เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

สนทนาภาษาปืน => หลังแนวยิง => ข้อความที่เริ่มโดย: naisomchai ที่ พฤศจิกายน 02, 2010, 09:15:49 AM



หัวข้อ: อ่านแล้วรู้สึกพิลึก... เซเลบ จับมือทำธุรกิจ ของเล่นใหม่คนมีตังค์
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ พฤศจิกายน 02, 2010, 09:15:49 AM
เอามาจากนี่ครับ... http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9530000153988 (http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9530000153988)

อ่านแล้วรู้สึกสงสารทหารภาคใต้, ทหารชายแดน, ตชด., ทหารก่อกระสอบทราย+ลุยแจกของน้ำท่วมฯ...

นี่ยังดีที่เขาไม่ได้พูดถึงพวกไฮโซฯ(นามสกุลเพราะฯ)ไปรับราชการ แล้วอยู่ในฟาสแทรกทำงานสองขั้นปีเว้นปีนะครับ... พวกนี้แหละเป็นคนสร้างเงื่อนไขในสังคมจากระบบอุปถัมภ์ฯ...
(รบกวนเพื่อนๆพี่ๆน้องๆ... วิจารณ์โดยไม่เกี่ยวข้องพาดพิงกับสีเสื้อนะครับ)... เย้...

อาจสับสนนิดหน่อยกับคำนิยามที่เรียกว่า เซเลบริตี หรือเรียกสั้นๆ ว่า เซเลบ ว่าคืออะไร แต่คนเสพสื่อบันเทิงทั่วไปคงมีคำตอบคล้ายๆ กันว่าคือ ‘พวกคนดัง’ ซึ่งเหมากระจาดทั้งไฮโซ นักธุรกิจ ดารา นักร้อง ดีไซเนอร์ ฯลฯ ที่ขอให้มีชื่อเสียงในแวดวงสังคมเป็นพอ
       
       ไลฟ์สไตล์ชนิดหนึ่งของคนกลุ่มนี้ คือ การออกงานสังคม โชว์แฟชั่นล่าสุดจากคอลเลกชันต่างๆ ภายใต้แบรนด์เนมระดับโลกราคาแพงระยับ โชว์เครื่องเพชร บีบีใหม่ล่าสุดๆๆๆๆๆ ไปจนถึงโชว์เต้า และที่กำลังได้รับความนิยมต่อเนื่องอยู่ตอนนี้คือ การจับมือกันทำธุรกิจ
       
       ซึ่งจะมองว่าเป็นของเล่นคนมีเงินอีกแบบหนึ่งก็ได้ แล้วของเล่นนี้เขาเล่นกันแบบไหน
       
       1.
       
       อันที่จริงแวดวงไฮโซมีการเคลื่อนไหวมาตลอด ในอดีต บรรดาตระกูลใหญ่ๆ ต่างก็รู้จักกันตามงานสังคม งานสวนอัมพร งานการกุศล งานปาร์ตี้ งานวันเกิด หรือเพราะมีบ้านในละแวกไฮโซเดียวกัน เช่น หัวหินเมืองตากอากาศสมัยก่อนที่บรรดาเจ้านายและนักธุรกิจมักไปจับจองที่ดินและก็รู้จักกันเพราะรั้วติดกัน เป็นต้น
       
       การเป็นทองแผ่นเดียวกันระหว่างตระกูลใหญ่ 2 ตระกูล ถือเป็นวิธีหนึ่งในการขยายอาณาจักรและเพิ่มสถานะทางสังคมของไฮโซยุคก่อน ไม่ก็เป็นเพื่อนกันไป
       
       พอถึงยุคแลกพินบีบี เมื่องานสังคมมีถี่กว่าเมื่อก่อนมาก เทคโนโลยีการสื่อสารดีสุดๆ บวกกับพลังการตลาดที่จับความดังเป็นสินค้า ความเป็นไฮโซที่เคยจำกัดวงในกลุ่มเจ้านาย ข้าราชการชั้นสูง และนักธุรกิจขาใหญ่ ก็ค่อยๆ ขยายวงสู่อาชีพอื่นๆ ที่ถือว่ามีชื่อเสียงในสังคม
       เมื่อมีทั้งเงิน ทั้งชื่อเสียง แน่นอนว่ามันคือต้นทุนอย่างดีในการทำธุรกิจ
       
       2.
       
       ถ้าสังเกตให้ดี ธุรกิจของคนดังมักจะเกี่ยวข้องกับไลฟ์สไตล์ชีวิตคนเมือง เช่น สินค้าไฮเอนด์ สปา ผับ เป็นต้น ยกตัวอย่าง ‘ฟลามิงโก’ แบรนด์สินค้าแฟชั่นที่ร่วมมือกันของ หม่อมราชวงศ์จันทรลัดดา ยุคล, หม่อมราชวงศ์นิภานพดารา ยุคล และ ศิริสุดา โกมุทบุตร
       
       บริษัท คาวาลิโน มอเตอร์ จำกัด นำเข้าเฟอร์รารี่ ซึ่งเป็นการจับมือกันระหว่าง ตระกูลภิรมย์ภักดีกับ ตระกูลอยู่วิทยา
       
       หรืออย่าง ทีส แกลลอรี บาร์ที่เกิดจากการจับมือกันของ อนิศ โอสถานุเคราะห์, โจอี้ บอย, กิ๊ฟซี และ วรรธนฉัตร แสงมีน
       
       หรืออย่าง 4 สาวไฮโซ พัชรี รักษาวงศ์, ศรัยฉัตร กุญชร ณ อยุธยา, นาขวัญ รายนานนท์ และ ศิรนุช โรจนเสถียร ก็มาจับมือร่วมหุ้นกันเปิดโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษ ภายใต้ชื่อ Just English ฯลฯ
       
