เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

สนทนาภาษาปืน => หลังแนวยิง => ข้อความที่เริ่มโดย: วัฒน์ ที่ มิถุนายน 11, 2010, 11:47:51 AM



หัวข้อ: ซื้อรถมือสองมาแล้ว ทำอย่างไรต่อไป
เริ่มหัวข้อโดย: วัฒน์ ที่ มิถุนายน 11, 2010, 11:47:51 AM
มื่อคุณเก็บหอมรอมริดได้เงินครบจะไปดาวน์รึซื้อสดรถคันโปรดมาแล้ว  บางทีอาจเป็นรถคันแรกของบ้านคุณ  แล้วเราจะทำอย่างไรต่อไป  บทความนี้จะบอกให้ทราบว่ามือใหม่(แต่)รถไม่ใหม่นั้น ควรจะทำอย่างไรบ้างเมื่อคุณขับคันนี้กลับมาที่บ้านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

1.ทำความรู้จัก
อย่าตกใจว่าทำความรู้จักกับใคร ไม่ใช่ช่างซ่อมหรือคนขายคนสวยแน่นอน  แต่ที่ต้องรู้จักก็คือรถของคุณนั่นเอง  สิ่งที่คุณต้องรู้จักดังต่อไปนี้

- รุ่นของรถ/ปี  บ่อยครั้งที่เราไปซื้ออะไหล่รถเองแล้วถ้าเราไม่รู้ชื่อรุ่นที่แม่นยำเกิดปัญหาแน่นอนอย่างเช่น เพราะรถชื่อรุ่นเดียวกันแต่อาจใช้เครื่องยนต์ต่างกันก็มีไม่น้อย  เรื่องอย่างนี้ถือเป็นเรื่องหญ้าปากคอกที่ทำให้เจ้าของรถที่เรียกตัวเองว่าเซียนเหงื่อแตกมาหลายคนแล้ว  เวลาไปซื้ออะไหล่รถที่ตัวเองขับอยู่ทุกวัน

- เครื่องยนต์  คุณควรรู้ขนาดซีซีของเครื่องยนต์และจำนวนวาวล์  ชื่อบล็อกของเครื่องยนต์ของรถคุณ  เช่นใช้มิตซู-แลนเซอร์  บล็อก 4G63 ตัวเลขเพียงไม่กี่ตัวกลับบอกความแตกต่างของรุ่นได้มากมาย  ถ้าไม่รู้เปิดฝากระโปรงรถดูส่วนใหญ่จะมีเขียนรายละเอียดเอาไว้  บางคนเถียงว่าดุจากคู่มือรถก็รู้  แต่ก็ทราบกันดีว่าคู่มือการใช้รถนั้นน้อยนักที่จะตกมาถึงมือของเจ้าของรถมือสองมือสามอย่างเราๆ

- จุดวัดระดับน้ำมัน-น้ำยาต่างๆ คุณต้องรู้ว่าอันไหนเป็นจุดวัดระดับน้ำมันเครื่อง  น้ำมันพวงมาลัยพาวเวอร์  น้ำมันเบรก น้ำยาแอร์  หม้อน้ำรถ  หม้อพักน้ำ  น้ำฉีดกระจก  น้ำกลั่นแบตเตอรี่  ฯลฯ  อย่างน้อยเราต้องรู้ว่าจะวัดระดับตรงไหนอย่างไร   มีรุ่นน้องที่ทำงานชอบถกเถียงเรื่องรถกับผมบ่อยๆ  เมื่อสัปดาห์ก่อนได้ซื้อรถมือสองมาใหม่คุยเรื่องระบบต่างๆของรถราวกับท่องมาซะยืดยาว  แต่เปิดฝากระโปรงรถให้ผมดู  ก่อนจะถามว่าที่ดูระดับน้ำมันเครื่องมันอันไหนกันแน่อันนี้อาการหนักจริงๆ  ดังนั้นสิ่งสำคัญที่ต้องรู้คือ

- ดูระดับน้ำมันเครื่องตรงไหน Max – Min

-  เติมน้ำหม้อน้ำตรงไหน  ควรเติมในหม้อพักและไม่ให้มากไปนักที่สำคัญควรเปิดน้ำที่หม้อน้ำดูด้วยว่าเต็มรึเปล่าที่สำคัญต้องไม่ทำตอนเครื่องร้อนอันตราย

- ดูระดับน้ำกลั่นแบตเตอรี่  ต้องเปิดดูทุกช่องเติมไม่ต้องล้นเพียงแต่เติมให้พอดีกับพลาสติคที่เป็นลิ้นลงไปในช่องก็เพียงพอแล้ว  ห้ามอย่าเติมจนล้น

- ดูระดับน้ำฉีดกระจกด้วย  ถ้าแห้งจะทำให้ปั้มฉีดน้ำเสียหายได้  อันนี้บอกให้ลูกๆมาช่วยเติมได้เป็นการสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัวได้เป็นอย่างดี

