เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

สนทนาภาษาปืน => หลังแนวยิง => ข้อความที่เริ่มโดย: MP 436 ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2010, 11:24:37 AM



หัวข้อ: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: MP 436 ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2010, 11:24:37 AM
แหมเรื่องไม่น่าเกิด  .. ก็อาจจะเกิด เราคนมีปืนพกพาติดรถติดราก็อาจพลอยเดือดร้อนไปได้

ลองวิเคราะห์กันดูครับ

++!!  สาวอัซูซุขับรถติดไฟแดงคล่อมรางรถไฟ กระหน่ำบีบแตรใส่หนุ่มเจ้าของรถเบ้นซ์ให้ขัยบแต่ยังไม่หลีกทางให้ เลยจอดรถตะลุมบอนกันกลางถนน ด้านตร.แจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายทั้งคู่
       
       เมื่อเวลา 13.00 น.วานนี้ (7 ก.พ.) ขณะที่ พ.ต.ท.จตุภูมิ รักษาภักดี พนักงานสอบสวน (สบ 2) สน.บางกอกน้อย กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่บนโรงพักก็ได้มี นายวุฒิชัย สามกองาม อายุ 67 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1100 ซอยจรัญสนิทวงศ์ 57 แขวงบางพลัด เขตบางพลัด กับ น.ส.สุทธินี สามกองาม อายุ 33 ปี ผู้เป็นลูกสาว เข้ามาแจ้งให้ดำเนินคดีกับ นายทักษิณ ประภัย อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 399/18 ถนนจรัญสนิทวงศ์ แขวงบางขุนศรี เขตบางกอกน้อย ในข้อหาทำร้ายร่างกาย
       
       นายวุฒิชัย กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุลูกสาวกับตนได้ขับรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ สีแดง หมายเลขทะเบียน ฌท-6971 กทม.ไปรับหลานที่ย่านบางขุนนนท์ เพื่อไปทำบุญที่วัดศรีสุดาราม กระทั่งมาถึงบริเวณถนนจรัญสนิทวงศ์ ช่วงบริเวณหน้าโรงจำนำ ก่อนถึงแยกบางขุนนนท์เล็กน้อย ก็จอดรถติดไฟแดงจอดคล่อมทางรถไฟอยู่ หลังจากนั้นสักพัก รถไฟกำลังจะมา ลูกสาวจึงบีบแตรไล่รถเบนซ์ เอสแอลเค สีดำ ทะเบียนป้ายแดง ศ-4787 กทม.ที่มี นายทักษิณ เป็นคนขับ แบบไม่หยุด แต่ก็นายทักษิณก็ไม่ยอมเลื่อนรถไป จนไม้กั้นทางลงมาจนติดหลังคารถตน ทำให้ลูกสาวต้องหักรถออกทางขวาไปที่ช่องทางกลาง แล้วบีบแตรไล่รถคันที่อยู่ช่องทางกลางอีกคัน
       
       นายวุฒิชัย กล่าวต่อว่า หลังรถคันหน้าในช่องทางกลางขยับ ลูกสาวจึงขับรถไปปาดหน้ารถเบนซ์ของนายทักษิณ แล้วมองหน้า ก่อนที่ลูกสาวจะลงไปจากรถ ตนก็เดินลงตามพร้อมถือร่มไปด้วย แต่ระหว่างนั้นกลับถูกนายทักษิณ ทำร้ายร่างกายจนตนได้รับบาดเจ็บที่บริเวณหน้าผากเป็นแผลถลอก มีเลือดไหลตลอดเวลา จึงมาแจ้งความดังกล่าว
       
       ด้านนายทักษิณ ให้การว่า ตนเป็นเจ้าของร้านตำไทย ย่านพรานนก และเพาะปลาหมอสีส่งออกเป็นอาชีพเสริมด้วย โดยก่อนเกิดเหตุเพิ่งขับรถกลับจากไปดูการถมที่ดินที่ จ.นครนายก และกำลังขับจะรถไปกินก๋วยเตี๋ยวที่ย่านถนนจรัญสนิทวงศ์ โดยใช้ถนนเส้นตัดใหม่ เมื่อมาถึงทางออกถนนจรัญสนิทวงศ์ ตนก็เลี้ยวซ้ายมาติดไฟแดงแยกบางขุนนนท์ เพื่อเตรียมข้ามทางรถไฟไป
       
       นายทักษิณ ให้การต่อว่า หลังจากนั้น รถกระบะอีซูซุคันหลังที่จอดคล่อมรางรถไฟอยู่ ก็บีบแตรไล่รถตนแบบไม่หยุด จนไม้กั้นรถไฟลงมาพาดหลังคารถ ก่อนที่รถคันดังกล่าวจะหักออกขวาไป แล้วบีบแตรไล่รถคันหน้าจนเป็นที่น่ารำคาญของรถคันอื่น เมื่อรถคันหน้าขยับออกให้ คนขับรถกระบะอีซูซุก็ขับมาปาดหน้ารถตน ซึ่งตนสังเกตุเห็นว่าในรถมีหญิงสาวคือ เป็นคนขับ มีคนแก่นั่งมาข้างๆ ก็คือนายวุฒิชัย และมีเด็กอีก 3 คน
       
       นายทักษิณ ให้การต่ออีกว่าจากนั้น น.ส.สุทธินี ที่ขับรถกระบะก็ลงมาจากรถ แล้วตรงเข้ามาด่าตนว่าทำไมไม่มีน้ำใจขยับรถให้ ตนพยายามอธิบายแล้วว่า รถคันหน้าไม่ขยับออกไป ตนจะขยับรถให้ได้อย่างไร แต่ น.ส.สุทธินี ก็ไม่ยอมฟัง จนกระทั่งนายวุฒิชัย เดินถือร่มตามลงมาแล้วเอาร่มยันประตูรถตนไว้ พร้อมกับพูดว่า "มึงมีปัญหามากนักเหรอ" จากนั้นก็เอาร่มแทงใส่หน้าตนจนเป็นแผล แถมยังต่อยตนอีกหลายหมัด จังหวะนั้นตนจับปืนลูกโม่ขนาด .38 ที่อยู่ภายในรถไว้ แต่ไม่ได้ควักออกมา เพราะเกรงว่าทั้ง 2 คน มีเจตนาจะชิงทรัพย์ตน เนื่องจากตนใส่สร้อยคอทองคำหนัก 5 บาทไว้ที่คอ และมีเลสทองคำที่ข้อมืออีก
       
       นายทักษิณ ยังให้การอีกว่า จากนั้นตนก็ตัดสินใจลงรถแล้ววิ่งหนี เพราะไม่ต้องการให้เรื่องบานปลาย แต่นายวุฒิชัยกลับไม่ยอมหยุด ยังวิ่งตามทำร้ายร่างกายตนอีก ชาวบ้านในระแวกนั้นก็เห็นเหตุการณ์อยู่ตลอด จนตนไม่ไหวผลักร่มจนหักทิ่มใส่หน้านายวุฒิชัยจนเป็นแผล ระหว่างนั้นตนพยายามบอกให้ น.ส.สุทธินี ห้าม นายวุฒิชัยผู้เป็นพ่อ แต่กลายเป็นว่าทั้ง 2 คนกลับมาช่วยกันรุมทำร้ายตน จนใบหน้าและตามร่างกายเป็นแผลหลายแห่ง สุดท้ายมีตำรวจมาห้ามไว้ พร้อมกับพาตนและคู่กรณีทั้ง 2 คน มาที่โรงพัก ระหว่างที่มาถึงโรงพัก นายวุฒิชัย ก็ถามว่าในกระเป๋าตนมีอะไร ตนก็ตอบว่ามีปืนอยู่ นายวุฒิชัยก็ขอดูตนจึงเปิดให้ดู แต่เจ้าตัวกลับคว้ากระเป๋าวิ่งไปให้ตำรวจอีก อย่างไรก็ตามโดยส่วนตัวตนก็ไม่อยากมีปัญหากับใครเลย อีกทั้งชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ยังชมตนว่าใจเย็นมาก ขนาดมีปืนยังไม่ยอมเอาออกมาใช้
       
       ด้าน พ.ต.ท.จตุภูมิ กล่าวว่า หลังสอบปากคำคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่ายแล้ว ก็ได้แจ้งข้อหาทำร้ายร่ายกายทั้งคู่ และแจ้งข้อหาพกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร กับนายทักษิณ เพิ่มอีก 1 ข้อหา

ที่มา ..http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9530000017726 (http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9530000017726)
 
 --------------------------------------------------------------------------------
 




หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2010, 11:38:15 AM
 ::013:: ::013:: ::013::


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: อรชุน-รักในหลวง ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2010, 11:44:31 AM
เท่าที่อ่าน ฝ่าย อีซูสุ ผิดตั้งแต่เริ่มครับ ผิดที่ไปจอดคร่อมรางรถไฟ ผิดด้วยการใช้แตรไล่ผู้ใช้รถคันอื่นอย่างไร้มารยาท ผิดที่ลงจากรถไปหาเรื่องเขา


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: TWC - รักในหลวง ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2010, 11:55:45 AM
เท่าที่อ่าน ฝ่าย อีซูสุ ผิดตั้งแต่เริ่มครับ ผิดที่ไปจอดคร่อมรางรถไฟ ผิดด้วยการใช้แตรไล่ผู้ใช้รถคันอื่นอย่างไร้มารยาท ผิดที่ลงจากรถไปหาเรื่องเขา

เห็นด้วยครับ ก็คันที่อยู่หน้าเบนซ์ยังไม่ขยับแล้วจะเลื่อนไปได้ยังไง


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: Glock Jumper ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2010, 12:10:46 PM
ปืนจะใช้ได้ในกาลที่สมควรและกาลนี่ถือว่ายังไม่ถึงขั้นต้องใช้ เจ้าของปืนชั่งเหตุผลให้อยู่เหนืออารมณ์ได้ ขอชมเชยครับ นี่คือลูกผู้ชาย ::002::


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: Pandanus ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2010, 12:11:53 PM
เด็กสามคนที่อยู่ในรถ จะพลอยซวยไปด้วย  ซวยที่อาจโดนรถไฟชนทีแล้ว  ยังซวยที่ได้เห็นคนต้นแบบทำเรื่องแย่ ๆ อีก


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: pokka ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2010, 12:13:10 PM
 
  เหตุจากความมักง่าย


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: นายรัก-รักในหลวง- ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2010, 12:23:53 PM
สองพ่อลูกมารยาท ทรามมาก ตัวเองผิดยังไปรุมทำร้ายเขาอีก ยังไม่พอกลับแจ้งความคู่กรณีข้อหาทำร้ายร่างกาย ทั้งๆที่เขาป้องกันตัว ฝ่ายรถเบนซ์ ดัน(พาซื่อ)ไปเปิดปืนให้คู่กรณีเห็นอีก เรื่องเลยยาว เห็นใจเจ้าของรถเบนซ์ครับ  แต่ขอชมเจ้าของรถเบนซ์ที่ระงับอารมณ์ได้ดี ทำถูกต้องแล้วครับ  ::014:: ::014:: ::014::


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: khwanphet_NAVY 39 ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2010, 12:44:09 PM
.....................................ขอชมครับลูกผู้ชายตัวจริง............................................................................... ::014::


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: Pandanus ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2010, 01:12:10 PM
บุรุษฉกรรจ์วิวาทะ  ทำร้าย  สตรีและบุรุษสูงวัย  สรรพวุธแจ้งพรั่งพร้อม   เบื้องหน้าสามผู้เยาว์  ผู้จำเป็นให้พ้นภัยใกล้ถึง

อ้าว  ลุงโกวเล้ง  มาด้วยเหรอ หวัดดีครับ....   ::014::

รับแต้มพอชุ่มคอก่อน


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2010, 01:38:33 PM
เรื่องนี้นายสมชายเห็นไม่เหมือนใครน่ะครับ...

เรื่องแรก...
เวลารถวิ่งๆอยู่แล้วเกิดรถติดขึ้นมาขณะที่ไม้กั้นทางรถไฟไม่ได้เอาลงมากั้น มันเลือกไม่ได้หรอกครับว่าจะจอดพอดีคล่อมทางรถไฟหรือไม่ หากบังเอิญรถใครจอดคล่อม ทางรถไฟพอดีเป๊ะ เขาจะบีบแตรให้คันหน้าเลื่อนรถครับ... เวลารถติดบนถนน จะไม่ติดแนบชิดแบบกันชนจ่อกันชนหรอกครับ หากคันหน้ามีน้ำใจเลื่อนรถเดินหน้าไปหน่อยพร้อมบีบแตรบอกคันหน้าของตัวเองออกไปอีก คันที่อยู่ข้างหน้าออกไปอีกเขาก็จะเลื่อรถกันคันละนิดคันละหน่อย ในที่สุดรถยนต์คันที่คล่อมทางรถไฟก็จะพ้นอันตรายครับ...

ตามท้องเรื่องในกระทู้ คันที่บีบแตรย้ายไปบีบแตรใส่คันอื่น คันอื่นเขาก็ช่วยเลื่อนให้จนคันที่คล่อมฯ พ้นทางรถไฟจนได้นะครับ... นายสมชายขับรถผ่านทางรถไฟเลียบถนนวิภาวดี ตรงแยกเกษตรที่ถนนงามวงศ์วานตัดวิภาวดีออกบ่อย ตรงนั้นรถที่จะเลี้ยวซ้ายจากวิภาวดีเข้างามวงศ์วานจะติดไฟแดงพอดีรถไฟออกบ่อยครับ คนแถวนั้นเขาเลื่อนรถช่วยคันที่คล่อมทางรถไฟเป็นประจำ นายสมชายเคยทั้งเลื่อนช่วยคันอื่นและบีบแตรให้คันอื่นเลื่อน...

เรื่องที่สอง...
คนไทยไม่ค่อยมีน้ำใจเว้นช่องทางเดินรถให้รถยนต์คันที่เขาเดือดร้อนนะครับ ซึ่งตรงนี้น่าจะแก้ไขให้เป็นวัฒนธรรมที่ดี... ตัวอย่างเช่นเมื่อเรารถติดอยู่บนถนน แล้วเกิดมีรถพยาบาลเปิดไซเร็นวิ่งมาข้างหลัง หากเป็นที่ต่างประเทศ(USA.) เขาจะขยับรถแหวกให้เป็นช่องพอให้รถพยาบาลวิ่งผ่านไปให้จนได้ครับ...

คือรถยนต์ที่ติดอยู่บนถนนมันจะไม่ชิดกันแน่นแบบในลานจอดรถ แต่จะมีช่องว่างพอให้ขยับได้ เช่นถนนสองเลน ก็สามารถวิ่งได้สามเลนเป็นต้น ดังนั้นหากทุกคันช่วยขยับคันละนิดคันละหน่อยก็สามารถให้รถพยาบาลวิ่งออกไปได้ครับ... แต่ที่นายสมชายเห็นคือไม่มีใครขยับ อาจคิดว่าก็รถมันติดอยู่ ไปไหนก็ไม่ได้...

ที่ต่างประเทศ(USA.) หากรถเรากำลังวิ่งอยู่แล้วได้ยินเสียงไซเร็นรถฉุกเฉินวิ่งมา เขาให้พยายามชิดซ้ายทันทีครับ ถึงแม้บางทีจะชิดซ้ายไม่ทันเพราะรถตำรวจวิ่งกันเร็วก็ตาม...


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2010, 01:43:10 PM
มีอีกครับ...

คนขับรถเบ็นซ์จะพกปืนทำไม ในเมื่อไม่มีเรื่องเร่งด่วนอะไร ลำพังแค่มีทรัพย์สินมีค่าสูงนั่นไม่พอเป็นเหตุผลให้พกปืนหรอกครับ... แล้วคาดว่าเป็นเพราะขับเบ็นซ์+พกปืนด้วยแหละ ทำให้พฤติกรรมดูถูกผู้อื่น ไม่มีน้ำใจบนท้องถนน...

งานนี้ไม่รอดเรื่องพกปืนหรอกครับ หากข้อเท็จจริงตามกระทู้เป็นโดนส่งฟ้องศาลแน่ แล้วก็ต้องหวังว่าไม่มีคดีเดิมคาอยู่... หวังความเมตตาจากศาล ลุ้นให้รอลงอาญาครับ...


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: เขาใหญ่ ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2010, 03:09:24 PM
ขับรถต้องกะระยะ คำนวน วิเคราะห์ เส้นทางด้านหน้าให้ดี ว่าไปได้ไหม ขวางทางใครไหม

เส้นเหลืองรูปข้าวหลามตัด ที่ตีไว้ที่พื้นถนน บางคนยังไมรู้เลยว่าหมายความว่าอย่างไร

บางครั้งปลง ทำใจกับการใช้ถนนและขับรถบ้านเรา ใจเย็นๆ นิ่งๆ ให้มากที่สุด ออกมาอยู่ต่างจังหวัดดีกว่า โล่งกว่า สบายกว่า



หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: ja_nef_cop-รักในหลวง ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2010, 03:23:11 PM
บ้านผมรถน้อยครับอยู่บ้านนอก มีแต่ฝูงวัว - ควาย เดิน เต็มถนน ยามเช้า/เย็น หลบวัว/ควาย เสร็จ ต้องหลบ ขรี้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  มันอีก


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: JUNGLE ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2010, 03:34:22 PM
เรื่องนี้นายสมชายเห็นไม่เหมือนใครน่ะครับ...

เรื่องแรก...
เวลารถวิ่งๆอยู่แล้วเกิดรถติดขึ้นมาขณะที่ไม้กั้นทางรถไฟไม่ได้เอาลงมากั้น มันเลือกไม่ได้หรอกครับว่าจะจอดพอดีคล่อมทางรถไฟหรือไม่ หากบังเอิญรถใครจอดคล่อม ทางรถไฟพอดีเป๊ะ เขาจะบีบแตรให้คันหน้าเลื่อนรถครับ... เวลารถติดบนถนน จะไม่ติดแนบชิดแบบกันชนจ่อกันชนหรอกครับ หากคันหน้ามีน้ำใจเลื่อนรถเดินหน้าไปหน่อยพร้อมบีบแตรบอกคันหน้าของตัวเองออกไปอีก คันที่อยู่ข้างหน้าออกไปอีกเขาก็จะเลื่อรถกันคันละนิดคันละหน่อย ในที่สุดรถยนต์คันที่คล่อมทางรถไฟก็จะพ้นอันตรายครับ...

ตามท้องเรื่องในกระทู้ คันที่บีบแตรย้ายไปบีบแตรใส่คันอื่น คันอื่นเขาก็ช่วยเลื่อนให้จนคันที่คล่อมฯ พ้นทางรถไฟจนได้นะครับ... นายสมชายขับรถผ่านทางรถไฟเลียบถนนวิภาวดี ตรงแยกเกษตรที่ถนนงามวงศ์วานตัดวิภาวดีออกบ่อย ตรงนั้นรถที่จะเลี้ยวซ้ายจากวิภาวดีเข้างามวงศ์วานจะติดไฟแดงพอดีรถไฟออกบ่อยครับ คนแถวนั้นเขาเลื่อนรถช่วยคันที่คล่อมทางรถไฟเป็นประจำ นายสมชายเคยทั้งเลื่อนช่วยคันอื่นและบีบแตรให้คันอื่นเลื่อน...

เรื่องที่สอง...
คนไทยไม่ค่อยมีน้ำใจเว้นช่องทางเดินรถให้รถยนต์คันที่เขาเดือดร้อนนะครับ ซึ่งตรงนี้น่าจะแก้ไขให้เป็นวัฒนธรรมที่ดี... ตัวอย่างเช่นเมื่อเรารถติดอยู่บนถนน แล้วเกิดมีรถพยาบาลเปิดไซเร็นวิ่งมาข้างหลัง หากเป็นที่ต่างประเทศ(USA.) เขาจะขยับรถแหวกให้เป็นช่องพอให้รถพยาบาลวิ่งผ่านไปให้จนได้ครับ...

คือรถยนต์ที่ติดอยู่บนถนนมันจะไม่ชิดกันแน่นแบบในลานจอดรถ แต่จะมีช่องว่างพอให้ขยับได้ เช่นถนนสองเลน ก็สามารถวิ่งได้สามเลนเป็นต้น ดังนั้นหากทุกคันช่วยขยับคันละนิดคันละหน่อยก็สามารถให้รถพยาบาลวิ่งออกไปได้ครับ... แต่ที่นายสมชายเห็นคือไม่มีใครขยับ อาจคิดว่าก็รถมันติดอยู่ ไปไหนก็ไม่ได้...

ที่ต่างประเทศ(USA.) หากรถเรากำลังวิ่งอยู่แล้วได้ยินเสียงไซเร็นรถฉุกเฉินวิ่งมา เขาให้พยายามชิดซ้ายทันทีครับ ถึงแม้บางทีจะชิดซ้ายไม่ทันเพราะรถตำรวจวิ่งกันเร็วก็ตาม...

ผมก้เห็นตรงกับพี่สมชายครับ... ตามท้องเรื่องนั่นผมเห็นด้วยอย่างยิ่งว่า... คนขับเบนซ์คันนี้แล้งน้ำใจมากๆ เกิดรถไฟชนเขาขึ้นมาจริงๆ มันก็เหมือนเจตนาฆ่าเขาทางอ้อมเลยแหละครับ...

...แต่อีซูสุก็ใช่ย่อย... แซงไปได้แล้วก็ไปปาดหน้าเขาซะนี่... อ้อ... อ่านถึงตรงนี้... ยิ่งทำให้รู้ว่าไอ้เจ้าคนขับเบนซ์คันนี้... แล้งน้ำใจสุดๆ เพราะมันแสดงถึงว่า... มีที่ว่าหน้ารถเบนซ์มากพอสมควร...


...ในทางกลับกัน... หากเบนซ์คันนี้จอดคร่อมทางรถไฟอยู่... แล้วรถไฟกำลังจะมา... เบนซ์ก็คงต้องดิ้นรนเอาตัวรอดเช่นกันครับ...



หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: mrt ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2010, 04:38:00 PM
มีคอมเม้นท์ที่น่าสนใจครับ ตามนี้
http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9530000017726 (http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9530000017726)
ผม Copy มาให้อ่านครับ

ในฐานะผู้เห็นเหตุการณ์นะครับ พอดีผมขี่มอเตอร์ไซค์รอจะขับข้ามถนนจากฝั่งตลิ่งชันถนนเลียบทางรถไฟตัดใหม่ไปตลาดหัวรถไฟ

รถเบนซ์สีดำวิ่งตามรถผมมา แล้วแซงไปเข้าถนนจรัลสนิทวงศ์

ระหว่างนั้นเป็นช่วงรถเคลื่อนตัวได้นิดหน่อย เพราะที่แยกบางขุนนท์ที่ห่างไปประมาณ 50 เมตรเพิ่งเปิดไฟแดง

รถเบนซ์ค่อยๆขอทางร่วมเข้าถนนจรัลฯในช่องซ้ายได้แล้วจึงเคลื่อนรถไปจนพ้นทางรถไฟ

จากนั้นสัญญาณเตือนรถไฟมาก็ดังขึ้น ก่อนที่รถอีซูซูสีแดงจะมาทางเลนซ้ายมาจอดต่อท้ายรถเบนซ์ โดยไม่ฟังสัญญาณเตือนรถไฟ

รถ เบนซ์ไปไหนไม่ได้จริงๆ เพราะมีรถอยู่ข้างหน้าหลายคัน จริงๆเลนนี้ถ้าจะเข้าบางขุนนท์สามารถเลี้ยงซ้ายผ่านตลอดได้แต่รถทางตรงชอบมา แจมด้วยทำให้เลนนี้รถเลี้ยวซ้ายต้องติดตามไปด้วย

พนักงานรถไปคง หมั่นไส้รถกระบะแดงจึงยังเอาไม้กั้นลง เพราะชีไม่สนสัญญาณเตือนเลย พรวดมาแล้วพอมาติดรถเบนซ์และมีคันหลังมาต่อท้ายชีก็บีบแตรเหมือนคนเป็นโรค จิต จากนั้นรถก็พยายามหักไปขวาซึ่งรถอีกคันก็ไม่สามารถขยับให้ได้ แต่คนขับรถกระบะแดงก็บีบแตรไล่คันอื่นแบบเอาเป็นเอาตาย

ทุกคันพยายามขยับให้ แต่ก็ได้นิดหน่อย จนที่กั้นรถไฟลงมาพาดบนหลังคา และรถไฟก็ได้รับสัญาณหยุดรถจากพนักงานกั้นทางแล้ว

พอ ไฟเขียวรถเบนซ์ก็เคลื่อนตัวออกไปในเลนซ้ายปกติ รถกระบะแดงฉุนขาดมอเตอร์ไซค์วินแถวนั้นไปช่วยยกที่กั้นรถไปบนหลังคารถให้ แต่คนขับรถกระบะฉุนขาด พอที่กั้นยกขึ้นแม่ก็พรวดจาเลนกลางไปปาดหน้ารถเบนซ์ คนเข้าไปช่วยได้แต่ยืนงง จากนั้นผู้หญิงคนขับกระบะก็ลงไป ด่าๆๆๆๆๆ คนขับรถเบนซ์
พ่อคนขับกระบะก็ถือร่มตามลงไป

ตนขับรถเบนซ์ใจเย็น มาก พยายามหลบเลี่ยงเต็มที่ ตาแก่นั้นเอาร่มจิ้มตำเข้าไปในรถไม่ยั้ง คนขับรถเบนซ์ก็ไม่สู้พยายามวิ่งหนี แต่พ่อลูกคู่นั้นพยายามตามไปทำร้ายอีก กับด่าๆๆๆๆๆแบบหยาบคายมา

เห็นคนขับรถเบนซ์หนีบกระเป๋าหนังสีดำลงไป ด้วย เพิ่งรู้ตอนอ่านข่าวว่ามีปืนด้วย อย่างนั้นผมขอยกย่องคนขับรถเบนซ์ว่าใจเย็นและคุมสติิอารมณ์ดีมาก เป็นผมคงชักปืนออกมาแล้ว เพราะพ่อลูกคู่นั้นต่ำมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ทั้งที่คุณไม่ได้ทำอะไรผิดเลย

ถ้าน้องคนขับรถเบนซ์อ่านอยู่และต้องการดำเนินคดีกับพ่อลูกคู่นั้น ผมยินดีเป็นพยานให้เต็มที่ ลงเมลล์หรือเบอร์ติดต่อไว้นะครับ

จากเหตุการณ์ที่ผมเห็นคุณสามารถแจ้งความถึงขั้นพยายามฆ่าได้เลย
เมสัน


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: mrt ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2010, 05:07:16 PM
ผู้หญิง เป็นครูอยู่ที่ โรงเรียนวัดสุวรรณาราม
ตามลิ้งนี้ไปครับ
http://www.wswnr.com/person1.html (http://www.wswnr.com/person1.html)
(ผมไม่ได้ละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของ ผู้หญิงนะครับ  แต่ว่า ในเนื้อข่าวบอกหมดว่าผู้ชายรถเบนซ์คือใคร ทำอาชีพอะไร
ไม่เห็นมีข้อมูลของผู้หญิงเลย ผมทำเพื่อความเท่าเทียมกันครับ  ;D )
ผมออกความเห็นดังนี้ครับ
ผู้หญิงขับรถกะบะ( น.ส.สุทธินี สามกองาม)
คนในรถ กะบะ (ผู้หญิงคนขับ  บิดา+เด็กอีก 3) 5 ชีวิต เกือบตายมา จะโกรธ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกครับ แต่ว่า มาดูกันครับใครผิดใครถูก
1.จอดรถคร่อมทางรถไฟ  ผู้หญิงผิดครับ
2.หลบได้แล้วขับรถปาดหน้า  ผู้หญิงผิดครับ
3.ลงไปทำร้ายร่างกาย  ผู้หญิงผิดครับ
4.บิดาผู้หญิง เอาร่มไปทิ่มใส่ผู้ชายขับรถเบนซ์  บิดาผู้หญิงผิดครับ
5.ผู้หญิงไม่ห้ามบิดา  ผู้หญิงผิดครับ
ชายในรถเบนซ์ (นายทักษิณ ประภัย)
1.เรื่องพกพาปืน  ตามคำให้การ ไปดูที่ ที่ถมใหม่มา  สมเหตุผลครับ (ที่ถมใหม่อยู่นครนายก จังหวัดผมเอง ผมทราบดีครับ
วัยรุ่นบางพื้นที่ กร่างใช้ได้ครับ)
2.ไม่ขยับให้  ไม่ใช่ไม่ขยับครับ  มันขยับไม่ได้  ที่ผู้หญิงปาดหน้าได้เพราะไฟเขียวแล้วครับ
3.มีปืนไม่ยิง  พี่เค้าใจเย็นครับยอมรับ

ประเด็นน่าสนใจคือ 
-ผู้ชายขับ SLK ป้ายแดง มีปืนแต่ไม่ยิงทั้งๆที่ถูกทำร้าย (โดนข้อหาพกพาเพราะ พ่อผู้หญิงแย่งกระเป๋าไปให้ตำรวจ )ปกติเรามักจะได้ยินว่า
คนขับเบนซ์ เบ่ง + กร่าง (ขออภัยทุกท่านที่ขับ เบนซ์ นะครับผมไม่ได้หมายความว่าทุกคนที่ขับ เบนซ์จะเป็นเช่นนั้น )
-มีปืนแต่ไม่ยิง ไม่ชักปืนขู่ เลือกที่จะหนี น่าจะเป็นผลดีในด้านภาพพจน์ให้กับชาวปืนได้มากขึ้นครับ
-ผู้หญิงเป็นครูครับ  ตามความเห็นผม ........สงสารนักเรียนที่เรียนกับ ครูคนนี้ครับ   :~)
 
   


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: KCharng ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2010, 05:25:00 PM
เห็นใจคนขับรถเก๋งจริงๆครับ และขอยอมรับว่าใจเย็นมากๆครับ
เรื่องกฎหมายจราจรนั้น คนขับกระบะนั้นทำผิดกฏจราจรเต็มๆครับ

แต่พอผิดแล้วไม่รู้จักผิด เป็นเรื่องที่ผมยอมรับยากจริงๆครับ
เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับน้ำใจ เพราะสามารถมองกลับกันได้ครับ และวิธกการขอทางก็ห่วยสิ้นดี

เมื่อเขาพร้อมที่จะทำผิด ก็พลานเอาคนอื่นเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยครับ โทษคนอื่น
แบบนี้เขาเรียกว่าพวกทรามครับ




หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2010, 05:29:16 PM
มีคอมเม้นท์ที่น่าสนใจครับ ตามนี้
http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9530000017726 (http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9530000017726)
ผม Copy มาให้อ่านครับ

ในฐานะผู้เห็นเหตุการณ์นะครับ พอดีผมขี่มอเตอร์ไซค์รอจะขับข้ามถนนจากฝั่งตลิ่งชันถนนเลียบทางรถไฟตัดใหม่ไปตลาดหัวรถไฟ

รถเบนซ์สีดำวิ่งตามรถผมมา แล้วแซงไปเข้าถนนจรัลสนิทวงศ์

ระหว่างนั้นเป็นช่วงรถเคลื่อนตัวได้นิดหน่อย เพราะที่แยกบางขุนนท์ที่ห่างไปประมาณ 50 เมตรเพิ่งเปิดไฟแดง

รถเบนซ์ค่อยๆขอทางร่วมเข้าถนนจรัลฯในช่องซ้ายได้แล้วจึงเคลื่อนรถไปจนพ้นทางรถไฟ

จากนั้นสัญญาณเตือนรถไฟมาก็ดังขึ้น ก่อนที่รถอีซูซูสีแดงจะมาทางเลนซ้ายมาจอดต่อท้ายรถเบนซ์ โดยไม่ฟังสัญญาณเตือนรถไฟ

รถ เบนซ์ไปไหนไม่ได้จริงๆ เพราะมีรถอยู่ข้างหน้าหลายคัน จริงๆเลนนี้ถ้าจะเข้าบางขุนนท์สามารถเลี้ยงซ้ายผ่านตลอดได้แต่รถทางตรงชอบมา แจมด้วยทำให้เลนนี้รถเลี้ยวซ้ายต้องติดตามไปด้วย

พนักงานรถไปคง หมั่นไส้รถกระบะแดงจึงยังเอาไม้กั้นลง เพราะชีไม่สนสัญญาณเตือนเลย พรวดมาแล้วพอมาติดรถเบนซ์และมีคันหลังมาต่อท้ายชีก็บีบแตรเหมือนคนเป็นโรค จิต จากนั้นรถก็พยายามหักไปขวาซึ่งรถอีกคันก็ไม่สามารถขยับให้ได้ แต่คนขับรถกระบะแดงก็บีบแตรไล่คันอื่นแบบเอาเป็นเอาตาย

ทุกคันพยายามขยับให้ แต่ก็ได้นิดหน่อย จนที่กั้นรถไฟลงมาพาดบนหลังคา และรถไฟก็ได้รับสัญาณหยุดรถจากพนักงานกั้นทางแล้ว

พอ ไฟเขียวรถเบนซ์ก็เคลื่อนตัวออกไปในเลนซ้ายปกติ รถกระบะแดงฉุนขาดมอเตอร์ไซค์วินแถวนั้นไปช่วยยกที่กั้นรถไปบนหลังคารถให้ แต่คนขับรถกระบะฉุนขาด พอที่กั้นยกขึ้นแม่ก็พรวดจาเลนกลางไปปาดหน้ารถเบนซ์ คนเข้าไปช่วยได้แต่ยืนงง จากนั้นผู้หญิงคนขับกระบะก็ลงไป ด่าๆๆๆๆๆ คนขับรถเบนซ์
พ่อคนขับกระบะก็ถือร่มตามลงไป

ตนขับรถเบนซ์ใจเย็น มาก พยายามหลบเลี่ยงเต็มที่ ตาแก่นั้นเอาร่มจิ้มตำเข้าไปในรถไม่ยั้ง คนขับรถเบนซ์ก็ไม่สู้พยายามวิ่งหนี แต่พ่อลูกคู่นั้นพยายามตามไปทำร้ายอีก กับด่าๆๆๆๆๆแบบหยาบคายมา

เห็นคนขับรถเบนซ์หนีบกระเป๋าหนังสีดำลงไป ด้วย เพิ่งรู้ตอนอ่านข่าวว่ามีปืนด้วย อย่างนั้นผมขอยกย่องคนขับรถเบนซ์ว่าใจเย็นและคุมสติิอารมณ์ดีมาก เป็นผมคงชักปืนออกมาแล้ว เพราะพ่อลูกคู่นั้นต่ำมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ทั้งที่คุณไม่ได้ทำอะไรผิดเลย

ถ้าน้องคนขับรถเบนซ์อ่านอยู่และต้องการดำเนินคดีกับพ่อลูกคู่นั้น ผมยินดีเป็นพยานให้เต็มที่ ลงเมลล์หรือเบอร์ติดต่อไว้นะครับ

จากเหตุการณ์ที่ผมเห็นคุณสามารถแจ้งความถึงขั้นพยายามฆ่าได้เลย
เมสัน

ต้องพิจารณานะครับ ว่าคนที่คอมเม้นต์ท้ายข่าวบนเว็บฯ เป็นผู้เห็นเหตุการณ์จริงหรือไม่, หากนายสมชายบอกว่าเป็นคนขับอัลติสสีทองคันที่เปิดกระจกตะโกนว่าระวังกระเป๋าดำ(คาดว่ามีปืน เพราะคนขับคว้ามาถือ) จะเชื่อหรือไม่เล่าครับ... แล้วถ้านายสมชายบอกว่ามีคลิปที่ถ่ายเอาไว้ เพราะนายสมชายพกกล้องเสมอ... จะเชื่ออีกหรือเปล่าครับ... แฮ่ๆ...


