากการอ่านมาหลาย ๆ กระทู้นะครับ สอนให้ผมรู้ว่า มือปืนมีได้ แต่ต้องมีสมอง (สติ คิดเป็น และควบคุมตนได้ ) ด้วยครับ


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: dignitua-รักในหลวง ที่ ธันวาคม 14, 2009, 11:15:44 PM
คนโง่มาอยู่บนถนนแยะเกินไปครับ โง่ไม่รู้จักวิธีขับรถไม่กวน Teen ผู้อื่น, โง่ไม่รู้จักให้อภัยคนที่โง่กว่า, และโง่ไม่รู้ตัวว่าถลำลึกเมื่อเผลอโง่ไปแล้วครับ...

โกรธคือโง่ โมโหคือบ้า... คนโง่กว่ามันจะกวน Teen คนอื่นเพราะความโง่ เช่นย้ายเลนไม่เป็น, ใช้สัญญาณบอกคนอื่นไม่เป็น คนอื่นไม่รู้ว่าเราจะทำอะไรเลยคาดเดาไม่ได้, หัดขับอยู่ตลอดเวลา ขับมาตั้งหลายปีแล้วก็ยัง"หัดขับ"บนถนนอยู่นั่นแหละไม่ยอมพัฒนา...

คนโง่พวกนี้ต่อให้ไม่มีปืน มันก็ลงจากรถมาชกกับคันอื่นครับ... เหนือฟ้าย่อมมีฟ้าเสมอ คน"เล่นปืน"จะรู้ว่าไม่มีใครเก่งที่สุดครับ ต่อให้ฝึกมาอย่างดี เดินยิงวิ่งยิงเข้าเป้าได้อย่างแม่นยำไม่ต้องปักหลักตั้งท่ายิง แต่เวลาเกิดเรื่องต้องใช้ปืนดั๊นนน ยืนด้านที่มีแสงอาทิตย์แยงตา... โฮ่ะ โฮ่ะ โฮ่ะ โฮ่ะ...

ทุกเรื่องมีดวงผสมอยู่ด้วยเสมอแหละครับ... ฮา
::002:: ::002::


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: dignitua-รักในหลวง ที่ ธันวาคม 14, 2009, 11:24:50 PM
ผมไม่เข้าใจตัวเองอยู่อย่างนึง... บนท้องถนน ไม่ว่าโดนชน โดนเบียด โดนปาด ฯลฯ ทำไมผมถึงไม่ค่อยคิดอะไร...

แต่พออยู่บ้าน มีอะไรนิดหนึ่งที่ทำให้คนในบ้านไม่สบายใจ  ผมถึงเดือดร้อนทุกทีครับ... กำลังคิดถึงสาเหตุอยู่ครับ,, หรือต้องลองปรึกษาจิตแพทย์ดีครับ...


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: Gun228 ที่ ธันวาคม 14, 2009, 11:40:27 PM
นั่งอ่านข้อมูลของทุกๆท่านที่ตอบกระทู้มาต้องขออนุญาตไหว้  ::014:: ด้วยความนับถือทั้งรุ่นพี่ๆและรุ่นน้องกว่าผมสุดยอดครับ
เวลานำพาปืนไปซ้อมก็นึกถึงข้อตักเตือนของท่านๆทั้งหลายนี่แหละครับ
พร้อมกับก็นำไปแนะนำให้กับเพื่อนฝูง เจ้านาย ที่ชอบด้านนี้เหมือนกันครับ  ::002::


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: joedee ที่ ธันวาคม 15, 2009, 12:08:12 AM
ผมก็เป็นอีก คนหนึ่ง ครับ ที่ ปืน ติด รถอยู่ เกือบ ตลอด  ครับ  และ ผม ก็ ยิง มาแล้ว หลายราย    ครับเพราะเขา ขับรถ กวนประสาท
แต่การยิงของผมเป็นการยิง ในใจ  ครับ  ไม่ได้ ใช้ปืน ยิง เพราะผมคิด เสมอ ปืนป้องกัน ชีวิตและทรัพย์สิน ไม่ใช่เครื่องตัดสินปัญหาขี้หมูแบบนี้
และคิด เสมอ    ลูก...เมีย..ลูก..เมีย.. ครับ ท่าน ::014:: ::014:: ::014:: ::014::


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: montri.7 ที่ ธันวาคม 15, 2009, 02:25:33 AM
ส่วนตัวถึงพกไปก็พยายามหลีกเลี่ยงปัญหาไม่ให้เกิดครับเพราะผมมีปืนเอาไว้เพื่อป้องกันชีวิตและทรัพสินครับ


