เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

สนทนาภาษาปืน => หลังแนวยิง => ข้อความที่เริ่มโดย: เบิ้ม ที่ กันยายน 09, 2010, 07:34:39 PM



หัวข้อ: เป่าดับแก๊งแขกขาวปืนบ้านลักทรัพย์
เริ่มหัวข้อโดย: เบิ้ม ที่ กันยายน 09, 2010, 07:34:39 PM
.38  นัดเดียว เข้าจุดตาย ฝีมือไม่ธรรมดา ::002::

ขอให้เรื่องจบโดยราบรื่นครับ  ::014::

9 กย. 2553 18:50 น.


พ.ต.ท.ประเสริฐ สีตลาศัย พงส.(สบ 3) สน.ตลิ่งชัน รับแจ้งเหตุมีคนร้ายปีนเข้าไปลักทรัพย์ภายในบ้าน แล้วถูกเจ้าของบ้านยิงเสียชีวิต เหตุเกิดภายในบ้านเลขที่ 77/20 ซอยฉิมพลี 24 ถนนฉิมพลี แขวงฉิมพลี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ ที่เกิดเหตุเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น พบศพชายชาวต่างชาติ ลักษณะคล้ายแขกขาว อายุประมาณ 50 ปี ถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกโม่ .38 มม. 1 นัด โดยมีนายไพรัช หุ่นนอก อายุ 56 ปี นักออกแบบผลิตภัณฑ์อิสระ พี่ชายเจ้าของบ้านยืนรอให้การเจ้าหน้าที่อยู่ด้วยสีหน้าตกใจสุดขีด จากการตรวจสอบภายในพบว่ามีร่องรอยคนร้ายใช้คีมงัดประตูรั้วสแตนเลสหน้าบ้าน ทำให้ประตูได้รับความเสียหาย โดยที่หน้าต่างบานเลื่อนที่อยู่ข้างบ้าน ถูกคนร้ายถอดยกออกเพื่อเข้าไปภายในบ้าน ขณะที่ห้องนอนชั้นบนซึ่งเป็นห้องนอนของนายธวัชชัย หุ่นนอก อายุ 53 ปี ผอ.ฝ่ายบริหารหนี้สินบริษัทเมื่องไทยประกันภ้ย เจ้าของบ้านและเป็นน้องชายนายไพรัช ถูกรื้อค้นจนข้าวของภายในห้องกระจัดกระจายได้รับความเสียหาย

สอบสวนนายไพรัช กล่าวว่า ตนเองและพี่น้องปลูกบ้านอาศัยอยู่ติดกัน ทั้งหมด 3 หลัง โดยมีบ้านของนายธวัชชัย น้องชายอยู่เป็นหลังแรก บ้านของตนเองเป็นหลังที่ 3 ทุกหลังจะติดสัญญาณกันโขมยทั้งหมด จึงจะไม่มีการติดเหล็กดัดกันโขมย ช่วงเกิดเหตุบ้านน้องชาย ซึ่งจะอาศัยอยู่แค่ 3 คน คือน้องชาย น้องสะใภ้ และลูก ไม่มีใครอยู่บ้าน ปรากฏว่าได้ยินเสียงสัญญาณกันโขมยดังขึ้น จึงรีบเดินออกจากบ้านมาดู พร้อมถืออาวุธปืนลูกโม่ .38 มม. มาด้วย ขณะนั้นสังเกตเห็นรถยนต์โตโยต้า วีออส สีขาว จำทะเบียนไม่ได้ จอดติดเครื่องยนต์อยู่บริเวณหน้าบ้านน้องชาย หันหัวรถยนต์เตรียมออกด้านปากซอย เปิดแง้มกระจกทำให้เห็นภายในมีคนนั่งอยู่ลักษณะคล้ายแขกขาว 3 คน เมื่อเห็นตนเองก็รีบขับรถยนต์ออกไป เมื่อหันมาสังเกตประตูรั้วพบว่ามีร่องรอยถูกงัด จึงรีบเข้าไปเดินดูภายในบริเวณรอบๆ บ้าน ก่อนได้ยินเสียงคนร้ายซึ่งปีนเข้าไปในบ้านจากหน้าต่างด้านข้างกระโดดออกมา ตนบอกให้หยุด แต่คนร้ายพยายามถือไขควงปลายแหลม จะเข้ามาทำร้าย จึงใช้ปืนที่นำมาด้วย ยิงคนร้ายเข้าไป 1 นัด ก่อนล้มคว่ำแน่นิ่งไป จึงรีบโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ

เบื้องต้นสันนิษฐานว่าคนร้ายน่าจะเป็นแก๊งแขกขาว ที่เช่ารถยนต์มา ก่อนทำการสวมทะเบียนปลอม แล้วออกตระเวนลักทรัพย์ตามบ้านเหยื่อ ที่สังเกตว่าไม่มีคนอยู่ภายในบ้าน แต่ครั้งนี้สัญญาณกันขโมยของบ้านหลังเกิดเหตุดังขึ้น จึงทำให้พี่ชายเจ้าของบ้านซึ่งอยู่ใกล้เคียงได้ยิน จึงรีบวิ่งมาดู ก่อนพบคนร้ายกระโดดออก และพยายามจะเข้าทำร้าย จึงใช้อาวุธปืนยิงเข้าใส่จนเสียชีวิต ซึ่งเบื้องต้นแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่น กับนายไพรัชไว้ก่อน ก่อนสืบสวนเรื่องราวข้อเท็จจริง และติดตามจับกุมแก๊งค์คนร้ายที่เหลือที่หลบหนีต่อไป
 

http://breakingnews.nationchannel.com/read.php?lang=th&newsid=467805 (http://breakingnews.nationchannel.com/read.php?lang=th&newsid=467805)


หัวข้อ: Re: เป่าดับแก๊งแขกขาวปืนบ้านลักทรัพย์
เริ่มหัวข้อโดย: -Joke- ที่ กันยายน 09, 2010, 07:52:24 PM
Good job ครับ


หัวข้อ: Re: เป่าดับแก๊งแขกขาวปืนบ้านลักทรัพย์
เริ่มหัวข้อโดย: Southlander ที่ กันยายน 09, 2010, 07:56:12 PM
ํำดีมาก แก็งแขกขาวเอาใหญ่แล้ว


หัวข้อ: Re: เป่าดับแก๊งแขกขาวปืนบ้านลักทรัพย์
เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ กันยายน 09, 2010, 08:01:22 PM

                โดนแค่ .38 ม.ม. ไม่น่าตายนะ



หัวข้อ: Re: เป่าดับแก๊งแขกขาวปืนบ้านลักทรัพย์
เริ่มหัวข้อโดย: kom-recon ที่ กันยายน 09, 2010, 08:02:08 PM
น่าจะเป็น.45 ACP หัวระเบิดแทน.38นะครับ


หัวข้อ: Re: เป่าดับแก๊งแขกขาวปืนบ้านลักทรัพย์
เริ่มหัวข้อโดย: indojeen@รักในหลวง ที่ กันยายน 09, 2010, 08:22:55 PM
นี่ขนาดแค่เป่านะครับ   ::005::


หัวข้อ: Re: เป่าดับแก๊งแขกขาวปืนบ้านลักทรัพย์
เริ่มหัวข้อโดย: นายกระจง ที่ กันยายน 09, 2010, 08:26:31 PM
มันต้องแบบนี้ครับ สำหรับโจร


หัวข้อ: Re: เป่าดับแก๊งแขกขาวปืนบ้านลักทรัพย์
เริ่มหัวข้อโดย: Minton ที่ กันยายน 09, 2010, 08:47:51 PM
ยิงเเม่นครับ นับถือๆๆๆ


หัวข้อ: Re: เป่าดับแก๊งแขกขาวปืนบ้านลักทรัพย์
เริ่มหัวข้อโดย: sada ที่ กันยายน 09, 2010, 09:10:54 PM
เกินกว่าเหตุ   อีกแล้ว   จริงๆ น่าจะเอาน้ำร้อนสาด มากกว่า  ::007::


หัวข้อ: Re: เป่าดับแก๊งแขกขาวปืนบ้านลักทรัพย์
เริ่มหัวข้อโดย: สหายอ๋อง เซียนปลาซิว ที่ กันยายน 09, 2010, 09:11:32 PM
.38  มม.


หัวข้อ: Re: เป่าดับแก๊งแขกขาวปืนบ้านลักทรัพย์
เริ่มหัวข้อโดย: Southlander ที่ กันยายน 09, 2010, 09:21:10 PM

                โดนแค่ .38 ม.ม. ไม่น่าตายนะ



เอาน่ะ หยวนๆผิดนิดผิดหน่อย โจรตายเป็นพอ


หัวข้อ: Re: เป่าดับแก๊งแขกขาวปืนบ้านลักทรัพย์
เริ่มหัวข้อโดย: steam.รักในหลวง ที่ กันยายน 09, 2010, 09:29:50 PM
           มันต้องเจอแบบนี้ครับ อย่าเอาผิดคนยิงเลยนะครับคุณตำรวจ ;D


หัวข้อ: Re: เป่าดับแก๊งแขกขาวปืนบ้านลักทรัพย์
เริ่มหัวข้อโดย: ~ Sitthipong - รักในหลวง ~ ที่ กันยายน 09, 2010, 09:31:12 PM
เกินกว่าเหตุ   อีกแล้ว   จริงๆ น่าจะเอาน้ำร้อนสาด มากกว่า  ::007::

กรณีนี้คิดว่าไม่เกินกว่าเหตุครับ  เพราะจากข่าวบอกว่า  ...ตนบอกให้หยุด แต่คนร้ายพยายามถือไขควงปลายแหลม จะเข้ามาทำร้าย จึงใช้ปืนที่นำมาด้วย ยิงคนร้ายเข้าไป 1 นัด....


หัวข้อ: Re: เป่าดับแก๊งแขกขาวปืนบ้านลักทรัพย์
เริ่มหัวข้อโดย: sada ที่ กันยายน 09, 2010, 09:40:57 PM
เกินกว่าเหตุ   อีกแล้ว   จริงๆ น่าจะเอาน้ำร้อนสาด มากกว่า  ::007::

กรณีนี้คิดว่าไม่เกินกว่าเหตุครับ  เพราะจากข่าวบอกว่า  ...ตนบอกให้หยุด แต่คนร้ายพยายามถือไขควงปลายแหลม จะเข้ามาทำร้าย จึงใช้ปืนที่นำมาด้วย ยิงคนร้ายเข้าไป 1 นัด....
  แต่นัดเดียวจอด เนี้ยไม่ถือว่าเกินกว่าเหตุหรือครับ พี่พงษ์  ::014::


หัวข้อ: Re: เป่าดับแก๊งแขกขาวปืนบ้านลักทรัพย์
เริ่มหัวข้อโดย: Wachira1973 ที่ กันยายน 09, 2010, 09:47:49 PM
แถวๆบ้านผมอีกแล้วครับ...อาทิตย์ก่อนก็เด็กแว้นถูกสอยหน้าไปรษณีย์ตลิ่งชัน วันนี้ก็เอาอีกแล้ว..ว่าแต่อย่าเข้ามาบ้านผมก็แล้วกัน..ไม่อยากเป็นข่าวน่ะครับ.. 8)


หัวข้อ: Re: เป่าดับแก๊งแขกขาวปืนบ้านลักทรัพย์
เริ่มหัวข้อโดย: krajong ที่ กันยายน 09, 2010, 09:55:09 PM
ความเห็นส่วนตัวนะครับ

อันที่จริงตำรวจไม่น่าไปเอาผิดเจ้าของบ้านครับ บ้านของเขาเขามีสิทธิป้องกัน
เหตุที่เกิดขึ้นเพราะว่าตำรวจทำหน้าที่ไม่ดีพอมากกว่าไหมครับ ทุกงานเลยตำรวจเอะอะจะจับไปทั่ว


หัวข้อ: Re: เป่าดับแก๊งแขกขาวปืนบ้านลักทรัพย์
เริ่มหัวข้อโดย: depp40 ที่ กันยายน 09, 2010, 09:59:15 PM
เรื่องรูปคดี  .....  