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: รปศ. PSRU @ รักพระเจ้าอยู่หัว @ ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2010, 05:31:59 PM
คุณครูผู้หญิง  มารยาทไม่ดีเลยนะครับ
สัญญาณเตือนรถไฟดังแล้ว  ไม่ยอมหยุดรถ  ยังเลือกขับไปตายเอาดาบหน้า( แต่ไม่สมใจปรารถนา )

ไม่เกี่ยวกับน้ำใจนะครับ  มันเป็นสิทธิของกระบะมากกว่า  ว่าจะเลือกไปตายเอาดาบหน้าหรือจอดหยุดรอรถไฟ


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: PRIVACY ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2010, 05:32:27 PM
อ่านข่าวนี้ตั้งแต่วันแรกที่ลงในเว็บข่าวแล้ว

ผมก็เห็นว่า พ่อ-ลูก หน้าโง่นั้น สมควรถูกด่าประจารตามคอมเม้นท์ต่างๆในข่าวน่ะ สมควรแล้ว


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2010, 05:42:35 PM
ผู้หญิง เป็นครูอยู่ที่ โรงเรียนวัดสุวรรณาราม
ตามลิ้งนี้ไปครับ
http://www.wswnr.com/person1.html (http://www.wswnr.com/person1.html)
(ผมไม่ได้ละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของ ผู้หญิงนะครับ  แต่ว่า ในเนื้อข่าวบอกหมดว่าผู้ชายรถเบนซ์คือใคร ทำอาชีพอะไร
ไม่เห็นมีข้อมูลของผู้หญิงเลย ผมทำเพื่อความเท่าเทียมกันครับ  ;D )
ผมออกความเห็นดังนี้ครับ
ผู้หญิงขับรถกะบะ( น.ส.สุทธินี สามกองาม)
คนในรถ กะบะ (ผู้หญิงคนขับ  บิดา+เด็กอีก 3) 5 ชีวิต เกือบตายมา จะโกรธ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกครับ แต่ว่า มาดูกันครับใครผิดใครถูก
1.จอดรถคร่อมทางรถไฟ  ผู้หญิงผิดครับ
2.หลบได้แล้วขับรถปาดหน้า  ผู้หญิงผิดครับ
3.ลงไปทำร้ายร่างกาย  ผู้หญิงผิดครับ
4.บิดาผู้หญิง เอาร่มไปทิ่มใส่ผู้ชายขับรถเบนซ์  บิดาผู้หญิงผิดครับ
5.ผู้หญิงไม่ห้ามบิดา  ผู้หญิงผิดครับ
ชายในรถเบนซ์ (นายทักษิณ ประภัย)
1.เรื่องพกพาปืน  ตามคำให้การ ไปดูที่ ที่ถมใหม่มา  สมเหตุผลครับ (ที่ถมใหม่อยู่นครนายก จังหวัดผมเอง ผมทราบดีครับ
วัยรุ่นบางพื้นที่ กร่างใช้ได้ครับ)
2.ไม่ขยับให้  ไม่ใช่ไม่ขยับครับ  มันขยับไม่ได้  ที่ผู้หญิงปาดหน้าได้เพราะไฟเขียวแล้วครับ
3.มีปืนไม่ยิง  พี่เค้าใจเย็นครับยอมรับ

ประเด็นน่าสนใจคือ 
-ผู้ชายขับ SLK ป้ายแดง มีปืนแต่ไม่ยิงทั้งๆที่ถูกทำร้าย (โดนข้อหาพกพาเพราะ พ่อผู้หญิงแย่งกระเป๋าไปให้ตำรวจ )ปกติเรามักจะได้ยินว่า
คนขับเบนซ์ เบ่ง + กร่าง (ขออภัยทุกท่านที่ขับ เบนซ์ นะครับผมไม่ได้หมายความว่าทุกคนที่ขับ เบนซ์จะเป็นเช่นนั้น )
-มีปืนแต่ไม่ยิง ไม่ชักปืนขู่ เลือกที่จะหนี น่าจะเป็นผลดีในด้านภาพพจน์ให้กับชาวปืนได้มากขึ้นครับ
-ผู้หญิงเป็นครูครับ  ตามความเห็นผม ........สงสารนักเรียนที่เรียนกับ ครูคนนี้ครับ   :~)

เรื่องขยับรถหลบไม่ได้เพราะคันหน้าไม่ขยับฯ, เป็นไปไม่ได้ครับ เพราะรถยนต์บนถนนไม่ได้จอดท้ายต่อหัวเหมือนรถยนต์ในลานจอดรถ... ทุกคันสามารถขยับได้หมด เมื่อขยับคันละนิดคันละหน่อย คันหลังจะพ้นทางรถไฟครับ...

เรื่องจอดคล่อมทางรถไฟ มันก็เหมือนรถที่จอดคาทางร่วมทางแยกแหละครับ บางทีมันก็คาไฟแดงอยู่กลางแยกเลย เชื่อว่าทุกคนก็คงเคยโชคไม่ดี ติดคาแยกอย่างนั้นแหละครับ... และเรื่องนี้สมควรโดนใบสั่งครับ ไม่สมควรโดนรถไฟชนตาย หรือลงจากรถวิ่งหลบทัน ก็รถพังอยู่ดี จะหวังให้รถไฟจอดทันก็หวังยาก เพราะมีที่หยุดไม่ทันอีกแยะ...

เรื่องขับรถพกปืน อันนี้ไม่สมควรครับ อ้างว่าทรัพย์สินแยะฟังไม่ขึ้น อ้างว่าวัยรุ่นแถวนั้นกร่างยิ่งฟังไม่ขึ้นใหญ่ครับ... พกปืนแล้วไม่ยิงนี่ไม่ใช่เรื่องน่ายกย่องเท่าไหร่นัก เพราะคนส่วนใหญ่เขาก็ไม่ยิงกันโดยไม่มีสาเหตุให้สมควร ไม่งั้นก็ติดคุกกันหมดแล้วครับ ตำรวจยืนโบกรถข้างถนนก็พกปืนกันทุกคนแหละ...

ถ้าใครโดนผู้หญิง+คนแก่รุมด่าแล้วชักปืนยิง เห็นเป็นเรื่องปรกติ แต่ไม่เอาปืนขึ้นมายิงเห็นเป็นเรื่องผิดปรกติสมควรยกย่อง ต้องพิจารณาเรื่องความหนักแน่นของจิตใจนะครับ... ไม่งั้นขับรถปาดหน้าให้นิ้วกลางก็คงยิงกันสนั่นกรุงไปแล้วครับ...


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2010, 05:44:57 PM
คุณครูผู้หญิง  มารยาทไม่ดีเลยนะครับ
สัญญาณเตือนรถไฟดังแล้ว  ไม่ยอมหยุดรถ  ยังเลือกขับไปตายเอาดาบหน้า( แต่ไม่สมใจปรารถนา )

ไม่เกี่ยวกับน้ำใจนะครับ  มันเป็นสิทธิของกระบะมากกว่า  ว่าจะเลือกไปตายเอาดาบหน้าหรือจอดหยุดรอรถไฟ


ข้อเท็จจริงจากคอมเม็นต์บนหน้าเว็บไม่แน่ว่าจะเชื่อถือได้นะครับ และถึงแม้ว่าจะทำเช่นนั้นจริง โทษเธอก็ไม่สมควรถึงตายนะครับ...


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: รปศ. PSRU @ รักพระเจ้าอยู่หัว @ ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2010, 05:45:24 PM
เรื่องนี้นายสมชายเห็นไม่เหมือนใครน่ะครับ...

เรื่องแรก...
เวลารถวิ่งๆอยู่แล้วเกิดรถติดขึ้นมาขณะที่ไม้กั้นทางรถไฟไม่ได้เอาลงมากั้น มันเลือกไม่ได้หรอกครับว่าจะจอดพอดีคล่อมทางรถไฟหรือไม่ หากบังเอิญรถใครจอดคล่อม ทางรถไฟพอดีเป๊ะ เขาจะบีบแตรให้คันหน้าเลื่อนรถครับ... เวลารถติดบนถนน จะไม่ติดแนบชิดแบบกันชนจ่อกันชนหรอกครับ หากคันหน้ามีน้ำใจเลื่อนรถเดินหน้าไปหน่อยพร้อมบีบแตรบอกคันหน้าของตัวเองออกไปอีก คันที่อยู่ข้างหน้าออกไปอีกเขาก็จะเลื่อรถกันคันละนิดคันละหน่อย ในที่สุดรถยนต์คันที่คล่อมทางรถไฟก็จะพ้นอันตรายครับ...

ตามท้องเรื่องในกระทู้ คันที่บีบแตรย้ายไปบีบแตรใส่คันอื่น คันอื่นเขาก็ช่วยเลื่อนให้จนคันที่คล่อมฯ พ้นทางรถไฟจนได้นะครับ... นายสมชายขับรถผ่านทางรถไฟเลียบถนนวิภาวดี ตรงแยกเกษตรที่ถนนงามวงศ์วานตัดวิภาวดีออกบ่อย ตรงนั้นรถที่จะเลี้ยวซ้ายจากวิภาวดีเข้างามวงศ์วานจะติดไฟแดงพอดีรถไฟออกบ่อยครับ คนแถวนั้นเขาเลื่อนรถช่วยคันที่คล่อมทางรถไฟเป็นประจำ นายสมชายเคยทั้งเลื่อนช่วยคันอื่นและบีบแตรให้คันอื่นเลื่อน...

เรื่องที่สอง...
คนไทยไม่ค่อยมีน้ำใจเว้นช่องทางเดินรถให้รถยนต์คันที่เขาเดือดร้อนนะครับ ซึ่งตรงนี้น่าจะแก้ไขให้เป็นวัฒนธรรมที่ดี... ตัวอย่างเช่นเมื่อเรารถติดอยู่บนถนน แล้วเกิดมีรถพยาบาลเปิดไซเร็นวิ่งมาข้างหลัง หากเป็นที่ต่างประเทศ(USA.) เขาจะขยับรถแหวกให้เป็นช่องพอให้รถพยาบาลวิ่งผ่านไปให้จนได้ครับ...

คือรถยนต์ที่ติดอยู่บนถนนมันจะไม่ชิดกันแน่นแบบในลานจอดรถ แต่จะมีช่องว่างพอให้ขยับได้ เช่นถนนสองเลน ก็สามารถวิ่งได้สามเลนเป็นต้น ดังนั้นหากทุกคันช่วยขยับคันละนิดคันละหน่อยก็สามารถให้รถพยาบาลวิ่งออกไปได้ครับ... แต่ที่นายสมชายเห็นคือไม่มีใครขยับ อาจคิดว่าก็รถมันติดอยู่ ไปไหนก็ไม่ได้...

ที่ต่างประเทศ(USA.) หากรถเรากำลังวิ่งอยู่แล้วได้ยินเสียงไซเร็นรถฉุกเฉินวิ่งมา เขาให้พยายามชิดซ้ายทันทีครับ ถึงแม้บางทีจะชิดซ้ายไม่ทันเพราะรถตำรวจวิ่งกันเร็วก็ตาม...

ขออนุญาตนายสมชายครับ
ผมมองว่าคนขับรถกระบะ  เป็นคนกำหนดสิทธิของตัวเองมากกว่า
ว่าจะหยุดตามคำสั่งของสัญญาณรถไฟ  หรือว่า  จะเลือกไปตายเอาดาบหน้า
และในเมื่อกระบะเลือกสิทธิที่จะไปตายเอาดาบหน้า  ทำไมต้องไปอ้างเรื่องน้ำใจจากบุคคลอื่นด้วยเล่า


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2010, 05:46:39 PM
อ่านข่าวนี้ตั้งแต่วันแรกที่ลงในเว็บข่าวแล้ว

ผมก็เห็นว่า พ่อ-ลูก หน้าโง่นั้น สมควรถูกด่าประจารตามคอมเม้นท์ต่างๆในข่าวน่ะ สมควรแล้ว

แล้วช่วยเขาด่าบ้างไหมเล่าครับ...


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2010, 05:51:18 PM
ขออนุญาตนายสมชายครับ
ผมมองว่าคนขับรถกระบะ  เป็นคนกำหนดสิทธิของตัวเองมากกว่า
ว่าจะหยุดตามคำสั่งของสัญญาณรถไฟ  หรือว่า  จะเลือกไปตายเอาดาบหน้า
และในเมื่อกระบะเลือกสิทธิที่จะไปตายเอาดาบหน้า  ทำไมต้องไปอ้างเรื่องน้ำใจจากบุคคลอื่นด้วยเล่า

ไม่แน่ใจว่ามีสัญญาณจริงหรือเปล่านะครับ เราได้ข้อมูลจากคอมเม็นต์ท้ายข่าว... แต่ที่แน่ๆ คือไม้กั้นรถไฟยังไม่เอาลงขณะที่รถกะบะเข้ามาจ่อท้ายเบ็นซ์นะครับ...
เป็นนายสมชายเป็นคันหน้าจะขยับเดินหน้าให้สุดทางครับ จากนั้นค่อบปล่อยให้เป็นเรื่องของโชคชะตา จะไม่นิ่งดูดายให้คนอื่นเสี่ยงฯ โดยที่เราสามารถช่วยเหลือได้ครับ...

ถึงแม้คนอื่นจะโง่มากจริงๆ นายสมชายก็จะพยายามบอกทางสว่างให้ก่อนเมื่อมีโอกาส... จะไม่ปล่อยให้คนโง่ต้องตายนะครับ..


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2010, 05:56:21 PM
เห็นใจคนขับรถเก๋งจริงๆครับ และขอยอมรับว่าใจเย็นมากๆครับ
เรื่องกฎหมายจราจรนั้น คนขับกระบะนั้นทำผิดกฏจราจรเต็มๆครับ

แต่พอผิดแล้วไม่รู้จักผิด เป็นเรื่องที่ผมยอมรับยากจริงๆครับ
เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับน้ำใจ เพราะสามารถมองกลับกันได้ครับ และวิธกการขอทางก็ห่วยสิ้นดี

เมื่อเขาพร้อมที่จะทำผิด ก็พลานเอาคนอื่นเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยครับ โทษคนอื่น
แบบนี้เขาเรียกว่าพวกทรามครับ

วิธีการขอทาง เขาให้บีบแตรครับ หากลงจากรถเดินไปบอกก็คงไม่ทันการณ์ครับ...


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: quick-รักในหลวง ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2010, 06:05:11 PM
ไม่มีใครรู้ข้อเท็จจริงแน่ๆ ถ้าไม่ได้ไปอยู่ที่เกิดเหตุนะครับ

เท่าที่อ่านข่าวมาตามความรู้สึกผม  ฝ่ายหญิงที่ขับกระบะเป็นผู้ผิดครับ  หนึ่งคือผิดกฎจราจร  สองคือผิดทำร้ายร่างกาย

ฝ่ายรถเบนซ์ผิดพกพาอาวุธ  (แต่ถ้ามีเหตุจำเป็นก็เป็นข้อยกเว้น)  และถูกมองว่าแล้งน้ำใจหรือเปล่าที่ไม่ขยับรถให้


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: zomzan ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2010, 07:09:09 PM
วัยรุ่นใจร้อนอย่างผม ถ้าผมเป็นนายทักษิณ2พ่อลูกเป็นหมาเฝ้าถนนแน่นอน ขอบอก


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: Iron ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2010, 07:24:16 PM
เรื่องนี้นายสมชายเห็นไม่เหมือนใครน่ะครับ...

เรื่องแรก...
เวลารถวิ่งๆอยู่แล้วเกิดรถติดขึ้นมาขณะที่ไม้กั้นทางรถไฟไม่ได้เอาลงมากั้น มันเลือกไม่ได้หรอกครับว่าจะจอดพอดีคล่อมทางรถไฟหรือไม่ หากบังเอิญรถใครจอดคล่อม ทางรถไฟพอดีเป๊ะ เขาจะบีบแตรให้คันหน้าเลื่อนรถครับ... เวลารถติดบนถนน จะไม่ติดแนบชิดแบบกันชนจ่อกันชนหรอกครับ หากคันหน้ามีน้ำใจเลื่อนรถเดินหน้าไปหน่อยพร้อมบีบแตรบอกคันหน้าของตัวเองออกไปอีก คันที่อยู่ข้างหน้าออกไปอีกเขาก็จะเลื่อรถกันคันละนิดคันละหน่อย ในที่สุดรถยนต์คันที่คล่อมทางรถไฟก็จะพ้นอันตรายครับ...

ตามท้องเรื่องในกระทู้ คันที่บีบแตรย้ายไปบีบแตรใส่คันอื่น คันอื่นเขาก็ช่วยเลื่อนให้จนคันที่คล่อมฯ พ้นทางรถไฟจนได้นะครับ... นายสมชายขับรถผ่านทางรถไฟเลียบถนนวิภาวดี ตรงแยกเกษตรที่ถนนงามวงศ์วานตัดวิภาวดีออกบ่อย ตรงนั้นรถที่จะเลี้ยวซ้ายจากวิภาวดีเข้างามวงศ์วานจะติดไฟแดงพอดีรถไฟออกบ่อยครับ คนแถวนั้นเขาเลื่อนรถช่วยคันที่คล่อมทางรถไฟเป็นประจำ นายสมชายเคยทั้งเลื่อนช่วยคันอื่นและบีบแตรให้คันอื่นเลื่อน...

เรื่องที่สอง...
คนไทยไม่ค่อยมีน้ำใจเว้นช่องทางเดินรถให้รถยนต์คันที่เขาเดือดร้อนนะครับ ซึ่งตรงนี้น่าจะแก้ไขให้เป็นวัฒนธรรมที่ดี... ตัวอย่างเช่นเมื่อเรารถติดอยู่บนถนน แล้วเกิดมีรถพยาบาลเปิดไซเร็นวิ่งมาข้างหลัง หากเป็นที่ต่างประเทศ(USA.) เขาจะขยับรถแหวกให้เป็นช่องพอให้รถพยาบาลวิ่งผ่านไปให้จนได้ครับ...

คือรถยนต์ที่ติดอยู่บนถนนมันจะไม่ชิดกันแน่นแบบในลานจอดรถ แต่จะมีช่องว่างพอให้ขยับได้ เช่นถนนสองเลน ก็สามารถวิ่งได้สามเลนเป็นต้น ดังนั้นหากทุกคันช่วยขยับคันละนิดคันละหน่อยก็สามารถให้รถพยาบาลวิ่งออกไปได้ครับ... แต่ที่นายสมชายเห็นคือไม่มีใครขยับ อาจคิดว่าก็รถมันติดอยู่ ไปไหนก็ไม่ได้...

ที่ต่างประเทศ(USA.) หากรถเรากำลังวิ่งอยู่แล้วได้ยินเสียงไซเร็นรถฉุกเฉินวิ่งมา เขาให้พยายามชิดซ้ายทันทีครับ ถึงแม้บางทีจะชิดซ้ายไม่ทันเพราะรถตำรวจวิ่งกันเร็วก็ตาม...

ผมก้เห็นตรงกับพี่สมชายครับ... ตามท้องเรื่องนั่นผมเห็นด้วยอย่างยิ่งว่า... คนขับเบนซ์คันนี้แล้งน้ำใจมากๆ เกิดรถไฟชนเขาขึ้นมาจริงๆ มันก็เหมือนเจตนาฆ่าเขาทางอ้อมเลยแหละครับ...

...แต่อีซูสุก็ใช่ย่อย... แซงไปได้แล้วก็ไปปาดหน้าเขาซะนี่... อ้อ... อ่านถึงตรงนี้... ยิ่งทำให้รู้ว่าไอ้เจ้าคนขับเบนซ์คันนี้... แล้งน้ำใจสุดๆ เพราะมันแสดงถึงว่า... มีที่ว่าหน้ารถเบนซ์มากพอสมควร...


...ในทางกลับกัน... หากเบนซ์คันนี้จอดคร่อมทางรถไฟอยู่... แล้วรถไฟกำลังจะมา... เบนซ์ก็คงต้องดิ้นรนเอาตัวรอดเช่นกันครับ...


เห็นด้วยกับทั้งสองท่าน ผมเคยติดอยู่บนทางรถไฟแบบนี้ พอได้สัญญาณเตือนนี่เหงื่อตกครับ

แต่ทุกคนรู้หน้าที่ของตัวเอง ช่วยๆกันขยับให้รถที่ติดอยู่ออกไปได้


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: KCharng ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2010, 07:27:34 PM
ไม่เถียงครับ แต่การบีบแตรก็มีหลายแบบ
วิธีการขับปาดหน้าก็คงเป็นอีกสันติวิธี ที่ถ้าลงมาเดินไปขอคุยด้วย ก็คงไม่ทันการเหมือนกันครับ

เหมือนการอ่านข่าวเดียวกันก็มีหลายมุมมองครับ

เห็นใจคนขับรถเก๋งจริงๆครับ และขอยอมรับว่าใจเย็นมากๆครับ
เรื่องกฎหมายจราจรนั้น คนขับกระบะนั้นทำผิดกฏจราจรเต็มๆครับ

แต่พอผิดแล้วไม่รู้จักผิด เป็นเรื่องที่ผมยอมรับยากจริงๆครับ
เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับน้ำใจ เพราะสามารถมองกลับกันได้ครับ และวิธกการขอทางก็ห่วยสิ้นดี

เมื่อเขาพร้อมที่จะทำผิด ก็พลานเอาคนอื่นเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยครับ โทษคนอื่น
แบบนี้เขาเรียกว่าพวกทรามครับ

วิธีการขอทาง เขาให้บีบแตรครับ หากลงจากรถเดินไปบอกก็คงไม่ทันการณ์ครับ...


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: victor-รักในหลวง ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2010, 07:27:44 PM
ผมเวลาขับรถจะพยายามท่องเอาไว้เสมอ และคิดว่าใช้ได้ดีด้วย
"ขับรถดีมีน้ำใจ ภัยไมมี" ใครอยากแทรก อยากแซง เชิญเลยครับจัดให้ ;D


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2010, 08:06:56 PM
วัยรุ่นใจร้อนอย่างผม ถ้าผมเป็นนายทักษิณ2พ่อลูกเป็นหมาเฝ้าถนนแน่นอน ขอบอก

บอกตรงๆว่าไม่อยากให้ท่านได้ใบ ป.3 นะครับ... เพราะใจร้อนเกินไป...


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2010, 08:10:21 PM
ไม่เถียงครับ แต่การบีบแตรก็มีหลายแบบ
วิธีการขับปาดหน้าก็คงเป็นอีกสันติวิธี ที่ถ้าลงมาเดินไปขอคุยด้วย ก็คงไม่ทันการเหมือนกันครับ

เหมือนการอ่านข่าวเดียวกันก็มีหลายมุมมองครับ

เห็นใจคนขับรถเก๋งจริงๆครับ และขอยอมรับว่าใจเย็นมากๆครับ
เรื่องกฎหมายจราจรนั้น คนขับกระบะนั้นทำผิดกฏจราจรเต็มๆครับ

แต่พอผิดแล้วไม่รู้จักผิด เป็นเรื่องที่ผมยอมรับยากจริงๆครับ
เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับน้ำใจ เพราะสามารถมองกลับกันได้ครับ และวิธกการขอทางก็ห่วยสิ้นดี

เมื่อเขาพร้อมที่จะทำผิด ก็พลานเอาคนอื่นเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยครับ โทษคนอื่น
แบบนี้เขาเรียกว่าพวกทรามครับ

วิธีการขอทาง เขาให้บีบแตรครับ หากลงจากรถเดินไปบอกก็คงไม่ทันการณ์ครับ...

เมื่อยังไม่รู้ว่ารถไฟจะหยุดทันหรือไม่ คงไม่มีเวลามามัวบีบแตรแบบสุภาพนะครับ เพราะเป็นเรื่องฉุกเฉินครับ... โดนบล็อกให้รถไฟชนอย่างนั้นคงอยากให้ชีวิตรอดมากกว่ากลัวเสียมรรยาทครับ...
ส่วนเรื่องปาดหน้านี่ไม่ใช่สันติวิธีแน่ๆ ลงว่าถูกบล็อกให้รถไฟชนแบบนั้นทั้งที่สามารถเลื่อนรถเปิดทางให้ได้ เป็นใครก็แค้นแหละครับ... ถูกข่มเหงอย่างร้ายแรง(สามารถถึงแก่ชีวิต)ด้วยสาเหตุอันไม่เป็นธรรมแบบนี้...


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2010, 08:25:15 PM
ไม่มีใครรู้ข้อเท็จจริงแน่ๆ ถ้าไม่ได้ไปอยู่ที่เกิดเหตุนะครับ

เท่าที่อ่านข่าวมาตามความรู้สึกผม  ฝ่ายหญิงที่ขับกระบะเป็นผู้ผิดครับ  หนึ่งคือผิดกฎจราจร  สองคือผิดทำร้ายร่างกาย

ฝ่ายรถเบนซ์ผิดพกพาอาวุธ  (แต่ถ้ามีเหตุจำเป็นก็เป็นข้อยกเว้น)  และถูกมองว่าแล้งน้ำใจหรือเปล่าที่ไม่ขยับรถให้

ที่จริงมีอีกหลายเรื่อง แต่อธิบายแล้วจะยาวครับ นายสมชายขมวดปมตามที่คุณ Quick ตั้งประเด็นมาก่อน...
ฝ่ายขับกะบะผิด โทษผิดกฏจราจรเป็นโทษปรับ, โทษทำร้ายร่างกายก็ลหุโทษครับ... ฝ่ายรถเบ็นซ์ผิดพกพาอาวุธ นี่เป็นอาญาฯ หากศาลไม่รอฯ อาจถึงขั้นติดคุกครับ...

แต่มีประเด็นที่หลายท่านมองไม่เห็น เพราะไปมัวเพ่งความสนใจกับเรื่องอารมณ์ที่โดนบีบแตรใส่อย่างไร้มรรยาท(ตามข่าวว่าเป็นที่น่ารำคาญฯ) กับเรื่องผิดกฏจราจรจอดคล่อมทางรถไฟ... อาจมีแถมเรื่องปาดหน้ารถเบ็นซ์(อันนี้เกิดหลังจากโดนบล็อกให้รถไฟชน)...

ประเด็นคือ หากสามารถพิสูจน์ในศาลได้ว่า ฝ่ายรถเบ็นซ์อยู่ในวิสัยที่จะเลื่อนรถยนต์ไปข้างหน้าเพื่อช่วยให้รถกะบะที่อยู่ข้างหลังไม่ถูกรถไฟชน, โดยเล็งเห็นผลว่าโดนรถไฟชนอาจเสียชีวิตหรืออย่างน้อยก็รถกะบะเสียหาย แต่ก็ยังตัดสินใจไม่เลื่อนรถเปิดทางให้... โดยอาจมีสาเหตุจูงใจคือโกรธที่รถกะบะผิดกฏจราจร อย่างนี้เป็นเรื่องเจตนาฆ่านะครับ, และหากรถไฟหยุดทันก็จะกลายเป็นพยายามฆ่า...

ซึ่งนายสมชายก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรกับหลายท่านมองเห็นเรื่องอารมณ์โกรธแค้นที่ถูกบีบแตรใส่อย่างไร้มรรยาท หรือเรื่องผิดกฏจราจรของรถกะบะเป็นเรื่องใหญ่กว่าเรื่องเจตนาฆ่าไปได้ครับ...


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: อรชุน-รักในหลวง ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2010, 08:25:44 PM
เรื่องนี้นายสมชายเห็นไม่เหมือนใครน่ะครับ...

เรื่องแรก...
เวลารถวิ่งๆอยู่แล้วเกิดรถติดขึ้นมาขณะที่ไม้กั้นทางรถไฟไม่ได้เอาลงมากั้น มันเลือกไม่ได้หรอกครับว่าจะจอดพอดีคล่อมทางรถไฟหรือไม่ หากบังเอิญรถใครจอดคล่อม ทางรถไฟพอดีเป๊ะ เขาจะบีบแตรให้คันหน้าเลื่อนรถครับ... เวลารถติดบนถนน จะไม่ติดแนบชิดแบบกันชนจ่อกันชนหรอกครับ หากคันหน้ามีน้ำใจเลื่อนรถเดินหน้าไปหน่อยพร้อมบีบแตรบอกคันหน้าของตัวเองออกไปอีก คันที่อยู่ข้างหน้าออกไปอีกเขาก็จะเลื่อรถกันคันละนิดคันละหน่อย ในที่สุดรถยนต์คันที่คล่อมทางรถไฟก็จะพ้นอันตรายครับ...

ขออนุญาตครับพี่สมชาย ผมอาจจะมองในมุมมองการขับรถของผมนะครับ  คือตัวผมเองเวลาขับรถผ่านทางร่วมทางแยกหรือทางคับขันเช่นทางรถไฟ หากผมดูแล้วว่าไปไม่พ้นผมจะไม่ข้าม หรือไปจอดคร่อมครับ เช่นทางรถไฟตรงวิภาวดีที่พี่สมชายผ่านบ่อย ผมก็เช่นกันครับ ผมเคยเจอเหตุอย่างพี่สมชายเช่นกันว่าไปแล้วไม่พ้นต้องกระดึ๊บๆออกไป หลังจากครั้งนั้นก็ระวังมาตลอดครับ  เรื่องนี้ผมเลยมองว่าฝ่ายอีซูสุผิดเพราะตัวคนขับประมาทและสะเพร่าเองครับ หากตัวเขาระวังซักนิดแล้วไม่รีบร้อนกับระยะห่างแค่ทางรถไฟกั้นไม่กี่เมตร เรื่องคงไม่เกิดครับ   ::014:: ::014::

ส่วนเรื่องคู่กรณีไม่เลื่อนรถให้นั้น เป็นเรื่องของน้ำใจครับ ถ้าจงใจไม่เลื่อนให้ก็เป็นอีกประเด็นที่สมควรตำหนิ แต่ผมมองแยกกับกรณีก่อนหน้าครับพี่  ด้วยความเคารพ ::014:: ::014::


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: PRIVACY ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2010, 08:32:51 PM
อ่านข่าวนี้ตั้งแต่วันแรกที่ลงในเว็บข่าวแล้ว

ผมก็เห็นว่า พ่อ-ลูก หน้าโง่นั้น สมควรถูกด่าประจารตามคอมเม้นท์ต่างๆในข่าวน่ะ สมควรแล้ว

แล้วช่วยเขาด่าบ้างไหมเล่าครับ...

ผมเห็นด้วยตรงที่คนหน้าโง่ไม่สมควรตาย แต่ก็สมควรถูกวิภาควิจารณ์เชิงประจาน ไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างกับคนอื่นๆถ้าเกิดเรื่องทำนองเดียวกันนี้


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2010, 08:39:59 PM
เรื่องนี้นายสมชายเห็นไม่เหมือนใครน่ะครับ...

เรื่องแรก...
เวลารถวิ่งๆอยู่แล้วเกิดรถติดขึ้นมาขณะที่ไม้กั้นทางรถไฟไม่ได้เอาลงมากั้น มันเลือกไม่ได้หรอกครับว่าจะจอดพอดีคล่อมทางรถไฟหรือไม่ หากบังเอิญรถใครจอดคล่อม ทางรถไฟพอดีเป๊ะ เขาจะบีบแตรให้คันหน้าเลื่อนรถครับ... เวลารถติดบนถนน จะไม่ติดแนบชิดแบบกันชนจ่อกันชนหรอกครับ หากคันหน้ามีน้ำใจเลื่อนรถเดินหน้าไปหน่อยพร้อมบีบแตรบอกคันหน้าของตัวเองออกไปอีก คันที่อยู่ข้างหน้าออกไปอีกเขาก็จะเลื่อรถกันคันละนิดคันละหน่อย ในที่สุดรถยนต์คันที่คล่อมทางรถไฟก็จะพ้นอันตรายครับ...