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: nap.p ที่ ธันวาคม 15, 2009, 07:21:08 AM
ไม่พกติดรถครับ ไม่ใช่กลัวโดนจับ แต่เพื่อตัดปัญหา ถ้าไม่มีปืนก็ไม่ได้ยิง ด่าในกระจกสักพักหายโกรธก็จะดีขึ้นเอง ( วิธีป้องกันตัวเวลาขับรถ ขับให้เร็วไว้ โจรจะได้ไล่ไม่ทัน )


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: bigbang ที่ ธันวาคม 15, 2009, 08:13:31 AM
ผมไม่เข้าใจตัวเองอยู่อย่างนึง... บนท้องถนน ไม่ว่าโดนชน โดนเบียด โดนปาด ฯลฯ ทำไมผมถึงไม่ค่อยคิดอะไร...

แต่พออยู่บ้าน มีอะไรนิดหนึ่งที่ทำให้คนในบ้านไม่สบายใจ  ผมถึงเดือดร้อนทุกทีครับ... กำลังคิดถึงสาเหตุอยู่ครับ,, หรือต้องลองปรึกษาจิตแพทย์ดีครับ...

ไม่ต้องไปหาจิตแพทย์เลย  ก็ลองคิดว่าอยู่บนท้องถนนตลอดเวลา อิอิ


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: khwanphet_NAVY 39 ที่ ธันวาคม 15, 2009, 08:25:45 AM
...........................มีปัญหาอย่านึกถึงปืนครับ.................คิดอะไรไม่ออกยกมือใหว้ไว้ก่อนครับ.................. ::014::


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: g 26 โต้ง...**รักในหลวง** ที่ ธันวาคม 15, 2009, 11:36:57 AM
การที่เรายอมหรือถอยก้าวหนึ่งไม่ใช่เราขลาดหรือกลัวครับ ;Dแล้วก็ได้กลับไปหาลูกเมีย ::002::


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: Peerapat - รักในหลวง ที่ ธันวาคม 15, 2009, 12:53:55 PM



               
                                     อ่อนข้อ  มิใช่ยอมแพ้ นอบน้อม มิใช่อ่อนแอ



                                                                           ::014::


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: sig_surath7171 ที่ ธันวาคม 15, 2009, 12:59:16 PM
ผมก็เคยเป็นครับ บอกแบบไม่อายเหมือนกัน แต่พอนึกถึงลูก ใจก็สงบ ปล่อยให้มันผ่านไป..


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: pasta ที่ ธันวาคม 15, 2009, 01:37:33 PM
ลูกปืนอยู่ในปืนนะดีแล้วอย่าให้มันออกไปเพราะอารมรณ์เลย    ลูกเมียอยู่กับเราสุดแสนจะมีความสุขก็อย่าจากเขาไปเพราะอารารมณ์เราเลย


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: DeputySheriff ที่ ธันวาคม 15, 2009, 02:24:11 PM
ด้วยภาระและหน้าที่ ยังไงก็ต้องขอเอาติดไปด้วย เพราะถ้าไม่นั่งโต๊ะงาน ก็ต้องลงพื้นที่อยู่ประจำ

แต่เวลามีเรื่อง(นอกเหนือจากงาน) ผมลืมว่ามีปืนติดไปด้วยทุกทีแฮะ  :VOV:


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: NUTAPHOL ที่ ธันวาคม 15, 2009, 04:45:58 PM
เวลาเจอเหตุจนเกิบขาดสติ    มักคิดได้ก่อนว่า  เออเองเก่ง....คนเก่งส่วนมากมักตายก่อน....เราไม่เก่งๆก็เลยอยู่ได้มาถึงทุกวันนี้....


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: Naymodx ที่ ธันวาคม 15, 2009, 04:49:15 PM
คนโง่มาอยู่บนถนนแยะเกินไปครับ โง่ไม่รู้จักวิธีขับรถไม่กวน Teen ผู้อื่น, โง่ไม่รู้จักให้อภัยคนที่โง่กว่า, และโง่ไม่รู้ตัวว่าถลำลึกเมื่อเผลอโง่ไปแล้วครับ...
ชอบครับ ชอบ ๆ เชื่อว่าทุกคนที่ขับรถจะคิดว่าตัวเองขับรถดี เก่ง กว่าคนอื่น
อย่างผมเป็นต้น คิดเสมอว่าตัวเองขับรถดีที่สุดในโลก ...555

