หัวข้อ: [180110] ใครจะมีความสุขมากกว่ากัน เริ่มหัวข้อโดย: วัฒน์ ที่ มกราคม 18, 2010, 03:34:00 PM (http://variety.teenee.com/foodforbrain/img7/78196.jpg)
หัวข้อ: Re: [180110] ใครจะมีความสุขมากกว่ากัน เริ่มหัวข้อโดย: Iron ที่ มกราคม 18, 2010, 03:43:30 PM แตกต่างกับแบบเห็นได้ชัดเจนเลยครับ ผมขออยู่ตรงกลางก็พอ ;D
หัวข้อ: Re: [180110] ใครจะมีความสุขมากกว่ากัน เริ่มหัวข้อโดย: นายรัก-รักในหลวง- ที่ มกราคม 18, 2010, 03:45:01 PM มีความสุขคนละแบบครับ แต่ละคนก็ย่อมมีหน้าที่การงานของแต่ละบุคคลตามสภาพแวดล้อมของตัวเอง แต่ถ้าให้ผมเลือก ผมจะเลือกเป็น นายเด่น สุขใจครับ ::014:: ::014:: ::014::
หัวข้อ: Re: [180110] ใครจะมีความสุขมากกว่ากัน เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ มกราคม 18, 2010, 03:47:22 PM อิ อิ คิดเหมือนกันว่าผมจะย้ายตัวเองจากด้านซ้าย ไปด้านขวาให้ได้ครับ
หัวข้อ: Re: [180110] ใครจะมีความสุขมากกว่ากัน เริ่มหัวข้อโดย: zx9 ที่ มกราคม 18, 2010, 03:59:48 PM หากเลือกได้นะครับ ใช้ชีวิตทำงานแบบนาย แซม แต่หากถึงเวลาตาย อยากตายอย่างสงบเหมือนนาย เด่น ครับ คนเรามีความจำเป็นต่างกันอยู่ที่เราจะเลือกดำเนินชีวิตอย่างไร.....ให้อยู่ได้ในสังคมอย่างมีความสุข....ที่สุด เป็นความคิดเห็นส่วนตัวครับ เพราระชีวิตจริงก็ยังมีทั้งสุขทั้งทุกข์ปนกันไปอยู่เลยครับ
หัวข้อ: Re: [180110] ใครจะมีความสุขมากกว่ากัน เริ่มหัวข้อโดย: คุณพ่อตัวดี ที่ มกราคม 18, 2010, 04:01:15 PM คนเราใช่หามีงานที่ดี มีเงินมากมายก็มีความสุขได้ อาจจะสบายกายแต่ความสุขใจไม่มีหรือว่ามีแต่น้อย
เช่นเดียวกับคนบ้านนอก คนมีเงินน้อยๆ เป็นประชาชนเต็มขั้น อาจมีความสุขใจแต่ต้องลำบาก เพราะไม่ค่อยสบายกาย คนเราเลือกที่จะมีความสุขได้ต่างกัน แต่ความสุขนั้นต้องพอดีและสมกับที่ตัวเองมีถึง จะสุขกายสบายใจ ::014:: ::014:: หัวข้อ: Re: [180110] ใครจะมีความสุขมากกว่ากัน เริ่มหัวข้อโดย: yod - รักในหลวง ครับ ที่ มกราคม 18, 2010, 04:02:34 PM คนเมือง อยากไปอยู่ชนบท คนชนบท อยากมาอยู่ ในเมือง แต่ ผม อยากไปอยู่บ้านนอก มีความสุข กับ แสงแดด ธรรมชาติ ฟังเสียงนก เสียงไก่ เสียงควาย ฟังเสียงน้ำไหลริน หัวข้อ: Re: [180110] ใครจะมีความสุขมากกว่ากัน เริ่มหัวข้อโดย: วัฒน์ ที่ มกราคม 18, 2010, 04:08:01 PM วินทร์ เลียววาริณ