ผมขอเอาใจช่วยครับ  

เฮียตี๋เป็นคนดี  ทางตำรวจคงเข้าใจความจำเป็นเฉพาะหน้า
.
.
.
.
.

เรื่องฝีมือ  ......   ::002::








หัวข้อ: Re: เป่าดับแก๊งแขกขาวปืนบ้านลักทรัพย์
เริ่มหัวข้อโดย: -Joke- ที่ กันยายน 09, 2010, 10:04:28 PM
แถวๆบ้านผมอีกแล้วครับ...อาทิตย์ก่อนก็เด็กแว้นถูกสอยหน้าไปรษณีย์ตลิ่งชัน วันนี้ก็เอาอีกแล้ว..ว่าแต่อย่าเข้ามาบ้านผมก็แล้วกัน..ไม่อยากเป็นข่าวน่ะครับ.. 8)

บ้านใกล้กันเลยครับ บ้านอยู่แถวไหนครับ ผมอยู่ตรง รพ ธนบุรี 2 ปีก่อนโดนงัดไปครับ


หัวข้อ: Re: เป่าดับแก๊งแขกขาวปืนบ้านลักทรัพย์
เริ่มหัวข้อโดย: ~ Sitthipong - รักในหลวง ~ ที่ กันยายน 09, 2010, 10:15:35 PM
เกินกว่าเหตุ   อีกแล้ว   จริงๆ น่าจะเอาน้ำร้อนสาด มากกว่า  ::007::

กรณีนี้คิดว่าไม่เกินกว่าเหตุครับ  เพราะจากข่าวบอกว่า  ...ตนบอกให้หยุด แต่คนร้ายพยายามถือไขควงปลายแหลม จะเข้ามาทำร้าย จึงใช้ปืนที่นำมาด้วย ยิงคนร้ายเข้าไป 1 นัด....
  แต่นัดเดียวจอด เนี้ยไม่ถือว่าเกินกว่าเหตุหรือครับ พี่พงษ์  ::014::

ไม่ใช่อยู่ที่นัดเดียวครับ  แต่อยู่ที่ ...ตนบอกให้หยุด แต่คนร้ายพยายามถือไขควงปลายแหลม จะเข้ามาทำร้าย... ครับ

แต่ถ้าคนร้ายวิ่งหนีแล้วเราไปยิงนี่สิถึงเรียกว่าทำเกินกว่าเหตุ  แต่จากเหตุการณ์นี้น่าจะยิงที่พื้นอีกซักนัดนะครับ  จะได้อ้างว่ายิงเตือนแล้วแต่ไม่หยุด ...... ::014::


หัวข้อ: Re: เป่าดับแก๊งแขกขาวปืนบ้านลักทรัพย์
เริ่มหัวข้อโดย: Wachira1973 ที่ กันยายน 09, 2010, 10:29:55 PM
แถวๆบ้านผมอีกแล้วครับ...อาทิตย์ก่อนก็เด็กแว้นถูกสอยหน้าไปรษณีย์ตลิ่งชัน วันนี้ก็เอาอีกแล้ว..ว่าแต่อย่าเข้ามาบ้านผมก็แล้วกัน..ไม่อยากเป็นข่าวน่ะครับ.. 8)

บ้านใกล้กันเลยครับ บ้านอยู่แถวไหนครับ ผมอยู่ตรง รพ ธนบุรี 2 ปีก่อนโดนงัดไปครับ

  ผมอยู่ซอยวัดมะกอกก่อนถึงสายใต้ใหม่(ล่าสุด)ครับท่าน Joke...บ้านผมก็เคยโดนงัดครับ แต่ตอนนั้นเพิ่งจะสร้างเสร็จใหม่ๆยังไม่ได้ย้ายเข้ามาอยู่...
  ถ้ามาตอนนี้ล่ะก็...ผมรอต้อนรับอยู่ในที่ตั้งอยู่แล้วครับ... ::008::


หัวข้อ: Re: เป่าดับแก๊งแขกขาวปืนบ้านลักทรัพย์
เริ่มหัวข้อโดย: ko_kloy212 ที่ กันยายน 09, 2010, 10:58:55 PM
ความเห็นส่วนตัวนะครับ

อันที่จริงตำรวจไม่น่าไปเอาผิดเจ้าของบ้านครับ บ้านของเขาเขามีสิทธิป้องกัน
เหตุที่เกิดขึ้นเพราะว่าตำรวจทำหน้าที่ไม่ดีพอมากกว่าไหมครับ ทุกงานเลยตำรวจเอะอะจะจับไปทั่ว

มีคดีแบบนี้ตำรวจก็ต้องทำหน้าที่ของเขาครับ ส่่วนการแก้ข้อกล่าวหาก็ว่าไปตามประจักษ์พยานหลักฐาน

ถ้าไม่ให้ตำรวจจับจะให้เขาทำอย่างไรครับ ผู้ที่ยิงคนร้ายตายเขาก็ไม่ได้หนีไปไหนยอมมอบตัวแต่โดยดี

ตำรวจทำแบบนี้ก็โดนดำเนินคดีเหมือนกัน

ดักชิงทองเมียตร. โดนจ่ายิงดับคาที่


--------------------------------------------------------------------------------
(http://www.matichon.co.th/news-photo/khaosod/2009/02/p0108200252p1.jpg)




ปล้นผิด - นางเครือฟ้า ศรีแสง โชว์บาดแผลหลังถูก 2 โจรดักจี้ชิงสร้อยคอทองคำ ระหว่างซ้อนท้ายจยย.มากับจ.ส.ต.ศักดิ์สิริ ศรีแสง สามี บริเวณใกล้นิคมฯ บางปะอิน ก่อนที่จ.ส.ต.ศักดิ์สิริ จะใช้อาวุธปืนยิงใส่คนร้ายเสียชีวิตไป 1 ราย

 
โจรดวงซวยดักกระชากสร้อยเมียตร. ขณะนั่งซ้อนท้ายผัวมาซื้อกับข้าว ใช้ปืนดักจี้หน้านิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน จ.ส.ต.สบจังหวะจึงชักปืนยิงใส่ โดนโจรที่ซ้อนท้ายดับสยอง ส่วนคนขี่เพื่อนร่วมแก๊งหลบหนีไปได้ แฉคนตายมีประวัติติดยาเสพติด อยู่ระหว่างคุมประพฤติ

เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 19 ก.พ. พ.ต.ท.ธีระวัฒน์ แสงครุฑ พนักงานสอบสวน สภ.บางปะอิน จ.พระ นครศรีอยุธยา รับแจ้งจากจ.ส.ต.ศักดิ์สิริ ศรีแสง อายุ 37 ปี ผบ.หมู่งานป้องกันปราบปราม สภ.บางปะอิน ว่ามีคนร้ายได้กระชากสร้อยนางเครือฟ้า ศรีแสง อายุ 36 ปี ภรรยา และได้ใช้อาวุธปืนยิงคนร้ายเสียชีวิต ที่บริเวณริมถนนสายอุดมสรยุทธ์ ใกล้กับนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน ม.2 ต.คลองจิก อ.บางปะอิน จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.ธงชัย สายไหม ผกก. พ.ต.ท.ธนพณ โพธิสุข รองผกก.สส. พ.ต.ท.นฤนาท พุทไธสง รองผกก.กลุ่มงานสืบสวน ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา พร้อมกำลังชุดสืบสวนไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ

พบศพนายกำพล โซ๊ะมีเลาะ อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 18 ม.9 ต.เชียงรากน้อย อ.บางปะอิน สวมเสื้อคลุมแขนยาวสีดำ นุ่งกางเกงยีนส์สีดำ สวมหมวกกันน็อก แบบปิดหน้าสีดำ สภาพศพนอนหงาย ถูกยิงเข้าที่ชายโครงขวาด้านหลังจำนวน 1 นัด กระสุนทะลุหน้าอก ห่างจากศพประมาณ 30 เมตร พบสร้อยคอทองคำขาดพร้อมพระหลวงพ่อเพี้ยน วัดเกริ่นกฐิน จ.ลพบุรี เลี่ยมทองหนัก 1 บาท ตกอยู่ ใกล้กันพบรถจักรยานยนต์ฮอนด้า แอร์เบลด สีดำหมายเลขทะเบียน ชกพ-197 พระนครศรีอยุธยา เป็นรถของจ.ส.ต.ศักดิ์สิริ

จ.ส.ต.ศักดิ์สิริ กล่าวว่า หลังจากออกเวรขับรถของพนักงานสอบสวนได้เปลี่ยนชุดที่บ้านพัก ในขณะขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านพร้อมภรรยา โดยนำสุนัขพันธุ์พุดเดิ้ลติดตามมาด้วย โดยจะไปซื้อกับข้าวที่ตลาด จังหวะที่ขี่รถจักรยานยนต์ผ่านมาถึงหน้านิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน มีคนร้าย 2 คนขี่รถจักรยานยนต์ปาดหน้าให้จอด จากนั้นคนร้ายที่เป็นคนขับ สวมหมวกกันน็อกสีดำชักอาวุธปืนออกมาจ่อที่ตนบอกว่าให้อยู่เฉยๆ ส่วนคนซ้อนท้ายกระชากสร้อยคอของภรรยาจนขาด ทำให้ที่ลำคอด้านขวามีบาดแผลถลอกเลือดไหลซิบๆ สุนัขพันธุ์พุดเดิ้ลเห่าส่งเสียงดังตลอดเวลา ระหว่างนั้นพยายามตั้งสติ รอจังหวะให้คนร้ายขี่รถจักรยานยนต์ออกไป คนร้ายยังใช้อาวุธปืนจ่อมาทางตนบอกไม่ให้ติดตามมา จากนั้นจึงตัดสินใจใช้อาวุธปืนขนาด 9 ม.ม. ที่พกติดตัวมายิงใส่คนร้ายไป 1 นัด จนคนร้ายที่ซ้อนท้ายตกลงจากรถ ส่วนคนร้ายอีกคนได้ขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป ตนพยายามขี่รถติดตามแต่ไม่ทัน

พ.ต.อ.ธงชัย กล่าวว่าจากการตรวจสอบประวัติของผู้ตาย ทราบว่าเคยต้องโทษในคดียาเสพติด ซึ่งในวันเดียวกันนี้จะต้องไปรายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่คุมประพฤติ ไม่ได้ประกอบอาชีพอะไรเป็นหลักแหล่ง ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสอบสวนอย่างละเอียดพร้อมทั้งจะให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย ในเบื้องต้นตั้งข้อหาจ.ส.ต.ศักดิ์สิริ ในข้อหาฆ่าคนตายเอาไว้ก่อนhttp://www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROd01ERXdPREl3TURJMU1nPT0=&sectionid=TURNd01RPT0=&day=TWpBd09TMHdNaTB5TUE9PQ== (http://www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROd01ERXdPREl3TURJMU1nPT0=&sectionid=TURNd01RPT0=&day=TWpBd09TMHdNaTB5TUE9PQ==)


