เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

                                                       

                     เนื่องจากผมเห็นว่าในเวปนี้มีผู้ที่เรียนทางนิติศาสตร์กันค่อนข้างมาก    เเละก็มีสามชิกที่เป็นตำรวจอยู่พอสมควรจึงอยากจะขอปรึกษาเกี่ยวกับเรื่องการเรียนของผมหน่อยครับ     เนื่องจากคนรู้จักผมไม่มีใครที่เรียนนิตศาสตร์หรือเปนตำรวจเลย      เพื่อเป้นเเนวทางในการตัดสินใจในทางการศึกษานะครับ




                       คือตอนนี้ผมกำลังเรียนนิติศาสตร์ที่รามคำเเหงอยุ่ครับ            เก็บวิชาพื้นฐานหมดเเละเหลือเเต่วิชากฏหมายล้วนๆ           พอลองได้เรียนเฉพาะวิชากฏหมายดูเเล้ว           ผมรู้สึกว่ามันยากมากๆเลยครับ           ที่ผมเลือกเรียนกฏหมายเพราะผมเคยไปสอบนายสิบวุฒิม.6ข้อเขียนได้อันดับ3         เเต่ที่ไม่ได้เป็นนายสิบตำรวจเพราะยังไม่มีใบขับขี่           พอจะสอบปีต่อมาเขาก็ไม่รับวุฒิม.6เเล้ว          ผมเคยไปเปิดดูพวกตำราสอบนายร้อยตำรวจ          เห็นพวกคำถามกฏหมายเเล้วผมก็คิดดูว่ามันก็ไม่น่ายาก     อาศัยความเข้าใจ          ว่าข้อกฏหมายใดใช้กับกรณีใด     ยังไง    เเต่พอมาเรียน         ตอนเรียนก็ยังไม่เท่าไร        เเต่ตอนสอบนี้มันต้องเขียนตอบล้วนๆข้อนึงไม่ตำกว่าเกือบหนึ่งหน้ากระดาษ          สอบเสร็จผมจะปวดมือทุกครั้ง            เพราะปกติไม่ใช่คนที่ชอบเขียนหนังสือยาวๆ ความจริงผมเป็นคนชอบอ่านหนังสือนะครับ         เเต่ผมมันไม่ชอบเขียนนะสิ         เเถบเขียนคำตอบวิชากฏหมายเนี้ย             มันไม่ได้เขียนพอเอาเข้าใจอะครับ           มันต้องถูกต้องทุกคำทุกตัวอักษร            เเละผมก็ไม่ได้ขยันขนาดไปเข้าฟังบรรยายทุกครั้ง       เขียนหนังสือได้เป้นเล่มๆ       หรือมานั้งอ่านหนังสือวันละหลายๆชัวโมง           ส่วนมากก็จะเน้นมาอ่านสรุปก่อนสอบซักไม่เกินเดือน          ถือคติความรู้ที่มากโข  หรือจะสู้โผที่เลือนลาง          ถ้าทำข้อสอบพอผ่านก็พอทำได้อยู่เเต่ถ้าจะเอาเกรดGนี้ผมเเทบไม่หวังเลยอะครับ       อย่างสอบวิชากฏหมายมหาชนเจอถามเรื่องการเเก้รฐม.        ไอ้เราก็รู้วิธีอยู่หรอก         เเต่เวลาเขียนต้องมานั่งนึกว่าในรฐม.มาตรา291มันเขียนยังไงมีคำไหนบ้าง          เเถมมาตรา237เจอคำว่าพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนุญว่าด้วยการเลือกตั้งสส.เเละได้มาซึ่งสว.       ผมก็ปวดมือจะเเย่อยู่เเล้ว        เถมยังต้องเขียนซะหลายรอบเพื่ออธิบายอีก       ผมเลยมาคิดๆดูว่าจะย้ายไปเรียนรัฐศาสตร์ดีไหม    เพราะจบไปผมต้องการไปสอบเป็นตำรวจ       ไม่ได้ต้องการจะเป็นทนายหรืออัยการอยู่เเล้ว          ที่เลือกเรียนนิติตั้งเเต่ต้นเพราะ         มีคนเเนะนำว่าเรียนนิติดีกว่าตรงที่เลือกเป็นพนักงานสอบสวนก็ได้  เป็นสายปราบปรามก็ได้          เเต่รัฐศาสตร์เป็นสายปราบปรามได้อย่างเดียว         เเต่พอเจอความยากเข้าไปผมเลยชักลังเล         เพราะอยากให้เรียนจบเร็วๆไม่อยากเรียนเเบบเรื่อยๆ         เเละคิดว่าถ้าฝืนเรียนทีไม่ชอบจบไปก็ต้องไปทำงานที่ไม่ชอบอยู่ดี            เเต่ผมก็เห็นตำรวจที่จบรัฐศาสตร์หลายคนก็นิยมจะเรียนนิติศาสตร์เป็นปณิญญาที่2กันเยอะ             ผมเลยอยากถามว่ารัฐศาสตร์(วิชารองกฏหมาย)เรียนง่ายกว่านิติศาสตร์เยอะรึเปล่า         หรือผมคิดไปเองว่านิติศาสตร์มันยาก     เพราะผมเข้าห้องบรรยายน้อยไป     อีกอย่างคือผมไม่มีที่ปรึกษาเลย         พ่อเเม่พี่น้องผมก็ไม่ได้เรียนกฏหมายซักคน          ใครมีคำเเนะนำวิธีการเรียนนิตศาสตร์ก็ช่วยเเนะนำผมทีนะครับ        ขอบคุณครับ

..จขกท. เป็นนศ. ปีไหนครับ..
..ถ้าเรียน นต. ไม่ไหว แต่อยากรับราชการตำรวจ สามารถย้ายไปเรียน รศ.ได้ โดยจะต้องเลือกวิชาโท (18 Cr) นิติศาศาสตร์ โดยจะต้องสอบผ่าน LW206 LW207 LW301  LW308 LW309 LW314 และวิชากฎหมายอื่นอีก 1 วิชาให้ครบ 18 หน่วยกิต (ห้ามลง LW105 LW213)จึงจะมีสิทธิสอบเข้ารับราชการตำรวจสายป้องกัน ปราบปราม และจราจร..

ถ้าไม่ไหวจริง ๆ ก็ เรียน รัฐศาสตร์ ก่อนก็ได้ เป็นตำรวจแล้วทำงานซักพักค่อยมาเรียนกฎหมายทีหลัง

จริงๆ แล้วกฎหมายไม่ยาก เพียงต้องท่องตัวบทให้ได้+จำฎีกา(เพื่อขยายตัวบท) เท่านั้น
ปัญาหามีอย่างเดียวคือ ตัวบทนั้นมีมากมายหมายมาตราเหลือเกิน ค่อย ๆ ท่องเดี๋ยวก็จำได้ครับ

หรือไปเรียนทางบัญชีเลยก็ได้ครับ

เวลาสอบตร. สอบสายสารวัตรธุรการครับ ฮิ ฮิ

ปล.เพื่อนผมสอบได้ 2 คนครับ

เก่งจังครับ สอบได้สารวัตรเลย

นายสมชายไม่ได้เป็นตำรวจ แต่จบรัฐศาสตร์ที่สมัยก่อนถูกบังคับให้เรียน อาญา, วิอาญา, กฏหมายรัฐธรรมนูญ, และกฏหมายที่เกี่ยวข้องกับการเมืองการปกครอง เช่นกฏหมายเลือกตั้ง ฯลฯ แล้วก็มีเมียเป็นนักกฎหมายฯ...