       จุดร่วมถึงว่าเหมือนกัน ก็คือเป้าหมายของการทำธุรกิจ เพราะทุกคนต้องการมีรายได้และแสวงหากำไร จึงต้องค้นหาหนทางที่จะทำให้ตัวเองมีรายได้มากที่สุด ซึ่งแน่นอนหนึ่งในนั้นก็คือนำชื่อเสียงของตัวเองไปต่อยอดทางธุรกิจ
       
       “ทุกคนรู้จักชื่อเขาอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นการจะทำอะไรก็ง่ายขึ้น ยิ่งมารวมพลังคนดังกับคนดัง เป็นกลุ่มแก๊งเดียวกัน พอมีธุรกิจฮิตอะไรขึ้นมา ก็ทำขึ้นเพื่อให้เข้ากับกระแสที่เกิดขึ้น” กฤตยชญ์ ไผ่เรือง บรรณาธิการ Celeb Online อธิบาย
       
       บุ๋ม-จารุจิต ใบหยก ลูกสาวคนกลางของตระกูลใบหยก เจ้าของตึกที่สูงที่สุดในประเทศไทย ตอนนี้เธอรับหน้าที่เป็นผู้ช่วยประธานกรรมการบริหารโรงแรมใบหยกสกาย เธอมองว่า การเป็นเซเลบ ก็มีประโยชน์ในการร่วมมือกันทำธุรกิจระหว่างเซเลบ ด้วยกัน
       
       “มันมีประโยชน์ คืออย่างน้อยเราก็เป็นที่รู้จักในระดับหนึ่ง ด้วยนามสกุลก็รู้ว่าทำธุรกิจอะไร หน้าเราเวลาไปไหนก็เป็นเหมือนพาธุรกิจโรงแรมติดตัวไปด้วยทุกที่ ไปไหนก็เป็นการพีอาร์ไปด้วย แต่บุ๋มยังไม่มีธุรกิจส่วนตัวร่วมกับใครนะคะ จะมีแต่เวลาเจอเพื่อนๆ ที่ไปงานสังคมก็คุยกัน ชวนให้มาจัดงานที่โรงแรม เราก็ช่วยธุรกิจของกันและกัน จะเป็นแบบนี้มากกว่าค่ะ
       
       “เราได้รู้จักคนมากขึ้น รู้จักคนที่ทำงานหลากหลายแวดวง มันก็เป็นการขยายคอนเนกชัน อาศัยว่าคุ้นๆ หน้ากัน ก็ชวนกันมาร่วมงานกันได้ง่ายขึ้น แต่ว่าก็เหมือนกับคนรู้จักกันทั่วๆ ไป เจอกันก็คุยกันเรื่องดินฟ้าอากาศ มีนัดกินข้าวบ้าง ถึงอย่างนั้นมันก็มีบ้างบางคนที่เราสนิทนะ มันก็แล้วแต่คนค่ะ”
       
       แต่ทำไมทายาทบางตระกูลที่มีธุรกิจอยู่แล้วถึงตัดสินใจทำธุรกิจที่ไม่เกี่ยวข้อง ประเด็นนี้ กฤตยชญ์บอกว่า ธุรกิจครอบครัวไม่ใช่สิ่งที่เขาเลือก แต่เป็นสิ่งที่บรรพบุรุษทำมา จึงจำเป็นต้องรักษาทั้งที่อาจจะไม่ได้ชอบ แต่ธุรกิจใหม่ที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์เป็นสำคัญ ซึ่งมีพื้นฐานจากความชอบ
       
       สำหรับทิศทางในอนาคต กฤตยชญ์มองว่าน่าจะเติบโตมากขึ้น เพราะความต้องการของคนเราเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ที่สำคัญเทคโนโลยีมีส่วนสำคัญอย่างมาก เพราะช่วยกระตุ้นให้เกิดการบริโภคอย่างตะวันตก ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ย่อมส่งผลต่อการรวมตัวของคนอย่างแน่นอน แต่จะเป็นในทางทิศทางไหนคงต้องดูกระแสตลาดอีกทีหนึ่ง
       
       “เท่าที่ได้ยิน ทุกวันนี้เซเลบ หลายคนเริ่มจะนำเข้าสินค้าเป็นของตัวเอง เช่น คลาวด์ ไนน์ ซึ่งเป็นการรวมกลุ่มของเซเลบ 10 คน นำเข้าเสื้อผ้าและรองเท้า ซึ่งเป็นสังคมที่คนเริ่มยอมรับและทำให้กลุ่มเซเลบ นั้นดูดีขึ้น อีกจุดหนึ่งที่เริ่มเห็นคือ การเปิดตลาดใหม่ๆ ของแบรนด์เนมหรูๆ ที่เริ่มจะเป็นแมสแล้ว เพราะฉะนั้นก็จะต้องไปจับตลาดเยอรมนี สวีเดน ญี่ปุ่นที่เจ๋งๆ ซึ่งยังไม่เข้ามาขาย”
       
       3.
       