หัวข้อ: Re: เป่าดับแก๊งแขกขาวปืนบ้านลักทรัพย์
เริ่มหัวข้อโดย: แมวบ้า(น) ที่ กันยายน 10, 2010, 12:02:55 AM
ความเห็นส่วนตัวนะครับ

อันที่จริงตำรวจไม่น่าไปเอาผิดเจ้าของบ้านครับ บ้านของเขาเขามีสิทธิป้องกัน
เหตุที่เกิดขึ้นเพราะว่าตำรวจทำหน้าที่ไม่ดีพอมากกว่าไหมครับ ทุกงานเลยตำรวจเอะอะจะจับไปทั่ว

มีคดีแบบนี้ตำรวจก็ต้องทำหน้าที่ของเขาครับ ส่่วนการแก้ข้อกล่าวหาก็ว่าไปตามประจักษ์พยานหลักฐาน

ถ้าไม่ให้ตำรวจจับจะให้เขาทำอย่างไรครับ ผู้ที่ยิงคนร้ายตายเขาก็ไม่ได้หนีไปไหนยอมมอบตัวแต่โดยดี

ตำรวจทำแบบนี้ก็โดนดำเนินคดีเหมือนกัน

ดักชิงทองเมียตร. โดนจ่ายิงดับคาที่


--------------------------------------------------------------------------------
(http://www.matichon.co.th/news-photo/khaosod/2009/02/p0108200252p1.jpg)




ปล้นผิด - นางเครือฟ้า ศรีแสง โชว์บาดแผลหลังถูก 2 โจรดักจี้ชิงสร้อยคอทองคำ ระหว่างซ้อนท้ายจยย.มากับจ.ส.ต.ศักดิ์สิริ ศรีแสง สามี บริเวณใกล้นิคมฯ บางปะอิน ก่อนที่จ.ส.ต.ศักดิ์สิริ จะใช้อาวุธปืนยิงใส่คนร้ายเสียชีวิตไป 1 ราย

 
โจรดวงซวยดักกระชากสร้อยเมียตร. ขณะนั่งซ้อนท้ายผัวมาซื้อกับข้าว ใช้ปืนดักจี้หน้านิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน จ.ส.ต.สบจังหวะจึงชักปืนยิงใส่ โดนโจรที่ซ้อนท้ายดับสยอง ส่วนคนขี่เพื่อนร่วมแก๊งหลบหนีไปได้ แฉคนตายมีประวัติติดยาเสพติด อยู่ระหว่างคุมประพฤติ

เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 19 ก.พ. พ.ต.ท.ธีระวัฒน์ แสงครุฑ พนักงานสอบสวน สภ.บางปะอิน จ.พระ นครศรีอยุธยา รับแจ้งจากจ.ส.ต.ศักดิ์สิริ ศรีแสง อายุ 37 ปี ผบ.หมู่งานป้องกันปราบปราม สภ.บางปะอิน ว่ามีคนร้ายได้กระชากสร้อยนางเครือฟ้า ศรีแสง อายุ 36 ปี ภรรยา และได้ใช้อาวุธปืนยิงคนร้ายเสียชีวิต ที่บริเวณริมถนนสายอุดมสรยุทธ์ ใกล้กับนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน ม.2 ต.คลองจิก อ.บางปะอิน จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.ธงชัย สายไหม ผกก. พ.ต.ท.ธนพณ โพธิสุข รองผกก.สส. พ.ต.ท.นฤนาท พุทไธสง รองผกก.กลุ่มงานสืบสวน ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา พร้อมกำลังชุดสืบสวนไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ

พบศพนายกำพล โซ๊ะมีเลาะ อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 18 ม.9 ต.เชียงรากน้อย อ.บางปะอิน สวมเสื้อคลุมแขนยาวสีดำ นุ่งกางเกงยีนส์สีดำ สวมหมวกกันน็อก แบบปิดหน้าสีดำ สภาพศพนอนหงาย ถูกยิงเข้าที่ชายโครงขวาด้านหลังจำนวน 1 นัด กระสุนทะลุหน้าอก ห่างจากศพประมาณ 30 เมตร พบสร้อยคอทองคำขาดพร้อมพระหลวงพ่อเพี้ยน วัดเกริ่นกฐิน จ.ลพบุรี เลี่ยมทองหนัก 1 บาท ตกอยู่ ใกล้กันพบรถจักรยานยนต์ฮอนด้า แอร์เบลด สีดำหมายเลขทะเบียน ชกพ-197 พระนครศรีอยุธยา เป็นรถของจ.ส.ต.ศักดิ์สิริ

จ.ส.ต.ศักดิ์สิริ กล่าวว่า หลังจากออกเวรขับรถของพนักงานสอบสวนได้เปลี่ยนชุดที่บ้านพัก ในขณะขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านพร้อมภรรยา โดยนำสุนัขพันธุ์พุดเดิ้ลติดตามมาด้วย โดยจะไปซื้อกับข้าวที่ตลาด จังหวะที่ขี่รถจักรยานยนต์ผ่านมาถึงหน้านิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน มีคนร้าย 2 คนขี่รถจักรยานยนต์ปาดหน้าให้จอด จากนั้นคนร้ายที่เป็นคนขับ สวมหมวกกันน็อกสีดำชักอาวุธปืนออกมาจ่อที่ตนบอกว่าให้อยู่เฉยๆ ส่วนคนซ้อนท้ายกระชากสร้อยคอของภรรยาจนขาด ทำให้ที่ลำคอด้านขวามีบาดแผลถลอกเลือดไหลซิบๆ สุนัขพันธุ์พุดเดิ้ลเห่าส่งเสียงดังตลอดเวลา ระหว่างนั้นพยายามตั้งสติ รอจังหวะให้คนร้ายขี่รถจักรยานยนต์ออกไป คนร้ายยังใช้อาวุธปืนจ่อมาทางตนบอกไม่ให้ติดตามมา จากนั้นจึงตัดสินใจใช้อาวุธปืนขนาด 9 ม.ม. ที่พกติดตัวมายิงใส่คนร้ายไป 1 นัด จนคนร้ายที่ซ้อนท้ายตกลงจากรถ ส่วนคนร้ายอีกคนได้ขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป ตนพยายามขี่รถติดตามแต่ไม่ทัน

พ.ต.อ.ธงชัย กล่าวว่าจากการตรวจสอบประวัติของผู้ตาย ทราบว่าเคยต้องโทษในคดียาเสพติด ซึ่งในวันเดียวกันนี้จะต้องไปรายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่คุมประพฤติ ไม่ได้ประกอบอาชีพอะไรเป็นหลักแหล่ง ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสอบสวนอย่างละเอียดพร้อมทั้งจะให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย ในเบื้องต้นตั้งข้อหาจ.ส.ต.ศักดิ์สิริ ในข้อหาฆ่าคนตายเอาไว้ก่อนhttp://www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROd01ERXdPREl3TURJMU1nPT0=&sectionid=TURNd01RPT0=&day=TWpBd09TMHdNaTB5TUE9PQ== (http://www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROd01ERXdPREl3TURJMU1nPT0=&sectionid=TURNd01RPT0=&day=TWpBd09TMHdNaTB5TUE9PQ==)

แบบนี้คนปกติคงโดนข้อหา"ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา" เพราะเข้าข่ายเกินกว่าเหตุ เพราะไม่ใช่ภัยเฉพาะหน้าที่จะมาถึงตัว แต่โจรกำลังหนีไปและยิงไล่หลัง


หัวข้อ: Re: เป่าดับแก๊งแขกขาวปืนบ้านลักทรัพย์
เริ่มหัวข้อโดย: CT_Pro4 ที่ กันยายน 10, 2010, 12:08:02 AM
...ผมว่า "สมควร" แล้วล่ะครับ...


หัวข้อ: Re: เป่าดับแก๊งแขกขาวปืนบ้านลักทรัพย์
เริ่มหัวข้อโดย: ขุนช้าง-รักในหลวงและสมเด็จพระเทพ ที่ กันยายน 10, 2010, 01:35:37 AM
เกินกว่าเหตุ   อีกแล้ว   จริงๆ น่าจะเอาน้ำร้อนสาด มากกว่า  ::007::

กรณีนี้คิดว่าไม่เกินกว่าเหตุครับ  เพราะจากข่าวบอกว่า  ...ตนบอกให้หยุด แต่คนร้ายพยายามถือไขควงปลายแหลม จะเข้ามาทำร้าย จึงใช้ปืนที่นำมาด้วย ยิงคนร้ายเข้าไป 1 นัด....
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๖๗ ผู้ใดกระทำความผิดด้วยความจำเป็น
(๑) เพราะอยู่ในที่บังคับหรือภายใต้อำนาจ ซึ่งไม่สามารถหลีกเลี่ยงหรือขัดขืนได้ หรือ
(๒) เพราะเพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นพ้นจากภยันตรายที่ใกล้จะถึง และไม่สามารหลีกเลี่ยงให้พ้นโดยวิธีอื่นใด ได้เมื่อภยันตรายนั้น ตนมิได้ก่อให้เกิดขึ้นเพราะความผิดของตน
ถ้าการกระทำนั้น ไม่เป็นการเกินสมควรแก่เหตุแล้ว ผู้นั้นไม่ต้องรับโทษ

ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๖๘ ผู้ใดจำต้องกระทำการใดเพื่อป้องกันสิทธิของตนหรือของผู้อื่นให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย และเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง ถ้าได้กระทำพอสมควรแก่เหตุ การกระทำนั้นเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายผู้นั้นไม่มีความผิด

ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๖๗ และ ๖๘ เป็นกฎหมายเกี่ยวกับการป้องกันตัว กล่าวคือ บุคคลที่จะป้องกันตัวนั้น ต้องกระทำโดยไม่เป็นการเกินสมควรแก่เหตุแล้ว บุคคลนั้น ไม่ต้องรับโทษ และต้องเป็นการป้องกันตัวโดยที่ภยันตรายใกล้จะถึง หรือ เพื่อป้องกันสิทธิของตนและผู้อื่นให้พ้นจากภยันตรายนั้นๆ


หัวข้อ: Re: เป่าดับแก๊งแขกขาวปืนบ้านลักทรัพย์
เริ่มหัวข้อโดย: ขุนช้าง-รักในหลวงและสมเด็จพระเทพ ที่ กันยายน 10, 2010, 01:45:22 AM
ปรากฏว่าได้ยินเสียงสัญญาณกันโขมยดังขึ้น   จึงรีบเดินออกจากบ้านมาดู พร้อมถืออาวุธปืนลูกโม่ .38 มม. มาด้วย ขณะนั้นสังเกตเห็นรถยนต์โตโยต้า วีออส สีขาว จำทะเบียนไม่ได้ จอดติดเครื่องยนต์อยู่บริเวณหน้าบ้านน้องชาย หันหัวรถยนต์เตรียมออกด้านปากซอย เปิดแง้มกระจกทำให้เห็นภายในมีคนนั่งอยู่ลักษณะคล้ายแขกขาว 3 คน เมื่อเห็นตนเองก็รีบขับรถยนต์ออกไป เมื่อหันมาสังเกตประตูรั้วพบว่ามีร่องรอยถูกงัด จึงรีบเข้าไปเดินดูภายในบริเวณรอบๆ บ้าน ก่อนได้ยินเสียงคนร้ายซึ่งปีนเข้าไปในบ้านจากหน้าต่างด้านข้างกระโดดออกมา ตนบอกให้หยุด แต่คนร้ายพยายามถือไขควงปลายแหลม จะเข้ามาทำร้าย จึงใช้ปืนที่นำมาด้วย ยิงคนร้ายเข้าไป 1 นัด ก่อนล้มคว่ำแน่นิ่งไป จึงรีบโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ

ตรงที่ขีดเส้นสีแดง ผมกลัวว่าจะโดนถามว่าแล้วทำไมไม่แจ้งเจ้าหน้าที่ เพราะรู้ก่อนแล้วว่าคนบุกรุกเข้าไปในบ้าน   แต่ผมเชื่อว่าน่าจะแก้ต่างได้ ตรงที่ไม่ได้เจอแล้วยิงขโมยเลย แต่ที่ยิงเพราะขโมยแทนที่จะหนีกลับวิ่งเข้าใส่แล้วเอาไขควงจะเข้ามาแทงก็เลยต้องยิงป้องกันตัว
ตรงนี้จากข่าวไม่ได้บอกว่าเจอขโมยแบบจังๆระยะประชิดหรือเปล่าถึงได้ยิง   แต่ถ้าขโมยอยู่ไกลจากเราไปซัก10เมตร น่าจะต้องโดนถามต่อว่า  ทำไมถึงไม่วิ่งหนี เพราะไม่ใช่ระยะที่จะไม่สามารถหลีกเลี่ยงให้พ้นได้


ยังไงรบกวนพี่ๆที่ทราบกฎหมาย ช่วยมาเฉลยด้วยนะครับ ::014:: ::014:: ::014::  แฮ่ๆๆไม่ได้กวนนะครับ ถามเพราะอยากทราบจริงๆ เป็นเจ้าหนูจังไม เกินไปป่ะหว่า  ::011:: ::011:: ::011::


หัวข้อ: Re: เป่าดับแก๊งแขกขาวปืนบ้านลักทรัพย์
เริ่มหัวข้อโดย: มะเอ็ม ที่ กันยายน 10, 2010, 07:59:59 AM
...ผมว่า "สมควร" แล้วล่ะครับ...

ใช่ครับ....


หัวข้อ: Re: เป่าดับแก๊งแขกขาวปืนบ้านลักทรัพย์
เริ่มหัวข้อโดย: SingCring ที่ กันยายน 10, 2010, 08:06:20 AM
ตรงนี้จากข่าวไม่ได้บอกว่าเจอขโมยแบบจังๆระยะประชิดหรือเปล่าถึงได้ยิง   แต่ถ้าขโมยอยู่ไกลจากเราไปซัก10เมตร น่าจะต้องโดนถามต่อว่า  ทำไมถึงไม่วิ่งหนี เพราะไม่ใช่ระยะที่จะไม่สามารถหลีกเลี่ยงให้พ้นได้

คำว่า "และไม่สามารหลีกเลี่ยงให้พ้นโดยวิธีอื่นใดได้" ไม่ได้หมายความว่าต้องหนีก่อนนะครับ
แต่หมายความว่า ผู้เสียหายไม่สามารถใช้วิธีอื่นใดได้เพื่อป้องกันชีวิตของตน นอกจากที่จะใช้ปืนยิงอย่างเดียว (ตามคดีนี้)

การป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย มิได้กำหนดว่าผู้ประสบภัย จะต้องหนีภยันตรายนั้นก่อน จึงสามารถใช้สิทธิป้องกันได้
เมื่อมีเหตุอันละเมิดต่อกฎหมายอย่างร้ายแรง และเป็นภยันตรายอันใกล้จะถึงตัวแล้ว
ผู้เสียหายย่อมมีสิทธิปกป้องทรัพย์สิน ชีวิตของตนได้ทันที โดยไม่จำต้องหนีภยันตรายนั้น

ในคดีนี้ ปัญหาในเรื่องป้องกัน ไม่ใช่กับกลุ่มของคนร้ายอื่นซึ่งอยู่ด้านนอกบ้าน ขับรถหลบหนีไปเพราะสัญญาณเตือนภัยดัง
แต่เรื่องนี้ คือ เหตุการณ์ที่มาพบกับคนร้าย แต่เป็นคนร้ายอีกคน ที่กระโดดออกมาจากหน้าต่างในบ้าน พบกับผู้เสียหายพอดี

ตรงนี้จึงต้องดูว่า ภยันตรายอันละเมิดต่อกฎหมายนั้น เกิดขึ้นตอนไหน กับใคร และเป็นภยันตรายอันใกล้จะถึงหรือไม่

กลุ่มของคนร้ายอื่นซึ่งอยู่ด้านนอกบ้าน ขับรถหลบหนีไปเพราะสัญญาณเตือนภัยดัง แน่นอนต้องถือว่าภยันตรายสำหรับคนร้ายในรถนั้นได้ผ่านพ้นไปแล้ว
แต่เรื่องนี้ ผู้เสียหายกลับมาพบภยันตรายจากคนร้ายอีกคนที่กระโดดออกมาจากหน้าต่างในบ้าน
เมื่อคนร้ายพบกับผู้เสียหาย แทนที่จะยอมมอบตัว กลับวิ่่งเข้าหาพร้อมด้วยไขขวงปลายแหลม
ภยันตรายตรงนี้จึงจะเกิดขึ้นกับชีวิตและร่างกายของผู้เสียหายแล้ว และเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงด้วย

เมื่อผู้เสียหายร้องตะโกนบอกให้หยุด แต่คนร้ายกลับไม่หยุด จึงใช้อาวุธของตนยิงไปหนึ่งนัด ประมาณยิงน่ะเพราะฉันเตือนแล้ว

ในการลงความเห็นว่าเกินกว่าเหตุหรือไม่ จึงคงเหลือข้อที่ต้องดูอีกประการ ก็คือ อนุภาพของอาวุธแต่ละฝ่าย กับความพอดีของลักษณะและวิธีการในการหยุดยั้ง
แน่นอนหากพิจารณาถึงอาวุธของแต่ละฝ่าย ไขควงกับปืน ต้องถือว่ากระดูกคนละเบอร์ จึงมองว่าเกินกว่าเหตุได้

แต่ข้อสำคัญในการพิจารณาแท้จริงแล้ว การที่ผู้เสียหายยิงคนร้ายไปหนึ่งนัด เพื่อให้ตนเองพ้นจากภยันตรายที่ใกล้จะถึง (คนร้ายวิ่งมาพร้อมไขควง)
 และจังหวะในขณะนั้น ทั้งที่ตะโกนห้ามแล้ว คนร้ายก็ยังวิ่งเข้าใส่พร้อมไขควง สถาณการณ์ดังกล่าวคงไม่มีวิธีอื่นใดที่จะหยุดคนร้ายได้
ทั้งการที่ผู้เสียหายยิงคนร้ายไปเพียงนัดเดียว ทั้งที่สามารถยิงได้อีก แสดงให้เห็นว่าในสถาณการณ์ดังกล่าว
ผู้เสียหายประสงค์ที่จะใช้อาวุธปืนยิงไปยังคนร้ายเพื่อหยุดยั้งคนร้าย ไม่ให้เข้ามาถึงตัวเรานั้นเอง
ตรงนี้จึงคาบลูกคาบดอกกันพอสมควร ระหว่างความพอดีของอาวุธ กับความพอดีของลักษณะและวิธีการในการหยุดยั้ง (เกิน ไม่เกินกว่าเหตุ)

แต่อย่างไรก็ดี การวินิจฉัยตายตัวว่าขนาดไหน อย่างไรเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย และขนาดไหน อย่างไร เกินกว่าเหตุหรือไม่ เป็นเรื่องยากครับ
ต้องพิจารณาเป็นรายเรื่องและข้อเท็จจริง และเหตุการณ์ทั้งหมดทั้งหมดครับ  และเปรียบเทียบจากแนวคำพิพากษาฎีกา ซึ่งต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจพอควรครับ



หัวข้อ: Re: เป่าดับแก๊งแขกขาวปืนบ้านลักทรัพย์
เริ่มหัวข้อโดย: เขาใหญ่ ที่ กันยายน 10, 2010, 09:09:11 AM
ตรงนี้จากข่าวไม่ได้บอกว่าเจอขโมยแบบจังๆระยะประชิดหรือเปล่าถึงได้ยิง   แต่ถ้าขโมยอยู่ไกลจากเราไปซัก10เมตร น่าจะต้องโดนถามต่อว่า  ทำไมถึงไม่วิ่งหนี เพราะไม่ใช่ระยะที่จะไม่สามารถหลีกเลี่ยงให้พ้นได้

คำว่า "และไม่สามารหลีกเลี่ยงให้พ้นโดยวิธีอื่นใดได้" ไม่ได้หมายความว่าต้องหนีก่อนนะครับ
แต่หมายความว่า ผู้เสียหายไม่สามารถใช้วิธีอื่นใดได้เพื่อป้องกันชีวิตของตน นอกจากที่จะใช้ปืนยิงอย่างเดียว (ตามคดีนี้)

การป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย มิได้กำหนดว่าผู้ประสบภัย จะต้องหนีภยันตรายนั้นก่อน จึงสามารถใช้สิทธิป้องกันได้
เมื่อมีเหตุอันละเมิดต่อกฎหมายอย่างร้ายแรง และเป็นภยันตรายอันใกล้จะถึงตัวแล้ว
ผู้เสียหายย่อมมีสิทธิปกป้องทรัพย์สิน ชีวิตของตนได้ทันที โดยไม่จำต้องหนีภยันตรายนั้น

ในคดีนี้ ปัญหาในเรื่องป้องกัน ไม่ใช่กับกลุ่มของคนร้ายอื่นซึ่งอยู่ด้านนอกบ้าน ขับรถหลบหนีไปเพราะสัญญาณเตือนภัยดัง
แต่เรื่องนี้ คือ เหตุการณ์ที่มาพบกับคนร้าย แต่เป็นคนร้ายอีกคน ที่กระโดดออกมาจากหน้าต่างในบ้าน พบกับผู้เสียหายพอดี

ตรงนี้จึงต้องดูว่า ภยันตรายอันละเมิดต่อกฎหมายนั้น เกิดขึ้นตอนไหน กับใคร และเป็นภยันตรายอันใกล้จะถึงหรือไม่

กลุ่มของคนร้ายอื่นซึ่งอยู่ด้านนอกบ้าน ขับรถหลบหนีไปเพราะสัญญาณเตือนภัยดัง แน่นอนต้องถือว่าภยันตรายสำหรับคนร้ายในรถนั้นได้ผ่านพ้นไปแล้ว
แต่เรื่องนี้ ผู้เสียหายกลับมาพบภยันตรายจากคนร้ายอีกคนที่กระโดดออกมาจากหน้าต่างในบ้าน
เมื่อคนร้ายพบกับผู้เสียหาย แทนที่จะยอมมอบตัว กลับวิ่่งเข้าหาพร้อมด้วยไขขวงปลายแหลม
ภยันตรายตรงนี้จึงจะเกิดขึ้นกับชีวิตและร่างกายของผู้เสียหายแล้ว และเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงด้วย

