เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

สนทนาภาษาปืน => หลังแนวยิง => ข้อความที่เริ่มโดย: pasta ที่ พฤศจิกายน 08, 2010, 09:26:50 AM



หัวข้อ: " น้ำใจ " คนไทย และความไว้วางใจกัน
เริ่มหัวข้อโดย: pasta ที่ พฤศจิกายน 08, 2010, 09:26:50 AM
                            " เรานับถือน้ำใจคนไทย "

         เคยเป็นคำขวัญที่เราคุ้นเคยกันมาเป็นเวลาหลายปี
กำลังจะเสื่อมความขลังไป  เพราะ  " น้ำใจ " คนไทยบาง
ส่วน  กำลังเหือดแห้งไป
        ลองสังเกตดูสิครับ  แม้ระบบการแข่งขันทางธุรกิจ  การให้
บริการ  จะฝึกให้คนพูดเป็นไดอะล็อก ( Dialogue) สารพัดจะสรรค์
สร้างกัน  ไม่ว่าจะเป็น


         สวัสดีค่า...ขอบคุณที่ใช้บริการที่...นะคะ

         ขอบคุณค่า...ขอให้มีสุขภาพแข็งแรงนะคะ

         ฯลฯ

         ซึ่งโดยมาก  ผู้ฝึกสอน  ก็สอนกันมาเป็นอย่างดี  ในเชิง
" คำพูดประดิษฐ์ "  พูดตามระบบเป๊ะๆ  ราวกับหุ่นยนต์เท่านั้น
เอง  แต่เขากับลืมสอนพนักงานเหล่านั้น  ให้พูดออกมาจากใจ  ให้สบ
ตาผู้สนทนาด้วยรอยยิ้ม  เรื่องนี้ผมถือว่าคนไทยพลาดอย่างใหญ่หลวง
เพราะ " คำพูด "  จะสวยหรูปานใดก็ตาม  หากแต่มิได้ออกมา
จาก " จิตใจ "  ของผู้พูดแล้วไซร้  ก็ไม่ต่างอะไรกับหมาเห่าใบ
ตองแห้ง...แรกๆ  ผมก็ก้มหัวรับคำ  บางทีก็รับไหว้  ต่อผู้พูดเหล่านั้น
แม้เขาจะแค่ทำไปตามหน้าที่ก็ตาม  แต่พอนานๆ  เข้าผมรู้สึก  แม้คำ
พูดจะถูกต้องตามสคริปต์  แต่น้ำเสียงกับแข็งกระด้าง  หนำซ้ำพวกเขา
ก็พูดไป  ไหว้ไป  โดยมิได้มองหน้าผมเลยด้วยซ้ำ  ท่านผู้อ่านคงเคย
เจอกันมาแล้วบ้าง  บางทีสุนัขเผลอเดินเข้าไปในร้าน  พอดีพนักงาน
กำลังก้มหยิบของอะไรอยู่ไม่รู้  ได้ยินเสียงประตูอัตโนมัติดังเท่านั้น แก
ก็หลับหูหลับตาพูดเหมือนที่ฝึกมา  สวัสดีค่ะ...ยินดีให้บริการค่ะ?
ดีนะ  เจ้าตูบที่หลงเข้าไปไม่ตอบกลับ

       " โฮ้งๆ...ขอไส้กรอก ๒ อัน "

      หลังจากนั้นมา  ผมก็ไม่รับไหว้  ไม่รับคำลา  พวกที่ถูกฝึกมาอย่างผิดๆ  พวกนั้นอีกเลย

       ายการบินที่ยิ่งใหญ่แห่งหนึ่งในบ้านเรา  ก็เช่นกัน  บ่อยครั้งพนัก
งานต้อนรับบนเครื่องบิน ( Air Hostage ) มักเผลอพูดกับผมเป็นภาษาอังกฤษ
( หน้าตาผม  อาจดูคล้ายชาวฮ่องกง  ชาวสิงค์โปร ) อย่างสุภาพดีหรอก
แต่พอผมพูดไทยตอบเธอกลับไป  น้ำเสียงของเธอก็เริ่มเปลี่ยนไปในทางลบ
( ไม่รู้มันเป็นเพราะอะไรเนอะ  ผิดหวังที่ได้เจอเพื่อนร่วมชาติหรือกระมัง?) แม้
คำพูดยังคงเป็นคำสุภาพทุกกระเบียด  แต่น้ำเสียง  ช่างกระด้าง กระแทกถึงหัวใจ