บอกได้เลยว่า หาก จขกท. ต้องการเปลี่ยนสายมาเรียนรัฐศาสตร์เพราะแค่ไม่อยากเขียนตอบข้อสอบยาวๆน่ะ คิดผิดครับ... คือ จขกท. มีปัญหาเรื่องการเรียบเรียงประเด็น ร้อยเรียงตรรกะให้ตอบตรงเป้าตรงประเด็นคำถามมากกว่าเรื่องการจดจำถ้อยคำของ"ตัวบท"ครับ...

อธิบายได้ว่า การเขียนคำตอบทั้งรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ ซึ่งจะว่าไปทุกศาสตร์ และการร่างหนังสือราชการด้วยนั้น แทบไม่ต่างกันในรูปแบบ เพราะต้อง 1) เปิดประเด็นจากคำถาม, 2) เรียงองค์ประกอบ, 3) เอาข้อเท็จจริงใส่องค์ประกอบ, 4) สรุปว่าได้หรือไม่ อย่างไรไม่ได้ อย่างไรไม่ได้...

สิ่งที่แตกต่างระหว่างรัฐศาสตร์ กับนิติศาสตร์คือ... นิติฯ จะมี"ตัวบท"ให้อ่านพร้อมกับคำอธิบาย ยังไงข้อสอบก็ไม่สามารถหนีตัวบทไปได้ หากอ่านซ้ำไปซ้ำมา อย่างไรเสียก็ต้องติดในสมองเอามาแน่ๆ...

แต่รัฐศาสตร์นั่นต้องแล้วแต่อาจารย์จะสอนครับ นำทฤษฎีต่างๆมาห้ำหั่นกันในกระดาษ หากนักศึกษาไม่สามารถร้อยเรียงสรุปประเด็น ขมวดประเด็น ลำดับความคิดไม่ได้ จะเรียนยากครับ... ยิ่งหากใครเฟ้อฝันนิดๆไม่เป็นด้วยแล้วนั่งทำข้อสอบนี่เหมือนนั่งในขวดหมึกสีดำๆครับ ไม่เหมือนนินิศาสตร์ที่อ่านแยะๆ จะเข้าสมองได้ดี...

ที่เขาว่านิติศาสตร์เรียนยากกว่าน่ะ ยากกว่าเฉพาะคนที่ขี้เกียจ+ไม่อ่านหนังสือเท่านั้นครับ...

ตามนั้นเลยครับ...

ที่จริงแล้วหากอ่านหนังสือมากๆ ก็จะทราบเองว่าในกฎหมายแต่ละเรื่องนั้นมีไม่กี่มาตราที่สามารถผูกประเด็นเป็นตุ๊กตาเป็นโจทย์มาให้แก้ในข้อสอบได้... ซึ่งจะว่าไปแล้วส่วนใหญ่ก็มักจะมาจากฎีกา ไม่เว้นแม้แต่ข้อสอบเนฯ ก็ตาม เพราะอาจารย์เองก็ไม่อยากนั่งทำธงคำตอบใหม่ด้วยตัวเองร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่จะนำฎีกามาดัดแปลง จะได้ไม่ต้องเถียงกับนักศึกษาเวลาโดนโวยไงครับ... เย้...

อืม....ผมว่าการเรียนนี่เราขาด เพื่อน ไม่ได้นะครับ ทั้งเพื่อนรุ่นเดียวกัน รุ่นพี่ รุ่นน้อง จะมีส่วนช่วยในการเรียนในระดับนี้ได้อย่างดี
ในการอ่านหนังสือครับ  ผมว่าควรที่จะ คบหาพวกที่เรียนนิติฯด้วยกันในชั้นเรียน หรือหากลุ่มหรือที่เรียกว่าซุ้ม ที่รามอ่ะครับ จะเป็นส่วนช่วยในการเรียนได้ แต่ต้องคบพวกที่เข้าเรียนนะครับ ;D ส่วนด้าน นิติ กับรัฐศาสตร์ ก็อย่างที่พี่สมชายว่าไว้ละครับ
ส่วนจะมาเป็นตำรวจนี่ ไว้จบแล้วจะสอบค่อยมาว่ากันอีกที
วงการสีกากียินดีต้อนรับครับ ;D