-  ดูระดับน้ำมันพวงมาลัยพาวเวอร์เป็น  บางรุ่นไม่ต้องเปิดฝาก็รู้สามารถดูได้จากข้างกระปุกมีขีดบอกระดับ  มีคำเตือนเล็กน้อยอยู่บริเวณฝาอ่านบ้างก็ดี

- ดูระดับน้ำมันเบรก  บางครั้งไม่ต้องถึงกับเปิดฝามาดูเพราะมีขีดบอกสามารถมองเห็นจากภายนอกเช่นกัน

- ดูระดับน้ำยาแอร์  ดูจากกระปุกพักน้ำยาแอร์สังเกตกระปุกที่มีท่ออะลูมีเนียมรึทองแดงต่อเข้านั้นแหละมีเลนซ์  สังเกตถ้าน้ำยาแอร์เต็มเราจะไม่เห็นว่ามีอะไรในเลนซ์นั้นเลยแต่ถ้าเมื่อไหร่เห็นในเลนซ์นั้นมีน้ำวิ่งๆเมื่อไหร่ อย่าคิดว่าน้ำยาแอร์เต็มนะครับนั้นคือน้ำยาแอร์หมดแล้วละครับ  ไปร้านแอร์ให้ตรวจเช็คเลย

 

2. เปลี่ยนซะให้เรียบ

 - น้ำมันเครื่องและใส้กรองน้ำมันเครื่อง  บ่อยครั้งรถจากเต็นท์นั้นเค้าไม่ได้เปลี่ยนน้ำมันเครื่องมาให้  บางครั้งพึ่งเปลี่ยนมาถือว่าเป็นโชคดีไป  แต่ถ้าให้ดีถ้าเราดึงสายวัดออกมาแล้วน้ำมันเครื่องเหนียวๆ ไม่หยดติ๋งๆ เปลี่ยนไปเถอะครับเพื่อความสบายใจ ถ้าเปลี่ยนแล้วขับรถกลับบ้านมาดึงเข็มวัดออกมาเห็นน้ำมันเครื่องทำไมขุ่นซะแล้วให้คุณดีใจไว้เลยว่าน้ำมันเครื่องนั้นดีเพราะสามารถดึงเขม่าที่จับกับชิ้นส่วนในเครื่องออกมาได้เป็นอย่างดี รวมถึงเปลี่ยนใส้กรองน้ำมันเครื่องด้วยไม่แนะนำไปใช้ใส้กรองจากปั้มเพราะสมัยนี้ใส้กรองของเทียมมีเยอะอายุการใช้งานสั้นกว่า (ไม่ใช่ว่าใช้ไม่ได้) ใครรักรถมาแนะให้ใช้ของแท้แต่ผมชอบใช้ของเทียบเพราะมีคุณภาพพอๆกันและอาจดีกว่าด้วยซ้ำไป  ว่างๆผ่านไปแถววรจักรก็ไปซื้อซะ  ถือว่าเป็นการหัดทำความรู้จักกับร้านอะไหล่ไว้  ดูด้วยว่าต้องแถมแหวนยางโอริงมาด้วยแต่อย่าไปคิดว่าเอามาใช้กับกรองน้ำมันเครื่องล่ะ โอริงนี้ไว้ใช้กับน็อตที่เป็นก๊อกปิด-เปิดอ่างน้ำมันเครื่องของเราต่างหาก  เวลาให้ช่างใส่ดูกับเค้าด้วย ก่อนใส่แนะว่าให้เอาน้ำมันเครื่องเรานี่แหละทาขอบยางของกระปุกกรองด้วยกันยางเบี้ยวออกมาเวลาขันเข้า

- ใส้กรองอากาศ  ส่วนใส้กรองอากาศก็เป่าซะ  แนะให้เป่าเองตามปั้มเจ็ทที่มีที่เป่าอากาศตรงที่เราเติมลม  มีหลายคนขับรถมาจนแก่เป่าอากาศยังไม่เป็น  การเป่ากรองอากาศต้องเป่าจากในออกนอก  ห้ามเป่าจากข้างนอกเข้าในเด็ดขาด  ถึงแม้เป่าแล้วฝุ่นกระจายดีแต่นั้นคือการทำให้กรองอากาศของเราตันไปเลย  แต่ถ้าเก่าแล้วเปลี่ยนไปเลยซักอันได้เลยไม่ได้แพงอะไรนัก สำหรับมือใหม่ระวังจะถอดไม่เป็นให้สังเกตสลักยึดให้ดี  ดึงออกให้ครบไม่ต้องออกแรงมากนักพอประมาณเดี๋ยวพวกสายอากาศจะหลุดแล้วใส่กลับไม่ถูก

- ใส้กรองเบนซิน  สุดท้ายใส้กรองเบนซินอันนี้แนะนำให้เปลี่ยนเลยไม่กี่ตังค์  จะได้ไม่ต้องมาโอดครวญภายหลังว่ารถเร่งไม่ขึ้น  กระตุกเป็นช่วงๆ แต่อันนี้แนะนำไปให้ช่างเปลี่ยนให้  อย่าลืมถามความรู้เล็กๆน้อยๆจากช่างด้วยตามที่ผมว่ามาหากยังสงสัย  เห็นมั้ยว่านอกจากจะได้เปลี่ยนกรองเบนซินแล้วยังได้ความรู้อีกต่างหาก