       " ขอชาร้อนเพิ่มสักแก้วได้ไหมครับ?"  ผมขอเธอไป

       " คอยสักครู่นะคะ! " ( น้ำเสียงกระแทกมาก )

       ผมคิดสักครู่  จึงตอบกลับไปว่า

       " ไม่เป็นไรครับ...ผมไม่รับแล้ว "

      ซึ่งน้ำใจคนไทยจริงๆ  คิดอยู่ในใจ  ถ้าไม่เพราะระบบตรวจสอบความปลอดภัย
เรื่องระเบิด  ที่เขาประกาศไม่ให้นำของเหลวเกินกว่า  ๑๐๐ ซีซี  ขึ้นเครื่องแล้วละก็
ผมจะสะพายกระบอกชาร้อนขึ้นไปดื่มบนเครื่องให้ให้หนำใจดีกว่าต้องร้องขอจากผู้
ให้บริการ  ที่ถูกฝึกมาแต่กาย  หามีใจไม่เหล่านั้น


     ที่ยงวันหนึ่ง  เมื่อเร็วๆ  นี้  ผมเดินเข้าร้านก๋วยเตี๋ยวไฮโซ  รสเผ็ดจัดจ้านดี
ถึงเวลาสั่ง  พนักงานกลับแจ้งว่ารายการน้ำเปล่าไม่มีแล้ว  อ้าว...แล้วคนที่ไม่ชอบดื่มน้ำ
อย่างอื่นอย่างผม จะทำอย่างไรกัน เวลาเผ็ดร้อนในรสชาติอาหาร? พอผมซักไซ้ไล่เลียง
มากเข้า  ผู้จัดการร้านจึงจำเป็นต้องตอบตามความจริงกับผมว่า  ที่ต้องหยุดขายชั่วคราว
ก็เนื่องจากรัฐบาลประกาศควบคุมราคาน้ำดื่ม  รู้สึกจะให้ขายอยู่ที่ขวดละ ๗-๘ บาท  ซึ่ง
ร้านนี้ปกติขายสูงกว่านั้น ๒ เท่า เจ้าของร้านจึงประกาศเป็นนโยบายให้เลิกขายน้ำเปล่า
ไปเลย

       พูดตามตรง  แม้จะขายตามราคาที่รัฐบาลกำหนด  ร้านค้านั้นก็ไม่ขาดทุนหรอก  แต่

อาจจะกำไรน้อยลงไปบ้าง  ก็เฉพาะรายการน้ำดื่ม  ก็แค่นั้น  แทนที่จะสนับสนุนรัฐบาล

ช่วยเหลือสังคม  คืนกำไรให้ลูกค้ากลับตอกกลับนโยบายรัฐไม่ขายน้ำเปล่าเอาดื้อๆ โดย

ไม่สนใจ  ว่าลูกค้าจะเผ็ดแสบร้อน  แสบลิ้นยังไง  นั่นบ่งบอกถึงอะไรครับ?

       ผมอดนึกถึง  สมัยเด็ก   เวลากลับไปเยี่ยมแม่ทางภาคเหนือ  ทุกหน้าบ้านเขาจะมี

 กระบวยตักน้ำดื่ม  ให้คนเดินผ่านไปมา  ดื่มแก้กระหายได้  โดยไม่ต้องร้องขอ  ไม่ต้อง

จ่ายเงินแต่อย่างใด  วัฒนธรรมเหล่านี้  หายไปหมดแล้วมั้งครับ พ.ศ.นี้


       

        น้ำใจคนไทย  ก็เหือดแห้งไป  ความไว้วางใจซึ่งกัน  ก็ตกต่ำลง

                       ผมเคยเรียกแท็กซี่  ไปธุระแห่งหนึ่ง  แต่ลืมเอกสารบางอย่าง
ของแขกในคอนโดฯ จึงบอกให้เขาวนกลับไปแล้วรอผม ๒ นาที โชเฟอร์กลับ
ตอบผมมาว่า

                 " พี่  จ่ายเงินมาก่อนได้ไหม  แล้วผมจะรอ?"