ขออนุญาตครับพี่สมชาย ผมอาจจะมองในมุมมองการขับรถของผมนะครับ  คือตัวผมเองเวลาขับรถผ่านทางร่วมทางแยกหรือทางคับขันเช่นทางรถไฟ หากผมดูแล้วว่าไปไม่พ้นผมจะไม่ข้าม หรือไปจอดคร่อมครับ เช่นทางรถไฟตรงวิภาวดีที่พี่สมชายผ่านบ่อย ผมก็เช่นกันครับ ผมเคยเจอเหตุอย่างพี่สมชายเช่นกันว่าไปแล้วไม่พ้นต้องกระดึ๊บๆออกไป หลังจากครั้งนั้นก็ระวังมาตลอดครับ  เรื่องนี้ผมเลยมองว่าฝ่ายอีซูสุผิดเพราะตัวคนขับประมาทและสะเพร่าเองครับ หากตัวเขาระวังซักนิดแล้วไม่รีบร้อนกับระยะห่างแค่ทางรถไฟกั้นไม่กี่เมตร เรื่องคงไม่เกิดครับ   ::014:: ::014::

ส่วนเรื่องคู่กรณีไม่เลื่อนรถให้นั้น เป็นเรื่องของน้ำใจครับ ถ้าจงใจไม่เลื่อนให้ก็เป็นอีกประเด็นที่สมควรตำหนิ แต่ผมมองแยกกับกรณีก่อนหน้าครับพี่  ด้วยความเคารพ ::014:: ::014::

เรื่องไม่ระวังจอดรถไม่พ้นทางรถไฟหรือ ตรงนี้เป็นความผิดของกะบะแน่ครับ แต่ความผิดแบบนี้มีโทษไม่ถึงขั้นต้องตายน่ะครับ... ประเด็นคือคนที่ต้องตัดสินว่าใครผิดต้องรับโทษไม่ใช่คนใช้รถใช้ถนนร่วมกันครับ แต่เป็นตำรวจจราจรเป็นผู้เขียนใบสั่ง เรื่องนี้จบลงตรงที่กะบะจอดปุ๊บ ความผิดสำเร็จปั๊บ ถ้าตำรวจเห็นก็เขียนใบสั่งได้ทันที แต่เรื่องนี้จบแล้วน่ะครับ...

ส่วนเรื่องที่สองคือ คนที่จอดรถขวางหน้าในขณะที่รู้ว่ารถไฟกำลังจะมา แล้วรถไฟอาจหยุดไม่ทัน มีหน้าที่ต้องช่วยเหลือคันหลังให้พ้นภัยเฉพาะหน้านะครับ ไม่ใช่แค่แล้งน้ำใจอย่างเดียว แต่เป็นความผิดโดยงดเว้นกระทำการ เพราะตนเองมีหน้าที่ครับ... ทำนองเดียวกับเห็นคนกำลังจะจมน้ำแล้วไม่ช่วยเหลือแหละครับ...


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: คนซ่อมทางรถไฟ--->trackmam 52 ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2010, 08:40:22 PM
โดยทั่วไปจะค่อยทราบกัน ทางผ่านเสมอระดับทางรถไฟ(ทางตัด)จะมีเสาสัญญาณห่างจากทางตัดออกไปประมาณ 50 เมตรทั้งสองด้านทางรถไฟ สัญญาณจะอนุญาตก็ต่อเมื่อเครื่องกั้นถนนได้ลงกั้นถนนเรียบร้อยแล้ว(สัญญาณนี้จะมองเห็นไปเกินกว่า 800 เมตร โดยรถไฟมีระยะเบรคฉุกเฉินที่ประมาณ 700 ม.)ถ้าเป็นเครื่องกั้นอัตโนมัติจะทำงานเมื่อรถไฟเข้าใกล้ทางตัดในระยะประมาณ 1,000 ม.แต่ในทางตัดที่มีพนักงานคุมอยู่จะอนุญาตให้รถไฟผ่านได้เมื่อพนักงานเห็นว่าปลอดภัยดีแล้ว โดยก่อนที่จะเอาคานกั้นถนนลงพนักงานจะให้สัญญาณไฟวับวาบที่เสาคานกั้นถนนก่อนครับ แจ้งมาเพื่อทราบหาก สมช.อยู่ในเหตุการณ์แบบนี้จะได้แก้ไขได้ทัน (ส่วนทางผ่านที่ไม่มีเครื่องกันถนนผู้ใช้ถนนต้องจอดหางทางรถไฟ 5 เมตรเมื่อเห็นว่าปลอดภัยจึงข้ามได้ ระวังกันด้วยนะครับ)


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2010, 08:46:00 PM
อ่านข่าวนี้ตั้งแต่วันแรกที่ลงในเว็บข่าวแล้ว

ผมก็เห็นว่า พ่อ-ลูก หน้าโง่นั้น สมควรถูกด่าประจารตามคอมเม้นท์ต่างๆในข่าวน่ะ สมควรแล้ว

แล้วช่วยเขาด่าบ้างไหมเล่าครับ...

ผมเห็นด้วยตรงที่คนหน้าโง่ไม่สมควรตาย แต่ก็สมควรถูกวิภาควิจารณ์เชิงประจาน ไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างกับคนอื่นๆถ้าเกิดเรื่องทำนองเดียวกันนี้

แล้วทำไมไม่ประจานคนพกปืนโดยไม่มีใบพกเล่าครับ, แล้วทำไมไม่ประจานคนที่ไม่ช่วยเหลือผู้อื่นที่กำลังมีภัยจะถูกรถไฟชน... เรื่องนี้หลงมองประเด็นบีบแตร ประเด็นปาดหน้า ซึ่งเป็นประเด็นเล็ก กลบประเด็นใหญ่พยายามฆ่า(เพราะเล็งเห็นผลแต่ไม่หลบให้เพราะโกรธถูกบีบแตร)ไปนะครับ...


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: chawalkman ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2010, 08:53:13 PM
1. มันเผลอคร่อมไปแล้วครับ จะด้วยการเผลอเรอ คิดไม่ถึง ประมาท หรือประการใดก็แล้วแต่...
2. แต่เมื่อได้ยินเสียงแตร บวกกับเสียงเตือนเครื่องกั้นทางแล้ว ทุกคันในเลนนั้น
ก็น่าจะดูและขยับคนละเล็กละน้อยโดยอัตโนมัติ ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง มันน่าจะขยับได้ซักหน่อยน่า แค่ 2-3 ฝ่ามือเราก็ยังเคยขยับครับ
3.เป็นผมก็คงพยายามทุกอย่างที่จะออกจากตรงนั้นให้ได้ครับ ใครก็คงไม่อยากตาย
...ผมแสดงความคิดเห็นแค่ช่วงเหตุการณ์นี้ หลังจากนั้น เป็นเรื่องของอารมณ์แล้วครับ...
..ด้วยความเคารพ..
 ::014:: ::014::



หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: Iron ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2010, 09:03:19 PM
โดยทั่วไปจะค่อยทราบกัน ทางผ่านเสมอระดับทางรถไฟ(ทางตัด)จะมีเสาสัญญาณห่างจากทางตัดออกไปประมาณ 50 เมตรทั้งสองด้านทางรถไฟ สัญญาณจะอนุญาตก็ต่อเมื่อเครื่องกั้นถนนได้ลงกั้นถนนเรียบร้อยแล้ว(สัญญาณนี้จะมองเห็นไปเกินกว่า 800 เมตร โดยรถไฟมีระยะเบรคฉุกเฉินที่ประมาณ 700 ม.)ถ้าเป็นเครื่องกั้นอัตโนมัติจะทำงานเมื่อรถไฟเข้าใกล้ทางตัดในระยะประมาณ 1,000 ม.แต่ในทางตัดที่มีพนักงานคุมอยู่จะอนุญาตให้รถไฟผ่านได้เมื่อพนักงานเห็นว่าปลอดภัยดีแล้ว โดยก่อนที่จะเอาคานกั้นถนนลงพนักงานจะให้สัญญาณไฟวับวาบที่เสาคานกั้นถนนก่อนครับ แจ้งมาเพื่อทราบหาก สมช.อยู่ในเหตุการณ์แบบนี้จะได้แก้ไขได้ทัน (ส่วนทางผ่านที่ไม่มีเครื่องกันถนนผู้ใช้ถนนต้องจอดหางทางรถไฟ 5 เมตรเมื่อเห็นว่าปลอดภัยจึงข้ามได้ ระวังกันด้วยนะครับ)
เหตุการณ์แบบนี้จะเกิดเฉพาะในกรุงเทพช่วงที่รถติดมากๆครับ รถจะไหลกันไปเรื่อยๆจะมาจ๊ะเอ๋เข้ากับรถเราตอนไหนก็ได้

เหตุการณ์เกิดแบบสุ่มไม่ใช่การจงใจจอดขวางทางรถไฟ และเหตุการณ์แบบนี้จะไม่เกิดที่ต่างจังหวัดเพราะรถไม่ได้ติดแบบตังเมเหมือนกรุงเทพ  ;D

ที่ผมเจอก็แบบเดียวกันในกรุงเทพครับ พอขยับตามคันหน้าจะพ้นทางรถไฟก็มีสัญญาณเสียงและไฟวาบเตือนแต่เหล็กกั้นยังไม่ลงมา

เห็นทุกคนรู้หน้าที่ ช่วยๆกันขยับครับ เพราะทุกคนมีโอกาศติดอยู่กลางทางรถไฟแบบเดียวกันทุกคนครับ


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: อรชุน-รักในหลวง ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2010, 09:06:13 PM
เรื่องไม่ระวังจอดรถไม่พ้นทางรถไฟหรือ ตรงนี้เป็นความผิดของกะบะแน่ครับ แต่ความผิดแบบนี้มีโทษไม่ถึงขั้นต้องตายน่ะครับ... ประเด็นคือคนที่ต้องตัดสินว่าใครผิดต้องรับโทษไม่ใช่คนใช้รถใช้ถนนร่วมกันครับ แต่เป็นตำรวจจราจรเป็นผู้เขียนใบสั่ง เรื่องนี้จบลงตรงที่กะบะจอดปุ๊บ ความผิดสำเร็จปั๊บ ถ้าตำรวจเห็นก็เขียนใบสั่งได้ทันที แต่เรื่องนี้จบแล้วน่ะครับ...

ส่วนเรื่องที่สองคือ คนที่จอดรถขวางหน้าในขณะที่รู้ว่ารถไฟกำลังจะมา แล้วรถไฟอาจหยุดไม่ทัน มีหน้าที่ต้องช่วยเหลือคันหลังให้พ้นภัยเฉพาะหน้านะครับ ไม่ใช่แค่แล้งน้ำใจอย่างเดียว แต่เป็นความผิดโดยงดเว้นกระทำการ เพราะตนเองมีหน้าที่ครับ... ทำนองเดียวกับเห็นคนกำลังจะจมน้ำแล้วไม่ช่วยเหลือแหละครับ...

พี่สมชายว่ามาถูกต้องแล้วครับ หากรถคันข้างหน้าจงใจไม่ขยับให้เป็นเรื่องไม่สมควรอย่างยิ่งครับ หากมีเหตุการณ์เช่นนี้สมควรให้การช่วยเหลือครับ
 
แต่หากมองในมุมกลับ ถ้าคนขับอีซูสุ ไม่เห็นแก่ตัวรีบร้อนจะไปให้ได้กับแค่ระยะทางไม่กี่เมตรตรงทางรถไฟ เรื่องนี้จะไม่เกิดขึ้นครับพี่
แล้วถ้ามองต่ออีกนิดถ้าหากเรื่องที่ทางฝ่ายคู่กรณีบอกเป็นความจริงว่าติดรถข้างหน้าขยับไม่ได้จริงๆล่ะ
ซึ่งผมมองว่าก็มีโอกาสเป็นไปได้ที่รถติดไฟแดงจะจอดติดกันระยะ1ฟุทหรือน้อยกว่าแบบนี้ก็อาจจะขยับให้ไม่ได้ครับ ยิ่งถ้าระยะห่างจากแยกถึงรางรถไฟน้อย
ก็จะไม่มีที่ว่างพอที่จะขยับให้คันหลังพ้นอยู่ดี  จุดนี้ผมไม่ได้เข้าข้างใครแต่ผมพยายามมองเหตุผลและความเป็นไปได้ในทุกทางครับ
ผมมองว่าคนขับอีซูสุควรจะต้องมองว่าเรื่องเกิดจากตัวเองก่อน พิจารณาว่าไปไม่แล้วไม่น่าพ้นก็ยังไม่ต้องไป ช้าไปแค่ระยะทางไม่มี่เมตรเวลาไม่กี่นาทีครับ
และตราบใดที่ตัวผู้ขับอีซูสุเองยังมีพฤติกรรมการขับรถประมาทแบบนี้อยู่ต่อไปซักวันอาจจะกลายเป็นเรื่องเศร้าขึ้นมาจริงๆก็ได้ครับ
เพราะความประมาทน้อยนิดก็อาจจะกลายเป็นเรื่องเศร้าได้ จากข่าวที่เราเห็นกันบ่อยๆ   ด้วยความเคารพครับพี่  ::014::


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: คนซ่อมทางรถไฟ--->trackmam 52 ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2010, 09:12:23 PM
โดยทั่วไปจะค่อยทราบกัน ทางผ่านเสมอระดับทางรถไฟ(ทางตัด)จะมีเสาสัญญาณห่างจากทางตัดออกไปประมาณ 50 เมตรทั้งสองด้านทางรถไฟ สัญญาณจะอนุญาตก็ต่อเมื่อเครื่องกั้นถนนได้ลงกั้นถนนเรียบร้อยแล้ว(สัญญาณนี้จะมองเห็นไปเกินกว่า 800 เมตร โดยรถไฟมีระยะเบรคฉุกเฉินที่ประมาณ 700 ม.)ถ้าเป็นเครื่องกั้นอัตโนมัติจะทำงานเมื่อรถไฟเข้าใกล้ทางตัดในระยะประมาณ 1,000 ม.แต่ในทางตัดที่มีพนักงานคุมอยู่จะอนุญาตให้รถไฟผ่านได้เมื่อพนักงานเห็นว่าปลอดภัยดีแล้ว โดยก่อนที่จะเอาคานกั้นถนนลงพนักงานจะให้สัญญาณไฟวับวาบที่เสาคานกั้นถนนก่อนครับ แจ้งมาเพื่อทราบหาก สมช.อยู่ในเหตุการณ์แบบนี้จะได้แก้ไขได้ทัน (ส่วนทางผ่านที่ไม่มีเครื่องกันถนนผู้ใช้ถนนต้องจอดหางทางรถไฟ 5 เมตรเมื่อเห็นว่าปลอดภัยจึงข้ามได้ ระวังกันด้วยนะครับ)
เหตุการณ์แบบนี้จะเกิดเฉพาะในกรุงเทพช่วงที่รถติดมากๆครับ รถจะไหลกันไปเรื่อยๆจะมาจ๊ะเอ๋เข้ากับรถเราตอนไหนก็ได้

เหตุการณ์เกิดแบบสุ่มไม่ใช่การจงใจจอดขวางทางรถไฟ และเหตุการณ์แบบนี้จะไม่เกิดที่ต่างจังหวัดเพราะรถไม่ได้ติดแบบตังเมเหมือนกรุงเทพ  ;D

ที่ผมเจอก็แบบเดียวกันในกรุงเทพครับ พอขยับตามคันหน้าจะพ้นทางรถไฟก็มีสัญญาณเสียงและไฟวาบเตือนแต่เหล็กกั้นยังไม่ลงมา

เห็นทุกคนรู้หน้าที่ ช่วยๆกันขยับครับ เพราะทุกคนมีโอกาศติดอยู่กลางทางรถไฟแบบเดียวกันทุกคนครับ

ในบางจุดที่รถหนาแน่นพนักงานกั้นถนนต้องทำหน้าที่ร่วมกับ จร.ด้วย


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: PRIVACY ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2010, 09:14:48 PM
อ่านข่าวนี้ตั้งแต่วันแรกที่ลงในเว็บข่าวแล้ว

ผมก็เห็นว่า พ่อ-ลูก หน้าโง่นั้น สมควรถูกด่าประจารตามคอมเม้นท์ต่างๆในข่าวน่ะ สมควรแล้ว

แล้วช่วยเขาด่าบ้างไหมเล่าครับ...

ผมเห็นด้วยตรงที่คนหน้าโง่ไม่สมควรตาย แต่ก็สมควรถูกวิภาควิจารณ์เชิงประจาน ไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างกับคนอื่นๆถ้าเกิดเรื่องทำนองเดียวกันนี้

แล้วทำไมไม่ประจานคนพกปืนโดยไม่มีใบพกเล่าครับ, แล้วทำไมไม่ประจานคนที่ไม่ช่วยเหลือผู้อื่นที่กำลังมีภัยจะถูกรถไฟชน... เรื่องนี้หลงมองประเด็นบีบแตร ประเด็นปาดหน้า ซึ่งเป็นประเด็นเล็ก กลบประเด็นใหญ่พยายามฆ่า(เพราะเล็งเห็นผลแต่ไม่หลบให้เพราะโกรธถูกบีบแตร)ไปนะครับ...

ครับ ถ้ามองประเด็นว่า รถคันหน้าสามารถขยับได้แล้วไม่ขยับตั้งใจหรือจงใจให้คันหลังให้อาจจะถูกรถไฟชน อันนี้ผมเห็นตามท่านหมด

แต่ผมมองจากเนื้อข่าวข้อเท็จจริงว่ารถคันดังกล่าวก็ไม่สามารถขยับไปได้ ถ้าคิดเอาตัวเราไปเป็นรถคันข้างหน้าผมก็คงจะพยายามเลื่อนรถให้ถ้าสามารถทำได้

ที่ผมมองเรื่องนี้ไม่ได้มองเรื่องบีบแตรหรือปาดหน้าเพราะส่วนตัวไม่ค่อยใส่ใจกับเรื่องเล็กๆน้อยๆพวกนี้บนถนน ผมมองเรื่องที่พ่อ-ลูกลงมาหาเรื่องทำร้ายร่างกาย โดยที่ตัวพ่อที่ถือร่มลงรถแล้วนำไปทำร้ายรถคันหน้า โดยสภาพร่มตอนนั้นก็กลายเป็นอาวุธไปแล้ว จะเป็นประเด็นพยายามฆ่าด้วยหรือเปล่าอันนี้ไม่ทราบ ถ้าปลายร่มเป็นเหล็กแข็งแหลมก็สามารถทำให้เสียชีวิตได้เหมือนกัน

เรื่องพกพาปืนติดตัวโดยไม่มีใบพก ก็ผิดแหละครับ ผมเชื่อว่าสมาชิกในเว็บนี้ก็มีจำนวนไม่น้อยเลยที่ไม่มีใบพกแล้วพาปืนติดตัวไปไหนด้วยตลอด แต่ในเรื่องเจ้าของปืนไม่ได้นำออกมาขู่หรือเอามาเบ่งให้ฝ่ายตรงข้ามรู้เลย แถมยังหนีจากเหตุทำร้ายร่างกายวิ่งลงไปจากรถ โดยหนีบกระเป๋าปืนลงไป อันนี้ผมมองว่าเป็นผมวิ่งหนีก็จะเอาลงไป เพราะทิ้งไว้ในรถไม่รู้ปืนนั้นจะคืนสนองหรือเปล่า ก็ฝ่ายตรงข้ามเค้าคิดจะทำร้ายเรานนะครับ ตัวเราวิ่งไปแล้วจะถูกทุบรถหรือเปิดประตูไปจะทำความเสียหายกับรถเพื่อระบายแค้นอะไรก็แล้วแต่ แล้วไปเจอปืนมันจะเป็นยังไงต่อไม่รู้ได้ หรือ วิ่งหนีไปแล้วพ่อ-ลูกวิ่งมารุมทำร้ายจะยังไงต่อด้วยความบ้าโกรธแค้นสุดท้ายชีวิตตัวเองจะเป็นยังไงมันคิดได้หลายแบบ

ผมมองต่างมุมกับท่านสมชายน่ะครับ


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: dignitua-รักในหลวง ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2010, 09:19:20 PM
dignitua, sittapong, SADAFAGA, คนซ่อมทางรถไฟ, psk2009, แซมซาย, zomzan, นาย กล๊อก แซ่โคลท์, riviason, คนค้นของ, chawalkman, chan17 (+ 2 ซ่อนตัว) และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

คนชมเยอะจริงๆ... ขออนุญาติอ่านก่อนนะครับ...


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: ฟลุค รักในหลวง ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2010, 09:36:01 PM
อ่านแล้วได้เปิดโลกทัศน์ เืรื่องเดียวกันหลากหลายมุมมอง


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: quick-รักในหลวง ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2010, 09:42:28 PM
ไม่มีใครรู้ข้อเท็จจริงแน่ๆ ถ้าไม่ได้ไปอยู่ที่เกิดเหตุนะครับ

เท่าที่อ่านข่าวมาตามความรู้สึกผม  ฝ่ายหญิงที่ขับกระบะเป็นผู้ผิดครับ  หนึ่งคือผิดกฎจราจร  สองคือผิดทำร้ายร่างกาย

ฝ่ายรถเบนซ์ผิดพกพาอาวุธ  (แต่ถ้ามีเหตุจำเป็นก็เป็นข้อยกเว้น)  และถูกมองว่าแล้งน้ำใจหรือเปล่าที่ไม่ขยับรถให้

ที่จริงมีอีกหลายเรื่อง แต่อธิบายแล้วจะยาวครับ นายสมชายขมวดปมตามที่คุณ Quick ตั้งประเด็นมาก่อน...
ฝ่ายขับกะบะผิด โทษผิดกฏจราจรเป็นโทษปรับ, โทษทำร้ายร่างกายก็ลหุโทษครับ... ฝ่ายรถเบ็นซ์ผิดพกพาอาวุธ นี่เป็นอาญาฯ หากศาลไม่รอฯ อาจถึงขั้นติดคุกครับ...

แต่มีประเด็นที่หลายท่านมองไม่เห็น เพราะไปมัวเพ่งความสนใจกับเรื่องอารมณ์ที่โดนบีบแตรใส่อย่างไร้มรรยาท(ตามข่าวว่าเป็นที่น่ารำคาญฯ) กับเรื่องผิดกฏจราจรจอดคล่อมทางรถไฟ... อาจมีแถมเรื่องปาดหน้ารถเบ็นซ์(อันนี้เกิดหลังจากโดนบล็อกให้รถไฟชน)...

ประเด็นคือ หากสามารถพิสูจน์ในศาลได้ว่า ฝ่ายรถเบ็นซ์อยู่ในวิสัยที่จะเลื่อนรถยนต์ไปข้างหน้าเพื่อช่วยให้รถกะบะที่อยู่ข้างหลังไม่ถูกรถไฟชน, โดยเล็งเห็นผลว่าโดนรถไฟชนอาจเสียชีวิตหรืออย่างน้อยก็รถกะบะเสียหาย แต่ก็ยังตัดสินใจไม่เลื่อนรถเปิดทางให้... โดยอาจมีสาเหตุจูงใจคือโกรธที่รถกะบะผิดกฏจราจร อย่างนี้เป็นเรื่องเจตนาฆ่านะครับ, และหากรถไฟหยุดทันก็จะกลายเป็นพยายามฆ่า...

ซึ่งนายสมชายก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรกับหลายท่านมองเห็นเรื่องอารมณ์โกรธแค้นที่ถูกบีบแตรใส่อย่างไร้มรรยาท หรือเรื่องผิดกฏจราจรของรถกะบะเป็นเรื่องใหญ่กว่าเรื่องเจตนาฆ่าไปได้ครับ...

ขอนุญาตครับ ::014::
ผมถึงได้บอกว่าไม่มีใครได้อยู่ในเหตุการณ์นะครับ   หากเราใช้ประโยคที่เดาเหตุการณ์ว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ก็ไม่จบนะครับ  ผมถึงได้สรุปตามเนื้อข่าวครับ

หากอาศัยการคาดเดาผมก็คาดเดาได้ดังนี้ครับ

ถ้าหากเป็นกรณีที่รถข้างหน้าติดจนไม่สามารถขยับได้แล้ว  แต่รถกระบะก็ยังคงเสี่ยงภัยที่จะจอดคาอยู่บนรางเองโดยที่รถข้างหน้าไม่สามารถขยับได้แล้ว  
เป็นเจตนาของรถกระบะเองครับที่เล็งเห็นอยู่แล้วว่าจะต้องจอดบนทางรถไฟและถนนข้างหน้าเต็มไปด้วยรถจนไม่สามารถขยับได้  
รถข้างหน้าทั้งหมดก็ไม่ได้ละเว้นในการที่จะขยับรถ  หากแต่ว่าเป็นการกระทำโดยเล็งเห็นผลของฝ่ายรถกระบะเองต่างหาก  
เพราะรถข้างหน้ามิได้กระทำการใดๆ อันเป็นเจตนามุ่งหมายให้รถกระบะต้องได้รับอันตรายอันเล็งเห็นได้ว่าจะถึงแก่ชีวิต  
หากแต่เป็นฝ่ายรถกระบะเองที่เข้าเสี่ยงภัยนั้นด้วยตนเอง  จึงไม่สามารถจะเอาผิดรถที่จอดนิ่งเฉยอยู่ข้างหน้าได้

เพราะการกระทำอันจะเป็นความผิดของกฎหมายได้นั้นจะต้องประกอบด้วยการกระทำการ หรือละเว้นกระทำการ  โดยมีเจตนาภายในจิตใจอันมุ่งให้การกระทำนั้นบรรลุผล  
การนิ่งเฉยของฝ่ายรถเก๋งข้างหน้ามิได้เป็นการกระทำการ  และยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่ารถเก๋งทราบอยู่แล้วว่ารถกระบะจะขับเข้ามาจ่อท้ายรถตนเองและคร่อมเลนรถไฟอันเป็นการเสี่ยงอันตราย แน่นอนว่าไม่ได้มีเจตนาภายในอันชั่วร้ายที่จะก่อให้เกิดอันตรายจนถึงแก่ชีวิตกับรถกระบะ

 ดังนั้นการที่รถกระบะขับคร่อมเลนรถไฟเป็นเจตนาของรถกระบะที่กระทำโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย และสมัครใจเข้าเสี่ยงภัยทั้งๆ ที่ตนสามารถเล็งเห็นได้อยู่แล้ว


ถ้าอธิบายลักษณะนี้จะเป็นพยายามฆ่าไปได้อย่างไรนะครับพี่   ::014::

ผมเข้าใจว่าเป็นการถกประเด็นกันทั้งหมด  แต่หากว่ากันตามเนื้อข่าวแล้ว  ผมว่าเหตุผลที่ท่านสมชายโต้แย้งท่านสมาชิกต่างๆ  เพื่อแก้ต่างให้ฝ่ายรถกระบะ รับฟังได้ยากนะครับ  ::014::


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: RTCO ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2010, 09:43:23 PM
แล้วทราบได้ไงครับว่าคนขับรถเบนซ์ไม่ยอมเลื่อนรถให้ ถามว่าเบนซ์เลื่อนให้แต่ไอ้คันหน้าเบนซ์ไม่ยอมเลื่อนให้ มันจะขยับได้มั้ย

ถ้าถึงขนาดมีปืนอยู่กับตัวแต่วิ่งหนีผู้หญิงกับคนแก่นี่

คงไม่ใช่คนใจดำขนาดปล่อยให้คนอื่นตายต่อหน้าต่อตาล่ะมั้ง


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: dignitua-รักในหลวง ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2010, 10:04:29 PM
มันเป็นเรื่องความเห็นแก่ตัวครับ... ฝ่ายหนึ่งเห็นแก่ตัวเพื่อเอาตัวรอด เลยทำให้คนอื่นเดือดร้อน... อีกฝ่ายหนึ่งเห็นแก่ตัวว่ามรึงจะเอาตัวรอด เจือกรุกรานกรู...

ไม่ต้องอ้างอิงข้อกฏหมายนะครับ... เพราะการเอาตัวรอดคงไม่มีวิธีคิดอะไรมากมาย... แต่ความกดดันมันมากกว่าคนที่รำคาญคนที่จะเอาตัวรอด....

ผมก็เคยรถติดในสถานะการณ์อย่างนี้... ขับไปเกือบครึ่งคัน ไม้กั้นทางลงมาพอดี เลยต้องเหยียบต่อให้รถพ้นไม้กั้นแล้วรถติด... ผมก็ต้องดิ้นรนให้ผ่านทางรถไฟให้ได้เป็นวัวเป็นควายเลย... (แยกพัฒนาการขาออก ถ.ศรีนครินทร์...)

อย่ามองว่าแค่การพกปืนบนท้องถนนแล้วไม่ยิงเป็นคนน่าชื่นชม... แต่อยากให้มองมุมมองคนที่ต้องเอาชีวิตตัวเองและครอบครัวให้รอดด้วย...

ไม่มีใครถูกใครผิดหรอกครับ... มันอยู่ที่น้ำใจ... ไม่มีใครอยากรถติดอยู่บนทางรถไฟหรอกครับ...(ซึ่งจริงๆ... มีอยู่ชั่วโมงของทุกวัน... แต่ไม่เป็นข่าว..)





หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: ~ Sitthipong - รักในหลวง ~ ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2010, 10:09:07 PM
ไม่อยู่ในเหตุการณ์พูดยากครับ  ถ้าเกิดรถเบนซ์ขยับไม่ได้จริง ๆ ถึงจะบีบแตรไล่ยังไงก็ไม่สามารถขยับได้หรอก

ในทางกลับกัน  ถ้าขยับได้แต่ไม่ขยับนี้คิดว่าโดนข้อหาพยายามฆ่าได้เลยครับ  เพราะกะจะให้รถไฟชนคันข้างหลัง   ::014::



หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: ธำรง ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2010, 10:11:29 PM
รถไฟผิด  ::005::


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: sura0007 ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2010, 10:21:05 PM
ขิงก็รา  ข่าก็แรง / น้ำเอยน้ำใจ


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: คนซ่อมทางรถไฟ--->trackmam 52 ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2010, 10:36:20 PM
รถไฟผิด  ::005::


 ::005::เอ้า! งานเข้าซะงั้น ::007:: ::007::


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: Southlander ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2010, 10:39:20 PM
ผมผ่านทางตัดถนนกับทางรถไฟทุกวันครับที่ตรงใกล้คลองตันโรงแรมนาซ่าเวกัส
และบางครั้งก็เจอแจ๊คพ็อตบ้างที่มาคาตรงกลางรางรถไฟพอดีบางครั้งมันขยับไม่ได้
ก็ขยับไม่ได้จริงๆนะครับการบีบแตรบางครั้งคันหน้าที่ติดๆกะเรารู้ตัวก็พอช่วยได้แต่คันถัดไปที่ 2-3-4-5 ยากครับที่เข้าใจ
หรือไม่ก็หูทวนลมเสีย จะเดินหน้าก็ไม่ได้จะถอยหลังก็ไม่ได้...แล้วข้อสังเกตุอีกอย่างคือ จนท.กั้นถนนทำไมถึงกล้าเอา
เหล็กกั้นลงทั้งที่รางรถไฟไม่ว่าง..ทำอย่างนี้ก็เข้าข่ายเจตนาพยายามฆ่าได้อีกจำเลยไหมล่ะ ในเมื่อข้างต้นมีจำเลยนี้มาแล้ว

ส่วนเหตุการณ์นี้ผมไม่ขอวิจารณ์เพราะสองฝ่ายพูดไม่ตรงกันและไม่เห็นเหตุการณ์เดี๋ยวจะเข้ารกเข้าพงไปใหญ่


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: Southlander ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2010, 10:41:39 PM
รถไฟผิด  ::005::


 ::005::เอ้า! งานเข้าซะงั้น ::007:: ::007::

ไม่มีใครผิดหรอก แก๊สโซฮอลล์นั่นแหละผิด ;D ;D ;D


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: dignitua-รักในหลวง ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2010, 10:48:56 PM
รถไฟผิด  ::005::


 ::005::เอ้า! งานเข้าซะงั้น ::007:: ::007::

ไม่มีใครผิดหรอก แก๊สโซฮอลล์นั่นแหละผิด ;D ;D ;D

อ่ะนะ พี่ดุลย์ ;D ;D


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: คนซ่อมทางรถไฟ--->trackmam 52 ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2010, 10:53:32 PM
ผมผ่านทางตัดถนนกับทางรถไฟทุกวันครับที่ตรงใกล้คลองตันโรงแรมนาซ่าเวกัส
และบางครั้งก็เจอแจ๊คพ็อตบ้างที่มาคาตรงกลางรางรถไฟพอดีบางครั้งมันขยับไม่ได้

ก็ขยับไม่ได้จริงๆนะครับการบีบแตรบางครั้งคันหน้าที่ติดๆกะเรารู้ตัวก็พอช่วยได้แต่คันถัดไปที่ 2-3-4-5 ยากครับที่เข้าใจ
หรือไม่ก็หูทวนลมเสีย จะเดินหน้าก็ไม่ได้จะถอยหลังก็ไม่ได้...แล้วข้อสังเกตุอีกอย่างคือ จนท.กั้นถนนทำไมถึงกล้าเอา
เหล็กกั้นลงทั้งที่รางรถไฟไม่ว่าง..ทำอย่างนี้ก็เข้าข่ายเจตนาพยายามฆ่าได้อีกจำเลยไหมล่ะ ในเมื่อข้างต้นมีจำเลยนี้มาแล้ว

ส่วนเหตุการณ์นี้ผมไม่ขอวิจารณ์เพราะสองฝ่ายพูดไม่ตรงกันและไม่เห็นเหตุการณ์เดี๋ยวจะเข้ารกเข้าพงไปใหญ่

 ::014::ถ้าสังเกตุให้ดีนะครับจะเห็นไปวับวาบสีส้มติดอยู่แต่เนื่องจากไม่หยุดกันไหลตามกันไปเมื่อถึงเวลาสักระยะพนักงานต้องขยับคานกั้นลงแหละครับไม่งั้นไม่ได้เอาลงแน่ครับเนื่องจากไม่ยอมหยุดกันสักที ถ้าไม่อยากอยู่ในสถานะการณ์อย่างนี้เมื่อจะข้ามทางรถไฟควรสังเกตุที่ไฟวับวาบสีส้มถ้าไฟติดหมุนอยู่ควรหยุดก่อนครับ ::014::


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: supreme ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2010, 10:56:52 PM
อ่านแล้วมันก็เป็นได้ตามที่หลายๆท่านพูด ซึ่งผมก็สงสัยว่าช่องทางขวาของรถกะบะทำไมยังว่างพอให้หักไปได้อีก  แสดงว่ารถกะบะขับจี้ท้ายรถเบ้นซ์ตลอด  หรือไม่ก็ได้ยินเสียงเตือนแล้วก็ยังฝืนข้ามไปจริง  และถึงจะมีความผิดที่มีโทษทางกฎหมายไม่ถึงตายกับแค่คล่อมรางรถไฟ  แต่ผมก็มองว่าเธอประมาทเกินไป  ซึ่งอุบัติเหตุทั้งหลายก็มาจากไม่ให้ความสำคัญกับกฎต่างๆ  มองว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยหรือหลงลืม  ไม่ต่างจากพวกเราที่ทำปืนลั่น

ผมเห็นด้วยที่รถคันหน้าควรขยับ  แต่บางทีถ้าเป็นคันที่อยู่ถัดออกไป เขาก็ไม่รู้นะครับว่าควรจะขยับช่วยๆกัน และยิ่งการบีบแตรแบบไม่หยุด มันเป็นการสร้างโทสะให้กับรถคันอื่นๆ  ซึ่งมันสื่อความกันผิด  คงจะมีแต่รถเบ้นซ์เท่านั้นที่รู้แต่ก็คงขยับได้แค่ฟุตเดียว  พอให้กะบะหักหัวออกขวา

บางเรื่องที่ดีๆผมก็อยากให้บ้านเรามีและทำกัน  แต่วัฒนธรรมการขับรถบ้านเรามันเติบโตช้าจริงๆ  อย่างบ้านเราก่อนติดกล้อง  พอเจอไฟเหลืองพี่ก็กดซะฝรั่งเกร็งหงายหลัง  แต่พอไฟเขียวดึกๆ ฝรั่งบอกโกๆๆๆควิกๆๆๆ  แต่ของเราต้องค่อยๆมองซ้ายมองขวาก่อน  หรือเมื่อก่อนโน้น พอมาถึงคอขวดแทนที่จะผลัดกันซ้ายคันขวาคันไม่มีหรอก  ขวาก็ขวายาวๆ  คันไหนเว้นห่างก็จะโดนซ้ายยาวๆรอกันหลายเพลงเลย


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: ชอลิ่วเฮียง - รักในหลวง ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2010, 11:14:49 PM
ที่ถกกันมาเข้าหน้าที่ 5 แล้วนี่ มีใครเคยผ่านแถวนั้นบ้างครับ
จากทางรถไฟถึงไฟแดงพอจะจอดต่อกันได้ 3-4 คันเองมั้งครับ
ถนนก็กว้าง 2 เลนสมัยก่อนแล้วมาตีเส้นแบ่งเป็น 3 เลน
เลนซ้ายผ่านตลอด เลนกลางตรงไป เลนเลี้ยวขวาไปก็ที่ทำงานของเจ๊รถกระบะแล้วครับ
ที่ทางกั้นรถไฟก็มีเจ้าหน้าที่ของรถไฟเฝ้าอยู่ครับ
ถ้ารถแน่นขวางทางจริงๆ รถไฟสายนั้นก็จอดรอรถยนต์เป็นประจำครับ
ผมว่าเจ้าหน้าที่รถไฟตรงนั้นก็อาจจะหมั่นไส้เจ๊แกอยู่ก็ได้ครับ
อ้อ....บ้านผมก็อยู่แถวๆนั้นแหละครับ (หลัง makro)


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: arypan-รักพ่อหลวง- ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2010, 11:20:11 PM
ด้วยว่าความคิดผมคือ

ทำไมรถอีซุซุจึงไม่พึ่งตนเองก่อน  พึ่งในที่นี้คือการไม่จอดทับพื้นที่ห้ามจอด เพราะยังไงก็
ไม่มีเหตุผมใดๆที่จะอ้างเนื่องจากว่า เห็นรถเบนซ์จอดคันสุดท้ายก่อนถึงรางฯ ทำไมต้องไปจอดต่อ
ทั้งที่รู้ว่าเป็นทางรถไฟ ซึ่งรู้ว่าเป็นอันตราบต่อตัวเองและผู้อืน ซึ่งเป็นการกระทำที่ประมาทมาก
และยังไปทำกิริยาที่ไม่ดีต่อผู้ร่วมเส้นทางอีก

สิ่งที่ถูกต้องคือการที่ไปจอดหลังไม้กั้นทางรถไฟ เพราะยังไงผู้ขับขี่ย่อมมองเห็นว่าข้างหน้าเหตุการณ์
เป็นอย่างไร

ขอบคุณครับ


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: I Love My King (AkNaRiN~*) ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2010, 11:21:27 PM
เวลาหยุดรถต้องหัดเว้นระยะมั่งซะแล้ว...