       ปรากฏการณ์นี้นอกจากจะเป็นเพราะการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและพลังทางเศรษฐกิจแล้ว สื่อมักเป็นจำเลยทุกครั้งไป เพราะเซเลบ จับมือกันทำธุรกิจจะว่าไปก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ถือเป็นรูปแบบหนึ่งของการทำธุรกิจ ซึ่งสอดรับกับยุคสมัยในปัจจุบันที่คนนิยมผู้ที่มีชื่อเสียงในแวดวงสังคมหรือโทรทัศน์มากเป็นพิเศษ
       
       รศ.รุ่งนภา พิตรปรีชา หัวหน้าภาควิชาการประชาสัมพันธ์ คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อธิบายว่า
       
       “คนทุกวันนี้สนใจคนดังมากกว่าความสามารถที่แท้จริง อย่างเช่นใครก็ไม่รู้มีโอกาสไปปรากฏตัวบนหน้าสื่อหรือทีวีก็จะดังขึ้นมาทันที แล้วคนก็หันไปชื่นชอบ และพอคนดังพวกนี้จับมือกันทำธุรกิจก็จะยิ่งเป็นการเพิ่มพูนโอกาสที่จะประสบความสำเร็จมากกว่า อย่างน้อยก็ในระยะแรก เพราะสามารถกระตุ้นความสนใจของคนได้มาก”
       
       ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้คนเหล่านี้ประสบความสำเร็จคงปฏิเสธไม่ได้ว่า สื่อมีส่วนสำคัญอย่างมาก สังเกตได้จากการที่คนเหล่านี้มีพื้นที่บนสื่อ ที่สำคัญเวลาที่สื่อไปทำข่าวก็จะพบว่า บางทีแทบไม่ได้สนใจตัวผลิตภัณฑ์ด้วยซ้ำ แต่มุ่งให้ความสนใจเฉพาะตัวบุคคลอย่างเดียว
       
       “ธุรกิจที่เกิดขึ้น ส่วนใหญ่จะมุ่งประชาสัมพันธ์ที่ตัวบุคคลมากกว่า สินค้าเป็นเพียงปัจจัยรอง ซึ่งไม่แตกต่างกับการทำธุรกิจของดารา ที่พอออกมาคนก็จะตัดสินใจซื้อได้อย่างรวดเร็ว แต่ทั้งนี้ก็ไม่ได้หมายความว่า พอทำไปแล้ว สินค้านี้จะอยู่รอด เพราะต้องยอมรับว่าผู้ซื้อเองก็ไม่ได้โง่ หากผลิตภัณฑ์หรือสินค้าตัวไหนไม่ดีจริง สุดท้ายมันก็จะตายไปเอง”
       
       ที่สุดแล้ว ธุรกิจก็คือธุรกิจ ความอยู่รอดและผลกำไรคือตัววัดความสำเร็จ ซึ่งก็จะเป็นเครื่องมือตัดสินอีกทีว่า เซเลบแต่ละรายที่จับมือกันทำธุรกิจเป็นของจริงหรือแค่ของเล่นแก้เซ็งของคนรวย ดังที่กฤตยชญ์ทิ้งท้ายว่า
       
       “บางคนอาจจะมองว่า การทำธุรกิจแบบนี้เป็นของเล่นคนรวย แต่ผมมองว่า ทุกคนที่ทำต้องมีเป้าหมายส่วนตัวที่หวังผลสูงสุดเท่าไหร่ ซึ่งบางคนก็อาจจะทำแล้วประสบความสำเร็จ บางคนทำแล้วเจ๊ง จะมาเหมารวมว่าเป็นของเล่นทั้งหมดคงไม่ได้”
       
       ***************
       
       เรื่อง: ทีมข่าว CLICK


หัวข้อ: Re: อ่านแล้วรู้สึกพิลึก... เซเลบ จับมือทำธุรกิจ ของเล่นใหม่คนมีตังค์
เริ่มหัวข้อโดย: อนัตตา ที่ พฤศจิกายน 02, 2010, 09:25:08 AM
 ::014::ด้วยความเคารพครับ ผมว่าคนกลุ่มนี้เขาน่าจะคิดถึงคนที่ด้อยโอกาสในสังคมบ้าง (ได้สักเสี้ยวหนึ่งของบิลล์ เกต ก็ยังดี) ไม่ใช่วัน ๆ เอาแต่ขนเพชร (หมายถึงขนเอาเพชรเครื่องประดับ) มาโชว์มาอวดกัน เหมือนพวกป่วยทางจิต ใครจะเหนือกว่าไม่ได้ จะกระอักเลือด ::014::


หัวข้อ: Re: อ่านแล้วรู้สึกพิลึก... เซเลบ จับมือทำธุรกิจ ของเล่นใหม่คนมีตังค์
เริ่มหัวข้อโดย: sig_surath7171 ที่ พฤศจิกายน 02, 2010, 11:28:07 AM
::014::ด้วยความเคารพครับ ผมว่าคนกลุ่มนี้เขาน่าจะคิดถึงคนที่ด้อยโอกาสในสังคมบ้าง (ได้สักเสี้ยวหนึ่งของบิลล์ เกต ก็ยังดี) ไม่ใช่วัน ๆ เอาแต่ขนเพชร (หมายถึงขนเอาเพชรเครื่องประดับ) มาโชว์มาอวดกัน เหมือนพวกป่วยทางจิต ใครจะเหนือกว่าไม่ได้ จะกระอักเลือด ::014::

ไฮโซไฮซ้อ ก็กินข้าวเหมือนเรา แต่อาจจะกินทิ้งกินขว้างมากกว่าเรา
เห็นด้วยกับคุณนัตตา ครับ


หัวข้อ: Re: อ่านแล้วรู้สึกพิลึก... เซเลบ จับมือทำธุรกิจ ของเล่นใหม่คนมีตังค์
เริ่มหัวข้อโดย: ห ม า ย จั น ท ร์ ที่ พฤศจิกายน 02, 2010, 12:03:04 PM
ตั้งแต่เกิดมา ไม่ได้ดิ้นรนต่อสู้ มีต้นทุนชีวิตที่สูงมาแต่เดิม ว่างมาก  ทำแล้วเจ้งก็ไม่สะเทือน


ไม่มองคนที่ลำบาก ว่า มองแต่ว่าทำอย่างไรจะให้เท่า หรือสูงกว่า ฐานะสูงส่งแต่ด้านจิตใจ


ไม่ทราบเพราะไม่เคยเห็นว่าเซเลปที่ว่า ทั้งหลายทำอะไรที่ เป็นประโยชน์แก่ส่วนร่วมหรือคนที่ด้อยกว่า