 

3. ตรวจอะไรที่มันยุ่งๆที่ห้องเครื่องอีกที
ลองตรวจดูที่สายพานไดฯ สายพานแอร์  สายหัวเทียน  หัวเทียน  ให้ช่างคนที่เปลี่ยนกรองเบนซินเราเมื่อสักครู่นั้นแหละดูให้  คิดดูว่าเปลี่ยนกรองเบนซินอันเดียวได้ประโยชน์มากมาย  หากสายพานอันไหนเก่าหมดสภาพแล้วเปลี่ยนซะมีราคาไม่ถึงร้อยถึงร้อยกว่าบาท  แต่แพงกว่านั้นไปร้านอื่นเหอะ  สายหัวเทียนเก่ารึเปล่า  หากเก่ามากๆขาดแล้วพันๆเทปมาละก็เปลี่ยนไปเลย  ให้เค้าเช็คหัวเทียนด้วยเพียงแต่เอามาล้างปรับเขี้ยวก็พอใช้ได้อีกนาน  หัวเทียนไม่ใช่ของเสียง่าย หมดอายุง่ายอายุการใช้งานราว 20,000 กม. ( 2000 กม.) หากเจอช่างที่ดี  แต่ถ้าเยินจริงๆเปลี่ยนก็ได้เพราะราคาถูกมากๆ  ตัวเราเองก่อนกลับบ้านแวะไปตามห้างซื้อน้ำอเนกประสงค์มาติดรถไว้ก็ดีไว้ฉีดพวกขั้วแบตฯ ขั้วหัวเทียน  จานจ่าย(ถ้าไม่รู้จักว่าอันไหนไปถามช่างคนเดิมอีกนั่นแหละ) เวลาเก็บอย่าเอาไปไว้ที่ร้อน เกิดตูมตามขึ้นมาไม่รู้ด้วย

 

4.คราวนี้มาดูที่ช่วงล่างกันบ้าง

 - ถ่วงล้อ  อันนั้นถือว่าเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆที่หลายคนมองข้ามเพราะเมื่อเราใช้ความเร็วสูงขึ้นหน่อยรถกลับสั่นๆ อาจนึกไปถึงช่วงล่างอื่นๆ แต่ความจริงปัญหามันแค่เพียงถ่วงล้อเท่านั้นเอง  ผมแนะให้ไปถ่วงล้อที่เรียกว่า “ถ่วงจี้”  เพราะเท่าที่ทำมาได้ผลดีพอสมควร  ดีกว่าการถอดล้อไปถ่วงข้างนอก  สังเกตด้วยว่าบางครั้งน็อตล้อเราอาจเป็นคนละแบบทำให้การถอดล้อไปถ่วงไม่แม่นยำแต่ถ้าให้ดีก็เปลี่ยนน็อตให้มันเหมือนกันให้หมดเลยจะดีกว่า  ก่อนถ่วงบอกให้ช่างแกะหินที่ติดล้อออกให้ด้วยนี่ก็เป็นผลให้การถ่วงล้อไม่แม่นยำ  แนะให้ไปถ่วงหลังไปล้างรถจากปั้มใหม่ เพราะโคลนที่ติดล้อก็เป็นอีกปัจจัยนึงเช่นกัน  เคยแนะให้รุ่นน้องที่มีปัญหาที่ว่าไปถ่วงจี้มาหลายคนส่วนใหญ่จะบอกว่ายังกับได้รถใหม่มาแน่ะ

- ยางรถ  ดูว่าดอกยางยังเต็มๆดีหรือไม่  ไม่จำเป็นก็ไม่ต้องเปลี่ยนถามจากร้านยางดูก็ดีถ้าร้านที่ดีบ่อยครั้งเค้าจะบอกว่าใช้ได้อีกนานแต่ถ้าเค้าบอกว่าเปลี่ยนเถอะให้สังเกตว่าดอกยางเรายังเต็ม ยางยังไม่เสียรูป แก้มยางยังสวย  เนื้อยางยังสดอยู่หรือไม่  ไม่แนะนำให้ไปทำตามปั้มแต่ก็ตามใจหากใครอยากลองดู  การเติมลม  ควรเติมซัก 27-28 หากอยากได้ความนิ่มนวลและ 30 หากต้องการประหยัดน้ำมันได้อีกนิดหน่อยในการวิ่งแบบรถไม่ติด อย่าลืมเติมลมยางอะไหล่ด้วยแนะให้เติมเกินปกติไว้ 2 ปอนด์ (ประมาณ 32 ปอนด์) เพราะไม่ได้เติมบ่อยๆ  แนะอีกนั้นแหละให้ไปเติมที่ปั้มเจ็ทเพราะเครื่องวัดแบบดิจิตัลค่อนข้างแม่นยำกว่าร้านยางซะอีกและอย่าลืมอุดหนุนเค้าบ้างก็ดี

