หัวข้อ: รบกวนพี่นักกฎหมายช่วยมาชี้แนะทีนะครับ เริ่มหัวข้อโดย: ขุนช้าง-รักในหลวงและสมเด็จพระเทพ ที่ ตุลาคม 08, 2010, 02:41:43 PM หนุ่มสุราษฎร์เครียด เมียรักด่าไม่หยุด ผัวแค้นชักมีดกะซวกแทงตายสยองคาเตียงโรงพยาบาล ญาติ-คนไข้ กระเจิง เห็นเหตุสลดคาตา
ผัว เครียดเมียรักด่ากะซวกดับคาเตียง รพ.ครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อเวลา 11.45 น. วันที่ 7 ต.ค. ร.ต.ท.ฤทธิชัย ชุมช่วย ร้อยเวร สภ. เมือง จ.สุราษฎร์ธานี รับแจ้งเหตุมีคนร้ายแทงคนป่วยเสียชีวิต ภายในหอผู้ป่วย รพ. สุราษฎร์ธานี จึงรีบไปสอบสวนที่เกิดเหตุ ภายในหอผู้ป่วยศัลยกรรมหญิง 3 ตึกศัลยกรรม พบ ชายสภาพคลุ้มคลั่ง ผมเผ้ายุ่งเหยิง ตามร่างกายมีรอยเลือดกระเซ็นถูกเสื้อผ้า เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวไว้ ทราบชื่อ นายสมโชค สุขเสน อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 69 หมู่ 10 ต.พ่วงพรหมคร อ.เคียนซา จ.สุราษฎร์ธานี และยึดมีดปลายแหลมยาวประมาณ 10 ซม. เปื้อนเลือด 1 เล่ม ที่วางไว้บนเตียงผู้ป่วยไว้เป็นหลักฐาน ส่วนผู้เสียชีวิต ทราบชื่อคือ นางวาสนา แสงแก้ว อายุ 46 ปี เป็น ภรรยาของ นายสมโชค หลังเกิดเหตุแพทย์ พยาบาล ได้พยายามช่วยชีวิต แต่คนเจ็บถูกแทงเข้าที่หน้าอก 3 แผล เข้าจุดสำคัญขาดใจตาย อย่างน่าอนาถ จาก การสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุนางวาสนา ผู้เสียชีวิตได้เข้ามารักษาตัวและเอกซเรย์สมองตั้งแต่วันที่ 5 ต.ค. เพราะประสบอุบัติเหตุขณะซ้อนท้าย จยย. ทางโรงพยาบาลอนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมผู้ป่วย ทำให้หอผู้ป่วยทั้งชั้นมีผู้คนจำนวนมาก ต่อมานายสมโชคได้เดินมาเยี่ยมภรรยา จู่ๆ ได้ชักอาวุธมีดพกสั้นกระหน่ำแทงเมียรัก ท่ามกลางเสียงหวีดร้องด้วยความหวาดกลัวของญาติที่มาเยี่ยมผู้ป่วย หลังก่อเหตุนายสมโชคพยายามหลบหนี แต่ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงพยาบาลขัดขวาง และแจ้งตำรวจมาควบคุมตัวดังกล่าว นายสมโชค ยอมรับสารภาพ โดยให้การว่า ที่ลงมือก่อเหตุสลดขึ้นเพราะความเครียด เนื่องจากตนถูกภรรยาต่อว่าหลายครั้งเรื่องขี่ จยย. ประสบอุบัติเหตุ ทำให้ภรรยาที่ซ้อนท้ายมาด้วยบาดเจ็บสาหัส ก่อนก่อเหตุ ตนมาเยี่ยมภรรยากลับถูกต่อว่าอีก จึงบันดาลโทสะใช้อาวุธมีดปลายแหลมซึ่งพกติดตัวตลอดเวลากระหน่ำแทงภรรยาจน สิ้นใจตายคามือ เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน ก่อนนำตัวไปสอบสวนปากคำ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ตามรูปคดีแล้วไม่น่าจะถูกแจ้งข้อหา ฆ่าโดยเจตนาและไตร่ตรองนิครับ ถ้าบรรดาลโทสะผมว่ายังน่าจะเข้ามากกว่าอีก ยังไงรบกวนพี่ๆช่วยชี้แนะทีนะครับ ขอบพระคุณครับ หัวข้อ: Re: รบกวนพี่นักกฎหมายช่วยมาชี้แนะทีนะครับ เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ ตุลาคม 08, 2010, 02:47:48 PM การพกอาวุธติดตัวไปด้วย ถือเป็นเจตนาและใตร่ตรองล่วงหน้าอยู่แล้วครับ ถ้าบันดาลโทสะโดยคว้ามีดปลอกผลไม้ข้างเตียงผู้ป่วยก็จะเป็นคนละประเด็น อันนี้ตามความคิดผมเองนะครับ ถ้าภาษากฏหมายก็ต้องรอนักกฏหมายมาชี้แนะ หัวข้อ: Re: รบกวนพี่นักกฎหมายช่วยมาชี้แนะทีนะครับ เริ่มหัวข้อโดย: RMAY ที่ ตุลาคม 08, 2010, 04:31:49 PM หนุ่มสุราษฎร์เครียด เมียรักด่าไม่หยุด ผัวแค้นชักมีดกะซวกแทงตายสยองคาเตียงโรงพยาบาล ญาติ-คนไข้ กระเจิง เห็นเหตุสลดคาตา คุ้นๆ ครับ เหมือนเคยได้ยินที่ไหนผัว เครียดเมียรักด่ากะซวกดับคาเตียง รพ.ครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อเวลา 11.45 น. วันที่ 7 ต.ค. ร.ต.ท.ฤทธิชัย ชุมช่วย ร้อยเวร สภ. เมือง จ.สุราษฎร์ธานี รับแจ้งเหตุมีคนร้ายแทงคนป่วยเสียชีวิต ภายในหอผู้ป่วย รพ. สุราษฎร์ธานี จึงรีบไปสอบสวนที่เกิดเหตุ ภายในหอผู้ป่วยศัลยกรรมหญิง 3 ตึกศัลยกรรม พบ ชายสภาพคลุ้มคลั่ง ผมเผ้ายุ่งเหยิง ตามร่างกายมีรอยเลือดกระเซ็นถูกเสื้อผ้า เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวไว้ ทราบชื่อ นายสมโชค สุขเสน อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 69 หมู่ 10 ต.พ่วงพรหมคร อ.เคียนซา จ.สุราษฎร์ธานี และยึดมีดปลายแหลมยาวประมาณ 10 ซม. เปื้อนเลือด 1 เล่ม ที่วางไว้บนเตียงผู้ป่วยไว้เป็นหลักฐาน ส่วนผู้เสียชีวิต ทราบชื่อคือ นางวาสนา แสงแก้ว อายุ 46 ปี เป็น ภรรยาของ นายสมโชค หลังเกิดเหตุแพทย์ พยาบาล ได้พยายามช่วยชีวิต แต่คนเจ็บถูกแทงเข้าที่หน้าอก 3 แผล เข้าจุดสำคัญขาดใจตาย อย่างน่าอนาถ จาก การสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุนางวาสนา ผู้เสียชีวิตได้เข้ามารักษาตัวและเอกซเรย์สมองตั้งแต่วันที่ 5 ต.ค. เพราะประสบอุบัติเหตุขณะซ้อนท้าย จยย. ทางโรงพยาบาลอนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมผู้ป่วย ทำให้หอผู้ป่วยทั้งชั้นมีผู้คนจำนวนมาก ต่อมานายสมโชคได้เดินมาเยี่ยมภรรยา จู่ๆ ได้ชักอาวุธมีดพกสั้นกระหน่ำแทงเมียรัก ท่ามกลางเสียงหวีดร้องด้วยความหวาดกลัวของญาติที่มาเยี่ยมผู้ป่วย หลังก่อเหตุนายสมโชคพยายามหลบหนี แต่ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงพยาบาลขัดขวาง และแจ้งตำรวจมาควบคุมตัวดังกล่าว นายสมโชค ยอมรับสารภาพ โดยให้การว่า ที่ลงมือก่อเหตุสลดขึ้นเพราะความเครียด เนื่องจากตนถูกภรรยาต่อว่าหลายครั้งเรื่องขี่ จยย. ประสบอุบัติเหตุ ทำให้ภรรยาที่ซ้อนท้ายมาด้วยบาดเจ็บสาหัส ก่อนก่อเหตุ ตนมาเยี่ยมภรรยากลับถูกต่อว่าอีก จึงบันดาลโทสะใช้อาวุธมีดปลายแหลมซึ่งพกติดตัวตลอดเวลากระหน่ำแทงภรรยาจน สิ้นใจตายคามือ เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน ก่อนนำตัวไปสอบสวนปากคำ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ตามรูปคดีแล้วไม่น่าจะถูกแจ้งข้อหา ฆ่าโดยเจตนาและไตร่ตรองนิครับ ถ้าบรรดาลโทสะผมว่ายังน่าจะเข้ามากกว่าอีก ยังไงรบกวนพี่ๆช่วยชี้แนะทีนะครับ ขอบพระคุณครับ หัวข้อ: Re: รบกวนพี่นักกฎหมายช่วยมาชี้แนะทีนะครับ เริ่มหัวข้อโดย: โป้ง*กันบอย - รักในหลวง ที่ ตุลาคม 08, 2010, 04:41:44 PM พกอาวุธติดตัวแล้วก่อเหตุ ผมคิดแบบพี่ปูครับ
ยังไงรอความเห็นของพี่ๆนักกฎหมายนะครับ หัวข้อ: Re: รบกวนพี่นักกฎหมายช่วยมาชี้แนะทีนะครับ เริ่มหัวข้อโดย: SingCring ที่ ตุลาคม 08, 2010, 05:18:36 PM การที่สามีนำมีด เป็นอาวุธติดตัวไปหาภรรยา จากนั้นใช้มีดที่นำมา แทงผู้ตายบริเวณจุดสำคัญ
ลักษณะดังกล่าว พนักงานสอบสวนต้องแจ้งข้อกล่าวหา เจตนาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนครับ ส่วนการกระทำของผู้ต้องหา จะเป็นการฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนหรือไม่ และการกระทำของสามีเป็นการกระทำเพราะบันดาลโทสะหรือไม่นั้น ต้องพิจารณาจากการสอบสวน สรุปข้อเท็จจริงอีกครั้งครับ ว่าเป็นการไตรตรองจริงหรือไม่ และการที่ภรรยาด่า ถือว่าผู้ต้องหาถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมตามกฎหมายหรือไม่ โดยทั่วไป การด่ากัน ทะเลาะเบาะแว้งบ้างระหว่างสามีและภริยา แม้จะมีถ้อยถ้อยคำก้าวร้าวหยาบคายเป็นที่ระคายเคืองอยู่บ้าง แต่ก็ยังไม่พอจะถือว่า การด่านั้น เป็นการข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมที่จะอ้างบันดาลโทสะได้ แต่การด่าว่ากันนั้น จะต้องเป็นการด่าที่เป็นลักษณะ ที่ข่มเหง ดูถูก ผู้ถูกด่าอย่างร้ายแรงด้วย เช่น ด่าบุพการีของสามีเสียๆหายๆ ด่าดูถูกทำให้เสียหายอับอายอย่างร้ายแรงเกินทน หรือ ไม่ด่าเปล่าๆ มีทั้งเตะ ตบ บ้องหู ซ้อมสามี จนสามีทนไม่ไหว เอามีดแทงเข้าให้ทันที เป็นต้น ตามข้อเท็จจริงคดีนี้ ความเห็นส่วนตัวผม แม้ผู้ตายจะตำหนิและด่า ผู้ต้องหาในเรื่องที่ขี่รถจักรยานยนต์ไปล้มทำให้ตนบาดเจ็บหลายครั้งก็ตาม ย่อมเป็นธรรมดา ที่ต้องมีการตำหนิกันบ้างไม่มากก็น้อย นอกจากนี้ แม้จะปรากฎข้อเท็จจริงว่า ภรรยาด่าด้วยถ้อยคำหยาบคายไปบ้าง แต่การด่าเนื่องจากสาเหตุดังกล่าว ระหว่างสามีภรรยาในเรื่องนี้ ยังไม่ถือว่าสามีถูกข่มเหงอย่างร้ายแรง ดังนั้น แม้การด่าของภรรยา จะเป็นชนวนเหตุที่ก่อให้เกิดเหตุเศร้าใจครั้งนี้ และทำให้สามีมีอารมณ์โกรธเคืองที่ผู้ตายด่าว่าก็ตาม แต่เมื่อข้อเท็จจริง