ตปท.ที่เคยผ่านๆมา...เพียงไซเรนเหลืองกระพริบ...เค้าก็หยุดรถกันแล้วนะครับ...

เห็นเพียงประเทศเรานี่แหละ  ไม้กั้นรางรถไฟต้องค่อยๆลงระบบแมนวล

กลัวไปตีหลังคารถยนต์....แถมรถยนต์ก็ไม่เคยกลัวรถไฟ...ไปกันแบบฉิวเฉียด

รู้กันมั่งมั๊ยว่ารถไฟ...มันไม่ได้เบรคหยุดง่ายๆเหมือนรถยนต์....(อันนี้ประชดนะครับ)


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: ม้าป่า - รักในหลวง ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2010, 11:27:02 PM
เป็นผมรู้ว่าจะโดนขนาดนี้ยิงขู่สักนัดไม่เสียหายไหนๆก็โดนแล้ว


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: preecha2858 ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2010, 11:28:24 PM
ชมเชยในการมีสติ และการใช้เหตุผลครับ ::002::
แต่คู่นั้นก็เหลือเกิน
นี่ถ้าระงับอารมภ์ไม่ได้
เราคงต้องเสียดาย พลเมืองดีๆ
แต่ถ้าสมมุต เป็นโจรพ่อลูกชิงทรัพย์ เรามีปืนแต่ใช้ไม่ได้ โดนโจรยิง ตาย ทำไงดี นอกจากรอเผา...
ว่าแต่ว่าพ่อลูกคู่นี้ เข้าวัดได้เหรอ ...แค่สงสัยนะ ???


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: Adrenaline-รักในหลวง ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2010, 11:47:37 PM
อ่านข่าวนี้ตั้งแต่วันแรกที่ลงในเว็บข่าวแล้ว

ผมก็เห็นว่า พ่อ-ลูก หน้าโง่นั้น สมควรถูกด่าประจารตามคอมเม้นท์ต่างๆในข่าวน่ะ สมควรแล้ว

แล้วช่วยเขาด่าบ้างไหมเล่าครับ...

ผมเห็นด้วยตรงที่คนหน้าโง่ไม่สมควรตาย แต่ก็สมควรถูกวิภาควิจารณ์เชิงประจาน ไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างกับคนอื่นๆถ้าเกิดเรื่องทำนองเดียวกันนี้

แล้วทำไมไม่ประจานคนพกปืนโดยไม่มีใบพกเล่าครับ, แล้วทำไมไม่ประจานคนที่ไม่ช่วยเหลือผู้อื่นที่กำลังมีภัยจะถูกรถไฟชน... เรื่องนี้หลงมองประเด็นบีบแตร ประเด็นปาดหน้า ซึ่งเป็นประเด็นเล็ก กลบประเด็นใหญ่พยายามฆ่า(เพราะเล็งเห็นผลแต่ไม่หลบให้เพราะโกรธถูกบีบแตร)ไปนะครับ...

ครับ ถ้ามองประเด็นว่า รถคันหน้าสามารถขยับได้แล้วไม่ขยับตั้งใจหรือจงใจให้คันหลังให้อาจจะถูกรถไฟชน อันนี้ผมเห็นตามท่านหมด

แต่ผมมองจากเนื้อข่าวข้อเท็จจริงว่ารถคันดังกล่าวก็ไม่สามารถขยับไปได้ ถ้าคิดเอาตัวเราไปเป็นรถคันข้างหน้าผมก็คงจะพยายามเลื่อนรถให้ถ้าสามารถทำได้

ที่ผมมองเรื่องนี้ไม่ได้มองเรื่องบีบแตรหรือปาดหน้าเพราะส่วนตัวไม่ค่อยใส่ใจกับเรื่องเล็กๆน้อยๆพวกนี้บนถนน ผมมองเรื่องที่พ่อ-ลูกลงมาหาเรื่องทำร้ายร่างกาย โดยที่ตัวพ่อที่ถือร่มลงรถแล้วนำไปทำร้ายรถคันหน้า โดยสภาพร่มตอนนั้นก็กลายเป็นอาวุธไปแล้ว จะเป็นประเด็นพยายามฆ่าด้วยหรือเปล่าอันนี้ไม่ทราบ ถ้าปลายร่มเป็นเหล็กแข็งแหลมก็สามารถทำให้เสียชีวิตได้เหมือนกัน

เรื่องพกพาปืนติดตัวโดยไม่มีใบพก ก็ผิดแหละครับ ผมเชื่อว่าสมาชิกในเว็บนี้ก็มีจำนวนไม่น้อยเลยที่ไม่มีใบพกแล้วพาปืนติดตัวไปไหนด้วยตลอด แต่ในเรื่องเจ้าของปืนไม่ได้นำออกมาขู่หรือเอามาเบ่งให้ฝ่ายตรงข้ามรู้เลย แถมยังหนีจากเหตุทำร้ายร่างกายวิ่งลงไปจากรถ โดยหนีบกระเป๋าปืนลงไป อันนี้ผมมองว่าเป็นผมวิ่งหนีก็จะเอาลงไป เพราะทิ้งไว้ในรถไม่รู้ปืนนั้นจะคืนสนองหรือเปล่า ก็ฝ่ายตรงข้ามเค้าคิดจะทำร้ายเรานนะครับ ตัวเราวิ่งไปแล้วจะถูกทุบรถหรือเปิดประตูไปจะทำความเสียหายกับรถเพื่อระบายแค้นอะไรก็แล้วแต่ แล้วไปเจอปืนมันจะเป็นยังไงต่อไม่รู้ได้ หรือ วิ่งหนีไปแล้วพ่อ-ลูกวิ่งมารุมทำร้ายจะยังไงต่อด้วยความบ้าโกรธแค้นสุดท้ายชีวิตตัวเองจะเป็นยังไงมันคิดได้หลายแบบ

ผมมองต่างมุมกับท่านสมชายน่ะครับ
เห็นด้วยกับท่านครับ


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: Enruoblem ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2010, 11:50:58 PM
เวลาหยุดรถต้องหัดเว้นระยะมั่งซะแล้ว...

ตปท.ที่เคยผ่านๆมา...เพียงไซเรนเหลืองกระพริบ...เค้าก็หยุดรถกันแล้วนะครับ...

เห็นเพียงประเทศเรานี่แหละ  ไม้กั้นรางรถไฟต้องค่อยๆลงระบบแมนวล

กลัวไปตีหลังคารถยนต์....แถมรถยนต์ก็ไม่เคยกลัวรถไฟ...ไปกันแบบฉิวเฉียด

รู้กันมั่งมั๊ยว่ารถไฟ...มันไม่ได้เบรคหยุดง่ายๆเหมือนรถยนต์....(อันนี้ประชดนะครับ)
เป็นข้อดีที่ผมได้เรียนรู้ว่าจะข้ามทางรถไฟ ควรรอให้คันหน้าไปก่อนพอมีที่ให้เราข้ามตลอดทั้งคัน   ;Dทำตามฝรั่งคันข้างๆครับ


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: KCharng ที่ กุมภาพันธ์ 10, 2010, 12:30:16 AM
อ่านแล้วพอเข้าใจคุณสมชายครับ ถ้าคุณสมชายตีความว่าคนขับรถเก๋งจงใจบล็อกทางและเป็นการพยายามฆ่า
การขับรถปาดหน้าและลงมาทำร้ายคนขับรถที่ใช้ถนนร่วมกันก็มองได้ว่าเป็นไปได้ครับ

แต่ผมว่าคุณหลงประเด็นมากกว่านะครับ หรือไม่ก็อ่านคนละข่าว เพราะบนถนนจรัญฯแถวๆแยกบางขุนนนท์ที่เกิดเหตุ
เป็นแยกที่มีจราจรคับคั่ง รถติดเป็นหางว่าวและมีพวกขับรถแย่ๆชอบไม่หยุดตามสัญญาณรถไฟและขับมาคร่อมทางรถไฟอยู่เป็นประจำ ทำให้ทางข้ามรถไฟตรงนั้นจำเป็นต้องมีเจ้าหน้าที่รถไฟเป็นผู้คุมรั้วรถไฟอยู่ตลอดครับ

เรื่องการจงใจบล็อกทางเพื่อฆ่าคงน่าจะเป็นการคิดไปฝ่ายเดียวโดยไม่มีเหตุผลของคุณสมชายนะครับ น่าจะเป็นแค่รถติดจนขยับไม่ได้ แต่ถ้าคุณสมชายยังมองประเด็นนี้เป็นการ "ถูกข่มเหงอย่างร้ายแรง...."อีก ผมว่ามันก็ไม่สมเหตุสมผลนะครับ

ไม่เถียงครับ แต่การบีบแตรก็มีหลายแบบ
วิธีการขับปาดหน้าก็คงเป็นอีกสันติวิธี ที่ถ้าลงมาเดินไปขอคุยด้วย ก็คงไม่ทันการเหมือนกันครับ

เหมือนการอ่านข่าวเดียวกันก็มีหลายมุมมองครับ

เห็นใจคนขับรถเก๋งจริงๆครับ และขอยอมรับว่าใจเย็นมากๆครับ
เรื่องกฎหมายจราจรนั้น คนขับกระบะนั้นทำผิดกฏจราจรเต็มๆครับ

แต่พอผิดแล้วไม่รู้จักผิด เป็นเรื่องที่ผมยอมรับยากจริงๆครับ
เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับน้ำใจ เพราะสามารถมองกลับกันได้ครับ และวิธกการขอทางก็ห่วยสิ้นดี

เมื่อเขาพร้อมที่จะทำผิด ก็พลานเอาคนอื่นเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยครับ โทษคนอื่น
แบบนี้เขาเรียกว่าพวกทรามครับ

วิธีการขอทาง เขาให้บีบแตรครับ หากลงจากรถเดินไปบอกก็คงไม่ทันการณ์ครับ...

เมื่อยังไม่รู้ว่ารถไฟจะหยุดทันหรือไม่ คงไม่มีเวลามามัวบีบแตรแบบสุภาพนะครับ เพราะเป็นเรื่องฉุกเฉินครับ... โดนบล็อกให้รถไฟชนอย่างนั้นคงอยากให้ชีวิตรอดมากกว่ากลัวเสียมรรยาทครับ...
ส่วนเรื่องปาดหน้านี่ไม่ใช่สันติวิธีแน่ๆ ลงว่าถูกบล็อกให้รถไฟชนแบบนั้นทั้งที่สามารถเลื่อนรถเปิดทางให้ได้ เป็นใครก็แค้นแหละครับ... ถูกข่มเหงอย่างร้ายแรง(สามารถถึงแก่ชีวิต)ด้วยสาเหตุอันไม่เป็นธรรมแบบนี้...


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: Nikornchoho44 ที่ กุมภาพันธ์ 10, 2010, 01:04:23 AM
เจ้าหน้าที่รถไฟครับเข้ามาคุยหน่อยคนไทยจะได้ไม่ต้องด่ากันเพราะหลายๆคนมาร่วมด่าคนอื่นคงไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ ::004:: ::012::


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: E_mail ที่ กุมภาพันธ์ 10, 2010, 01:26:05 AM
เอาเฉพาะเนื้อเรื่อง...คนขับรถกระบะ"งั่ง"ครับ มักง่าย เอาแต่ได้ ..... โง่เง่าอย่างที่สุด ในรถมีทั้งเด็กทั้งคนแก่เต็มรถ ยังมามักง่าย ขับนิสัยควายๆจนเกิดเรื่องแบบนี้ ไม่มีหัวคิดเอาเสียเลย

คนขับเบนซ์ถ้าเค้าขยับให้ซักแค่4นิ้ว กระบะคันหลังจะยังหลบไม่พ้น โดนรถไฟชนตายมันทั้งรถผมก็เห็นว่าไม่ได้ผิดอะไร .... นี่ถ้าเผลอตบสวนไปซักโครม คงได้ซวยซ้ำเข้าไปอีก ข่าวคงลงเสียสนุกปากทำนองว่าเสี่ยขับเบนซ์ใจดำแถมรังแกผู้หญิง+คนแก่ ฯลฯ

คนขับเบนซ์จะใจดำ/เจตนาแกล้งหรือเปล่าก็อีกเรื่องนึง

แต่เรื่องจริงที่เห็นจะจะ คือยัยมารยาททรามที่ขับรถตามหลัง ทั้งๆที่มีเด็กมาในรถ ยังขับด้วยนิสัยที่"เลว , มักง่าย , เอาแต่ได้" .... ความเสี่ยงที่เกิดขึ้น มาจากความห่วยของยัยคนขับเอง โทษใครไม่ได้  ::009::


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: nick357 "รักในหลวง" ที่ กุมภาพันธ์ 10, 2010, 01:33:13 AM
เท่าที่อ่านมา..ยังไงก็ไม่ควรลงทำร้ายร่างกายกัน....


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: โทน73 -รักในหลวง- ที่ กุมภาพันธ์ 10, 2010, 03:21:40 AM
ลงจากรถทำไมหนอ  ไขกระจกลดช่องมาก็แค่พอคุยกันได้ก็พอ  มิหนำซ้ำ ยังให้คนแก่แย่งปืนจากมือไปอีก  ถ้าเขาบ้าพอ แย่งเอาปืนมายิงเราไม่แย่หรือ

คนเล่นปืน มีสติ อย่างเดียวไม่พอครับ ต้องมีปัญญาด้วย  มีอย่างที่ไหนคู่กรณีถามในกระเป๋ามีอะไร ดันตอบว่ามีปืน และให้เขาแย่งคว้าไปแจ้งความอีก   :P




หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: แซมซาย ที่ กุมภาพันธ์ 10, 2010, 05:53:39 AM
เอาเฉพาะเนื้อเรื่อง...คนขับรถกระบะ"งั่ง"ครับ มักง่าย เอาแต่ได้ ..... โง่เง่าอย่างที่สุด ในรถมีทั้งเด็กทั้งคนแก่เต็มรถ ยังมามักง่าย ขับนิสัยควายๆจนเกิดเรื่องแบบนี้ ไม่มีหัวคิดเอาเสียเลย

คนขับเบนซ์ถ้าเค้าขยับให้ซักแค่4นิ้ว กระบะคันหลังจะยังหลบไม่พ้น โดนรถไฟชนตายมันทั้งรถผมก็เห็นว่าไม่ได้ผิดอะไร .... นี่ถ้าเผลอตบสวนไปซักโครม คงได้ซวยซ้ำเข้าไปอีก ข่าวคงลงเสียสนุกปากทำนองว่าเสี่ยขับเบนซ์ใจดำแถมรังแกผู้หญิง+คนแก่ ฯลฯ

คนขับเบนซ์จะใจดำ/เจตนาแกล้งหรือเปล่าก็อีกเรื่องนึง

แต่เรื่องจริงที่เห็นจะจะ คือยัยมารยาททรามที่ขับรถตามหลัง ทั้งๆที่มีเด็กมาในรถ ยังขับด้วยนิสัยที่"เลว , มักง่าย , เอาแต่ได้" .... ความเสี่ยงที่เกิดขึ้น มาจากความห่วยของยัยคนขับเอง โทษใครไม่ได้  ::009::
พูดได้ตรงใจจังครับ  +2 เลยผับผ่า   ถ้าทานเหล้าอยากเลี้ยงสักเมาหนึ่ง  ชอบจริงๆ :VOV: :VOV: :VOV: ::014:: ::014:: ::014::


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ กุมภาพันธ์ 10, 2010, 08:12:54 AM
แปลกใจครับ ว่าทำไมคนพกปืนโดยไม่มีใบพกแล้วไม่ได้เอาขึ้นมายิงถึงได้ถูกมองว่าฮีโร่ ทั้งที่การพกปืนก็ผิดกฏหมาย และการที่ไม่ได้ยิงก็ไม่ได้แปลว่ายับยั้งชั่งใจ แต่อาจแปลได้ว่ากลัวติดคุก เพราะรถยนต์มันติด หนีไม่ออก พยานรู้เห็นก็มีแยะก็ได้... ทัศนะเช่นนี้บอกตรงๆว่าห่วยแตกครับ ไม่น่าจะมีทัศนะเช่นนี้อยู่ในหมู่นักนิยมปืนเลย...

เรื่องวัฒนธรรมการช่วยเหลือผู้อื่นทำไมหายไปไหนกันหมด ผู้คนแล้งน้ำใจกันได้ถึงขนาดนี้ มีผู้กำลังอยู่ในอันตรายบีบแตรอย่างดุเดือดอยู่ข้างหลัง... ทำไมมองเห็นกันเป็นเรื่องที่ว่าการบีบแตรเป็นการยั่วโทสะก่อความรำคาญ และยิ่งไปกว่านั้นเห็นว่าธุระไม่ใช่ ก็เพราะคันกะบะดันเจือกโง่เป็นควายเสียเอง ขับรถไม่ระวังจอดคล่อมทางรถไฟ ดังนั้นสมควรตาย...

เรื่องการจับประเด็นก็แปลกมาก หลายคนจับประเด็นว่าใครเริ่มงี่เง่าก่อน จากนั้นก็เลยกลายเป็นว่าคนงี่เง่าไม่สมควรได้รับความช่วยเหลืออย่างใดทั้งสิ้น... โกรธแค้นเรื่องเล็กแค่ผิดกฏจราจร สามารถบดบังการรับรู้ประเด็นที่ใหญ่กว่านั้น คือเรื่องผู้อื่นกำลังตกอยู่ในเป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน ซึ่งเป็นเรื่องหนักหนาสาหัสกว่ามากมาย ดังนั้นคนที่มีทัศนะเช่นนี้เป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น แค้นคนที่เริ่มต้นงี่เง่าก่อน กะเอากันให้ถึงตายด้วยสาเหตุแค่นี้...

เรื่องที่รถยนต์ติดบนถนนไม่สามารถขยับได้นั้นเป็นไปไม่ได้ทางปฏิบัติ คนที่ให้ความเห็นว่าขยับไม่ได้เลย แสดงว่าตะแบง เอาสีข้างเข้าถู หรือไม่ก็ขับรถไม่เป็นไปโน่นเลย... เพราะรถติดบนถนนมันไม่ได้ติดกันจนชิดกันชนหน้าชิดกันชนหลังทุกคัน ระยะแค่ความยาวรถกะบะนั้นหลายคันขยับคนละนิดคนละหน่อย เดี๋ยวเดียวมันก็ได้ระยะปลอดภัยของรถคันที่กำลังอยู่ในอันตราย...

กระทู้นี้ทำให้เห็นตัวตนของคนหลายคนนะครับ...


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ กุมภาพันธ์ 10, 2010, 08:17:58 AM
ที่จริงอยาก Post โต้ตอบมากกว่านี้อีก แต่เกิดความรู้สึกว่าปล่อยให้อ่าน+พิจารณากันไปจะดีกว่า หากจะ Post ต้องมีประเด็นจริงๆ เพราะคิดว่าบางคนที่โต้ตอบอยู่ในกระทู้นี้ไม่อยู่ในสภาวะที่ใช้เหตุผลพิจารณา... ซึ่งน่าแปลกใจมาก...


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: Pandanus ที่ กุมภาพันธ์ 10, 2010, 09:29:45 AM
ขออนุญาตเข้ามาออกความเห็นเพิ่มเติม ทั้งที่ไม่ควร เพราะว่า กระทู้เริ่มร้อนแล้ว.....

เรามาดูพฤติกรรมปรากฎกันหน่อยไหม อย่าไปคิดแทนเขาหรืออย่าไปเดาเหตุการณ์ที่เราไม่ได้ไปเห็นเองเลย

=Mercedes-Benz=พกปืน....................คนประเภทไหนถึงพกปืนในรถ  อ้อ คนแบบผมไง และอีกหลาย ๆ คน มีทั้งคนดีคนชั่ว เพราะผมขอมาเพื่อปกป้องชีวิตและทรัพย์สิน ทีนี้ ชีวิตและทรัพย์สิน ดันไปไหนมาไหนกับผมตลอด ผมก็เลยต้องพกตลอด ผิดกฎหมายมั๊ย ผิดสิครับ แล้วทำทำไม อ้อ ข้อแรก ไม่เดือดร้อนใครครับ ข้อสอง คุ้มเสี่ยง เพราะพลาดถูกจับ ก็ไม่กี่พัน สำคัญว่า พกสติไปพร้อมปืนด้วย ข้อสาม เพื่อนเยอะครับ  ในนี้ ผมว่า เกือบครึ่งล่ะครับ

=Isuzu Picup=คร่อมทางรถไฟ.....................คนประเภทไหนถึงขับรถคร่อมทางรถไฟ  อ้อ เยอะครับ ผมก็ด้วย  สถานการณ์แบบนี้เกิดขึ้นได้ยังไง อ้า ก็ไม่รู้นี่ ว่าคันหน้ามันไปได้แค่นั้น พอจะถอย คันหลังก็บีบชิดเข้ามา เอายังไงละวา....   ขอความเห็นใจจากเพื่อนร่วมถนนครับ  ถ้าสุดความสามารถ และเจอคนไร้น้ำใจสุด ๆ ก็ สละรถ เอาชีวิตไว้ก่อน  แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น สถานการณ์ครั้งใด ๆ ก็ไม่มีสูตรสำเร็จในการแก้ปัญหา

=Isuzu Picup=จี้ท้าย บีบแตรใล่....................คนแบบไหน ถึงทำอย่างนั้น อันนี้ ธรรมดาสุด ๆ ครับ  สถานการณ์นั้น ใคร ๆ ก็ทำแบบนั้น ถ้าเป็นผม เชื่อว่า ยิ่งกว่านั้นอีก

=Mercedes-Benz=ไม่ยอมหลบ หรือเลื่อนให้....................คนประเภทไหนที่ทำแบบนี้ คำว่าไร้น้ำใจ  ยังน้อยไปสำหรับพฤติกรรมแบบนี้ สะใจลึก ๆ เสือ-ตามมาเอง เห็นอยู่ ว่าทางรถไฟ กรูไม่เลื่อนให้ ตายก็เรื่องของมรึง  โอ้โห สุดยอดความถ่อยเลย ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ.....  แต่ถ้าไม่ใช่ล่ะ ถ้าเขาเลื่อนไม่ได้จริง ๆ ล่ะ คนที่ฟันธงเขาว่า แล้งน้ำใจนั่นแหละ จะชั่วเสียเอง

=Isuzu Picup=ปาดหน้าแล้วลงไปเอาเรื่อง...................  คนประเภทไหนถึงปาดหน้าเขาแล้วลงไปเอาเรื่อง เรามาดูประเด็นนี้ดีกว่า ถ้าวุฒิภาวะสูงพอ.... จะปาดหน้าเขา แล้วลงไปมีเรื่องกับเขาหรือไม่ ถ้าเป็นผม ผมทำไง ผมก็เคียงรถ มองหน้า ให้เห็นว่า คนที่มันทำให้เราโมโห คนที่จะปล่อยให้เราตาย หน้าตาเป็นไง พอแค่ให้เขารู้ตัว ว่า กรูโกรธ...นะโว๊ยยย....   แล้วก็แซงออกไป.... ถ้าเขาตามมา อันนี้ ถึงจะค่อยว่ากัน ถ้าเขาไม่ตามมา ก็จบ เราปลอดภัย เขาไปเห็นแก่ตัวกับคนอื่นต่อ....


ผมสรุปน่าเกลียดสักนิดนะครับ ว่า ถ้าเราเอาชีวิตของเรา ไปวางไว้กับน้ำใจของผู้อื่น แล้วเขาไม่มีน้ำใจให้ ถ้าเราเป็นอะไรไป ก็เป็นเพราะเราประมาท ไม่ใช่เพราะเขาไม่มีน้ำใจ





หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: Pandanus ที่ กุมภาพันธ์ 10, 2010, 09:52:11 AM
ข้อความนี้ จาก ฟอร์เวิร์ดเมล์ หัวข้อ เมื่อรถคันที่เราแซง ไม่ยอมให้เราเข้าทาง
อยู่ในประเด็นเดียวกัน

 

อย่า ประ มาท   
เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า...   
มีสุภาพสตรีสาวสวยขับรถเก๋งแซงรถสิบล้อ-พ่วง   
แต่ดันมีรถสวนทางมาและถนนนั้นเป็นถนนเลนสวนทางกัน   
รถสิบล้อพ่วงไม่ยอมเบรคให้ทาง  ดังนั้นคนสวยที่ขับรถเก๋งจึงหักหลบรถคันหน้า   
เลยโดนรถสิบล้อพ่วงเสียบเข้าอย่างที่เห็น  ดูจากรูปเองละกันนะครับ   
ขอให้ดูไว้เป็นอุทธาหรณ์ด้วย  เดินทางบ่อยๆ   
ใช้ชีวิตอยู่กับถนนเกือบทุกวัน  ทั้งกลางวันและกลางคืนก็อย่าขับรถเร็ว   
และอย่าแซงในลักษณะนี้ด้วย  เพราะมันอันตราย   
ผมรู้..คุณเก่ง  ดูแลตัวเองได้ แต่ก็อย่าประมาท!!   
เพราะมันไม่คุ้มหากเกิดอะไรขึ้น..จำไว้มันไม่คุ้ม   
ปล.ไม่ใช่เก็บไว้รู้คนเดียว  ส่งต่อบอกเพื่อนสนิทไว้ด้วยนะครับ   
เผื่อเค้าจะเป็นคนใช้ชีวิตบนถนนเหมือนกัน   
บอกเขาว่าอย่าขับรถเร็ว  อย่างน้อยก็มีคนที่ส่งเมล์นี่เค้าเป็นห่วง   
ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ส่งให้ด้วยตัวเอง   
อ่านแล้วจงนึกไว้ว่า..รถคันที่เราแซงอาจจะไม่ยอมให้เราเข้าก็ได้   
เหตุการณ์แบบนี้ก็อาจเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้   
สวดมนต์ก็ไม่ได้ช่วยอะไร  ถ้าเรายังใช้ชีวิตอยู่บนความประมาท   

(http://img42.imageshack.us/img42/7775/26264476.jpg)

(http://img42.imageshack.us/img42/7609/92051125.jpg)

(http://img42.imageshack.us/img42/2865/39002710.jpg)

(http://img717.imageshack.us/img717/6198/69806490.jpg)


บางภาพ ผมยกเว้น เพื่อไม่ให้หวาดเสียวแก่ผู้ดู แค่นี้ ก็ละเมิดแก่เขามากพอแรงอยู่แล้ว   ::004::


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: Arin2000 ที่ กุมภาพันธ์ 10, 2010, 10:03:45 AM
ผมสรุปน่าเกลียดสักนิดนะครับ ว่า ถ้าเราเอาชีวิตของเรา ไปวางไว้กับน้ำใจของผู้อื่น แล้วเขาไม่มีน้ำใจให้ ถ้าเราเป็นอะไรไป ก็เป็นเพราะเราประมาท ไม่ใช่เพราะเขาไม่มีน้ำใจ

ถูกใจครับ ;D


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: Southlander ที่ กุมภาพันธ์ 10, 2010, 10:07:27 AM
ขออนุญาตเข้ามาออกความเห็นเพิ่มเติม ทั้งที่ไม่ควร เพราะว่า กระทู้เริ่มร้อนแล้ว.....

เรามาดูพฤติกรรมปรากฎกันหน่อยไหม อย่าไปคิดแทนเขาหรืออย่าไปเดาเหตุการณ์ที่เราไม่ได้ไปเห็นเองเลย

=Mercedes-Benz=พกปืน....................คนประเภทไหนถึงพกปืนในรถ  อ้อ คนแบบผมไง และอีกหลาย ๆ คน มีทั้งคนดีคนชั่ว เพราะผมขอมาเพื่อปกป้องชีวิตและทรัพย์สิน ทีนี้ ชีวิตและทรัพย์สิน ดันไปไหนมาไหนกับผมตลอด ผมก็เลยต้องพกตลอด ผิดกฎหมายมั๊ย ผิดสิครับ แล้วทำทำไม อ้อ ข้อแรก ไม่เดือดร้อนใครครับ ข้อสอง คุ้มเสี่ยง เพราะพลาดถูกจับ ก็ไม่กี่พัน สำคัญว่า พกสติไปพร้อมปืนด้วย ข้อสาม เพื่อนเยอะครับ  ในนี้ ผมว่า เกือบครึ่งล่ะครับ
=Isuzu Picup=คร่อมทางรถไฟ.....................คนประเภทไหนถึงขับรถคร่อมทางรถไฟ  อ้อ เยอะครับ ผมก็ด้วย  สถานการณ์แบบนี้เกิดขึ้นได้ยังไง อ้า ก็ไม่รู้นี่ ว่าคันหน้ามันไปได้แค่นั้น พอจะถอย คันหลังก็บีบชิดเข้ามา เอายังไงละวา....   ขอความเห็นใจจากเพื่อนร่วมถนนครับ  ถ้าสุดความสามารถ และเจอคนไร้น้ำใจสุด ๆ ก็ สละรถ เอาชีวิตไว้ก่อน  แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น สถานการณ์ครั้งใด ๆ ก็ไม่มีสูตรสำเร็จในการแก้ปัญหา

=Isuzu Picup=จี้ท้าย บีบแตรใล่....................คนแบบไหน ถึงทำอย่างนั้น อันนี้ ธรรมดาสุด ๆ ครับ  สถานการณ์นั้น ใคร ๆ ก็ทำแบบนั้น ถ้าเป็นผม เชื่อว่า ยิ่งกว่านั้นอีก

=Mercedes-Benz=ไม่ยอมหลบ หรือเลื่อนให้....................คนประเภทไหนที่ทำแบบนี้ คำว่าไร้น้ำใจ  ยังน้อยไปสำหรับพฤติกรรมแบบนี้ สะใจลึก ๆ เสือ-ตามมาเอง เห็นอยู่ ว่าทางรถไฟ กรูไม่เลื่อนให้ ตายก็เรื่องของมรึง  โอ้โห สุดยอดความถ่อยเลย ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ.....  แต่ถ้าไม่ใช่ล่ะ ถ้าเขาเลื่อนไม่ได้จริง ๆ ล่ะ คนที่ฟันธงเขาว่า แล้งน้ำใจนั่นแหละ จะชั่วเสียเอง

=Isuzu Picup=ปาดหน้าแล้วลงไปเอาเรื่อง...................  คนประเภทไหนถึงปาดหน้าเขาแล้วลงไปเอาเรื่อง เรามาดูประเด็นนี้ดีกว่า ถ้าวุฒิภาวะสูงพอ.... จะปาดหน้าเขา แล้วลงไปมีเรื่องกับเขาหรือไม่ ถ้าเป็นผม ผมทำไง ผมก็เคียงรถ มองหน้า ให้เห็นว่า คนที่มันทำให้เราโมโห คนที่จะปล่อยให้เราตาย หน้าตาเป็นไง พอแค่ให้เขารู้ตัว ว่า กรูโกรธ...นะโว๊ยยย....   แล้วก็แซงออกไป.... ถ้าเขาตามมา อันนี้ ถึงจะค่อยว่ากัน ถ้าเขาไม่ตามมา ก็จบ เราปลอดภัย เขาไปเห็นแก่ตัวกับคนอื่นต่อ....
ผมสรุปน่าเกลียดสักนิดนะครับ ว่า ถ้าเราเอาชีวิตของเรา ไปวางไว้กับน้ำใจของผู้อื่น แล้วเขาไม่มีน้ำใจให้ ถ้าเราเป็นอะไรไป ก็เป็นเพราะเราประมาท ไม่ใช่เพราะเขาไม่มีน้ำใจ

   ผมเห็นด้วยหลายข้อโดยเฉพาะประเด็นนี้ เรื่องการพาปืนผมไม่โทษที่เขาพกไปก็เขาไปในที่เสี่ยงมา และเขายังมีสติไม่ชักออกมาใช้จะโจมตีเรื่องนี้ก็ไม่เต็มปากเต็มคำนะ
ผิดกฏหมายก็จริงแต่คนเราเลือกเอารักษาชีวิตไว้ก่อนล่ะ ถ้าเกิดคนที่มาเคาะกระจกรถมีอย่างอื่นที่มากกว่าร่มล่ะ ใครจะช่วยเขาได้


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: dignitua-รักในหลวง ที่ กุมภาพันธ์ 10, 2010, 10:17:25 AM
มันมีถูก มีผิดทั้งสองฝ่าย อยู่ที่ว่าคิดแทนใครก็เท่านั้น....