              คือจากที่ได้คุยกับผู้ใหญ่หลายๆท่าน   บวกกับคุยกับตำรวจ(ชั้นประทวนยศนายดาบ)ที่พอรู้จักกัน    มักจะเเนะนำผมว่าถ้าเรียนนิติศาสตร์ได้    ก็ไม่น่าจะไปสอบตำรวจเลย     ไปเป็นทนายหรือสอบอัยการดีกว่า      เพราะวุฒิป.ตรีเเต่สอบได้เเค่นายสิบเงินเดือน8000กว่าบาท      เป็นทนายเงินเดือนก็หลักหมื่นกว่าขึ้นไปเเล้ว       เเถมอีกหน่อยมีโอกาศเป็นผู้พิพากษาเป็นหัวหน้าอัยการ      งานตำรวจไม่มีเส้นมีสายอนาคตก็ไม่เเน่นอน      เเล้วความรู้ที่เรียนมาก็ไม่ได้ใช่ทำอะไรในการประกอบอาชีพเลย       นายสิบวุมิป.ตรีรุ่นที่เเล้วก็เห็นว่ามีปัญหาเยอะมาก        ไม่มีโอกาศสอบเป็นนายร้อยด้วย       ผมก็ไม่รู้จะเอายังไงดี   เเต่ผมไม่ชอบงานนั่งโต้ะในห้องเเอร์ทำเอกสารอะครับ     เข้างาน9โมงเลิก5โมงเย็นอะไรเเบบนี้     ผมชอบงานที่ออกไปที่ต่างๆได้พบปะผู้คนบู๊ๆลุยๆ       โดยเฉพาะการต่อสู้หรือยิงปืนผมว่ามันสนุกดี     ถ้าเป้นไปได้ผมก็อยากจะทำงานเเบที่จะไม่รู้สึกว่ากำลังทำงาน     เเต่รู้สึกว่ากำลังทำในสิ่งที่ชอบประมาณนั้นนะครับ 

คุณ eazycompany ได้ลองเข้าไปไหนบอร์ดของคณะหรือยังครับ
หรือเวปของคณะน่ะครับ ที่นั้นน่าจะมีคำตอบน่ะครับ
และคุณรหัสไหนครับ
ยินดีได้รู้จักน่ะครับ

ที่ผู้ใหญ่บอกว่าถ้าเรียน นิติฯ แล้วน่าจะไปเป็นทนายแล้วไปเรียนเนติฯให้จบ แล้วไปสอบเป็นอัยการหรือผู้พิพากษา
ก็ถูกของผู้ใหญ่แล้วละครับ เพราะในระบบราชการของตำรวจนี่เรื่องเส้นสายยังคงฝังรากลึกมากกกก คนที่ทำแต่งานหรือคนที่ไม่มีนายไม่มีลูกน้องนี่แทบจะไม่มีค่าหรือแทบจะไม่ได้เจริญเติบโตในหน้าที่การงานเท่าไรนะครับ คือระบบของตำรวจถูกแทรกแซงจากอำนาจอื่นๆได้ง่าย ไม่มีกฎที่ชัดเจนปรับเปลี่ยนไปตามแต่ยุค
ในขณะที่ระบบอัยการ ผู้พิพากษา เขามีกฎที่ชัดเจนในการเลื่อนหรือปรับเปลี่ยนตำแหน่ง อำนาจอื่นๆเข้าแทรกแซงยาก เขาก็จะว่าไปภายในองค์กรของเขาเอง
ส่วนความรู้เข้ามาเป็นตำรวจได้ใช้แน่ๆครับไม่ต้องห่วง แถมคุณจะต้องดิ้นรนและเรียนรู้กฎหมายอีกมากมายที่ระดับ ป.ตรีไม่ได้สอน ไม่ว่าคุณจะไปทำหน้าที่ไหนรับรอง :D ส่วนที่ว่ามีปัญหา เป็นปัญหาที่ตัวบุคคลครับ บางคนก็ดีบางคนก็ไม่ดี อยู่ที่แนวคิดและทัศนคติของบุคคลเรื่องนี้เคยมีกระทู้ที่เกี่ยวข้องแล้วลองหาดูครับ
         ส่วนเรื่องบู๊ เรื่องต่อสู้ชีวิตจริง เจ็บจริง ตายจริง พิการจริงครับไม่มีตัวแสดงแทน ไม่มีคิวนะครับ
 อ้อที่ว่ายังไม่ได้สอบนายร้อยก็เพราะว่ายังติดหลักเกณฑ์อยู่นะครับ