หัวข้อ: Re: อ่านแล้วรู้สึกพิลึก... เซเลบ จับมือทำธุรกิจ ของเล่นใหม่คนมีตังค์
เริ่มหัวข้อโดย: supreme ที่ พฤศจิกายน 02, 2010, 12:04:47 PM
ผมว่ามันก็เป็นธรรมดานะ  เพราะพวกเขาเกิดมาในสิ่งแวดล้อมที่เป็นทุนนิยม  ถูกเลี้ยงดูแบบวัตถุนิยม  ความคิดความอ่านของพวกเขา  มันก็ต้องเข้าทำนองว่าใช้ปัจจัยที่ตัวเองมีอยู่  ให้เกิดกำไรสูงสุด ทั้งปัจจุบันและอนาคต  ถึงแม้ตอนนี้จะเริ่มมีกระแส CSR เข้ามา  แต่มันก็มุ่งการประชาสัมพันธ์มากกว่าการรับผิดชอบต่อสังคม  อาจจะเป็นเพราะมันขัดกับการทำธุรกิจของเขา  หรือต้องจ่ายมากเกินจนฝืนความรู้สึกของเจ้าของกิจการ

แต่สำหรับคนแบบเราๆท่านๆ ที่ไม่มีชื่อเสียง  ไม่มีต้นทุนทางสังคมอะไรเลย  ก็ต้องใช้อย่างอื่นแทนเพื่อให้มันขายได้  เหนื่อยหน่อย ลำบากหน่อย ก็มีรสชาติของชีวิตไปอีกแบบ(ไม่เต็มใจ)

เรื่องระบบอุปถัมภ์ทางภาคใต้ผมไม่มีข้อมูล  แต่ในชีวิตการทำงาน  ผมสัมผัสได้ว่า การอุปถัมภ์แบบไม่ลืมหูลืมตา  มันทำให้คนมีความรู้ความสามารถไม่ว่าจะมาตรฐาน หรือสูงกว่ามาตราฐาน  ต้องกลายเป็นพวกเช้าชามเย็นชาม  หมดไฟที่จะทำงาน


หัวข้อ: Re: อ่านแล้วรู้สึกพิลึก... เซเลบ จับมือทำธุรกิจ ของเล่นใหม่คนมีตังค์
เริ่มหัวข้อโดย: TWC - รักในหลวง ที่ พฤศจิกายน 02, 2010, 12:11:59 PM
ชาติที่แล้วเค้าคงทำบุญมาดี
ชาตินี้เลยได้เสวยสุข


หัวข้อ: Re: อ่านแล้วรู้สึกพิลึก... เซเลบ จับมือทำธุรกิจ ของเล่นใหม่คนมีตังค์
เริ่มหัวข้อโดย: jad1911 ที่ พฤศจิกายน 02, 2010, 12:52:24 PM
 ::014::


หัวข้อ: Re: อ่านแล้วรู้สึกพิลึก... เซเลบ จับมือทำธุรกิจ ของเล่นใหม่คนมีตังค์
เริ่มหัวข้อโดย: อนัตตา ที่ พฤศจิกายน 02, 2010, 03:08:33 PM
ขอต่ออีกนิด บิลล์ เกต บริจาคทรัพสมบัติเพื่อการกุศล โดยเหลือมรดกให้ลูกคนละสิบล้านดอลฯ ต่อจากนั้นให้ลูกหาเพิ่มเอง อย่างเรา ๆ ท่าน ๆ ที่นั่งกันอยู่หน้าจอนี้อย่างน้อยคงจะอยู่ในระดับกลาง ๆ ที่พอทำมาหากินได้ แต่บางคนไม่มีก็คือไม่มีจริง ๆ ถ้ามีล้นเหลือก็น่าจะดูแลกันบ้าง


หัวข้อ: Re: อ่านแล้วรู้สึกพิลึก... เซเลบ จับมือทำธุรกิจ ของเล่นใหม่คนมีตังค์
เริ่มหัวข้อโดย: SillyOldMan ที่ พฤศจิกายน 02, 2010, 03:20:19 PM
ผมมองว่าเป็น"เรื่องของเขา"ครับ คนเราเกิดมาไม่เท่ากัน ต้นทุนชีวิตไม่เท่ากัน เค้าแค่ใช้ชีวิต/ทำมาหากินตามต้นทุน-ปัจจัยที่เขามี ง่ายได้ก็เล่นง่ายไว้ก่อน

เกิดในครอบครัวที่มีชื่อเสียงไม่ได้สบายไปหมดครับ มันมาพร้อมความรับผิดชอบต่อครอบครัว,ต้องระวังตัวกว่าลูกตาสียายสาเยอะ พอต้องใช้ชีวิตแบบนั้นนานๆก็น่าจะเหนื่อยเหมือนกัน


หัวข้อ: Re: อ่านแล้วรู้สึกพิลึก... เซเลบ จับมือทำธุรกิจ ของเล่นใหม่คนมีตังค์
เริ่มหัวข้อโดย: sig_surath7171 ที่ พฤศจิกายน 02, 2010, 03:36:59 PM
ผมมองว่าเป็น"เรื่องของเขา"ครับ คนเราเกิดมาไม่เท่ากัน ต้นทุนชีวิตไม่เท่ากัน เค้าแค่ใช้ชีวิต/ทำมาหากินตามต้นทุน-ปัจจัยที่เขามี ง่ายได้ก็เล่นง่ายไว้ก่อน

เกิดในครอบครัวที่มีชื่อเสียงไม่ได้สบายไปหมดครับ มันมาพร้อมความรับผิดชอบต่อครอบครัว,ต้องระวังตัวกว่าลูกตาสียายสาเยอะ พอต้องใช้ชีวิตแบบนั้นนานๆก็น่าจะเหนื่อยเหมือนกัน