อย่าให้บาดหมางใจกันไปเลย....


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: KCharng ที่ กุมภาพันธ์ 10, 2010, 10:20:08 AM
เข้ามาอ่านต่อครับ น่าแปลกใจจริงๆครับ ว่ามันมีอีกหลายๆมุมมองที่สามารถสุดขั้วได้ขนาดนี้
ก่อนอื่นผมคิดอยู่เสมอว่า การมีเรื่องบนท้องถนนนี่มันยิ่งกว่าโง่อีกครับ เรื่องเล็กๆน้อยๆ หรือแม้จะเรื่องใหญ่ๆ อะไรปล่อยได้ก็ปล่อย
ชนะก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา ......

แต่ถ้าเกิดเรื่องเล็กๆน้อยๆแบบนี้บนท้องถนน ซึ่งตามข่าวแล้วมิได้เป็นการเสี่ยงต่อชีวิต แต่กลับไปตีความว่า

"ไปพยายามฆ่า"  "สมควรตาย"  ..... ข้อความ อีกต่างๆนาๆ ที่เหมือนจะไม่ขาวก็ดำ

ความคิดในวงแคบแบบนี้ เหมือนสะสมคความโกรธที่มีแต่จะมองสังคมในแง่ร้ายตลอด เหมือนกองฝืนที่พร้อมจะลุกใหม้
เมื่อเกิดเหตุเล็กๆน้อยๆบนท้องถนน ก็ลามจนควบคุมความโกรธไม่อยู่
เหมือนการไปลงมือทำร้ายเขาก่อน เมื่อคนอื่นไม่ให้ความร่วมมือ หรือ ไม่สามารถทำได้ ก็สุดแล้วแต่ เพราะไม่สามารถสรุปได้

ผมตามอ่านมาก็นาๆจิตตังครับ คนขับเก๋งไม่ได้คิดมากถึงขนาดพยายามฆ่าและอาจทำให้ประมาทเกินไป
แต่โชคดีมีขันติและสติที่จะไม่ใช้อาวุธเกินกว่าเหตุ และไม่ได้เอามาแสดงโอ้อวด แต่ดันโง่ไปแสดงความบริสุทธิ์เมื่อถูกซักถาม

กระทู้นี้ได้ประโยชน์สำหรับผมครับว่า มันมีแง่ของความคิดที่เราอาจว่าเป็นเรื่องเล็กๆ จนอาจประมาทเกินไปครับ


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: รปศ. PSRU @ รักพระเจ้าอยู่หัว @ ที่ กุมภาพันธ์ 10, 2010, 11:42:43 AM
แปลกใจครับ ว่าทำไมคนพกปืนโดยไม่มีใบพกแล้วไม่ได้เอาขึ้นมายิงถึงได้ถูกมองว่าฮีโร่ ทั้งที่การพกปืนก็ผิดกฏหมาย และการที่ไม่ได้ยิงก็ไม่ได้แปลว่ายับยั้งชั่งใจ แต่อาจแปลได้ว่ากลัวติดคุก เพราะรถยนต์มันติด หนีไม่ออก พยานรู้เห็นก็มีแยะก็ได้... ทัศนะเช่นนี้บอกตรงๆว่าห่วยแตกครับ ไม่น่าจะมีทัศนะเช่นนี้อยู่ในหมู่นักนิยมปืนเลย...

เรื่องวัฒนธรรมการช่วยเหลือผู้อื่นทำไมหายไปไหนกันหมด ผู้คนแล้งน้ำใจกันได้ถึงขนาดนี้ มีผู้กำลังอยู่ในอันตรายบีบแตรอย่างดุเดือดอยู่ข้างหลัง... ทำไมมองเห็นกันเป็นเรื่องที่ว่าการบีบแตรเป็นการยั่วโทสะก่อความรำคาญ และยิ่งไปกว่านั้นเห็นว่าธุระไม่ใช่ ก็เพราะคันกะบะดันเจือกโง่เป็นควายเสียเอง ขับรถไม่ระวังจอดคล่อมทางรถไฟ ดังนั้นสมควรตาย...  
เรื่องการจับประเด็นก็แปลกมาก หลายคนจับประเด็นว่าใครเริ่มงี่เง่าก่อน จากนั้นก็เลยกลายเป็นว่าคนงี่เง่าไม่สมควรได้รับความช่วยเหลืออย่างใดทั้งสิ้น... โกรธแค้นเรื่องเล็กแค่ผิดกฏจราจร สามารถบดบังการรับรู้ประเด็นที่ใหญ่กว่านั้น คือเรื่องผู้อื่นกำลังตกอยู่ในเป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน ซึ่งเป็นเรื่องหนักหนาสาหัสกว่ามากมาย ดังนั้นคนที่มีทัศนะเช่นนี้เป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น แค้นคนที่เริ่มต้นงี่เง่าก่อน กะเอากันให้ถึงตายด้วยสาเหตุแค่นี้...เรื่องที่รถยนต์ติดบนถนนไม่สามารถขยับได้นั้นเป็นไปไม่ได้ทางปฏิบัติ คนที่ให้ความเห็นว่าขยับไม่ได้เลย แสดงว่าตะแบง เอาสีข้างเข้าถู หรือไม่ก็ขับรถไม่เป็นไปโน่นเลย... เพราะรถติดบนถนนมันไม่ได้ติดกันจนชิดกันชนหน้าชิดกันชนหลังทุกคัน ระยะแค่ความยาวรถกะบะนั้นหลายคันขยับคนละนิดคนละหน่อย เดี๋ยวเดียวมันก็ได้ระยะปลอดภัยของรถคันที่กำลังอยู่ในอันตราย...

กระทู้นี้ทำให้เห็นตัวตนของคนหลายคนนะครับ...

ขอบคุณนายสมชาย( ฮา )มากๆครับ  ผมเข้าใจครับว่านายสมชายคิดถึงอะไร  และสื่อความคิดถึงอะไร 


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: mrt ที่ กุมภาพันธ์ 10, 2010, 11:46:11 AM
ถกกันมาหน้า 6  ;D ออกรสชาติดีครับ(ได้ความรู้เพิ่มเยอะด้วย)
- เห็นด้วยกับคุณ Pandanus ครับ ว่าคนแบบใหนพกปืนในรถ ก็คนธรรมดาเรานี่แหละครับ  
( ใครไปต่างจังหวัดไม่พกไปนี่ เห็นทีจะประมาทชีวิตไปล่ะครับ  ความคิดผมนะครับ ให้ลูกขุนตัดสิน ดีกว่าให้คนแบกขึ้นเชิงตะกอนครับ )
-ทำไมไม่ประนามคนพกปืนโดยไม่มีใบ ป.12 ( มันขอได้ยากครับ ทุกท่านก็ทราบ )
-พกปืนแล้วไม่ยิง ไม่ชักขู่  ทำไมเป็น ฮีโร่  ( ก็เพราะไม่ยิง ไม่ขู่ นี่แหละครับถึงได้เป็นฮีโร่ แสดงถึงความมีสติ  ความคิด  ความอดทน
สมควรยกย่องครับ ไม่ใช่ปาดหน้ากันก็ชักปืนขู่ครับ )
-ทำไมไปรุมตำหนิผู้หญิง (พาตัวเข้าที่เสี่ยงเอง ทำไม่เหมาะสมครับ ปาดหน้า ลงไปด่า)


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: mrt ที่ กุมภาพันธ์ 10, 2010, 11:49:33 AM
เราน่าจะได้ข้อสรุปที่สมบูรณ์นะครับถ้ามีภาพจาก กล้องวงจรปิด มาวิเคราะห์ด้วยครับ(คิดว่าน่าจะมีนะครับเพราะเป็นจุดข้ามทางรถไฟ)   ::014::


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: arypan-รักพ่อหลวง- ที่ กุมภาพันธ์ 10, 2010, 12:12:08 PM
เป็นผมคงจะโทษทางรถไฟที่ไปอยู่ใต้ล้อ (โทษใครไม่ได้โทษวัตถุถาวรและไม่มีชีวิตซะเลย) 555
โทษคนกดไม้กั้น ดันมา กดตอนนี้ โทษรถไฟดันจะผ่านตอนนี้ โทษตำรวจ ดันติดไฟแดงตอนนี้ โทษรถเบ็นซ์ที่มาอยู่ข้างหน้าตอนนี้
โทษรถคันอื่นดันมาร่วมทางตอนนี้ โทษทุกอย่างที่ทำให้มีวันนี้ ยกเว้นโทษตัวเอง เพราะมองไม่เห็นความผิดตัวเอง ว่าได้ทำผิดกฏจราจร
เพราะว่านิดหน่อย อีกหน่อย ขอหน่อย การกระทำที่มักง่าย และเห็นแก่ตัวพวกนี้ มันเป็นบ่อเกิดปัญหา
การที่เราขับรถต้องสามารถพิจารณาได้ว่าข้างหน้าเรามีสถาณการณ์อย่างไง เช่นที่เกิดเหตุ แสดงว่าอีซุซุเข้าไปเพราะไม่อยากรถติดหลังไม้กั้นใช่หรือไม่ และเบ็นซ์ก็ไม่ได้ทำผิดกฏ เพราะว่าพ้นไม้กั้นไปแล้วใช่หรือไม่ ถ้าเช่นนั้น การที่อีซุซุจะจอดหลังไม้กั้น ก็คงไม่ถูกคันหลังด่าตามมาใช่หรือไม่
ในเมื่อคุณเห็นแก่ตัว ใยคุณถึงไปหวังน้ำใจจากผู้อื่นเล่า
น้ำใจมันบังคับไม่ได้ แต่กฏกติกามันต้องกระทำ

และรถเบ็นซ์ถ้าไม่มีน้ำใจจริงๆ คงได้แจกสารตะกั่ว ไปแล้ว ถ้าเป็นคนอื่นที่นิสัยไม่ดี คงจะมีการ ตบด้วยปืน ยิงด้วยปืน ฯลฯ ไปแล้ว

ด้วยความเครพ


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: ลุมพินี08 ที่ กุมภาพันธ์ 10, 2010, 01:27:03 PM
บนท้องถนนผมท่องใว้เสมอว่าเรื่องใหญ่ให้ทำเป็นเรื่องเล็ก เรื่องเล็กๆให้ปัดทิ้งไปและไม่ถือโกรธใครๆบนถนน เพราะเข้าใจว่าต่างคนต่างเหตุผล พอมีเหตุผลส่วนตัวก็จะแสดงออกด้วยการเอาเปรียบสังคมรอบข้างว่าข้ารีบอย่างนี้อย่างโน้น พอไม่ได้ดังใจก็บีบแตรใส่เปิดไฟไล่มีให้เห็นทุกวัน แต่ปัญหาอย่างนี้มันจะไม่เกิดที่บ้านผมที่ยะลาครับ

ลองมาดูว่ารากเง้าของปัญหาคืออะไรกันครับ
1. บ้านเรามีจุดตัดรถไฟเยอะ
2. คนขับบ้านเราบางส่วนไร้มารยาท, เห็นแก่ตัว
3. เพื่อนร่วมทางไร่น้ำใจ
4. สภาพแวดล้อมบังคับ


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: Luzifer_14 ที่ กุมภาพันธ์ 10, 2010, 01:59:03 PM
เป็นผมคงจะโทษทางรถไฟที่ไปอยู่ใต้ล้อ (โทษใครไม่ได้โทษวัตถุถาวรและไม่มีชีวิตซะเลย) 555
โทษคนกดไม้กั้น ดันมา กดตอนนี้ โทษรถไฟดันจะผ่านตอนนี้ โทษตำรวจ ดันติดไฟแดงตอนนี้ โทษรถเบ็นซ์ที่มาอยู่ข้างหน้าตอนนี้
โทษรถคันอื่นดันมาร่วมทางตอนนี้ โทษทุกอย่างที่ทำให้มีวันนี้ ยกเว้นโทษตัวเอง เพราะมองไม่เห็นความผิดตัวเอง ว่าได้ทำผิดกฏจราจร
เพราะว่านิดหน่อย อีกหน่อย ขอหน่อย การกระทำที่มักง่าย และเห็นแก่ตัวพวกนี้ มันเป็นบ่อเกิดปัญหา
การที่เราขับรถต้องสามารถพิจารณาได้ว่าข้างหน้าเรามีสถาณการณ์อย่างไง เช่นที่เกิดเหตุ แสดงว่าอีซุซุเข้าไปเพราะไม่อยากรถติดหลังไม้กั้นใช่หรือไม่ และเบ็นซ์ก็ไม่ได้ทำผิดกฏ เพราะว่าพ้นไม้กั้นไปแล้วใช่หรือไม่ ถ้าเช่นนั้น การที่อีซุซุจะจอดหลังไม้กั้น ก็คงไม่ถูกคันหลังด่าตามมาใช่หรือไม่
ในเมื่อคุณเห็นแก่ตัว ใยคุณถึงไปหวังน้ำใจจากผู้อื่นเล่า
น้ำใจมันบังคับไม่ได้ แต่กฏกติกามันต้องกระทำ

และรถเบ็นซ์ถ้าไม่มีน้ำใจจริงๆ คงได้แจกสารตะกั่ว ไปแล้ว ถ้าเป็นคนอื่นที่นิสัยไม่ดี คงจะมีการ ตบด้วยปืน ยิงด้วยปืน ฯลฯ ไปแล้ว

ด้วยความเครพ

ชอบๆๆ มากๆ เห็นด้วย


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: supreme ที่ กุมภาพันธ์ 10, 2010, 02:02:39 PM
เรื่องนี้ถ้ารถกะบะจะตาย  ผมว่าก็คงไม่มีใครสมน้ำหน้าผู้ตายหรอกครับ ผมว่าคนเรายังไม่โหดร้ายถึงขั้นนั้น  เพียงแต่การบีบแตรของเธอมันทำให้คนอื่นเข้าใจผิด  แม้แต่โคนันทวิศาลยังไม่ชอบคำหยาบคาย  แล้วนี่เป็นคนและเมืองไทยที่มีภาษาแตรรถที่บีบยาวว่า ด่า ส่วนแตรสั้นก็งงๆว่าใครบีบ บีบให้ใคร ตรูไม่ได้ทำอะไรผิด งงวุ้ย  และการขยับรถยังซะรถเบ้นซ์คงไม่เจตนาเว้นห่างจากคันหน้าถึง ๕ เมตร  ซึ่งก็ต้องอาศัยรถคันข้างหน้าช่วยขยับอยู่ดี  ถ้าจะว่าพยายามฆ่าก็คงต้องเหมากันทั้งแถว  แล้วเจ้าหน้าที่รถไฟเอาไม้กั้นลง ทั้งๆที่มีรถจอดนี่คงอารมณ์ไม่ปกติแน่นอน ซึ่งก็ไม่รู้สาเหตุว่าทำไม  สุดท้ายยังไงทุกคนก็คงไม่มีใครดีใจถ้าคนบนรถกะบะต้องเจ็บหรือตาย  ถ้าหากมีการตายขึ้นมาก็คงเป็นอุธาหรณ์ว่าอย่าสร้างเหตุปัจจัยให้กับตัวเอง อย่าคาดหวังว่าคนอื่นจะทำดีกับเราเหมือนที่เราดีต่อเขา


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: ลุมพินี08 ที่ กุมภาพันธ์ 10, 2010, 02:08:06 PM
เคยเห็นภาษิตท้ายรถสิบล้อว่าใว้ว่า "ทำอะไรๆตามใจฉันคือไทยแท้"


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: ธำรง ที่ กุมภาพันธ์ 10, 2010, 02:34:18 PM
รถไฟผิด  ::005::


 ::005::เอ้า! งานเข้าซะงั้น ::007:: ::007::

หึ หึ กระทู้ชักร้อน แต่ผมยังยืนยันว่ารถไฟผิด  ::005:: ถ้าเอาไม้กั้นมาพาดหลังคารถ หรือให้รถไฟเข้ามาทั้งที่มีสิ่งกีดขวาง
ถนนที่ตัดผ่านทางรถไฟ ที่มีไม้กั้น หรือมีจนท.ลากรั้วติดล้อมากั้น
เป็นจุดตัดที่ต้องได้รับสัญญาณผ่าน มีจนท.ประจำจุด
รถไฟจะวิ่งตะบึงลุยไปไม่ได้ จนท.ต้องเคลียร์ให้เรียบร้อยก่อนให้สัญญาณผ่านทางกับพขร.
ผมเฉยๆแฮะ เวลาคล่อมอยู่บนราง ผมยังอยู่รถไฟมาไม่ได้  แต่เกิดผิดท่า หรือพขร.หลับใน มาใกล้เกินควร ก็โดดออกจากรถ  ::007::
เรื่องนี้ต้องรออาณาบาลรถไฟมาแจง  ;D

แต่กรณีคนขับรถยนต์ .... ผมไม่ทราบข้อเท็จจริง และไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ขอไม่มีความเห็นครับ  :-X





หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: PRIVACY ที่ กุมภาพันธ์ 10, 2010, 04:23:08 PM
กระทู้นี้ ผมขอยุติการออกความเห็นหลังจากกระทู้นี้ครับ เหตุผลเพราะ.. ความเห็นผมทั้งหมดในกระทู้นี้ผมไม่ได้อยู่ที่เกิดเหตุ แสดงความเห็นออกมาจาก "เนื้อข่าว ข้อเท็จจริง" ไม่ได้ตะแบงแต่งเรื่องคิดไปเองเป็นตุเป็นตะว่ารถเบนซ์ขยับไปข้างหน้าได้แต่ไม่ขยับ คิดจะฆ่าพ่อ-ลูกให้ตายโดยถูกรถไฟชน

เรื่องพกปืนแล้วไม่ยิง ผมไม่ได้มองว่าเป็นฮีโร่อะไรเลย แต่มองว่า เป็นคนมีสติ ไม่โง่งี่เง่าแสดงวุฒิภาวะทางอารมณ์ออกมาให้ชาวบ้านเค้าด่าตำหนิ
เรื่องความไม่มีน้ำใจช่วยเหลือผู้อื่น ผมไม่ได้เอามาคิดเป็นประเด็น เพราะอย่างที่บอกเนื้อข่าวไม่ได้บอกไว้ว่า คนขับรถเบ็นซ์ไม่มีน้ำใจไม่ยอมเลื่อนรถ เลยไม่ได้สนใจประเด็นนี้

การจะวิเคราะห์อะไรจักต้องมีเนื้อหาข้อเท็จจริงประกอบ ถ้าข้อเท็จจริงของข่าวให้มาเพียงแค่นั้นก็ควรวิเคราะห์ในกรอบเพียงแค่นั้น ถ้าจะคิดนอกกรอบข้อเท็จจริงก็ควรมองในหลายประเด็นและให้เหตุผลไว้ในแต่ละประเด็น ไม่ควรฟันธงอะไรที่ไม่มีในข้อเท็จจริง

การมีน้ำใจต่อผู้อื่น ช่วยเหลือผู้อื่นเป็นเรื่องที่ดี ผมเองก็อยากเห็นวัฒนธรรมดีๆเช่นนี้ในสังคมไทย คิดว่าทุกๆท่านที่ตอบในกระทู้นี้ทั้งหมดด็คิดตรงกัน

ท้ายสุด... ผมไม่ได้มองความเห็นของท่านนายสมชาย(ฮา)หรือเพื่อนสมาชิกที่เห็นต่างเป็นความเห็นที่ไม่ถูก ไม่มีใครผิดถูกสำหรับความเห็นในกระทู้นี้ เพียงแต่มองจับประเด็นกันคนละประเด็น

----------------------

ป.ล. คุณอาธำรงครับ รถไฟผิด หลังๆนี่ผมชักเห็นด้วยละครับ  ::005::


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: saengsakul-รักในหลวง ที่ กุมภาพันธ์ 10, 2010, 05:05:22 PM
รถไฟผิด  ::005::

   ผมเห็นด้วย รถไฟผิด  ::005::     .....ถ้าไม่มีรถไฟเหตุการณ์ครั้งนี้จะไม่เกิด  ::007::  ไม่น่ามีรถไฟเล้ย...ประเทศไทย ::005:: ::007::


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: ลุมพินี08 ที่ กุมภาพันธ์ 10, 2010, 05:20:05 PM
รถไฟผิด  ::005::


   ผมเห็นด้วย รถไฟผิด  ::005::     .....ถ้าไม่มีรถไฟเหตุการณ์ครั้งนี้จะไม่เกิด  ::007::  ไม่น่ามีรถไฟเล้ย...ประเทศไทย ::005:: ::007::

รถไฟ(โบราณ)ผิดครับ ผิดตรงที่ไม่ยอมมุดลงดินเหมือนบ้านเมืองอื่นเขา ข้างๆวิภาวดีตอยังค้างเติ่งไม่รู้จะทำอะไรดี จะมีประเทศใหนในโลกเหมือนเราไหมหนอที่สร้างทางรถไฟแล้วทิ้งร้างอย่างนี้


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: คนซ่อมทางรถไฟ--->trackmam 52 ที่ กุมภาพันธ์ 10, 2010, 05:44:47 PM
รถไฟผิด  ::005::


 ::005::เอ้า! งานเข้าซะงั้น ::007:: ::007::

หึ หึ กระทู้ชักร้อน แต่ผมยังยืนยันว่ารถไฟผิด  ::005:: ถ้าเอาไม้กั้นมาพาดหลังคารถ หรือให้รถไฟเข้ามาทั้งที่มีสิ่งกีดขวาง
ถนนที่ตัดผ่านทางรถไฟ ที่มีไม้กั้น หรือมีจนท.ลากรั้วติดล้อมากั้น
เป็นจุดตัดที่ต้องได้รับสัญญาณผ่าน มีจนท.ประจำจุด
รถไฟจะวิ่งตะบึงลุยไปไม่ได้ จนท.ต้องเคลียร์ให้เรียบร้อยก่อนให้สัญญาณผ่านทางกับพขร.
ผมเฉยๆแฮะ เวลาคล่อมอยู่บนราง ผมยังอยู่รถไฟมาไม่ได้  แต่เกิดผิดท่า หรือพขร.หลับใน มาใกล้เกินควร ก็โดดออกจากรถ  ::007::
เรื่องนี้ต้องรออาณาบาลรถไฟมาแจง  ;D

แต่กรณีคนขับรถยนต์ .... ผมไม่ทราบข้อเท็จจริง และไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ขอไม่มีความเห็นครับ  :-X





 ::002::เหมือนท่านเป็นพนักงานรถไฟเลยครับ ::014::

รถไฟผิด  ::005::


   ผมเห็นด้วย รถไฟผิด  ::005::     .....ถ้าไม่มีรถไฟเหตุการณ์ครั้งนี้จะไม่เกิด  ::007::  ไม่น่ามีรถไฟเล้ย...ประเทศไทย ::005:: ::007::

รถไฟ(โบราณ)ผิดครับ ผิดตรงที่ไม่ยอมมุดลงดินเหมือนบ้านเมืองอื่นเขา ข้างๆวิภาวดีตอยังค้างเติ่งไม่รู้จะทำอะไรดี จะมีประเทศใหนในโลกเหมือนเราไหมหนอที่สร้างทางรถไฟแล้วทิ้งร้างอย่างนี้

มีข้อตกลงกัน ถนนกับทางรถไฟใครสร้างที่หลังต้องเลี่ยงครับ ::014::


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: FMJ ที่ กุมภาพันธ์ 10, 2010, 05:58:32 PM
เป็นผมคงจะโทษทางรถไฟที่ไปอยู่ใต้ล้อ (โทษใครไม่ได้โทษวัตถุถาวรและไม่มีชีวิตซะเลย) 555
โทษคนกดไม้กั้น ดันมา กดตอนนี้ โทษรถไฟดันจะผ่านตอนนี้ โทษตำรวจ ดันติดไฟแดงตอนนี้ โทษรถเบ็นซ์ที่มาอยู่ข้างหน้าตอนนี้
โทษรถคันอื่นดันมาร่วมทางตอนนี้ โทษทุกอย่างที่ทำให้มีวันนี้ ยกเว้นโทษตัวเอง เพราะมองไม่เห็นความผิดตัวเอง ว่าได้ทำผิดกฏจราจร
เพราะว่านิดหน่อย อีกหน่อย ขอหน่อย การกระทำที่มักง่าย และเห็นแก่ตัวพวกนี้ มันเป็นบ่อเกิดปัญหา
การที่เราขับรถต้องสามารถพิจารณาได้ว่าข้างหน้าเรามีสถาณการณ์อย่างไง เช่นที่เกิดเหตุ แสดงว่าอีซุซุเข้าไปเพราะไม่อยากรถติดหลังไม้กั้นใช่หรือไม่ และเบ็นซ์ก็ไม่ได้ทำผิดกฏ เพราะว่าพ้นไม้กั้นไปแล้วใช่หรือไม่ ถ้าเช่นนั้น การที่อีซุซุจะจอดหลังไม้กั้น ก็คงไม่ถูกคันหลังด่าตามมาใช่หรือไม่
ในเมื่อคุณเห็นแก่ตัว ใยคุณถึงไปหวังน้ำใจจากผู้อื่นเล่า
น้ำใจมันบังคับไม่ได้ แต่กฏกติกามันต้องกระทำ

และรถเบ็นซ์ถ้าไม่มีน้ำใจจริงๆ คงได้แจกสารตะกั่ว ไปแล้ว ถ้าเป็นคนอื่นที่นิสัยไม่ดี คงจะมีการ ตบด้วยปืน ยิงด้วยปืน ฯลฯ ไปแล้ว

ด้วยความเครพ

ุถูกใจ+1ครับ


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: homeColt ที่ กุมภาพันธ์ 10, 2010, 05:59:26 PM
ถือว่าเป็นคนใจเย็นมากๆๆเลยครับ  ::002::


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: NOOM 19 รักในหลวง ที่ กุมภาพันธ์ 10, 2010, 06:35:21 PM
หากเป็นผม ถ้ามันสุดวิสัยจริงๆทำอะไรไม่ได้แล้วก็คงหักพวงมาลัยแล้วก็ขับไปตามทางรถไฟครับ :~) :~) :~)


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: I Love My King (AkNaRiN~*) ที่ กุมภาพันธ์ 10, 2010, 09:30:08 PM
เกิดข้อสงสัยนิดนึงครับ
จอดคร่อมทางรถไฟแบบนี้...ถ้ารถไฟวิ่งมาชนรถเก๋ง
ใครผิดครับ...

เข้ามารณรงค์ไม่หยุดรถในเขตห้ามหยุดครับ...เช่นกลางสี่แยก ทางม้าลาย รางรถไฟ ฯลฯ
ขับรถเมืองกรุง หยุดรถแบบเว้นทีไร โดนบีบแตรไล่อยู่บ่อยๆครับ...เฮ้อ...


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: สุดแล้วแต่ใจก็ ♡รักพ่อหลวง♡ ที่ กุมภาพันธ์ 10, 2010, 09:39:17 PM
เรื่องนี้นายสมชายเห็นไม่เหมือนใครน่ะครับ...

เรื่องแรก...
เวลารถวิ่งๆอยู่แล้วเกิดรถติดขึ้นมาขณะที่ไม้กั้นทางรถไฟไม่ได้เอาลงมากั้น มันเลือกไม่ได้หรอกครับว่าจะจอดพอดีคล่อมทางรถไฟหรือไม่ หากบังเอิญรถใครจอดคล่อม ทางรถไฟพอดีเป๊ะ เขาจะบีบแตรให้คันหน้าเลื่อนรถครับ... เวลารถติดบนถนน จะไม่ติดแนบชิดแบบกันชนจ่อกันชนหรอกครับ หากคันหน้ามีน้ำใจเลื่อนรถเดินหน้าไปหน่อยพร้อมบีบแตรบอกคันหน้าของตัวเองออกไปอีก คันที่อยู่ข้างหน้าออกไปอีกเขาก็จะเลื่อรถกันคันละนิดคันละหน่อย ในที่สุดรถยนต์คันที่คล่อมทางรถไฟก็จะพ้นอันตรายครับ...

ตามท้องเรื่องในกระทู้ คันที่บีบแตรย้ายไปบีบแตรใส่คันอื่น คันอื่นเขาก็ช่วยเลื่อนให้จนคันที่คล่อมฯ พ้นทางรถไฟจนได้นะครับ... นายสมชายขับรถผ่านทางรถไฟเลียบถนนวิภาวดี ตรงแยกเกษตรที่ถนนงามวงศ์วานตัดวิภาวดีออกบ่อย ตรงนั้นรถที่จะเลี้ยวซ้ายจากวิภาวดีเข้างามวงศ์วานจะติดไฟแดงพอดีรถไฟออกบ่อยครับ คนแถวนั้นเขาเลื่อนรถช่วยคันที่คล่อมทางรถไฟเป็นประจำ นายสมชายเคยทั้งเลื่อนช่วยคันอื่นและบีบแตรให้คันอื่นเลื่อน...

เรื่องที่สอง...
คนไทยไม่ค่อยมีน้ำใจเว้นช่องทางเดินรถให้รถยนต์คันที่เขาเดือดร้อนนะครับ ซึ่งตรงนี้น่าจะแก้ไขให้เป็นวัฒนธรรมที่ดี... ตัวอย่างเช่นเมื่อเรารถติดอยู่บนถนน แล้วเกิดมีรถพยาบาลเปิดไซเร็นวิ่งมาข้างหลัง หากเป็นที่ต่างประเทศ(USA.) เขาจะขยับรถแหวกให้เป็นช่องพอให้รถพยาบาลวิ่งผ่านไปให้จนได้ครับ...

คือรถยนต์ที่ติดอยู่บนถนนมันจะไม่ชิดกันแน่นแบบในลานจอดรถ แต่จะมีช่องว่างพอให้ขยับได้ เช่นถนนสองเลน ก็สามารถวิ่งได้สามเลนเป็นต้น ดังนั้นหากทุกคันช่วยขยับคันละนิดคันละหน่อยก็สามารถให้รถพยาบาลวิ่งออกไปได้ครับ... แต่ที่นายสมชายเห็นคือไม่มีใครขยับ อาจคิดว่าก็รถมันติดอยู่ ไปไหนก็ไม่ได้...

ที่ต่างประเทศ(USA.) หากรถเรากำลังวิ่งอยู่แล้วได้ยินเสียงไซเร็นรถฉุกเฉินวิ่งมา เขาให้พยายามชิดซ้ายทันทีครับ ถึงแม้บางทีจะชิดซ้ายไม่ทันเพราะรถตำรวจวิ่งกันเร็วก็ตาม...
เห็นด้วยครับ แล้วเคยโดยคนแล้งน้ำใจเหมือนกันครับ


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: MP 436 ที่ กุมภาพันธ์ 11, 2010, 01:21:32 AM
หลายความเห็น หลายมุมมอง หลายความคิด  ดีครับ
สิ่งที่ได้จากเหตุการณ์นี้ ทำให้ผมต้องระมัดระวังมากขึ้นหากขับรถไปติดแถวๆรางรถไฟ
ต้องจอดเว้นห่างสักหน่อยนึง  และในเขตพื้นที่ห้ามจอดที่ให้เว้นช่องเอาไว้ทางพวกนี้ก็คงต้องระวังไม่ไปจอดด้วยเช่นกัน


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: CC ที่ กุมภาพันธ์ 11, 2010, 10:12:03 PM
ถ้าเปลี่ยนจากผู้ชายที่ขับรถเบนซ์ เป็น ผู้ชายขับรถบรรทุกหรือรถเมล์ แล้วเรื่องมันจะเกิดรึเปล่านะ 

และถ้าเปลี่ยนจากผู้หญิงที่ขับรถกระบะเป็นผู้ชายขับรถกระบะแทนเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นรึเปล่านะ

เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า อย่าขับยี่ห้อดีเกินไป และ พยายามห่างจากผู้หญิง+ผู้สูงอายุ ขี้โมโห(ร้าย)  ;D ;D ;D ::014::


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: Southlander ที่ กุมภาพันธ์ 11, 2010, 10:24:17 PM
เคยเห็นภาษิตท้ายรถสิบล้อว่าใว้ว่า "ทำอะไรๆตามใจฉันคือไทยแท้"


ผมก็เคยเห็นว่า -หัวล้านห้ามแซง- มันเกี่ยวไรกัน
แต่ผมเห็นแล้วเก็บอาการไม่อยู่ขำกร๊ากๆๆๆๆ


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: ขวัญชัย - รักในหลวง ที่ กุมภาพันธ์ 11, 2010, 11:50:06 PM
บนถนนมีรถตั้งหลายคันแต่มีคันเดียวที่จอดค่อมทางรถไฟ เพราะอะไร?