ไม่ถือว่าสามีถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงตามกฎหมายแล้ว การกระทำของสามี จึงไม่เป็นการฆ่าผู้อื่นโดยบันดาลโทสะครับ แต่อย่างไรก็ดี ในเนื้อข่าว เป็นเพียงการสรุปข้อเท็จจริงคร่าวๆเท่านั้น ซึ่งในการสอบสวน หรือชั้นพิจารณาของศาล หากมีพยานหลักฐานสนับสนุนให้เห็นว่า การที่ผู้ตายด่าผู้ต้องหานั้น มีลักษณะเป็นการข่มเหงอย่างร้ายแรง การพิจารณาโทษที่ผู้ต้องหาจะได้รับ ก็จะลดลงตามส่วนแล้วแต่กรณีไปครับ หัวข้อ: Re: รบกวนพี่นักกฎหมายช่วยมาชี้แนะทีนะครับ เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ ตุลาคม 08, 2010, 05:25:18 PM เยี่ยมเลย ขอบคุณครับท่านรามซิงค์ หัวข้อ: Re: รบกวนพี่นักกฎหมายช่วยมาชี้แนะทีนะครับ เริ่มหัวข้อโดย: lugkrod ที่ ตุลาคม 09, 2010, 08:19:14 AM กระทู้ตายจริงๆด้วยวุ้ย.... ::005::
หัวข้อ: Re: รบกวนพี่นักกฎหมายช่วยมาชี้แนะทีนะครับ เริ่มหัวข้อโดย: ขุนช้าง-รักในหลวงและสมเด็จพระเทพ ที่ ตุลาคม 10, 2010, 09:23:33 AM พอดีไปทำงานเพิ่งได้กลับมา ขอบพระคุณพี่ๆที่เข้ามาช่วยให้ความรู้มากครับ ::014:: ::014:: ::014::
หัวข้อ: Re: รบกวนพี่นักกฎหมายช่วยมาชี้แนะทีนะครับ เริ่มหัวข้อโดย: SingCring ที่ ตุลาคม 10, 2010, 10:57:35 AM ว่าแล้วผมขออนุญาต เพิ่มเติมหลักเรื่องบันดาลโทสะอีกนิด (เพื่อไม่ให้กระทู้ตาย ฮา...)
หลักสำคัญในเรื่องบันดาลโทสะครับ มาตรา ๗๒ แห่งประมวลกฎหมายอาญา "ผู้ใดบันดาลโทสะ โดยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จึงกระทำความผิดต่อผู้ข่มเหงในขณะนั้น ศาลจะลงโทษผู้นั้นน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้" ดังนั้นผู้ที่จะอ้างบันดาลโทสะได้ตามกฎหมาย จะต้อง ๑. มิใช่เป็นผู้ก่อให้เกิดเหตุแห่งการข่มเหงด้วย เพราะ ผู้ที่จะอ้างเหตุบรรเทาโทษได้ตามกฎหมาย จะต้องมิใช่เป็นต้นเหตุให้เกิดการข่มเหงนั้นด้วยครับ ดังนั้นหากเราเดินไปตบหัวคนอื่นเล่น จนคนที่ถูกตบลุกขึ้นมาเอาไม้มาทุบเราบ้าง แต่เรากลับโกรธขึ้นมา จึงชักอาวุธปืนยิงไป ๑ นัด จะเห็นได้ว่า เหตุที่ทำให้เราโกรธนั้น ก็เนื่องจากเราเอง เป็นผู้ก่อให้เกิดขึ้น กรณีนี้ เราจึงไม่สามารถอ้างเหตุบันดาลโทสะ เนื่องจากถูกผู้ตายเอามาทุบได้ เพราะถือว่าเราเป็นผู้ก่อให้เกิดเหตุแห่งการข่มเหงนั้นเอง ๒. ผู้อ้างบันดาลโทสะ จะต้องบันดาลโทสะ เพราะตนเองถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม ถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม นั้น คือ การข่มเหงรังแกหรือรบกวนทำให้เดือดร้อนโดยไม่มีเหตุอันสมควรที่จะกระทำเช่นนั้น ทั้งการข่มเหงนั้น เป็นเรื่องหรือมีลักษณะที่เรื่องที่ร้ายแรงโดยปราศจากเหตุผล และการข่มเหงนั้น