เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

เริ่มจากผมก่อนเลยครับ ในรถยนต์ ผมจะมี GPS เก่า เป็นของ Garmin รุ่น III Plus ซื้อมาตั้งแต่ปี 2542
ไว้เป็นของเล่นในการขับรถตามลำพัง  หน้าจอตั้งความเร็วไว้เป็น ระบบเมตรตริก   แต่มาระยะ 1 - 2 เดือนมานี้

ผมคิดว่าสภาพอากาศแปรปรวน GPS น่าจะมีปัญหา หรือรถยนต์เราเริ่มจะเก่าไปแล้ว ความเร็วรถยนต์แสดงที่ 120 K/H
แต่ GPS แสดง ความเร็วที่ 75 m/h  m ผมเข้าใจว่ายังอยู่ในระบบเมตรตริก ผมจึงเร่งความเร็วเพื่อให้ได้ 120 .แต่ก็ทำไม่ได้สักที  ::005::

จนเมื่อ วันอังคารที่ผ่านมา ไปต่างจังหวัด ผมทำความเร็วได้สมใจ Maximum Speed 124.7 m/h ในGPS  และมาเอะใจ ว่า m มันคือ Mile หรือเปล่า
เมื่อแปลงค่า 124.7 m  เป็น ความเร็วในระบบเมตริก 200.7 กิโลเมตร/ชม.  จะบ้าตาย เพราะเกือบจะตายจริง ๆ ถ้ามีอะไรมาตัดหน้า.  :~)    ::005:: 

ขอบใจมาก คุณซับ ฯ  ;D

Maximum ครับ ไม่ใช่ Maxmum

ความ น่าเชื่อถือ ของ  GPS เชื่อได้มากน้อยเท่าไหร่ ครับ
เช่น ระยะทาง  หรือ ทางแยกทางเลี้ยว  ครับ  ผมเห็นที่เค้าใช้ๆ กัน ก็ใช้ โนเกีย 5800 เป็น GPS แทนครับ
 ::014::
 

200.7 กิโลเมตร/ชม.  :o



 :) เชื่อถือได้ครับ แต่มีข้อแม้ว่าแผนที่ต้องปรับปรุงเป็นตัวล่าสุดนะครับ ส่วนที่ใช้โทรฯมือถือนั้นใช้ได้ครับ แต่ไม่สะดวกเท่าพวกทำมาเฉพาะครับจอในการมองเห็นดีกว่าเยอะครับ

 ::014::ของผม nuvi200 ช้ากว่าไมล์รถ ๕% ครับ

เท่าที่เคยเจอนานๆ จะผิดพลาดถึง ๑๐ เมตร ส่วนใหญ่ ไม่เกิน ๕ เมตรครับ

           
                   1 ไมล์บก เท่ากับ 1.609 กิโลเมตร    Maximum Speed 124.7 m/h ของลุงโร้ด = 200.6423 กิโลเมตร/ชั่วโมง  :P  :OO         :~)

      GPS ของผมก็มีความแตกต่างในด้านความเร็วครับ คือความเร็วที่ไมล์รถยนต์จะมากกว่าความเร็วใน GPS อยู่ประมาณ 10 km/hr คือสมมุติความเร็วที่ 120 ใน GPS จะวัดได้ 110 (เป็นของใหม่ยี่ห้อ innovate made in บ้านหม้อ ราคา 2,400 ซื้อมาได้ไม่ถึงเดือน) ก็ดีครับ ;D ;D ;D

 (http://upic.me/i/z7/picture239rrr.jpg) (http://upic.me/show.php?id=d3965dc577cf91d1b348cd378374f593)

                 ผมใช้รุ่นนี้อยู่ ..... คลาดเคลื่อนครับ  เข้าใจว่าเกิดจากการใช้ยางไม่ตรงสเปค  (รถผมยัง mud 31 นิ้ว) ในภาพอยู่บนเรือข้ามฟากไปเกาะลันตา

ผมยังนึกขำตัวเองอยู่เลย.. ว่าเราก็โก๊ะ เป็นเหมือนกัน.. ขับ อยู่บนทางด่วนข้ามเจ้าพระยาเส้นที่ไปลงพระราม 2  แค่  95 กม./ชม. เอง ทำไม่ไม่เห็นมีรถแซงเราบ้างเลย   ::005::