เรามันจน เราก็จนต่อไป ใครจะรวยเท่าไร ก็ปล่อยให้รวยเสียให้เข็ด :)


หัวข้อ: Re: อ่านแล้วรู้สึกพิลึก... เซเลบ จับมือทำธุรกิจ ของเล่นใหม่คนมีตังค์
เริ่มหัวข้อโดย: lek ที่ พฤศจิกายน 02, 2010, 03:47:53 PM
อยู่ดีมีแฮงได้ในสิ่งที่อยากได้ก็พอแล้วครับ   เงินเยอะๆไม่กล้าใช้หรือตายหนีจากก็มากครับ


หัวข้อ: Re: อ่านแล้วรู้สึกพิลึก... เซเลบ จับมือทำธุรกิจ ของเล่นใหม่คนมีตังค์
เริ่มหัวข้อโดย: อนัตตา ที่ พฤศจิกายน 02, 2010, 03:50:09 PM
แม่นแล้วครับ ผมมีเท่าพี่เล็กผมก็พอใจแล้วครับ ::005::


หัวข้อ: Re: อ่านแล้วรู้สึกพิลึก... เซเลบ จับมือทำธุรกิจ ของเล่นใหม่คนมีตังค์
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ พฤศจิกายน 02, 2010, 04:34:47 PM
ถ้าโยนให้เป็นเรื่องของบุญวาสนา มันก็สบายใจดีครับ, แต่สังคมมองว่าพวกนี้แหละ(บางคน) คือต้นตอของ"สองมาตรฐาน"ครับ... และที่สำคัญพวกนี้(บางคน)แหละใช้ทรัพยากรส่วนรวมอย่างสิ้นเปลือง...

ใครรับราชการแล้วโดนพวก"ฟาสแทรก"มันแซงหน้า ข้ามหน้าข้ามตาไปกินตำแหน่งดีๆ เป็นเพราะตระกูลฯใหญ่โต... คนที่โดนแซงเขาก็มักสงสัยว่าใครมันเป็นเจ้าของแผ่นดินไทยนั่นแหละครับ(ถ้าเป็นบริษัทฯ ก็ว่าไปอย่างฯ)...

เรื่องระบบอุปถัมภ์นี่ในเอกชนนายสมชายยังพอไหว ตัวอย่างพวกลูกผู้มีอันจะกินตามกระทู้นี้ นายสมชายยังพอทำใจได้(เงินของพวกท่านเองนี่หว่า) เพียงอยากให้เขาแบ่งความสุขให้คนจนที่ถูกน้ำท่วมมั่งเท่านั้นเองครับ... แต่ถ้าอยู่ในระบบราชการนี่เป็นเรื่องใหญ่ขนาดที่เขาต้องตั้งสำนักงาน ก.พ. มาเพื่อทำลายระบบอุถัมภ์นี้ให้จงได้(ได้สำเร็จหรือไม่นั่นอีกเรื่องนึงครับ)...


หัวข้อ: Re: อ่านแล้วรู้สึกพิลึก... เซเลบ จับมือทำธุรกิจ ของเล่นใหม่คนมีตังค์
เริ่มหัวข้อโดย: อนัตตา ที่ พฤศจิกายน 02, 2010, 04:47:15 PM
ถ้าโยนให้เป็นเรื่องของบุญวาสนา มันก็สบายใจดีครับ, แต่สังคมมองว่าพวกนี้แหละ(บางคน) คือต้นตอของ"สองมาตรฐาน"ครับ... และที่สำคัญพวกนี้(บางคน)แหละใช้ทรัพยากรส่วนรวมอย่างสิ้นเปลือง...

ใครรับราชการแล้วโดนพวก"ฟาสแทรก"มันแซงหน้า ข้ามหน้าข้ามตาไปกินตำแหน่งดีๆ เป็นเพราะตระกูลฯใหญ่โต... คนที่โดนแซงเขาก็มักสงสัยว่าใครมันเป็นเจ้าของแผ่นดินไทยนั่นแหละครับ(ถ้าเป็นบริษัทฯ ก็ว่าไปอย่างฯ)...

เรื่องระบบอุปถัมภ์นี่ในเอกชนนายสมชายยังพอไหว ตัวอย่างพวกลูกผู้มีอันจะกินตามกระทู้นี้ นายสมชายยังพอทำใจได้(เงินของพวกท่านเองนี่หว่า) เพียงอยากให้เขาแบ่งความสุขให้คนจนที่ถูกน้ำท่วมมั่งเท่านั้นเองครับ... แต่ถ้าอยู่ในระบบราชการนี่เป็นเรื่องใหญ่ขนาดที่เขาต้องตั้งสำนักงาน ก.พ. มาเพื่อทำลายระบบอุถัมภ์นี้ให้จงได้(ได้สำเร็จหรือไม่นั่นอีกเรื่องนึงครับ)...
เป็นไปได้ยากครับอย่าว่าแต่ กพ.เลย  ปปช.,สตง., ล้วนแล้วแต่เสือกระดาษ หน่วยงานตรวจสอบพวกนี้ใช้อำนาจเป็นเครื่องมือหา...ดูซิ..มันหอมหวานแค่ไหน ผู้ว่าการ...อายุ 65 แล้วยังกอดเก้าอี้แน่นไม่อยากปล่อยเลย (ฮา..ไม่ออก)


หัวข้อ: Re: อ่านแล้วรู้สึกพิลึก... เซเลบ จับมือทำธุรกิจ ของเล่นใหม่คนมีตังค์
เริ่มหัวข้อโดย: มะเอ็ม ที่ พฤศจิกายน 02, 2010, 04:49:25 PM
ถ้าโยนให้เป็นเรื่องของบุญวาสนา มันก็สบายใจดีครับ, (บางคน) คือต้นตอของแต่สังคมมองว่าพวกนี้แหละ"สองมาตรฐาน"ครับ... และที่สำคัญพวกนี้(บางคน)แหละใช้ทรัพยากรส่วนรวมอย่างสิ้นเปลือง...