5 กันยายน 2551 แก้มอีกข้างหนึ่ง เคยไหมที่คุณเหยียบเท้าใครสักคน แล้วใครคนนั้นเผลอเอ่ย "ขอโทษ" ด้วยความเคยชิน? การขอโทษทั้งที่ไม่ผิดโดยบังเอิญเป็นเรื่องธรรมดา แต่การกระทำแบบนี้โดยตั้งใจยากกว่ายาก และกระทำโดยจริงใจยิ่งยากเข้าอีก ถามว่าทำไมต้องทำเช่นนี้ เพราะดูเหมือนมีแต่คนโง่เท่านั้นที่ขอโทษทั้งที่ไม่ผิด? แต่ทว่าในบางสถานการณ์ การยอมเป็นคนโง่แบบนี้กลับเป็นเรื่องฉลาด ในชีวิตคู่ บ่อยครั้งใครคนหนึ่งตกอยู่ในสถานการณ์ที่ถูก 'เหยียบเท้า' โดยไม่ได้ทำผิด เช่นอีกฝ่ายหนึ่งอาจจะเกิดอารมณ์แปรปรวน และโยนภาระอารมณ์มาให้แบกรับ ไม่ผิดแต่ถูกด่า หากตอบโต้อารมณ์เสียด้วยอารมณ์เสีย โลกของทั้งสองคนก็บูดเน่าไปทั้งวัน แต่หากใช้จิตวิทยาในเชิงกลับ รับความผิดนั้นเสียเอง ยอมขอโทษทั้งที่ไม่ผิด ก็อาจทำให้อีกฝ่ายคืนสติ และหยุดการกระทำที่ไม่สมเหตุสมผลนั้น การส่งสัญญาณต่ออีกคนว่า "เพราะฉันแคร์ ฉันจึงยอมเธอก่อนก็แล้วกัน" ก็เช่นคำสอน The Sermon on the Mount ของพระเยซูตั้งแต่เกือบสองพันปีก่อน พระองค์ตรัสว่า "พวกเจ้าล้วนเคยได้ยินคำที่ว่า 'ตาต่อตา ฟันต่อฟัน' แต่เราขอบอกพวกเจ้า จงอย่าต่อต้านคนชั่วร้าย หากใครคนหนึ่งตบแก้มขวาของเจ้า จงเอียงแก้มอีกข้างหนึ่งให้เขา..." พระพุทธองค์ก็ทรงสอนหลักเดียวกันว่า "เวรระงับด้วยการไม่จองเวร" เมื่อไม่ต่อเชื้อไฟ กรรมก็เดินหน้าไปไม่ได้ไกล บางคนอาจคิดว่านี่คือเรื่องโง่เขลาอย่างยิ่ง แต่หากแยกแยะให้ถูกจะพบว่า "เวรระงับด้วยการไม่จองเวร" เป็นคนละเรื่องกับ "ทำดีได้ชั่ว" หรือทำผิดแล้วไม่ต้องรับโทษ เพราะทุกๆ กิริยาย่อมมีปฏิกิริยาไปตามครรลองของมัน การเอียงแก้มอีกข้างให้ตบเป็นการกระทำแบบอหิงสา เป็นการยกระดับจิตใจของคน และหากคนในสังคมมีระดับจิตใจที่สูงขึ้น สังคมนั้นถ้ามิใช่โลกพระศรีอาริย์ ก็ใกล้เคียง เมื่อเด็กๆ เราทะเลาะกัน แล้วผู้ใหญ่สั่งให้คืนดีกัน เกี่ยวก้อยกัน ง่ายๆ อย่างนั้น การทะเลาะเบาะแว้งของผู้ใหญ่อาจมีความซับซ้อนมากขึ้น แต่โดยพื้นฐานแล้วก็เหมือนกันคือการไม่ยอมกัน ยิ่งแก่ทิฐิยิ่งสูง แต่ไม่ว่าการวิวาทนั้นมีขนาดเล็กแบบการทะเลาะของเด็กๆ หรือใหญ่ระดับวิกฤติ สามารถลดระดับความแรงของมันลงมาได้ หากรู้จักเอ่ยคำว่า "ขอโทษ" สั้นๆ คำเดียว คำ 'ขอโทษ' เป็นยาครอบจักรวาล ไม่มีอันตราย ไม่มีผลข้างเคียง ดับไฟวิกฤติได้ชะงัด แต่การเอ่ยคำ 'ขอโทษ' ไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะเมื่อตัวเองไม่ใช่ฝ่ายผิด เป็นคำที่เอ่ยยากที่สุด แต่การขอโทษด้วยความจริงใจยิ่งยากเย็นกว่าร้อยเท่าพันเท่า ต้องอาศัยขันติธรรมและเมตตาธรรมสูง