ทำให้ผู้ก่อเหตุ เกิดโทสะหรือความโกรธจนไม่อาจยับยั้งได้ ซึ่งตรงนี้อย่างใด เป็นการข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมหรือไม่ ต้องพิจารณาเป็นเรื่องๆไปครับ ๓. ผู้นั้นได้ลงมือกระทำผิด ต่อผู้ที่มาข่มเหงในขณะทันทีทันใด หรือกระชันชิดภายหลังถูกข่มเหง ผู้ที่จะอ้างเหตุบันดาลโทสะได้ นั้นต้องทำร้าย ฆ่า หรือทำความผิดต่อผู้ที่มาข่มเหงภายหลังทันทีที่ถูกข่มเหง หรือภายหลังจากนั้น แต่ระยะเวลาต้องกระชั้นชิดด้วย เพราะหากปล่อยทิ้งนานไป ศาลมักจะถือว่าเราน่าจะคลายความโกรธลงไปแล้ว เช่น นาย ก. เดินมา ชกหน้าเรากลางตลาด และพูดจาเย้ยดูถูกต่อหน้าผู้คน ถ้าเราชกนาย ก หรือยิงนาย ก ในตอนนั้นทันที เราสามาถอ้างบันดาลโทสะได้ครับ แต่หากเราไม่ยิงหรือชกไป แต่กลับบ้านไปจนรุ่งเช้าจึงนำอาวุธปืนมายิง นอกจากจะอ้างบันดาลโทสะไม่ได้แล้วเพราะมิได้กระทำต่อผู้ที่มาข่มเหงในขณะนั้น ยังถือว่าเป็นการฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนด้วยซ้ำ หัวข้อ: Re: รบกวนพี่นักกฎหมายช่วยมาชี้แนะทีนะครับ เริ่มหัวข้อโดย: ขุนช้าง-รักในหลวงและสมเด็จพระเทพ ที่ ตุลาคม 10, 2010, 11:31:13 AM ขอบพระคุณมากครับพี่ ::014:: ::014:: ::014:: ::014::
เท่าที่พอจะอ่านเจอ เห็นมีคดี สามีเจอภรรยานอนอยู่กับชู้ ยิงตายคาเตียงทั้งคู่ก็ไม่มีความผิดถูกไหมครับ แล้วถ้าเรารู้ว่า ใครเป็นชู้กับเมียเราแล้วตามไปยิงละครับ?? สมัยนี้คนแต่งงานแล้วแต่ยังมีกิ๊กเนี้ยเยอะเหลือเกิน ::004:: ::004:: ::004:: ::004:: ::004:: หัวข้อ: Re: รบกวนพี่นักกฎหมายช่วยมาชี้แนะทีนะครับ เริ่มหัวข้อโดย: SingCring ที่ ตุลาคม 10, 2010, 01:16:29 PM เรื่องสามีหรือภรรยา กำลังร่วมประเวณีกับผู้อื่นนั้น เดิมถือว่าเป็นการป้องกันสิทธิของตนในฐานะคู่สมรส
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๓๗๘/๒๔๗๙ ชายพบภริยาของตนกำลังร่วมประเวณีทำชู้กับชายอื่นจึงฆ่าภริยาและชายชู้ตายทั้งสองคนนั้นทันทีเช่นนี้ ถือว่าเป็นการป้องกันเกียรติยศและชื่อเสียง พอสมควรแก่เหตุ ไม่มีโทษ แน่นอน หากคู่สมรสของตน กำลังร่วมประ้เวณีกับบุคคลอื่น โดยคู่สมรสของตนไม่ยินยอมแล้ว เช่นถูกข่มขืน กระทำชำเรา กรณีนี้ ย่อมเป็นการป้องกันสิทธิของตนเองและคู่สมรส สามารถอ้างว่ากระทำไปเพื่อป้องกันตามกฎหมายได้แน่นอน แต่ในกรณี ที่คู่สมรสของตน กำลังร่วมประ้เวณีกับบุคคลอื่น โดยคู่สมรสของตนยินยอมละ ตรงนี้จะอ้างป้องกัน ตามมาตรา ๖๘ ทำให้เราไม่มีความผิดได้หรือไม่นั้น เท่าที่ผมศึกษาเรื่องนี้ การที่จะอ้างป้องกันกับเรื่องที่คู่สมรสของตนไปร่วมประเวณีกับบุคคลอื่นโดยยินยอมนั้น จะต้องปรากฎว่า ขณะก่อเหตุ จะต้องเห็นคู่สมรสของตนกำลังร่วมประเวณีอยู่ด้วย