แช่อยู่ตั้งหลาย กม. แบบไม่รู้ตัว นึกว่าเราประหยัดน้ำมันอย่างที่สุดแล้ว นะ.  ::005::

ของพี่โร้ดพอสรุปได้ว่า
รถยังไม่เก่า จีพีเอสยังใช้ได้ คนขับรถก็หูตายังไวครับ
ผมใช้จีพีเอส การ์มิน 1250 การผิดพลาดด้านความเร็วประมาณ -3 กม.ครับ
ถ้าเป็นผมเกิน 120 กม./ชม. จะมีสัญญานเตือน เหงื่อเริ่มซึมตามหน้า ฝ่ามือครับ ;D

ถ้าขับรถญี่ปุ่นรุ่นเล็กๆความเร็ว 120 ตัวรถก็กระพือแทบจะบินได้แล้ว ::011::

ตั้งให้เครื่องปัดเศษ ครับ.  ;D

                        ใช้คันไหนครับลุงโร้ด  เบนซ์หรือจี๊พ

Jeep ไปได้เต็มที่ 160 กม.  ก็เสียว ๆ ขาสั่นแล้วละลุง..  ตอนนี้ Jeep ป่วย อาการสาหัส น้ำเข้าไปห้องเกียร์  จอดรอซ่อมอยู่ครับ ลุง..  ;D

               
                     ผมก็เพิ่งขึ้นมาซ่อมเกียร์สโลว์ครับ เปลี่ยนโซ่เส้นใหม่พร้อมเรียงเกียร์ เมื่อปลายเดือนที่แล้วกระเป๋าแฟ่บเลย  :~)

(http://upic.me/i/0t/dsc09524.jpg) (http://upic.me/show.php?id=ef3d0f260a54188ce3c38c24c058df52)

                                             ยังไม่เบื่อหรือครับ   :D~ :D~

มีข้อผิดพลาดเพียงเล็กน้อยแต่ส่งผลบานปลายเสียหายเสียเงินมาตัวอย่างนึง

 ผมเคยมีรถซีตรองรุ่นเครื่องตัวแรงที่สุดในรุ่น16 Valve 155 แรงม้าเกียร์ธรรมดาเดิมๆจากโรงงาน
การทรงตัวมันเยี่ยมมากบวกกับเครื่องทีแรงจัดและเกียร์ธรรมดาส่งผลให้การขับพุ่งไปถึง 200 Km/Hr
เป็นเรืองง่ายๆ แต่เนื่องจากมันเป็นรถเมืองหนาวมันจึงมีระบบน้ำอุ่นจากหม้อน้ำเอาเข้าไปวนให้ลมเป่าเข้า
ห้องโดยสารในหน้าหนาวแต่มันไม่จำเป็นในเมืองไทยจ้าของเก่าจึงได้ตัดระบบท่อออกและเอาจุกยางมาอุดไว้
และมันก็ใช้งานได้ตามปกติไม่มีปัญหาอะไรหรอกวิ่งมันเหมือนเดิม ทีนี้มีคนมาเห็นและชอบความแรงมันเข้า
มาขอซื้อต่อผมไป ผมก็ขายเพราะผมมีซีตรองอีกคันอยู่แล้ว

  เขาเอาไปใช้ต่ออยู่นานมันก็ขับสนุกไม่ผิดหวังเช่นเดิม  แ่ต่แล้ววันหนึ่งขณะขับอยู่ความร้อนพุ่งถึงขีดสุด
ลงไปตรวจดูน้ำกระจายหายเกลี้ยง  คงจะหายมาพักใหญ่แล้วพราะหลังจากสำรวจความเสียหายแล้วก็ฝาสูบโก่ง
คิดค่าซ่อมแล้วไม่ไหวเปลี่ยนเครื่องใหม่คุ้มกว่าจึงได้ ไปซื้อหัวตัดมาเอาเครื่องในราคาเจ็ดหมื่นกว่า