และเมตตาธรรมนี้เองที่ทำให้เรามองสถานการณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะซับซ้อนเพียงไรว่า เราต่างเป็นเด็กด้วยกัน ต่างกระทำเรื่องผิดพลาดได้ง่ายๆ ดังนั้นจึงเลิกทะเลาะกันได้ง่ายๆ โลกพระศรีอาริย์มิใช่สถานที่ที่เราแสวงหา หากเป็นสถานที่ที่เราสร้างขึ้นด้วยวัสดุพิเศษ อิฐทำด้วยความอดทน ปูนทำด้วยเมตตาธรรม และแบบแปลนออกแบบด้วยความคิดว่า "เพราะฉันแคร์ ฉันจึงยอมเธอก่อนก็แล้วกัน" คมคำคนคม A liberal is a man too broadminded to take his own side in a quarrel. คนใจเสรีมีความคิดอ่านที่กว้างเกินกว่าที่จะเลือกเข้าข้างตัวเองในการวิวาท Robert Frost (1874-1963) หัวข้อ: Re: [180110] ใครจะมีความสุขมากกว่ากัน เริ่มหัวข้อโดย: yod - รักในหลวง ครับ ที่ มกราคม 18, 2010, 04:30:01 PM ขอบคุณครับ พี่ วัฒน์ เขาถึงบอกว่า อย่าเติมเชื้อไฟ พอเขารู้สึกตัวแล้ว ก็จะคิดได้เองครับ หัวข้อ: Re: [180110] ใครจะมีความสุขมากกว่ากัน เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ มกราคม 18, 2010, 06:23:00 PM ขอบคุณมากครับอาวัฒน์ ผมเกิดบ้านนอกอยู่บ้านนอก เคยคิดอยู่กรุง แต่นั่นนานมาแล้ว ปัจจุบันอยากอยู่บ้านนอก (ในบ้านนอกนี่แหละ) ที่เป็นบ้านนอกจริงๆ ชอบความเรียบง่าย หัวข้อ: Re: [180110] ใครจะมีความสุขมากกว่ากัน เริ่มหัวข้อโดย: เมียหลวงสั่งถอย เมียน้อยสั่งลุย ที่ มกราคม 18, 2010, 07:25:11 PM ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: [180110] ใครจะมีความสุขมากกว่ากัน เริ่มหัวข้อโดย: ~ Sitthipong - รักในหลวง ~ ที่ มกราคม 18, 2010, 07:36:16 PM ผมอยู่บ้านนอกอยู่แล้วครับ สุขสบายดี :D
หัวข้อ: Re: [180110] ใครจะมีความสุขมากกว่ากัน เริ่มหัวข้อโดย: อ้วน 008 รักในหลวง ที่ มกราคม 18, 2010, 07:40:55 PM ผมย้ายจากด้านซ้ายมาเป็น นายอ้วน สุขใจ มาเกือบสิบปีแล้วครับ แต่ชีวิตไม่เคยคิดเทียบเคียงแบบนี้เลยครับ
พอได้อ่านได้แง่คิดดีมาก ๆ ครับ ไม่มีอะไรให้ นอกจาก+1 ครับ ::014:: หัวข้อ: Re: [180110] ใครจะมีความสุขมากกว่ากัน เริ่มหัวข้อโดย: หินเหล็กไฟ ที่ มกราคม 18, 2010, 07:43:37 PM ::002:: ::002:: ::002:: ติดตามเป็นประจำครับ นำไปให้คนอื่นอ่านด้วย ::002:: ::002::
หัวข้อ: Re: [180110] ใครจะมีความสุขมากกว่ากัน เริ่มหัวข้อโดย: deore XT ที่ มกราคม 18, 2010, 07:49:20 PM นายสุธี มีความรู้และการศึกษา แต่พลาดที่ไม่รู้จักดูแลสุขภาพตนเอง