                 ผมตัดสินใจ  หยิบเงินจ่ายเขาไปพร้อมตอบกลับไปว่า

                 " ไม่ต้องรอแล้วก็ได้  คุณช่างเป็นคนที่ไม่มีน้ำใจ  และดูคนไม่เป็นเลย! "

                  ๑  เดือนถัดมา  ผมต้องเดินทางไปทำธุระที่ประเทศสิงค์โปร  เกิดเหตุการณ์
คล้ายๆ  กัน  คือผมให้โชเฟอร์  รู้สึกจะเป็นชาวสิงค์โปร-มาเลย์  ให้รอผมที่ลานจอดหน้า
โรงแรม  ๒  นาที เพื่อขึ้นไปหยิบเอกสาร  เขาตอบทันควัน

                  "  Okay..Just 2 minutes,  I will  wait for you here "   
                     

                   
                     



                  จังหวะไม่ดี  ขาลงมา  ลิฟต์บางตัวกำลังซ่อมบำรุงอยู่  ทำให้ล่าช้าจาก ๒ กลาย
เป็น ๕ นาที  เมื่อลงมาถึงผมก็อธิบายให้เขา  และบอกจะจ่ายเงินเพิ่มให้เป้นค่ารอซึ่งเขาก็ไม่
ว่าอะไร


             เรื่องนี้สอนผมว่าอะไรครับ?

             คนต่างชาติ  ยังไว้ใจผมมากกว่าคนในชาติเดียวกันอีกหรือ...

             เพราะคนในชาติเดียวกันชอบหลอกลวงกัน  ไม่รักษาคำพูดต่อกัน  จึงเลีกไว้วางใจกัน?

             เข้าข่าย  ภาษิตจีนว่า  รู้จักคน  รู้จักหน้า  ไม่รู้จักจิตใจ  หาก  " ความไว้วางใจ "  ของ

สังคมเราตกต่ำ  หาก " น้ำใจ "  อันงดงามของชาวสยามเมืองยิ้มเหือดแห้งหายไป   ถือว่าเป็น

สัญญาณอันตรายอย่างหนึ่งในสังคมไทย  อันนำพาให้โลกนี้อาจสิ้นกลิ่นธรรมได้เร็วขึ้น !


             

                   
                                                                                                                โลกนี้...ไม่สิ้นกลิ่นธรรม

                                                                                                                      โดย ศิษย์อาจารย์เสฐียรพงษ์  วรรณปก
                                                                                                                                          ...   พิสุทธิ์         เกรียงบูรพา


หัวข้อ: Re: " น้ำใจ " คนไทย และความไว้วางใจกัน
เริ่มหัวข้อโดย: อนัตตา ที่ พฤศจิกายน 08, 2010, 09:36:04 AM
เวลาเปลี่ยนใจคนเปลี่ยน ช่างกระไรใจหนอใจคน อย่าคาดหวังอะไรมากเลยครับ เก็บภาพเก่า ๆ ที่สวยงามไว้ในความทรงจำ ภาพใหม่ ก็ต้องมองผ่าน ๆ ไปครับ :D


หัวข้อ: Re: " น้ำใจ " คนไทย และความไว้วางใจกัน
เริ่มหัวข้อโดย: Southlander ที่ พฤศจิกายน 08, 2010, 09:39:40 AM
เป็นเรื่องจริงหลายเรื่องที่ผมเคยเจอและเคยเจ็บปวดใจกับบริการต่างๆ

แต่ผมพยายามไม่ให้ตัวเองเป็นคนแล้งน้ำใจเมื่อมีโอกาสก็เอื้อเฟื้ออะไรๆแก่คนอื่นๆตามโอกาสจะรู้จักหรือไม่ก็แล้วแต่


หัวข้อ: Re: " น้ำใจ " คนไทย และความไว้วางใจกัน
เริ่มหัวข้อโดย: มะเอ็ม ที่ พฤศจิกายน 08, 2010, 10:02:30 AM
  สายการบินที่ยิ่งใหญ่แห่งหนึ่งในบ้านเรา  ก็เช่นกัน  บ่อยครั้งพนัก
งานต้อนรับบนเครื่องบิน ( Air Hostage ) มักเผลอพูดกับผมเป็นภาษาอังกฤษ
( หน้าตาผม  อาจดูคล้ายชาวฮ่องกง  ชาวสิงค์โปร ) อย่างสุภาพดีหรอก
แต่พอผมพูดไทยตอบเธอกลับไป  น้ำเสียงของเธอก็เริ่มเปลี่ยนไปในทางลบ
( ไม่รู้มันเป็นเพราะอะไรเนอะ  ผิดหวังที่ได้เจอเพื่อนร่วมชาติหรือกระมัง?) แม้
คำพูดยังคงเป็นคำสุภาพทุกกระเบียด  แต่น้ำเสียง  ช่างกระด้าง กระแทกถึงหัวใจ