- เช็คช่วงล่าง  ไปอู่ที่รับทำช่วงล่างให้เค้ายกรถตรวจพวก  ยางหุ้มแร็คช่วงล่างอื่นๆ  เพราะบางครั้งเปื่อยๆแล้วเปลี่ยนไปเลยราคาไม่ถึง 300-400 บาท  ถ้าขาดขึ้นมาแต่เราไม่รู้จะลำบาก  ทั้งทรายทั้งโคลนหลุดเข้าไปละก็เสียมากกว่านี้อีกมาก ให้ช่างตรวจลูกหมาก-คันชัก-คันส่ง-ปีกนก โยกๆแล้วหลวมๆหรือไม่แต่พวกนี้ถ้าไม่หลวมมากเอาไว้ตอนได้โบนัสออกหรือกู้สหกรณ์ได้ก่อนค่อยมาเปลี่ยนก็ได้  หากยังพอใช้ได้

 

5. มาดูภายในรถกันบ้าง

- หากรถมีกลิ่น  แนะนำว่าให้เราจอดรถตากแดดหมุนกระจกลงมาเล็กน้อยทำซ้ำๆหลายวันช่วยได้บ้าง  หาน้ำหอมมาใส่รถบ้างบางทีไม่เหม็นโดนเหงื่อเราไปซักพักจนกลิ่นติดเบาะ สงสารคนมานั่งรถเราบ้าง  แนะนำอย่าสูบบุหรี่ในรถเพราะเขม่าจากบุหรี่กับกำมะหยี่ทั้งหลายในรถเรารักกันมากทั้งสีทั้งกลิ่น

- ยางรองพื้น  บางทีเต็นท์ให้มาเฉพาะยางแผ่นเล็กทำให้ทรายกระจายฝังในพรม  แนะให้ใช้ยางที่เป็นรูปแอ่งๆ ไม่สวยนักแต่สะอาดอย่าบอกใครไม่มีทรายกระเด็นออกด้วยหรือถ้ากำลังทรัพย์มีก็เอาแบบที่มีขายตามห้างที่มีเฉพาะรุ่นก็ได้

- น้ำยาต่างๆ  หาซื้อน้ำยาต่างๆเช่นแชมพูล้างรถ  ยาขัดเบาะ  ยาขัดสีรถ  หัดทำเองบ้างจะได้รู้จุดอ่อนของตัวถัง-สีรถเราเอง

- เสียงดังหน้าคอนโซล  อันนี้สืบเนื่องาจากรถใช้มาหลายปีเกิดจากการเคยถูกถอดคอนโซลเป็นอีกปัจจัยหนึ่ง  แต่การหาจุดนี่ยากที่สุดพวกนี้ต้องค่อยๆหาแล้วหาซื้อตัวยึดพลาสติคตามวรจักรมาใส่แทนได้หากของเก่าแตกหรือหลวมรึไม่มีเลย


6. สังเกตุกันบ้าง

- ซื้อรถมาวันแรกผมแนะนำให้ล้างเลยไปให้โดนน้ำฉีดแรงๆ ตามคาร์แคร์ ถึงแม้เต็นท์จะขัดสีรถมาสวยงามสักปานใด  เพราะรถหลายคันพึ่งไปสาดสีมาทั้งคัน  การประกอบขอบยางกันน้ำซีลซิลิโคนประตูและกระจกหน้า-หลังต่างๆ  อาจทำมาไม่ดีพอเพราะทำเองในอู่สีไม่ได้ทำที่ร้านกระจกที่ชำนาญกว่าบ่อยครั้งที่น้ำไหลเข้ารถเป็นถังๆ เวลาฝนตกจะได้รีบซ่อมเองหรือให้เต็นท์ทำให้หากตกลงกันไว้แล้ว

- แอร์  หากได้ยินเสียงแต็กๆ ดังติดๆกันขณะเปิดแอร์ทำให้รอบเครื่องเราขึ้นๆลงๆ ให้ช่างเช็คดูช่างที่เก่งๆ จะยังไม่วิ่งไปดูที่คอมแอร์  แต่จะตรวจที่ตัวปรับระดับความเย็นที่ภาษาช่างแอร์เรียกรางเลื่อน (Slice volume) เพราะรถเก่าแล้วพวกนี้จะสึกรึหมดอายุเปลี่ยนซะราคา 300-400 บางทีไม่ถึงกับต้องไปยุ่งกับคลัชแอร์หรอกครับ  ร้านทำแอร์ผมชอบร้านที่แท็กซี่เค้าชอบไปทำกันเพราะราคาไม่แพงคุยกันได้ แต่ไม่ใช่ร้านที่แท็กซี่ไม่เข้าไม่ดีนะครับ  อย่างผมใช้ทั้งสองร้านเพราะที่เจอความชำนาญร้านอาแปะของผมเนี่ยเก่งเข้าขั้นเลยทีเดียวแต่ราคาเอาเรื่องเหมือนกันเวลาเข้าซ่อมถามไว้เลยว่าเท่าไหร่  ต่อไปเถอะลดได้นิดหน่อยดีกว่าไม่ลดเลย  ซ่อมบ่อยๆ ชำนาญขึ้นเดี๋ยวก็รู้ราคาไปเอง

