หัวข้อ: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: GUN053 ที่ พฤศจิกายน 04, 2010, 06:47:47 PM สวัสดีครับ
ผมแอบรักสาวมุสลิมคนหนึ่ง มีคำถามดังนี้ 1.ผมนับถือพุทธต้องเปลี่ยนศาสนาเป็นอิสลามหรือเปล่า 2.เมื่อแต่งงานแล้ว สามารถมีเมียเพิ่มได้อีกสามคนจริงหรือเปล่า 3.ฝ่ายหญิงต้องมาสู่ขอฝ่ายชายจริงหรือเปล่า รบกวนผู้รู้ช่วยตอบทีนะครับ ขอบคุณมากครับ ::014:: หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: nitrogen ที่ พฤศจิกายน 04, 2010, 06:56:03 PM ผมเห็นเพื่อนผมนะครับ
อันดับแรก โดนเฉือนแน่ๆครับ (ความเจ็บจงหายไปความใหญ่จงคงเดิม)ก็มันบวมน่ะสิครับ ::005:: ::005:: การมีเมียสี่คน ต้องได้รับอนุญาตจากภริยาคนแรก(มั๊ง) เอาเป็นว่ารอ พี่ศักดา มาตอบดีกว่าครับ ::008:: ขอให้โชคดีกับความรักครับ ::002:: หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: vuttichai ที่ พฤศจิกายน 04, 2010, 06:59:53 PM เรื่องอื่นไม่รู้แต่ถ้าต้องเปลื่ยนศาสนาต้องรอชาติหน้าตอนบ่ายๆ. ::001::
หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: ชายเจษฎ์ ที่ พฤศจิกายน 04, 2010, 07:00:50 PM 1. โดยส่วนใหญ่ ไม่ว่าฝ่ายใหนจะนับถือศาสนาอะไร แต่ถ้าแต่งงานกับคนที่นับถือศาสนาอิสลามแล้ว อีกฝ่ายจะต้องเปลี่ยนตามครับ(คือนับถือศาสนาอิสลาม)
2. อันนี้อยู่ที่ท่านแล้วครับ แต่ที่ผมรู้(หลักกว้างๆ)ถ้าจะมีใหม่ได้ คนเก่าต้องไม่เดือดร้อนครับ ประมาณว่าท่านสามารถเลี้ยงคนแรกให้กินอยู่สบายได้ถึงมีใหม่ได้(ประมาณนั้น) 3. ไม่จริงครับ ลูกน้องผมก็เป็นมุสลิม ก็เห็นไปขอเมียนี่ครับ ไม่ใช่เมียมาขอ ปล. ผมตอบแบบที่ผมรู้นะครับ ไม่ใช่บรรทัดฐานอะไร ถ้าจะว่ากันจริงๆ ต้องถามกลับด้วยว่าแฟนท่านนั้นอยู่ จ. ใหนครับ แล้วนับถืออิสลามเคร่งครัดขนาดใหน ครอบครัวเค้าเป็นอย่างไร อันนี้มีผลทั้งนั้นครับ ขนาด 3 จว. ใต้ที่ว่าเคร่งๆ เดี๋ยวนี้(โดยเฉพาะวัยรุ่น) ก็เคร่งเฉพาะต่อหน้าผู้ใหญ่เท่านั้นแหละครับ ;D หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: nitrogen ที่ พฤศจิกายน 04, 2010, 07:07:32 PM ผม ชาติไหนๆ ก็ไม่เปลี่ยน พระรัตนตรัยเท่านั้นครับ ::014::
หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: ขุนช้าง-รักในหลวงและสมเด็จพระเทพ ที่ พฤศจิกายน 04, 2010, 07:26:02 PM ซายอกาเซะห์แดมอ ;D ;D ;D
ผมเฉี่ยวไปเฉี่ยวมาให้เปลี่ยนศาสนาอยู่สามสี่รอบละครับ รอดมาตลอด ;D ;D ;D ;D หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: ~ Sitthipong - รักในหลวง ~ ที่ พฤศจิกายน 04, 2010, 07:54:23 PM ญาติผมได้เมียเป็นอิสลาม ไม่เปลี่ยนศาสนา เมียเป็นอิสลามไปซื้อหมูมาทำกับข้าวให้กินเกือบทุกวัน
แต่เมียไม่กินหมูนะ เห็นอยู่กันปกติสุขดี อยู่ด้วยความรักไม่ใช่อยู่ด้วยศาสนาครับ .............. ถ้าคิดจะมีเมียหลายคนศาสนาไหนก็มีได้ครับ ถ้าศึกษาดี ๆ ศาสนาพุทธสุดยอดแล้วครับ ........ ::014:: หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: sig_surath7171 ที่ พฤศจิกายน 04, 2010, 08:09:08 PM เอาเป็นว่ารอ พี่ศักดา มาตอบดีกว่าครับ ::008:: คุณศักดา งานเข้าแล้ว ;Dหัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: ban.cha ที่ พฤศจิกายน 04, 2010, 08:09:41 PM ยุคนี้สมัยนี้ วัฒนธรรมประเพณี
ที่เคยเคร่งครัด ย่อมไม่เหมือน เก่าก่อนเสียแล้ว เลือกแบบยืดหยุ่นดีกว่าครับ :VOV: หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: Tanate(รักในหลวง) ที่ พฤศจิกายน 04, 2010, 08:17:55 PM ทำไมต้องถามเรื่องมีเมียหลายคนได้ครับ
สงสัยมีแผน :o หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: ขุนช้าง-รักในหลวงและสมเด็จพระเทพ ที่ พฤศจิกายน 04, 2010, 08:25:14 PM ตามศาสนาได้ครับถ้ามีปัญญาเลี้ยงเค้า
ตามความจริง ทำได้ถ้าไม่กลัวตาย :DD :DD :DD :DD หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: soveat ชุมไพร ที่ พฤศจิกายน 04, 2010, 08:40:57 PM สวัสดีครับ ผมแอบรักสาวมุสลิมคนหนึ่ง มีคำถามดังนี้ 1.ผมนับถือพุทธต้องเปลี่ยนศาสนาเป็นอิสลามหรือเปล่า 2.เมื่อแต่งงานแล้ว สามารถมีเมียเพิ่มได้อีกสามคนจริงหรือเปล่า 3.ฝ่ายหญิงต้องมาสู่ขอฝ่ายชายจริงหรือเปล่า รบกวนผู้รู้ช่วยตอบทีนะครับ ขอบคุณมากครับ ::014:: ตามที่เห็นมานะครับ 1.โดยมากต้องเปลี่ยนเป็นมุสลิมครับ 2.มีได้แต่ต้องเลี้ยงดูภรรยาคนแรกอย่างสุขสบาย ภรรยาคนที่2 คนที่1ต้องยินยอม ภรรยาคนที่3 คนที่1,2ต้องยินยอม ภรรยาคนที่4 คนที่1,2,3 ต้องยินยอม 3.ประเพณีที่ผู้หญิงมาสู่ขอผู้ชายเป็นของอินเดียครับไม่ใช่มุสลิม หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: RMAY ที่ พฤศจิกายน 04, 2010, 08:47:48 PM สวัสดีครับ ขอ ตอบที่ ละ ข้อ ครับผมแอบรักสาวมุสลิมคนหนึ่ง มีคำถามดังนี้ 1.ผมนับถือพุทธต้องเปลี่ยนศาสนาเป็นอิสลามหรือเปล่า 2.เมื่อแต่งงานแล้ว สามารถมีเมียเพิ่มได้อีกสามคนจริงหรือเปล่า 3.ฝ่ายหญิงต้องมาสู่ขอฝ่ายชายจริงหรือเปล่า รบกวนผู้รู้ช่วยตอบทีนะครับ ขอบคุณมากครับ ::014:: จากคำถาม ข้อ1 ผมนับถือพุทธต้องเปลี่ยนศาสนาเป็นอิสลามหรือเปล่า จริงแท้ แน่นอน ครับท่านจะต้องเปลี่ยนศาสนาโดย สิ้นเชิงโดยไม่มี ข้อแม้ ใดๆทั้ง สิ้น ห้ามไหว้ พระพุทธรูป(รูปปั้น) ห้ามเข้าร่วม ประเพณีตามศาสนาต่างๆ เช่น งานศพ งานบวช งานขึ้นบ้านใหม่เป็นต้น(ที่มีพระสวด) ส่วนจะให้เค้ามานับถือศาสนาพุทธนั้น คงเป็นไปได้ยาก ครับ เพราะศาสนา อิสลามเค้าจะเคร่งครัด มากๆการ เปลี่ยนศาสนาจากอิสลาม ไปเป็นศาสนา อื่นเป็นบาปหนัก(บาปใหญ่) จะตกนรก ชั่วกัปชั่วกัล ::010:: ::010:: เมื่อก่อนเพื่อน ผมหลายคนได้เมียอิสลาม ผมบอกว่า"จะไปยากอะไร มรึงก็หลอกให้มัน แดรกหมูซิไอ้ฟาย " ผลสรุป ทุกคน ทำไม่ได้ อย่างที่ผมแนะนำ จนผมเจอกับตัว :~) :~) :~) จึงรู้ว่า การทำแบบนั้น โบกเครื่องบิน ให้จอดง่ายกว่า :~) การที่ คนที่นับถือ ศาสนาพุทธเข้าอิสลาม เค้าจะเรียกว่า มู-หะ-ลับ บาป ที่เคยทำจะถูกลบล้าง เหมือนเกิดใหม่ 2.เมื่อแต่งงานแล้ว สามารถมีเมียเพิ่มได้อีกสามคนจริงหรือเปล่า คำถามนี้จริงครับสามารถมีได้จริง แต่ เราต้องอยู่ในศาสนาอย่างเคร่งครัด คนที่ผมรู้จัก มีทั้งหมด 6 คน การมีเมียเยอะ นั้นจะมีกฎครับ และการมีเมียมากโดยที่ไม่อยู่ ในศาสนา นั้นโครตบาปเลย ครับ เมียเยอะนั้น ขั้นตอน ก็มี เราต้องให้เมียหลวงเป็นผู้ขอ เมียคนที่ สองให้เท่านั้นส่วนคนที่สาม ต้องให้คนที่เป็นหลวงและคนที่ สองเป็นผู้ขอให้ หลักการง่ายๆ ถ้าท่าน ต้องการจะซื้อรถให้เมีย 1 คัน ท่านต้องซื้อตามจำนวน ของเมียถ้ามีเมีย 4 ท่านต้องซื้อ 4 คัน บ้าน 4หลัง แม้แต่เข็มเย็บผ้า ก็ต้อง 4 (ความเท่าเทียมกัน) ;D ;D เพื่อนผมคนนึง ครอบครัวเค้ามีอาชีพ ค้าขาย เมียทั้งสี่ก็ค้าขายหมด เค้าทำงานศาสนา (ดาวะ) เดินทางเพื่องานศาสนาอย่างเดียว ท่องไปทั้วโลก เมียทั้ง4 ทำหน้าที่ ส่งตังค์ให้ใช้อย่างเดียว ::002:: ปีหน้า แฟนผมบอกว่า อาจจะขอให้อีก 1 คนถ้า ทำตัวดีๆ :D~ :D~ :D~ :D~ (เหมือนถูกหวยเลยกรู) ::007:: ::007:: 3.ฝ่ายหญิงต้องมาสู่ขอฝ่ายชายจริงหรือเปล่า ไม่จริง ครับ การที่ ฝ่ายหญิงมาสู่ขอฝ่ายชาย เป็น ของศาสนา ฮินดูไม่ใช่มุสลิม ครับ เคลีย์หรือปล่าว ครับ ;D ;D ;D ระวังนะครับ พอเข้า สุนัต มันจะใหญ่ขึ้น อย่าลืม บอก หมอคนทำสุนัต บอกว่า"ผูกปมให้ด้วย" ครับ ::008:: :D~ :D~ เอาเป็นว่ารอ พี่ศักดา มาตอบดีกว่าครับ ::008:: คุณศักดา งานเข้าแล้ว ;Dหัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: ขุนช้าง-รักในหลวงและสมเด็จพระเทพ ที่ พฤศจิกายน 04, 2010, 08:50:27 PM ปีหน้าจะขอให้คน เหอะๆ คนเดียวยังบ่นเป็นหมีกินผึ้ง สองคนละเจอทวินแคม ทวินเทอร์โบว์ ::005:: ::005:: ::005:: ::005:: ::005:: ::005::
หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: RMAY ที่ พฤศจิกายน 04, 2010, 08:53:50 PM ปีหน้าจะขอให้คน เหอะๆ คนเดียวยังบ่นเป็นหมีกินผึ้ง สองคนละเจอทวินแคม ทวินเทอร์โบว์ ::005:: ::005:: ::005:: ::005:: ::005:: ::005:: อย่าทักดิ โถ่ ::009:: ::009:: ::006::หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: soveat ชุมไพร ที่ พฤศจิกายน 04, 2010, 08:58:51 PM ปีหน้าจะขอให้คน เหอะๆ คนเดียวยังบ่นเป็นหมีกินผึ้ง สองคนละเจอทวินแคม ทวินเทอร์โบว์ ::005:: ::005:: ::005:: ::005:: ::005:: ::005:: อย่าทักดิ โถ่ ::009:: ::009:: ::006::ตกนรกขุมแรกไม่หนำใจ อยากอัพดิวิชั่นไปขุมสอง ::007:: ::007:: ::007:: หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: lek ที่ พฤศจิกายน 04, 2010, 09:02:17 PM เมื่อ20ปีก่อนเห็นรัฐมีนโยบาย "หญิงก็ได้ชายก็ดีมีแค่สอง" มันกำกวมนะผมว่าจะให้เป็นเกย์หรือคุมกำเนิด
หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: RMAY ที่ พฤศจิกายน 04, 2010, 09:05:18 PM ถ้ารักกันจริง เค้าสามารถ ฝากชีวิตไว้กับเราได้ และเรา สามารถฝากชีวิตไว้กับเค้า จนแก่เฒ่าได้ ท่านก็ลอง พิจารณาดูเถอะครับ
ศาสนาใดๆ ก็ สอนให้เป็นคนดีทั้งนั้นเพียงแต่ ศาสนา อิสลามเค้าจะมีกฎที่ชัดเจน กว่าก็เท่านั้น เรื่องนี้ ขึ้นอยู่ที่ ตัวของเจ้าของกระทู้เอง แต่ถ้าจะไปบังคับเค้าให้เป็น พุทธละก็ หาเมียใหม่ง่ายกว่า ครับ เค้ามาเป็นพุทธ เค้าก็ไม่สบายใจหรอก ถ้าถูกบังคับ หรือถ้าท่าน ถูกบังคับให้ เข้ามุสลิม ท่านก็ไม่สบายใจ จริงมั้ย ครับ เรื่องนี้ ท่านต้อง ตัดสินใจด้วยตัวท่านเอง ผมแค่รู้ งูๆปลาๆ เท่านั้น ผมก็ พุทธเข้าอิสลาม ในหมู่บ้านผม เรียกผม ว่า "โต๊ะปา" ทั้งหมู่บ้าน โต๊ะ คือ คนที่นับถือ เช่น คนแก่ คราวพ่อ หรือญาติที่เคารพ เรียก โต็ะ ปา คือ มาจากคำว่า " ป๊า " แปลว่า พ่อ คิดดูผมโดน ป๊อกเก้า สองเด้ง คนที่ได้ยินชื่อผมโดยไม่เห็นตัวผม นึกว่า อายุ ไม่น่าจะต่ำกว่า 60 ปี ทั้งๆที่ผม ยังเด็กอยู่ ::005:: ::005:: หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: RMAY ที่ พฤศจิกายน 04, 2010, 09:06:13 PM ปีหน้าจะขอให้คน เหอะๆ คนเดียวยังบ่นเป็นหมีกินผึ้ง สองคนละเจอทวินแคม ทวินเทอร์โบว์ ::005:: ::005:: ::005:: ::005:: ::005:: ::005:: อย่าทักดิ โถ่ ::009:: ::009:: ::006::ตกนรกขุมแรกไม่หนำใจ อยากอัพดิวิชั่นไปขุมสอง ::007:: ::007:: ::007:: หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: ~ Sitthipong - รักในหลวง ~ ที่ พฤศจิกายน 04, 2010, 09:12:25 PM เมียพี่ศักดาใจดีนะ จะหาให้อีกคนด้วย :D~
ของผมนี่สิ มีคนอื่นตาย ........ :~) หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: RMAY ที่ พฤศจิกายน 04, 2010, 09:16:12 PM เมียพี่ศักดาใจดีนะ จะหาให้อีกคนด้วย :D~ ยังสรุปไม่ได้เลย ครับ พี่พงษ์ ยังไม่รู้เลย ว่าหมู่หรือ จ่า :~) :~) ของผมนี่สิ มีคนอื่นตาย ........ :~) เมือคืนก่อนแฟนผมบอกว่า ให้คุยกับผู้หญิง มั้งดิ ผมน่ะร้ากกกกเดียว ใจเดียว มาตลอด เร้ยยยยย ::007:: ::007:: หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: พญาจงอาง +รักในหลวง+ ที่ พฤศจิกายน 04, 2010, 09:17:25 PM ขอมอบเพลงนี้แด่ จขกท สงสัยจะอินกับเพลงนี้หรือเปล่า หุหุ อิอิ ;D :VOV: ::005::
ทบ.2 ลูกอีสาน -ไผ่ พงศธร ชุด 5 (http://www.youtube.com/watch?v=PBBaGELtNDE#ws) หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: soveat ชุมไพร ที่ พฤศจิกายน 04, 2010, 09:18:03 PM เมียพี่ศักดาใจดีนะ จะหาให้อีกคนด้วย :D~ ยังสรุปไม่ได้เลย ครับ พี่พงษ์ ยังไม่รู้เลย ว่าหมู่หรือ จ่า :~) :~) ของผมนี่สิ มีคนอื่นตาย ........ :~) เมือคืนก่อนแฟนผมบอกว่า ให้คุยกับผู้หญิง มั้งดิ ผมน่ะร้ากกกกเดียว ใจเดียว มาตลอด เร้ยยยยย ::007:: ::007:: หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: RMAY ที่ พฤศจิกายน 04, 2010, 09:19:42 PM เมียพี่ศักดาใจดีนะ จะหาให้อีกคนด้วย :D~ ยังสรุปไม่ได้เลย ครับ พี่พงษ์ ยังไม่รู้เลย ว่าหมู่หรือ จ่า :~) :~) ของผมนี่สิ มีคนอื่นตาย ........ :~) เมือคืนก่อนแฟนผมบอกว่า ให้คุยกับผู้หญิง มั้งดิ ผมน่ะร้ากกกกเดียว ใจเดียว มาตลอด เร้ยยยยย ::007:: ::007:: (http://www.picciety.com/files/2010/11/04/2/1693261839.jpg) (http://www.picciety.com/?page=view&pid=MTY5MzI2MTgzOQ==) หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: ขุนช้าง-รักในหลวงและสมเด็จพระเทพ ที่ พฤศจิกายน 04, 2010, 09:23:23 PM สาวเทคนิค..ฌามา By suprecha.DAT (http://www.youtube.com/watch?v=JclRIIluhcg#)
แถวบ้านผมเค้าเรียกไร้น้ำยาครับ ถ้ามีน้ำยา สาวเข้ามาคุยเองละ โฮะๆๆ :DD :DD :DD :DD หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: ฅนบ้านนอก ที่ พฤศจิกายน 04, 2010, 09:25:22 PM มายืนยันครับผมเป็นคนพุทธแต่มาเข้าอิสลาม30ปีแล้วครับ คำตอบของจารย์เจษฎ์และบังดาใช่เลยครับ ;D