       " ขอชาร้อนเพิ่มสักแก้วได้ไหมครับ?"  ผมขอเธอไป

       " คอยสักครู่นะคะ! " ( น้ำเสียงกระแทกมาก )

       ผมคิดสักครู่  จึงตอบกลับไปว่า

       " ไม่เป็นไรครับ...ผมไม่รับแล้ว "

      ซึ่งน้ำใจคนไทยจริงๆ  คิดอยู่ในใจ  ถ้าไม่เพราะระบบตรวจสอบความปลอดภัย
เรื่องระเบิด  ที่เขาประกาศไม่ให้นำของเหลวเกินกว่า  ๑๐๐ ซีซี  ขึ้นเครื่องแล้วละก็
ผมจะสะพายกระบอกชาร้อนขึ้นไปดื่มบนเครื่องให้ให้หนำใจดีกว่าต้องร้องขอจากผู้
ให้บริการ  ที่ถูกฝึกมาแต่กาย  หามีใจไม่เหล่านั้น
-------------------------------------------------------------------------------------------------
สมัยหนุ่มๆ  ไปทำดูงานที่ญี่ปุ่น ครั้งแรกแต่งตัวเรียบร้อยใส่สูตคลุมดูเรียบร้อยไม่ยกมือไหว้ต้อนรับ
พนักงานบนเครื่อง รู้ว่าเราเป็นคนไทย อรรถยาศัยดีดูเย็นชากับชนชาติเดียวกัน :~) :~)
แต่พวกฝรั่ง ญี่ปุน ใส่กางเกงขาสั้นรองเท้าแตะ  ยกมือไหว้ต้อนรับยังกับ ผู้มีพระคุณยิ่งใหญ่ ยิ้มปากถึงหู
ครั้งหลังไปตรูใส่ขาสั้นดีกว่า  สบายตัวไม่สนใจใครแล้ว ถึงมายกมือไหว้ตรูก็ไม่สน
ผมใช้ไปสายการบินอื่น Japan หรือ American Airline(เท่าที่ใช้บริการ)

ส่วนบริการห่วยแตก นี่แหละครับ ................การบินไทย    รักคุณเท่ามด................. ::013:: ::013::



หัวข้อ: Re: " น้ำใจ " คนไทย และความไว้วางใจกัน
เริ่มหัวข้อโดย: SillyOldMan ที่ พฤศจิกายน 08, 2010, 10:31:40 AM
เพราะคนไทยติดนิสัยชอบเรียกร้องอะไรที่มันเป็นพิเศษจากผู้ให้บริการเสมอ หลายคนทำทุกครั้งที่ทำได้ โดยใช้คำว่า"น้ำใจ"มาเป็นข้อตัดพ้อ .... บางคนสันดานเลวมาก พอเอาเปรียบเค้าไม่สำเร็จก็มาพล่ามคำว่าน้ำใจ

เพราะคนไทยสมัยนี้"ไม่น่าไว้ใจ"เอาเสียเลย , ไม่รักษาคำพูด , เห็นแก่เศษเงินมากกว่าความถูกต้องเป็นธรรม....แท็กซี่ขอให้จ่ายเงินก่อน ผู้เขียนกล้าจ่ายให้ไหมละครับ? กล้าทิ้งทรัพย์สินไว้ในรถไหม?

ไม่ใช่พ่อใช่แม่ ไม่ใช่ครู/ญาติผู้ใหญ่ที่ผม"ต้อง"เคารพ ไม่ใช่คนที่ผมนับถือ ไม่ใช่คนที่รู้ว่าเค้าปราถนาดีกับผม/เป็นมิตรกับผม ผมไม่ยกมือไหว้เด็ดขาดครับ .... ผมเข้าใจพนง.พวกนี้ ที่ต้องซังกะตายยกมือไหว้คนไม่รู้จัก


หัวข้อ: Re: " น้ำใจ " คนไทย และความไว้วางใจกัน
เริ่มหัวข้อโดย: pasta ที่ พฤศจิกายน 08, 2010, 10:34:14 AM
เวลาเปลี่ยนใจคนเปลี่ยน ช่างกระไรใจหนอใจคน อย่าคาดหวังอะไรมากเลยครับ เก็บภาพเก่า ๆ ที่สวยงามไว้ในความทรงจำ ภาพใหม่ ก็ต้องมองผ่าน ๆ ไปครับ :D
เป็นเรื่องจริงหลายเรื่องที่ผมเคยเจอและเคยเจ็บปวดใจกับบริการต่างๆ