- ตรวจดูหลอดไฟรถ ไฟหน้าสูง-ต่ำ ไฟหรี่  ไฟท้าย-ไฟเบรก ไฟกระพริบซ้ายขวา ไฟถอย  ไฟทะเบียน ติดครบหรือไม่จัดการให้เรียบร้อยสมบูรณ์

หากมีอะไรนอกเหนือจากนี้ต้องเช็คต้องเปลี่ยนคงต้องอาศัยการเอาใจใส่  และความช่างสังเกตจากตัวคุณเอง  ย้ำต้องดูแลอย่างสม่ำเสมอไม่ใช่แค่เพียงช่วงแรกๆเท่านั้น  หมั่นหาความรู้เสมอๆควรให้คนในครอบครัวมีส่วนร่วมด้วย  สร้างความสัมพันธ์กันโดยมีรถเป็นสื่อนี่ก็ถือว่ารถไม่ใช่แค่เพียงเป็นพาหนะอย่างเดียวใช่มั้ยละครับ


หัวข้อ: Re: ซื้อรถมือสองมาแล้ว ทำอย่างไรต่อไป
เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ มิถุนายน 11, 2010, 11:56:02 AM
                   
                                  ขอบคุณครับอาวัฒน์ ....... ว่าจะถอยมือสองสักคัน แต่ราคารุ่นที่เล็งไว้มันแร๊งงงงงงง     ::013:: ::012::




หัวข้อ: Re: ซื้อรถมือสองมาแล้ว ทำอย่างไรต่อไป
เริ่มหัวข้อโดย: Southlander ที่ มิถุนายน 11, 2010, 11:58:02 AM
ถ้าเป็นช่างควรหา Shop manual ของรถรุ่นนั้นมาโดยไวทั้ง
 Shop manual ระบบไฟ/ระบบแมคคานิคและชิ้นส่วน
มันช่วยได้เยอะครับ ลงมือเองเลยในส่วนที่ทำได้
ประหยัดไปได้มากเลย..เสียแต่ค่าอะไหล่ชิ้นที่เสียเท่านั้น ไม่โดนฟันหัวแบะด้วย


หัวข้อ: Re: ซื้อรถมือสองมาแล้ว ทำอย่างไรต่อไป
เริ่มหัวข้อโดย: Major ที่ มิถุนายน 11, 2010, 12:29:32 PM
ขออนุญาต เสริมครับ  ที่ลืมไม่ได้และควรเปลี่ยนก็คือ

ชุด กุญแจรถครับ ไม่ว่าจะเป็น ชุดติดเครื่องยนต์ ประตู ฝากระโปรง ระบบล็อคใหม่  ก็จะดีครับ

ด้วยความเคารพครับ


หัวข้อ: Re: ซื้อรถมือสองมาแล้ว ทำอย่างไรต่อไป
เริ่มหัวข้อโดย: JUNGLE ที่ มิถุนายน 11, 2010, 01:09:56 PM
                   
                                  ขอบคุณครับอาวัฒน์ ....... ว่าจะถอยมือสองสักคัน แต่ราคารุ่นที่เล็งไว้มันแร๊งงงงงงง     ::013:: ::012::





รถมือสองคันที่ลุงปูเล็งๆ ไว้... เป็นฮัมเมอร์หรือว่าเฟอร์รารี่ครับ... ::005:: ::005:: ::005::



หัวข้อ: Re: ซื้อรถมือสองมาแล้ว ทำอย่างไรต่อไป
เริ่มหัวข้อโดย: sada ที่ มิถุนายน 11, 2010, 03:39:28 PM
ฟอจูนเนอร์ หรือเปล่า ลุงปู  ::014::


หัวข้อ: Re: ซื้อรถมือสองมาแล้ว ทำอย่างไรต่อไป
เริ่มหัวข้อโดย: Pandanus ที่ มิถุนายน 11, 2010, 03:45:24 PM
ฮุนได เอ็กเซล ...  ;D


หัวข้อ: Re: ซื้อรถมือสองมาแล้ว ทำอย่างไรต่อไป
เริ่มหัวข้อโดย: แจ็ค ที่ มิถุนายน 12, 2010, 05:03:00 PM

... สำหรับผมแล้ว  ผมเองทำอยู่นะครับผมคือ  มีสมุดเล็ก ๆ เล่มหนึ่ง จดทุกอย่าง  เปลี่ยนอะไหล่ชิ้นไหนที่ไหน ราคาเท่าไร ที่เลขกิโลเมตรเท่าไร จดไว้เพื่อตัววเองทราบว่าอะไหล่ตัวไหนอายุเท่าไร  ว่าแล้วพรุ่งนีก็นัดช่างไว้จะไปเปลี่ยน/แก้ไข น้ำมันซึมก้นไดสตาร์ท น่ะครับผม ...