ใครจะรู้ความจริงนอกจากคนขับรถอีซูซุ


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: ลุมพินี08 ที่ กุมภาพันธ์ 12, 2010, 09:37:48 AM
เคยเห็นภาษิตท้ายรถสิบล้อว่าใว้ว่า "ทำอะไรๆตามใจฉันคือไทยแท้"


ผมก็เคยเห็นว่า -หัวล้านห้ามแซง- มันเกี่ยวไรกัน
แต่ผมเห็นแล้วเก็บอาการไม่อยู่ขำกร๊ากๆๆๆๆ

คำส่อเสียดเหล่านี้มันช่วยสะท้อนพฤติกรรมสังคมได้เหมือนกันนะ อย่างน้อยผู้ที่อ่านแล้วยังได้เตือนสติตนเองให้ปฏิบัติตามกติกา แม้ว่าจะได้น้อยก็ยังดีกว่าไม่ได้เลย

ใช้รถใช้ถนนผมว่าต้องปฏิบัติตามกฎจารจรก่อนเป็นอันดับแรก ส่วนน้ำใจเป็นสิ่งที่เสริมเข้ามาช่วยให้สภาพจารจรดีขึ้น หากทุกคนทำผิดกฎแล้วรอน้ำใจจากคนอื่นเพื่อเอาตัวรอดมันก็แล้วแต่ดวงว่าจะเจอคนแบบใหนครับ


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: _RANGER_ ที่ กุมภาพันธ์ 12, 2010, 09:31:14 PM
คนขับรถกระบะมันมึนจริงๆเห็นๆอยู่ว่าไปไม่ได้ ยังดันทุรังไป สงสัยจะรีบไปตายเกือบจะได้ตายจริงๆ ::003:: จอดซะแต่ทีแรกก็สิ้นเรื่องครับ เรื่องนี้ผมเทใจให้คนขับ benz   ::014::


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: ti. ที่ กุมภาพันธ์ 15, 2010, 10:39:44 AM
ยกกระทู้ค่ะ อุ้มอยากทราบความเห็นของคนเล่นปืนที่เว็บไซต์ใหญ่ที่สุด และน่าเชื่อถือที่สุดของประเทศไทยค่ะ


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: Pandanus ที่ กุมภาพันธ์ 15, 2010, 11:13:05 AM
ยกกระทู้ค่ะ อุ้มอยากทราบความเห็นของคนเล่นปืนที่เว็บไซต์ใหญ่ที่สุด และน่าเชื่อถือที่สุดของประเทศไทยค่ะ

ประเด็นไหนเอ่ย

เรื่องนี้ ค่อนข้างน่าอายของชาวปืนด้วยซ้ำ ที่เราคนดี ๆ (หรือเท่าที่พยายาม ) ไม่อยากแสดงความเห็นมั่ว ๆ ออกไป แต่ก็ทำไปแล้ว

มั่วตรงไหน ก็คือ เรามีแต่เนื้อข่าวไม่กี่บรรทัด  และ ไม่มีใครอยู่ในเหตุการณ์นั้น แม้แต่คนเดียว  เรายังเอามาวิเคราะห์กันถึงเนื้อถึงกระดูก

คุณอุ้มเองก็เป็นชาวปืนคนหนึ่ง เห็นยังไงกับเรื่องนี้ล่ะครับ   

 :)


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: your-ประชาธิปไตย ที่ กุมภาพันธ์ 15, 2010, 12:53:36 PM
เรื่องนี้นายสมชายเห็นไม่เหมือนใครน่ะครับ...

เรื่องแรก...
เวลารถวิ่งๆอยู่แล้วเกิดรถติดขึ้นมาขณะที่ไม้กั้นทางรถไฟไม่ได้เอาลงมากั้น มันเลือกไม่ได้หรอกครับว่าจะจอดพอดีคล่อมทางรถไฟหรือไม่ หากบังเอิญรถใครจอดคล่อม ทางรถไฟพอดีเป๊ะ เขาจะบีบแตรให้คันหน้าเลื่อนรถครับ... เวลารถติดบนถนน จะไม่ติดแนบชิดแบบกันชนจ่อกันชนหรอกครับ หากคันหน้ามีน้ำใจเลื่อนรถเดินหน้าไปหน่อยพร้อมบีบแตรบอกคันหน้าของตัวเองออกไปอีก คันที่อยู่ข้างหน้าออกไปอีกเขาก็จะเลื่อรถกันคันละนิดคันละหน่อย ในที่สุดรถยนต์คันที่คล่อมทางรถไฟก็จะพ้นอันตรายครับ...

ตามท้องเรื่องในกระทู้ คันที่บีบแตรย้ายไปบีบแตรใส่คันอื่น คันอื่นเขาก็ช่วยเลื่อนให้จนคันที่คล่อมฯ พ้นทางรถไฟจนได้นะครับ... นายสมชายขับรถผ่านทางรถไฟเลียบถนนวิภาวดี ตรงแยกเกษตรที่ถนนงามวงศ์วานตัดวิภาวดีออกบ่อย ตรงนั้นรถที่จะเลี้ยวซ้ายจากวิภาวดีเข้างามวงศ์วานจะติดไฟแดงพอดีรถไฟออกบ่อยครับ คนแถวนั้นเขาเลื่อนรถช่วยคันที่คล่อมทางรถไฟเป็นประจำ นายสมชายเคยทั้งเลื่อนช่วยคันอื่นและบีบแตรให้คันอื่นเลื่อน...

เรื่องที่สอง...
คนไทยไม่ค่อยมีน้ำใจเว้นช่องทางเดินรถให้รถยนต์คันที่เขาเดือดร้อนนะครับ ซึ่งตรงนี้น่าจะแก้ไขให้เป็นวัฒนธรรมที่ดี... ตัวอย่างเช่นเมื่อเรารถติดอยู่บนถนน แล้วเกิดมีรถพยาบาลเปิดไซเร็นวิ่งมาข้างหลัง หากเป็นที่ต่างประเทศ(USA.) เขาจะขยับรถแหวกให้เป็นช่องพอให้รถพยาบาลวิ่งผ่านไปให้จนได้ครับ...

คือรถยนต์ที่ติดอยู่บนถนนมันจะไม่ชิดกันแน่นแบบในลานจอดรถ แต่จะมีช่องว่างพอให้ขยับได้ เช่นถนนสองเลน ก็สามารถวิ่งได้สามเลนเป็นต้น ดังนั้นหากทุกคันช่วยขยับคันละนิดคันละหน่อยก็สามารถให้รถพยาบาลวิ่งออกไปได้ครับ... แต่ที่นายสมชายเห็นคือไม่มีใครขยับ อาจคิดว่าก็รถมันติดอยู่ ไปไหนก็ไม่ได้...

ที่ต่างประเทศ(USA.) หากรถเรากำลังวิ่งอยู่แล้วได้ยินเสียงไซเร็นรถฉุกเฉินวิ่งมา เขาให้พยายามชิดซ้ายทันทีครับ ถึงแม้บางทีจะชิดซ้ายไม่ทันเพราะรถตำรวจวิ่งกันเร็วก็ตาม...
เห็นด้วยครับ แล้วเคยโดยคนแล้งน้ำใจเหมือนกันครับ
เป็นผมคงจะโทษทางรถไฟที่ไปอยู่ใต้ล้อ (โทษใครไม่ได้โทษวัตถุถาวรและไม่มีชีวิตซะเลย) 555
โทษคนกดไม้กั้น ดันมา กดตอนนี้ โทษรถไฟดันจะผ่านตอนนี้ โทษตำรวจ ดันติดไฟแดงตอนนี้ โทษรถเบ็นซ์ที่มาอยู่ข้างหน้าตอนนี้
โทษรถคันอื่นดันมาร่วมทางตอนนี้ โทษทุกอย่างที่ทำให้มีวันนี้ ยกเว้นโทษตัวเอง เพราะมองไม่เห็นความผิดตัวเอง ว่าได้ทำผิดกฏจราจร
เพราะว่านิดหน่อย อีกหน่อย ขอหน่อย การกระทำที่มักง่าย และเห็นแก่ตัวพวกนี้ มันเป็นบ่อเกิดปัญหา
การที่เราขับรถต้องสามารถพิจารณาได้ว่าข้างหน้าเรามีสถาณการณ์อย่างไง เช่นที่เกิดเหตุ แสดงว่าอีซุซุเข้าไปเพราะไม่อยากรถติดหลังไม้กั้นใช่หรือไม่ และเบ็นซ์ก็ไม่ได้ทำผิดกฏ เพราะว่าพ้นไม้กั้นไปแล้วใช่หรือไม่ ถ้าเช่นนั้น การที่อีซุซุจะจอดหลังไม้กั้น ก็คงไม่ถูกคันหลังด่าตามมาใช่หรือไม่
ในเมื่อคุณเห็นแก่ตัว ใยคุณถึงไปหวังน้ำใจจากผู้อื่นเล่า
น้ำใจมันบังคับไม่ได้ แต่กฏกติกามันต้องกระทำ

และรถเบ็นซ์ถ้าไม่มีน้ำใจจริงๆ คงได้แจกสารตะกั่ว ไปแล้ว ถ้าเป็นคนอื่นที่นิสัยไม่ดี คงจะมีการ ตบด้วยปืน ยิงด้วยปืน ฯลฯ ไปแล้ว

ด้วยความเครพ

ุถูกใจ+1ครับ
เห็นด้วยกับความเห็นด้านบนครับ ขับรถก็ต้องเว้นระยะห่างให้เกิดความปลอดภัยอยู่แล้ว นี่ขนาดข้ามทางรถไฟยัง"เจือก"ตามไปแปะก้นเค้าอีก ผิดเต็มๆครับ ผิดแล้วยังมาเห็นแก่ตัวเที่ยวพาลคนอื่นที่เต้าทำถูกกฏอีก สันดานจริงๆครับ ส่วนเรื่องพกพาอาวุธปืนอันนี้ก็อยู่ที่ดุลพินิจแต่เชื่อว่ามีเพื่อป้องกันตัวจริงๆ เพราะถ้าเป็นคนร้ายหรือคนที่มีนิสัยร้ายกาจคงตายคู่ไปแล้ว ไม่เข้าใจว่าทำไมคนแบบนี้จึงยังมีชีวิตอยู่จนแก่เฒ่ามีลูกมีหลลานได้ คงเจอแต่คนจิตใจดีไม่อาฆาตมาดร้ายจึงรอดตัวมาได้ตลอด อ่านแล้วยังเคืองแทนเลย ขอให้ผมอย่าเจอคนแบบนี้เลย..สาธุ


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: your-ประชาธิปไตย ที่ กุมภาพันธ์ 15, 2010, 01:07:59 PM
เรื่องนี้นายสมชายเห็นไม่เหมือนใครน่ะครับ...

เรื่องแรก...
เวลารถวิ่งๆอยู่แล้วเกิดรถติดขึ้นมาขณะที่ไม้กั้นทางรถไฟไม่ได้เอาลงมากั้น มันเลือกไม่ได้หรอกครับว่าจะจอดพอดีคล่อมทางรถไฟหรือไม่ หากบังเอิญรถใครจอดคล่อม ทางรถไฟพอดีเป๊ะ เขาจะบีบแตรให้คันหน้าเลื่อนรถครับ... เวลารถติดบนถนน จะไม่ติดแนบชิดแบบกันชนจ่อกันชนหรอกครับ หากคันหน้ามีน้ำใจเลื่อนรถเดินหน้าไปหน่อยพร้อมบีบแตรบอกคันหน้าของตัวเองออกไปอีก คันที่อยู่ข้างหน้าออกไปอีกเขาก็จะเลื่อรถกันคันละนิดคันละหน่อย ในที่สุดรถยนต์คันที่คล่อมทางรถไฟก็จะพ้นอันตรายครับ...

ตามท้องเรื่องในกระทู้ คันที่บีบแตรย้ายไปบีบแตรใส่คันอื่น คันอื่นเขาก็ช่วยเลื่อนให้จนคันที่คล่อมฯ พ้นทางรถไฟจนได้นะครับ... นายสมชายขับรถผ่านทางรถไฟเลียบถนนวิภาวดี ตรงแยกเกษตรที่ถนนงามวงศ์วานตัดวิภาวดีออกบ่อย ตรงนั้นรถที่จะเลี้ยวซ้ายจากวิภาวดีเข้างามวงศ์วานจะติดไฟแดงพอดีรถไฟออกบ่อยครับ คนแถวนั้นเขาเลื่อนรถช่วยคันที่คล่อมทางรถไฟเป็นประจำ นายสมชายเคยทั้งเลื่อนช่วยคันอื่นและบีบแตรให้คันอื่นเลื่อน...

เรื่องที่สอง...
คนไทยไม่ค่อยมีน้ำใจเว้นช่องทางเดินรถให้รถยนต์คันที่เขาเดือดร้อนนะครับ ซึ่งตรงนี้น่าจะแก้ไขให้เป็นวัฒนธรรมที่ดี... ตัวอย่างเช่นเมื่อเรารถติดอยู่บนถนน แล้วเกิดมีรถพยาบาลเปิดไซเร็นวิ่งมาข้างหลัง หากเป็นที่ต่างประเทศ(USA.) เขาจะขยับรถแหวกให้เป็นช่องพอให้รถพยาบาลวิ่งผ่านไปให้จนได้ครับ...

คือรถยนต์ที่ติดอยู่บนถนนมันจะไม่ชิดกันแน่นแบบในลานจอดรถ แต่จะมีช่องว่างพอให้ขยับได้ เช่นถนนสองเลน ก็สามารถวิ่งได้สามเลนเป็นต้น ดังนั้นหากทุกคันช่วยขยับคันละนิดคันละหน่อยก็สามารถให้รถพยาบาลวิ่งออกไปได้ครับ... แต่ที่นายสมชายเห็นคือไม่มีใครขยับ อาจคิดว่าก็รถมันติดอยู่ ไปไหนก็ไม่ได้...

ที่ต่างประเทศ(USA.) หากรถเรากำลังวิ่งอยู่แล้วได้ยินเสียงไซเร็นรถฉุกเฉินวิ่งมา เขาให้พยายามชิดซ้ายทันทีครับ ถึงแม้บางทีจะชิดซ้ายไม่ทันเพราะรถตำรวจวิ่งกันเร็วก็ตาม...
เห็นด้วยครับ แล้วเคยโดยคนแล้งน้ำใจเหมือนกันครับ
เป็นผมคงจะโทษทางรถไฟที่ไปอยู่ใต้ล้อ (โทษใครไม่ได้โทษวัตถุถาวรและไม่มีชีวิตซะเลย) 555
โทษคนกดไม้กั้น ดันมา กดตอนนี้ โทษรถไฟดันจะผ่านตอนนี้ โทษตำรวจ ดันติดไฟแดงตอนนี้ โทษรถเบ็นซ์ที่มาอยู่ข้างหน้าตอนนี้
โทษรถคันอื่นดันมาร่วมทางตอนนี้ โทษทุกอย่างที่ทำให้มีวันนี้ ยกเว้นโทษตัวเอง เพราะมองไม่เห็นความผิดตัวเอง ว่าได้ทำผิดกฏจราจร
เพราะว่านิดหน่อย อีกหน่อย ขอหน่อย การกระทำที่มักง่าย และเห็นแก่ตัวพวกนี้ มันเป็นบ่อเกิดปัญหา
การที่เราขับรถต้องสามารถพิจารณาได้ว่าข้างหน้าเรามีสถาณการณ์อย่างไง เช่นที่เกิดเหตุ แสดงว่าอีซุซุเข้าไปเพราะไม่อยากรถติดหลังไม้กั้นใช่หรือไม่ และเบ็นซ์ก็ไม่ได้ทำผิดกฏ เพราะว่าพ้นไม้กั้นไปแล้วใช่หรือไม่ ถ้าเช่นนั้น การที่อีซุซุจะจอดหลังไม้กั้น ก็คงไม่ถูกคันหลังด่าตามมาใช่หรือไม่
ในเมื่อคุณเห็นแก่ตัว ใยคุณถึงไปหวังน้ำใจจากผู้อื่นเล่า
น้ำใจมันบังคับไม่ได้ แต่กฏกติกามันต้องกระทำ

และรถเบ็นซ์ถ้าไม่มีน้ำใจจริงๆ คงได้แจกสารตะกั่ว ไปแล้ว ถ้าเป็นคนอื่นที่นิสัยไม่ดี คงจะมีการ ตบด้วยปืน ยิงด้วยปืน ฯลฯ ไปแล้ว

ด้วยความเครพ

ุถูกใจ+1ครับ
เห็นด้วยกับความเห็นด้านบนครับ ขับรถก็ต้องเว้นระยะห่างให้เกิดความปลอดภัยอยู่แล้ว นี่ขนาดข้ามทางรถไฟยัง"เจือก"ตามไปแปะก้นเค้าอีก ผิดเต็มๆครับ ผิดแล้วยังมาเห็นแก่ตัวเที่ยวพาลคนอื่นที่เต้าทำถูกกฏอีก สันดานจริงๆครับ ส่วนเรื่องพกพาอาวุธปืนอันนี้ก็อยู่ที่ดุลพินิจแต่เชื่อว่ามีเพื่อป้องกันตัวจริงๆ เพราะถ้าเป็นคนร้ายหรือคนที่มีนิสัยร้ายกาจคงตายคู่ไปแล้ว ไม่เข้าใจว่าทำไมคนแบบนี้จึงยังมีชีวิตอยู่จนแก่เฒ่ามีลูกมีหลลานได้ คงเจอแต่คนจิตใจดีไม่อาฆาตมาดร้ายจึงรอดตัวมาได้ตลอด อ่านแล้วยังเคืองแทนเลย ขอให้ผมอย่าเจอคนแบบนี้เลย..สาธุ
ทุกวันนี้มันแปลกๆครับ สังคมเปิดรับฟังคนผิดมากขึ้นเรื่อยๆ กลายเป็นว่าพออรุ่มอร่วยให้ "ทำผิด" ได้ ก็ยอมๆกันไปไม่ว่ากัน พอทำแล้วไม่เห็นมีใครว่า เลยพาลคิดว่าไม่เป็นความผิด ทำได้ก็จะทำอีก ทำมากขึ้น เพิ่มขึ้น หนักขึ้นเรื่อยๆ เรื่องความมักง่าย-เห็นแก่ตัวในการใช้ถนนจะมีให้เห็นบ่อยสุดๆ ยูเทิร์นไกลก็วิ่งเลาะไหล่ทางสวนช่องทางเดินรถมาเรื่อยๆ แรกๆก็ จยย.ทำเดี๋ยวนี้แม้แต่รถยนต์ก็ยังทำ รถที่เค้ามาถูกทางก็เลยต้องหลบ ไม่หลบก็ไม่มีน้ำใจว่างั้น แล้วถ้าหลบหักไปเฉี่ยวชนรถในช่องทางเดินรถอื่นล่ะ ติดไฟแดงอยู่เหลี่ยวซ้ายแลขวาไม่มีรถหรือรถวิ่มาห่างๆ ไม่มีตำรวจ ก็ฝ่าไฟแดง ข้ามแยก-ยูเทิร์น ตัดหน้ารถที่เค้าได้ไฟเขียวปกติ เห็นประจำ พวกนี้เจอผมจะบีบแตรชี้หน้าด่าเผื่อมันจะละอายขึ้นมาบ้างสักนิด ทำยังกับรีบ ออกไฟเขียวมาสักพักก็เห็นขี่ช้าแช่ขวาอยู่ข้างหน้าให้เราต้องแซงซ้ายอีก...เหนื่อยจะด่า


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: Major ที่ กุมภาพันธ์ 15, 2010, 01:42:49 PM
เคยเห็นภาษิตท้ายรถสิบล้อว่าใว้ว่า "ทำอะไรๆตามใจฉันคือไทยแท้"

ผมก็เคยเห็นว่า -หัวล้านห้ามแซง- มันเกี่ยวไรกัน
แต่ผมเห็นแล้วเก็บอาการไม่อยู่ขำกร๊ากๆๆๆๆ

เคยเห็นผ่านตาครับ แต่มีอีกแบบ เจอ รถช้า ขับแซง อ่านเห็น เจ็ปแปร๊บ

"ถ้าคิดว่าเป็นน้องเขย  ก็แซงได้เลยพี่เมีย"

ขับเลยไปได้หน่อย นึกได้ เราไม่มีน้องสาวนี่หว่า ::005:: ::005:: ::005:: ::010::

ด้วยความเคารพครับ

ปล.ออกนอกประเด็นไปหน่อยนะครับ ท่าน จขกท.คงไม่ว่ากัน เพราะติดตามอ่านมาหลายหน้า เครียดครับ เครียด :<><>


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: ti. ที่ กุมภาพันธ์ 15, 2010, 02:24:14 PM
เห็นด้วยกับความเห็นด้านบนครับ ขับรถก็ต้องเว้นระยะห่างให้เกิดความปลอดภัยอยู่แล้ว นี่ขนาดข้ามทางรถไฟยัง"เจือก"ตามไปแปะก้นเค้าอีก ผิดเต็มๆครับ ผิดแล้วยังมาเห็นแก่ตัวเที่ยวพาลคนอื่นที่เต้าทำถูกกฏอีก สันดานจริงๆครับ ส่วนเรื่องพกพาอาวุธปืนอันนี้ก็อยู่ที่ดุลพินิจแต่เชื่อว่ามีเพื่อป้องกันตัวจริงๆ เพราะถ้าเป็นคนร้ายหรือคนที่มีนิสัยร้ายกาจคงตายคู่ไปแล้ว ไม่เข้าใจว่าทำไมคนแบบนี้จึงยังมีชีวิตอยู่จนแก่เฒ่ามีลูกมีหลลานได้ คงเจอแต่คนจิตใจดีไม่อาฆาตมาดร้ายจึงรอดตัวมาได้ตลอด อ่านแล้วยังเคืองแทนเลย ขอให้ผมอย่าเจอคนแบบนี้เลย..สาธุ

ถ้าเป็นผู้หมวดเจอเอง จะทำอย่างไรคะ

ทุกวันนี้มันแปลกๆครับ สังคมเปิดรับฟังคนผิดมากขึ้นเรื่อยๆ กลายเป็นว่าพออรุ่มอร่วยให้ "ทำผิด" ได้ ก็ยอมๆกันไปไม่ว่ากัน พอทำแล้วไม่เห็นมีใครว่า เลยพาลคิดว่าไม่เป็นความผิด ทำได้ก็จะทำอีก ทำมากขึ้น เพิ่มขึ้น หนักขึ้นเรื่อยๆ เรื่องความมักง่าย-เห็นแก่ตัวในการใช้ถนนจะมีให้เห็นบ่อยสุดๆ ยูเทิร์นไกลก็วิ่งเลาะไหล่ทางสวนช่องทางเดินรถมาเรื่อยๆ แรกๆก็ จยย.ทำเดี๋ยวนี้แม้แต่รถยนต์ก็ยังทำ รถที่เค้ามาถูกทางก็เลยต้องหลบ ไม่หลบก็ไม่มีน้ำใจว่างั้น แล้วถ้าหลบหักไปเฉี่ยวชนรถในช่องทางเดินรถอื่นล่ะ ติดไฟแดงอยู่เหลี่ยวซ้ายแลขวาไม่มีรถหรือรถวิ่มาห่างๆ ไม่มีตำรวจ ก็ฝ่าไฟแดง ข้ามแยก-ยูเทิร์น ตัดหน้ารถที่เค้าได้ไฟเขียวปกติ เห็นประจำ พวกนี้เจอผมจะบีบแตรชี้หน้าด่าเผื่อมันจะละอายขึ้นมาบ้างสักนิด ทำยังกับรีบ ออกไฟเขียวมาสักพักก็เห็นขี่ช้าแช่ขวาอยู่ข้างหน้าให้เราต้องแซงซ้ายอีก...เหนื่อยจะด่า

จำได้ค่ะ คราวที่แล้วเจอมอเตอร์ไซค์ใหญ่ ก็เกือบไปค่ะ


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: ti. ที่ กุมภาพันธ์ 15, 2010, 02:27:40 PM
ยังอยากได้ความเห็นเพิ่มเติมอีกค่ะ เพิ่งได้ความเห็นของผู้หมวดผู้พิทักษ์สันติราษร์

แต่อุ้มอยากทราบความเห็นของสมาชิกคนอื่นอีกค่ะ เพราะที่นี่คือเว็บไซต์ปืนที่มีวัฒนธรรมดีที่สุดในประเทศไทยค่ะ


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 15, 2010, 02:41:29 PM
ยังอยากได้ความเห็นเพิ่มเติมอีกค่ะ เพิ่งได้ความเห็นของผู้หมวดผู้พิทักษ์สันติราษร์

แต่อุ้มอยากทราบความเห็นของสมาชิกคนอื่นอีกค่ะ เพราะที่นี่คือเว็บไซต์ปืนที่มีวัฒนธรรมดีที่สุดในประเทศไทยค่ะ

1. ถ้าโดนแผงกั้นรถไฟหย่อนใส่หน้ารถ ผมไปโดวย จนท. รถไฟก่อน

2. ถ้าติดที่คับขันแล้วมีรถขวางหน้า ผมบีบแตร แล้วถ้าไม่ขยับก็พยายามเบี่ยงหลบ

3. ถ้าคันหลังที่อยู่ในที่คับขันบีบแตรไล่ จะพยายามขยับให้ครับ

ไม่คิดไปปาดหน้าหาเรื่อง หรือลงมาีเรื่องครับ พูดตรงๆ ว่า ขี้เกียจไปแลก/มีเรื่องด้วยครับ

ผมขับรถมาตั้งแต่ 18 ไม่มีปัญหาปวดหัวกับคนอื่นตามถนนครับ ตอนนี้เป็น จนท.แบบมีปืนครับ

ปล. ในทางปฏิบัติชีวิตอาจจะยุ่งกว่าเดิม ผมเคยได้ข่าวเรื่องหน้า ม. ชื่อดังเมื่อหลายปีมาแล้ว รถสองคันมีเรื่องกัน ไม่ทราบสาเหตุ แต่มีเรื่องกันลงมาทั้งคู่ คนผู้ใหญ่เดินเข้าไป เด็กถอยหลังควักสเปรย์พริกไทยฉีดใส่หน้า คนผู้ใหญ่เป็นเจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังมาจัดขบวนเสด็จ เด็กเป็นลูกคนใหญ่คนโต สุดท้ายยอมความกัน


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: Choro - รักในหลวง ที่ กุมภาพันธ์ 15, 2010, 03:22:20 PM
+ 1 ให้ผู้หมวดอีกครั้งครับ  ::014::  เรื่องนี้ผมเห็นต้องกับคุณครับ

 ส่วนตัวผมจะเป็นคนระวังอยู่แล้วครับ ไม่ว่าทางรถไฟ เส้นกาบาท สี่หรือสามแยก  ไม่อยากเป็นปัญหา

 เรื่องมีปืนแล้วไม่ยิงผมว่าเค้าระงับอารมณ์ได้ดีครับ เป็นพวกทรามอย่างผมคงฮาไปแล้วแต่ก็คงเป็นไปไม่ได้

 เพราะผมไม่พกปืนครับ 

 เมื่อก่อนเป็นลูกจ้างเค้า บอกหัวหน้าก่อนเลยครับว่า อยู่ไหนก็ได้ยกเว้นกรุงเทพฯ เพราะไม่ชอบนิสัยคนกรุงที่ขี้กลัว

 กลัวไม่ได้ไป กลัวไม่ได้กิน กลัวจะน้อยหน้า กลัวจะช้ากว่าคนอื่น

 


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: ti. ที่ กุมภาพันธ์ 15, 2010, 03:57:50 PM
+ 1 ให้ผู้หมวดอีกครั้งครับ  ::014::  เรื่องนี้ผมเห็นต้องกับคุณครับ

 ส่วนตัวผมจะเป็นคนระวังอยู่แล้วครับ ไม่ว่าทางรถไฟ เส้นกาบาท สี่หรือสามแยก  ไม่อยากเป็นปัญหา

 เรื่องมีปืนแล้วไม่ยิงผมว่าเค้าระงับอารมณ์ได้ดีครับ เป็นพวกทรามอย่างผมคงฮาไปแล้วแต่ก็คงเป็นไปไม่ได้

 เพราะผมไม่พกปืนครับ 

 เมื่อก่อนเป็นลูกจ้างเค้า บอกหัวหน้าก่อนเลยครับว่า อยู่ไหนก็ได้ยกเว้นกรุงเทพฯ เพราะไม่ชอบนิสัยคนกรุงที่ขี้กลัว

 กลัวไม่ได้ไป กลัวไม่ได้กิน กลัวจะน้อยหน้า กลัวจะช้ากว่าคนอื่น

 

ตามสีแดง ถ้าเป็นคุณ ChoRo จะใช้อาวุธปืนกับคนขับรถกะบะใช่ไหมคะ


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: Middle ที่ กุมภาพันธ์ 15, 2010, 04:37:40 PM
ง่าย ๆ ครับ ทำตามกฏจราจรอย่างเคร่งครัดซะก็หมดเรื่องครับคุณอุ้ม....
...ผมเองขับรถที่เมืองไทยก็เห็นอยู่บ่อย ๆ ว่าเวลาที่สัญญานไฟเหลืองติดขึ้นแทนที่คนขับจะชลอรถดันกลับเร่งคันเร่งซะนี่...เคราะห์หามยามซวยไปเจอรถที่รอติดไฟแดงที่ใจร้อนที่รีบออกตัวเข้าก็ประสานงากันไป... ::012::
อีกอย่างก็คล้าย ๆ กับกรณีของคุณสุภาพสตรีที่ขับรถอีซูซุนี่แหละครับ พอสัญญานเตือนของรถไฟกำลังมามาแทนที่จะชลอรถดั๊นกลับเร่งคันเร่งเพื่อให้ข้ามทางรถไฟเร็ว ๆ ซะนี่ .. โชคดีข้ามได้ก็บุญไป หากข้ามไปไม่ได้ก็ซวยไปเหมือนกับข่าวที่รถยนต์ที่ถูกรถไฟชนเอาบ่อย ๆ ..  ::012::

สงสัยว่าคงไปเรียนขับรถจากอินเดียหรือไม่ก็เวียตนามมาหรือเปล่าก็ไม่รู้... ;D



หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: KCharng ที่ กุมภาพันธ์ 15, 2010, 04:46:39 PM
การอ่านกระทู้แบบนี้ ทุกคนต้องหาจุดยืนเองครับ เพราะแทบไม่มีใครอยู่ในเหตุการนั้นทั้งนั้น
ความเห็นของแต่ละท่านนัน จะผิดหรือถูกก็ไม่ว่ากัน แต่ขอให้แสดงออกมาอย่างเปิดเผิย
เพื่อแสดงให้เห็นถึงข้อคิดต่างๆจากหลายๆแง่มุม จะมาสรุปเป็นความเห็นเอกฉันท์ของเวป อวป. ไม่ได้ครับ

การเขียนแบบมีนัยแอบแฝง หรือเพื่อชี้นำไม่ได้เป็นสิ่งดีครับ ไม่ใช่วิสัยที่ดีงามของเวปนี้
การงดออกความเห็นและมัวแต่มานั่งจับผิด วิจารณ์ ความเห็นของคนอื่นฝ่ายเดียว
มันส่ออะไรหลายๆอย่างนะครับ

สู้คุณออกมาออกความเห็นแบบเปิดเผิย ว่ารู้สึกกับเหตุการนี้อย่างไรจะดีกว่านะครับ

+ 1 ให้ผู้หมวดอีกครั้งครับ  ::014::  เรื่องนี้ผมเห็นต้องกับคุณครับ

 ส่วนตัวผมจะเป็นคนระวังอยู่แล้วครับ ไม่ว่าทางรถไฟ เส้นกาบาท สี่หรือสามแยก  ไม่อยากเป็นปัญหา

 เรื่องมีปืนแล้วไม่ยิงผมว่าเค้าระงับอารมณ์ได้ดีครับ เป็นพวกทรามอย่างผมคงฮาไปแล้วแต่ก็คงเป็นไปไม่ได้

 เพราะผมไม่พกปืนครับ 

 เมื่อก่อนเป็นลูกจ้างเค้า บอกหัวหน้าก่อนเลยครับว่า อยู่ไหนก็ได้ยกเว้นกรุงเทพฯ เพราะไม่ชอบนิสัยคนกรุงที่ขี้กลัว

 กลัวไม่ได้ไป กลัวไม่ได้กิน กลัวจะน้อยหน้า กลัวจะช้ากว่าคนอื่น

 

ตามสีแดง ถ้าเป็นคุณ ChoRo จะใช้อาวุธปืนกับคนขับรถกะบะใช่ไหมคะ


ยังอยากได้ความเห็นเพิ่มเติมอีกค่ะ เพิ่งได้ความเห็นของผู้หมวดผู้พิทักษ์สันติราษร์

แต่อุ้มอยากทราบความเห็นของสมาชิกคนอื่นอีกค่ะ เพราะที่นี่คือเว็บไซต์ปืนที่มีวัฒนธรรมดีที่สุดในประเทศไทยค่ะ


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: your-ประชาธิปไตย ที่ กุมภาพันธ์ 15, 2010, 05:01:45 PM
เห็นด้วยกับความเห็นด้านบนครับ ขับรถก็ต้องเว้นระยะห่างให้เกิดความปลอดภัยอยู่แล้ว นี่ขนาดข้ามทางรถไฟยัง"เจือก"ตามไปแปะก้นเค้าอีก ผิดเต็มๆครับ ผิดแล้วยังมาเห็นแก่ตัวเที่ยวพาลคนอื่นที่เต้าทำถูกกฏอีก สันดานจริงๆครับ ส่วนเรื่องพกพาอาวุธปืนอันนี้ก็อยู่ที่ดุลพินิจแต่เชื่อว่ามีเพื่อป้องกันตัวจริงๆ เพราะถ้าเป็นคนร้ายหรือคนที่มีนิสัยร้ายกาจคงตายคู่ไปแล้ว ไม่เข้าใจว่าทำไมคนแบบนี้จึงยังมีชีวิตอยู่จนแก่เฒ่ามีลูกมีหลลานได้ คงเจอแต่คนจิตใจดีไม่อาฆาตมาดร้ายจึงรอดตัวมาได้ตลอด อ่านแล้วยังเคืองแทนเลย ขอให้ผมอย่าเจอคนแบบนี้เลย..สาธุ