อ้อ เห็นพี่ ๆ เวลาชอบใจคำตอบไหนจะให้ +1 กัน
เวลาให้คะแนน + กับ quote  นี่กดบวกใช่หรือไม่ครับ (มือใหม่)
เดี๋ยวลองดูครับ


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: Ro@d - รักในหลวง ที่ ธันวาคม 15, 2009, 05:21:56 PM
การที่เรายอมหรือถอยก้าวหนึ่งไม่ใช่เราขลาดหรือกลัวครับ ;Dแล้วก็ได้กลับไปหาลูกเมีย ::002::

.........................   :D     ::002:: 

ไม่บ่อยครั้งนัก ที่เพื่อนคอปืน จะได้ร่วมแชร์ความเห็นอย่างมีวุฒิภาวะ ไปในแนวทางสร้างสรรค์ เหมือนในกระทู้นี้ ผมเองก็ได้อะไร ไปเยอะมากครับ  :D


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: mat031 ที่ ธันวาคม 15, 2009, 05:44:36 PM
ลองคิดแบบผมสิครับ ผมคิดว่าคนที่กวนประสาท ใจร้อนวู่วาม พูดจาหยาบคาย ไม่มีมารยาท ฯลฯ
เป็นคนป่วยครับ เพียงแต่ว่าเขายังไม่ยอมรักษา ถ้าได้รับการรักษาแล้ว อาจปกติดีเหมือนเราๆท่านๆได้ครับ

คิดอย่างนี้แล้วสบายใจขึ้นนะครับ ใครจะเลียนแบบก็ไม่สงวนลิขสิทธิ์ครับ ;D


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: VENDY ที่ ธันวาคม 15, 2009, 05:50:38 PM
เมื่อหลายเดือนก่อนขับรถกลับจากทำงานกำลังเข้าซอยบ้านค่ะ ตามหลังรถเก๋งฮอนด้าซีวิคอยู่พอถึงทางเลี้ยวแคบมีรถโฟว์วินเลี้ยวสวนมา
ก้เลยเป็นว่าต่างฝ่ายไปไม่ได้ เราจะถอยก้ไม่ได้เพราะมีรถต่อมาแล้วคันโฟว์วินไม่มีรถต่อท้ายเลยนึกว่าเค้าคงจะถอยให้รถคันฮอนด้าไปก่อน
สักพักฮอนด้าก้เลื่อนขึ้นไปอีก โฟว์วินเปิดกระจกเอ่นั่งมองอยู่ตลอด ฮอนด้าก้เปิดกระจกเหมื่อนจะคุยไรกันสักพัก โฟว์วินเอาปืนออกมาจ่อเลยทุกวันนี้ยังจำได้ เป็น 1911 สแตนเลสขาวจั๊วห้านิ้ว ตอนนั้นเค้าไม่จ่อเราแต่แปลกหัวใจเต้นแรงอยู่ในรถเปิดแอร์เหมื่อนมันร้อน เอ๋ต๊อบไฟไป 1 ครั้ง รถฮอนด้าเอามือออกมายกขึ้นเหมื่อนขอโทษ รถโฟร์วินเก็บปืนขยับสองสามครั้งแล้วขับไป ตอนนั้นจำทะเบียนไว้แล้วโทรแจ้งความทันทีค่ะ แต่ไม่ได้จำคู่กรณีคันหน้า มานึกดูแล้วแค่เรื่องแค่นี้เองชักปืนมาจ่อกันละ


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: Sting รักในหลวง ที่ ธันวาคม 15, 2009, 06:57:36 PM
เมื่อหลายเดือนก่อนขับรถกลับจากทำงานกำลังเข้าซอยบ้านค่ะ ตามหลังรถเก๋งฮอนด้าซีวิคอยู่พอถึงทางเลี้ยวแคบมีรถโฟว์วินเลี้ยวสวนมา
ก้เลยเป็นว่าต่างฝ่ายไปไม่ได้ เราจะถอยก้ไม่ได้เพราะมีรถต่อมาแล้วคันโฟว์วินไม่มีรถต่อท้ายเลยนึกว่าเค้าคงจะถอยให้รถคันฮอนด้าไปก่อน
สักพักฮอนด้าก้เลื่อนขึ้นไปอีก โฟว์วินเปิดกระจกเอ่นั่งมองอยู่ตลอด ฮอนด้าก้เปิดกระจกเหมื่อนจะคุยไรกันสักพัก โฟว์วินเอาปืนออกมาจ่อเลยทุกวันนี้ยังจำได้ เป็น 1911 สแตนเลสขาวจั๊วห้านิ้ว ตอนนั้นเค้าไม่จ่อเราแต่แปลกหัวใจเต้นแรงอยู่ในรถเปิดแอร์เหมื่อนมันร้อน เอ๋ต๊อบไฟไป 1 ครั้ง รถฮอนด้าเอามือออกมายกขึ้นเหมื่อนขอโทษ รถโฟร์วินเก็บปืนขยับสองสามครั้งแล้วขับไป ตอนนั้นจำทะเบียนไว้แล้วโทรแจ้งความทันทีค่ะ แต่ไม่ได้จำคู่กรณีคันหน้า มานึกดูแล้วแค่เรื่องแค่นี้เองชักปืนมาจ่อกันละ