แต่บางสิ่งบางอย่าง ผมก็พบกับความจริงของอิสลามแต่เอามาพูดไม่ได้ครับ ;D ::014:: หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: SingCring ที่ พฤศจิกายน 04, 2010, 09:45:27 PM สวัสดีครับ ขอ ตอบที่ ละ ข้อ ครับผมแอบรักสาวมุสลิมคนหนึ่ง มีคำถามดังนี้ 1.ผมนับถือพุทธต้องเปลี่ยนศาสนาเป็นอิสลามหรือเปล่า 2.เมื่อแต่งงานแล้ว สามารถมีเมียเพิ่มได้อีกสามคนจริงหรือเปล่า 3.ฝ่ายหญิงต้องมาสู่ขอฝ่ายชายจริงหรือเปล่า รบกวนผู้รู้ช่วยตอบทีนะครับ ขอบคุณมากครับ ::014:: จากคำถาม ข้อ1 ผมนับถือพุทธต้องเปลี่ยนศาสนาเป็นอิสลามหรือเปล่า จริงแท้ แน่นอน ครับท่านจะต้องเปลี่ยนศาสนาโดย สิ้นเชิงโดยไม่มี ข้อแม้ ใดๆทั้ง สิ้น ห้ามไหว้ พระพุทธรูป(รูปปั้น) ห้ามเข้าร่วม ประเพณีตามศาสนาต่างๆ เช่น งานศพ งานบวช งานขึ้นบ้านใหม่เป็นต้น(ที่มีพระสวด) ส่วนจะให้เค้ามานับถือศาสนาพุทธนั้น คงเป็นไปได้ยาก ครับ เพราะศาสนา อิสลามเค้าจะเคร่งครัด มากๆการ เปลี่ยนศาสนาจากอิสลาม ไปเป็นศาสนา อื่นเป็นบาปหนัก(บาปใหญ่) จะตกนรก ชั่วกัปชั่วกัล ::010:: ::010:: เมื่อก่อนเพื่อน ผมหลายคนได้เมียอิสลาม ผมบอกว่า"จะไปยากอะไร มรึงก็หลอกให้มัน แดรกหมูซิไอ้ฟาย " ผลสรุป ทุกคน ทำไม่ได้ อย่างที่ผมแนะนำ จนผมเจอกับตัว :~) :~) :~) จึงรู้ว่า การทำแบบนั้น โบกเครื่องบิน ให้จอดง่ายกว่า :~) การที่ คนที่นับถือ ศาสนาพุทธเข้าอิสลาม เค้าจะเรียกว่า มู-หะ-ลับ บาป ที่เคยทำจะถูกลบล้าง เหมือนเกิดใหม่ 2.เมื่อแต่งงานแล้ว สามารถมีเมียเพิ่มได้อีกสามคนจริงหรือเปล่า คำถามนี้จริงครับสามารถมีได้จริง แต่ เราต้องอยู่ในศาสนาอย่างเคร่งครัด คนที่ผมรู้จัก มีทั้งหมด 6 คน การมีเมียเยอะ นั้นจะมีกฎครับ และการมีเมียมากโดยที่ไม่อยู่ ในศาสนา นั้นโครตบาปเลย ครับ เมียเยอะนั้น ขั้นตอน ก็มี เราต้องให้เมียหลวงเป็นผู้ขอ เมียคนที่ สองให้เท่านั้นส่วนคนที่สาม ต้องให้คนที่เป็นหลวงและคนที่ สองเป็นผู้ขอให้ หลักการง่ายๆ ถ้าท่าน ต้องการจะซื้อรถให้เมีย 1 คัน ท่านต้องซื้อตามจำนวน ของเมียถ้ามีเมีย 4 ท่านต้องซื้อ 4 คัน บ้าน 4หลัง แม้แต่เข็มเย็บผ้า ก็ต้อง 4 (ความเท่าเทียมกัน) ;D ;D เพื่อนผมคนนึง ครอบครัวเค้ามีอาชีพ ค้าขาย เมียทั้งสี่ก็ค้าขายหมด เค้าทำงานศาสนา (ดาวะ) เดินทางเพื่องานศาสนาอย่างเดียว ท่องไปทั้วโลก เมียทั้ง4 ทำหน้าที่ ส่งตังค์ให้ใช้อย่างเดียว ::002:: ปีหน้า แฟนผมบอกว่า อาจจะขอให้อีก 1 คนถ้า ทำตัวดีๆ :D~ :D~ :D~ :D~ (เหมือนถูกหวยเลยกรู) ::007:: ::007:: 3.ฝ่ายหญิงต้องมาสู่ขอฝ่ายชายจริงหรือเปล่า ไม่จริง ครับ การที่ ฝ่ายหญิงมาสู่ขอฝ่ายชาย เป็น ของศาสนา ฮินดูไม่ใช่มุสลิม ครับ เคลีย์หรือปล่าว ครับ ;D ;D ;D ระวังนะครับ พอเข้า สุนัต มันจะใหญ่ขึ้น อย่าลืม บอก หมอคนทำสุนัต บอกว่า"ผูกปมให้ด้วย" ครับ ::008:: :D~ :D~ เอาเป็นว่ารอ พี่ศักดา มาตอบดีกว่าครับ ::008:: คุณศักดา งานเข้าแล้ว ;Dผู้มีประสบการณ์มาเอง กูรู กูรู ;D หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: RMAY ที่ พฤศจิกายน 04, 2010, 10:20:51 PM บาแ.ร มาฮา (http://www.youtube.com/watch?v=2YeBqzdhyW4#)
เอามาฝาก ครับ ::007:: ::007:: ::007:: หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: RMAY ที่ พฤศจิกายน 04, 2010, 10:26:09 PM spider man (http://www.youtube.com/watch?v=LrGQimVFXYE#)
spider man ::003:: :OO ::007:: ::007:: ::007:: ::007:: หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: RMAY ที่ พฤศจิกายน 04, 2010, 10:48:25 PM . หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: RMAY ที่ พฤศจิกายน 04, 2010, 10:54:04 PM แต่งเมื่อไหร่บอกด้วย นะ จะไปกิน วัว :D~ :D~ :D~
หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: super x ที่ พฤศจิกายน 04, 2010, 10:59:00 PM งานนี้ไม่หมูแน่ๆครับ 5555
หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: ห ม า ย จั น ท ร์ ที่ พฤศจิกายน 04, 2010, 11:11:14 PM เด็ก ๆไม่นุ่ง กกน....โดนซิบยังซี๊ด.... :~) ถ้าอย่าง พี่ศักดาว่า สงสัยเป็นลม.... :OO
หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: RMAY ที่ พฤศจิกายน 04, 2010, 11:18:23 PM งานนี้ไม่หมูแน่ๆครับ 5555 ใช่ ครับเพราะเราไม่กินหมู ;Dหัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: ~ Sitthipong - รักในหลวง ~ ที่ พฤศจิกายน 04, 2010, 11:41:37 PM บาแ.ร มาฮา (http://www.youtube.com/watch?v=2YeBqzdhyW4#) เอามาฝาก ครับ ::007:: ::007:: ::007:: แถวโน้นเค้าเต้นกันแบบนี้เหรอครับ :OO หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: RMAY ที่ พฤศจิกายน 04, 2010, 11:56:07 PM บาแ.ร มาฮา (http://www.youtube.com/watch?v=2YeBqzdhyW4#) เอามาฝาก ครับ ::007:: ::007:: ::007:: แถวโน้นเค้าเต้นกันแบบนี้เหรอครับ :OO ผมเองก็มึนตึ๊บเหมือนกัน ครับ ว่าเต้นแบบนี้ ด้วยเหรอ ::010:: ::007:: ::007:: ต้องมั่นใจ ในตัวเองสูง ครับ ถึงทำได้ ::007:: ::007:: ::007:: หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: RMAY ที่ พฤศจิกายน 05, 2010, 12:39:57 AM ตัวอย่าง ครับ
(http://www.picciety.com/files/2010/11/05/24/1693674658.png) (http://www.picciety.com/?page=view&pid=MTY5MzY3NDY1OA==) (http://www.picciety.com/files/2010/11/05/6/1743280137.png) (http://www.picciety.com/?page=view&pid=MTc0MzI4MDEzNw==) http://news.sanook.com/200441-%E0%B8%AE%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B9%82%E0%B8%81%E0%B9%89-%E0%B9%81%E0%B8%96%E0%B8%A5%E0%B8%87-%E0%B9%81%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%87-%E0%B8%AE%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%88%E0%B8%B2-21%E0%B8%A1%E0%B8%B5.%E0%B8%84.-%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%AD%E0%B8%94-125-%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%97.html (http://news.sanook.com/200441-%E0%B8%AE%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B9%82%E0%B8%81%E0%B9%89-%E0%B9%81%E0%B8%96%E0%B8%A5%E0%B8%87-%E0%B9%81%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%87-%E0%B8%AE%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%88%E0%B8%B2-21%E0%B8%A1%E0%B8%B5.%E0%B8%84.-%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%AD%E0%B8%94-125-%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%97.html) หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: ขุนช้าง-รักในหลวงและสมเด็จพระเทพ ที่ พฤศจิกายน 05, 2010, 12:55:42 AM Ost. เป็นต่อ - วิเชียร ตันติพิมลพันธ์ (http://www.youtube.com/watch?v=QAHulwY6hIw#)
อิอิอิ ปกติผมร้องแต่เพลงนี้ครับ ;D ;D ;D ;D ขออยู่แบบ"เป็นต่อ"ดีกว่า :DD :DD :DD หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: RMAY ที่ พฤศจิกายน 05, 2010, 01:07:35 AM Ost. เป็นต่อ - วิเชียร ตันติพิมลพันธ์ (http://www.youtube.com/watch?v=QAHulwY6hIw#) ก็เลือกซักคนดิ เล่นสาวๆ ตอมกันเกรียว ดันไม่สนใจ ::006:: ก็นอนหาวต่อไปเถอะ ::007:: ::007::อิอิอิ ปกติผมร้องแต่เพลงนี้ครับ ;D ;D ;D ;D ขออยู่แบบ"เป็นต่อ"ดีกว่า :DD :DD :DD คนบ้าอะไร หล่อซะขนาดนั้น ::006:: ::006:: หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: ขุนช้าง-รักในหลวงและสมเด็จพระเทพ ที่ พฤศจิกายน 05, 2010, 01:13:33 AM ตอมอะไรไม่มี...............ใครจะเหมือนท่าน เอาแต่บ่น อยากขี้เหล่ๆ ;D ;D ;D ;D ;D ;D
หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: RMAY ที่ พฤศจิกายน 05, 2010, 01:18:26 AM ตอมอะไรไม่มี...............ใครจะเหมือนท่าน เอาแต่บ่น อยากขี้เหล่ๆ ;D ;D ;D ;D ;D ;D :<< :<< อยากพิมพ์แต่อายเค้า :~) :~)หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: EAK1980 รักในหลวง ที่ พฤศจิกายน 05, 2010, 08:51:01 AM ถ้ารักกัน...ก็ทำตามประเพณีของฝ่ายหญิงนะครับ... :VOV:
แต่ถามตัวเองก่อนว่ารับได้ไหมกับเรื่องนี้ที่จะเข้ามาในชีวิตคุณตลอดไป โดยส่วนตัว ผมว่าแก่นแท้ของศาสนาทุกศาสนา(หลักๆและดั้งเดิม)สอนให้คนเป็นคนดี... ::002:: เรื่องของศาสนาเป็นเรื่องที่ควรเคารพไม่ว่าเราจะนับถือศาสนาใด ศาสนสถาน เช่น วัด มัสยิด โบสถ์ เราควรเคารพให้เหมือนศาสนาของเราเองครับ ::014:: หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ พฤศจิกายน 05, 2010, 09:53:53 AM อย่าคิดมีเมียหลายคนเลยครับ คนเดียวก็ปวดหัวแล้วครับ...
หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: Pandanus ที่ พฤศจิกายน 05, 2010, 10:04:37 AM มาแก ปูโล๊ะ ตอ มะรื้อ ;D
หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ พฤศจิกายน 05, 2010, 11:43:37 AM แต่ก่อนเคยเฉียดๆ สมัยเรียนไปชอบอาหมวยคริสตังเข้า
พอเริ่มเทียวไปเทียวมา เธอชวนไปโบสถ์เลย ผมไปครั้งเดียว หลังจากนั้นก็ไม่ไปหาเธออีกเลย.... หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: โป้ง*กันบอย - รักในหลวง ที่ พฤศจิกายน 05, 2010, 11:56:08 AM แต่ก่อนเคยเฉียดๆ สมัยเรียนไปชอบอาหมวยคริสตังเข้า พอเริ่มเทียวไปเทียวมา เธอชวนไปโบสถ์เลย ผมไปครั้งเดียว หลังจากนั้นก็ไม่ไปหาเธออีกเลย.... ใครโชคดีครับเนี่ยงานนี้........................ฟิ้ววววววววววววววววว หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: NOOM 19 รักในหลวง ที่ พฤศจิกายน 05, 2010, 11:58:27 AM ไม่เกี่ยวกับสิ่งใดทั้งสิ้น.......การขลิบตอนโตแล้วแผลหากช้านะครับ เพราะตอนเช้าเราต้องเคารพธงชาติทุกวัน..ลองคิดดูเลือดหมดตัวตายคาที่นอน ::003:: ::003::
หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: โป้ง*กันบอย - รักในหลวง ที่ พฤศจิกายน 05, 2010, 12:03:14 PM ไม่เกี่ยวกับสิ่งใดทั้งสิ้น.......การขลิบตอนโตแล้วแผลหากช้านะครับ เพราะตอนเช้าเราต้องเคารพธงชาติทุกวัน..ลองคิดดูเลือดหมดตัวตายคาที่นอน ::003:: ::003:: ผมไม่รู้แฮะคุณหนุ่ม....เพราะผมทำตอนยังเล็กๆ..........^^ หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: จอยฮันเตอร์ ที่ พฤศจิกายน 05, 2010, 12:15:06 PM ศาสนาทุกศาสนา สอนให้คนเป็นคนดี แต่ที่ผ่านๆมาผู้สอนศาสนาบางคนใช้ศาสนาในทางที่ไม่ดี ;D
หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: RMAY ที่ พฤศจิกายน 05, 2010, 02:06:22 PM ไม่เกี่ยวกับสิ่งใดทั้งสิ้น.......การขลิบตอนโตแล้วแผลหากช้านะครับ เพราะตอนเช้าเราต้องเคารพธงชาติทุกวัน..ลองคิดดูเลือดหมดตัวตายคาที่นอน ::003:: ::003:: ต้องตอนเช้า ครับ ของผม ผ่านได้ 2 วัน ตื่นมาปวดฉี่ ไม่อยากนึกสภาพ ครับ ::012:: ::010:: หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: GUN053 ที่ พฤศจิกายน 05, 2010, 02:13:44 PM ขอขอบคุณพี่ๆทุกคนครับ
โดยเฉพาะพี่ ศักดา ที่ให้ข้อมูลทุกแง่ ทุกมุม ทำให้ผมได้ข้อคิดมากมาย ผมคงต้องใช้เวลา ตรึกตรองเรื่องนี้นานๆ ความรักมักทำให้คนตาบอดจริงๆครับ ::014:: หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: manabu ที่ พฤศจิกายน 05, 2010, 02:19:32 PM เชื่อมั่นตามที่ใจตัวเองบอก ถ้ามั่นใจก็ไปตามฝันครับ
อาจจะไม่เลวร้ายหรอก บางทีอาจจะมีสิ่งดีๆรออยู่มากมายก็ได้ หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: GUN053 ที่ พฤศจิกายน 05, 2010, 02:32:16 PM เชื่อมั่นตามที่ใจตัวเองบอก ถ้ามั่นใจก็ไปตามฝันครับ คำคมเหนือคำบรรยาย..ซึ้งใจจริงๆครับ ::014::อาจจะไม่เลวร้ายหรอก บางทีอาจจะมีสิ่งดีๆรออยู่มากมายก็ได้ หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: RMAY ที่ พฤศจิกายน 05, 2010, 02:37:25 PM ขอขอบคุณพี่ๆทุกคนครับ โดยเฉพาะพี่ ศักดา ที่ให้ข้อมูลทุกแง่ ทุกมุม ทำให้ผมได้ข้อคิดมากมาย ผมคงต้องใช้เวลา ตรึกตรองเรื่องนี้นานๆ ความรักมักทำให้คนตาบอดจริงๆครับ ::014:: คงไม่เหมาะมั้ง ครับ ที่จะใช้คำนี้ ถ้างั้นผมก็บอด ด้วยซิ ครับ ผมยังไม่ได้ บอกท่านซักคำว่า ผมยินดีที่จะ ตามแฟนเข้าอิสลามเพื่ออะไร และ ทำไมผมถึงคิดที่จะเข้ารับ อิสลาม คุณยังไม่รู้เลยว่า อิสลาม ที่เค้าว่าเข้มแข็ง เป็นยังไง คุณตัดสิน ความสัมพันธ์ กับแฟน คุณด้วย สมาชิกที่คุณไม่รู้จัก เช่น ผม หรือครับ ตราบใดที่ยังไม่เคยแม้แต่ สัมผัส อย่า อย่าเพิ่งตัดสินใจซิ ครับ คุณรักแฟนคุณตรงไหน ไม่มีใครรู้ แม้แต่ ว.ม.ต หรือ ผู้ดูแล ก็ไม่รู้ สมาชิกอื่นยิ่งแล้วใหญ่ คุณรักกันมานานแค่ไหน เจอครั้งแรกที่ไหน พวกคุณ สองคนประทับใจอะไรกันบ้าง ฝ่าฟันอะไรกันมาบ้าง เจอวิกฤติอะไรมาด้วยกัน ไม่มีใครรู้ แต่คุณตัดสินความสัมพันธ์ ของแฟนคุณกับคุณ ด้วย เพื่อน สมาชิก หรือ ครับ คิดให้ดี ท่านรู้หรือไม่ การที่ท่านจะเข้ารับ อิสลาม แฟนคุณ จะเสี่ยงเรื่องใดบ้าง เค้าจะเจอกับอะไรบ้าง ถ้าคุณไม่ได้เป็น อิสลาม ที่ดี อยากหัวเราะเป็น ภาษา มาลายู สำเนียง ออสเตเรีย เอื้อน ด้วย ภาษาเกาหลี ::007:: ::007:: ::007:: ::007:: ::007:: ::007:: ::007:: หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: RMAY ที่ พฤศจิกายน 05, 2010, 02:43:05 PM แถม ผมเป็น ไทยพุทธที่เข้ารับอิสลาม แต่ไม่เคย ซักครั้งที่คิดว่า ศาสนาพุทธไม่ดี หรือด้อยกว่า อิสลาม