หัวข้อ: Re: ซื้อรถมือสองมาแล้ว ทำอย่างไรต่อไป
เริ่มหัวข้อโดย: แสนสุข ที่ มิถุนายน 12, 2010, 06:23:55 PM
เข้าศูนย์  เช็คไมล์  ก่อนครับ ::014::


หัวข้อ: Re: ซื้อรถมือสองมาแล้ว ทำอย่างไรต่อไป
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ มิถุนายน 12, 2010, 08:11:29 PM
 ::014::รถคันแรกของผม เป็นต้า.ฮีโร...วันแรกที่ซื้อมา ผมพาไปวัด รดน้ำมนต์ก่อนครับ


หัวข้อ: Re: ซื้อรถมือสองมาแล้ว ทำอย่างไรต่อไป
เริ่มหัวข้อโดย: prawin -รักในหลวง- ที่ มิถุนายน 12, 2010, 08:28:51 PM
อยากบอกว่ารถมือสองทุกวันนี้อย่าเชื่อเลขไมล์นะครับ  มันกรอได้ตามแต่ใจคนขาย



หัวข้อ: Re: ซื้อรถมือสองมาแล้ว ทำอย่างไรต่อไป
เริ่มหัวข้อโดย: oil ที่ มิถุนายน 12, 2010, 09:05:23 PM
ซ่อมไป..ขับไป  จอดอู่อาทิตย์ละสี่ห้าวัน เอามาใช้วันนึงก็เข้าอู่อีก  ประหยัดน้ำมันสุดๆ  ค่าน้ำมันเดือนละไม่ถึงพันบาท ไม่ต้องง้อแก๊ส


หัวข้อ: Re: ซื้อรถมือสองมาแล้ว ทำอย่างไรต่อไป
เริ่มหัวข้อโดย: lek ที่ มิถุนายน 12, 2010, 09:45:45 PM
ซื้อรถเก่าคือเอาผู้เฒ่ามาปัว  แปลว่า  ซื้อรถเก่าๆเหมือนเอาคนแก่มารักษา  (ภาษาอีสานวันละคำ)


หัวข้อ: Re: ซื้อรถมือสองมาแล้ว ทำอย่างไรต่อไป
เริ่มหัวข้อโดย: JJ-รักในหลวง ที่ มิถุนายน 12, 2010, 10:01:32 PM
ยังไม่เคยซื้อรถมือสองครับ
เพราะคันที่ใช้อยู่ ก็อายุเกือบ 14 ปีแล้ว
และคงได้ใช้อีกนาน
ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ


หัวข้อ: Re: ซื้อรถมือสองมาแล้ว ทำอย่างไรต่อไป
เริ่มหัวข้อโดย: 7 x 7 # รักในหลวง # ที่ มิถุนายน 12, 2010, 10:34:21 PM
ขอบคุณครับ สำหรับความรู้  :VOV:



หัวข้อ: Re: ซื้อรถมือสองมาแล้ว ทำอย่างไรต่อไป
เริ่มหัวข้อโดย: neunang-นิ้วนาง ที่ มิถุนายน 12, 2010, 11:07:32 PM
อย่าลืมเอาไปเจิมด้วยนะครับ   เจิมรอบสองให้พระพรมน้ำมนต์ให้เกิดสิริมงคลด้วยก็ยิ่งดีครับ


หัวข้อ: Re: ซื้อรถมือสองมาแล้ว ทำอย่างไรต่อไป
เริ่มหัวข้อโดย: โอ_อุดร - รักในหลวง ที่ มิถุนายน 13, 2010, 02:44:18 AM
ซื้อรถมือสองมาแล้ว ทำอย่างไรต่อไป ?

เอาแบบไม่เคลียดนะครับ
1.หาเงินเติมน้ำมันครับ
2.หาเงินค่าซ่อม เพราะได้ซ่อมแน่นอน ( เพราะเต๊นท์ทุกเต๊นท์ บอกว่ารับประกันซ่อมฟรี )  ::005:: ::005:: ::005::
3.ทำใจกับเสียงนกเสียงกา กับคำถามที่ว่า ซื้อมาทำไมรถรุ่นนี้ มันอย่างนั้นอย่างนี้ ( เงินดาวน์ก็ไม่ช่วยออก ผ่อนก็ไม่ได้ช่วย มาติทำไมวะ )
4.คบเพื่อนที่เป็นช่างหรือเปิดอู่ซ่อมรถ
5.สำคัญที่สุด ภูมิใจกับสิ่งที่เรามีครับ แม้อาจไม่ใช่เฟอรารี่ หรือ บีเอ็ม แต่นั่นคือพาหนะคู่ใจท่านแน่นอนครับ  ::014:: ::014::