เมื่อผู้เสียหายร้องตะโกนบอกให้หยุด แต่คนร้ายกลับไม่หยุด จึงใช้อาวุธของตนยิงไปหนึ่งนัด ประมาณยิงน่ะเพราะฉันเตือนแล้ว

ในการลงความเห็นว่าเกินกว่าเหตุหรือไม่ จึงคงเหลือข้อที่ต้องดูอีกประการ ก็คือ อนุภาพของอาวุธแต่ละฝ่าย กับความพอดีของลักษณะและวิธีการในการหยุดยั้ง
แน่นอนหากพิจารณาถึงอาวุธของแต่ละฝ่าย ไขควงกับปืน ต้องถือว่ากระดูกคนละเบอร์ จึงมองว่าเกินกว่าเหตุได้

แต่ข้อสำคัญในการพิจารณาแท้จริงแล้ว การที่ผู้เสียหายยิงคนร้ายไปหนึ่งนัด เพื่อให้ตนเองพ้นจากภยันตรายที่ใกล้จะถึง (คนร้ายวิ่งมาพร้อมไขควง)
 และจังหวะในขณะนั้น ทั้งที่ตะโกนห้ามแล้ว คนร้ายก็ยังวิ่งเข้าใส่พร้อมไขควง สถาณการณ์ดังกล่าวคงไม่มีวิธีอื่นใดที่จะหยุดคนร้ายได้
ทั้งการที่ผู้เสียหายยิงคนร้ายไปเพียงนัดเดียว ทั้งที่สามารถยิงได้อีก แสดงให้เห็นว่าในสถาณการณ์ดังกล่าว
ผู้เสียหายประสงค์ที่จะใช้อาวุธปืนยิงไปยังคนร้ายเพื่อหยุดยั้งคนร้าย ไม่ให้เข้ามาถึงตัวเรานั้นเอง
ตรงนี้จึงคาบลูกคาบดอกกันพอสมควร ระหว่างความพอดีของอาวุธ กับความพอดีของลักษณะและวิธีการในการหยุดยั้ง (เกิน ไม่เกินกว่าเหตุ)

แต่อย่างไรก็ดี การวินิจฉัยตายตัวว่าขนาดไหน อย่างไรเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย และขนาดไหน อย่างไร เกินกว่าเหตุหรือไม่ เป็นเรื่องยากครับ
ต้องพิจารณาเป็นรายเรื่องและข้อเท็จจริง และเหตุการณ์ทั้งหมดทั้งหมดครับ  และเปรียบเทียบจากแนวคำพิพากษาฎีกา ซึ่งต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจพอควรครับ



ทำให้ผู้อื่นตายไม่ว่ากรณีใดใด

โดนตั้งข้อหาก่อน ผิดถูก อยู่ในชั้นศาลครับ แต่ในกรณีนี้น่าจะรอดครับ

พนักงานสอบสวนคงทำเรื่อง ตามข้อเท็จจริง


หัวข้อ: Re: เป่าดับแก๊งแขกขาวปืนบ้านลักทรัพย์
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ กันยายน 10, 2010, 09:12:36 AM
ไอ้โจร GTH ครับ... Go To Hell...


หัวข้อ: Re: เป่าดับแก๊งแขกขาวปืนบ้านลักทรัพย์
เริ่มหัวข้อโดย: araki-รักในหลวง ที่ กันยายน 10, 2010, 09:33:48 AM
           ::014::เอาใจช่วยครับขอให้คุณไพรัช ผู้ยิงผ่านคดีความในชั้นศาลอย่างราบรื่นปลอดภัยเหมือนกับตอนยิงป้องกันตัวครับ
เจ้าแขกขาวคงฟังภาษาไทยไม่ออก ว่าให้หยุด เห็นปืนก็เลยคิดสู้เลยต้องตายไปตามกรรมชั่วของมัน 
                                                                        araki


หัวข้อ: Re: เป่าดับแก๊งแขกขาวปืนบ้านลักทรัพย์
เริ่มหัวข้อโดย: Southlander ที่ กันยายน 10, 2010, 09:35:24 AM
ไอ้โจร GTH ครับ... Go To Hell...

นึกว่า Go To Heaven  ;D ;D ;D


หัวข้อ: Re: เป่าดับแก๊งแขกขาวปืนบ้านลักทรัพย์
เริ่มหัวข้อโดย: นายรัก-รักในหลวง- ที่ กันยายน 10, 2010, 10:23:56 AM
ไอ้โจร GTH ครับ... Go To Hell...

นึกว่า Go To Heaven  ;D ;D ;D
::005:: ::005:: ::005:: ::005::


หัวข้อ: Re: เป่าดับแก๊งแขกขาวปืนบ้านลักทรัพย์
เริ่มหัวข้อโดย: Ro@d - รักในหลวง ที่ กันยายน 10, 2010, 10:53:33 AM
ตรงนี้จากข่าวไม่ได้บอกว่าเจอขโมยแบบจังๆระยะประชิดหรือเปล่าถึงได้ยิง   แต่ถ้าขโมยอยู่ไกลจากเราไปซัก10เมตร น่าจะต้องโดนถามต่อว่า  ทำไมถึงไม่วิ่งหนี เพราะไม่ใช่ระยะที่จะไม่สามารถหลีกเลี่ยงให้พ้นได้

คำว่า "และไม่สามารหลีกเลี่ยงให้พ้นโดยวิธีอื่นใดได้" ไม่ได้หมายความว่าต้องหนีก่อนนะครับ
แต่หมายความว่า ผู้เสียหายไม่สามารถใช้วิธีอื่นใดได้เพื่อป้องกันชีวิตของตน นอกจากที่จะใช้ปืนยิงอย่างเดียว (ตามคดีนี้)

การป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย มิได้กำหนดว่าผู้ประสบภัย จะต้องหนีภยันตรายนั้นก่อน จึงสามารถใช้สิทธิป้องกันได้
เมื่อมีเหตุอันละเมิดต่อกฎหมายอย่างร้ายแรง และเป็นภยันตรายอันใกล้จะถึงตัวแล้ว
ผู้เสียหายย่อมมีสิทธิปกป้องทรัพย์สิน ชีวิตของตนได้ทันที โดยไม่จำต้องหนีภยันตรายนั้น

ในคดีนี้ ปัญหาในเรื่องป้องกัน ไม่ใช่กับกลุ่มของคนร้ายอื่นซึ่งอยู่ด้านนอกบ้าน ขับรถหลบหนีไปเพราะสัญญาณเตือนภัยดัง
แต่เรื่องนี้ คือ เหตุการณ์ที่มาพบกับคนร้าย แต่เป็นคนร้ายอีกคน ที่กระโดดออกมาจากหน้าต่างในบ้าน พบกับผู้เสียหายพอดี

ตรงนี้จึงต้องดูว่า ภยันตรายอันละเมิดต่อกฎหมายนั้น เกิดขึ้นตอนไหน กับใคร และเป็นภยันตรายอันใกล้จะถึงหรือไม่

กลุ่มของคนร้ายอื่นซึ่งอยู่ด้านนอกบ้าน ขับรถหลบหนีไปเพราะสัญญาณเตือนภัยดัง แน่นอนต้องถือว่าภยันตรายสำหรับคนร้ายในรถนั้นได้ผ่านพ้นไปแล้ว
แต่เรื่องนี้ ผู้เสียหายกลับมาพบภยันตรายจากคนร้ายอีกคนที่กระโดดออกมาจากหน้าต่างในบ้าน
เมื่อคนร้ายพบกับผู้เสียหาย แทนที่จะยอมมอบตัว กลับวิ่่งเข้าหาพร้อมด้วยไขขวงปลายแหลม
ภยันตรายตรงนี้จึงจะเกิดขึ้นกับชีวิตและร่างกายของผู้เสียหายแล้ว และเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงด้วย

เมื่อผู้เสียหายร้องตะโกนบอกให้หยุด แต่คนร้ายกลับไม่หยุด จึงใช้อาวุธของตนยิงไปหนึ่งนัด ประมาณยิงน่ะเพราะฉันเตือนแล้ว

ในการลงความเห็นว่าเกินกว่าเหตุหรือไม่ จึงคงเหลือข้อที่ต้องดูอีกประการ ก็คือ อนุภาพของอาวุธแต่ละฝ่าย กับความพอดีของลักษณะและวิธีการในการหยุดยั้ง
แน่นอนหากพิจารณาถึงอาวุธของแต่ละฝ่าย ไขควงกับปืน ต้องถือว่ากระดูกคนละเบอร์ จึงมองว่าเกินกว่าเหตุได้

แต่ข้อสำคัญในการพิจารณาแท้จริงแล้ว การที่ผู้เสียหายยิงคนร้ายไปหนึ่งนัด เพื่อให้ตนเองพ้นจากภยันตรายที่ใกล้จะถึง (คนร้ายวิ่งมาพร้อมไขควง)
 และจังหวะในขณะนั้น ทั้งที่ตะโกนห้ามแล้ว คนร้ายก็ยังวิ่งเข้าใส่พร้อมไขควง สถาณการณ์ดังกล่าวคงไม่มีวิธีอื่นใดที่จะหยุดคนร้ายได้
ทั้งการที่ผู้เสียหายยิงคนร้ายไปเพียงนัดเดียว ทั้งที่สามารถยิงได้อีก แสดงให้เห็นว่าในสถาณการณ์ดังกล่าว
ผู้เสียหายประสงค์ที่จะใช้อาวุธปืนยิงไปยังคนร้ายเพื่อหยุดยั้งคนร้าย ไม่ให้เข้ามาถึงตัวเรานั้นเอง
ตรงนี้จึงคาบลูกคาบดอกกันพอสมควร ระหว่างความพอดีของอาวุธ กับความพอดีของลักษณะและวิธีการในการหยุดยั้ง (เกิน ไม่เกินกว่าเหตุ)

แต่อย่างไรก็ดี การวินิจฉัยตายตัวว่าขนาดไหน อย่างไรเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย และขนาดไหน อย่างไร เกินกว่าเหตุหรือไม่ เป็นเรื่องยากครับ
ต้องพิจารณาเป็นรายเรื่องและข้อเท็จจริง และเหตุการณ์ทั้งหมดทั้งหมดครับ  และเปรียบเทียบจากแนวคำพิพากษาฎีกา ซึ่งต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจพอควรครับ



ตามที่น้องทนายสิงห์  ให้ความเห็นนี้ละครับ.  ::002::

สิ่งของที่อยู่ในมือ โจร - คนร้าย ถ้าสามารถประทุษร้ายได้ ก็ถือเป็นอาวุธ  และไขควง เสียบเข้าร่างกาย ก็เหมือนโดนลูกธนู  ไป ๑ ดอก  :OO

กรณีนี้ ผู้เสียหายมีสิทธิป้องกันตัว แต่จะพอสมควรแก่เหตุ หรือไม่  อยู่ที่ระยะห่างของคนทั้งสอง  ซึ่งพนักงานสอบสวน
ต้องฟังจากปากคนยิง และตรวจดูที่เกิดเหตุว่าเจือสมกันหรือไม่
ดูจากพฤติการณ์ ของผู้ยิง ซึ่งยิงเพียง ๑ นัด ก็พอให้เห็นถึงเจตนายิงเพื่อป้องกันตัว ไม่ให้โจรเข้ามาทำร้าย ไม่ใช่ยิงให้ตาย