จึงก่อเหตุ นอกจากนี้ คู่สมรสที่จะอ้างป้องกันนั้น จะต้องเป็นคู่สมรสที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายด้วย แต่หากทราบภายหลัง หรือเหตุเพียงเดินออกมาจากห้อง หรือแม้แต่เห็นนอนอยู่บนเตียงด้วยกัน แต่ไม่เ็ห็นว่ากำลังร่วมประเวณี กรณีนี้ไม่ถือว่ามีภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอัน ละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง ที่จะอ้างว่ากระทำไปเพื่อป้องกันสิทธิได้ คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๓๘๖๑/๒๕๔๗ แม้ จำเลยเป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของ ต. สามี และมีสิทธิป้องกันมิให้หญิงอื่นมามีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับสามีของตน แต่ขณะจำเลยพบโจทก์ร่วม (กิ๊กของสามี) นั้น โจทก์ร่วม กำลังนอนหลับอยู่กับ ต. เท่านั้น มิได้กำลังร่วมประเวณีกัน พฤติการณ์เช่นนี้ยังถือไม่ได้ว่ามีภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอัน ละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง อันจำเลยจำต้องกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของจำเลยแต่อย่างใด การกระทำของจำเลยจึงมิใช่เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย แต่การที่โจทก์ร่วมเข้าไปนอนหลับอยู่กับ ต. สามีโดยชอบด้วยกฎหมายของจำเลยที่เตียงนอนในฟาร์มเลี้ยงไก่ของ ต. เช่นนี้นับได้ว่าเป็นการกระทำที่ข่มเหงจิตใจของจำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุ ไม่เป็นธรรม เมื่อจำเลยพบเห็นโดยบังเอิญมิได้คาดคิดมาก่อนและไม่สามารถอดกลั้นโทสะไว้ได้ ใช้มีดฟันศีรษะโจทก์ร่วมไปในทันทีทันใด การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ ตาม ป.อ. มาตรา ๗๒ คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๓๙๕๕/๒๕๔๗ การที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายเนื่องจากผู้ตายกับ น. ภริยาจำเลยอยู่ด้วยกันภายในห้องนอนตามลำพังสองต่อสอง และจำเลยพบเห็นเหตุการณ์โดยไม่คาดคิดมาก่อน จำเลยเกิดความโมโหหรือมีอารมณ์โกรธ จึงยิงไปในขณะนั้นทันทีที่พบเห็น การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายตาม ป.อ. มาตรา ๖๘ แต่เป็นการกระทำโดยเหตุบันดาลโทสะตาม ป.อ. มาตรา ๗๒ แต่อย่างไร แม้ไม่ถือว่าเป็นการป้องกันก็ตาม แต่การที่คู่สมรสของตนไปเจ๊าะแจะกับคนอื่น ถือว่าคู่สมรสของตนและชู้ กิ๊ก ทำการข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมตามกฎหมายแล้ว การที่คู่สมรสทำร้าย หรืออย่างไร คู่สมรสของตนและบุคคลที่มาเจ๊าะแจ๊ะในทันทีขณะที่ยังโกรธอยู่ในทันทีที่ทราบ หรือพอทราบก็เดินทางไปก่อเหตุทันที