แต่ผมพยายามไม่ให้ตัวเองเป็นคนแล้งน้ำใจเมื่อมีโอกาสก็เอื้อเฟื้ออะไรๆแก่คนอื่นๆตามโอกาสจะรู้จักหรือไม่ก็แล้วแต่
  สายการบินที่ยิ่งใหญ่แห่งหนึ่งในบ้านเรา  ก็เช่นกัน  บ่อยครั้งพนัก
งานต้อนรับบนเครื่องบิน ( Air Hostage ) มักเผลอพูดกับผมเป็นภาษาอังกฤษ
( หน้าตาผม  อาจดูคล้ายชาวฮ่องกง  ชาวสิงค์โปร ) อย่างสุภาพดีหรอก
แต่พอผมพูดไทยตอบเธอกลับไป  น้ำเสียงของเธอก็เริ่มเปลี่ยนไปในทางลบ
( ไม่รู้มันเป็นเพราะอะไรเนอะ  ผิดหวังที่ได้เจอเพื่อนร่วมชาติหรือกระมัง?) แม้
คำพูดยังคงเป็นคำสุภาพทุกกระเบียด  แต่น้ำเสียง  ช่างกระด้าง กระแทกถึงหัวใจ

       " ขอชาร้อนเพิ่มสักแก้วได้ไหมครับ?"  ผมขอเธอไป

       " คอยสักครู่นะคะ! " ( น้ำเสียงกระแทกมาก )

       ผมคิดสักครู่  จึงตอบกลับไปว่า

       " ไม่เป็นไรครับ...ผมไม่รับแล้ว "

      ซึ่งน้ำใจคนไทยจริงๆ  คิดอยู่ในใจ  ถ้าไม่เพราะระบบตรวจสอบความปลอดภัย
เรื่องระเบิด  ที่เขาประกาศไม่ให้นำของเหลวเกินกว่า  ๑๐๐ ซีซี  ขึ้นเครื่องแล้วละก็
ผมจะสะพายกระบอกชาร้อนขึ้นไปดื่มบนเครื่องให้ให้หนำใจดีกว่าต้องร้องขอจากผู้
ให้บริการ  ที่ถูกฝึกมาแต่กาย  หามีใจไม่เหล่านั้น
-------------------------------------------------------------------------------------------------
สมัยหนุ่มๆ  ไปทำดูงานที่ญี่ปุ่น ครั้งแรกแต่งตัวเรียบร้อยใส่สูตคลุมดูเรียบร้อยไม่ยกมือไหว้ต้อนรับ
พนักงานบนเครื่อง รู้ว่าเราเป็นคนไทย อรรถยาศัยดีดูเย็นชากับชนชาติเดียวกัน :~) :~)
แต่พวกฝรั่ง ญี่ปุน ใส่กางเกงขาสั้นรองเท้าแตะ  ยกมือไหว้ต้อนรับยังกับ ผู้มีพระคุณยิ่งใหญ่ ยิ้มปากถึงหู
ครั้งหลังไปตรูใส่ขาสั้นดีกว่า  สบายตัวไม่สนใจใครแล้ว ถึงมายกมือไหว้ตรูก็ไม่สน
ผมใช้ไปสายการบินอื่น Japan หรือ American Airline(เท่าที่ใช้บริการ)

ส่วนบริการห่วยแตก นี่แหละครับ ................การบินไทย    รักคุณเท่ามด................. ::013:: ::013::



ครั้งแรก...ตอนลูกสาวผมอยู่ ป.4-ป.5 ช่วง เม.ย ไปเที่ยวเกาะเสม็ด ระยองกัน ขณะที่นั่งกินมื้อค่ำ ร้านชายหาด อาหารก็สั่งปกติ

              พนักงานทุกคนก็บริการดี...แต่นั่งกินไปได้สัก 20 นาที ก็มีกระเทยเข้ามายืนรอด้านข้างลูกสาวแล้วถามว่า

              ยู  ไทย ออ  ฟิลิปปินส์

               ไทย ค่ะ
 
               รีบๆ กินหน่อย ลูกค้าเยอะ  :OO แล้วมันก็ยืนรอเก็บเงินเลย

               ยังกินไม่หมดและไม่เสร็จเลย  ???(ไม่สน ยืนรอไปเถอะ)