ญาติตะโก โหติกา ผม ตั้งแต่ สมัยพระเจ้าเหา นับถือ ศาสนาพุทธ ลืม บอกครับ เช้งเม้ง ของครอบครัวผม ไม่มีหมูไม่ว่าจะเป็น ซาแซ หรือหัวหมู มี 4ปีแร้ว คร้าบ ::007:: ::007:: กินแต่ ไก่ เป็ด ที่สำคัญ ไก่เป็ด ก็ซื้อ ของอิสลามทั้งสิ้น ยกเว้น ปลา ปู กู้ง หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: ชายเจษฎ์ ที่ พฤศจิกายน 05, 2010, 02:54:59 PM ใจเย็นครับบัง อย่าซีเครียดมากนัก ทุกชีวิตย่อมมีทางเดินเป็นของตัวเองครับ ;)
ปล. ผมเองเกิดที่นี่ โตที่นี่ เกือบจะได้เป็นสมาชิกครอบครัวอิสลามแล้วเหมือนกัน ถ้าตอนนั้นสาวเจ้าไม่เคร่งขนาดตัดสัมพันธ์กลางครัน ผมคงได้เข้าแล้ว แต่พอสาวเจ้าเห็นกับตาว่าของผมยังไม่ทำสุหนัต สาวเจ้าก็ไม่พูดผล่ามทำเพลง สวมกางเกงกลับบ้านไปทันที ปล่อยผมงงตาแตกอยู่ตรงนั้นเอง ::004:: ::012:: ::007:: ::007:: ::007:: หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: RMAY ที่ พฤศจิกายน 05, 2010, 03:03:03 PM ใจเย็นครับบัง อย่าซีเครียดมากนัก ทุกชีวิตย่อมมีทางเดินเป็นของตัวเองครับ ;) ไม่หรอก ครับ พี่ชายเจษฎ์ ผมแค่ สงสารแฟนเค้าเท่านั้น และสงสัย ว่า การตัดสินใจของเค้า(ว่าที่ผู้นำครอบครัว) แต่เค้า้กลับ ตัดสิน ด้วยข้อมูลของผู้อื่นโดยที่ ไม่ได้ใช้ตัวเองเป็นตัวตัดสิน ครับ ปล. ผมเองเกิดที่นี่ โตที่นี่ เกือบจะได้เป็นสมาชิกครอบครัวอิสลามแล้วเหมือนกัน ถ้าตอนนั้นสาวเจ้าไม่เคร่งขนาดตัดสัมพันธ์กลางครัน ผมคงได้เข้าแล้ว แต่พอสาวเจ้าเห็นกับตาว่าของผมยังไม่ทำสุหนัต สาวเจ้าก็ไม่พูดผล่ามทำเพลง สวมกางเกงกลับบ้านไปทันที ปล่อยผมงงตาแตกอยู่ตรงนั้นเอง ::004:: ::012:: ::007:: ::007:: ::007:: เรื่องนี้ ผม ขำมากกว่า ;D ;D ::007:: ::007:: ::007:: ::014:: หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: ~ Sitthipong - รักในหลวง ~ ที่ พฤศจิกายน 05, 2010, 03:06:45 PM ผมชอบแบบขาว ๆ หมวย ๆ มากกว่านะ :D~
หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ พฤศจิกายน 05, 2010, 03:09:10 PM ใจเย็นครับบัง อย่าซีเครียดมากนัก ทุกชีวิตย่อมมีทางเดินเป็นของตัวเองครับ ;) ปล. ผมเองเกิดที่นี่ โตที่นี่ เกือบจะได้เป็นสมาชิกครอบครัวอิสลามแล้วเหมือนกัน ถ้าตอนนั้นสาวเจ้าไม่เคร่งขนาดตัดสัมพันธ์กลางครัน ผมคงได้เข้าแล้ว แต่พอสาวเจ้าเห็นกับตาว่าของผมยังไม่ทำสุหนัต สาวเจ้าก็ไม่พูดผล่ามทำเพลง สวมกางเกงกลับบ้านไปทันที ปล่อยผมงงตาแตกอยู่ตรงนั้นเอง ::004:: ::012:: ::007:: ::007:: ::007:: แฮ่ๆ... แสดงว่าเปิดไฟสว่างเกินไปครับ, หรือไม่ก็ไม่รอให้มืดค่ำ กลางแสงตะวันจ้า... จ๊ากซ์... หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: kon tung kru 91 ที่ พฤศจิกายน 05, 2010, 03:19:37 PM พูดไม่ออกบอกไม่ถูกจริงๆครับ ทุกอย่างนั้น ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของตัวเราเองเป็นสำคัญ
ส่วนผู้อื่น คนรอบข้างใกล้ชิด หรือพ่อแม่บางครั้งท่านก็อาจจะต้องแนะนำเรา หากท่านยังอยู่กับเรา แต่สิ่งที่สำคัญ- กว่าก็คือ จุดที่เราดำรงอยู่ ณ จุดๆนั้น เรามีความสุขหรือไม่ ถ้ามีความสุขก็จงอยู่ไปเถอะครับ ชีวิตเราคงไม่มีใคร มาบังคับในทุกๆเรื่องได้ "ขึ้นอยู่กับว่าเราอยู่ ณ จุดไหนแล้วมีความสุข นั่นล่ะครับคือคำตอบที่แท้จริง" ด้วยความเคารพครับ ;D ::014:: อย่าลืมนะครับ เมื่อเราได้เดินเข้าไป ณ จุดๆนั้นแล้ว บางอย่างก็อาจจะต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การดำรงชีวิตซึ่งกันและกัน ตรงนี้จะรับได้หรือไม่ จึงขอฝากเป็นข้อเตือนใจด้วย ::002:: หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: วุฒิ คนเล+รักในหลวง ที่ พฤศจิกายน 05, 2010, 03:27:08 PM เฉียดไปเฉียดมาหลายครั้งเหมือนกันครับ ที่ได้แต่เฉียดเพราะผมทิ้งเหล้ากับหมูไม่ได้จริงๆครับ ;D
หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: pscn ที่ พฤศจิกายน 05, 2010, 03:28:20 PM ใจเย็นครับบัง อย่าซีเครียดมากนัก ทุกชีวิตย่อมมีทางเดินเป็นของตัวเองครับ ;) ปล. ผมเองเกิดที่นี่ โตที่นี่ เกือบจะได้เป็นสมาชิกครอบครัวอิสลามแล้วเหมือนกัน ถ้าตอนนั้นสาวเจ้าไม่เคร่งขนาดตัดสัมพันธ์กลางครัน ผมคงได้เข้าแล้ว แต่พอสาวเจ้าเห็นกับตาว่าของผมยังไม่ทำสุหนัต สาวเจ้าก็ไม่พูดผล่ามทำเพลง สวมกางเกงกลับบ้านไปทันที ปล่อยผมงงตาแตกอยู่ตรงนั้นเอง ::004:: ::012:: ::007:: ::007:: ::007:: เคสนี้..ไม่เกี่ยวกับตัดหรือไม่ตัดหรอกครับ ... คงเป็นที่ขนาดซะมากกว่า ที่ทำให้สาวผู้นั้นสวมกางเกงแล้วเดินกลับบ้าน คงคิดให้ตะเข็บกางเกงถูเล่น ซะยังดีกว่า หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ พฤศจิกายน 05, 2010, 03:32:05 PM พูดไม่ออกบอกไม่ถูกจริงๆครับ ทุกอย่างนั้น ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของตัวเราเองเป็นสำคัญ ส่วนผู้อื่น คนรอบข้างใกล้ชิด หรือพ่อแม่บางครั้งท่านก็อาจจะต้องแนะนำเรา หากท่านยังอยู่กับเรา แต่สิ่งที่สำคัญ- กว่าก็คือ จุดที่เราดำรงอยู่ ณ จุดๆนั้น เรามีความสุขหรือไม่ ถ้ามีความสุขก็จงอยู่ไปเถอะครับ ชีวิตเราคงไม่มีใคร มาบังคับในทุกๆเรื่องได้ "ขึ้นอยู่กับว่าเราอยู่ ณ จุดไหนแล้วมีความสุข นั่นล่ะครับคือคำตอบที่แท้จริง" ด้วยความเคารพครับ ;D ::014:: อย่าลืมนะครับ เมื่อเราได้เดินเข้าไป ณ จุดๆนั้นแล้ว บางอย่างก็อาจจะต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การดำรงชีวิตซึ่งกันและกัน ตรงนี้จะรับได้หรือไม่ จึงขอฝากเป็นข้อเตือนใจด้วย ::002:: เห็นด้วยครับ... ถอยตอนนี้ แฟนยังเสียใจน้อยกว่าผ่านประตูเข้าไปแล้วจะกลับออกมาใหม่, พอถึงตรงนั้นแล้วมันจะถอยไม่ได้ครับ... ตรงนี้อย่าเพิ่งคิดเรื่องหัวหน้าครอบครัว เพราะยังไม่ได้เป็นครอบครัวครับ... แต่ถ้าเป็นแล้วมันถอยไม่ได้แล้ว... หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: PopZiMus รักในหลวง ที่ พฤศจิกายน 05, 2010, 03:32:46 PM ;D
หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: RMAY ที่ พฤศจิกายน 05, 2010, 03:34:53 PM ทําไมมุสลิมไมกินหมู ?
ใคร ที่ถามแบบนี้ถือวาเปนการตั้งคําถามที่ถูกตองครับ เพราะมุสลิมไมกินหมู แตถาใครถามวา “ทําไมมุสลิมกลัวหมู?” แบบนี้ถือวาตั้งคําถามผิดนะครับ เพราะมุสลิมไมไดกลัวหมู แตคนไทยเรามักเขาใจผิดๆ โดยไปจดจํามาจากหนังตลกวามุสลิมกลัวหมู และตองวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนเมื่อเห็นหมู! สวน คําตอบที่วาทําไมมุสลิมไมกินหมูก็คือพระเจาสั่งหามนั่นเองครับ และสิ่งที่พระเจาสั่งหามก็ยอมเปนประโยชนแกมนุษยอยางไมตองสงสัย ซึ่งในบางเรื่องนั้นมนุษยก็ไมรูเหตุผลดวยซ้ำ หรือในบางเรื่องมนุษยก็สามารถคนพบหาเหตุผลไดดวยกระบวนการศึกษาธรรมชาติ หรือที่เรียกวาวิทยาศาสตร ยุค ปจจุบันมีการใชกลองจุลทรรศนสองดูเนื้อสัตวก็พบวาเนื้อสัตวทุกชนิดมี พยาธิตัวเล็กๆที่ตามนุษยมองไมเห็นอยูมากนอยตางกันไป แตในเนื้อหมูมีพยาธิบางชนิดซึ่งมีเกราะที่เกิดจากไขมันในเนื้อหมูหอหุ มมันอยู ซึ่งความรอนจากการหุงตมไมสามารถทําลายมันได พยาธิเหลานี้จะเขาไปฝงอยูในรางกายมนุษยหลังจากที่กินเนื้อหมูเขาไป และรอฟกตัวออกมาทําอันตรายรางกายมนุษย เชน ประสาทตาและประสาทสมอง เปนตน มุสลิม ในยุคกอนเขาไมทราบถึงเหตุผลเหลานี้ แตเขานอมรับและปฏิบัติตามขอบัญญัติที่มาจากพระเจา และหมูเปนสัตวที่นารังเกียจ(กินขี้และนอนคลุกอยูกับขี้ของมัน)ซึ่งพระ เจาระบุไววาเปนสัตวสกปรก(นะญิส) ก็เทานั้น เพราะฉะนั้นไมใชวามุสลิมไมกินหมูเพราะเหตุผลที่วาหมูมีพยาธิ ดังนั้นถึงแมในอนาคตจะสามารถทําใหเนื้อหมูปลอดจากพยาธิชนิดนี้ได หรือจะเลี้ยงหมูอย่างดีไมตองใหกินขี้และนอนคลุกอยูกับขี้ แตมุสลิมก็จะยังคงไมกินหมูอยูดีเนื่องจากเปนสิ่งที่พระเจาบัญญัติห าม แลวถาม วาทําไมตองหามนะหรือครับ? ก็เนื่องจากเปนการพิสูจนความศรัทธาครับ มนุษยที่ศรัทธาในพระเจาเขาก็จะนอมรับกฎระเบียบที่พระเจาบัญญัติไว เขาจะไมกินตามปากอยาก แตเขาจะเลือกกินโดยพิจารณาวาพระเจาอนุญาตใหกินหรือไม และ อาจมีบางคนตั้งคําถามวา ในเมื่อไมใหกินหมูแลวพระเจาจะสรางหมูมาทําไม? คืออย่างนี้ครับ พระเจาสรางสิ่งมีชีวิตมาหลากหลายชนิด แตไมใชวาสัตวทุกชนิด จะถูกสรางมาเพื่อเป็นอาหารสําหรับมนุษยนะครับ สัตวบางชนิดเกิดมาเพื่อรักษาความสมดุลของระบบนิเวศน สัตวบางชนิดถูกสรางมาเพื่อกินสัตวกินพืช ไมเชนนั้นแลวสัตวกินพืชก็จะกินใบไมหมดปา ซึ่งปาไมและพืชนั้นก็ทําหนาที่ซับน้ำ ผลิตออกซิเจน รักษาชั้นบรรยากาศของโลก และยังเปนอาหารใหมนุษยด้วย ทํานองนี้เปนตนครับ ดังนั้นเราจึงตองเลือกครับวาสิ่งใดพระเจาอนุญาตใหกิน สิ่งใดพระเจ้าไมอนุญาตใหกิน ซึ่งในเรื่องของอาหารแลว สิ่งใดที่พระเจาไมไดบัญญัติหามสิ่งนั้นถือวาอนุญาตใหกินไดโดยปริยาย ครับ สวน สิ่งอื่นที่พระเจาบัญญัติหามกิน ไดแก 1) สิ่งมึนเมาทุกชนิด 2) เลือด 3) สัตวบกที่ตายโดยไมไดถูกเชือด 4) สัตวบกที่ไมไดกลาวนามพระเจาขณะเชือด 5) สัตวบกที่ใชกรงเล็บหรือเขี้ยวลาสัตวกินเปนอาหาร 6) เนื้อลา 7) สัตวที่พระเจาระบุวาเปนสิ่งสกปรกนารังเกียจ(นะญิส) เช่น สุนัข 8) อาหารใดก็ตามที่ไดมาโดยไมชอบธรรม เชนขโมยมา หรือซื้อมาดวยทรัพยสินที่ไดมาโดยผิดหลักการศาสนา (เชนเงินดอกเบี้ย เปนตน) ซึ่งทั้งหมดถูกบัญญัติในอัล-กุรอานและคำสอนของท่านศาสนทูตทั้งสิ้น และนอกจากสิ่งที่กลาวมาแลวนี้ก็เปนที่อนุญาตใหกินได รวมทั้งสัตวน้ำทั้งหมด(ยกเว้นบางประเภทที่มีพิษ) เห็น ไหมครับวาที่วากันวามุสลิมไมกินหมูนั้น ไปๆ มาๆ ไมใชแคหมูนะครับที่มุสลิมไมกิน ดังนั้นคงหายสงสัยแลวสินะครับวาทําไมมุสลิมจึงมักจะหาแต่ร้านที่เป นรานอาหารอิสลาม แตเห็นกฎระเบียบเยอะอยางนี้คุณคงวาสิ่งที่ศาสนาอิสลามบัญญัติหามนั้นมี เยอะเหลือเกิน แตที่จริงหากคุณนับถือศาสนาพุทธนาจะลองเปดพระไตรปฎกดูมั่งนะครับวา จริงๆ แลวศาสนาพุทธหามกินอะไรบาง? ซึ่งหากจะใหผมนํามากลาวในหนังสือเลมนี้ก็คงจะไมไหวแน เพราะมีเยอะมาก! หรือคนที่นับถือศาสนายิวหรือคริสตก็เชนกันหากเขาจะปฏิบัติตามคัมภีรแล้ว ละก็มีสัตวหลายชนิดครับที่คัมภีรระบุวาหามกิน และที่สําคัญไมเคยมีใครถามเลยวาทําไมชาวยิวและชาวคริสต ปจจุบันกินหมูกันซะแลว? ทั้งๆ ที่ในไบเบิล พันธสัญญาเกาไดระบุไวชัดเจนวาหามกินหมู! (ในบทเลวีนิติ) ที่มา http://www.islamhouse.com/p/206098 (http://www.islamhouse.com/p/206098) หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: จอยฮันเตอร์ ที่ พฤศจิกายน 05, 2010, 03:45:11 PM ใจเย็นครับบัง อย่าซีเครียดมากนัก ทุกชีวิตย่อมมีทางเดินเป็นของตัวเองครับ ;) ปล. ผมเองเกิดที่นี่ โตที่นี่ เกือบจะได้เป็นสมาชิกครอบครัวอิสลามแล้วเหมือนกัน ถ้าตอนนั้นสาวเจ้าไม่เคร่งขนาดตัดสัมพันธ์กลางครัน ผมคงได้เข้าแล้ว แต่พอสาวเจ้าเห็นกับตาว่าของผมยังไม่ทำสุหนัต สาวเจ้าก็ไม่พูดผล่ามทำเพลง สวมกางเกงกลับบ้านไปทันที ปล่อยผมงงตาแตกอยู่ตรงนั้นเอง ::004:: ::012:: ::007:: ::007:: ::007:: เคสนี้..ไม่เกี่ยวกับตัดหรือไม่ตัดหรอกครับ ... คงเป็นที่ขนาดซะมากกว่า ที่ทำให้สาวผู้นั้นสวมกางเกงแล้วเดินกลับบ้าน คงคิดให้ตะเข็บกางเกงถูเล่น ซะยังดีกว่า หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ พฤศจิกายน 05, 2010, 03:58:36 PM +1 หลวงกาหลงครับ
หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: ชายเจษฎ์ ที่ พฤศจิกายน 05, 2010, 04:22:59 PM ใจเย็นครับบัง อย่าซีเครียดมากนัก ทุกชีวิตย่อมมีทางเดินเป็นของตัวเองครับ ;) ปล. ผมเองเกิดที่นี่ โตที่นี่ เกือบจะได้เป็นสมาชิกครอบครัวอิสลามแล้วเหมือนกัน ถ้าตอนนั้นสาวเจ้าไม่เคร่งขนาดตัดสัมพันธ์กลางครัน ผมคงได้เข้าแล้ว แต่พอสาวเจ้าเห็นกับตาว่าของผมยังไม่ทำสุหนัต สาวเจ้าก็ไม่พูดผล่ามทำเพลง สวมกางเกงกลับบ้านไปทันที ปล่อยผมงงตาแตกอยู่ตรงนั้นเอง ::004:: ::012:: ::007:: ::007:: ::007:: เคสนี้..ไม่เกี่ยวกับตัดหรือไม่ตัดหรอกครับ ... คงเป็นที่ขนาดซะมากกว่า ที่ทำให้สาวผู้นั้นสวมกางเกงแล้วเดินกลับบ้าน คงคิดให้ตะเข็บกางเกงถูเล่น ซะยังดีกว่า อืมมมมมมมม...ลูกสอง เมียสาม ไม่ใช่ได้มาเพราะโชคช่วยนะครับน้องสาม ;D แต่จะว่าไป น้องสามก็เคยเจอกะตัวมาแล้วนี่ครับว่าของพี่รองดีกว่าตะเข็บกางเกงเป็นใหนๆ ไม่งั้นน้องสามคงไม่วิ่งมาหาพี่รองบ่อยๆหรอกน่ะ :DD ::005:: ::013:: ::013:: ::013:: หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ พฤศจิกายน 05, 2010, 04:32:03 PM บ๊ะ..... พี่น้องคู่นี้ ชุลมุนวุ๊ย...
หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: Kapiman - รักในหลวง ที่ พฤศจิกายน 05, 2010, 05:16:07 PM อ้าว แล้วถ้าแต่งงานเข้าพีธีทางอิสลามไปแล้ว อยู่ๆไปเกิดเข้ากันไม่ได้ เลิกกัน แล้วกลับมานับถือพุทธเหมือนเดิม....จะเกิดอะไรกับฝ่ายหญิงหรือเปล่า แล้วกับตัวเราจะเป็นอะไรหรือไม่ครับ
หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: SingCring ที่ พฤศจิกายน 05, 2010, 05:23:44 PM ใจเย็นครับบัง อย่าซีเครียดมากนัก ทุกชีวิตย่อมมีทางเดินเป็นของตัวเองครับ ;) ปล. ผมเองเกิดที่นี่ โตที่นี่ เกือบจะได้เป็นสมาชิกครอบครัวอิสลามแล้วเหมือนกัน ถ้าตอนนั้นสาวเจ้าไม่เคร่งขนาดตัดสัมพันธ์กลางครัน ผมคงได้เข้าแล้ว แต่พอสาวเจ้าเห็นกับตาว่าของผมยังไม่ทำสุหนัต สาวเจ้าก็ไม่พูดผล่ามทำเพลง สวมกางเกงกลับบ้านไปทันที ปล่อยผมงงตาแตกอยู่ตรงนั้นเอง ::004:: ::012:: ::007:: ::007:: ::007:: เคสนี้..ไม่เกี่ยวกับตัดหรือไม่ตัดหรอกครับ ... คงเป็นที่ขนาดซะมากกว่า ที่ทำให้สาวผู้นั้นสวมกางเกงแล้วเดินกลับบ้าน คงคิดให้ตะเข็บกางเกงถูเล่น ซะยังดีกว่า ::007:: ::007:: ::007:: ::007:: ::007:: ::007:: ::007:: หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: babor ที่ พฤศจิกายน 05, 2010, 05:33:21 PM ใจเย็นครับบัง อย่าซีเครียดมากนัก ทุกชีวิตย่อมมีทางเดินเป็นของตัวเองครับ ;) ปล. ผมเองเกิดที่นี่ โตที่นี่ เกือบจะได้เป็นสมาชิกครอบครัวอิสลามแล้วเหมือนกัน ถ้าตอนนั้นสาวเจ้าไม่เคร่งขนาดตัดสัมพันธ์กลางครัน ผมคงได้เข้าแล้ว แต่พอสาวเจ้าเห็นกับตาว่าของผมยังไม่ทำสุหนัต สาวเจ้าก็ไม่พูดผล่ามทำเพลง สวมกางเกงกลับบ้านไปทันที ปล่อยผมงงตาแตกอยู่ตรงนั้นเอง ::004:: ::012:: ::007:: ::007:: ::007:: เคสนี้..ไม่เกี่ยวกับตัดหรือไม่ตัดหรอกครับ ... คงเป็นที่ขนาดซะมากกว่า ที่ทำให้สาวผู้นั้นสวมกางเกงแล้วเดินกลับบ้าน คงคิดให้ตะเข็บกางเกงถูเล่น ซะยังดีกว่า ::007:: ::007:: ::007:: ::007:: ::007:: ::007:: ::007:: ::007:: ::007:: ::007:: ::007:: ::007:: ::007:: ::007:: หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: babor ที่ พฤศจิกายน 05, 2010, 05:58:07 PM .
หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: ชายเจษฎ์ ที่ พฤศจิกายน 05, 2010, 06:11:55 PM เอ้า....ช่วยน้องสี่ทำมาหากินหน่อย อุส่าใส่จุดเพื่อดันกระทู้ซะขนาดนั้น ::007:: ::007:: ::007::
ใจเย็นครับบัง อย่าซีเครียดมากนัก ทุกชีวิตย่อมมีทางเดินเป็นของตัวเองครับ ;) ปล. ผมเองเกิดที่นี่ โตที่นี่ เกือบจะได้เป็นสมาชิกครอบครัวอิสลามแล้วเหมือนกัน ถ้าตอนนั้นสาวเจ้าไม่เคร่งขนาดตัดสัมพันธ์กลางครัน ผมคงได้เข้าแล้ว แต่พอสาวเจ้าเห็นกับตาว่าของผมยังไม่ทำสุหนัต สาวเจ้าก็ไม่พูดผล่ามทำเพลง สวมกางเกงกลับบ้านไปทันที ปล่อยผมงงตาแตกอยู่ตรงนั้นเอง ::004:: ::012:: ::007:: ::007:: ::007:: เคสนี้..ไม่เกี่ยวกับตัดหรือไม่ตัดหรอกครับ ... คงเป็นที่ขนาดซะมากกว่า ที่ทำให้สาวผู้นั้นสวมกางเกงแล้วเดินกลับบ้าน คงคิดให้ตะเข็บกางเกงถูเล่น ซะยังดีกว่า ::007:: ::007:: ::007:: ::007:: ::007:: ::007:: ::007:: ::007:: ::007:: ::007:: ::007:: ::007:: ::007:: ::007:: ::007:: ::007:: ::007:: ::007:: ::007:: ::007:: ::007:: หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: ก๊วยเจ๋ง ที่ พฤศจิกายน 05, 2010, 06:41:44 PM อ้าว แล้วถ้าแต่งงานเข้าพีธีทางอิสลามไปแล้ว อยู่ๆไปเกิดเข้ากันไม่ได้ เลิกกัน แล้วกลับมานับถือพุทธเหมือนเดิม....จะเกิดอะไรกับฝ่ายหญิงหรือเปล่า แล้วกับตัวเราจะเป็นอะไรหรือไม่ครับ เพื่อนผมก็แต่งไปแล้วก็เลิกก็เห็นกับมาถือพุทธเหมื่อนเดิมครับ หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: เบิ้ม ที่ พฤศจิกายน 05, 2010, 06:56:55 PM ;D
หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: ค..ควาย...ใส่ชฎา ที่ พฤศจิกายน 05, 2010, 07:04:16 PM ใจเย็นครับบัง อย่าซีเครียดมากนัก ทุกชีวิตย่อมมีทางเดินเป็นของตัวเองครับ ;) ปล. ผมเองเกิดที่นี่ โตที่นี่ เกือบจะได้เป็นสมาชิกครอบครัวอิสลามแล้วเหมือนกัน ถ้าตอนนั้นสาวเจ้าไม่เคร่งขนาดตัดสัมพันธ์กลางครัน ผมคงได้เข้าแล้ว แต่พอสาวเจ้าเห็นกับตาว่าของผมยังไม่ทำสุหนัต สาวเจ้าก็ไม่พูดผล่ามทำเพลง สวมกางเกงกลับบ้านไปทันที ปล่อยผมงงตาแตกอยู่ตรงนั้นเอง ::004:: ::012:: ::007:: ::007:: ::007:: เคสนี้..ไม่เกี่ยวกับตัดหรือไม่ตัดหรอกครับ ... คงเป็นที่ขนาดซะมากกว่า ที่ทำให้สาวผู้นั้นสวมกางเกงแล้วเดินกลับบ้าน คงคิดให้ตะเข็บกางเกงถูเล่น ซะยังดีกว่า Ha Ha ยายพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า การที่โจทก์จดจำรูปพรรณสัณฐานได้ ย่อมเป็นข้อเท็จจริงเบื้องต้น ฮา ฮา ตอนสืบพยาน ทนายจำเลยถามว่า - “ตอนนั้นเวลาเท่าไหร่” โจทก์ - “สาม สี่ ห้า ทุ่ม ค่ะ” ทนายจำเลย - “ตอนนั้นอยู่ที่ไหน” โจทก์ - ร้านอาหารค่ะ ทนายจำเลย - แล้วตอนที่ “โจทก์เดินตามเข้าไปในห้อง” ถูกบังคับหรือไม่ โจทก์ - ไม่ได้ถูกบังคับค่ะ เดินตามเข้าไปเอง ทนายจำเลย - แล้วโจทก์ต้องการอะไร จากจำเลย โจทก์ - ทำหน้าเหนียมอาย ฮา (เป็นเรื่องของธรรมชาติ) ทนายจำเลย - แล้วทำมัยโจทก์ จึงนำเรื่องมาสู่คดี โจทก์ - หนูผิดหวังค่ะ ทนายจำเลย - ผิดหวังอย่างไร ขอให้ตอบชัดชัด โจทก์ - เอ้อออ หลังจากเข้าไปที่ห้องแล้ว พี่เขาก็ปิดไฟ หนูก็กอดเขาค่ะ พี่เขาก็ตอบสนองดี จนกระทั่งพี่เขาหยิบเอาคอนด้อมออกมาสวม พอสวมเสร็จ พี่เขาก็พยายามค่ะ หนูก็ช่วยเขาเต็มที่ แต่ก็ไม่สำเร็จค่ะ ฮา ฮ่า ฮ่า เอาไปประหาร หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: RMAY ที่ พฤศจิกายน 05, 2010, 07:09:49 PM ใจเย็นครับบัง อย่าซีเครียดมากนัก ทุกชีวิตย่อมมีทางเดินเป็นของตัวเองครับ ;) ปล. ผมเองเกิดที่นี่ โตที่นี่ เกือบจะได้เป็นสมาชิกครอบครัวอิสลามแล้วเหมือนกัน ถ้าตอนนั้นสาวเจ้าไม่เคร่งขนาดตัดสัมพันธ์กลางครัน ผมคงได้เข้าแล้ว แต่พอสาวเจ้าเห็นกับตาว่าของผมยังไม่ทำสุหนัต สาวเจ้าก็ไม่พูดผล่ามทำเพลง สวมกางเกงกลับบ้านไปทันที ปล่อยผมงงตาแตกอยู่ตรงนั้นเอง ::004:: ::012:: ::007:: ::007:: ::007:: เคสนี้..ไม่เกี่ยวกับตัดหรือไม่ตัดหรอกครับ ... คงเป็นที่ขนาดซะมากกว่า ที่ทำให้สาวผู้นั้นสวมกางเกงแล้วเดินกลับบ้าน คงคิดให้ตะเข็บกางเกงถูเล่น ซะยังดีกว่า Ha Ha ยายพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า การที่โจทก์จดจำรูปพรรณสัณฐานได้ ย่อมเป็นข้อเท็จจริงเบื้องต้น ฮา ฮา ตอนสืบพยาน ทนายจำเลยถามว่า - “ตอนนั้นเวลาเท่าไหร่” โจทก์ - “สาม สี่ ห้า ทุ่ม ค่ะ” ทนายจำเลย - “ตอนนั้นอยู่ที่ไหน” โจทก์ - ร้านอาหารค่ะ ทนายจำเลย - แล้วตอนที่ “โจทก์เดินตามเข้าไปในห้อง” ถูกบังคับหรือไม่ โจทก์ - ไม่ได้ถูกบังคับค่ะ เดินตามเข้าไปเอง ทนายจำเลย - แล้วโจทก์ต้องการอะไร จากจำเลย โจทก์ - ทำหน้าเหนียมอาย ฮา (เป็นเรื่องของธรรมชาติ) ทนายจำเลย - แล้วทำมัยโจทก์ จึงนำเรื่องมาสู่คดี โจทก์ - หนูผิดหวังค่ะ ทนายจำเลย - ผิดหวังอย่างไร ขอให้ตอบชัดชัด โจทก์ - เอ้อออ หลังจากเข้าไปที่ห้องแล้ว พี่เขาก็ปิดไฟ หนูก็กอดเขาค่ะ พี่เขาก็ตอบสนองดี จนกระทั่งพี่เขาหยิบเอาคอนด้อมออกมาสวม พอสวมเสร็จ พี่เขาก็พยายามค่ะ หนูก็ช่วยเขาเต็มที่ แต่ก็ไม่สำเร็จค่ะ ฮา ฮ่า ฮ่า เอาไปประหาร หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: nitrogen ที่ พฤศจิกายน 05, 2010, 08:25:24 PM อยากรู้จัง ที่ป้าเล่าไว้ โจทก์ คือใคร?? ::008::
หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: ชายเจษฎ์ ที่ พฤศจิกายน 05, 2010, 08:35:59 PM อยากรู้จัง ที่ป้าเล่าไว้ โจทก์ คือใคร?? ::008:: อืมมมมมมมมม.....คำถามนี้ น่าคิด น่าคิด ;D :DD หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: birdwhistle...รักในหลวง ที่ พฤศจิกายน 06, 2010, 09:17:07 AM เพื่อนรุ่นพี่ผมเป็นลูกชายคนโตและคนเดียวในตระกูล "แซ่เฮ้ง" แต่เปลี่ยนมาใช้นามสกุลตั้งแต่เขาอยู่ประถมแล้ว
แฟนเป็นอิสลาม ตระกูลใหญ่ด้วยครับ บอกนามสกุลจะต้องรู้จักทันที ตอนแต่งงานก็เป็นแบบที่คุณศักดาบอกทุกประการครับ แต่...... เนื่องจากเขาเป็น "บุตรชายคนเดียว" ของเตี่ย เมื่อเตี่ยเสีย เขาเข้าพิธีทุกอย่างแบบจีน ทุกปีไปไหว้เซ็งเม้งที่สุสาน บางปี ภรรยาก็ไปด้วย (เขาแต่งแล้วไม่มีลูก) อยู่ที่บ้านเขา และไปบ้านญาติภรรยาก็เป็นมุสลิม มาที่ทำงานกับที่บ้าน พ่อ-แม่ ซึ่งตอนนี้น้องสาวและหลาน ๆ อยู่ แต่ผู้ถือกรรมสิทธิ์เป็นของเขา จะเป็นพุทธ ตอนจะแต่งงานก็มีปัญหา พ่อ แม่และญาติทั้งหมดไม่ยอมให้เข้าแขก ญาติ ๆ ของเขาบอกว่า "ถ้าพ่อ แม่มึงตาย ใครจะถือกระถางธูปนำวิญญาณให้ มึงเป็นลูกชายคนเดียว ไม่ทำหน้าที่ตอนนั้นก็ มึงก็อกตัญญููโดยแท้" จนเขาบอกว่า จะเป็นแขกเฉพาะกับบ้านฝ่ายหญิงเท่านั้น เมื่อกลับบ้าน "พระโขนง" เขาก็เหมือนเดิม กว่า 30 ปีที่เขาทำตัว 2 ศาสนา มาจนถึงทุกวันนี้ หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: Pandanus ที่ พฤศจิกายน 06, 2010, 09:30:17 AM เคยเจอคำถาม จากนักกอรี แชมป์เอเชียเมื่อหลายปีก่อน
ถามผมว่า มีกรณีไหนบ้าง ที่มุสลิมกินหมูได้...... งงครับ มีด้วยเหรอ เท่าที่เรารู้มันไม่มีนี่นา แกบอกว่า กินเพื่อรักษาชีวิตรอด ยามเมื่อหมดแล้วซึ่งอาหารชนิดอื่นที่จะประทังชีวิตได้ :OO อันนี้ ไม่รู้มาก่อนจริงๆ เพราะผมเองก็อ่านคำภีร์ไม่ออก และไม่ได้รอบรู้อย่างผู้จบชั้นเจ็ดชั้นสิบ จนถึงตอนนี้ ก็ยังไม่กล้าเอาความเห็นของนักกอรีท่านนั้นไปถามใคร หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ พฤศจิกายน 06, 2010, 09:38:34 AM เคยเจอคำถาม จากนักกอรี แชมป์เอเชียเมื่อหลายปีก่อน ถามผมว่า มีกรณีไหนบ้าง ที่มุสลิมกินหมูได้...... งงครับ มีด้วยเหรอ เท่าที่เรารู้มันไม่มีนี่นา แกบอกว่า กินเพื่อรักษาชีวิตรอด ยามเมื่อหมดแล้วซึ่งอาหารชนิดอื่นที่จะประทังชีวิตได้ :OO อันนี้ ไม่รู้มาก่อนจริงๆ เพราะผมเองก็อ่านคำภีร์ไม่ออก และไม่ได้รอบรู้อย่างผู้จบชั้นเจ็ดชั้นสิบ จนถึงตอนนี้ ก็ยังไม่กล้าเอาความเห็นของนักกอรีท่านนั้นไปถามใคร จริงครับ กินหมูเป็นบาป แต่ฆ่าตัวตายเป็นบาปหนักยิ่งกว่าหลายเท่านัก การที่ไม่มีอะไรกิน แล้วมีแต่หมู หากไม่ยอมกินอีกก็เหมือนฆ่าตัวตาย บาปหนักยิ่งกว่านัก กินหมูเพื่อประทังชีวิตรอดไว้ก่อนอาจบาป แต่เป็นบาปที่ไม่หนักเท่าฆ่าตัวตาย หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: ค..ควาย...ใส่ชฎา ที่ พฤศจิกายน 06, 2010, 10:21:41 AM อยากรู้จัง ที่ป้าเล่าไว้ โจทก์ คือใคร?? ::008:: อืมมมมมมมมม.....