ถ้าเป็นผู้หมวดเจอเอง จะทำอย่างไรคะ

ทุกวันนี้มันแปลกๆครับ สังคมเปิดรับฟังคนผิดมากขึ้นเรื่อยๆ กลายเป็นว่าพออรุ่มอร่วยให้ "ทำผิด" ได้ ก็ยอมๆกันไปไม่ว่ากัน พอทำแล้วไม่เห็นมีใครว่า เลยพาลคิดว่าไม่เป็นความผิด ทำได้ก็จะทำอีก ทำมากขึ้น เพิ่มขึ้น หนักขึ้นเรื่อยๆ เรื่องความมักง่าย-เห็นแก่ตัวในการใช้ถนนจะมีให้เห็นบ่อยสุดๆ ยูเทิร์นไกลก็วิ่งเลาะไหล่ทางสวนช่องทางเดินรถมาเรื่อยๆ แรกๆก็ จยย.ทำเดี๋ยวนี้แม้แต่รถยนต์ก็ยังทำ รถที่เค้ามาถูกทางก็เลยต้องหลบ ไม่หลบก็ไม่มีน้ำใจว่างั้น แล้วถ้าหลบหักไปเฉี่ยวชนรถในช่องทางเดินรถอื่นล่ะ ติดไฟแดงอยู่เหลี่ยวซ้ายแลขวาไม่มีรถหรือรถวิ่มาห่างๆ ไม่มีตำรวจ ก็ฝ่าไฟแดง ข้ามแยก-ยูเทิร์น ตัดหน้ารถที่เค้าได้ไฟเขียวปกติ เห็นประจำ พวกนี้เจอผมจะบีบแตรชี้หน้าด่าเผื่อมันจะละอายขึ้นมาบ้างสักนิด ทำยังกับรีบ ออกไฟเขียวมาสักพักก็เห็นขี่ช้าแช่ขวาอยู่ข้างหน้าให้เราต้องแซงซ้ายอีก...เหนื่อยจะด่า

จำได้ค่ะ คราวที่แล้วเจอมอเตอร์ไซค์ใหญ่ ก็เกือบไปค่ะ
+ 1 ให้ผู้หมวดอีกครั้งครับ  ::014::  เรื่องนี้ผมเห็นต้องกับคุณครับ

 ส่วนตัวผมจะเป็นคนระวังอยู่แล้วครับ ไม่ว่าทางรถไฟ เส้นกาบาท สี่หรือสามแยก  ไม่อยากเป็นปัญหา

 เรื่องมีปืนแล้วไม่ยิงผมว่าเค้าระงับอารมณ์ได้ดีครับ เป็นพวกทรามอย่างผมคงฮาไปแล้วแต่ก็คงเป็นไปไม่ได้

 เพราะผมไม่พกปืนครับ 

 เมื่อก่อนเป็นลูกจ้างเค้า บอกหัวหน้าก่อนเลยครับว่า อยู่ไหนก็ได้ยกเว้นกรุงเทพฯ เพราะไม่ชอบนิสัยคนกรุงที่ขี้กลัว

 กลัวไม่ได้ไป กลัวไม่ได้กิน กลัวจะน้อยหน้า กลัวจะช้ากว่าคนอื่น

 

ตามสีแดง ถ้าเป็นคุณ ChoRo จะใช้อาวุธปืนกับคนขับรถกะบะใช่ไหมคะ
ต้องการอะไรหรือครับ...คำตอบหรือ แบบฟันธงหรือ หรืออยากได้ยินว่าจะต้องยิงกันให้ตาย มันไม่มีอะไรแน่นอนหรอกครับ มันขึ้นกับเหตุและปัจจัย ถ้าผมเป็นคันที่ขวางแล้วมีรถคันหลังมาต่อท้ายคร่อมรางอยู่ บนรางมีรถไฟกำลังพุ่งเข้ามา ผมไม่รอให้ต้องมาเคาะกระจกบอกหรอกครับ จะพยายามหาทางเบี่ยงรถออกไปเพื่อเปิดทางให้ แต่ถ้าไม่ได้จริงๆเพราะติดคันหน้าหรือติดทั้งหน้าทั้งทางข้างติดยาวไปหมดไม่พ้นแน่ๆ ผมจะไปพาผู้โดยสารในรถออกมาก่อน แล้ววิ่งไปแจ้งคนควบคุมไม้ขวาง พยายามไม่ให้เกิดความเสียหายหรือให้เสียหายน้อยที่สุด เชื่อว่ารถไฟน่าจะชลอหรือเบรคได้ทันถ้ามันสุดวิสัยจริงๆ (เพราะเคยเห็นรถไฟชลอให้รถที่ขวางบนรางแถวยมราช) เสร็จแล้วแจ้งให้ จนท.เอาตัวคนขับรถคันหลังไปโรงพัก ปรับแบบเต็มอัตรา


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: ti. ที่ กุมภาพันธ์ 15, 2010, 05:03:36 PM
ต้องการอะไรหรือครับ...คำตอบหรือ แบบฟันธงหรือ หรืออยากได้ยินว่าจะต้องยิงกันให้ตาย มันไม่มีอะไรแน่นอนหรอกครับ มันขึ้นกับเหตุและปัจจัย ถ้าผมเป็นคันที่ขวางแล้วมีรถคันหลังมาต่อท้ายคร่อมรางอยู่ บนรางมีรถไฟกำลังพุ่งเข้ามา ผมไม่รอให้ต้องมาเคาะกระจกบอกหรอกครับ จะพยายามหาทางเบี่ยงรถออกไปเพื่อเปิดทางให้ แต่ถ้าไม่ได้จริงๆเพราะติดคันหน้าหรือติดทั้งหน้าทั้งทางข้างติดยาวไปหมดไม่พ้นแน่ๆ ผมจะไปพาผู้โดยสารในรถออกมาก่อน แล้ววิ่งไปแจ้งคนควบคุมไม้ขวาง พยายามไม่ให้เกิดความเสียหายหรือให้เสียหายน้อยที่สุด เชื่อว่ารถไฟน่าจะชลอหรือเบรคได้ทันถ้ามันสุดวิสัยจริงๆ (เพราะเคยเห็นรถไฟชลอให้รถที่ขวางบนรางแถวยมราช) เสร็จแล้วแจ้งให้ จนท.เอาตัวคนขับรถคันหลังไปโรงพัก ปรับแบบเต็มอัตรา

ขอบคุณค่ะ


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: ti. ที่ กุมภาพันธ์ 15, 2010, 05:13:49 PM
เห็นใจคนขับรถเก๋งจริงๆครับ และขอยอมรับว่าใจเย็นมากๆครับ
เรื่องกฎหมายจราจรนั้น คนขับกระบะนั้นทำผิดกฏจราจรเต็มๆครับ

แต่พอผิดแล้วไม่รู้จักผิด เป็นเรื่องที่ผมยอมรับยากจริงๆครับ
เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับน้ำใจ เพราะสามารถมองกลับกันได้ครับ และวิธกการขอทางก็ห่วยสิ้นดี

เมื่อเขาพร้อมที่จะทำผิด ก็พลานเอาคนอื่นเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยครับ โทษคนอื่น
แบบนี้เขาเรียกว่าพวกทรามครับ

เข้ามาอ่านต่อครับ น่าแปลกใจจริงๆครับ ว่ามันมีอีกหลายๆมุมมองที่สามารถสุดขั้วได้ขนาดนี้
ก่อนอื่นผมคิดอยู่เสมอว่า การมีเรื่องบนท้องถนนนี่มันยิ่งกว่าโง่อีกครับ เรื่องเล็กๆน้อยๆ หรือแม้จะเรื่องใหญ่ๆ อะไรปล่อยได้ก็ปล่อย
ชนะก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา ......

แต่ถ้าเกิดเรื่องเล็กๆน้อยๆแบบนี้บนท้องถนน ซึ่งตามข่าวแล้วมิได้เป็นการเสี่ยงต่อชีวิต แต่กลับไปตีความว่า

"ไปพยายามฆ่า"  "สมควรตาย"  ..... ข้อความ อีกต่างๆนาๆ ที่เหมือนจะไม่ขาวก็ดำ

ความคิดในวงแคบแบบนี้ เหมือนสะสมคความโกรธที่มีแต่จะมองสังคมในแง่ร้ายตลอด เหมือนกองฝืนที่พร้อมจะลุกใหม้
เมื่อเกิดเหตุเล็กๆน้อยๆบนท้องถนน ก็ลามจนควบคุมความโกรธไม่อยู่
เหมือนการไปลงมือทำร้ายเขาก่อน เมื่อคนอื่นไม่ให้ความร่วมมือ หรือ ไม่สามารถทำได้ ก็สุดแล้วแต่ เพราะไม่สามารถสรุปได้

ผมตามอ่านมาก็นาๆจิตตังครับ คนขับเก๋งไม่ได้คิดมากถึงขนาดพยายามฆ่าและอาจทำให้ประมาทเกินไป
แต่โชคดีมีขันติและสติที่จะไม่ใช้อาวุธเกินกว่าเหตุ และไม่ได้เอามาแสดงโอ้อวด แต่ดันโง่ไปแสดงความบริสุทธิ์เมื่อถูกซักถาม

กระทู้นี้ได้ประโยชน์สำหรับผมครับว่า มันมีแง่ของความคิดที่เราอาจว่าเป็นเรื่องเล็กๆ จนอาจประมาทเกินไปครับ

การอ่านกระทู้แบบนี้ ทุกคนต้องหาจุดยืนเองครับ เพราะแทบไม่มีใครอยู่ในเหตุการนั้นทั้งนั้น
ความเห็นของแต่ละท่านนัน จะผิดหรือถูกก็ไม่ว่ากัน แต่ขอให้แสดงออกมาอย่างเปิดเผิย
เพื่อแสดงให้เห็นถึงข้อคิดต่างๆจากหลายๆแง่มุม จะมาสรุปเป็นความเห็นเอกฉันท์ของเวป อวป. ไม่ได้ครับ

การเขียนแบบมีนัยแอบแฝง หรือเพื่อชี้นำไม่ได้เป็นสิ่งดีครับ ไม่ใช่วิสัยที่ดีงามของเวปนี้
การงดออกความเห็นและมัวแต่มานั่งจับผิด วิจารณ์ ความเห็นของคนอื่นฝ่ายเดียว
มันส่ออะไรหลายๆอย่างนะครับ

สู้คุณออกมาออกความเห็นแบบเปิดเผิย ว่ารู้สึกกับเหตุการนี้อย่างไรจะดีกว่านะครับ  

รู้สึกว่าทำตัวไม่ถูกค่ะ ไม่ว่าจะเป็นคนไหนในเหตุการณ์ ถึงได้มาถามคนอื่นไงคะ

สำหรับคุณ ไม่ต้องออกมาตอบก็ได้ค่ะ เพราะตอบมาแล้ว ตอบใหม่ซ้ำแบบเดิม วนเหมือนเดิมค่ะ

คุณหลงประเด็นและคิดมากค่ะ คนที่ไม่รู้ก็ถามเพราะอยากรู้ว่าคนส่วนใหญ่เขาคิดอย่างไร ไม่คิดจะจับผิดใครหรอก ลองอ่านย้อนกลับขึ้นไปข้างบนนะคะว่าดิฉันว่าใครผิดบ้าง


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: KCharng ที่ กุมภาพันธ์ 15, 2010, 05:33:22 PM
ก็อปเก็บไว้บ้างครับ 
คงไม่เข้าใจคำว่าชี้นำ หรือแอบแฝงนะครับ

สำหรับคุณ ไม่ต้องคอยมา highlight ความคืดเห็นของคนอืนที่เน้นแสดงแต่ความรุณแรงก็ได้ครับ
ทำแบบเดิมๆ ไปเรื่อยๆแบบนี้มันซ้ำซากครับ

ออกมาเขียนเลยว่ารู้สึกอย่างไรจะน่าอ่านกว่าครับ

ยกกระทู้ค่ะ อุ้มอยากทราบความเห็นของคนเล่นปืนที่เว็บไซต์ใหญ่ที่สุด และน่าเชื่อถือที่สุดของประเทศไทยค่ะ

เห็นด้วยกับความเห็นด้านบนครับ ขับรถก็ต้องเว้นระยะห่างให้เกิดความปลอดภัยอยู่แล้ว นี่ขนาดข้ามทางรถไฟยัง"เจือก"ตามไปแปะก้นเค้าอีก ผิดเต็มๆครับ ผิดแล้วยังมาเห็นแก่ตัวเที่ยวพาลคนอื่นที่เต้าทำถูกกฏอีก สันดานจริงๆครับ ส่วนเรื่องพกพาอาวุธปืนอันนี้ก็อยู่ที่ดุลพินิจแต่เชื่อว่ามีเพื่อป้องกันตัวจริงๆ เพราะถ้าเป็นคนร้ายหรือคนที่มีนิสัยร้ายกาจคงตายคู่ไปแล้ว ไม่เข้าใจว่าทำไมคนแบบนี้จึงยังมีชีวิตอยู่จนแก่เฒ่ามีลูกมีหลลานได้ คงเจอแต่คนจิตใจดีไม่อาฆาตมาดร้ายจึงรอดตัวมาได้ตลอด อ่านแล้วยังเคืองแทนเลย ขอให้ผมอย่าเจอคนแบบนี้เลย..สาธุ

ถ้าเป็นผู้หมวดเจอเอง จะทำอย่างไรคะ


ยังอยากได้ความเห็นเพิ่มเติมอีกค่ะ เพิ่งได้ความเห็นของผู้หมวดผู้พิทักษ์สันติราษร์

แต่อุ้มอยากทราบความเห็นของสมาชิกคนอื่นอีกค่ะ เพราะที่นี่คือเว็บไซต์ปืนที่มีวัฒนธรรมดีที่สุดในประเทศไทยค่ะ


+ 1 ให้ผู้หมวดอีกครั้งครับ  ::014::  เรื่องนี้ผมเห็นต้องกับคุณครับ

 ส่วนตัวผมจะเป็นคนระวังอยู่แล้วครับ ไม่ว่าทางรถไฟ เส้นกาบาท สี่หรือสามแยก  ไม่อยากเป็นปัญหา

 เรื่องมีปืนแล้วไม่ยิงผมว่าเค้าระงับอารมณ์ได้ดีครับ เป็นพวกทรามอย่างผมคงฮาไปแล้วแต่ก็คงเป็นไปไม่ได้

 เพราะผมไม่พกปืนครับ 

 เมื่อก่อนเป็นลูกจ้างเค้า บอกหัวหน้าก่อนเลยครับว่า อยู่ไหนก็ได้ยกเว้นกรุงเทพฯ เพราะไม่ชอบนิสัยคนกรุงที่ขี้กลัว

 กลัวไม่ได้ไป กลัวไม่ได้กิน กลัวจะน้อยหน้า กลัวจะช้ากว่าคนอื่น

 

ตามสีแดง ถ้าเป็นคุณ ChoRo จะใช้อาวุธปืนกับคนขับรถกะบะใช่ไหมคะ


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: ti. ที่ กุมภาพันธ์ 15, 2010, 05:49:24 PM
ก็อปเก็บไว้บ้างครับ 
คงไม่เข้าใจคำว่าชี้นำ หรือแอบแฝงนะครับ

สำหรับคุณ ไม่ต้องคอยมา highlight ความคืดเห็นของคนอืนที่เน้นแสดงแต่ความรุณแรงก็ได้ครับ
ทำแบบเดิมๆ ไปเรื่อยๆแบบนี้มันซ้ำซากครับ

ออกมาเขียนเลยว่ารู้สึกอย่างไรจะน่าอ่านกว่าครับ

ยกกระทู้ค่ะ อุ้มอยากทราบความเห็นของคนเล่นปืนที่เว็บไซต์ใหญ่ที่สุด และน่าเชื่อถือที่สุดของประเทศไทยค่ะ

เห็นด้วยกับความเห็นด้านบนครับ ขับรถก็ต้องเว้นระยะห่างให้เกิดความปลอดภัยอยู่แล้ว นี่ขนาดข้ามทางรถไฟยัง"เจือก"ตามไปแปะก้นเค้าอีก ผิดเต็มๆครับ ผิดแล้วยังมาเห็นแก่ตัวเที่ยวพาลคนอื่นที่เต้าทำถูกกฏอีก สันดานจริงๆครับ ส่วนเรื่องพกพาอาวุธปืนอันนี้ก็อยู่ที่ดุลพินิจแต่เชื่อว่ามีเพื่อป้องกันตัวจริงๆ เพราะถ้าเป็นคนร้ายหรือคนที่มีนิสัยร้ายกาจคงตายคู่ไปแล้ว ไม่เข้าใจว่าทำไมคนแบบนี้จึงยังมีชีวิตอยู่จนแก่เฒ่ามีลูกมีหลลานได้ คงเจอแต่คนจิตใจดีไม่อาฆาตมาดร้ายจึงรอดตัวมาได้ตลอด อ่านแล้วยังเคืองแทนเลย ขอให้ผมอย่าเจอคนแบบนี้เลย..สาธุ

ถ้าเป็นผู้หมวดเจอเอง จะทำอย่างไรคะ


ยังอยากได้ความเห็นเพิ่มเติมอีกค่ะ เพิ่งได้ความเห็นของผู้หมวดผู้พิทักษ์สันติราษร์

แต่อุ้มอยากทราบความเห็นของสมาชิกคนอื่นอีกค่ะ เพราะที่นี่คือเว็บไซต์ปืนที่มีวัฒนธรรมดีที่สุดในประเทศไทยค่ะ


+ 1 ให้ผู้หมวดอีกครั้งครับ  ::014::  เรื่องนี้ผมเห็นต้องกับคุณครับ

 ส่วนตัวผมจะเป็นคนระวังอยู่แล้วครับ ไม่ว่าทางรถไฟ เส้นกาบาท สี่หรือสามแยก  ไม่อยากเป็นปัญหา

 เรื่องมีปืนแล้วไม่ยิงผมว่าเค้าระงับอารมณ์ได้ดีครับ เป็นพวกทรามอย่างผมคงฮาไปแล้วแต่ก็คงเป็นไปไม่ได้

 เพราะผมไม่พกปืนครับ 

 เมื่อก่อนเป็นลูกจ้างเค้า บอกหัวหน้าก่อนเลยครับว่า อยู่ไหนก็ได้ยกเว้นกรุงเทพฯ เพราะไม่ชอบนิสัยคนกรุงที่ขี้กลัว

 กลัวไม่ได้ไป กลัวไม่ได้กิน กลัวจะน้อยหน้า กลัวจะช้ากว่าคนอื่น

 

ตามสีแดง ถ้าเป็นคุณ ChoRo จะใช้อาวุธปืนกับคนขับรถกะบะใช่ไหมคะ

คุณเป็นคนที่เข้าใจประเด็นได้ยาก ใครคุยด้วยแล้วเผลอตอบโต้ด้วยคุณก็เล่นไม่เลิก

ที่เรียนถามผู้หมวดก็เพราะยังไม่เข้าใจความหมาย ท่านก็ตอบออกมาแล้วว่าแรกสุดช่วยคน จากนั้นบรรเทาความเสียหายให้น้อยที่สุด สุดท้ายคนทำผิดกฎจราจรก็โดนปรับอัตราสูงสุด

มีแต่คุณนั่นแหละยังคิดมากอยู่ดี ว่าจะมีใครชี้นำใครในเว็บนี้ได้ ก็คุณเองบอกว่าอ่านแล้วให้หาจุดยืนเอง อ่านแล้วคิดเอง คิดตามด้วยค่ะ อย่าให้ดิฉันชี้นำ


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 15, 2010, 05:54:52 PM
ที่จริงเล่นเวปบอร์ดก็คล้ายๆ การใช้ถนน

ผมถนัดกลับบ้านก่อน...   ลาทีวันจันทร์ เจอกันใหม่อาทิตย์หน้า


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: sa-ea-ba-รักในหลวง ที่ กุมภาพันธ์ 15, 2010, 06:06:14 PM
เป็นผมคงจะโทษทางรถไฟที่ไปอยู่ใต้ล้อ (โทษใครไม่ได้โทษวัตถุถาวรและไม่มีชีวิตซะเลย) 555
โทษคนกดไม้กั้น ดันมา กดตอนนี้ โทษรถไฟดันจะผ่านตอนนี้ โทษตำรวจ ดันติดไฟแดงตอนนี้ โทษรถเบ็นซ์ที่มาอยู่ข้างหน้าตอนนี้
โทษรถคันอื่นดันมาร่วมทางตอนนี้ โทษทุกอย่างที่ทำให้มีวันนี้ ยกเว้นโทษตัวเอง เพราะมองไม่เห็นความผิดตัวเอง ว่าได้ทำผิดกฏจราจร
เพราะว่านิดหน่อย อีกหน่อย ขอหน่อย การกระทำที่มักง่าย และเห็นแก่ตัวพวกนี้ มันเป็นบ่อเกิดปัญหา
การที่เราขับรถต้องสามารถพิจารณาได้ว่าข้างหน้าเรามีสถาณการณ์อย่างไง เช่นที่เกิดเหตุ แสดงว่าอีซุซุเข้าไปเพราะไม่อยากรถติดหลังไม้กั้นใช่หรือไม่ และเบ็นซ์ก็ไม่ได้ทำผิดกฏ เพราะว่าพ้นไม้กั้นไปแล้วใช่หรือไม่ ถ้าเช่นนั้น การที่อีซุซุจะจอดหลังไม้กั้น ก็คงไม่ถูกคันหลังด่าตามมาใช่หรือไม่
ในเมื่อคุณเห็นแก่ตัว ใยคุณถึงไปหวังน้ำใจจากผู้อื่นเล่า
น้ำใจมันบังคับไม่ได้ แต่กฏกติกามันต้องกระทำ

และรถเบ็นซ์ถ้าไม่มีน้ำใจจริงๆ คงได้แจกสารตะกั่ว ไปแล้ว ถ้าเป็นคนอื่นที่นิสัยไม่ดี คงจะมีการ ตบด้วยปืน ยิงด้วยปืน ฯลฯ ไปแล้ว

ด้วยความเครพ
ถูกใจครับ+1ให้ครับ ::002::
สำหรับผมเพิ่งเข้ามาอ่านกระทู้นี้แต่ก็ไม่ตะแบงถูไถเทใจให้กับพวกมักง่าย แล้วมาบอกว่าคนอื่นไม่มีน้ำใจมั่งล่ะ พยายามฆ่าบ้างล่ะ เห็นแก่ตัวว่าไม่ยอมหลบให้คนอื่นบ้างล่ะ ก็มันเล่นขับรถซะอย่างนั้น ทำอะไรดันไม่คิดรู้ทั้งรู้ว่าข้างหน้าเขารถติดไปไม่ได้ก็จะไป พอไปไม่พ้นก็ไปบีบแตรไล่เขาซะหน้าเกลียด ส่วนกรณีพกปืนไปด้วยผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าคนส่วนมากที่มีปืนใครไม่เคยพกไปมั่งครับ จะมาบอกว่าไม่มีใบพกๆไปได้ยังไงผิดกฎหมายซึ่งมันก็จริง แต่เนื้อข่าวเขาว่ามาแบบนั้นคนส่วนใหญ่เขาแค่ชื่นชมว่ามีสติ วุฒิภาวะพอที่จะไม่ทำอะไรโง่ๆไม่ได้ชื่นชมว่าเป็นฮีโร่ ซึ่งคนส่วนใหญ่ในเว็บนี้เท่าที่อ่านมาจนถึงหน้าที่ผมโพสข้อความนี้เขาก็ประณามคนขับรถกระบะกันทั้งนั้นแหล่ะครับ คิดว่าสังคมในเว็บนี้เขาตัดสินไปแล้วนะครับ อย่าตะแบงไปเลยครับ


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: Choro - รักในหลวง ที่ กุมภาพันธ์ 15, 2010, 06:11:43 PM
 ผมไม่ยิงครับเพราะผมไม่พกปืน เคยเขียนลงในเวปนี้หลายต่อหลายครั้งครับว่าผมไม่พก+ไม่พาปืิน+ไม่เอาปืนไปด้วย

 ปืนมีไว้พาผมกลับบ้านและเฝ้าบ้านเฝ้าสวนไม่ใช่มีไว้เพื่อไปนอนคุก  

 แล้วเรื่องอะไรจะย่อมให้ด่าฟรีๆ เรื่องอะไรต้องยอมให้เอาร่มมาทิ่มหน้าฟรีๆละครับ


. . .. . .. . . .ผมจะฟ้องเมียผมคับ  ::005::  ::005::

 


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: แสนสุข ที่ กุมภาพันธ์ 15, 2010, 06:16:08 PM
http://video.sanook.com/ (http://video.sanook.com/)นาทีชีวิต_ที่รอดหวุดหวิดจากรางรถไฟ-408673-player.html


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: KCharng ที่ กุมภาพันธ์ 15, 2010, 06:21:48 PM
ได้สติแล้วครับ ขอบคุณครับ :)

ที่จริงเล่นเวปบอร์ดก็คล้ายๆ การใช้ถนน

ผมถนัดกลับบ้านก่อน...   ลาทีวันจันทร์ เจอกันใหม่อาทิตย์หน้า


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: SA-KE ที่ กุมภาพันธ์ 15, 2010, 08:50:04 PM
..........

เรื่องนี้ ค่อนข้างน่าอายของชาวปืนด้วยซ้ำ ที่เราคนดี ๆ (หรือเท่าที่พยายาม ) ไม่อยากแสดงความเห็นมั่ว ๆ ออกไป แต่ก็ทำไปแล้ว

มั่วตรงไหน ก็คือ เรามีแต่เนื้อข่าวไม่กี่บรรทัด  และ ไม่มีใครอยู่ในเหตุการณ์นั้น แม้แต่คนเดียว  เรายังเอามาวิเคราะห์กันถึงเนื้อถึงกระดูก

.......

 :)

ชอบความคิดเห็นนี้มากที่สุดครับ  ขออนุญาต +1 ครับ ... ::002::

เท่าที่สังเกต เราเริ่มคุยเรื่องปืน เราจะเริ่มจากแน่ะนำเรื่อง "ความปลอดภัย "

เมื่อเริ่มยิงปืน เรายังมีขั้นตอนแน่ะนำ ก่อนลั่นกระสุนออกไป  ... ;)

แต่พอคุยเรื่องการขับรถ  ทำไม? ไม่เริ่มจาก "กฎ กติกา "  กันหล่ะครับ ??

รวมถึง "รถไฟ" ด้วยน่ะ... ??   สู้แถวบ้านผมไม่ได้    ::005::


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: Big Gunner-รักในหลวง- ที่ กุมภาพันธ์ 15, 2010, 11:58:08 PM
อยากคิดแบบนี้นะครับ :
ในสถานการณ์เดียวกัน คนเราคิดและแก้ปัญหาไม่เหมือนกันหรอกครับ ปัจเจกชนย่อมมีความแตกต่าง
ในส่วนของการใช้รถใช้ถนนนั้นพึงระลึกอยู่เสมอว่าไม่ควรละเมิดกฎจราจรหรือสัญญาเตือนภัย เพือความปลอดภัยของตนเองและผู้อื่น แต่หากเผลอเรอทำผิดกฎข้อหนึ่ง ก็ใช่ว่าจะต้องทำผิดกฎข้อสองด้วยนี่ครับ คนดีคนเลวมักถูกอารมณ์กำหนดให้เป็นไป ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบย่อมนำมาซึ่งความสุขความเจริญเป็นบุญกุศลยิ่งนัก ปฏิบัติไม่ดีปฏิบัติไม่ชอบย่อมนำมาซึ่งเภทภัย เป็นทุข์มหันต์ทีเดียว (ดีและชอบให้ยึดตามหลักศีลธรรมและกฎหมายนะครับ)

เกี่ยวกับรถไฟ
ในเขตเมืองน่าจะมุดลงไปวิ่งใต้ดิน หรือไม่ก็ยกสะพานลอยฟ้าได้เสียตั้งแล้ว


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: อ้วน 008 รักในหลวง ที่ กุมภาพันธ์ 16, 2010, 01:25:21 PM
กว่าผมจะอ่านมาถึงหน้าสุดท้าย.......ค้นพบตัวเองว่ามีหลากหลายอารมณ์ผ่านเข้ามาเหลือเกินครับ ::004::
ถ้า...เป็นผู้ชายในรถเก๋ง .......จะลงมายิงระบายความโกรธที่ถูกบีบแตรไล่.......แต่เอ๊ะ..ทำไม่ได้
ถ้า...เป็นผู้หญิงในปิคอัพ...ตายแล้วรถไฟมา.....พ่อ..ลูก..หลาน..เรา..ตายหมดแน่..บีบแตรแล้ว..ข้างหน้ายังใจดำ ต้องตบ
ถ้า...ข่าวนี้จริงครึ่งหนึ่งละ
ถ้า...ข่าวออกมาว่า รถไฟชนสยอง ตายคาปิคอัพ 5 ศพ
ถ้า...ข่าวกลายเป็น หนุ่มเลือดโหด ฆ่าเด็กและคนแก่...
         ฯลฯ
ด้วยความเคารพ เมื่ออารมณ์สงบเป็นของตนเองแล้วผมพบว่า หากไม่เกิดเหตุสุดวิสัยมากกว่านี้
-ถ้าผมเป็นชายในรถเก๋ง หากขยับรถไม่ได้จริง ตั้งแต่บีบแตรครั้งแรก ผมจะลงจากรถเพื่อช่วยอพยพคนในปิคอัพ
-แต่ถ้าเป็นผู้หญิง จวนตัวสุดๆแล้ว คงจะชวนกันหนีจากรถ เพื่อให้เสียหายน้อยที่สุดครับ
สรุปผมไม่แปลกใจเลยที่เราหลายคนในกระทู้นี้หลากหลายความคิดครับ เพราะผมคนเดียวยังจินตนาการแบบได้กลิ่นดินปืน หรือตบแล้วแทงซ้ำด้วยร่ม ขอให้เราทุกคนมาวิเคราะห์แบบที่กระทู้ตั้งใจให้ทำ อย่าเครียดกันครับ ::014::


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: your-ประชาธิปไตย ที่ กุมภาพันธ์ 16, 2010, 02:18:19 PM
แหมเรื่องไม่น่าเกิด  .. ก็อาจจะเกิด เราคนมีปืนพกพาติดรถติดราก็อาจพลอยเดือดร้อนไปได้

ลองวิเคราะห์กันดูครับ

++!!  สาวอัซูซุขับรถติดไฟแดงคล่อมรางรถไฟ กระหน่ำบีบแตรใส่หนุ่มเจ้าของรถเบ้นซ์ให้ขัยบแต่ยังไม่หลีกทางให้ เลยจอดรถตะลุมบอนกันกลางถนน ด้านตร.แจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายทั้งคู่
       
       เมื่อเวลา 13.00 น.วานนี้ (7 ก.พ.) ขณะที่ พ.ต.ท.จตุภูมิ รักษาภักดี พนักงานสอบสวน (สบ 2) สน.บางกอกน้อย กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่บนโรงพักก็ได้มี นายวุฒิชัย สามกองาม อายุ 67 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1100 ซอยจรัญสนิทวงศ์ 57 แขวงบางพลัด เขตบางพลัด กับ น.ส.สุทธินี สามกองาม อายุ 33 ปี ผู้เป็นลูกสาว เข้ามาแจ้งให้ดำเนินคดีกับ นายทักษิณ ประภัย อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 399/18 ถนนจรัญสนิทวงศ์ แขวงบางขุนศรี เขตบางกอกน้อย ในข้อหาทำร้ายร่างกาย
       
       นายวุฒิชัย กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุลูกสาวกับตนได้ขับรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ สีแดง หมายเลขทะเบียน ฌท-6971 กทม.ไปรับหลานที่ย่านบางขุนนนท์ เพื่อไปทำบุญที่วัดศรีสุดาราม กระทั่งมาถึงบริเวณถนนจรัญสนิทวงศ์ ช่วงบริเวณหน้าโรงจำนำ ก่อนถึงแยกบางขุนนนท์เล็กน้อย ก็จอดรถติดไฟแดงจอดคล่อมทางรถไฟอยู่ หลังจากนั้นสักพัก รถไฟกำลังจะมา ลูกสาวจึงบีบแตรไล่รถเบนซ์ เอสแอลเค สีดำ ทะเบียนป้ายแดง ศ-4787 กทม.ที่มี นายทักษิณ เป็นคนขับ แบบไม่หยุด แต่ก็นายทักษิณก็ไม่ยอมเลื่อนรถไป จนไม้กั้นทางลงมาจนติดหลังคารถตน ทำให้ลูกสาวต้องหักรถออกทางขวาไปที่ช่องทางกลาง แล้วบีบแตรไล่รถคันที่อยู่ช่องทางกลางอีกคัน
       
       นายวุฒิชัย กล่าวต่อว่า หลังรถคันหน้าในช่องทางกลางขยับ ลูกสาวจึงขับรถไปปาดหน้ารถเบนซ์ของนายทักษิณ แล้วมองหน้า ก่อนที่ลูกสาวจะลงไปจากรถ ตนก็เดินลงตามพร้อมถือร่มไปด้วย แต่ระหว่างนั้นกลับถูกนายทักษิณ ทำร้ายร่างกายจนตนได้รับบาดเจ็บที่บริเวณหน้าผากเป็นแผลถลอก มีเลือดไหลตลอดเวลา จึงมาแจ้งความดังกล่าว
       
       ด้านนายทักษิณ ให้การว่า ตนเป็นเจ้าของร้านตำไทย ย่านพรานนก และเพาะปลาหมอสีส่งออกเป็นอาชีพเสริมด้วย โดยก่อนเกิดเหตุเพิ่งขับรถกลับจากไปดูการถมที่ดินที่ จ.นครนายก และกำลังขับจะรถไปกินก๋วยเตี๋ยวที่ย่านถนนจรัญสนิทวงศ์ โดยใช้ถนนเส้นตัดใหม่ เมื่อมาถึงทางออกถนนจรัญสนิทวงศ์ ตนก็เลี้ยวซ้ายมาติดไฟแดงแยกบางขุนนนท์ เพื่อเตรียมข้ามทางรถไฟไป
       