ใครรับราชการแล้วโดนพวก"ฟาสแทรก"มันแซงหน้า ข้ามหน้าข้ามตาไปกินตำแหน่งดีๆ เป็นเพราะตระกูลฯใหญ่โต... คนที่โดนแซงเขาก็มักสงสัยว่าใครมันเป็นเจ้าของแผ่นดินไทยนั่นแหละครับ(ถ้าเป็นบริษัทฯ ก็ว่าไปอย่างฯ)...

เรื่องระบบอุปถัมภ์นี่ในเอกชนนายสมชายยังพอไหว ตัวอย่างพวกลูกผู้มีอันจะกินตามกระทู้นี้ นายสมชายยังพอทำใจได้(เงินของพวกท่านเองนี่หว่า) เพียงอยากให้เขาแบ่งความสุขให้คนจนที่ถูกน้ำท่วมมั่งเท่านั้นเองครับ... แต่ถ้าอยู่ในระบบราชการนี่เป็นเรื่องใหญ่ขนาดที่เขาต้องตั้งสำนักงาน ก.พ. มาเพื่อทำลายระบบอุถัมภ์นี้ให้จงได้(ได้สำเร็จหรือไม่นั่นอีกเรื่องนึงครับ)...


 ::002:: ::002:: ::002::


หัวข้อ: Re: อ่านแล้วรู้สึกพิลึก... เซเลบ จับมือทำธุรกิจ ของเล่นใหม่คนมีตังค์
เริ่มหัวข้อโดย: carrera ที่ พฤศจิกายน 02, 2010, 05:00:55 PM
แล้วแต่ชอบ ;D ;D ;D ไม่ว่ากัน


หัวข้อ: Re: อ่านแล้วรู้สึกพิลึก... เซเลบ จับมือทำธุรกิจ ของเล่นใหม่คนมีตังค์
เริ่มหัวข้อโดย: ขุนช้าง-รักในหลวงและสมเด็จพระเทพ ที่ พฤศจิกายน 02, 2010, 05:06:51 PM
รวยจนมีความทุกข์แตกต่างกันไปครับคนรวยบางคนทุกข์กว่าคนจนเยอะ  เลือกเกิดไม่ได้เลือกที่จะเป็นได้  เรื่องคนจนช่วยคนรวยผมเห้นด้วยนะเพราะลูกศิษย์ผมบางคนนาข้าวที่บ้านที่ปลูกไว้เพื่อจะได้มีข้าวกินทั้งปี ตอนนี้น้ำท่วมหมดแล้วไม่รู้ปีนี้จะเอาข้าวที่ไหนกิน


หัวข้อ: Re: อ่านแล้วรู้สึกพิลึก... เซเลบ จับมือทำธุรกิจ ของเล่นใหม่คนมีตังค์
เริ่มหัวข้อโดย: สุกรจากโลกันต์ ที่ พฤศจิกายน 02, 2010, 05:54:49 PM
รวยแค่ใหน ตอนตายแค่โลงใบเดียว


หัวข้อ: Re: อ่านแล้วรู้สึกพิลึก... เซเลบ จับมือทำธุรกิจ ของเล่นใหม่คนมีตังค์
เริ่มหัวข้อโดย: oil ที่ พฤศจิกายน 02, 2010, 05:58:49 PM
ชาติที่แล้วเค้าคงทำบุญมาดี
ชาตินี้เลยได้เสวยสุข
เห็นด้วยครับ  มุทิตาคือความยินดีเมื่อเห็นผู้อื่นมีความสุข  อุเบกขาคือการวางเฉยไม่ริษยาท้อแท้สาบแช่งหรือเยินยอ  ปล่อยให้สัตว์โลกเป็นไปตามกรรม


หัวข้อ: Re: อ่านแล้วรู้สึกพิลึก... เซเลบ จับมือทำธุรกิจ ของเล่นใหม่คนมีตังค์
เริ่มหัวข้อโดย: โทน73 -รักในหลวง- ที่ พฤศจิกายน 02, 2010, 08:07:10 PM
อยู่ที่ศัทธาครับ  เราไปว่าเขา แล้วเราทราบชีวิตอีกด้านของเขาหรือไม่  เขาอาจอุทิศตนเพื่อสังคม หรืออาจใช้ชีวิตเหลวแหลกก็ได้   แต่ข่าวมันออกมาอย่างนั้น ภาพมันออกมาอย่างนั้น

บางตระกูลก็มียอดเงินบริจาคเพื่อทำบุญและการกุศลไม่ใช่น้อย  ซึงก็อยู่ที่ศัทธาของเขาอีกนั้นแหละ ว่าเขาทำด้วยความศัทธามากน้อยเพียงใด  มีทั้งทำด้วยยอดเงินมากแต่ศัทธาน้อย  หรือทำด้วยยอดเงินน้อยแต่ศัทธามาก  ก็ได้รับกุศลกันไป  ส่วนตัวผมแล้วก็ขออนุโมทนาจิตตามด้วย
เอาง่ายๆ  อย่างคนไม่ชอบปืน มาเห็นพวกเราหยอกล้อกันในเวป อวป.  ถ้าเขามองด้วยภาพลบ ก็จะบอกว่า  " ปืนกระบอกตั้งเป็นแสนซื้อมาได้  กล้องถ่ายรูปราคาแพงๆ ก็ซื้อมาได้  ไอพ๊อต  ก็หามากัน  แล้วบางคนเงินก็ไม่ค่อยจะมียังกระเสือกกระสนไปหาซื้อมาอีก ดูพวกนี้สิ ว่างๆไม่รู้จักทำอะไร เอาแต่นัดสังสรรค์ดื่มกินกัน มันจะกินอะไรกันหนักกันหนา  คนเรากินแค่กันตายก็พอแล้ว ที่เหลือเอาไปบริจาคแก่คนด้อยโอกาสร่วมโลก  อย่างบางพวกก็เอาแต่ท่องเที่ยว ป่าเขาลำเนาไพรไกลแค่ไหนก็หาทางไป เสียเงินเสีทองใช่เหตุ สู้เอาเงินไปบริจาคเด็กยากจนยังดีกว่า   แล้วไอ้พวกไม่ยอมคนมันก็มีเยอะ  อยู่ดีไม่ว่าดี  หาเรื่องรบกะนายทะเบียนอาวุธปืน นี้มันว่างงานมากหรือไง  คนอื่นไม่เป็นอันทำงานทำการ ปืนหนะมีแค่บ้านละกระบอกก็พอแล้ว ที่จริงไม่ควรให้มีเลยด้วยซ้ำ "