คำถามนี้ น่าคิด น่าคิด ;D :DD ็Ha ha ฮา อ่ะคร๊า ยายเองแหละ อิอิ หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: RMAY ที่ พฤศจิกายน 06, 2010, 10:25:04 AM เพื่อนรุ่นพี่ผมเป็นลูกชายคนโตและคนเดียวในตระกูล "แซ่เฮ้ง" แต่เปลี่ยนมาใช้นามสกุลตั้งแต่เขาอยู่ประถมแล้ว นั้นคือ ความ อันตราย ของมุสลิม ครับสามี ไปประกอบพิธี ตาม ศาสนาอื่นที่ไม่ใช่ศาสนาอิสลามแฟนเป็นอิสลาม ตระกูลใหญ่ด้วยครับ บอกนามสกุลจะต้องรู้จักทันที ตอนแต่งงานก็เป็นแบบที่คุณศักดาบอกทุกประการครับ แต่...... เนื่องจากเขาเป็น "บุตรชายคนเดียว" ของเตี่ย เมื่อเตี่ยเสีย เขาเข้าพิธีทุกอย่างแบบจีน ทุกปีไปไหว้เซ็งเม้งที่สุสาน บางปี ภรรยาก็ไปด้วย (เขาแต่งแล้วไม่มีลูก) อยู่ที่บ้านเขา และไปบ้านญาติภรรยาก็เป็นมุสลิม มาที่ทำงานกับที่บ้าน พ่อ-แม่ ซึ่งตอนนี้น้องสาวและหลาน ๆ อยู่ แต่ผู้ถือกรรมสิทธิ์เป็นของเขา จะเป็นพุทธ ตอนจะแต่งงานก็มีปัญหา พ่อ แม่และญาติทั้งหมดไม่ยอมให้เข้าแขก ญาติ ๆ ของเขาบอกว่า "ถ้าพ่อ แม่มึงตาย ใครจะถือกระถางธูปนำวิญญาณให้ มึงเป็นลูกชายคนเดียว ไม่ทำหน้าที่ตอนนั้นก็ มึงก็อกตัญญููโดยแท้" จนเขาบอกว่า จะเป็นแขกเฉพาะกับบ้านฝ่ายหญิงเท่านั้น เมื่อกลับบ้าน "พระโขนง" เขาก็เหมือนเดิม กว่า 30 ปีที่เขาทำตัว 2 ศาสนา มาจนถึงทุกวันนี้ ส่วนผม ก็ลูกชายคนเดียว ของ บ้านครอบครัวผม ผมมี พี่สาวและน้องสาว แนวทางการใช้ชีวิตผมโดยปกติเวลาอยู่บ้านแฟนกับที่บ้านแม่ ไม่ต่างกันเลยซักนิด ไม่ว่าเรื่องอาหารการกิน เหมือนในกรณีไปเช้งเม้ง จริงๆแล้ว ผมมีหน้าที่ ไป จัดของยกของ เพราะว่า หลุมของ อากง อาม่าผมอยู่บนเขา หน้าที่ผมก็ ยกของ ปัดกวาดเช็ดถู ถอนหญ้าจัดของเท่านั้น ส่วนการไหว้นั้น เปนหน้าที่ของ ญาติๆไม่ว่าจะเป็นการไหว้ และหน้าที่สำคัญเลยก็คือ การจุดประทัด ::007:: ::007:: เพราะไม่มีใครกล้าจุด ผมเป็นมือวางอันดับ 1ในตระกูล ::007:: ::007:: ส่วนการประกอบพิธีศาสนาอื่นนั้น เช่น ล่าสุด พ่อเลี้ยงผม ถูกยิงตาย และเพื่อนผมเสียชีวิต ที่ จ.สุราษ ผมไปแสดงความเสียใจ แต่ไม่ได้ ร่วมงาน ครับ ไม่ได้ฟังพระสวด กรณี พ่อเลี้ยง ผมรู้ว่าเวลาพระสวดกี่โมง ผมและครอบครัวก็จะออกจากที่ นั้น ทันที หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: babor ที่ พฤศจิกายน 06, 2010, 10:26:40 AM เคยเจอคำถาม จากนักกอรี แชมป์เอเชียเมื่อหลายปีก่อน ถามผมว่า มีกรณีไหนบ้าง ที่มุสลิมกินหมูได้...... งงครับ มีด้วยเหรอ เท่าที่เรารู้มันไม่มีนี่นา แกบอกว่า กินเพื่อรักษาชีวิตรอด ยามเมื่อหมดแล้วซึ่งอาหารชนิดอื่นที่จะประทังชีวิตได้ :OO อันนี้ ไม่รู้มาก่อนจริงๆ เพราะผมเองก็อ่านคำภีร์ไม่ออก และไม่ได้รอบรู้อย่างผู้จบชั้นเจ็ดชั้นสิบ จนถึงตอนนี้ ก็ยังไม่กล้าเอาความเห็นของนักกอรีท่านนั้นไปถามใคร เพื่อนผมที่เป็นอิสลามแต่กำเนิด หลายคนก็บอกว่าหากเป็นเหตุนั้นสามารถกระทำได้ครับ หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: RMAY ที่ พฤศจิกายน 06, 2010, 10:29:05 AM เคยเจอคำถาม จากนักกอรี แชมป์เอเชียเมื่อหลายปีก่อน จริงครับ นายหัว มุสลิมกินหมูได้ แต่กินประทังชีวิต ต่อเมื่อถ้าไม่กินเดี๋ยวนี้ จะตายแต่ต้องไม่มีอะไรกินจริงๆ แต่กินได้แค่ประทังชีวิตไม่ได้กินจนอิ่ม ครับ ระหว่างเหล้ากับหมูเป็น บาปทั้งคู่ แต่ เหล้า บาปกว่า ครับถามผมว่า มีกรณีไหนบ้าง ที่มุสลิมกินหมูได้...... งงครับ มีด้วยเหรอ เท่าที่เรารู้มันไม่มีนี่นา แกบอกว่า กินเพื่อรักษาชีวิตรอด ยามเมื่อหมดแล้วซึ่งอาหารชนิดอื่นที่จะประทังชีวิตได้ :OO อันนี้ ไม่รู้มาก่อนจริงๆ เพราะผมเองก็อ่านคำภีร์ไม่ออก และไม่ได้รอบรู้อย่างผู้จบชั้นเจ็ดชั้นสิบ จนถึงตอนนี้ ก็ยังไม่กล้าเอาความเห็นของนักกอรีท่านนั้นไปถามใคร หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: manabu ที่ พฤศจิกายน 06, 2010, 10:44:36 AM เห็นด้วยกับการกินหมูของพี่ศักดา ในมุมมองของสัตวแพทย์
(ของผมเอง) หมูมีเชื้อโรคเยอะมากและทำให้ถึงแก่ชีวิตได้ง่ายๆ เช่นแอนแทรก ไข้สมองอักเสบ พยาธิและอื่นๆ ปัจจุปันก็ยังมีคนตายอยู่ เพราะกินหมูที่ไม่สะอาด ด้วยความรักของพระเจ้าจึงปกป้องมุสลิมจาก ความตายที่มาจากการกินหมู Padanus ก็ได้กล่าวข้อสัตย์จริงด้วยว่า กินได้เพื่อรักษาชีวิต แต่ก็ คงกินด้วยความรอบคอบ ทำให้สุกและสะอาด เออ ...แล้วถ้ากินด้วยความ ไม่รู้ละครับ เช่นเนื้อหมูที่ผ่านการแปรรูปจนไม่สามารถแยกแยะได้ว่าเป็น เนื้อหมู เช่นชุบแป้งทอดให้เหมือนเนื้อไก่ หรือเป็นเส้นแบบทาโร่ หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: RMAY ที่ พฤศจิกายน 06, 2010, 10:57:01 AM http://www.himayah.net/node/10 (http://www.himayah.net/node/10)
หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ พฤศจิกายน 06, 2010, 11:34:41 AM เคยเจอคำถาม จากนักกอรี แชมป์เอเชียเมื่อหลายปีก่อน ถามผมว่า มีกรณีไหนบ้าง ที่มุสลิมกินหมูได้...... งงครับ มีด้วยเหรอ เท่าที่เรารู้มันไม่มีนี่นา แกบอกว่า กินเพื่อรักษาชีวิตรอด ยามเมื่อหมดแล้วซึ่งอาหารชนิดอื่นที่จะประทังชีวิตได้ :OO อันนี้ ไม่รู้มาก่อนจริงๆ เพราะผมเองก็อ่านคำภีร์ไม่ออก และไม่ได้รอบรู้อย่างผู้จบชั้นเจ็ดชั้นสิบ จนถึงตอนนี้ ก็ยังไม่กล้าเอาความเห็นของนักกอรีท่านนั้นไปถามใคร จริงครับ กินหมูเป็นบาป แต่ฆ่าตัวตายเป็นบาปหนักยิ่งกว่าหลายเท่านัก การที่ไม่มีอะไรกิน แล้วมีแต่หมู หากไม่ยอมกินอีกก็เหมือนฆ่าตัวตาย บาปหนักยิ่งกว่านัก กินหมูเพื่อประทังชีวิตรอดไว้ก่อนอาจบาป แต่เป็นบาปที่ไม่หนักเท่าฆ่าตัวตาย ขอบคุณคุณซับครับ... นายสมชายก็เพิ่งทราบครับ, แสดงว่าไม่ใช่"ข้อยกเว้น" แต่เป็นข้อพิจารณาให้เลือกวิธีที่บาปน้อยกว่า... และที่น่าแปลกใจสำหรับศาสนาอื่นคืออิสลาม"อนุญาตให้ฆ่าผู้อื่น"ด้วยครับ, ตามนัยแห่ง"จีฮาด" รายละเอียดตามนี่ครับ(ศาสตราจารย์ ดร. มะห์มูด ฮัมดี ซักซูก)... http://www.islammore.com/main/content.php?page=sub&category=54&id=471 (http://www.islammore.com/main/content.php?page=sub&category=54&id=471) หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ พฤศจิกายน 06, 2010, 11:36:04 AM สำหรับพุทธ ไม่อนุญาตให้ผิดศิลปาณาฯ ในทุกกรณี... หากผู้ใดทำ ก็มีบาปทั้งสิ้นครับ...
หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: babor ที่ พฤศจิกายน 06, 2010, 11:49:15 AM อิสลามก็มีทั้งเคร่งและไม่เคร่ง พุทธก็มีทั้งเคร่งและไม่เคร่ง คริสต์ก็มีทั้งเคร่งและไม่เคร่ง ศาสนาอื่น ๆ ก็มีทั้งเคร่งและไม่เคร่ง สรุปทุกศาสนาสอนให้คนทำความดีละเว้นความชั่วทั้งนั้น แต่คนเรานั้นแหละตัวดีที่นำมาบิดเบือน เลือกประพฤติ ละเว้นปฏิบัติ จนทำให้โลกและสังคมวุ่นวาย :D หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: RMAY ที่ พฤศจิกายน 06, 2010, 11:50:02 AM เคยเจอคำถาม จากนักกอรี แชมป์เอเชียเมื่อหลายปีก่อน ถามผมว่า มีกรณีไหนบ้าง ที่มุสลิมกินหมูได้...... งงครับ มีด้วยเหรอ เท่าที่เรารู้มันไม่มีนี่นา แกบอกว่า กินเพื่อรักษาชีวิตรอด ยามเมื่อหมดแล้วซึ่งอาหารชนิดอื่นที่จะประทังชีวิตได้ :OO อันนี้ ไม่รู้มาก่อนจริงๆ เพราะผมเองก็อ่านคำภีร์ไม่ออก และไม่ได้รอบรู้อย่างผู้จบชั้นเจ็ดชั้นสิบ จนถึงตอนนี้ ก็ยังไม่กล้าเอาความเห็นของนักกอรีท่านนั้นไปถามใคร จริงครับ กินหมูเป็นบาป แต่ฆ่าตัวตายเป็นบาปหนักยิ่งกว่าหลายเท่านัก การที่ไม่มีอะไรกิน แล้วมีแต่หมู หากไม่ยอมกินอีกก็เหมือนฆ่าตัวตาย บาปหนักยิ่งกว่านัก กินหมูเพื่อประทังชีวิตรอดไว้ก่อนอาจบาป แต่เป็นบาปที่ไม่หนักเท่าฆ่าตัวตาย ขอบคุณคุณซับครับ... นายสมชายก็เพิ่งทราบครับ, แสดงว่าไม่ใช่"ข้อยกเว้น" แต่เป็นข้อพิจารณาให้เลือกวิธีที่บาปน้อยกว่า... และที่น่าแปลกใจสำหรับศาสนาอื่นคืออิสลาม"อนุญาตให้ฆ่าผู้อื่น"ด้วยครับ, ตามนัยแห่ง"จีฮาด" รายละเอียดตามนี่ครับ(ศาสตราจารย์ ดร. มะห์มูด ฮัมดี ซักซูก)... http://www.islammore.com/main/content.php?page=sub&category=54&id=471 (http://www.islammore.com/main/content.php?page=sub&category=54&id=471) * ประการแรกหมายถึงการต่อสู้กับตัวเราเอง * ประการที่สองหมายถึงสงครามอันชอบธรรม ในอิสลามได้ให้ความหมายการต่อสู้เพื่อเอาชนะตัวเองนั้น คือ จีฮาดใหญ่ หมายถึงการขัดเกลากิเลส ความชั่ว การเอาชนะต่อสิ่งที่เป็นภาระการปลดปล่อยตัวเองจากอบายมุขต่างๆ เช่น ความเกลียดชังต่อผู้อื่น ความอิจฉาริษยา เพื่อทำให้ตัวผู้ปฏิบัติมีความใกล้ชิดต่อพระผู้เป็นเจ้า ส่วนควมหมายที่สองอิสลามได้ให้ความหมาย จีฮาดเล็ก หมายถึงการทำสงครามที่ชอบธรม การทำสงครามที่ชอบธรรมนั้นตามบทบัญญัติอิสลามหมายถึง การทำสงครามเพื่อป้องกันตัวเองโดยมีเป้าหมายที่จะต่อต้านการโจมตีของศัตรู เท่านั้น ดังมีหลักฐานปรากฏในคัมภีร์อัลกุรอานอย่างชัดแจ้งเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยที่องค์อัลลอฮ์ ได้ทรงอนุญาตให้บรรดามุสลิมต่อสู้กับศัตรูผู้รุกราน ดังปรากฏในอัลกุรอาน ซูเราะฮ์ อัลฮัจญ์ โองการที่ 39 ความว่า "สำหรับบรรดาผู้ (ถูกโจมตีนั้น) ได้รับอนุญาตให้ต่อสู้ได้ เพราะพวกเขาถูกข่มเหง" และในซูเราะฮ์ อัลบะเกาะเราะฮ์ โองการที่ 190 ความว่า "และพวกเจ้าจงต่อสู้ศัตรูในทางของอัลลอฮ์ ต่อบรรดาผู้ที่ทำร้ายพวกเจ้า และจงอย่ารุกราน แท้จริงพระองค์ไม่ทรงชอบผู้รุกราน" จากโองการทั้งสองดังกล่าวข้างต้น ได้ระบุอย่างเด่นชัดแล้วว่าพระองค์อัลลอฮ์นั้น ทรงอนุญาตบรรดามุสลิมให้ทำการต่อสู้ป้องกันตนเอง และอิสลามยังห้ามมิให้รุกรานผู้อื่นด้วย แท้จริงพระองค์ทรงกริ้วผู้รุกราน และได้ระบุในอัลกุรอาน ซูเราะฮ์ อัลบาเกาะเราะฮ์ โองการที่ 194 ความว่า "ดังนั้นผู้ใดละเมิดต่อพวกเจ้า ก็จงละเมิดต่อเขาเยี่ยงที่เขาละเมิดต่อพวกเจ้า" อิสลามห้ามการสู้รบและการนองเลือดอย่างเด็ดขาด แต่หากสู้รบเพื่อป้องกันตนเองก็เป็นสิ่งที่อิสลามอนุญาติ ดังปรากฏในอัลกุรอาน ซูเราะฮ์ อัลบาเกะเราะฮ์ โองการที่ 216 ความว่า "การสู้รบได้ถูกกำหนดแก่พวกเจ้า ทั้งที่มันเป็นที่รังเกียจแก่พวกเจ้า" และการเปิดฉากจู่โจมต่อผู้อื่น เป็นสิ่งที่อิสลามห้ามอย่างเด็ดขาด ถึง แม้ว่า จิฮาด มีความหมายว่า การสู้รบเพื่อป้องกันศาสนาและและตนเองนั้น มิได้จำกัดอยู่เฉพาะสำหรับการสู้รบในสมรภูมิเท่านั้น แต่เป็นจิฮาดต่อทรัพย์สมบัติ จิตใจ และการสู้รบทางความคิด และแสวงหาหนทางต่างๆ เพื่อเป็นการตอบโต้ศัตรูในทุกรูปแบบ โดยมีจุดประสงค์เพื่อป้องกันสังคมอิสลามและหลักการศรัทธาของหมู่ชนในสังคม ให้รอดพ้นจากการทำร้ายของศัตรู ซึ่งเรื่องต่างๆ ดังกล่าวเป็นสิทธิอันชอบธรรมสำหรับทุกชนชาติ และถูกแทรกแซงจากข้อตกลงระหว่างประเทศในปัจจุบัน เมื่อศัตรูมุสลิมต้องการสร้างสันติภาพ และหยุดการหลั่งเลือด อิสลามก็กำชับมุสลิมให้ยอมรับสันติภาพนั้น ดังปรากฏในคัมภีร์อัลกุรอาน ซูเราะฮ์ อัลอัมฟาล โองการที่ 61 ความว่า "และหากพวกเขาโอนอ่อนมาเพื่อการประนีประนอมแล้ว เจ้าก็จงโอนอ่อนตามเพื่อการนั้นด้วย และจงมอบหมายแด่อัลลอฮ์เถิด" ยิ่งกว่านั้นอิสลามยังเรียกร้องให้มุสลิมอยู่ร่วมกับผู้อื่นอย่างสันติ และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับพวกเขาในขณะที่มั่นใจว่าพวกเขาจะไม่ทำร้าย มุสลิม ซึ่งจะพบเห็นได้ว่าอัลกุรอาน กำชับให้มุสลิมเชื่อมความสัมพันธ์กับผู้อื่นอย่างยุติธรรมและสันติ ดังปรากฏในซูเราะฮ์ อัลมุมตะฮินะห์ โองการที่ 8 ความว่า "อัลลอฮ์ มิได้ทรงห้ามพวกเจ้าเกี่ยวกับบรรดาผู้ที่มิได้ต่อต้านพวกเจ้าในเรื่องศาสนา และพวกเขามิได้ขับไล่ออกจากบ้านเรือนของพวกเจ้าในการที่ พวกเจ้าจะทำวามดีแก่พวกเขา และให้ความยุติธรรมแก่พวกเขา แท้จริงอัลลอฮ์ทรงรัผู้มีความยุติธรรม" ซึ่งอัลกุรอานอธิบายให้ทราบว่า เป้าหมายของอิสลามคือการเผยแพร่อิสลามและอภัยโทษระหว่างมนุษย์ พร้อมทั้งเกื้อกูลกันเพื่อก่อให้เกิดความสงบสุข อย่างไรก็ตามจะพบเห็นว่าสื่อระหว่างประเทศบางสื่อพยายามรุกรานอิสลาม โดยกล่าวว่า ฮิสลามเป็นศาสนาที่ส่งเสริมความรุนแรง ชาตินิยม และการก่อการร้าย ซึ่งข้อกล่าวหาดังกล่าวไม่มีมูลความจริง ซึ่งไม่มีในพื้นฐานของอิสลาม และตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง อิสลามเป็นศาสนาแห่งความเมตตาปรานี และสันติภาพ ศาสตราจารย์ ดร. มะห์มูด ฮัมดี ซักซูก د. محمود حمدي زقزوق หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: RMAY ที่ พฤศจิกายน 06, 2010, 11:56:57 AM การทำสงครามในอิสลาม