                สบัดตุ๊ดเดินหนีไปเลย ::010::
 
               ผมถามกับพนักงานคนอื่นว่า เขาเป็นใคร   น้องเขาบอกว่าเป็นเพื่อนๆขี้เมา ของฝรั่งเจ้าของร้าน
               ชอบเป็นแบบนี้แหละคอยแต่ไล่คนไทย เอาโต๊ะให้ฝรั่งที่มายืนรอ

               อีกสัก 15 นาที ลูกอิ่มแฟนอิ่ม ผมเลยสั่งเบียร์มาเพิ่มและนั่งกินไปเรื่อยๆ ให้แฟนกับลูกกลับไปห้องก่อน
               นั่งกินเบียร์หมดไป 3-4 ขวด เกือบ 2 ชม. ::005::

ครั้งที่สอง...ลูกสาวอายุ 12 ปี สัก ป.6 ปีใหม่ไปเที่ยวเชียงใหม่ เดินไนท์บาร์ซ่า กำลังหิว สัก 1ทุ่มได้  ก็เลยเดินไปด้านหลังที่เป็นร้านอาหารนานาชาติหลายร้าน เลยเลือกร้านออกแนวฮ่องกง  ... พอเข้าไปยืนเลือกเมนูหน้าร้าน ( โอเพ่นแอร์) ก็มีหญิงสาวสุดสวยเหมือนคนจีนปนไทยขาวมากอมชมพู...เข้ามาถามลูกสาวอีกละ  ไม่น่าเชื่อ
                                         
          ยูไทย ออ ฟิลิบปินท์
         
          ไทยค่ะ

           เชิญค่ะ ฯลฯ...

          ผมกินกันจนอิ่ม อาหารอร่อยมาก บริการดี ไม่แพงอย่างคิด... เยี่ยมจริงๆ ::002:: ::002:: ::002::


หัวข้อ: Re: " น้ำใจ " คนไทย และความไว้วางใจกัน
เริ่มหัวข้อโดย: pasta ที่ พฤศจิกายน 08, 2010, 10:38:39 AM
เพราะคนไทยติดนิสัยชอบเรียกร้องอะไรที่มันเป็นพิเศษจากผู้ให้บริการเสมอ หลายคนทำทุกครั้งที่ทำได้ โดยใช้คำว่า"น้ำใจ"มาเป็นข้อตัดพ้อ .... บางคนสันดานเลวมาก พอเอาเปรียบเค้าไม่สำเร็จก็มาพล่ามคำว่าน้ำใจ

เพราะคนไทยสมัยนี้"ไม่น่าไว้ใจ"เอาเสียเลย , ไม่รักษาคำพูด , เห็นแก่เศษเงินมากกว่าความถูกต้องเป็นธรรม....แท็กซี่ขอให้จ่ายเงินก่อน ผู้เขียนกล้าจ่ายให้ไหมละครับ? กล้าทิ้งทรัพย์สินไว้ในรถไหม?

ไม่ใช่พ่อใช่แม่ ไม่ใช่ครู/ญาติผู้ใหญ่ที่ผม"ต้อง"เคารพ ไม่ใช่คนที่ผมนับถือ ไม่ใช่คนที่รู้ว่าเค้าปราถนาดีกับผม/เป็นมิตรกับผม ผมไม่ยกมือไหว้เด็ดขาดครับ .... ผมเข้าใจพนง.พวกนี้ ที่ต้องซังกะตายยกมือไหว้คนไม่รู้จัก
  คงต้องไปสอบถามกับผู้เขียนเอาเองครับ :o


หัวข้อ: Re: " น้ำใจ " คนไทย และความไว้วางใจกัน
เริ่มหัวข้อโดย: SillyOldMan ที่ พฤศจิกายน 08, 2010, 10:43:44 AM
ผู้เขียนไม่กล้าหรอกครับ

คนประเภททำอะไรแล้วยังต้องเอ่ยอ้างว่าเป็น"ศิษย์อาจารย์เสฐียรพงษ์  วรรณปก" ไม่ใช่พวกที่มีความเชื่อมั่นในตัวเอง

เคยเห็นคนไม่มีความเชื่อมั่นในตัวเองคนไหน ที่มีความเชื่อถือในผู้คนบ้างละครับ?