ไอ้โจร GTH ครับ... Go To Hell...  อย่างที่ นายสมชาย(ฮา)  บอกครับ

ถ้าซัด ไป ๒ นัด อย่างนี้ละมีปัญหา เพราะอาวุธที่โจรใช้ไม่ใช่ปืน

ส่วนรถยนต์ที่ขับหนีไป ถ้ายิงตามหลัง โดนคนในรถ และโจรไปถูกจับ พวกโจร ก็โดนข้อหา ร่วมกันลักทรัพย์ในเคหะสถาน ส่วนผู้ยิง ก็จะโดนกระทำเกินกว่าเหตุ ครับ  ;D




หัวข้อ: Re: เป่าดับแก๊งแขกขาวปืนบ้านลักทรัพย์
เริ่มหัวข้อโดย: ko_kloy212 ที่ กันยายน 10, 2010, 11:23:50 AM
ดักชิงทองเมียตร. โดนจ่ายิงดับคาที่


--------------------------------------------------------------------------------
(http://www.matichon.co.th/news-photo/khaosod/2009/02/p0108200252p1.jpg)




ปล้นผิด - นางเครือฟ้า ศรีแสง โชว์บาดแผลหลังถูก 2 โจรดักจี้ชิงสร้อยคอทองคำ ระหว่างซ้อนท้ายจยย.มากับจ.ส.ต.ศักดิ์สิริ ศรีแสง สามี บริเวณใกล้นิคมฯ บางปะอิน ก่อนที่จ.ส.ต.ศักดิ์สิริ จะใช้อาวุธปืนยิงใส่คนร้ายเสียชีวิตไป 1 ราย

 
โจรดวงซวยดักกระชากสร้อยเมียตร. ขณะนั่งซ้อนท้ายผัวมาซื้อกับข้าว ใช้ปืนดักจี้หน้านิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน จ.ส.ต.สบจังหวะจึงชักปืนยิงใส่ โดนโจรที่ซ้อนท้ายดับสยอง ส่วนคนขี่เพื่อนร่วมแก๊งหลบหนีไปได้ แฉคนตายมีประวัติติดยาเสพติด อยู่ระหว่างคุมประพฤติ

เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 19 ก.พ. พ.ต.ท.ธีระวัฒน์ แสงครุฑ พนักงานสอบสวน สภ.บางปะอิน จ.พระ นครศรีอยุธยา รับแจ้งจากจ.ส.ต.ศักดิ์สิริ ศรีแสง อายุ 37 ปี ผบ.หมู่งานป้องกันปราบปราม สภ.บางปะอิน ว่ามีคนร้ายได้กระชากสร้อยนางเครือฟ้า ศรีแสง อายุ 36 ปี ภรรยา และได้ใช้อาวุธปืนยิงคนร้ายเสียชีวิต ที่บริเวณริมถนนสายอุดมสรยุทธ์ ใกล้กับนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน ม.2 ต.คลองจิก อ.บางปะอิน จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.ธงชัย สายไหม ผกก. พ.ต.ท.ธนพณ โพธิสุข รองผกก.สส. พ.ต.ท.นฤนาท พุทไธสง รองผกก.กลุ่มงานสืบสวน ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา พร้อมกำลังชุดสืบสวนไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ

พบศพนายกำพล โซ๊ะมีเลาะ อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 18 ม.9 ต.เชียงรากน้อย อ.บางปะอิน สวมเสื้อคลุมแขนยาวสีดำ นุ่งกางเกงยีนส์สีดำ สวมหมวกกันน็อก แบบปิดหน้าสีดำ สภาพศพนอนหงาย ถูกยิงเข้าที่ชายโครงขวาด้านหลังจำนวน 1 นัด กระสุนทะลุหน้าอก ห่างจากศพประมาณ 30 เมตร พบสร้อยคอทองคำขาดพร้อมพระหลวงพ่อเพี้ยน วัดเกริ่นกฐิน จ.ลพบุรี เลี่ยมทองหนัก 1 บาท ตกอยู่ ใกล้กันพบรถจักรยานยนต์ฮอนด้า แอร์เบลด สีดำหมายเลขทะเบียน ชกพ-197 พระนครศรีอยุธยา เป็นรถของจ.ส.ต.ศักดิ์สิริ

จ.ส.ต.ศักดิ์สิริ กล่าวว่า หลังจากออกเวรขับรถของพนักงานสอบสวนได้เปลี่ยนชุดที่บ้านพัก ในขณะขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านพร้อมภรรยา โดยนำสุนัขพันธุ์พุดเดิ้ลติดตามมาด้วย โดยจะไปซื้อกับข้าวที่ตลาด จังหวะที่ขี่รถจักรยานยนต์ผ่านมาถึงหน้านิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน มีคนร้าย 2 คนขี่รถจักรยานยนต์ปาดหน้าให้จอด จากนั้นคนร้ายที่เป็นคนขับ สวมหมวกกันน็อกสีดำชักอาวุธปืนออกมาจ่อที่ตนบอกว่าให้อยู่เฉยๆ ส่วนคนซ้อนท้ายกระชากสร้อยคอของภรรยาจนขาด ทำให้ที่ลำคอด้านขวามีบาดแผลถลอกเลือดไหลซิบๆ สุนัขพันธุ์พุดเดิ้ลเห่าส่งเสียงดังตลอดเวลา ระหว่างนั้นพยายามตั้งสติ รอจังหวะให้คนร้ายขี่รถจักรยานยนต์ออกไป คนร้ายยังใช้อาวุธปืนจ่อมาทางตนบอกไม่ให้ติดตามมา จากนั้นจึงตัดสินใจใช้อาวุธปืนขนาด 9 ม.ม. ที่พกติดตัวมายิงใส่คนร้ายไป 1 นัด จนคนร้ายที่ซ้อนท้ายตกลงจากรถ ส่วนคนร้ายอีกคนได้ขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป ตนพยายามขี่รถติดตามแต่ไม่ทัน

พ.ต.อ.ธงชัย กล่าวว่าจากการตรวจสอบประวัติของผู้ตาย ทราบว่าเคยต้องโทษในคดียาเสพติด ซึ่งในวันเดียวกันนี้จะต้องไปรายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่คุมประพฤติ ไม่ได้ประกอบอาชีพอะไรเป็นหลักแหล่ง ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสอบสวนอย่างละเอียดพร้อมทั้งจะให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย ในเบื้องต้นตั้งข้อหาจ.ส.ต.ศักดิ์สิริ ในข้อหาฆ่าคนตายเอาไว้ก่อนhttp://www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROd01ERXdPREl3TURJMU1nPT0=&sectionid=TURNd01RPT0=&day=TWpBd09TMHdNaTB5TUE9PQ== (http://www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROd01ERXdPREl3TURJMU1nPT0=&sectionid=TURNd01RPT0=&day=TWpBd09TMHdNaTB5TUE9PQ==)
[/quote]

แบบนี้คนปกติคงโดนข้อหา"ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา" เพราะเข้าข่ายเกินกว่าเหตุ เพราะไม่ใช่ภัยเฉพาะหน้าที่จะมาถึงตัว แต่โจรกำลังหนีไปและยิงไล่หลัง
[/quote]

ผมเห็นด้วยกับคุณแมวบ้า(น)ครับ แต่เนื้อเรื่องคงมีการตกแต่งมาหน่อยแล้วครับ ต้องดูที่ว่ามีประัจักษ์พยานอื่นด้วยหรือเปล่า  :VOV:


หัวข้อ: Re: เป่าดับแก๊งแขกขาวปืนบ้านลักทรัพย์
เริ่มหัวข้อโดย: ลุมพินี08 ที่ กันยายน 10, 2010, 12:19:44 PM
ช่วยๆกันเป่าไปทีละ 1 พวกนี้คงจะลดลงบ้างแต่คงสูญพันธ์ยาก เอาใจช่วยด้วยคนครับ ผลคดีจบเป็นอย่างไรก็นำมาเล่าสู่กันฟังบ้างนะครับ


หัวข้อ: Re: เป่าดับแก๊งแขกขาวปืนบ้านลักทรัพย์
เริ่มหัวข้อโดย: ขุนช้าง-รักในหลวงและสมเด็จพระเทพ ที่ กันยายน 10, 2010, 03:41:40 PM
 ::014:: ::014:: ขอบพระคุณพี่ๆมากเลยครับที่ช่วยไขข้อข้องใจเรื่องกฎหมายให้


หัวข้อ: Re: เป่าดับแก๊งแขกขาวปืนบ้านลักทรัพย์
เริ่มหัวข้อโดย: renold ที่ กันยายน 10, 2010, 04:02:25 PM
ถ้าคุณตำรวจนายนั้นบอกว่า "โจรกำลังเอาปืนจี้ พอเห็นว่า ตำรวจคนดังกล่าวมีปืนจึงหันมากำลังจะยิง แต่ตำรวจนายนั้นยิงก่อน ส่วนไอ้คนที่ขับจึงลงมาหยิบปืน แล้วขับรถหนีไปทันที "::007:: อย่างนี้เป็นการป้องกันตัวได้ไหมครับ(อยู่ที่คำให้การ)


หัวข้อ: Re: เป่าดับแก๊งแขกขาวปืนบ้านลักทรัพย์
เริ่มหัวข้อโดย: ENOLA GAY ที่ กันยายน 10, 2010, 06:11:05 PM
ตรงนี้จากข่าวไม่ได้บอกว่าเจอขโมยแบบจังๆระยะประชิดหรือเปล่าถึงได้ยิง   แต่ถ้าขโมยอยู่ไกลจากเราไปซัก10เมตร น่าจะต้องโดนถามต่อว่า  ทำไมถึงไม่วิ่งหนี เพราะไม่ใช่ระยะที่จะไม่สามารถหลีกเลี่ยงให้พ้นได้

คำว่า "และไม่สามารหลีกเลี่ยงให้พ้นโดยวิธีอื่นใดได้" ไม่ได้หมายความว่าต้องหนีก่อนนะครับ
แต่หมายความว่า ผู้เสียหายไม่สามารถใช้วิธีอื่นใดได้เพื่อป้องกันชีวิตของตน นอกจากที่จะใช้ปืนยิงอย่างเดียว (ตามคดีนี้)

การป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย มิได้กำหนดว่าผู้ประสบภัย จะต้องหนีภยันตรายนั้นก่อน จึงสามารถใช้สิทธิป้องกันได้
เมื่อมีเหตุอันละเมิดต่อกฎหมายอย่างร้ายแรง และเป็นภยันตรายอันใกล้จะถึงตัวแล้ว
ผู้เสียหายย่อมมีสิทธิปกป้องทรัพย์สิน ชีวิตของตนได้ทันที โดยไม่จำต้องหนีภยันตรายนั้น

ในคดีนี้ ปัญหาในเรื่องป้องกัน ไม่ใช่กับกลุ่มของคนร้ายอื่นซึ่งอยู่ด้านนอกบ้าน ขับรถหลบหนีไปเพราะสัญญาณเตือนภัยดัง
แต่เรื่องนี้ คือ เหตุการณ์ที่มาพบกับคนร้าย แต่เป็นคนร้ายอีกคน ที่กระโดดออกมาจากหน้าต่างในบ้าน พบกับผู้เสียหายพอดี

ตรงนี้จึงต้องดูว่า ภยันตรายอันละเมิดต่อกฎหมายนั้น เกิดขึ้นตอนไหน กับใคร และเป็นภยันตรายอันใกล้จะถึงหรือไม่