พวกชักปืนขู่นี่ สักแต่ว่ามีปืนแต่ไร้สมอง....

เห็นโดนสวนร่วงมาเยอะแล้ว....น้องเอ๋

พวกนี้กร่างได้อีกไม่นานหรอก.....


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: HP-FN 35 ที่ ธันวาคม 15, 2009, 08:54:42 PM
อารมณ์ชั่ววูบครับ บางคนตอนไม่โมโห รู้เรื่องดีทุกอย่าง เป็นคนดีมีเหตุผลน่านับถือ
แต่พอมีเรื่องสะกิจใจ สมองส่วนความรับผิดชอบ ช่องควบคุณตัวเองให้มีสติมัดปิดอย่างเร็วมาก
คุยอะไร อธิบายอะไรก็ไม่รู้เรื่อง  อาระวาดเหมือนผีเข้า พอใจเย็นก็เริ่มรู้สึกผิดในสิ่งที่ทำลงไป
เห็นแบบนี้หลายรายครับ เมื่อก่อนผมก็เป็น(บอกแบบไม่อาย) ตอนนี้เดินหนีอย่างเดียวครับ กลัวมีเรื่อง
ใครขับรถเร็วก็โบกมือขอโทษให้เขาแซงไปก่อน

จริงครับเห็นด้วย เพราะเพิ่งเจอมากับตัว แหมมันยากนะ บอกตรงๆ พุทโธก็แล้ว 1-10-100 ก็แล้ว ถ้าเอาปืนติดตัวไปนะครับ บอกคำเดียว คุก


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: kwongkitchen@รักในหลวง ที่ ธันวาคม 15, 2009, 10:11:33 PM
ในขณะที่เราขับรถออกจากบ้าน บางเหตุการที่เกิดกับเรา หลายครั้งที่เคยบอกกับตัวเองว่า "ถ้าเอาปืนติดรถมา ป่านนี้คงติดคุกไปแล้ว" แล้วเราก็เคยได้ยินข่าวเช่นนี้...

           1. ผศ. อาจารย์มหาลัย..ขับรถสวนกันในซอยแคบกับ ร.ต.อ เมื่อไม่ยอมหลีกให้กัน ผล....ผศ.ตาย
           2. ชายสูงอายุ 60 ปลายๆ  กดแตรเมื่อจะต่อท้ายรถหนุ่ม 30 เพื่อจะเติมน้ำมัน เมื่อลงไปใส่กัน ชายสูงอายุเข้าไปหยิบปืนในรถ ผล....หนุ่ม 30 ตาย
           3. ชายขี่เบ็นซ์ออกจากบ่อนตอนตี 4 เจอแท็กซี่ หาผู้โดยสารขับช้าขวางหน้า แซงขึ้นไปส่องด้วย .45 ตาย

       ยังมีอีกหลายเหตุการณ์ในลักษณะเช่นนี้จนนับไม่ถ้วน  ผมเป็นคนหนึ่งที่ใจร้อนในบางครั้ง และภรรยาห้ามเด็ดขาดในการนำปืนเข้าไปไว้ในรถ  (บางครั้งไปต่างจังงหวัด ต้องแอบซ่อนไม่ให้รู้) เพราะกลัวจะต้องติดคุกในยามแก่ ที่จริงภรรยาผมพูดก็ถูกเหมือนกัน ผมเลยไม่นำปืนติดรถในขณะที่ขับรถใน กทม.
       ผมคิดถูกหรือเปล่าครับ
   