จขกท. อ่านกระทู้นี้ครับ... http://www.gunsandgames.com/smf/index.php?topic=80858.0 (http://www.gunsandgames.com/smf/index.php?topic=80858.0)

นายสมชายมีข้อสังเกตุเพิ่มเติมให้ จขกท. พิจารณาก็คือ... หลักสูตรรัฐศาสตร์จะมีความเป็น"สหศาสตร์"มากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปนะครับ ซึ่งสอดคล้องกับสภาพสังคมที่มีความสลับซับซ้อนมากขึ้น ดังนั้นจึงต้องการบุคลากรที่มีมุมมองหลายหลายมากขึ้น(ตัวอย่างที่ใกล้ตัวเราคือ นายทะเบียนมองเรื่องการอนุญาตใบ ป.3 ไม่เหมือนกับประชาชน)...

คุณต๊อกเขียนได้ดีมาก เมื่อนายสมชายอ่านแล้วจึงเข้าเว็บฯไปค้นหลักสูตรของทั้ง มธ.(นายสมชายเรียนที่นี่) และที่อื่นๆ พบว่าหลักสูตรทั้งหลายทุกแห่งแยกรัฐศาสตร์ออกห่างจากนิติศาสตร์ค่อนข้างเด็ดขาดแล้วครับ ไม่มีการบังคับทั้งอ้อมและตรงให้เรียนกฏหมายอีกต่อไปแล้วครับ... ดังนั้นเทียบหลักสูตรสองปริญญานี้ยากขึ้นครับ โดยนิติศาสตร์จะเป็น"วิชาชีพ"แต่รัฐศาสตร์จะเป็น"สหศาสตร์"ครับ...

ข้าราชการของกระทรวงมหาดไทยส่วนใหญ่จบรัฐศาสตร์ จำเป็นต้องมีมุมมองกว้างขวางมากขึ้น มิฉะนั้นอาจดำเนินกระบวนการบำบัดทุกข์บำรุงสุขไม่สอดคล้องสภาพสังคมที่ซับซ้อนมากขึ้นนะครับ... สำหรับงานตำรวจนั้น นายสมชายคงให้ความเห็นไม่ได้เพราะไม่ได้เป็นตำรวจครับ...

หาก จขกท.ชอบงานบู๊มากกว่างานนั่งโต๊ะ ขอให้อ่านที่ท่านสารวัตรวีรศักดิ์เขียนให้ดีครับ... เย้...

เรียนอะไรถ้าไม่อ่านหนังสือ  ก็ยากทุกสาขานะครับ :<< :<<
ส่วนเรื่องการเขียนไม่เป็นนั้น  หาก จขกท  อ่านหนังสือมากๆ
ก็จะเริ่มเขียนได้เองครับ  เพราะสิ่งที่เราจะเขียนนั้น  มันก็จะมาจากสิ่งที่เราอ่านนั่นเอง  ::002:: ::002::

ถ้ายังไม่รู้ว่าจะเรียนรัฐศาสตร์หรือนิติศาสตร์ให้ลองลงวิชาของรัฐศาสตร์สัก3เล่มเพื่อเปรียบเทียบว่าสาขาไหนเหมาะกับเราครับเพราะผมก็ใช้วิธีนี้สุดท้ายก็มาจบที่คณะรัฐศาสตร์การปกครอง