ปล.อย่างน้อยก็ดีกว่ารถมือหนึ่งของบุญชูแน่นอน ถามว่าทำไม ก็รถของบุญชูเป็นรถมือหนึ่ง ( ที่จับพวงมาลัย ) อีกมือหนึ่งต้องจับประตู ( เพราะมันจะหลุด  ::005:: ::005:: ::005:: )


หัวข้อ: Re: ซื้อรถมือสองมาแล้ว ทำอย่างไรต่อไป
เริ่มหัวข้อโดย: Desperado - รักในหลวง ที่ มิถุนายน 13, 2010, 06:53:00 AM
ผมคิดว่า ถ้าเราซื้อรถมือสอง สิ่งนึงที่น่าจะทำคือเปลี่ยนทะเบียนรถ ถ้าทำได้


หัวข้อ: Re: ซื้อรถมือสองมาแล้ว ทำอย่างไรต่อไป
เริ่มหัวข้อโดย: babor ที่ มิถุนายน 13, 2010, 08:14:54 AM

กำลังมองหาอยู่เหมือนกัน เข้ามาอ่านประดับความรู้ :D


หัวข้อ: Re: ซื้อรถมือสองมาแล้ว ทำอย่างไรต่อไป
เริ่มหัวข้อโดย: แสนสุข ที่ มิถุนายน 13, 2010, 10:08:03 AM
อยากบอกว่ารถมือสองทุกวันนี้อย่าเชื่อเลขไมล์นะครับ  มันกรอได้ตามแต่ใจคนขาย



บางคัน , บางร้าน  ครับ  รถรุ่นใหม่ๆส่วนมากจะเข้าบำรุงรักษาตามระยะ หลอกกันได้ตอนซื้อเท่านั้นครับ  ก่อนซื้อตกลงกันไว้ก่อนเลยครับเรื่องไมล์ ถ้ารถที่เราจะซื้อนั้นเป็นเจ้าของมือแรกเลขไมล์ควรจะต้องตรง   แต่ถ้ารถคันนั้นผ่านมาหลายมือแล้วหรือผ่านมาหลายเต๊นท์แล้วก็ต้องทำใจครับ ::014::


หัวข้อ: Re: ซื้อรถมือสองมาแล้ว ทำอย่างไรต่อไป
เริ่มหัวข้อโดย: 403-414-รักในหลวง ที่ มิถุนายน 13, 2010, 05:38:09 PM
::014::รถคันแรกของผม เป็นต้า.ฮีโร...วันแรกที่ซื้อมา ผมพาไปวัด รดน้ำมนต์ก่อนครับ
ยังดีนะครับ เพราะเป็นรถที่ผมใช้ปัจจุบัน  :D


หัวข้อ: Re: ซื้อรถมือสองมาแล้ว ทำอย่างไรต่อไป
เริ่มหัวข้อโดย: มะเอ็ม ที่ มิถุนายน 14, 2010, 09:04:47 AM
ถ้าเป็นรถเก๋งหรือรถที่ใช้ สายพานเพลาราวลิ้น ให้เปลี่ยนให้เปลี่ยนใหม่เลยน่ะครับ
ตัวนี้สำคัญมากเพราะผู้ใช้ไม่ค่อยนึกถึงมันจะอยู่ในเครื่องยนต์ มองจากด้านนออกไม่เห็น
หากขาดขึ้นมาระหว่างขับ   ลูกสูบ 2 ตัวยันกันวาล์ว แค่เสียจะตามมาอีกเยอะครับ
รถปกติก็ขึ้นอยู่กับรุ่นแต่ละรุ่นครับ..60,000-80,000 กิโลถึงเปลี่ยนบางรุ่น100,000 กิโล
สายพานด้านนอกเรามองได้ครับขาดสายไหนระบบนั้นก็จะไม่ทำงาน
สายพานหลักๆด้านหน้าเครื่องหากมองเข้าไปเปิดฝากระโปร่งรถขึ้นจะมีสามสายครับคือ
1.แอร์
2.ไดชาร์จ
3.เพาเวอร์
สายพานเพลาราวลิ้นขับวาล์วจะมีฝาครอบอยู่ครับ

::002:: ::002::


หัวข้อ: Re: ซื้อรถมือสองมาแล้ว ทำอย่างไรต่อไป
เริ่มหัวข้อโดย: oil ที่ มิถุนายน 18, 2010, 08:26:02 PM
วันนี้ได้มาอีกคันนึงครับ  ยาวใหญ่ แข็งและทน ;D ;D


หัวข้อ: Re: ซื้อรถมือสองมาแล้ว ทำอย่างไรต่อไป
เริ่มหัวข้อโดย: JUNGLE ที่ มิถุนายน 19, 2010, 08:58:44 PM
วันนี้ได้มาอีกคันนึงครับ  ยาวใหญ่ แข็งและทน ;D ;D


ใหญ่ - ยาว - แข็ง - ทน

;D ;D ;D



หัวข้อ: Re: ซื้อรถมือสองมาแล้ว ทำอย่างไรต่อไป
เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ มิถุนายน 19, 2010, 09:16:12 PM
สายพานเพลาราวลิ้นขับวาล์วจะมีฝาครอบอยู่ครับ
::002:: ::002::