น้ำเอยยยยย.........น้ำใจจจจ  ....แก้ปัญหาได้หมดครับ


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: rute - รักในหลวง ที่ ธันวาคม 15, 2009, 11:38:03 PM
เมื่อหลายเดือนก่อนขับรถกลับจากทำงานกำลังเข้าซอยบ้านค่ะ ตามหลังรถเก๋งฮอนด้าซีวิคอยู่พอถึงทางเลี้ยวแคบมีรถโฟว์วินเลี้ยวสวนมา
ก้เลยเป็นว่าต่างฝ่ายไปไม่ได้ เราจะถอยก้ไม่ได้เพราะมีรถต่อมาแล้วคันโฟว์วินไม่มีรถต่อท้ายเลยนึกว่าเค้าคงจะถอยให้รถคันฮอนด้าไปก่อน
สักพักฮอนด้าก้เลื่อนขึ้นไปอีก โฟว์วินเปิดกระจกเอ่นั่งมองอยู่ตลอด ฮอนด้าก้เปิดกระจกเหมื่อนจะคุยไรกันสักพัก โฟว์วินเอาปืนออกมาจ่อเลยทุกวันนี้ยังจำได้ เป็น 1911 สแตนเลสขาวจั๊วห้านิ้ว ตอนนั้นเค้าไม่จ่อเราแต่แปลกหัวใจเต้นแรงอยู่ในรถเปิดแอร์เหมื่อนมันร้อน เอ๋ต๊อบไฟไป 1 ครั้ง รถฮอนด้าเอามือออกมายกขึ้นเหมื่อนขอโทษ รถโฟร์วินเก็บปืนขยับสองสามครั้งแล้วขับไป ตอนนั้นจำทะเบียนไว้แล้วโทรแจ้งความทันทีค่ะ แต่ไม่ได้จำคู่กรณีคันหน้า มานึกดูแล้วแค่เรื่องแค่นี้เองชักปืนมาจ่อกันละ

ดีครับที่เปิดไฟสูงใส่...

อย่างน้อยเขาก็จะได้เห็นว่ามีพยานอีกหลายปาก...

ถ้าหากบีบแตรอาจจะพาให้โมโหไปกว่าเดิม...

ถือเป็นตัวอย่างของคนที่มีปืนแต่ขาดสติได้อย่างดีครับ...


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: banana man ที่ ธันวาคม 16, 2009, 12:27:40 AM
รุ่นน้องที่ทำงานผม นำปืนติดรถไปทุกครั้งที่ออกจากบ้าน

แต่ก็โดนยิงโดยไม่รู้ตัว ไม่ทันได้หยิบปืนมายิงสวน   ::004::


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: VENDY ที่ ธันวาคม 16, 2009, 01:40:50 AM
เมื่อหลายเดือนก่อนขับรถกลับจากทำงานกำลังเข้าซอยบ้านค่ะ ตามหลังรถเก๋งฮอนด้าซีวิคอยู่พอถึงทางเลี้ยวแคบมีรถโฟว์วินเลี้ยวสวนมา
ก้เลยเป็นว่าต่างฝ่ายไปไม่ได้ เราจะถอยก้ไม่ได้เพราะมีรถต่อมาแล้วคันโฟว์วินไม่มีรถต่อท้ายเลยนึกว่าเค้าคงจะถอยให้รถคันฮอนด้าไปก่อน
สักพักฮอนด้าก้เลื่อนขึ้นไปอีก โฟว์วินเปิดกระจกเอ่นั่งมองอยู่ตลอด ฮอนด้าก้เปิดกระจกเหมื่อนจะคุยไรกันสักพัก โฟว์วินเอาปืนออกมาจ่อเลยทุกวันนี้ยังจำได้ เป็น 1911 สแตนเลสขาวจั๊วห้านิ้ว ตอนนั้นเค้าไม่จ่อเราแต่แปลกหัวใจเต้นแรงอยู่ในรถเปิดแอร์เหมื่อนมันร้อน เอ๋ต๊อบไฟไป 1 ครั้ง รถฮอนด้าเอามือออกมายกขึ้นเหมื่อนขอโทษ รถโฟร์วินเก็บปืนขยับสองสามครั้งแล้วขับไป ตอนนั้นจำทะเบียนไว้แล้วโทรแจ้งความทันทีค่ะ แต่ไม่ได้จำคู่กรณีคันหน้า มานึกดูแล้วแค่เรื่องแค่นี้เองชักปืนมาจ่อกันละ

พวกชักปืนขู่นี่ สักแต่ว่ามีปืนแต่ไร้สมอง....

เห็นโดนสวนร่วงมาเยอะแล้ว....น้องเอ๋

พวกนี้กร่างได้อีกไม่นานหรอก.....