       นายทักษิณ ให้การต่อว่า หลังจากนั้น รถกระบะอีซูซุคันหลังที่จอดคล่อมรางรถไฟอยู่ ก็บีบแตรไล่รถตนแบบไม่หยุด จนไม้กั้นรถไฟลงมาพาดหลังคารถ ก่อนที่รถคันดังกล่าวจะหักออกขวาไป แล้วบีบแตรไล่รถคันหน้าจนเป็นที่น่ารำคาญของรถคันอื่น เมื่อรถคันหน้าขยับออกให้ คนขับรถกระบะอีซูซุก็ขับมาปาดหน้ารถตน ซึ่งตนสังเกตุเห็นว่าในรถมีหญิงสาวคือ เป็นคนขับ มีคนแก่นั่งมาข้างๆ ก็คือนายวุฒิชัย และมีเด็กอีก 3 คน
       
       นายทักษิณ ให้การต่ออีกว่าจากนั้น น.ส.สุทธินี ที่ขับรถกระบะก็ลงมาจากรถ แล้วตรงเข้ามาด่าตนว่าทำไมไม่มีน้ำใจขยับรถให้ ตนพยายามอธิบายแล้วว่า รถคันหน้าไม่ขยับออกไป ตนจะขยับรถให้ได้อย่างไร แต่ น.ส.สุทธินี ก็ไม่ยอมฟัง จนกระทั่งนายวุฒิชัย เดินถือร่มตามลงมาแล้วเอาร่มยันประตูรถตนไว้ พร้อมกับพูดว่า "มึงมีปัญหามากนักเหรอ" จากนั้นก็เอาร่มแทงใส่หน้าตนจนเป็นแผล แถมยังต่อยตนอีกหลายหมัด จังหวะนั้นตนจับปืนลูกโม่ขนาด .38 ที่อยู่ภายในรถไว้ แต่ไม่ได้ควักออกมา เพราะเกรงว่าทั้ง 2 คน มีเจตนาจะชิงทรัพย์ตน เนื่องจากตนใส่สร้อยคอทองคำหนัก 5 บาทไว้ที่คอ และมีเลสทองคำที่ข้อมืออีก
       
       นายทักษิณ ยังให้การอีกว่า จากนั้นตนก็ตัดสินใจลงรถแล้ววิ่งหนี เพราะไม่ต้องการให้เรื่องบานปลาย แต่นายวุฒิชัยกลับไม่ยอมหยุด ยังวิ่งตามทำร้ายร่างกายตนอีก ชาวบ้านในระแวกนั้นก็เห็นเหตุการณ์อยู่ตลอด จนตนไม่ไหวผลักร่มจนหักทิ่มใส่หน้านายวุฒิชัยจนเป็นแผล ระหว่างนั้นตนพยายามบอกให้ น.ส.สุทธินี ห้าม นายวุฒิชัยผู้เป็นพ่อ แต่กลายเป็นว่าทั้ง 2 คนกลับมาช่วยกันรุมทำร้ายตน จนใบหน้าและตามร่างกายเป็นแผลหลายแห่ง สุดท้ายมีตำรวจมาห้ามไว้ พร้อมกับพาตนและคู่กรณีทั้ง 2 คน มาที่โรงพัก ระหว่างที่มาถึงโรงพัก นายวุฒิชัย ก็ถามว่าในกระเป๋าตนมีอะไร ตนก็ตอบว่ามีปืนอยู่ นายวุฒิชัยก็ขอดูตนจึงเปิดให้ดู แต่เจ้าตัวกลับคว้ากระเป๋าวิ่งไปให้ตำรวจอีก อย่างไรก็ตามโดยส่วนตัวตนก็ไม่อยากมีปัญหากับใครเลย อีกทั้งชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ยังชมตนว่าใจเย็นมาก ขนาดมีปืนยังไม่ยอมเอาออกมาใช้
       
       ด้าน พ.ต.ท.จตุภูมิ กล่าวว่า หลังสอบปากคำคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่ายแล้ว ก็ได้แจ้งข้อหาทำร้ายร่ายกายทั้งคู่ และแจ้งข้อหาพกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร กับนายทักษิณ เพิ่มอีก 1 ข้อหา

ที่มา ..http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9530000017726 (http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9530000017726)
 
 --------------------------------------------------------------------------------
 
พิจารณาข้อเท็จจริงตามข่าว สองพ่อลูกนี่ถ่อยมาก เค้าไม่ยอมหลบเพราะติดคันหน้า แต่ตัวเองไปไล่คันที่อยู่ข้างๆจนเค้าขยับหนีและรอดตัวจากรถไฟไปได้แล้ว ถึงค่อยลงมาหาเรื่องคนที่เค้าทำถูกกฏอีกที ฟังดูแล้วไม่ใช่เหตุฉุหเฉินอะไรเพราะรอดตัวมาแล้ว แล้วยังมีเวลามาหาเรื่องเค้าวิ่งหนียังเอาร่มไปไล่ทิ่มหน้าทิ่มตาอีก พอเค้าผลักป้องกันตัวยังมาช่วยกันรุม อย่างนี้มีปืนก็ใช้ได้ครับ ผมกลับเห็นว่าเจ้าของเบนซ์ใจเย็นเกินไปรึเปล่า ถ้าเจอคนเป็นมวยเค้าใช้ปืนยิงแข้ง-ยิงขาก็ได้ ไม่ได้มีเจตนาฆ่า ในระยะประชิดยิงเพื่อฆ่านั้นไม่ยากเลย แต่เจตนาจริงๆยิงเพื่อป้องกันตัวให้หยุดทำร้าย ถ้ายิงแล้วหยุดไม่ซ้ำที่สำคัญเชื่อว่าไม่เกินกว่าเหตุ ไม่ใช่เรื่องทะเลาะวิวาท เพราะเจ้าของรถเบนซ์ไม่มีเจตนาสมัครใจวิวาทด้วย(วิ่งงหนีไปแล้ว-ความจริงไม่ตต้องวิ่งก็ได้แค่ยืนเฉยๆแล้วมีสองพ่อ-ลูกบ้าๆพุ่งเข้ามาด้วยเจตนาร้ายแค่นี้ก็เป็นเรื่องป้องกันแล้ว) พยานมี ใช้ปืนยิงขามองยังไงก้ยังเป็นการป้องกันอยู่ดี คราวนี้สองพ่อลูกคงได้ไปนั่งงรถเข็นทิ่มตากันเองที่บ้าน


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: MP 436 ที่ กุมภาพันธ์ 16, 2010, 02:48:47 PM
ครับอยากจะบอกวัตถุประสงค์ที่ตั้งกระทู้นี้ขึ้นมา เพื่อได้ทราบถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและจะได้เป็นอุทาหรณ์ว่า ถ้าไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ควรจะหาทางระวังป้องกันตั้งแต่ต้นอย่างไร   จริงๆถ้าเรามองอย่างตรงไปตรงมาว่าหากเจ้าของรถกระบะไม่ประมาท ระมัดระวังเผื่อคิดสักนิดว่าการเอารถเข้าไปจอดต่อท้ายคันหน้าตรงคร่อมทางรถไฟ  มันอาจจะมีรถไฟมาช่วงนั้นได้  และจะลำบาก   ถ้าคิดเผื่อได้แบบนั้นเรียกว่าไม่ประมาท  เหตุการณ์นี้ก็อาจจะไม่เกิด

แต่เมื่อประมาท ไม่เผื่อคิด เมื่อรถไฟมันดันมาช่วงเวลานั้น  ก็ลำบาก  และความเดือดร้อนก็ตามมา  พลอยกระทบไปถึงคนอื่นที่เขาทำตามกฎจราจรด้วย

แต่อย่างไรก็ตาม  หากประมาท  และรถไฟกำลังมา  หากว่ารถคันหน้าทราบจากแตร หรือทราบจากเหตุอื่นๆว่าคันหลังกำลังลำบาก
ต้องลืมเรื่องผิดถูกกฏหมายกันไว้ก่อน เอาเรื่องช่วยเหลือให้รอดจากตรงนั้นได้ก่อน  เจ้าของรถเบนท์จึงยังมีหน้าที่ตามคุณธรรม ช่วยขยับรถให้
เพื่อคันหลังที่ทำประมาทไปเผลอเรอไป เขาจะได้รอดจากภัยที่จะมาถึง

แต่ถ้ามันขยับไม่ได้จริงๆ  อันนี้ก็บอกไม่ถูกเหมือนกันจะไปว่าเขาผิดก็คงไม่ถนัดนัก
แต่จากอุทาห์ครั้งนี้ ผมเข้าใจว่า เจ้าของรถคันหลัง  คงมองเรื่องขยับรถเป็นหลักว่าไม่ขยับให้เลยโกรธและน้อยใจเพื่อนร่วมถนนและทำไปแบบนั้น

ผมคิดว่า ถ้าขยับได้แล้วคันหน้าไม่ช่วยขยับให้ทั้งที่รู้ว่ารถไฟมาแล้ว  จะชนคันหลัง  คันหน้าขาดคุณธรรม ใจดำเกินไป
แต่ถ้าขยับไม่ได้เลย  ช่วยแบบไหนก็ไปไม่ได้ ติดหมด  อันนี้  .............ไปโทษคันหน้าไม่ได้  คันหลังคงต้องรับกรรมที่ทำไว้

กรณีนี้ ยังมีอีกทาง คือคันหลังที่ตามมา  ถัดจากรถกระบะ  ก็อาจขยับถอยให้ได้  หากมีช่องว่างให้ถอย ก็ถือเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะช่วยคันกลางที่คร่อมทางรถไฟให้รอดได้

ส่วนเมื่อรอดมาแล้ว  ใครถูกผิดตามกฎหมายจราจร ..ก็ค่อยมาว่ากันอีกทีหนึ่ง ..

สรุป..ทางที่ดี เมื่อขับจะผ่านทางรถไฟ แล้วรถเกิดติด  ...ต้องระวังอย่าจอดคร่อมทางรถไฟเด็ดขาด  แล้วเรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้น


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: rute - รักในหลวง ที่ กุมภาพันธ์ 16, 2010, 03:58:33 PM
ที่จริงเล่นเวปบอร์ดก็คล้ายๆ การใช้ถนน

ผมถนัดกลับบ้านก่อน...   ลาทีวันจันทร์ เจอกันใหม่อาทิตย์หน้า

+1 ท่านดอน กิโฆเต้ ครับ...

สำหรับสติและคำเตือน... ::002::


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: wch941 ที่ พฤษภาคม 05, 2010, 05:30:58 PM
ซวยจริงๆคับ


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: rithikorn ที่ พฤษภาคม 05, 2010, 10:00:02 PM
เป็นผมก็คงป้องกันตนเองพอสมควรแก่เหตุ..ปืนไม่จำเป็นก็ไม่ต้อฝใช้และไม่ต้องไปบอกเขาว่ามีปืน...ประเมินสถานการณ์แล้วป้องกันตนเองไปซักหน่อยพอหอมปากหอมคอ...จากนั้นเสียค่าปรับคนละ500  บาทครับ....แต่ลูกสาวก็ใช่ย่อยนะเป็นผู้หญิงแท้ๆแต่อารมณ์และวาจาร้ายน่าดู...เจออย่างนี้ขอใส่กระโปรงสักวัน....


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: hello9pk ที่ พฤษภาคม 06, 2010, 11:57:18 AM
เรื่องนี้นายสมชายเห็นไม่เหมือนใครน่ะครับ...

เรื่องแรก...
เวลารถวิ่งๆอยู่แล้วเกิดรถติดขึ้นมาขณะที่ไม้กั้นทางรถไฟไม่ได้เอาลงมากั้น มันเลือกไม่ได้หรอกครับว่าจะจอดพอดีคล่อมทางรถไฟหรือไม่ หากบังเอิญรถใครจอดคล่อม ทางรถไฟพอดีเป๊ะ เขาจะบีบแตรให้คันหน้าเลื่อนรถครับ... เวลารถติดบนถนน จะไม่ติดแนบชิดแบบกันชนจ่อกันชนหรอกครับ หากคันหน้ามีน้ำใจเลื่อนรถเดินหน้าไปหน่อยพร้อมบีบแตรบอกคันหน้าของตัวเองออกไปอีก คันที่อยู่ข้างหน้าออกไปอีกเขาก็จะเลื่อรถกันคันละนิดคันละหน่อย ในที่สุดรถยนต์คันที่คล่อมทางรถไฟก็จะพ้นอันตรายครับ...

ขออนุญาตครับพี่สมชาย ผมอาจจะมองในมุมมองการขับรถของผมนะครับ  คือตัวผมเองเวลาขับรถผ่านทางร่วมทางแยกหรือทางคับขันเช่นทางรถไฟ หากผมดูแล้วว่าไปไม่พ้นผมจะไม่ข้าม หรือไปจอดคร่อมครับ เช่นทางรถไฟตรงวิภาวดีที่พี่สมชายผ่านบ่อย ผมก็เช่นกันครับ ผมเคยเจอเหตุอย่างพี่สมชายเช่นกันว่าไปแล้วไม่พ้นต้องกระดึ๊บๆออกไป หลังจากครั้งนั้นก็ระวังมาตลอดครับ  เรื่องนี้ผมเลยมองว่าฝ่ายอีซูสุผิดเพราะตัวคนขับประมาทและสะเพร่าเองครับ หากตัวเขาระวังซักนิดแล้วไม่รีบร้อนกับระยะห่างแค่ทางรถไฟกั้นไม่กี่เมตร เรื่องคงไม่เกิดครับ   ::014:: ::014::

ส่วนเรื่องคู่กรณีไม่เลื่อนรถให้นั้น เป็นเรื่องของน้ำใจครับ ถ้าจงใจไม่เลื่อนให้ก็เป็นอีกประเด็นที่สมควรตำหนิ แต่ผมมองแยกกับกรณีก่อนหน้าครับพี่  ด้วยความเคารพ ::014:: ::014::

เรื่องไม่ระวังจอดรถไม่พ้นทางรถไฟหรือ ตรงนี้เป็นความผิดของกะบะแน่ครับ แต่ความผิดแบบนี้มีโทษไม่ถึงขั้นต้องตายน่ะครับ... ประเด็นคือคนที่ต้องตัดสินว่าใครผิดต้องรับโทษไม่ใช่คนใช้รถใช้ถนนร่วมกันครับ แต่เป็นตำรวจจราจรเป็นผู้เขียนใบสั่ง เรื่องนี้จบลงตรงที่กะบะจอดปุ๊บ ความผิดสำเร็จปั๊บ ถ้าตำรวจเห็นก็เขียนใบสั่งได้ทันที แต่เรื่องนี้จบแล้วน่ะครับ...

ส่วนเรื่องที่สองคือ คนที่จอดรถขวางหน้าในขณะที่รู้ว่ารถไฟกำลังจะมา แล้วรถไฟอาจหยุดไม่ทัน มีหน้าที่ต้องช่วยเหลือคันหลังให้พ้นภัยเฉพาะหน้านะครับ ไม่ใช่แค่แล้งน้ำใจอย่างเดียว แต่เป็นความผิดโดยงดเว้นกระทำการ เพราะตนเองมีหน้าที่ครับ... ทำนองเดียวกับเห็นคนกำลังจะจมน้ำแล้วไม่ช่วยเหลือแหละครับ...

เรื่องไม่ระวังจอดรถไม่พ้นทางรถไฟหรือ ตรงนี้เป็นความผิดของกะบะแน่ครับ แต่ความผิดแบบนี้มีโทษไม่ถึงขั้นต้องตายน่ะครับ.
ผมว่าสมควรตายครับ เห็นรถไฟมาแล้วยังขับรถไปขวาง ถ้าไม่เชื่อ ว่างๆ ก็ขับรถไปขวางดูนะครับ


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ พฤษภาคม 06, 2010, 02:16:23 PM
เรื่องไม่ระวังจอดรถไม่พ้นทางรถไฟหรือ ตรงนี้เป็นความผิดของกะบะแน่ครับ แต่ความผิดแบบนี้มีโทษไม่ถึงขั้นต้องตายน่ะครับ.
ผมว่าสมควรตายครับ เห็นรถไฟมาแล้วยังขับรถไปขวาง ถ้าไม่เชื่อ ว่างๆ ก็ขับรถไปขวางดูนะครับ

ปากหมาน่ะท่าน... กระทู้นี้เรื่องมันจบไปนานแล้ว จะขุดขึ้นมาประชดประชันกันทำไมเล่า...

ขี้เกียจเถียงแล้ว แต่ก็อยากชี้แจงว่าเหตุผลมันก็เหมือนเดิมมาตลอดแหละ ว่าความผิดเรื่องจอดคล่อมทางรถไฟนี้มันผิดกฎจราจร ตำรวจแจกใบสั่งได้... แต่คนขับรถไฟไม่มีสิทธิ์ไปตัดสินคนอื่นว่าต้องตายหรือรอด ตนเองมีหน้าที่ต้องหยุดรถให้ทัน...

ไปอ่านกระทู้เดิมแล้ว ท่านน่ะอย่ามาทำขี้คุยหน่อยเลย คนที่ขับรถสวนน่ะ อาจขี้เกียจทะเลาะกับไอ้คนห่ามๆ ปากพล่อยอย่างท่านก็ได้ เขาเลยหนีไปเสียให้พ้นๆ... ถ้าอยากเล่นเว็บบอร์ดโดยสบายใจไม่มีใครด่า ก็อย่าด่าคนอื่นก่อน หากด่าคนอื่นก่อนก็ต้องยอมรับว่าคนอื่นเขาก็ด่ากลับบ้างเหมือนกัน...



หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: hello9pk ที่ พฤษภาคม 06, 2010, 09:08:49 PM
เรื่องไม่ระวังจอดรถไม่พ้นทางรถไฟหรือ ตรงนี้เป็นความผิดของกะบะแน่ครับ แต่ความผิดแบบนี้มีโทษไม่ถึงขั้นต้องตายน่ะครับ.
ผมว่าสมควรตายครับ เห็นรถไฟมาแล้วยังขับรถไปขวาง ถ้าไม่เชื่อ ว่างๆ ก็ขับรถไปขวางดูนะครับ

ปากหมาน่ะท่าน... กระทู้นี้เรื่องมันจบไปนานแล้ว จะขุดขึ้นมาประชดประชันกันทำไมเล่า...

ขี้เกียจเถียงแล้ว แต่ก็อยากชี้แจงว่าเหตุผลมันก็เหมือนเดิมมาตลอดแหละ ว่าความผิดเรื่องจอดคล่อมทางรถไฟนี้มันผิดกฎจราจร ตำรวจแจกใบสั่งได้... แต่คนขับรถไฟไม่มีสิทธิ์ไปตัดสินคนอื่นว่าต้องตายหรือรอด ตนเองมีหน้าที่ต้องหยุดรถให้ทัน...

ไปอ่านกระทู้เดิมแล้ว ท่านน่ะอย่ามาทำขี้คุยหน่อยเลย คนที่ขับรถสวนน่ะ อาจขี้เกียจทะเลาะกับไอ้คนห่ามๆ ปากพล่อยอย่างท่านก็ได้ เขาเลยหนีไปเสียให้พ้นๆ... ถ้าอยากเล่นเว็บบอร์ดโดยสบายใจไม่มีใครด่า ก็อย่าด่าคนอื่นก่อน หากด่าคนอื่นก่อนก็ต้องยอมรับว่าคนอื่นเขาก็ด่ากลับบ้างเหมือนกัน...



ช่วยชี้แจงทีครับว่าผมด่าคุณตรงไหน


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ พฤษภาคม 06, 2010, 10:07:01 PM
ช่วยชี้แจงทีครับว่าผมด่าคุณตรงไหน

เรื่องไม่ระวังจอดรถไม่พ้นทางรถไฟหรือ ตรงนี้เป็นความผิดของกะบะแน่ครับ แต่ความผิดแบบนี้มีโทษไม่ถึงขั้นต้องตายน่ะครับ.
ผมว่าสมควรตายครับ เห็นรถไฟมาแล้วยังขับรถไปขวาง ถ้าไม่เชื่อ ว่างๆ ก็ขับรถไปขวางดูนะครับ

ตรงตัวแดงครับ...


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: your-ประชาธิปไตย ที่ พฤษภาคม 06, 2010, 10:20:57 PM
เรื่องไม่ระวังจอดรถไม่พ้นทางรถไฟหรือ ตรงนี้เป็นความผิดของกะบะแน่ครับ แต่ความผิดแบบนี้มีโทษไม่ถึงขั้นต้องตายน่ะครับ.
ผมว่าสมควรตายครับ เห็นรถไฟมาแล้วยังขับรถไปขวาง ถ้าไม่เชื่อ ว่างๆ ก็ขับรถไปขวางดูนะครับ

ปากหมาน่ะท่าน... กระทู้นี้เรื่องมันจบไปนานแล้ว จะขุดขึ้นมาประชดประชันกันทำไมเล่า...

ขี้เกียจเถียงแล้ว แต่ก็อยากชี้แจงว่าเหตุผลมันก็เหมือนเดิมมาตลอดแหละ ว่าความผิดเรื่องจอดคล่อมทางรถไฟนี้มันผิดกฎจราจร ตำรวจแจกใบสั่งได้... แต่คนขับรถไฟไม่มีสิทธิ์ไปตัดสินคนอื่นว่าต้องตายหรือรอด ตนเองมีหน้าที่ต้องหยุดรถให้ทัน...

ไปอ่านกระทู้เดิมแล้ว ท่านน่ะอย่ามาทำขี้คุยหน่อยเลย คนที่ขับรถสวนน่ะ อาจขี้เกียจทะเลาะกับไอ้คนห่ามๆ ปากพล่อยอย่างท่านก็ได้ เขาเลยหนีไปเสียให้พ้นๆ... ถ้าอยากเล่นเว็บบอร์ดโดยสบายใจไม่มีใครด่า ก็อย่าด่าคนอื่นก่อน หากด่าคนอื่นก่อนก็ต้องยอมรับว่าคนอื่นเขาก็ด่ากลับบ้างเหมือนกัน...



ช่วยชี้แจงทีครับว่าผมด่าคุณตรงไหน
ติเตียน ค่อนแคะ แหน็บแนม  ด่าทอ มันต่างกันครับ พยายามใช้คำสุภาพก็จะไม่สร้างความขุ่นใจ เรื่องที่ว่าพนังงานขับรถไฟมีหน้าที่ต้องหยุดนั้นไม่ถูกซะทีเดียวครับ เพราะหน้าที่นี้มันจะเกิดหลังหน้าที่คนขับรถยนต์ที่มีหน้าที่ต้องหยุดรถหลังไม้กั้นไปแล้วแต่ถ้าต้องทำเพื่อป้องกันหรือลดความเสียหายนั่นก็เป็นเรื่องจำเป็น รวมถึงเป็นเรื่องของมนุษยธรรมด้วย เถียงกันไป-มามันก็ไม่ใช่เรื่องรถไฟกับรถยนต์แล้วครับ


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: hello9pk ที่ พฤษภาคม 06, 2010, 11:35:55 PM
"ผมว่าสมควรตายครับ เห็นรถไฟมาแล้วยังขับรถไปขวาง ถ้าไม่เชื่อ ว่างๆ ก็ขับรถไปขวางดูนะครับ"
ถ้าท่านคิดว่าเป็นคำด่าก็ขออภัยครับ  :'(


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: your-ประชาธิปไตย ที่ พฤษภาคม 07, 2010, 12:01:10 AM
"ผมว่าสมควรตายครับ เห็นรถไฟมาแล้วยังขับรถไปขวาง ถ้าไม่เชื่อ ว่างๆ ก็ขับรถไปขวางดูนะครับ"
ถ้าท่านคิดว่าเป็นคำด่าก็ขออภัยครับ  :'(
คนที่ผมติว่าใช้คำไม่สุภาพ ถือว่าเป็นคำด่าคือคุณ นายสมชาย(ฮา) - รักในหลวง ครับ ไม่ใช่คุณ


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: hello9pk ที่ พฤษภาคม 07, 2010, 12:12:33 AM
"ผมว่าสมควรตายครับ เห็นรถไฟมาแล้วยังขับรถไปขวาง ถ้าไม่เชื่อ ว่างๆ ก็ขับรถไปขวางดูนะครับ"
ถ้าท่านคิดว่าเป็นคำด่าก็ขออภัยครับ  :'(
คนที่ผมติว่าใช้คำไม่สุภาพ ถือว่าเป็นคำด่าคือคุณ นายสมชาย(ฮา) - รักในหลวง ครับ ไม่ใช่คุณ
ครับ ผมก็ขออภัยคุณสมชาย (ฮา) นั่นแหละครับ


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ พฤษภาคม 07, 2010, 09:21:08 AM
"ผมว่าสมควรตายครับ เห็นรถไฟมาแล้วยังขับรถไปขวาง ถ้าไม่เชื่อ ว่างๆ ก็ขับรถไปขวางดูนะครับ"
ถ้าท่านคิดว่าเป็นคำด่าก็ขออภัยครับ  :'(
คนที่ผมติว่าใช้คำไม่สุภาพ ถือว่าเป็นคำด่าคือคุณ นายสมชาย(ฮา) - รักในหลวง ครับ ไม่ใช่คุณ

สำหรับหมวดต๊อด ขอติว่ามายุ่งกับเรื่องคนอื่นไม่เข้าเรื่อง... เราเคยมีเรื่องปะทะคารมกันหลายครั้ง หากสังเกตให้ดีจะเห็นว่ามันมีเส้นแบ่งอยู่ว่าหากท่านไม่สอดเข้ามายุ่งด้วย ก็จะไม่ตำหนิหรือต่อว่าอะไรท่าน, หากท่านยุ่งด้วยแรง ก็โดนต่อว่าแรง, หากท่านเข้ามาตำหนิ, ท่านก็ต้องโดนตำหนิด้วย... เพราะเข้ามาสอดโดยมิได้ร้องขอ...


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ พฤษภาคม 07, 2010, 09:32:32 AM
ต้องการอะไรหรือครับ...คำตอบหรือ แบบฟันธงหรือ หรืออยากได้ยินว่าจะต้องยิงกันให้ตาย มันไม่มีอะไรแน่นอนหรอกครับ มันขึ้นกับเหตุและปัจจัย ถ้าผมเป็นคันที่ขวางแล้วมีรถคันหลังมาต่อท้ายคร่อมรางอยู่ บนรางมีรถไฟกำลังพุ่งเข้ามา ผมไม่รอให้ต้องมาเคาะกระจกบอกหรอกครับ จะพยายามหาทางเบี่ยงรถออกไปเพื่อเปิดทางให้ แต่ถ้าไม่ได้จริงๆเพราะติดคันหน้าหรือติดทั้งหน้าทั้งทางข้างติดยาวไปหมดไม่พ้นแน่ๆ ผมจะไปพาผู้โดยสารในรถออกมาก่อน แล้ววิ่งไปแจ้งคนควบคุมไม้ขวาง พยายามไม่ให้เกิดความเสียหายหรือให้เสียหายน้อยที่สุด เชื่อว่ารถไฟน่าจะชลอหรือเบรคได้ทันถ้ามันสุดวิสัยจริงๆ (เพราะเคยเห็นรถไฟชลอให้รถที่ขวางบนรางแถวยมราช) เสร็จแล้วแจ้งให้ จนท.เอาตัวคนขับรถคันหลังไปโรงพัก ปรับแบบเต็มอัตรา

"ผมว่าสมควรตายครับ เห็นรถไฟมาแล้วยังขับรถไปขวาง ถ้าไม่เชื่อ ว่างๆ ก็ขับรถไปขวางดูนะครับ"
ถ้าท่านคิดว่าเป็นคำด่าก็ขออภัยครับ  :'(

สำหรับคุณ hello9pk นั้น, นายสมชายก็ต้องขออภัยด้วย เพราะเพิ่งทราบว่าไม่มีเจตนา...

คือหากกลับไปอ่านกระทู้นี้ย้อนตั้งแต่ต้น จะเห็นว่ามันมีประเด็นเรื่องจอดรถคร่อมทางรถไฟนั้นสมควรถูกปล่อยทิ้งให้ถูกรถไฟชนหรือไม่ โดยบางความเห็นก็บอกว่าในเมื่อผิดกฎจราจรก็ไม่สมควรได้รับการช่วยเหลือ(ซึ่งการโดนรถไฟชนนั้นสามารถถึงตายได้)... ซึ่งความเห็นทั้งหลายนั้นได้ถกประเด็นกันจนจบไปแล้ว เทียบได้กับว่า"น้ำตกตะกอนจนใส"ไปแล้ว ซึ่งใครผิดใครถูกนั้น"หมวดต๊อดเองแหละเป็นผู้สรุปฐานความผิดแยกเป็นหลายหลายกระทง"... ดังนั้นหากใครมายกประเด็นนี้มาถกเถียงกันใหม่มันก็เหมือนกวนน้ำให้ขุ่น...

ส่วนเส้นแบ่งว่าอย่างไรด่าเปรียบเปรยเชิงประชดประชันนั้น... หากสิ่งที่บอกมาเป็นพฤติกรรมที่ผู้บอก(เขียน)กระทำเป็นกิจวัตร ดังนั้นไม่ใช้เป็นการด่าเปรียบเปรยเชิงประชด, แต่กรณีนี้เชื่อว่าคุณ hello9pk คงไม่ขับรถยนต์ไปขวางทางรถไฟเมื่อมีเวลาว่างเป็นแน่...

แต่อย่างไรก็ดี เมื่อทราบว่าไม่มีเจตนา นายสมชายต้องขออภัยที่ด่ากลับด้วยครับ...


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: hello9pk ที่ พฤษภาคม 07, 2010, 11:01:18 AM
ต้องการอะไรหรือครับ...คำตอบหรือ แบบฟันธงหรือ หรืออยากได้ยินว่าจะต้องยิงกันให้ตาย มันไม่มีอะไรแน่นอนหรอกครับ มันขึ้นกับเหตุและปัจจัย ถ้าผมเป็นคันที่ขวางแล้วมีรถคันหลังมาต่อท้ายคร่อมรางอยู่ บนรางมีรถไฟกำลังพุ่งเข้ามา ผมไม่รอให้ต้องมาเคาะกระจกบอกหรอกครับ จะพยายามหาทางเบี่ยงรถออกไปเพื่อเปิดทางให้ แต่ถ้าไม่ได้จริงๆเพราะติดคันหน้าหรือติดทั้งหน้าทั้งทางข้างติดยาวไปหมดไม่พ้นแน่ๆ ผมจะไปพาผู้โดยสารในรถออกมาก่อน แล้ววิ่งไปแจ้งคนควบคุมไม้ขวาง พยายามไม่ให้เกิดความเสียหายหรือให้เสียหายน้อยที่สุด เชื่อว่ารถไฟน่าจะชลอหรือเบรคได้ทันถ้ามันสุดวิสัยจริงๆ (เพราะเคยเห็นรถไฟชลอให้รถที่ขวางบนรางแถวยมราช) เสร็จแล้วแจ้งให้ จนท.เอาตัวคนขับรถคันหลังไปโรงพัก ปรับแบบเต็มอัตรา

"ผมว่าสมควรตายครับ เห็นรถไฟมาแล้วยังขับรถไปขวาง ถ้าไม่เชื่อ ว่างๆ ก็ขับรถไปขวางดูนะครับ"
ถ้าท่านคิดว่าเป็นคำด่าก็ขออภัยครับ  :'(

สำหรับคุณ hello9pk นั้น, นายสมชายก็ต้องขออภัยด้วย เพราะเพิ่งทราบว่าไม่มีเจตนา...

คือหากกลับไปอ่านกระทู้นี้ย้อนตั้งแต่ต้น จะเห็นว่ามันมีประเด็นเรื่องจอดรถคร่อมทางรถไฟนั้นสมควรถูกปล่อยทิ้งให้ถูกรถไฟชนหรือไม่ โดยบางความเห็นก็บอกว่าในเมื่อผิดกฎจราจรก็ไม่สมควรได้รับการช่วยเหลือ(ซึ่งการโดนรถไฟชนนั้นสามารถถึงตายได้)... ซึ่งความเห็นทั้งหลายนั้นได้ถกประเด็นกันจนจบไปแล้ว เทียบได้กับว่า"น้ำตกตะกอนจนใส"ไปแล้ว ซึ่งใครผิดใครถูกนั้น"หมวดต๊อดเองแหละเป็นผู้สรุปฐานความผิดแยกเป็นหลายหลายกระทง"... ดังนั้นหากใครมายกประเด็นนี้มาถกเถียงกันใหม่มันก็เหมือนกวนน้ำให้ขุ่น...

ส่วนเส้นแบ่งว่าอย่างไรด่าเปรียบเปรยเชิงประชดประชันนั้น... หากสิ่งที่บอกมาเป็นพฤติกรรมที่ผู้บอก(เขียน)กระทำเป็นกิจวัตร ดังนั้นไม่ใช้เป็นการด่าเปรียบเปรยเชิงประชด, แต่กรณีนี้เชื่อว่าคุณ hello9pk คงไม่ขับรถยนต์ไปขวางทางรถไฟเมื่อมีเวลาว่างเป็นแน่...

แต่อย่างไรก็ดี เมื่อทราบว่าไม่มีเจตนา นายสมชายต้องขออภัยที่ด่ากลับด้วยครับ...
ไม่เป็นไรครับ หวังว่าคงได้รับความช่วยเหลือจากนายสมชาย (ฮา) เมื่อถูกร้องขอบ้างนะครับ


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ พฤษภาคม 07, 2010, 11:44:03 AM
ไม่เป็นไรครับ หวังว่าคงได้รับความช่วยเหลือจากนายสมชาย (ฮา) เมื่อถูกร้องขอบ้างนะครับ

ยินดีครับ... เย้...


หัวข้อ: Re: มาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน .. คนเราเมื่อถึงคราวซวย ... รวมเรื่องปืนด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: bigboss101 ที่ พฤษภาคม 08, 2010, 02:06:52 PM
 ::007:: ::007:: ::007::