เดี๋ยวนี้ ตามฟิตเนส สวนสาธารณะตอนเช้าๆ กลุ่มปั่นจักรยาน กลุ่มออกกำลังกายต่างๆ เป็นคนเงินเดือนกันเยอะแยะครับ แต่คนอย่าง เด่น ที่ผมรู้จัก มักจะติดเหล้าขาวครับ :) หัวข้อ: Re: [180110] ใครจะมีความสุขมากกว่ากัน เริ่มหัวข้อโดย: JJ-รักในหลวง ที่ มกราคม 18, 2010, 08:36:23 PM ความสุข ไม่ได้อยู่ที่เงินและหน้าที่การงานที่สูงเพียงอย่างเดียวครับ
หัวข้อ: Re: [180110] ใครจะมีความสุขมากกว่ากัน เริ่มหัวข้อโดย: Iron ที่ มกราคม 18, 2010, 08:55:39 PM ขอบคุณมากครับอาวัฒน์ ผมเกิดบ้านนอกอยู่บ้านนอก เคยคิดอยู่กรุง แต่นั่นนานมาแล้ว ปัจจุบันอยากอยู่บ้านนอก (ในบ้านนอกนี่แหละ) ที่เป็นบ้านนอกจริงๆ ชอบความเรียบง่าย หัวข้อ: Re: [180110] ใครจะมีความสุขมากกว่ากัน เริ่มหัวข้อโดย: nick357 "รักในหลวง" ที่ มกราคม 20, 2010, 02:57:56 AM ถ้ามีลูกสาวหรือเป็นผู้หญิงเองจะเลือกคนไหน ;D
หัวข้อ: Re: [180110] ใครจะมีความสุขมากกว่ากัน เริ่มหัวข้อโดย: ManStopper ที่ มกราคม 20, 2010, 08:06:12 AM เป็นมุมมองของชีวิตอย่างหนึ่งที่ทำให้เราได้ข้อคิดอะไรบางอย่าง ว่าจงอยู่อย่างพอดีและพอเพียง เดินทางสายกลางจะดีที่สุด
หัวข้อ: Re: [180110] ใครจะมีความสุขมากกว่ากัน เริ่มหัวข้อโดย: คมขวาน รักในหลวง ที่ มกราคม 20, 2010, 10:04:43 AM ผมคนบ้านนอก
แต่อยากอยู่บ้านนอกเข้าไปอีก หรือไม่ก็ย้าย "เรือนเวียงวิมาน" ถอยหลังให้ห่างถนนไปอีก สัก ๕๐๐ เมตร หัวข้อ: Re: [180110] ใครจะมีความสุขมากกว่ากัน เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ มกราคม 20, 2010, 12:02:47 PM ::014::
ขอบคุณครับพี่วัฒน์ ขอบวก 1 เลยนึกถึงโฆษณารถในทีวีสเปน หน้าตึกโรงเรียนอนุบาล เด็ก 4-5 คน นั่งรอ พ่อ-แม่ มารับ เด็กทุกคนน่ารัก ผมฟูบ้าง ผมเรียบบ้าง แก้มยุ้ยทุกคน เด็กคนที่ 1 (พูดเสียงเด็ก เหน่อแบบเด็กน่ารักดี) "พ่อเรามีรถคันหย่ายย นั่งสบายเหมือนอยู่ในบ้าน" เด็กคนที่ 2 (หน้าเหรอหรา) เด็กคนที่ 3 "พ่อชั้นมีรถสปอร์ต วิ่งเร็วเหมือนรถแข่งเล้ย" เด็กคนที่ 2 (หน้าเริ่มจืด) เด็กคนที่ 4 "รู้มั๊ย พ่อเรามีรถตั้งห้าคันแน่" เด็กคนที่ 2 (หน้าจ๋อย) รถ โฟลค์ คันกระทัดรัดแล่นมาจอดที่ฟุตบาทหน้าโรงเรียน เด็กคนที่ 2 (หน้าเบิกบาน ยิ้มกว้างมีความสุข) วิ่งไปขึ้นรถ "พ่อชั้นมารับชั้นล่า" เด็กคนที่ 1 3 4 (หน้า เหรอ จืด จ๋อย ไปตามๆ กัน) โพลค์ สวาเก้น "เรารู้ว่าอะไรสำคัญสำหรับคุณ" :VOV: หัวข้อ: Re: [180110] ใครจะมีความสุขมากกว่ากัน เริ่มหัวข้อโดย: Sig228-kolok ที่ มกราคม 20, 2010, 03:50:42 PM ขอบคุณครับลุงวัฒน์ ::014::
|