ค่ะเฮียวันนั้นได้แจ้งเจ้าหน้าที่ ซึ่งมาเรื่องอุบัติเหตุแถวนั้นแต่รถที่โดนจ่อปืนไม่รู้ได้แจ้งมั้ย


เมื่อหลายเดือนก่อนขับรถกลับจากทำงานกำลังเข้าซอยบ้านค่ะ ตามหลังรถเก๋งฮอนด้าซีวิคอยู่พอถึงทางเลี้ยวแคบมีรถโฟว์วินเลี้ยวสวนมา
ก้เลยเป็นว่าต่างฝ่ายไปไม่ได้ เราจะถอยก้ไม่ได้เพราะมีรถต่อมาแล้วคันโฟว์วินไม่มีรถต่อท้ายเลยนึกว่าเค้าคงจะถอยให้รถคันฮอนด้าไปก่อน
สักพักฮอนด้าก้เลื่อนขึ้นไปอีก โฟว์วินเปิดกระจกเอ่นั่งมองอยู่ตลอด ฮอนด้าก้เปิดกระจกเหมื่อนจะคุยไรกันสักพัก โฟว์วินเอาปืนออกมาจ่อเลยทุกวันนี้ยังจำได้ เป็น 1911 สแตนเลสขาวจั๊วห้านิ้ว ตอนนั้นเค้าไม่จ่อเราแต่แปลกหัวใจเต้นแรงอยู่ในรถเปิดแอร์เหมื่อนมันร้อน เอ๋ต๊อบไฟไป 1 ครั้ง รถฮอนด้าเอามือออกมายกขึ้นเหมื่อนขอโทษ รถโฟร์วินเก็บปืนขยับสองสามครั้งแล้วขับไป ตอนนั้นจำทะเบียนไว้แล้วโทรแจ้งความทันทีค่ะ แต่ไม่ได้จำคู่กรณีคันหน้า มานึกดูแล้วแค่เรื่องแค่นี้เองชักปืนมาจ่อกันละ

ดีครับที่เปิดไฟสูงใส่...

อย่างน้อยเขาก็จะได้เห็นว่ามีพยานอีกหลายปาก...

ถ้าหากบีบแตรอาจจะพาให้โมโหไปกว่าเดิม...

ถือเป็นตัวอย่างของคนที่มีปืนแต่ขาดสติได้อย่างดีครับ...


ตอนต๊อบไฟกลัวนะคะ อจ เพราะอยู่ในรถที่แคบไม่มีที่กำบังแต่กลัวเค้ายิงคันนั้นด้วย ดุ จริงๆสมุทรปราการ  :D


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: rute - รักในหลวง ที่ ธันวาคม 16, 2009, 03:00:54 AM
เชื่อแล้วครับ...

ว่าคนสมุทรปราการดุจริงๆ...:~)


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ ธันวาคม 16, 2009, 09:36:55 AM
อือม์ แถวสมุทรปราการเรียกว่า ต๊อบไฟ หรือครับ? แถวบ้านผมเรียกว่า ดิ๊บไฟ อิ อิ ::005::

พวกนี้ปล่อยไปเดี๋ยวก็ตายเร็วเองครับ อาจจะดีเพราะคนนิสัยแบบนี้คงไม่ได้ช่วยพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของชาติเท่าไหร่ ::006::


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: wat1416 ที่ ธันวาคม 16, 2009, 11:54:21 AM
เวลาผมถูกคันอื่นปาดแล้วผมขับตาม เจ๋ข้างๆจะคอยเรียกชื่อผมแล้วบอกว่ามันคงรีบหรือมันปวดขี้อย่าไปยุ่งกับมัน ไม่คุ้มหรอกแค่ได้ยินเสียงเมียก็ใจเย็นลงมากครับ