มันยากกว่าแค่เชื่อมั่นในตัวเองเยอะ

ตราบใดที่ยังคอยอ้างว่าเป็น"ศิษย์อาจารย์เสฐียรพงษ์  วรรณปก"เค้าก็ต้องเป็น"ศิษย์อาจารย์เสฐียรพงษ์  วรรณปก"ไปเรื่อยๆ ไม่มีวันเผยอหน้าขึ้นมายืดอกเป็นนายพิสุทธิ์ เกรียงบูรพาอย่างเต็มภาคภูมิได้ดอก  :D
                                                           




                                  


หัวข้อ: Re: " น้ำใจ " คนไทย และความไว้วางใจกัน
เริ่มหัวข้อโดย: pasta ที่ พฤศจิกายน 08, 2010, 10:47:14 AM
 :D


หัวข้อ: Re: " น้ำใจ " คนไทย และความไว้วางใจกัน
เริ่มหัวข้อโดย: ~ Sitthipong - รักในหลวง ~ ที่ พฤศจิกายน 08, 2010, 10:47:52 AM
เรื่องน้ำเปล่าขายถูกนี้ผมเห็นด้วยครับ   เมื่อก่อนซื้อน้ำแร่มิเนเร่ขนาด ๐.๕ ลิตร  ๑๐  บาท  ตอนนี้ขวดละ ๗ บาท 

น้ำดื่มเนสเล่ขนาด .๖ ลิตร  ๘  บาท  ตอนนี้ขาย ๖  บาท  ฯลฯ  ประหยัดกว่ากันเยอะเลย ...........

น้ำดื่มพวกนี้ที่ผ่านมาขายแพงเกินความเป็นจริงมาตลอด   รัฐออกมาควบคุมแบบนี้เป็นผลดีกับประชาชนมากครับ   ::002::


หัวข้อ: Re: " น้ำใจ " คนไทย และความไว้วางใจกัน
เริ่มหัวข้อโดย: pasta ที่ พฤศจิกายน 08, 2010, 10:55:49 AM
เรื่องน้ำเปล่าขายถูกนี้ผมเห็นด้วยครับ   เมื่อก่อนซื้อน้ำแร่มิเนเร่ขนาด ๐.๕ ลิตร  ๑๐  บาท  ตอนนี้ขวดละ ๗ บาท 

น้ำดื่มเนสเล่ขนาด .๖ ลิตร  ๘  บาท  ตอนนี้ขาย ๖  บาท  ฯลฯ  ประหยัดกว่ากันเยอะเลย ...........

น้ำดื่มพวกนี้ที่ผ่านมาขายแพงเกินความเป็นจริงมาตลอด   รัฐออกมาควบคุมแบบนี้เป็นผลดีกับประชาชนมากครับ   ::002::
   ครับ  ผมก็เห็นด้วย  ::002::  ...  ผมกับลูกดื่มน้ำเก่งมาก  ;D


หัวข้อ: Re: " น้ำใจ " คนไทย และความไว้วางใจกัน
เริ่มหัวข้อโดย: Peerapat - รักในหลวง ที่ พฤศจิกายน 08, 2010, 11:03:41 AM
ซื้อของตามเซเว่น นานๆที ที่ได้ยินคำขอบคุณพร้อมๆกับรอยยิ้ม ส่วนใหญ่เจอแต่ คำขอบคุณแต่หน้าไม่มองมันจะขอบคุณทำแมวอะไร ?


บิ๊ิก ซี ก็อีกที่จ่ายเงินเสร็จ พนักงานขอบคุณพร้อมยกมือไหว้ หน้าก็ไม่มอง แต่ก่อนผมรับไหว้นะ เดี๋ยวนี้ไม่ผมไม่ัรับ เพราะมันไม่จริงใจเอาซะเลย เหมือนเขาสั่งมา มันก็ทำตามสั่งอย่างกับสั่งขี้มูก  ::010::


หัวข้อ: Re: " น้ำใจ " คนไทย และความไว้วางใจกัน
เริ่มหัวข้อโดย: มะเอ็ม ที่ พฤศจิกายน 08, 2010, 11:11:32 AM
"ศิษย์อาจารย์เสฐียรพงษ์  วรรณปก"
-----------------------------------------------
ขอโทษที่ครับ.........ท่านคือใคร   ผมไม่รู้เพราะอยู่หน้าทะเลหลังเขา :~) :~)