เหตุที่เครื่องกระจายก็เพราว่า จุกยางที่อุดท่อน้ำไหลวนมันเปื่อยไม่ได้เปลี่ยนหลังจากเปลี่ยนมือจากผมไปใช้ต่ออยู่นาน

จากราคาจุกยางที่ไม่เกินยี่สิบบาท มันทำให้เสียเงินหลายหมื่น เสียเวลาเสียความรู้สึกเพราะไม่สามารถหาเครื่องที่แรงแบบ
เดิมมาใส่ได้อีก

               พูดถึงหม้อน้ำและความร้อนขึ้นสูง    นึกขึ้นได้ว่าเคยมีประสบการณ์เรื่องนี้เช่นกัน  เป็น HONDA CIVIC

               ราวสัก ๓ ปีที่แล้ว  ไปร่วมงานพระราชทานปริญญาบัตรลูกสาวคนที่สองที่ มอ.หาดใหญ่ จ.สงขลา

               ขับรถไปกับภรรยาและลูกสาวคนโต ..... ขากลับให้ภรรยาขับกลับพร้อมพี่สาวเขา เนื่องจากผมต้องอยู่ประชุมที่หาดใหญ่

               เช้าวันเดินทางกลับ  ก็ลงจากห้องพักมาตรวจดูความเรียบร้อยของรถ เปิดฝาหม้อน้ำก็ปกติดีหย่อนไปนิดหน่อยเลยเอาน้ำดื่ม

               ในขวดเติมไป แล้วก็ตรวจดูอื่นๆหลังจากนั้นก็ปิดฝากระโปรงให้คณะหล่อนเดินทางกลับกันเอง

               ช่วงบ่ายก็รับสายจากภรรยา เข้าใจว่าคงถึงบ้านแล้ว แต่ที่ไหนได้กลายเป็นรถควันโขมงเรียกช่างแถวนั้นมาดูบอกว่าฝาปิดหม้อน้ำไม่มี

               ตายละวานี่เป็นความสะเพร่าของเราเต็มๆ ...... ช่างแถวนั้นบอกจะซ่อมไหมตีราคาเท่านั้นเท่านี้  ผมบอกให้ฝากรถไว้ที่บ้านคนรู้จักกันก่อน

               
               หลังจากเสร็จสิ้นภาระกิจก็กลับเรียกช่างที่ศูนย์บริการไปช่วยดูและลากกลับ  ปรากฎว่าไปถึงสตาร์ทติดเป็นปกติ เติมน้ำเรียบร้อยก็ขับกลับ

               มาถึงบ้านเอาของในรถลง (ส่วนใหญ่เป็นดอกไม้และของที่ระลึกงานรับปริญญาลูกที่เพื่อนๆเขาให้มา) คราวนี้สตาร์ไม่ติดต้องลากไป

               ตรวจเช็คเสร็จก็เรียบร้อยฝาสูบโก่ง  เสียไปหลายพันเหมือนกัน  ......  นึกแล้วอยากเขกกระโหลกตัวเองทุกที

แสดงว่าพี่ R0@d ขับ MB แน่ๆครับ...

ถึงนิ่งได้ขนาดนั้น... ::005::

เคยมีเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่ง... ไปเปลี่ยนน้ำมันเครื่องแล้วช่างลืมปิดฝาให้... กลับมาถึงบ้านน้ำมันเครื่องกระจายเต็มห้องเครื่อง...


...ส่วนผมลืมเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ของเจ้า Isuzu TFR นานเข้าทำให้ลูกปืนปลายเกียร์แตกแล้วหล่นไปในห้องเกียร์... เล่นเอาเกียร์สี่พัง... ต้องเปลี่ยน... หลดไปหลายตังค์... ;D ;D ;D

ง่า ....  วันนั้นดื่มมากไปหน่อยฮับ ...  ::008::

ขับรถถ้ามีสติ....  ก็ไม่เสียสตางค์
         คติประจำใจ...เวลาขับรถครับ ::002::

                  สงสัยขับเครื่องบิน Jet   ::005::

........  นี่เพดานบินปรกติ เมื่อ Auto  Pirot ของ 747 ทำงาน เมื่อเดินข้าม แปซิฟิก นี่นา .  ::005::    ::005::