หรืออย่างที่อดีตนายกพูดไว้ตอนกองทัพเรือจะทำเรื่องซื้อเรือดำน้ำว่า  " เงินแสนล้าน เอามาเลี้ยงอาหารกลางวันเด้กนักเรียนยากจนได้หลายมื้อ" 

จริงๆแล้วเรื่องพวกนี้ต้องมองแยกส่วน   อันไหนเรื่องธุรกิจ ก็เป็นเรื่องธุรกิจ เรื่องอวดอ้าง  เรื่องการดำเนินชีวิตส่วนตัว ก็ไม่น่าจะว่าเขา (ที่พวกเรายังเล่นปืนได้)   

แต่ถ้าพฤติกรรมตรงไหนที่มันส่งผลลบต่อสังคมอันควรประนาม ต่อต้าน เช่นการทุจริต  ฉ้อราษฎบังหลวง  เสพยาเสพติด การเอารัดเอาเปรียบคนในสังคม ทำลายทรัพยากร จนไปถึงการต่อต้านสถาบัน  ขายชาติ

อย่าเอามาตรฐานตนเองเป็นตัววัดด้วยความลำเอียงผูกใจเจ็บในเรื่องอื่นก่อนหน้า  ว่ากันเป็นเรื่องๆไป  เขาก็คนนี้ครับ มิใช่นักบวช ที่ต้องอยู่น้อยกินน้อย

เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว ก็จะกลายเป็นการแสวงหาเหตุผลแบบไม่สมเหตุสมผล แบบแปลกๆ เหมือนกะกลุ่มคนบางกลุ่ม อย่างที่พวกเราชอบว่ากันในหน้าการเมือง 

ข้อมูลตัวอักษรสีแดง  ก็เรื่องการโฆษณาธุรกิจ การจับมือทางธุรกิจ

ข้อคิดอย่างง่ายๆ  เอาเรื่องใกล้ตัวพวกเรากันดีกว่า  เรื่องที่กำแพงเพชร  วันที่ 8 พย.  ขอกำลังใจจากเพื่อนสมาชิกจะมีไปกันซักกี่คน  ..... คนที่ไปไม่ได้จะให้รีบสรุปด้วยไหมว่า เขาเป็นคนยังไง  .....  มันก็สรุปไม่ได้ เพราะภาระหน้าที่ความจำเป็นแต่ละคนต่างกัน  ......  เราต้องเขาใจเขาและเห็นใจเขาด้วย






หัวข้อ: Re: อ่านแล้วรู้สึกพิลึก... เซเลบ จับมือทำธุรกิจ ของเล่นใหม่คนมีตังค์
เริ่มหัวข้อโดย: อนัตตา ที่ พฤศจิกายน 02, 2010, 08:46:17 PM
ชัดเจนชัดแจ้งครับ ผมมองด้วยอัตตาเกินไป จริง ๆ แล้วมันก็เรื่องของเขาอย่างท่านว่า   ขอบคุณครับ +1ครับ  ::014::


หัวข้อ: Re: อ่านแล้วรู้สึกพิลึก... เซเลบ จับมือทำธุรกิจ ของเล่นใหม่คนมีตังค์
เริ่มหัวข้อโดย: ทัดมาลา ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป ที่ พฤศจิกายน 02, 2010, 09:50:57 PM
วันนึงมีเงินเท่าเขา ก็ทำตัวคล้ายๆเขานั่นแหละ..

ถ้าอยู่ๆพรุ่งนี้เงินเดือนขึ้นคนละแสน ยังคิดว่า บ้าน รถ วิถีชีวิตจะเหมือนเดิม  หรือจะขยับขยายใช้ของดีขึ้นไหม..

คุณภาพชีวิตเขาดีกว่าเรา เพราะทุนเขาดีครับ

เชื่อเถอะ เงินเยอะขึ้นรายจ่ายก็เยอะขึ้น น้อยนักที่จะใช้จ่ายได้เหมือนเดิม


หัวข้อ: Re: อ่านแล้วรู้สึกพิลึก... เซเลบ จับมือทำธุรกิจ ของเล่นใหม่คนมีตังค์
เริ่มหัวข้อโดย: ขุนช้าง-รักในหลวงและสมเด็จพระเทพ ที่ พฤศจิกายน 02, 2010, 10:21:22 PM
วันนึงมีเงินเท่าเขา ก็ทำตัวคล้ายๆเขานั่นแหละ..

ถ้าอยู่ๆพรุ่งนี้เงินเดือนขึ้นคนละแสน ยังคิดว่า บ้าน รถ วิถีชีวิตจะเหมือนเดิม  หรือจะขยับขยายใช้ของดีขึ้นไหม..