ไม่ใช่ปล่อยทิ้งระยะเวลาไว้นาน แบบย่อมสามารถอ้างว่ากระทำไปเพราะบันดาลโทสะได้ครับ แต่หากทิ้งระยะเวลาไว้นาน ศาลอาจมองว่าโทสะได้ลดลงไปแล้ว เช่น ทราบว่าใครเป็นชู้แล้ว แต่กลับเก็บไว้ จนภายหลังต่อมาพบชู้ของภรรยาตน แล้วนึกขึ้นได้จึงเอาปืนไปยิง แบบนี้ไม่สามารถอ้างว่ากระทำไปเพราะบันดาลโทสะได้ครับ แต่จะเป็นเจตนาฆ่าผู้อื่นโดยไตรตรองด้วยซ้ำ ::014:: หัวข้อ: Re: รบกวนพี่นักกฎหมายช่วยมาชี้แนะทีนะครับ เริ่มหัวข้อโดย: SingCring ที่ ตุลาคม 10, 2010, 01:17:57 PM อันนี้แถม แม้คู่สมรสจะมิได้จดทะเบียนสมรสกันก็ตาม แต่อยู่กินกันฉันท์สามีและภรรยาอย่างแท้จริง ก็สามารถอ้างบันดาลโทสะในเรื่องที่ไปเจ๊าะแจ๊ะกับผู้อื่นได้เช่นกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๒๓๗๓/๒๕๔๔ จำเลยและ ส. มิได้เป็นสามีภรรยากันตามกฎหมายแต่จำเลยได้อุปการะเลี้ยงดู ส. เยี่ยงภรรยา ซึ่งผู้เสียหายก็รู้แต่ผู้เสียหายยังไปลักลอบหลับนอนร่วมประเวณีกับ ส. การที่จำเลยยิงผู้เสียหายในขณะดังกล่าว จึงเป็นการบันดาลโทสะโดยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม หัวข้อ: Re: รบกวนพี่นักกฎหมายช่วยมาชี้แนะทีนะครับ เริ่มหัวข้อโดย: SingCring ที่ ตุลาคม 10, 2010, 01:25:37 PM แต่ความเป็นจริง หากระงับโทสะได้ในขณะนั้น แนะนำว่าอย่ายิงเลยครับ
เป็นโจทก์ฟ้องหย่าซะดีกว่า แล้วเรียกค่าทดแทนจากคู่สมรสที่นอกใจและจากชู้ กิ๊กให้เต็มเหนี่ยว ดีกว่าเป็นจำเลย ในข้อหาฆ่าผู้อื่น สู้คดีกันเหนื่อยครับ ;D หัวข้อ: Re: รบกวนพี่นักกฎหมายช่วยมาชี้แนะทีนะครับ เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ ตุลาคม 10, 2010, 01:32:35 PM แต่ความเป็นจริง หากระงับโทสะได้ในขณะนั้น แนะนำว่าอย่ายิงเลยครับ ขอบพระคุณท่านสิงห์กลิ้งมากครับสำหรับฎีกาในกระทู้แรกๆเป็นโจทก์ฟ้องหย่าซะดีกว่า แล้วเรียกค่าทดแทนจากคู่สมรสที่นอกใจและจากชู้ กิ๊กให้เต็มเหนี่ยว ดีกว่าเป็นจำเลย ในข้อหาฆ่าผู้อื่น สู้คดีกันเหนื่อยครับ ;D และเห็นด้วย 100% สำหรับข้อแนะนำในกระทู้นี้ครับ ::014:: หัวข้อ: Re: รบกวนพี่นักกฎหมายช่วยมาชี้แนะทีนะครับ เริ่มหัวข้อโดย: ขุนช้าง-รักในหลวงและสมเด็จพระเทพ ที่ ตุลาคม 10, 2010, 01:44:32 PM แต่ความเป็นจริง หากระงับโทสะได้ในขณะนั้น แนะนำว่าอย่ายิงเลยครับ ฆ่าด้วยกฎหมาย กะเอาตายทั้งเป็นเลยใช่ไหมครับ ;D ;D ;D ;D ไหนจะตอนขึ้นศาล ไหนจะล้มละลาย แถมเป็นคดีติดตัวไปชั่วชีวิตเป็นโจทก์ฟ้องหย่าซะดีกว่า แล้วเรียกค่าทดแทนจากคู่สมรสที่นอกใจและจากชู้ กิ๊กให้เต็มเหนี่ยว ดีกว่าเป็นจำเลย ในข้อหาฆ่าผู้อื่น สู้คดีกันเหนื่อยครับ ;D ขอบพระคุณครับพี่ ::014:: ::014:: ::014:: ::014:: สำหรับความรู้ดีๆ อิอิอิ |