การทำสงครามเป็นสิ่งที่หลายๆคนไม่ปราถณา เพราะมันไม่ได้ทำให้เลือดเนื้อต้องสูญเสียอย่างเดียว แต่ยังทำลายความอยู่เย็นเป็นสุขของผู้คนมากมาย แต่การทำสงครามก็ยังเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้มีอำนาจที่ใช้ในการค้นหา ผลประโยชน์บางอย่าง หรือเพื่อวางอำนาจทางการเมือง แม้แต่ประเทศที่มีความเจริญรุ่งเรืองอย่างอเมริกาและอังกฤษก็ยังนำสงครามมา เป็นวิธีการในการแสวงหาผลประโยชน์ทางเศษฐกิจ ด้วยเหตุนี้อะไรก็ตามที่เป็นกำแพงกันผลประโยชน์ก็จะต้องถูกทำลายทุกวิธีทาง แต่หากดูเป้าหมายการทำสงครามในอิสลามแล้ว จะเห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจน เพราะเป้าหมายหลักในการทำสงครามในอิสลามมีสองอย่าง คือ 1. เพื่อเผยแพร่ศาสนาอิสลาม ซึ่งอิสลามได้บอกอย่างชัดเจนว่าจะไม่มีการบังคับให้เข้ารับอิสลาม คุณมีสิทธิที่จะคงอยู่ในศาสนาเดิม 2. เพื่อปกป้องอิสลาม ความหมายของการปกป้องคือปกป้องทุกอย่างที่เกียวกับอิสลาม ปกป้องประเทศจากการถูกรุกรามของศัตรู ปกป้องชื่อเสียงของศาสนา ปกป้องประชาชนที่อยู่ใต้อำนาจแห่งอิสลาม ไม่ว่าเขาจะเป็นคนอิสลามหรือไม่ อิส ลามไม่ได้หวังผลประโยชน์ใดๆ นอกจากที่จะสร้างความสันติสุขให้กับทุกคน เมื่อใดที่อิสลามชนะศึกสิ่งหนึ่งที่อิสลามจะต้องปฏิบัติคือความเสมอภาพความ เท่าเทียมกันระหว่างประชาชนที่อยู่ใต้อำนาจ ฉะนั้นในช่วงการ ทำสงครามอิสลามจะห้ามไม่ให้ฆ่าเด็ก สตรี คนชรา และคนที่ไม่มีทางสู่ หรือแม้แต่ต้นไม้ หรือทุกสิ่งทุกอย่างที่ให้ประโยชน์กับคนเรา อิสลามจะห้ามไม่ให้ทำลาย และคนที่กระทำในสิ่งที่ต้องห้ามถือว่าได้กระทำบาป และ ท่านศาสนาฑูตได้ฝากให้กับกองทัพทุกคนว่า หากพวกเขาเหล่านั้นไปทำสงครามในที่ใดที่หนึ่ง ก็จงอย่าได้ทำสงครามเมื่อใดที่พวกเขาได้ยินเสียงอาซาน (เสียงเรียกให้ไปละหมาด) หรือได้เห็นมัสยิด และการทำสงครามในอิสลามจะ ไม่ทำกันอย่างลักๆล่อๆ แต่ทางแม่ทัพหรือผู้นำจะต้องแจ้งให้อีกฝายหนึ่งทราบว่า จะเข้าอิสลามหรืออยากจ่ายจิสยะห์ (จิสยะห์เปรียบเสมือนภาษีที่คนต่างศาสนิกที่อาศัยอยู่ใต้อำนาจอิสลามต้อง จ่ายให้กับประเทศอิสลาม) หรือจะทำสงครามก่อน ฉะนั้นเขามีสามทางเลือก เข้ารับอิสลาม หรือ คงอยู่ในศาสนาเดิมแต่ต้องจ่ายจิสยะห์ หรือทำสงครามก่อน ไม่ใช่ว่า ยิงเช้ายิงเย็น ไม่ส่งสัญญาน ฆ่าทุกคน การกระทำแบบนี้ไม่ใช่คำสั่งสอนของอิสลามแน่นอน http://gotoknow.org/blog/islamicstudies/109498 (http://gotoknow.org/blog/islamicstudies/109498) หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: pscn ที่ พฤศจิกายน 06, 2010, 12:29:20 PM สิ่งที่เสียใจที่สุด คือ ประโยคหนึ่งที่ไม่มีอยู่ในพระไตรปิฎก
"สำหรับบรรดาผู้ (ถูกโจมตีนั้น) ได้รับอนุญาตให้ต่อสู้ได้ เพราะพวกเขาถูกข่มเหง" การทำสงครามในพุทธ -เพื่อเผยแพร่ศาสนาพุทธ -เพื่อปกป้องพุทธ เด็ก สตรี คนชรา และคนที่ไม่มีทางสู่ หรือแม้แต่ต้นไม้ หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: makarms ที่ พฤศจิกายน 06, 2010, 12:47:10 PM เกือบเหมือนกัน..... ;D
หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: Yut64 ที่ พฤศจิกายน 06, 2010, 12:56:31 PM สิ่งที่เสียใจที่สุด คือ ประโยคหนึ่งที่ไม่มีอยู่ในพระไตรปิฎก เมื่อก่อนไม่มีสงครามแย่งชิงผลประโยชน์กันมากมั้งอย่าลืมว่าช่วงเวลาของศาศนาห่างกันหลายร้อยปีองค์พระศาศดาเลยไม่ได้บัญญัติไว้"สำหรับบรรดาผู้ (ถูกโจมตีนั้น) ได้รับอนุญาตให้ต่อสู้ได้ เพราะพวกเขาถูกข่มเหง" การทำสงครามในพุทธ -เพื่อเผยแพร่ศาสนาพุทธ -เพื่อปกป้องพุทธ เด็ก สตรี คนชรา และคนที่ไม่มีทางสู่ หรือแม้แต่ต้นไม้ หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: ban.cha ที่ พฤศจิกายน 06, 2010, 02:14:57 PM ชมคลิปทั้ง 4 แล้วไม่อยากเชื่อเลยครับ
ว่าโลกตะวันตกจะป่าเถื่อนได้ขนาดนี้ ::004:: หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: manabu ที่ พฤศจิกายน 06, 2010, 02:21:20 PM ความรักยิ่งใหญ่ที่สุด
ขนาดจะรักสาวมุสลิม ยังต้องมีเรื่องราวให้คิด เจ้าของกระทู้โชคดีจริงๆที่ได้รับข้อมูลอย่างชัดเจน ยิ่งอ่าน ยิ่งรักพี่น้องมุสลิมครับ หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: RMAY ที่ พฤศจิกายน 06, 2010, 03:02:59 PM ความรักยิ่งใหญ่ที่สุด ขนาดจะรักสาวมุสลิม ยังต้องมีเรื่องราวให้คิด เจ้าของกระทู้โชคดีจริงๆที่ได้รับข้อมูลอย่างชัดเจน ยิ่งอ่าน ยิ่งรักพี่น้องมุสลิมครับ คงไม่ทันแล้วครับเจ้าของกระทู้พิภาคษาความรักของเค้าเรียบร้อยแล้วครับผมไม่ได้มองที่ศาสนาหรอกครับผมมองการตัดลินใจของคน 2คนมากกว่า ::014:: ::014:: ::014:: หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: โทน73 -รักในหลวง- ที่ พฤศจิกายน 06, 2010, 11:34:29 PM บังฟีน การต่อสู้ตามหลักการศาสนา ได้ยินมาว่า ชาวนา ต้นไม้ ผู้บริสุทธิ์ ต้องไม่ถูกทำลายใช่ไหม
หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: รักปืน-รักในหลวง ที่ พฤศจิกายน 07, 2010, 09:37:05 AM ถ้าได้เมียเป็นคนอิสลาม แล้วเรายังไม่ทิ้งกับเมีย แล้วเราหนีไปบวชพระ จะบาปไหมครับ แล้วศึกมาอยู่กลับ เมียเราต่อจะบาปไหมครับ
เหมือนพ่อใหญ่จิ่วของผมไงครับ แบบนี้บาปไหมครับ จะตกนรกขุมไหนครับ ::014:: หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: ชายเจษฎ์ ที่ พฤศจิกายน 07, 2010, 09:47:22 AM ถ้าได้เมียเป็นคนอิสลาม แล้วเรายังไม่ทิ้งกับเมีย แล้วเราหนีไปบวชพระ จะบาปไหมครับ แล้วศึกมาอยู่กลับ เมียเราต่อจะบาปไหมครับ เหมือนพ่อใหญ่จิ่วของผมไงครับ แบบนี้บาปไหมครับ จะตกนรกขุมไหนครับ ::014:: คำถามแบบนี้ตอบลำบากครับ ขึ้นอยู่กับใจท่านเองครับ ท่านแต่งกับคนมุสลิม ทางมุสลิมถือว่าท่านเป็นมุสลิมแล้ว ดังนั้นคนมุสลิมก็จะต้องบอกว่าท่านบาปมาก แต่ถ้าใจท่านเป็นเพียงมุสลิมแต่กาย แต่ใจไม่ใช่ อยู่มาวันนึงเกิดอยากบวช แสดงว่าใจท่านยังเป็นพุทธอยู่ ถามว่าท่านว่าตัวเองจะบาปใหมครับ ??? สำหรับผมน่ะ ผมว่าเดินทางสายกลางดีที่สุดครับ ผมเองนับถือพุทธ แต่ถ้ามีพระมาบอกว่าทำทาน บริจาคเงินเยอะๆ แล้วโยมจะได้บุญเยอะ จะพ้นทุกข์พ้นเคราะห์ในชาตินี้และชาติหน้า อย่างนี้ผมก็ไม่เชื่อครับ ;D หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: nitrogen ที่ พฤศจิกายน 07, 2010, 10:51:21 AM ถ้าได้เมียเป็นคนอิสลาม แล้วเรายังไม่ทิ้งกับเมีย แล้วเราหนีไปบวชพระ จะบาปไหมครับ แล้วศึกมาอยู่กลับ เมียเราต่อจะบาปไหมครับ เหมือนพ่อใหญ่จิ่วของผมไงครับ แบบนี้บาปไหมครับ จะตกนรกขุมไหนครับ ::014:: คำถามแบบนี้ตอบลำบากครับ ขึ้นอยู่กับใจท่านเองครับ ท่านแต่งกับคนมุสลิม ทางมุสลิมถือว่าท่านเป็นมุสลิมแล้ว ดังนั้นคนมุสลิมก็จะต้องบอกว่าท่านบาปมาก แต่ถ้าใจท่านเป็นเพียงมุสลิมแต่กาย แต่ใจไม่ใช่ อยู่มาวันนึงเกิดอยากบวช แสดงว่าใจท่านยังเป็นพุทธอยู่ ถามว่าท่านว่าตัวเองจะบาปใหมครับ ??? สำหรับผมน่ะ ผมว่าเดินทางสายกลางดีที่สุดครับ ผมเองนับถือพุทธ แต่ถ้ามีพระมาบอกว่าทำทาน บริจาคเงินเยอะๆ แล้วโยมจะได้บุญเยอะ จะพ้นทุกข์พ้นเคราะห์ในชาตินี้และชาติหน้า อย่างนี้ผมก็ไม่เชื่อครับ ;D พี่ ชายเจษฎ์ ครับ ผมว่า่คุ้นๆนะสำนวนนี้ ::008:: ::008:: มีที่มาที่เดียวกันแน่ๆเลย ผมก็คิดแบบพี่เช่นกันครับ ถ้าไปเชื่อแบบนี้ คนจนแม้ใจสะอาดบริสุทธิ์ก็หมดโอกาสพ้นทุกข์สิ ::012:: หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: RMAY ที่ พฤศจิกายน 07, 2010, 11:06:27 AM บังฟีน การต่อสู้ตามหลักการศาสนา ได้ยินมาว่า ชาวนา ต้นไม้ ผู้บริสุทธิ์ ต้องไม่ถูกทำลายใช่ไหม ครับ ถ้าเป็นสงคราม ศาสนาจริง แม้แต่ คนที่ ยอมแพ้ ยังต้องเลี้ยงดูปูเสื่อสมัยก่อน การทำสงคราม สามีที่เสียชีวิตในสงคราม เหลือแต่ภรรยา โดดเดี่ยว ไม่มีใครดูแลไม่ว่าจะเป็น ฝ่ายรุกรานหรือฝ่ายเดียวกัน เราสามารถช่วยเหลือเค้าได้ โดยที่มาอยู่ ในฐานะภรรยา คนที่2 เทียบเท่า เมียคนที่ 1(ไม่ใช่ทาส) นี้คือที่มาของ มุสลิม เมีย 4คนด้วยครับ ส่วน ชาวนา ต้นไม้ ผู้บริสุทธิ์ ท่านนบี สั่งห้ามเด็ดขาดมิให้ผู้ใดทำร้ายถ้าผู้ใดทำร้ายก็เหมือนเป็น ศัตรู กับ ศาสนาอิสลาม เฉกเช่นพวก ยิว ครับ หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: RMAY ที่ พฤศจิกายน 07, 2010, 11:15:43 AM ถ้าได้เมียเป็นคนอิสลาม แล้วเรายังไม่ทิ้งกับเมีย แล้วเราหนีไปบวชพระ จะบาปไหมครับ แล้วศึกมาอยู่กลับ เมียเราต่อจะบาปไหมครับ เหมือนพ่อใหญ่จิ่วของผมไงครับ แบบนี้บาปไหมครับ จะตกนรกขุมไหนครับ ::014:: คำถามแบบนี้ตอบลำบากครับ ขึ้นอยู่กับใจท่านเองครับ ท่านแต่งกับคนมุสลิม ทางมุสลิมถือว่าท่านเป็นมุสลิมแล้ว ดังนั้นคนมุสลิมก็จะต้องบอกว่าท่านบาปมาก แต่ถ้าใจท่านเป็นเพียงมุสลิมแต่กาย แต่ใจไม่ใช่ อยู่มาวันนึงเกิดอยากบวช แสดงว่าใจท่านยังเป็นพุทธอยู่ ถามว่าท่านว่าตัวเองจะบาปใหมครับ ??? สำหรับผมน่ะ ผมว่าเดินทางสายกลางดีที่สุดครับ ผมเองนับถือพุทธ แต่ถ้ามีพระมาบอกว่าทำทาน บริจาคเงินเยอะๆ แล้วโยมจะได้บุญเยอะ จะพ้นทุกข์พ้นเคราะห์ในชาตินี้และชาติหน้า อย่างนี้ผมก็ไม่เชื่อครับ ;D คนที่บาปที่สุด ก็คือ ภรรยา ท่านคนที่นำพาท่านเข้าสู่ ศาสนาอิสลาม ครับ ไม่ว่า ท่าน จะไปบวช หรืออะไรก็ตาม ที่เป็น การฝ่าฝืน ของกฎอิสลาม คนที่ซวยก็คือ ภรรยาท่านครับ เช่น การบวชในศาสนาพุทธ เทียบเท่ากับการตกศาสนา หมายถึง คนไร้ศาสนา ภรรยาของเค้าก็จะตกศาสนาไปด้วย ทั้งๆที่นั่งละมาดอยู่ในมัสยิดด้วยซ้ำ ถ้าท่านกินหมูกินเหล้า เทียบเท่ากับ แฟนท่านต้องบาปไปด้วย นี้คือ สิ่งที่ คนที่นำพาผู้อื่นเข้าศาสนาอิสลามเสี่ยงที่สุดและเป็นเรื่องที่น่ากลัว มากๆ ครับ สำหรับ วันอาเครัต ครับ หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ พฤศจิกายน 07, 2010, 05:21:13 PM นายสมชายเชื่อว่าสงครามเพื่อความเชื่อ(รวมถึงเพื่อศาสนา)มีอยู่จริงเฉพาะแต่มุมมองของผู้ถูกปกครองเท่านั้นครับ... สาเหตุของสงครามที่แท้จริงมีแต่เพื่อผลประโยชน์แห่งชาติ(หรือเผ่าพันธุ์)เท่านั้นครับ...
หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: ban.cha ที่ พฤศจิกายน 07, 2010, 07:04:37 PM นายสมชายเชื่อว่าสงครามเพื่อความเชื่อ(รวมถึงเพื่อศาสนา)มีอยู่จริงเฉพาะแต่มุมมองของผู้ถูกปกครองเท่านั้นครับ... สาเหตุของสงครามที่แท้จริงมีแต่เพื่อผลประโยชน์แห่งชาติ(หรือเผ่าพันธุ์)เท่านั้นครับ... ขอเพิ่มเติม สงครามเพื่อผลประโยชน์และอำนาจของชนชั้นปกครองผู้ถูกปกครองจะไม่ได้รับผลประโยชน์โดยตรงและอำนาจอันแท้จริงครับ ::004:: หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: RMAY ที่ พฤศจิกายน 07, 2010, 10:04:49 PM เขียนโดย เชคยูซุฟ อัลก็อรฎอวีย์ (ลุกมานุลหะกีม แปล)
Imageอิสลามได้กำหนดวัตถุประสงค์ของสงครามไว้ดังนี้ 1) ตอบโต้การรุกราน วัตถุประสงค์ของสงครามอันดับแรกที่อิสลามกำหนดไว้ก็คือ การตอบโต้การรุกรานและระงับการบุกรุกด้วยกำลัง ทั้งที่เป็นการรุกรานที่เกี่ยวเนื่องกับศาสนา มาตุภูมิหรือแผ่นดิน การรุกรานที่เกี่ยวเนื่องกับศาสนา เช่น การที่ชาวมุสลิมถูกกดขี่ในเรื่องศาสนาและความเชื่อ ถูกก่อกวนและขัดขวางมิให้ปฏิบัติตามศาสนกิจ ถูกจำกัดและขัดขวางมิให้มีการเผยแผ่อิสลาม หรือนักเผยแผ่ได้รับอันตรายถึงขั้นถูกฆ่า เป็นต้น เช่นเดียวกันกับการ รุกรานในแผ่นดินและมาตุภูมิของชาวมุสลิม และการรุกรานที่เป็นภัยต่อชีวิต การยึดครองปล้นสดมภ์ทรัพยากร การย่ำยีศักดิ์ศรีสิ่งที่เป็นที่เคารพนับถือของชาวมุสลิม ซึ่งเป็นสิ่งที่มุสลิมทุกคนจำเป็นต้องลุกขึ้นตอบโต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอิสลามถือว่าประเทศของมุสลิมถือเป็นแผ่นดินอันเดียวกัน หากส่วนใดส่วนหนึ่งถูกรุกราน มุสลิมทั่วโลกจำเป็นต้องพิทักษ์รักษาป้องกัน อิส ลามยังสั่งกำชับให้มุสลิมทุกคนปกป้องคนต่างศาสนิกที่ยอมอยู่ภายใต้การปกครอง ของรัฐอิสลามอีกด้วย โดยที่อิสลามถือว่าพวกเขาเหล่านั้นเป็นประชากรในรัฐอิสลามเช่นเดียวกันและ การที่พวกเขายอมสวามิภักดิ์ภายใต้การปกครองของอิสลามนั้น รัฐอิสลามจึงจำเป็นต้องคุ้มครองชีวิตและทรัพย์สินของพวกเขาเสมือนที่รัฐอิส ลามให้การคุ้มครองแก่ชาวมุสลิมทุกประการ เช่น เดียวกันกับกรณีของชาวต่างศาสนิก ที่กระทำสนธิสัญญากับรัฐอิสลาม พวกเขาจะต้องได้รับการคุ้มครองเช่นเดียวกัน เพราะการทำสนธิสัญญาย่อมหมายถึง การเกื้อกูลระหว่างกันทั้งในยามปกติหรือภาวะคับขัน ช่วงสันติหรือช่วงสงคราม ด้วยเหตุนี้เมื่อชาวกุเรชได้รุกรานเผ่าคุซาอะฮฺ ซึ่งเป็นเผ่าที่เป็นคู่สัญญากับท่านนบีฯมุหัมมัด (ขอความสันติสุขจงมีแด่ท่าน) ท่านจึงออกคำสั่งยกกองกำลังเพื่อเปิดนครมักกะฮฺทันที อิส ลามจึงสั่งกำชับให้มุสลิมตอบโต้การรุกรานและระงับความอยุติธรรมไม่ว่าจะมา จากฝ่ายไหนหรือจะเป็นใครก็ตาม อัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงกล่าวไว้ในอัลกุรอาน ความว่า : “ และพวกเจ้าจงต่อสู้ในหนทางของอัลลอฮฺ ต่อบรรดาผู้ที่ทำร้ายพวกเจ้าและจงอย่ารุกราน แท้จริงอัลลอฮฺทรงไม่ชอบผู้ที่รุกราน ” (อัล-บะเกาะเราะฮฺ : 190) 2 ) ระงับการแพร่ขยายของฟิตนะฮฺ (การขดขี่ในเรื่องศาสนา) หรือปกป้องพิทักษ์การเผยแผ่อิสลาม วัตถุ ประสงค์ของสงครามในอิสลามอีกประการหนึ่งที่ระบุไว้ในอัลกุรอานคือ เพื่อระงับการแพร่ขยายของฟิตนะฮฺ ( การขดขี่ในเรื่องศาสนา ) ซึ่งได้ปรากฎใน 2 โองการในอัลกุรอาน โองการแรก ความว่า : “ และจงสู้รบกับพวกเขาจนกว่าไม่มีฟิตนะฮฺอีกต่อไป และจนกว่าศาสนาจะกลับมาเป็นสิทธิแห่งอัลลอฮฺ หากแม้นพวกเขาขอเลิกรบ ดังนั้น จงอย่าละเมิดยกเว้นกับบรรดาผู้ที่รุกล้ำอย่างอธรรม ” (อัล-บะเกาะเราะฮฺ : 193) โองการที่สอง ความว่า : “ และพวกเจ้าจงสู้รบกับพวกเขา จนกว่าฟิตนะฮฺในศาสนาจะไม่ปรากฏขึ้น และจนกว่าศาสนาจะกลับเป็นสิทธิแห่งอัลลอฮฺ ถ้าหากพวกเขาหยุดยั้ง (การละเมิด) แน่นอนอัลลอฮฺนั้นทรงเห็นในสิ่งที่พวกเขากระทำ ” (อัล-อันฟาล :39) อัลกุรอานได้จำกัด วัตถุประสงค์ของสงครามในอิสลามเพียงเพื่อยับยั้งการคุกคามด้านศาสนา ซึ่งมีความหมายที่ครอบคลุมการคุกคามในเรื่องต่างๆ ไม่ว่าต่อชีวิต ครอบครัว ทรัพย์สินหรือบุคคลที่รัก ฟิต นะฮฺ ตามความหมายด้านภาษาแล้วหมายถึง การทดสอบ คนอาหรับมักจะพูดว่า กระทำฟิตนะฮฺทองคำ ซึ่งหมายถึง การเผาไหม้ทองคำเพื่อทดสอบและคัดสรรทองที่ดีและมีคุณภาพ ดังนั้นคำว่าฟิตนะฮฺในอัลกุรอาน จึงมีความหมายว่า การที่ชาวมุสลิมได้รับการขดขี่ ข่มเหง การประทุษร้ายต่อร่างกายและจิตใจด้วยวิธีการต่างๆ นานา เพื่อให้พวกเขาละทิ้งศาสนาอิสลาม ช่วง ที่บรรดาผู้ศรัทธาถูกกดขี่ข่มเหงจากชาวกุเรชที่นครมักกะฮฺในอดีต อัลกุรอานก็ได้กล่าวถึงพวกเขาเพื่อปลอบใจและให้ขวัญกำลังใจแก่พวกเขา ด้วยบทอัลกุรอาน ความว่า : “ อะลีฟ ลาม มีม มนุษย์คิดหรือว่าพวกเขาจะถูกปล่อยให้พูดว่าเราศรัทธาแล้ว โดยที่พวกเขาจะไม่ถูกทดสอบ (ฟิตนะฮฺ ) กระนั้นหรือ ” “ แท้จริง เราได้ทดสอบประชาชาติก่อนหน้าพวกเขาแล้ว ดังนั้นอัลลอฮฺจะทรงจำแนกให้รู้แจ้งถึงบรรดาผู้สัตย์จริงและจะทรงจำแนกถึง ผู้กล่าวเท็จ ” (อัล-อังกะบูต : 1-3) อัล ลอฮฺจึงพยายามอธิบายให้บรรดาผู้ศรัทธาทราบว่า การที่ศรัทธาชนได้รับการทรมานเนื่องจากที่พวกเขายึดมั่นในศาสนานั้น เป็นเรื่องที่ได้เกิดขึ้นแล้วในประวัติศาสตร์อันยาวนานของมนุษย์ ที่บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาได้กระทำการอย่างทารุณต่อศรัทธาชน อัลกุรอานยังได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นแก่ศรัทธาชนกลุ่มหนึ่งในอดีตกาลที่พวก เขาถูกโยนเข้าไปในกองไฟ ท่ามกลางรู้เห็นเป็นใจจากบรรดาอาชญากรเพียงเพื่อทดสอบเขาเหล่านั้นถึงการยึด มั่นในศาสนา โดยอัลกุรอานได้ระบุไว้ ความว่า : “ แท้จริงบรรดาผู้ที่สร้างฟิตนะฮฺ (กดขี่ ผู้คน) บรรดาศรัทธาชนทั้งชาย หญิง แล้วพวกเขามิได้สำนึกผิดกลับตัวนั้น พวกเขาจะได้รับโทษแห่งนรกญะฮันนัม (นรกอเวจี) และพวกเขาจะได้รับการลงโทษแห่งการเผาไหม้ ” (อัล-บุรูจญ์ : 10) ผู้ที่สร้างฟิตนะฮฺตามความหมายในโองการดังกล่าวคือ ผู้ที่กดขี่และทรมานศรัทธาชนด้วยการโยนพวกเขาเข้าไปในกองเพลิงท่ามกลางสักขี พยานของพวกเขา ด้วยเหตุดังกล่าว ฟิตนะฮฺในเรื่องของศาสนา จึงเป็นสิ่งที่อันตรายอย่างยิ่งสำหรับชีวิตมนุษย์ เพราะเป็นการจำกัดอิสรภาพของมนุษย์ที่จะเลือกวิถีชีวิตที่ตนเองกำหนด โดยทั่วไปแล้วบรรดาผู้มีอำนาจต่างก็พยายามที่จะบังคับความรู้สึกของมนุษย์ มนุษย์ไม่มีสิทธิปฏิบัติในสิ่งที่ตนเองเลื่อมใสศรัทธา จนกว่าจะได้รับอนุญาตจากผู้ที่มีอำนาจก่อน เสมือนกับกษัตริย์ฟิรเอาน์ (ฟาโรห์) ที่เคยข่มขู่กลุ่มนักมายากลที่ประกาศตนเป็นผู้ศรัทธาในพระเจ้าของนบีมูซาและ นบีฮารูน ความว่า : “ ฟิรเอาน์ (ฟาโรห์) กล่าวว่า พวกเจ้าศรัทธาต่อเขา (มูซา) ก่อนที่ข้าจะอนุมัติ แก่พวกเจ้ากระนั้นหรือ ” (อัล-อะอฺรอฟ :123) โองการดังกล่าวชี้ให้เห็นว่า เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ที่ใครคนหนึ่งจะเลื่อมใสศรัทธาในเรื่องใดเรื่อง หนึ่ง โดยไม่ผ่านการอนุมัติของฟิรเอาน์ (ฟาโรห์) ด้วยการนี้ จึงไม่แปลกที่อัลกุรอานจะถือว่า การสร้างฟิตนะฮฺจะมีผลกระทบที่ใหญ่โตและร้ายแรงยิ่งกว่าการฆ่า ผลกระทบของฟิตนะฮฺ หากมองในแง่ของเนื้อหาแล้ว จะร้ายแรงยิ่งกว่าการฆ่า และหากมองในแง่ของปริมาณก็จะใหญ่โตยิ่งกว่าการฆ่าเช่นเดียวกัน อัลลอฮฺทรงกล่าวไว้ในอัลกุรอาน ความว่า : “ พวกเขาจะถามเจ้าเกี่ยวกับเดือนต้องห้ามซึ่งการสู้รบในเดือนนั้น จง กล่าวเถิดว่าการสู้รบในเดือนดังกล่าวเป็นบาปที่ใหญ่หลวง แต่การขัดขวางออกจากแนวทางของอัลลอฮฺและการปฏิเสธการศรัทธาต่อพระองค์ และการกีดกันมิให้เข้ามัสยิดหะรอม ตลอดจนการขับไล่ชาวมัสยิดหะรอมออกไปนั้นเป็นบาปที่ใหญ่โตกว่า ณ ที่อัลลอฮฺ และการฟิตนะฮฺนั้นใหญ่โตยิ่งกว่าการฆ่า ” ( อัล-บะเกาะเราะฮฺ : 217) โองการดังกล่าวเป็นการบอกเล่าชาวมุชริกีนที่ได้โหมโรมประโคมข่าวเกี่ยวกับ การที่ชาวมุสลิมกลุ่มหนึ่งได้ฆ่าชาวมุชริกีนคนหนึ่งในเดือนที่ต้องห้ามโดย ไม่เจตนา อัลกุรอานจึงยอมรับว่าการฆ่าคนในเดือนที่ต้องห้ามนั้นเป็นบาปที่ยิ่งใหญ่ แต่อัลกุรอานยังบอกด้วยว่า การที่ชาวมุชริกีนได้ขัดขวางชาวมุสลิมมิให้นับถือศาสนาของอัลลอฮฺ การกีดกันพวกเขามิให้เข้ามัสยิดหะรอม ตลอดจนการขับไล่พวกเขาออกจากมาตุภูมินั้น ถือเป็นการกระทำบาปที่ยิ่งใหญ่กว่า ด้วยเหตุนี้อัลกุรอาน จึงกล่าวว่า “ และการฟิตนะฮฺนั้นใหญ่โตยิ่งกว่าการฆ่า ” ดังนั้นความหมายของฟิตนะฮฺในอัลกุรอานนั้นคือ การที่บรรดาศรัทธาชนได้รับการทรมาน กดขี่ ข่มเหง โดยเฉพาะอย่างยิ่งฟิตนะฮฺที่ชาวกุเรชได้ปฏิบัติต่อท่านนบีฯ(ขอความสันติสุข จงมีแด่ท่าน) และบรรดาสาวกทั้งหลายที่นครมักกะฮฺ ตลอดระยะเวลา 13 ปี ที่บรรดาศรัทธาชนต้องได้รับการทรมานทั้งร่างกายและจิตใจ ถูกสกัดกั้นมิให้คบค้าสมาคมกับสังคมภายนอก และห้ามมีการติดต่อทางธุรกิจ จนกระทั่งพวกเขาต้องปลีกตัวเองออกจากสังคมโดยต้องอาศัยตามภูเขาและกินใบไม้ แทนอาหาร ในขณะที่ผู้ศรัทธาที่มีฐานะด้อยกว่าหรือยากจนก็ถูกทรมานจนเสียชีวิต พวกเขาต้องทนทุกข์ทรมานกับพฤติกรรมอันไร้มนุษยธรรมเช่นนี้ จนกระทั่งต้องระเหเร่ร่อน อพยพออกจากมาตุภูมิของตนเองโดยวิธีการอยุติธรรม เพียงเพราะพวกเขากล่าวและศรัทธาว่า “ พระเจ้าของเรา คือ อัลลอฮฺ” นี่คือ ความหมายอันแท้จริงของคำว่าฟิตนะฮฺ ที่ปรากฏในอัลกุรอาน ฟิตนะฮฺ จึงมีผลกระทบที่ใหญ่โตและร้ายแรงยิ่งกว่าการฆาตรกรรม เพราะฆาตรกรรมเป็นอาชญากรรมทางร่างกายและชีวิตที่เป็นเพียงวัตถุเท่านั้น แต่ฟิตนะฮฺเป็นการก่ออาชญากรรมทางความรู้สึก ความคิดและจิตวิญญาณซึ่งมีผลที่ร้ายแรงทั้งเชิงลึกและเชิงกว้างกว่า อาชญากรรมทางร่างกายเป็นแน่แท้ สรุป แล้ว สงครามในอิสลามเป็นสิ่งอนุมัติโดยมีเป้าประสงค์เพื่อยับยั้งการฟิตนะฮฺ ระงับการกดขี่ข่มเหงในเรื่องศาสนา ปราบปรามการกระทำที่จะนำไปสู่การบังคับขู่เข็ญมนุษย์ด้วยกันไม่ว่าทางด้าน ร่างกายและจิตใจ ตลอดจนพิทักษ์อิสรภาพของการเผยแผ่และผู้ที่เผยแผ่อิสลาม ทั้งนี้เพื่อให้ผู้คนมีสิทธิที่จะเลือกศรัทธาหรือปฏิเสธศาสนาตามความสมัครใจ ของตนเอง เพราะอิสลามยึดหลักว่า “ ไม่มีการบังคับในการนับถือศาสนา ” (อัล-บะเกาะเราะฮฺ :256) “ ดังนั้นผู้ใดปฏิบัติตามแนวทางถูกต้อง แท้จริงเขาดำเนินตามแนวทางถูกต้องเพื่อตัวของเขา และผู้ใดหลงทาง แท้จริงก็หลงทางเพื่อตัวของเขาเช่นเดียวกัน ” (ยูนุส :108) ส่วนที่มีนักวิชาการมุสลิมในยุคแรกได้ให้คำอธิบาย “ฟิตนะฮฺ” ด้วยความหมายว่า การตั้งภาคีต่ออัลลอฮฺหรือการปฏิเสธอัลลอฮฺนั้น ถือเป็นการอธิบายที่ไม่มีหลักฐานสนับสนุน ซึ่งตามหลักวิชาการแล้ว การอธิบายอัลกุรอานด้วยอัลกุรอานเอง ถือเป็นการอธิบายที่มีคุณค่าและถูกต้องที่สุด ดังนั้นหลังจากที่มีการศึกษาอย่างถี่ถ้วนแล้ว พบว่าฟิตนะฮฺที่ปรากฏในอัลกุรอานมีความหมายว่า การที่ศรัทธาชนถูกทำร้ายไม่ว่าทางร่างกายและจิตใจ การขดขี่บังคับให้พวกเขาละทิ้งศาสนาอิสลาม การก่อกวนและขัดขวางมิให้พวกเขาประกอบตามศาสนกิจ หรือการขับไล่พวกเขาออกจากมาตุภูมิ 3) ยื่นมือให้ความช่วยเหลือแก่ผู้อ่อนแอและเดือดร้อน วัตถุ ประสงค์ประการหนึ่งของสงครามในอิสลามคือ เพื่อยื่นมือให้ความช่วยเหลือแก่ผู้อ่อนแอและผู้เดือดร้อนจากการกดขี่ข่มเหง ของผู้มีอำนาจ เพราะโดยปกติวิสัยของมนุษย์ผู้มีอำนาจ มักจะรังแกผู้ที่ด้อยกว่า พวกเขาจะทำลายเกียรติยศและศักดิ์ศรีของมนุษย์ด้วยกันพร้อมกับการวางก้าม เที่ยวรุกรานคนอื่นด้วยเหตุผลว่า พวกเขามีกองกำลังและอำนาจที่เหนือกว่าเท่านั้น ด้วยเหตุดังกล่าว หน้าที่ของมุสลิมทุกคนคือ ต้องรีบยื่นมือให้ความช่วยเหลือผู้ที่อ่อนแอเหล่านั้นให้พ้นจากเงื้อมมือของ ผู้ลุแก่อำนาจ อัลกุรอานได้กล่าวไว้ ความ ว่า : “ ด้วยเหตุผลประการใดหรือที่พวกเจ้าไม่สู้รบในหนทางของอัลลอฮฺและหนทางของ บรรดาผู้อ่อนแอไม่ว่าชายและหญิงหรือเด็กๆ ที่กล่าวว่า โอ้พระเจ้าของเรา โปรดพาพวกเราให้ออกไปจากเมืองนี้ ซึ่งผู้คนได้ข่มเหงรังแก และได้โปรดส่งผู้คุ้มครองเราและช่วยเหลือพวกเราด้วยเทอญ ” (อัน-นิสาอฺ :75) ท่านลองสังเกตสำนวนอัลกุรอานที่เชิญชวนบรรดามุสลิม ให้ลุกขึ้นต่อสู้ด้วยสำนวนที่ปลุกเร้า “” จะเห็นได้ว่าอัลลอฮฺ ได้ลำดับความสำคัญของการต่อสู้ในหนทางของผู้อ่อนแออยู่ในระดับเดียวกันกับ การต่อสู้ในหนทางของอัลลอฮฺ และถ้าหากเราไตร่ตรองอย่างรอบคอบแล้วจะพบว่าการต่อสู้ในหนทางของผู้อ่อนแอก็ คือ ส่วนหนึ่งของการต่อสู้ในหนทางของอัลลอฮฺเช่นเดียวกัน ทั้งนี้เนื่องจากเป้าประสงค์สูงสุดของการต่อสู้ในหนทางของอัลลอฮฺนั้น เพื่อให้สาส์นแห่งอัลลอฮฺสูงส่ง สาส์นแห่งอัลลอฮฺคือสาส์นแห่งสัจธรรมที่ปฏิเสธความเท็จ สาส์นที่อยู่บนพื้นฐานแห่งความยุติธรรมที่ต่อต้านความอยุติธรรม และการให้ความช่วยเหลือผู้อ่อนแอแท้จริงแล้วก็คือ ความพยายามที่จะดำรงไว้ซึ่งความยุติธรรมบนผืนแผ่นดิน ด้วยเหตุนี้อัลกุรอานจึงได้กล่าวในโองการหลังจากนั้น ความว่า : “บรรดา ผู้ศรัทธาได้ทำการสู้รบในหนทางของอัลลอฮฺ แต่บรรดาผู้ปฏิเสธได้ทำการสู้รบในหนทางของอัฏ-ฏอฆูต (สิ่งที่ถูกกราบไหว้บูชาที่นอกเหนือจากอัลลอฮฺ ) ” ด้ายเหตุดังกล่าว มุสลิมจึงถูกเรียกร้องให้ยื่นมือมอบความช่วยเหลือแก่ผู้ที่อ่อนแอและผู้ที่ ได้รับการขดขี่ ถึงแม้ว่าพวกเขาไม่ใช่มุสลิมก็ตาม ยิ่งไปกว่านั้น มุสลิมถูกกำชับให้ความช่วยเหลือแก่สัตว์ที่ประสบความเดือดร้อนเท่าที่สามารถ ปฏิบัติได้ ไม่ว่าความเดือดร้อนเหล่านั้นมาจากการกระทำของมนุษย์หรืออันเนื่องมาจากภัย พิบัติต่างๆ ดังกรณีเกิดภาวะภัยแล้งหรือขาดแคลนน้ำ เป็นต้น 4) ให้บทเรียนแก่ผู้ละเมิดสัญญา ส่วน หนึ่งของวัตถุประสงค์ของการทำสงครามในอิสลาม คือ ให้บทเรียนแก่ผู้ละเมิดสัญญา สั่งสอนแก่ผู้ที่รักษาสัญญาตราบใดที่ยังประโยชน์แก่พวกตนเท่านั้น ยามใดก็แล้วแต่ที่ไม่บังเกิดผลดีแก่พวกเขา และพวกเขาถือไพ่ที่เหนือกว่า พวกเขาก็จะฉีกสัญญาทันทีและถือว่าสัญญาเหล่านั้นเป็นเพียงเศษกระดาษที่ไร้ คุณค่าเท่านั้นเอง มนุษย์ในลักษณะเช่นนี้ ไม่สมควรที่จะปล่อยให้เหิมเกริมบนหน้าแผ่นดิน หาไม่แล้วพวกเขาก็จะหยิ่งผยองและสร้างความเดือดร้อนบนแผ่นดินอย่างแน่นอน แท้จริงแล้วชาวมุสลิมในยุคท่านนบีฯ (ขอความสันติสุขจงมีแด่ท่าน) ก็ถูกละเมิดสัญญาเช่นเดียวกัน ดังกรณีที่ชาวยิวได้เคยทำสัญญากับท่านนบีฯมุหัมมัด (ขอความสันติสุขจงมีแด่ท่าน) โดยได้กำหนดภาระหน้าที่ที่พึงมีระหว่างกันโดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องเกื้อกูลอุด หนุนและให้ความช่วยเหลือ ซึ่งกันและกัน แต่เผ่ายิวในสมัยนั้นไม่ว่าจะเป็นเผ่าก็อยนุกออฺ เผ่านาฏีร และเผ่ากุร็อยเศาะฮฺต่างก็ละเมิดสัญญาที่เคยกระทำไว้กับท่านนบีฯ (ขอความสันติสุขจงมีแด่ท่าน) โดยที่พวกเขาร่วมมือกับบรรดามุชริกีนรุกรานและโจมตีชาวมุสลิมที่อยู่ในนครมะ ดีนะฮฺทั้งๆ ที่ชาวมุสลิมกำลังตกอยู่ในภาวะที่ต้องการความช่วยเหลือจากพวกเขาอย่างมาก ด้วยเหตุดังกล่าวท่านนบีฯ (ขอความสันติสุขจงมีแด่ท่าน) จึงจำเป็นต้องประกาศสงครามกับพวกเขาหลังจากเสร็จสิ้นการทำสงครามใหญ่เกือบ ทุกครั้ง หลังจากสงครามบัดรฺ ท่านนบีฯต้องประกาศสงครามกับชาวยิวเผ่าก็อยนุกออฺ หลังจากสงครามอุหุด ท่านนบีฯต้องประกาศสงครามกับชาวยิวเผ่านาฏีรและหลังจากสงครามพลพรรค (อัหซาบ) ก็ต้องประกาศสงครามกับชาวยิวเผ่ากุร็อยเศาะฮฺ เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว อัลกุรอานได้กล่าวถึงพฤติกรรมอันฉ้อฉลของพวกเขา ความ ว่า : “ แท้จริงสัตว์โลกที่ชั่วร้ายยิ่ง ณ อัลลอฮฺนั้น คือ บรรดาผู้ที่เนรคุณดังนั้นพวกเขาจึงไม่ศรัทธา คือบรรดาผู้ที่เจ้าได้ทำสัญญาไว้กับพวกเขาและพวกเขาก็ทำลายสัญญาในทุกครั้ง โดยที่พวกเขาหาเกรงกลัวไม่ ถ้าหากเจ้าสามารถจับตัวเขาไว้ได้ในการรบ ก็จงขับไล่ผู้ที่อยู่ข้างหลังพวกเขา (หมายถึงผู้ที่สนับสนุนพวกเขาอยู่เบื้องหลัง) ด้วยการลงโทษพวกเขาเผื่อว่าพวกเขาจะสำนึก ” (อัล-อัมฟาล :55-56) หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: RMAY ที่ พฤศจิกายน 07, 2010, 10:05:27 PM 5) สร้างสันติภาพในกลุ่มชาวมุสลิมด้วยกัน
วัตถุ ประสงค์ของการทำสงครามในข้อนี้ เป็นวัตถุประสงค์ที่มีไว้เฉพาะสำหรับชาวมุสลิมเท่านั้น นั่นคือ การสร้างสันติภาพระหว่างมุสลิมสองกลุ่มที่ขัดแย้งกัน และการระงับการต่อสู้ระหว่างมุสลิมด้วยกันโดยใช้กองกำลัง และสิ่งนี้ถือเป็นหนึ่งในศาสนบัญญัติในอิสลามที่กำหนดให้ปฏิบัติ และผู้ที่ถูกกำชับให้ปฏิบัติในอันดับต้นๆ ก็คือ เคาะลีฟะฮฺหรือผู้นำอิสลาม อัลลอฮฺทรงตรัสไว้ ความ ว่า : “ และหากมีสองฝ่ายจากบรรดาผู้ศรัทธาทะเลาะวิวาทกัน พวกเจ้าก็จงไกล่เกลี่ยระหว่างทั้งสองฝ่าย หากฝ่ายหนึ่งในสองฝ่ายนั้นละเมิดอีกฝ่ายหนึ่ง พวกเจ้าก็จงปราบฝ่ายที่ละเมิดจนกว่าฝ่ายนั้นจะกลับสู่พระบัญชาของอัลลอฮฺ ฉะนั้นหากฝ่ายนั้นกลับสู่พระบัญชาของอัลลอฮฺแล้ว พวกเจ้าก็จงประนีประนอมระหว่างทั้งสองฝ่ายด้วยความยุติธรรมและพวกเจ้าจงให้ ความเที่ยงธรรม (แก่ทั้งสองฝ่ายเถิด) แท้จริงอัลลอฮฺทรงรักใคร่บรรดาผู้ให้ความเที่ยงธรรม ” (อัล-หุญุร็อต : 9 ) โองการดังกล่าวสอนให้เราทราบว่า ในขณะที่เกิดข้อพิพาทระหว่างมุสลิมด้วยกัน อิสลามไม่อนุญาตให้มุสลิมเป็นผู้สนับสนุนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่มุสลิมทุกคนจำเป็นต้องรีบไกล่เกลี่ยทั้งสองฝ่ายเพื่อยับยั้งมิให้เกิด ความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สิน หากทั้งสองฝ่ายยอมตกลงก็ถือเป็นพรอันประเสริฐ แต่หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งปฏิเสธการประนีประนอม หรือยอมยุติปัญหาแต่ก็มีการบุกรุกและละเมิดภายหลัง ประชาชาติมุสลิมจำเป็นต้องประกาศสงครามกับฝ่ายที่ละเมิด จนกว่าพวกเขายอมกลับสู่พระบัญชาแห่งอัลลอฮฺ และหากพวกเขายอมทำตามคำบัญชาของอัลลอฮฺแล้ว ก็จงประนีประนอมระหว่างทั้งสองฝ่ายด้วยความยุติธรรม ชาวมุสลิมทั้งมวลจึงเปรียบเสมือนสภาความมั่นคงสหประชาชาติที่มีหน้าที่ไกล่เกลี่ยและยุติข้อพิพาทระหว่างมุสลิมด้วยกัน และสิ่งเหล่านี้ คือ เป้าหมายอันสูงสุดของอิสลามที่มีความประสงค์สร้างสันติภาพในทุกมิติของสังคม มนุษย์ ไม่ว่าต่อตนเอง ครอบครัว สังคม ประชาชาติมุสลิมด้วยกันเองและกับชนต่างศาสนิก ด้วยเหตุนี้อิสลามจึงกำชับให้มีการไกล่เกลี่ยกันยามที่มนุษย์เกิดข้อพิพาทบาดหมางระหว่างกัน ดังอัลกุรอานกล่าวไว้ ความ ว่า : “ ดังนั้นพวกท่านจงยำเกรงอัลลอฮฺเถิด และจงปรับปรุงความสัมพันธ์ระหว่างพวกท่าน และจงเชื่อฟังอัลลอฮฺและรสูลของพระองค์เถิด หากพวกท่านเป็นผู้ศรัทธา ” ( อัล-อัมฟาล : 1 ) “ ไม่มีความดีใดๆ ในการซุบซิบอันมากมายของพวกเขา นอกจากผู้ที่ใช้ให้ทำทาน หรือให้ทำสิ่งที่ดีงาม หรือให้ประนีประนอมระหว่างผู้คนเท่านั้น ” ( อัน-นิสาอฺ : 114 ) ท่านนบีฯมุหัมมัด (ขอความสันติสุขจงมีแด่ท่าน) กล่าวไว้ความว่า “ เอาไหมล่ะ ที่ฉันจะบอกให้ท่านทั้งหลายทราบถึงการปฏิบัติธรรมที่มีผลบุญมากยิ่งกว่าการ ละหมาด การถือศีลอดและการบริจาคทาน บรรดาเศาะฮาบะฮฺกล่าวว่า แน่นอนโอ้รสูลของอัลลอฮฺ ท่านนบีฯ(ขอความสันติสุขจงมีแด่ท่าน) จึงตอบว่า : การไกล่เกลี่ยระหว่างทั้งสองฝ่ายที่ขัดแย้งกัน แท้จริงการบาดหมางระหว่างทั้งสองฝ่ายเปรียบเสมือนมีดโกน ” (รายงานโดยอะบูดาวูดและติรมิซีย์) มีหะดีษอีกบทหนึ่งที่มีการเพิ่มว่า “ ฉันไม่ได้หมายความว่า มีดที่โกนผม แต่มันคือมีดโกนศาสนา ” (รายงานโดยติรมิซีย์) แม้แต่ความขัดแย้งของคู่สามีภรรยา อิสลามก็ยังสอนไว้ว่า “ และหากพวกเจ้าหวั่นเกรงการแตกแยกระหว่างเขาทั้งสอง (สามีภรรยา) ก็จงส่งผู้ตัดสินคนหนึ่งจากครอบครัวของฝ่ายชาย และผู้ตัดสินอีกคนหนึ่งจากครอบครัวฝ่ายหญิง หากทั้งสองมีปรารถนาให้มีการประนีประนอมกันแล้ว อัลลอฮฺก็ทรงให้ความสำเร็จในระหว่างทั้งสอง ” (อัน-นิสาอฺ :35) จะเห็นได้ว่า อิสลามให้ความสำคัญกับการประนีประนอมระหว่างคู่กรณีที่ขัดแย้งกัน ไม่ว่าในระดับปัจเจกบุคคล ครอบครัวหรือสังคม ถ้าหากอิสลามส่งเสริมให้เกิดความปรองดองระหว่างประชาคมโลกโดยภาพรวม และอิสลามยังเชิญชวนให้ดำรงไว้ซึ่งสันติภาพในประชาคมระหว่างประเทศแล้ว นับเป็นสิ่งที่สมควรเป็นอย่างยิ่งที่อิสลามกำชับและส่งเสริมให้มีการปรองดอง กันภายในกลุ่มมุสลิมด้วยกันเอง ชาวมุสลิมไม่ว่าจะมีความแตกต่างด้านสัญชาติ สีผิว ภาษา และมาตุภูมิหรือแม้จะแตกต่างด้านฐานะหรือยศถาบรรดาศักดิ์ พวกเขาจะยืนหยัดบนหลักการอันมั่นคงที่อยู่บนพื้นฐานของการศรัทธาในอัลลอฮฺ และความเป็นพี่น้องร่วมศาสนา และความรู้สึกเป็นพี่น้องกันจึงเป็นแขนงหนึ่งของการศรัทธาที่แยกออกจากกัน ไม่ได้ อัลลอฮฺทรงตรัสไว้ ความว่า : “ แท้จริงบรรดาศรัทธาชน คือพี่น้องกัน ดังนั้นท่านจงใกล่เกลี่ยและประนีประนอมในกลุ่มพี่น้องของท่านด้วยเถิด ( อัล-หุญุร็อต :10 ) ” “ พวกท่านทั้งหลายได้กลายเป็นพี่น้องกันด้วยความเมตตาของพระองค์" (อาละอิมรอน :103) ท่านนบีฯ (ขอความสันติสุขจงมีแด่ท่าน ) ” กล่าวไว้ ความว่า : “ มุสลิมกับมุสลิมด้วยกันคือพี่น้องกัน ห้ามกดขี่เขา และห้ามมอบตัวเขา (แก่ศัตรู) ใครก็ตามที่ให้ความช่วยเหลือแด่พี่น้องของเขา อัลลอฮฺทรงให้ความช่วยเหลือเขาเป็นแน่แท้ ใครก็แล้วแต่ที่ปัดเป่าความทุกข์พี่น้องของเขาในโลกนี้ อัลลอฮฺก็จะปัดเป่าความทุกข์ของเขาในโลกหน้าเช่นเดียวกัน ใครก็แล้วแต่ที่ปกปิดความชั่วร้ายของพี่น้องของเขา อัลลอฮฺจะทรงปกปิดความชั่วร้ายของเขาในโลกหน้า” (รายงานโดยบุคอรีและมุสลิม) “ ท่านทั้งหลายจงอย่าอิจฉาริษยาซึ่งกันและกัน อย่าให้มีการแย่งซื้อขายกันในสิ่งของที่คนอื่นกำลังจะซื้อขายกัน อย่าโกรธเคือง อย่าหันหลัง (ไม่พูดไม่จา) จงเป็นบ่าวของอัลลอฮฺที่มีความสัมพันธ์ฉันท์พี่น้องด้วยกันเถิด มุสลิมเป็นพี่น้องกัน มุสลิมอย่าได้ดูถูกดูแคลนพี่น้องของเขา เป็นการเพียงพอแล้วสำหรับบุคคลหนึ่งที่จะมีคุณสมบัติของคนชั่ว หากเขาดูถูกและสบประมาทพี่น้องของเขา มุสลิมถูกสั่งห้ามมิให้กระทำการใดๆ ต่อพี่น้องมุสลิมด้วยกันไม่ว่าทางด้านชีวิต ทรัพย์สมบัติ และเกียรติยศ” (รายงานโดยมุสลิม) “ มุสลิมด้วยกันเปรียบเสมือนอาคารหลังหนึ่ง ที่ส่วนประกอบของอาคารต่างก็เกื้อหนุนซึ่งกันและกัน” (รายงานโดยบุคอรี และมุสลิม) “ ความสัมพันธ์ระหว่างบรรดาศรัทธาชนในเรื่องความรัก ความเอ็นดูและความห่วงใยระหว่างกัน เปรียบเสมือนกับเรือนร่างอันเดียวกัน หากส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายได้รับบาดเจ็บ ร่างกายส่วนอื่นก็จะเจ็บปวดและอดหลับนอนเช่นเดียวกัน ” (รายงานโดยบุคอรี และมุสลิม) ศรัทธาชนจึงถูกกำชับให้มีความปรองดองและสร้างความสมานฉันท์ระหว่างกัน ความเป็นเอกภาพของพวกเขาควรอยู่บนหลักพื้นฐานของการยึดมั่นในคำสอนของอัล ลอฮฺ ดังอัลกุรอาน กล่าวไว้ ความว่า : “เจ้าทั้งหลายจงยึดมั่นในสายเชือกของอัลลอฮฺและอย่าได้แตกแยก (จากการยึดมั่นในศาสนาของอัลลอฮฺ) ” (อาละอิมรอน :103) “ และพวกเจ้าจงอย่าเป็นบรรดาผู้ที่แตกแยกกัน และขัดแย้งกัน หลังจากที่บรรดาหลักฐานอันชัดแจ้งได้มายังพวกเขาแล้ว และชนเหล่านี้แหละสำหรับพวกเขาคือ การลงโทษอันใหญ่หลวง” (อาละอิมรอน:105) อิสลามไม่เพียงแต่ให้ศรัทธาชนยึดมั่นในสันติภาพด้านทฤษฏีเท่านั้น แต่ยังบังคับให้มีผลทางกฎหมายภาคปฎิบัติด้วย ด้วยเหตุนี้อิสลามจึงบังคับให้ศรัทธาชนดำรงไว้ซึ่งสันติภาพ แม้นว่าด้วยกองกำลังก็ตาม อิสลามจึงสั่งใช้ให้ศรัทธาชนระงับข้อพิพาทและการสงครามระหว่างมุสลิมด้วยกัน ทั้งนี้เนื่องจากอิสลามต้องการให้สังคมมุสลิมใช้ชีวิตอย่างสันติสุข มีความกลมเกลียวสมานฉันท์ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ซึ่งกันและกัน ซึ่งขัดแย้งกับทฤษฏีของคาร์ลมาร์กซ์ ที่พยายามยั่วยุให้ผู้คนมีแนวคิดให้เกิดการต่อสู้ระหว่างชนชั้น คนจนต้องทำตัวเป็นปฏิปักษ์กับคนรวย กรรมกรผู้ที่ใช้แรงงานจะต้องลุกขึ้นปฏิวัติขับไล่ชนชั้นนายทุน ลูกจ้างจะต้องต่อสู้กับนายจ้าง และความขัดแย้งเหล่านี้จะดำเนินไปเรื่อยๆในสังคม จนกระทั่งที่สุดแล้วชนชั้นกรรมกรได้รับชัยชนะ ระบบทุนนิยมล่มสลายและทุกคนก็มีชนชั้นอันเดียวกันซึ่งถือว่าเป็นความสำเร็จ อันสูงสุดของระบบสังคมนิยม แต่อิสลามเป็นศาสนาที่ใช้ความพยายามอย่างแรงกล้าเพื่อให้สมาชิกในสังคมมี ความสมานฉันท์และเอื้อเฟื้อซึ่งกันและกัน สังคมจึงยืนหยัดบนหลักการความถูกต้องและยุติธรรม ทุกคนมีสิทธิครอบครองสิ่งที่ตนพึงได้ โดยมีข้อแม้ว่าจะไม่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ใคร หรือเป็นผู้กอบโกยเพียงแต่ผู้เดียวในลักษณะมือใครยาวสาวได้สาวเอา และบนหลักการที่เต็มไปด้วยจริยธรรมอันสูงส่งเช่นนี้ ผู้ยากจนและผู้ร่ำรวยต่างก็แข่งขันกอบโกยในสิ่งที่ไม่ใช่ทรัพย์สมบัติหรือ วัตถุนอกกาย แต่พวกเขาแข่งขันการกระทำความดีและประกอบคุณธรรมต่างหาก ดังที่ปรากฏในหะดีษที่ผู้มีฐานะยากจนกลุ่มหนึ่งได้มาร้องเรียนต่อท่านนบีฯ (ขอความสันติสุขจงมีแด่ท่าน) พร้อมกล่าวว่า พวกร่ำรวยสามารถสร้างกุศลอันมากมาย พวกเขาละหมาดเหมือนที่เราละหมาดและได้ถือศีลอดเหมือนที่เราถือศีลอด แต่พวกเขามีทรัพย์สมบัติอันเหลือเฟือที่สามารถบริจาคหรือไถ่ทาสได้ ในขณะที่พวกเรามีทรัพย์สินที่ไม่เพียงพอที่จะกระทำเช่นนั้น ท่านทั้งหลายลองสังเกตดูว่า สังคมมุสลิมที่ประกอบด้วยชนชั้นต่างๆในยุคท่านนบีฯ(ขอความสันติสุขจงมีแด่ ท่าน) ได้แข่งขันในเรื่องอะไร? คำตอบก็คือการประกอบคุณงามความดีและคุณธรรมต่างหาก อัลกุรอานกล่าวไว้ ความว่า : “ และในการนี้บรรดาผู้แข่งขัน (ในความดีทั้งหลาย) จงแข่งขันกันเถิด (เพื่อจะได้รับผลบุญและการตอบแทนจากอัลลอฮฺ)” (อัล-มุฏอฟฟิฟีน : 26) หัวข้อ: Re: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ? เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ พฤศจิกายน 08, 2010, 10:54:32 AM นายสมชายเชื่อว่าสงครามเพื่อความเชื่อ(รวมถึงเพื่อศาสนา)มีอยู่จริงเฉพาะแต่มุมมองของผู้ถูกปกครองเท่านั้นครับ... สาเหตุของสงครามที่แท้จริงมีแต่เพื่อผลประโยชน์แห่งชาติ(หรือเผ่าพันธุ์)เท่านั้นครับ... ขอเพิ่มเติม สงครามเพื่อผลประโยชน์และอำนาจของชนชั้นปกครองผู้ถูกปกครองจะไม่ได้รับผลประโยชน์โดยตรงและอำนาจอันแท้จริงครับ ::004:: ตามตัวแดง เป็นมุมมองที่แคบ เห็นทุกเรื่องเป็นเรื่องการเมืองและเรื่องผลประโยชน์ส่วนตนไปเสียหมดครับ... หากทุกคนคิดเช่นนี้ เราจะไม่ได้เห็นกระทู้นี้ครับ... http://www.gunsandgames.com/smf/index.php?topic=92323.0 (http://www.gunsandgames.com/smf/index.php?topic=92323.0) |