ตอนผมเรียน...บางวิชา ต้องลงสอบใหม่ถึง 6 ครั้งก็มีครับ   ไม่ใช่เพราะยาก  แต่เป็นเพราะไม่ตั้งใจ   ...หลังจากเรียนๆไปได้ซักพัก  เริ่มปรับตัวได้   ก็ผ่านได้สบายๆ ....จริงๆแล้วการอ่านหนังสือไม่ได้หนักอย่างที่คิด...แต่ควรจะสม่ำเสมอ  และขอเน้น  ว่าควรจะหาเสียงบรรยายมาฟัง  อาจจะขอจากเพื่อนที่เข้าเรียน ...หรือที่ทำขายตามเวปก็ได้...แล้วเปิดตัวบทดูตาม   จะเข้าใจได้ง่ายกว่าลุยอ่านเอง.....

ถ้าเรียนถึงจุดๆหนึ่ง...บางทีคุณอาจจะชอบก็ได้ครับ   เพราะตอนแรกที่ผมเลือกเรียนก็ไม่ใช่จากใจรัก ...แค่เรียนเพราะคนนั้นคนนี้บอกว่าดีกว่าคณะอื่น  เนื่องจากความเป็นเด็กก็เลยเรียนๆไปอย่างนั้น   พอเริ่มเรียนเข้าใจ...กลายเป็นว่าหาทางให้ตัวเองเจอว่าชอบอะไร... (ปกติไม่ใช่คนเรียนเก่ง  ม.ปลายจบมาด้วยเกรดเฉลี่ย 1.8 แต่เจอสิ่งที่ตัวเองชอบกลับทำได้ดี  จบนิติศาสตร์ ได้ 3.2   ....เรื่องเกรดเฉลี่ยอาจจะวัดอะไรไม่ได้ทั้งหมดครับ  แต่ยกขึ้นมาให้ดูเป็นตัวอย่างว่าถ้าตั้งใจ  อะไรๆมันก็ไม่ยากเกิน)

                  ขอบคุณทุกที่ท่านตอบนะครับ ::014::     ข้อมูลของเเต่ละท่านเป็นประโยชน์มากครับ

พยามอ่านหลักกฎหมายในเรื่องนั้นๆให้เข้าใจครับ
ไม่ต้องเน้นฎีกาหรือท่องตัวบทให้ได้ทุกตัวอักษร

สมัยผมเรียนนิติศาสตร์รามคำแหง และเนติบัณฑิต
จะใช้การอ่านตำรา เข้าเรียน และบางครั้งก็มีตัวช่วยอย่างเช่นตัวอย่างข้อสอบบ้าง เพื่อเป็นแนวทาง
แต่เมื่ออ่านแล้ว ผมก็จะทำบันทึกสรุปหลักในเรื่องนั้นๆที่อ่าน เพื่อทบทวนความเข้าใจของตนอีกครั้ง
จะไม่ใช้วิธีอ่านอย่างเดียว เพราะอ่านอย่างเดียวในวิชานี้ พอไปอ่านอีกวิชา จะทำให้ลืม อย่างเช่นที่เขาว่าได้ อ่านหน้าลืมหลัง อ่านหลังลืมหน้า

โดยการอ่านและสรุปจะเน้นอ่านหลักกฎหมายของเรื่องนั้นๆ ไม่เน้นฎีกา
เพราะหากเน้นฎีกาไปเจอข้อสอบที่เราไม่เคยอ่านฎีกานั้นๆมาก่อน จะตอบหลักก็ไม่ได้อ่านซะนี้ จึงทำให้ตอบผิดประเด็น
นอกจากนี้แล้วจะไม่ท่องมาตราให้ตรงทุกถ้อยคำอักษร แต่จะสรุปเอาใจความในมาตรานั้นๆเท่านั้น เพื่อใช้ตอบข้อสอบในขณะวินิจฉัยคำตอบพร้อมกัน