คุณภาพชีวิตเขาดีกว่าเรา เพราะทุนเขาดีครับ

เชื่อเถอะ เงินเยอะขึ้นรายจ่ายก็เยอะขึ้น น้อยนักที่จะใช้จ่ายได้เหมือนเดิม
ภาษีสังคมใช่ไหมครับพี่


หัวข้อ: Re: อ่านแล้วรู้สึกพิลึก... เซเลบ จับมือทำธุรกิจ ของเล่นใหม่คนมีตังค์
เริ่มหัวข้อโดย: ทัดมาลา ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป ที่ พฤศจิกายน 02, 2010, 10:58:40 PM
วันนึงมีเงินเท่าเขา ก็ทำตัวคล้ายๆเขานั่นแหละ..

ถ้าอยู่ๆพรุ่งนี้เงินเดือนขึ้นคนละแสน ยังคิดว่า บ้าน รถ วิถีชีวิตจะเหมือนเดิม  หรือจะขยับขยายใช้ของดีขึ้นไหม..

คุณภาพชีวิตเขาดีกว่าเรา เพราะทุนเขาดีครับ

เชื่อเถอะ เงินเยอะขึ้นรายจ่ายก็เยอะขึ้น น้อยนักที่จะใช้จ่ายได้เหมือนเดิม
ภาษีสังคมใช่ไหมครับพี่

ครับทั้งภาษีสังคม และรสนิยมของเราเองที่เปลี่ยนไปตามกำลังทรัพย์...

คนส่วนใหญ่อบากได้ของที่ดีที่สุดอยู่แล้ว เพียงแต่กำลังแต่ละคนไม่เท่ากัน..

วาสนาใครวาสนามัน ทำบุญเข้าไว้ครับ




หัวข้อ: Re: อ่านแล้วรู้สึกพิลึก... เซเลบ จับมือทำธุรกิจ ของเล่นใหม่คนมีตังค์
เริ่มหัวข้อโดย: sig_surath7171 ที่ พฤศจิกายน 02, 2010, 11:16:39 PM
ถ้าโยนให้เป็นเรื่องของบุญวาสนา มันก็สบายใจดีครับ, แต่สังคมมองว่าพวกนี้แหละ(บางคน) คือต้นตอของ"สองมาตรฐาน"ครับ... และที่สำคัญพวกนี้(บางคน)แหละใช้ทรัพยากรส่วนรวมอย่างสิ้นเปลือง...

ใครรับราชการแล้วโดนพวก"ฟาสแทรก"มันแซงหน้า ข้ามหน้าข้ามตาไปกินตำแหน่งดีๆ เป็นเพราะตระกูลฯใหญ่โต... คนที่โดนแซงเขาก็มักสงสัยว่าใครมันเป็นเจ้าของแผ่นดินไทยนั่นแหละครับ(ถ้าเป็นบริษัทฯ ก็ว่าไปอย่างฯ)...

เรื่องระบบอุปถัมภ์นี่ในเอกชนนายสมชายยังพอไหว ตัวอย่างพวกลูกผู้มีอันจะกินตามกระทู้นี้ นายสมชายยังพอทำใจได้(เงินของพวกท่านเองนี่หว่า) เพียงอยากให้เขาแบ่งความสุขให้คนจนที่ถูกน้ำท่วมมั่งเท่านั้นเองครับ... แต่ถ้าอยู่ในระบบราชการนี่เป็นเรื่องใหญ่ขนาดที่เขาต้องตั้งสำนักงาน ก.พ. มาเพื่อทำลายระบบอุถัมภ์นี้ให้จงได้(ได้สำเร็จหรือไม่นั่นอีกเรื่องนึงครับ)...

อ่าน ความเห็นของคุณสมชายฮา แล้ว ก็นึกถึงบทกวีบทนี้ ของคุณ วิทยากร เชียงกูล แต่งในวัยหนุ่ม

มหกรรมของสัตว์เมือง

ในมุมหนึ่งของโลกที่โศกนี้
ยังคงมีความสุขสนุกแสน
สร้างมาจากความยากลำบากแค้น
ของคนแคลนสิ้นไร้ไปทั้งนั้น

ณ มุมนี้มีแต่งานการเริงรื่น
คนแช่มชื่นอิ่มอาบดังภาพฝัน
มีอาหารสูงค่ามาเลี้ยงกัน
สารพันหลากหลายมากมายจริง

เขาแต่งตัวสวยสะงามระยับ
ทุ่มเททรัพย์ใช้จ่ายง่ายดายยิ่ง
เตรียมอาหารล้นเหลือไว้เผื่อทิ้ง
ว่างท่าหยิ่งใส่กันชั้นเชิงนัก

ครั้นกินเหล้าเข้าไปได้ที่หน่อย
ก็ค่อยค่อยเผยนิสัยให้รู้จัก
ต่างคนเอ็ดโวยวายเที่ยวทายทัก
อวดยศศักดิ์เงินตราว้าวุ่นไป

แต่หลายมุมของโลกที่โศกนั้น
คนนับพันนับหมื่นสะอื้นไห้
ด้วยเขาแสนอัตคัดทุกปัจจัย
ทั้งยากไร้คนซึ่งจะพึ่งพา

เสียงไชโยโห่ร้องลำพองคึก
ชวนให้นึกภาพชัดถึงสัตว์ป่า
ยามที่ออกล่าเหยื่อได้เนื้อมา
พวกมันหามีใจเผื่อใครเลย

-----


หัวข้อ: Re: อ่านแล้วรู้สึกพิลึก... เซเลบ จับมือทำธุรกิจ ของเล่นใหม่คนมีตังค์
เริ่มหัวข้อโดย: JJ-รักในหลวง ที่ พฤศจิกายน 03, 2010, 04:08:53 AM
เกิดมาไม่เคยลำบาก มีชีวิตที่สุขสบาย
มีเงินทองให้ใช้
เรื่องบางเรื่อง เค้าไม่เคยคิดถึงหรอกครับ