กลุ่มของคนร้ายอื่นซึ่งอยู่ด้านนอกบ้าน ขับรถหลบหนีไปเพราะสัญญาณเตือนภัยดัง แน่นอนต้องถือว่าภยันตรายสำหรับคนร้ายในรถนั้นได้ผ่านพ้นไปแล้ว
แต่เรื่องนี้ ผู้เสียหายกลับมาพบภยันตรายจากคนร้ายอีกคนที่กระโดดออกมาจากหน้าต่างในบ้าน
เมื่อคนร้ายพบกับผู้เสียหาย แทนที่จะยอมมอบตัว กลับวิ่่งเข้าหาพร้อมด้วยไขขวงปลายแหลม
ภยันตรายตรงนี้จึงจะเกิดขึ้นกับชีวิตและร่างกายของผู้เสียหายแล้ว และเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงด้วย

เมื่อผู้เสียหายร้องตะโกนบอกให้หยุด แต่คนร้ายกลับไม่หยุด จึงใช้อาวุธของตนยิงไปหนึ่งนัด ประมาณยิงน่ะเพราะฉันเตือนแล้ว

ในการลงความเห็นว่าเกินกว่าเหตุหรือไม่ จึงคงเหลือข้อที่ต้องดูอีกประการ ก็คือ อนุภาพของอาวุธแต่ละฝ่าย กับความพอดีของลักษณะและวิธีการในการหยุดยั้ง
แน่นอนหากพิจารณาถึงอาวุธของแต่ละฝ่าย ไขควงกับปืน ต้องถือว่ากระดูกคนละเบอร์ จึงมองว่าเกินกว่าเหตุได้

แต่ข้อสำคัญในการพิจารณาแท้จริงแล้ว การที่ผู้เสียหายยิงคนร้ายไปหนึ่งนัด เพื่อให้ตนเองพ้นจากภยันตรายที่ใกล้จะถึง (คนร้ายวิ่งมาพร้อมไขควง)
 และจังหวะในขณะนั้น ทั้งที่ตะโกนห้ามแล้ว คนร้ายก็ยังวิ่งเข้าใส่พร้อมไขควง สถาณการณ์ดังกล่าวคงไม่มีวิธีอื่นใดที่จะหยุดคนร้ายได้
ทั้งการที่ผู้เสียหายยิงคนร้ายไปเพียงนัดเดียว ทั้งที่สามารถยิงได้อีก แสดงให้เห็นว่าในสถาณการณ์ดังกล่าว
ผู้เสียหายประสงค์ที่จะใช้อาวุธปืนยิงไปยังคนร้ายเพื่อหยุดยั้งคนร้าย ไม่ให้เข้ามาถึงตัวเรานั้นเอง
ตรงนี้จึงคาบลูกคาบดอกกันพอสมควร ระหว่างความพอดีของอาวุธ กับความพอดีของลักษณะและวิธีการในการหยุดยั้ง (เกิน ไม่เกินกว่าเหตุ)

แต่อย่างไรก็ดี การวินิจฉัยตายตัวว่าขนาดไหน อย่างไรเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย และขนาดไหน อย่างไร เกินกว่าเหตุหรือไม่ เป็นเรื่องยากครับ
ต้องพิจารณาเป็นรายเรื่องและข้อเท็จจริง และเหตุการณ์ทั้งหมดทั้งหมดครับ  และเปรียบเทียบจากแนวคำพิพากษาฎีกา ซึ่งต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจพอควรครับ



ตามที่น้องทนายสิงห์  ให้ความเห็นนี้ละครับ.  ::002::

สิ่งของที่อยู่ในมือ โจร - คนร้าย ถ้าสามารถประทุษร้ายได้ ก็ถือเป็นอาวุธ  และไขควง เสียบเข้าร่างกาย ก็เหมือนโดนลูกธนู  ไป ๑ ดอก  :OO

กรณีนี้ ผู้เสียหายมีสิทธิป้องกันตัว แต่จะพอสมควรแก่เหตุ หรือไม่  อยู่ที่ระยะห่างของคนทั้งสอง  ซึ่งพนักงานสอบสวน
ต้องฟังจากปากคนยิง และตรวจดูที่เกิดเหตุว่าเจือสมกันหรือไม่
ดูจากพฤติการณ์ ของผู้ยิง ซึ่งยิงเพียง ๑ นัด ก็พอให้เห็นถึงเจตนายิงเพื่อป้องกันตัว ไม่ให้โจรเข้ามาทำร้าย ไม่ใช่ยิงให้ตาย

ไอ้โจร GTH ครับ... Go To Hell...  อย่างที่ นายสมชาย(ฮา)  บอกครับ

ถ้าซัด ไป ๒ นัด อย่างนี้ละมีปัญหา เพราะอาวุธที่โจรใช้ไม่ใช่ปืน

ส่วนรถยนต์ที่ขับหนีไป ถ้ายิงตามหลัง โดนคนในรถ และโจรไปถูกจับ พวกโจร ก็โดนข้อหา ร่วมกันลักทรัพย์ในเคหะสถาน ส่วนผู้ยิง ก็จะโดนกระทำเกินกว่าเหตุ ครับ  ;D




ขอบคุณคุณ Ro@d คุณสิงกลิ้ง ที่ให้ความรู้ และ จขกท. ที่เปิดประเด็นให้เป็นความรู้ครับ +1  ::014::
รบกวนถามเพิ่มอีกหน่อยครับ ในกรณีที่คุณ Ro@d พูดถึงการยิงตามหลังคนร้าย หากเราตั้งใจยิงยางเพื่อหยุดรถ จะเสี่ยงต่อข้อหาพยายามฆ่ามั้ยครับ ตั้งใจยิงยางจริงๆครับ ขอบคุณครับ  ::014::


หัวข้อ: Re: เป่าดับแก๊งแขกขาวปืนบ้านลักทรัพย์
เริ่มหัวข้อโดย: Ro@d - รักในหลวง ที่ กันยายน 10, 2010, 06:16:27 PM
ตรงนี้จากข่าวไม่ได้บอกว่าเจอขโมยแบบจังๆระยะประชิดหรือเปล่าถึงได้ยิง   แต่ถ้าขโมยอยู่ไกลจากเราไปซัก10เมตร น่าจะต้องโดนถามต่อว่า  ทำไมถึงไม่วิ่งหนี เพราะไม่ใช่ระยะที่จะไม่สามารถหลีกเลี่ยงให้พ้นได้

คำว่า "และไม่สามารหลีกเลี่ยงให้พ้นโดยวิธีอื่นใดได้" ไม่ได้หมายความว่าต้องหนีก่อนนะครับ
แต่หมายความว่า ผู้เสียหายไม่สามารถใช้วิธีอื่นใดได้เพื่อป้องกันชีวิตของตน นอกจากที่จะใช้ปืนยิงอย่างเดียว (ตามคดีนี้)

การป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย มิได้กำหนดว่าผู้ประสบภัย จะต้องหนีภยันตรายนั้นก่อน จึงสามารถใช้สิทธิป้องกันได้
เมื่อมีเหตุอันละเมิดต่อกฎหมายอย่างร้ายแรง และเป็นภยันตรายอันใกล้จะถึงตัวแล้ว
ผู้เสียหายย่อมมีสิทธิปกป้องทรัพย์สิน ชีวิตของตนได้ทันที โดยไม่จำต้องหนีภยันตรายนั้น

ในคดีนี้ ปัญหาในเรื่องป้องกัน ไม่ใช่กับกลุ่มของคนร้ายอื่นซึ่งอยู่ด้านนอกบ้าน ขับรถหลบหนีไปเพราะสัญญาณเตือนภัยดัง
แต่เรื่องนี้ คือ เหตุการณ์ที่มาพบกับคนร้าย แต่เป็นคนร้ายอีกคน ที่กระโดดออกมาจากหน้าต่างในบ้าน พบกับผู้เสียหายพอดี

ตรงนี้จึงต้องดูว่า ภยันตรายอันละเมิดต่อกฎหมายนั้น เกิดขึ้นตอนไหน กับใคร และเป็นภยันตรายอันใกล้จะถึงหรือไม่

กลุ่มของคนร้ายอื่นซึ่งอยู่ด้านนอกบ้าน ขับรถหลบหนีไปเพราะสัญญาณเตือนภัยดัง แน่นอนต้องถือว่าภยันตรายสำหรับคนร้ายในรถนั้นได้ผ่านพ้นไปแล้ว
แต่เรื่องนี้ ผู้เสียหายกลับมาพบภยันตรายจากคนร้ายอีกคนที่กระโดดออกมาจากหน้าต่างในบ้าน
เมื่อคนร้ายพบกับผู้เสียหาย แทนที่จะยอมมอบตัว กลับวิ่่งเข้าหาพร้อมด้วยไขขวงปลายแหลม
ภยันตรายตรงนี้จึงจะเกิดขึ้นกับชีวิตและร่างกายของผู้เสียหายแล้ว และเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงด้วย

เมื่อผู้เสียหายร้องตะโกนบอกให้หยุด แต่คนร้ายกลับไม่หยุด จึงใช้อาวุธของตนยิงไปหนึ่งนัด ประมาณยิงน่ะเพราะฉันเตือนแล้ว

ในการลงความเห็นว่าเกินกว่าเหตุหรือไม่ จึงคงเหลือข้อที่ต้องดูอีกประการ ก็คือ อนุภาพของอาวุธแต่ละฝ่าย กับความพอดีของลักษณะและวิธีการในการหยุดยั้ง
แน่นอนหากพิจารณาถึงอาวุธของแต่ละฝ่าย ไขควงกับปืน ต้องถือว่ากระดูกคนละเบอร์ จึงมองว่าเกินกว่าเหตุได้

แต่ข้อสำคัญในการพิจารณาแท้จริงแล้ว การที่ผู้เสียหายยิงคนร้ายไปหนึ่งนัด เพื่อให้ตนเองพ้นจากภยันตรายที่ใกล้จะถึง (คนร้ายวิ่งมาพร้อมไขควง)
 และจังหวะในขณะนั้น ทั้งที่ตะโกนห้ามแล้ว คนร้ายก็ยังวิ่งเข้าใส่พร้อมไขควง สถาณการณ์ดังกล่าวคงไม่มีวิธีอื่นใดที่จะหยุดคนร้ายได้
ทั้งการที่ผู้เสียหายยิงคนร้ายไปเพียงนัดเดียว ทั้งที่สามารถยิงได้อีก แสดงให้เห็นว่าในสถาณการณ์ดังกล่าว
ผู้เสียหายประสงค์ที่จะใช้อาวุธปืนยิงไปยังคนร้ายเพื่อหยุดยั้งคนร้าย ไม่ให้เข้ามาถึงตัวเรานั้นเอง
ตรงนี้จึงคาบลูกคาบดอกกันพอสมควร ระหว่างความพอดีของอาวุธ กับความพอดีของลักษณะและวิธีการในการหยุดยั้ง (เกิน ไม่เกินกว่าเหตุ)

แต่อย่างไรก็ดี การวินิจฉัยตายตัวว่าขนาดไหน อย่างไรเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย และขนาดไหน อย่างไร เกินกว่าเหตุหรือไม่ เป็นเรื่องยากครับ
ต้องพิจารณาเป็นรายเรื่องและข้อเท็จจริง และเหตุการณ์ทั้งหมดทั้งหมดครับ  และเปรียบเทียบจากแนวคำพิพากษาฎีกา ซึ่งต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจพอควรครับ



ตามที่น้องทนายสิงห์  ให้ความเห็นนี้ละครับ.  ::002::

สิ่งของที่อยู่ในมือ โจร - คนร้าย ถ้าสามารถประทุษร้ายได้ ก็ถือเป็นอาวุธ  และไขควง เสียบเข้าร่างกาย ก็เหมือนโดนลูกธนู  ไป ๑ ดอก  :OO

กรณีนี้ ผู้เสียหายมีสิทธิป้องกันตัว แต่จะพอสมควรแก่เหตุ หรือไม่  อยู่ที่ระยะห่างของคนทั้งสอง  ซึ่งพนักงานสอบสวน
ต้องฟังจากปากคนยิง และตรวจดูที่เกิดเหตุว่าเจือสมกันหรือไม่
ดูจากพฤติการณ์ ของผู้ยิง ซึ่งยิงเพียง ๑ นัด ก็พอให้เห็นถึงเจตนายิงเพื่อป้องกันตัว ไม่ให้โจรเข้ามาทำร้าย ไม่ใช่ยิงให้ตาย

ไอ้โจร GTH ครับ... Go To Hell...  อย่างที่ นายสมชาย(ฮา)  บอกครับ

ถ้าซัด ไป ๒ นัด อย่างนี้ละมีปัญหา เพราะอาวุธที่โจรใช้ไม่ใช่ปืน

ส่วนรถยนต์ที่ขับหนีไป ถ้ายิงตามหลัง โดนคนในรถ และโจรไปถูกจับ พวกโจร ก็โดนข้อหา ร่วมกันลักทรัพย์ในเคหะสถาน ส่วนผู้ยิง ก็จะโดนกระทำเกินกว่าเหตุ ครับ  ;D




ขอบคุณคุณ Ro@d คุณสิงกลิ้ง ที่ให้ความรู้ และ จขกท. ที่เปิดประเด็นให้เป็นความรู้ครับ +1  ::014::
รบกวนถามเพิ่มอีกหน่อยครับ ในกรณีที่คุณ Ro@d พูดถึงการยิงตามหลังคนร้าย หากเราตั้งใจยิงยางเพื่อหยุดรถ จะเสี่ยงต่อข้อหาพยายามฆ่ามั้ยครับ ตั้งใจยิงยางจริงๆครับ ขอบคุณครับ  ::014::

เจตนาเพื่อยิงยางรถยนต์ เพื่อขัดขวางการหลบหนี เพื่อติดตามเอาคืนทรัพย์สิน ที่ยังไม่ทราบว่า คนร้ายจะได้เอาอะไรไปบ้าง ไม่มีความผิดครับ   

ต่างกับยิงเข้าตัวถึงรถ อาจจะมีความผิดฐานพยายามฆ่า  นะครับ คุณ ENOLA GAY ..  ;D


หัวข้อ: Re: เป่าดับแก๊งแขกขาวปืนบ้านลักทรัพย์
เริ่มหัวข้อโดย: ENOLA GAY ที่ กันยายน 10, 2010, 06:57:52 PM
ขอบพระคุณมากครับ   ::014::

พอถามคำถามนั้นไปเลยทำให้นึกถึงหลายปีมาแล้ว ผมกับแฟนนั่งทานส้มตำริมฟุตบาทในถนนรางน้ำ เค้าเผลอวางกระเป๋าถือไว้เก้าอี้ตัวที่อยู่ริม(ชิดกับถนน) หัวขโมยดูจังหวะที่ผมก้มลงตักอาหารเข้าปาก คว้าหมับแล้ววิ่ง ผมก็วิ่งไล่ตามไป มันวิ่งข้างล่าง (บนถนน) ผมวิ่งบนฟุตบาท  รถมอเตอร์ไซค์เพื่อนมันรออยู่ในซอยข้างหน้า ระยะทางผมกับมันใกล้เข้าไปเรื่อยๆ แต่มันถึงรถมอเตอร์ไซค์ก่อน แล้วบึ่งหนีไป ผมไม่ได้พกปืน นึกสงสัยอยู่ว่า ถ้ามีและจะยิงแนวต่ำๆให้โดน ยาง หรือ โซ่ หรือแม้แต่ขามัน อย่างนี้จะเสี่ยงต่อข้อหาพยายามฆ่าด้วยมั้ยครับ


หัวข้อ: Re: เป่าดับแก๊งแขกขาวปืนบ้านลักทรัพย์
เริ่มหัวข้อโดย: Ro@d - รักในหลวง ที่ กันยายน 10, 2010, 07:07:05 PM
ขอบพระคุณมากครับ   ::014::

พอถามคำถามนั้นไปเลยทำให้นึกถึงหลายปีมาแล้ว ผมกับแฟนนั่งทานส้มตำริมฟุตบาทในถนนรางน้ำ เค้าเผลอวางกระเป๋าถือไว้เก้าอี้ตัวที่อยู่ริม(ชิดกับถนน) หัวขโมยดูจังหวะที่ผมก้มลงตักอาหารเข้าปาก คว้าหมับแล้ววิ่ง ผมก็วิ่งไล่ตามไป มันวิ่งข้างล่าง (บนถนน) ผมวิ่งบนฟุตบาท  รถมอเตอร์ไซค์เพื่อนมันรออยู่ในซอยข้างหน้า ระยะทางผมกับมันใกล้เข้าไปเรื่อยๆ แต่มันถึงรถมอเตอร์ไซค์ก่อน แล้วบึ่งหนีไป ผมไม่ได้พกปืน นึกสงสัยอยู่ว่า ถ้ามีและจะยิงแนวต่ำๆให้โดน ยาง หรือ โซ่ หรือแม้แต่ขามัน อย่างนี้จะเสี่ยงต่อข้อหาพยายามฆ่าด้วยมั้ยครับ

ข้อเท็จจริงอย่างนี้ เป็น ติดตามเอาคืนทรัพย์สินที่ถูกวิ่งราวทรัพย์ การติดตามนี้ เจ้าทรัพย์มีสิทธิในการป้องกันมิให้ทรัพย์สินของตน ด้วยการขัดขวางการหลบหนี

จะเห็นว่าถ้ามีเจตนายิงเพื่อฆ่า ระยะเท่านี้ ก็กระทำได้ แต่ละเว้น ยิงยางรถ ยิงขา    การกระทำนี้จึงน่าพอสมควรแก่เหตุ ไม่มีความผิด ครับ  :D

แต่ถ้าระหวางนั้น โจร หันมาพร้อมอาวุธปืนในมือ พุ่งลำกล้องตรงมา  ก็สวนแนวลำกล้องปืน ออกไปเลยครับ ถือว่าเป็นการกระทำที่พอสมควรแก่เหตุ ไม่มีความผิดตามกฎหมาย ครับ  ::002::


หัวข้อ: Re: เป่าดับแก๊งแขกขาวปืนบ้านลักทรัพย์
เริ่มหัวข้อโดย: ENOLA GAY ที่ กันยายน 10, 2010, 07:51:14 PM
ขอบพระคุณอีกครั้งครับ   ::014::


หัวข้อ: Re: เป่าดับแก๊งแขกขาวปืนบ้านลักทรัพย์
เริ่มหัวข้อโดย: Sniper69 - รักในหลวง ที่ กันยายน 14, 2010, 10:00:35 AM
ขอบคุณ พี่ Ro@d และพี่สิงห์กลิ้งครับ ได้ความรู้ครับ  ::014::


หัวข้อ: Re: เป่าดับแก๊งแขกขาวปืนบ้านลักทรัพย์
เริ่มหัวข้อโดย: สุนทร ที่ กันยายน 16, 2010, 09:06:04 AM
การกระทำดังกล่าว เป็นการป้องกันตัวพอสมควรเหตุเเล้วครับ  มาตรา 68 เนื่องจากหากไม่ยิงออกไป เชื่อได้เเน่ว่า ต้องถูกทำร้ายด้วยไขควงยาว 1ฟุต ซึ่งก็คืออาวุธที่สามารถทำร้ายให้ถึงเเก่ชีวิตได้


หัวข้อ: Re: เป่าดับแก๊งแขกขาวปืนบ้านลักทรัพย์
เริ่มหัวข้อโดย: munich6204 ที่ กันยายน 16, 2010, 09:38:41 AM
ขอบพระคุณมากครับ   ::014::

พอถามคำถามนั้นไปเลยทำให้นึกถึงหลายปีมาแล้ว ผมกับแฟนนั่งทานส้มตำริมฟุตบาทในถนนรางน้ำ เค้าเผลอวางกระเป๋าถือไว้เก้าอี้ตัวที่อยู่ริม(ชิดกับถนน) หัวขโมยดูจังหวะที่ผมก้มลงตักอาหารเข้าปาก คว้าหมับแล้ววิ่ง ผมก็วิ่งไล่ตามไป มันวิ่งข้างล่าง (บนถนน) ผมวิ่งบนฟุตบาท  รถมอเตอร์ไซค์เพื่อนมันรออยู่ในซอยข้างหน้า ระยะทางผมกับมันใกล้เข้าไปเรื่อยๆ แต่มันถึงรถมอเตอร์ไซค์ก่อน แล้วบึ่งหนีไป ผมไม่ได้พกปืน นึกสงสัยอยู่ว่า ถ้ามีและจะยิงแนวต่ำๆให้โดน ยาง หรือ โซ่ หรือแม้แต่ขามัน อย่างนี้จะเสี่ยงต่อข้อหาพยายามฆ่าด้วยมั้ยครับ

ข้อเท็จจริงอย่างนี้ เป็น ติดตามเอาคืนทรัพย์สินที่ถูกวิ่งราวทรัพย์ การติดตามนี้ เจ้าทรัพย์มีสิทธิในการป้องกันมิให้ทรัพย์สินของตน ด้วยการขัดขวางการหลบหนี

จะเห็นว่าถ้ามีเจตนายิงเพื่อฆ่า ระยะเท่านี้ ก็กระทำได้ แต่ละเว้น ยิงยางรถ ยิงขา    การกระทำนี้จึงน่าพอสมควรแก่เหตุ ไม่มีความผิด ครับ  :D

แต่ถ้าระหวางนั้น โจร หันมาพร้อมอาวุธปืนในมือ พุ่งลำกล้องตรงมา  ก็สวนแนวลำกล้องปืน ออกไปเลยครับ ถือว่าเป็นการกระทำที่พอสมควรแก่เหตุ ไม่มีความผิดตามกฎหมาย ครับ  ::002::

แล้วถ้าตั้งใจยิงยางรถ หรือยิงที่ขา แต่พลาดไปโดนส่วนที่สูงขึ้นไป จะถือว่าเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุไหมครับ


หัวข้อ: Re: เป่าดับแก๊งแขกขาวปืนบ้านลักทรัพย์
เริ่มหัวข้อโดย: cadet38 -รักในหลวง- ที่ กันยายน 16, 2010, 10:06:17 AM
เป็นผมผมก็ยิง


หัวข้อ: Re: เป่าดับแก๊งแขกขาวปืนบ้านลักทรัพย์
เริ่มหัวข้อโดย: srimalai_รักในหลวง ที่ กันยายน 16, 2010, 10:10:26 AM
ยังมี ม. 69 ไว้เป็นตัวช่วยอีก