ยิ่งข้อสอบชั้นเนติ หรือสอบเพื่อทำงานสายยุติธรรม จะสอบกฎหมายแพ่งทั้งหมดรวมด้วยกฎหมายพิเศษ ๑๐ ข้อ ๔ ชั่วโมง
ซึ่งมีเวลาข้อละ ๒๔ นาที อ่านโจทย์ก็หมดไปเกือบสิบนาทีแล้ว หากต้องมานั่งเขียนตัวบทอีกแล้วค่อยวินิจฉัย หมดเวลาพอดี

แต่ถึงอย่างไร จากการสอบผมพบว่า เดี๋ยวนี้แนวข้อสอบจะถามไปแนวหลักกฎหมายมากกว่าฎีกา
เมื่ออ่านหลักกฎหมายในเรื่องที่สอบเข้าใจแล้ว หากคิดอะไรไม่ได้ ผมจะตอบและอธิบายตามหลักที่ผมเข้าใจ ปรากฎว่าคะแนนดีกว่าข้อที่ผมตอบตามแนวฎีกาซะอีก

ดังนั้นผมจะอ่านหลักกฎหมายในเรื่องนั้นๆให้เข้าใจ และสรุปมันอีกครั้งเพื่อความเข้าใจที่ดีขึ้น
อาจมองดูแล้วเสียเวลา แต่การอ่านหลักให้เข้าใจ ส่งผลดีในการทำข้อสอบซึ่งสามารถอธิบายข้อสอบนั้นแสดงให้อาจาร์ยเห็นว่า เราไม่ได้รู้งูๆปลาๆ
นอกจากนั้นยังส่งผลไปถึงชั้นเนติบัณฑิต ซึ่งผลทำให้ผมจบภายในปีการศึกษาเดียว และที่สำคัญคือ สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้จริงทันที เมื่อมีคนถามหรือปรึกษา

ทั้งที่ผมจบมัธยมปลายด้วยเกรด ๑.๓ กว่า เรียกว่าคนแถวบ้านนั่งคุยกับพ่อแม่ผมเลยทีเดียวว่าส่งไปเรียนกรุงเทพ เสียเวลา มันเกเรจะตาย
ผมจึงมองว่าทุกวิชามันยาก แต่หากเราเข้าใจ และเรียนถูกหลักถูกวิธี (ของตน) จึงไม่มีอะไรยาก หากเราตั้งใจทำ

นิติศาสตร์มันไม่ยากครับ แต่สำคัญที่เรียนแล้ว จบแล้ว เป็น น.บ. แล้ว สามารถนำนิติศาสตร์ไปใช้จริงในชีวิตประจำวันได้หรือเปล่า
จบมาแล้ว แต่กลับนำนิติศาสตร์ไปใช้ในทางเอารัดเอาเปรียบ คิดค้นวิธีทางโกงหรือเอารัดเอาเปรียบผู้อื่น
อย่างนี้ จะเรียกว่าจบนิติศาสตร์อย่างเต็มปากไม่ได้

ยินดีต้อนรับครับผม :D

โอ้...

ท่านทนายสิงห์กลิ้งสุดยอดครับ ผ่านเนฯ ในปีการศึกษาเดียว... ยกโป้งมือให้สองนิ้วเลยครับ...

แฮะๆ จริงๆก็เกือบตกเหมือนกันครับ  :D :D
ภาควิธีพิจารณาความอาญาอ่านไม่ทันครับ แต่ไ้ด้วิชาว่าความและจัดทำเอกสารช่วย คะแนนรวมจึงเกินครึ่งมา ๒ คะแนน เลยรอดตัวไปครับ  ::014::

ของพี่ยังเกินมาตั้ง 2 คะแนน   ....ของกระผม พอดีเป๊ะ 2 ขาเลยครับ  555+   ....ตอนนี้เหลือ วิ.แพ่งอีกหนึ่งขา  กำลังพยายามสู้เต็มที่ ^_^

ผมยกให้ด้วยคนครับท่าน (ยอดมาก) ::002::