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: kwongkitchen@รักในหลวง ที่ ธันวาคม 16, 2009, 11:46:38 PM
ผมขับรถพาลูกๆ ไปเที่ยวห้าง ทางเข้าห้างรถติดมาก
และ..ผมกำลังเล่นกับลูกๆ รถข้างหน้าหยุดกระทันหัน
รถผม เลยไปประกบท้ายรถเค้า ดังตึงงง
ผม รีบเปิดประตูรถลงไปดูในทันที.......................
มีผู้ชายอายุประมาณ 28-30 เดิน หน้าตึงลงมาหาผม
แล้วเขาก็คำราม เสียงดัง (สมตัวเค้า)
เฮ้ยยยย  ขับรถภาษา อะไร(ว่ะ)  ดูมั่งหรือ ปล่าว
ผม หันไปดูลูกๆ(3คน) ในรถนั่งหน้าซีด.......
เอาล่ะซิ มีมาขู่ เราต่อหน้าลูกๆ อย่างนี้ ......สวยแน่
ไม่ต้องคิดอะไรต่อ ผมงัดอาวุธประจำกาย ทั้งสองกระบอก
ออก มาพร้อม กัน..และประกบกันทันทีด้วย สัญญาณ
และ คำรามกลับ ด้วยน้ำเสียง เบาๆและสุภาพว่า
ขอโทษ ครับพี่(ทั้งที่อายุน้อยกว่าผมมาก)
ผมผิดเองทุกกรณี เลยครับ ผมมัวแต่เล่นกับเด็กๆ เลยไม่ทันระวัง
รถพี่เป็นยังไง บ้างครับ ผมยินดีชดใช้ ทุกอย่างครับ
.....ผู้ชาย คนนั้นมองหน้าผมอยู่ครู่นึง และหันกลับไปดูที่ท้ายรถ ตัวเอง
และ...หันกลับมาบอกผมว่า  รถผมไม่เป็นอะไรมาก หรอกครับ
พี่ไปเถอะ  ผมเลยลาเค้าทั้งที่ อาวุธ ผมทั้งคู่ ยังประกบ กันอยู่
ขอบคุณมากนะครับ และขออภัยอีกครั้งครับ
(ประสบการณ์ จริงของผม) 
การรู้จักสำนึกผิด และรู้จักขอโทษ เป็นอาวุธ และเกราะป้องกันตัว ที่ดีที่สุดสำหรับ ผมครับ
ขอพระเจ้าอวยพระพร ทุกท่านครับผม


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: Ro@d - รักในหลวง ที่ ธันวาคม 17, 2009, 01:47:09 AM
ผมขับรถพาลูกๆ ไปเที่ยวห้าง ทางเข้าห้างรถติดมาก
และ..ผมกำลังเล่นกับลูกๆ รถข้างหน้าหยุดกระทันหัน
รถผม เลยไปประกบท้ายรถเค้า ดังตึงงง
ผม รีบเปิดประตูรถลงไปดูในทันที.......................
มีผู้ชายอายุประมาณ 28-30 เดิน หน้าตึงลงมาหาผม
แล้วเขาก็คำราม เสียงดัง (สมตัวเค้า)
เฮ้ยยยย  ขับรถภาษา อะไร(ว่ะ)  ดูมั่งหรือ ปล่าว
ผม หันไปดูลูกๆ(3คน) ในรถนั่งหน้าซีด.......
เอาล่ะซิ มีมาขู่ เราต่อหน้าลูกๆ อย่างนี้ ......สวยแน่
ไม่ต้องคิดอะไรต่อ ผมงัดอาวุธประจำกาย ทั้งสองกระบอก
ออก มาพร้อม กัน..และประกบกันทันทีด้วย สัญญาณ
และ คำรามกลับ ด้วยน้ำเสียง เบาๆและสุภาพว่า
ขอโทษ ครับพี่(ทั้งที่อายุน้อยกว่าผมมาก)
ผมผิดเองทุกกรณี เลยครับ ผมมัวแต่เล่นกับเด็กๆ เลยไม่ทันระวัง
รถพี่เป็นยังไง บ้างครับ ผมยินดีชดใช้ ทุกอย่างครับ
.....ผู้ชาย คนนั้นมองหน้าผมอยู่ครู่นึง และหันกลับไปดูที่ท้ายรถ ตัวเอง
และ...หันกลับมาบอกผมว่า  รถผมไม่เป็นอะไรมาก หรอกครับ
พี่ไปเถอะ  ผมเลยลาเค้าทั้งที่ อาวุธ ผมทั้งคู่ ยังประกบ กันอยู่
ขอบคุณมากนะครับ และขออภัยอีกครั้งครับ
(ประสบการณ์ จริงของผม) 
การรู้จักสำนึกผิด และรู้จักขอโทษ เป็นอาวุธ และเกราะป้องกันตัว ที่ดีที่สุดสำหรับ ผมครับ
ขอพระเจ้าอวยพระพร ทุกท่านครับผม


.........................   ::002::  การ ประกบฝามือ ยกมือไหว้ ขอโทษขออภัย ใช้ได้กับ สุภาพชน เสมอครับ  :D


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: Thai0 ที่ ธันวาคม 17, 2009, 03:53:22 AM
ใช้สติคิดให้ไกลๆๆ เเล้วจะได้คำตอบ