                แต่ครั้งหลังที่เจอกัน   ผมสังเกตุเห็นลิ้นน้าเอ็มยังแข็งแรงดีอยู่นี่   ::002::  ....  รักษาสุขภาพดีนะ   ::007::



หัวข้อ: Re: ซื้อรถมือสองมาแล้ว ทำอย่างไรต่อไป
เริ่มหัวข้อโดย: pinkcar9 ที่ กรกฎาคม 09, 2010, 05:15:53 PM
ขับเลยครับ


หัวข้อ: Re: ซื้อรถมือสองมาแล้ว ทำอย่างไรต่อไป
เริ่มหัวข้อโดย: ppa111 ที่ กรกฎาคม 11, 2010, 07:24:25 PM
ทำสมุดบันทึกขึ้นมาเลย ครับ ว่าเราซ่อมอะไรไป กิโลที่เท่าไร งบที่ซ่อมไป เท่าไรแล้ว ครับ


หัวข้อ: Re: ซื้อรถมือสองมาแล้ว ทำอย่างไรต่อไป
เริ่มหัวข้อโดย: nukung13 ที่ กรกฎาคม 28, 2010, 11:48:59 AM
ใช้งานสิค่ะ


หัวข้อ: Re: ซื้อรถมือสองมาแล้ว ทำอย่างไรต่อไป
เริ่มหัวข้อโดย: คมขวาน รักในหลวง ที่ กรกฎาคม 28, 2010, 11:56:39 AM
สายพานเพลาราวลิ้นขับวาล์วจะมีฝาครอบอยู่ครับ
::002:: ::002::

                แต่ครั้งหลังที่เจอกัน   ผมสังเกตุเห็นลิ้นน้าเอ็มยังแข็งแรงดีอยู่นี่   ::002::  ....  รักษาสุขภาพดีนะ   ::007::


        แล้ว เจอกันครั้งล่าสุดล่ะลุงปู
สมรรถนะลิ้น  น้ามะเอ็ม  ยังเหมือนเดิมใหมครับ
        สายพานไทม์มิง
ขาดในจังหวะอัด ก็โชคดีไป
แต่ถ้าไม่ใช่  วาวล์กับลูกสูบทะเลาะกันแน่ ครับ


หัวข้อ: Re: ซื้อรถมือสองมาแล้ว ทำอย่างไรต่อไป
เริ่มหัวข้อโดย: วัฒน์ ที่ กรกฎาคม 28, 2010, 12:52:52 PM
ใช้งานสิค่ะ

 ::007:: คนขายรถมือสองแนะนำได้เพียงเท่านี้ อนาคตคงต้องเปลี่ยนอาชีพแล้วล่ะครับ


หัวข้อ: Re: ซื้อรถมือสองมาแล้ว ทำอย่างไรต่อไป
เริ่มหัวข้อโดย: ฅนบ้านนอก ที่ กรกฎาคม 28, 2010, 01:42:08 PM
               
                        ซื้อของมือสองผมถือว่าเป็นการวัดดวง   หากโชคดีก้อได้ซ่อมนิดๆหน่อยๆ
                        หากโชคไม่ดี  ค่าซ่อมของมือสองสามารถดาวน์ป้ายแดงได้สบายๆ.........
                        ที่สำคัญถ้ารุ่นสายพาน  ให้เปลี่ยนสายพานราวลิ้นใหม่ครับ ::014::


หัวข้อ: Re: ซื้อรถมือสองมาแล้ว ทำอย่างไรต่อไป
เริ่มหัวข้อโดย: มะเอ็ม ที่ กรกฎาคม 28, 2010, 05:07:00 PM
ได้จากเมล์ครับ
(http://61.19.248.235/uploads/3ef5f564e0.jpg) (http://imagehost.compgamer.com/getimg.php?img=3ef5f564e0.jpg)


หัวข้อ: Re: ซื้อรถมือสองมาแล้ว ทำอย่างไรต่อไป
เริ่มหัวข้อโดย: วัฒน์ ที่ กรกฎาคม 28, 2010, 06:39:30 PM
 ::014:: +3 ให้คุณ.มะเอ็ม ครับ


หัวข้อ: Re: ซื้อรถมือสองมาแล้ว ทำอย่างไรต่อไป
เริ่มหัวข้อโดย: ...แมวคราว... ที่ กรกฎาคม 28, 2010, 09:02:51 PM
ของผมเปลียนชุดกุญแจใหม่ทั้งหมด.....รวมทั้งชุดรีโมทด้วย
โดยเข้าเปลี่ยนที่ศูนย์


หัวข้อ: Re: ซื้อรถมือสองมาแล้ว ทำอย่างไรต่อไป
เริ่มหัวข้อโดย: nukung01 ที่ สิงหาคม 04, 2010, 03:55:28 PM
เก็บตังเติมน้ำมันค่ะ