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: kwongkitchen@รักในหลวง ที่ ธันวาคม 17, 2009, 04:11:11 AM
ผมขับรถพาลูกๆ ไปเที่ยวห้าง ทางเข้าห้างรถติดมาก
และ..ผมกำลังเล่นกับลูกๆ รถข้างหน้าหยุดกระทันหัน
รถผม เลยไปประกบท้ายรถเค้า ดังตึงงง
ผม รีบเปิดประตูรถลงไปดูในทันที.......................
มีผู้ชายอายุประมาณ 28-30 เดิน หน้าตึงลงมาหาผม
แล้วเขาก็คำราม เสียงดัง (สมตัวเค้า)
เฮ้ยยยย  ขับรถภาษา อะไร(ว่ะ)  ดูมั่งหรือ ปล่าว
ผม หันไปดูลูกๆ(3คน) ในรถนั่งหน้าซีด.......
เอาล่ะซิ มีมาขู่ เราต่อหน้าลูกๆ อย่างนี้ ......สวยแน่
ไม่ต้องคิดอะไรต่อ ผมงัดอาวุธประจำกาย ทั้งสองกระบอก
ออก มาพร้อม กัน..และประกบกันทันทีด้วย สัญญาณ
และ คำรามกลับ ด้วยน้ำเสียง เบาๆและสุภาพว่า
ขอโทษ ครับพี่(ทั้งที่อายุน้อยกว่าผมมาก)
ผมผิดเองทุกกรณี เลยครับ ผมมัวแต่เล่นกับเด็กๆ เลยไม่ทันระวัง
รถพี่เป็นยังไง บ้างครับ ผมยินดีชดใช้ ทุกอย่างครับ
.....ผู้ชาย คนนั้นมองหน้าผมอยู่ครู่นึง และหันกลับไปดูที่ท้ายรถ ตัวเอง
และ...หันกลับมาบอกผมว่า  รถผมไม่เป็นอะไรมาก หรอกครับ
พี่ไปเถอะ  ผมเลยลาเค้าทั้งที่ อาวุธ ผมทั้งคู่ ยังประกบ กันอยู่
ขอบคุณมากนะครับ และขออภัยอีกครั้งครับ
(ประสบการณ์ จริงของผม) 
การรู้จักสำนึกผิด และรู้จักขอโทษ เป็นอาวุธ และเกราะป้องกันตัว ที่ดีที่สุดสำหรับ ผมครับ
ขอพระเจ้าอวยพระพร ทุกท่านครับผม


.........................   ::002::  การ ประกบฝามือ ยกมือไหว้ ขอโทษขออภัย ใช้ได้กับ สุภาพชน เสมอครับ  :D
ที่ผม ตัดสินใจ กระทำในวันนั้น ถามว่า ผมกลัวเค้าหรือไม่  คำตอบคอ ไม่เลยครับ
แต่ ที่ผมทำไปเพราะสาเหตุ
1. ผมรู้ตัวว่าเราผิดจริงๆ ที่ทำให้เค้าเกิดความเสียหาย ต้องเสียเวลา(ถึงผมจะชดใช้ค่าเสียหายให้)
2.ตอนที่มองลูกๆในรถ ทำให้ผมต้องตัดสินใจทำอย่างนี้ เพื่อ จะได้เป็นตัวอย่างที่ดี
สำหรับลูกๆต่อไปใน อนาคต(ทั้งๆที่ ตอนแรกก็คิดว่า ทำไมไม่พูดกันดีๆ)
เรื่องสำคัญ ผมว่า  การที่จะรู้จักและใช้ คำว่า ..ขอโทษ...เมื่อเราผิดน่าจะเป็นความหมายอีกมุมหนึ่ง
ของคำว่า.......ลูกผู้ชาย.....นะครับ


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: น้องโด่ง ที่ ธันวาคม 17, 2009, 10:20:07 AM
 :) อ่านกระทู้นี้แล้วได้ประโยชน์ได้ข้อคิดมากๆครับ


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: mine.utd ที่ ธันวาคม 17, 2009, 11:09:33 AM
พกติดรถตลอดมาหลายปีแล้ว ปาดหน้า เฉี่ยว ชน จนลงมามีเรื่องก็เคย แต่ไม่เคยหยิบออกมาเลยครับ และหวังว่าชีวิตนี้ คงจะไม่ต้องใช้มันครับ แต่เตรียมพร้อมไว้ตลอด


หัวข้อ: Re: วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนพกปืนติดรถ
เริ่มหัวข้อโดย: khwanphet_NAVY 39 ที่ ธันวาคม 17, 2009, 03:42:57 PM
.......................ให้ผู้หญิงเป็นคนเจรจากรณีมีปัญหาครับจะได้ไม่มีเรื่องกัน.............................. ::014::