หัวข้อ: Re: " น้ำใจ " คนไทย และความไว้วางใจกัน
เริ่มหัวข้อโดย: อนัตตา ที่ พฤศจิกายน 08, 2010, 11:17:30 AM
http://www.google.co.th/#hl=th&source=hp&biw=1020&bih=551&q=%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%90%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%87%E0%B8%A9%E0%B9%8C+%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B8%9B%E0%B8%81&aq=0s&aqi=g-s1&aql=&oq=%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%96%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%87&gs_rfai=&fp=bc7f791850ba02d (http://www.google.co.th/#hl=th&source=hp&biw=1020&bih=551&q=%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%90%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%87%E0%B8%A9%E0%B9%8C+%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B8%9B%E0%B8%81&aq=0s&aqi=g-s1&aql=&oq=%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%96%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%87&gs_rfai=&fp=bc7f791850ba02d)
การยกย่องคนดีที่เรานับถือ น่าจะเป็นสิ่งที่ดีนะครับ ::014::


หัวข้อ: Re: " น้ำใจ " คนไทย และความไว้วางใจกัน
เริ่มหัวข้อโดย: SillyOldMan ที่ พฤศจิกายน 08, 2010, 12:01:14 PM
ยกย่องกับแอบอิงมันต่างกันครับ  :D


หัวข้อ: Re: " น้ำใจ " คนไทย และความไว้วางใจกัน
เริ่มหัวข้อโดย: มะเอ็ม ที่ พฤศจิกายน 08, 2010, 12:49:30 PM
http://www.google.co.th/#hl=th&source=hp&biw=1020&bih=551&q=%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%90%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%87%E0%B8%A9%E0%B9%8C+%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B8%9B%E0%B8%81&aq=0s&aqi=g-s1&aql=&oq=%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%96%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%87&gs_rfai=&fp=bc7f791850ba02d (http://www.google.co.th/#hl=th&source=hp&biw=1020&bih=551&q=%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%90%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%87%E0%B8%A9%E0%B9%8C+%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B8%9B%E0%B8%81&aq=0s&aqi=g-s1&aql=&oq=%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%96%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%87&gs_rfai=&fp=bc7f791850ba02d)
การยกย่องคนดีที่เรานับถือ น่าจะเป็นสิ่งที่ดีนะครับ ::014::

ขอบคุณครับ  ::014:: ::014::


หัวข้อ: Re: " น้ำใจ " คนไทย และความไว้วางใจกัน
เริ่มหัวข้อโดย: ขุนช้าง-รักในหลวงและสมเด็จพระเทพ ที่ พฤศจิกายน 08, 2010, 12:58:59 PM
ผู้เขียนไม่กล้าหรอกครับ

คนประเภททำอะไรแล้วยังต้องเอ่ยอ้างว่าเป็น"ศิษย์อาจารย์เสฐียรพงษ์  วรรณปก" ไม่ใช่พวกที่มีความเชื่อมั่นในตัวเอง

เคยเห็นคนไม่มีความเชื่อมั่นในตัวเองคนไหน ที่มีความเชื่อถือในผู้คนบ้างละครับ?

มันยากกว่าแค่เชื่อมั่นในตัวเองเยอะ

ตราบใดที่ยังคอยอ้างว่าเป็น"ศิษย์อาจารย์เสฐียรพงษ์  วรรณปก"เค้าก็ต้องเป็น"ศิษย์อาจารย์เสฐียรพงษ์  วรรณปก"ไปเรื่อยๆ ไม่มีวันเผยอหน้าขึ้นมายืดอกเป็นนายพิสุทธิ์ เกรียงบูรพาอย่างเต็มภาคภูมิได้ดอก  :D
ยกย่องกับแอบอิงมันต่างกันครับ  :D
รบกวนพี่ช่วยชี้แนะด้วยนะครับว่ามันต่างกันยังไงครับ  ขอบพระคุณครับพี่  ::014:: ::014:: ::014:: ::014::


หัวข้อ: Re: " น้ำใจ " คนไทย และความไว้วางใจกัน
เริ่มหัวข้อโดย: ทัดมาลา ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป ที่ พฤศจิกายน 08, 2010, 01:00:34 PM
คนมีหลากหลายครับ เพียงแต่เรามักจะไม่ค่อยจำคนที่เป็นปรกติ หรือดี แต่คนไม่ดีมักจะติดแน่นฝังใจเรา

ผมพบเจอผู้ร่วมงานสารพัดรูปแบบ คนดีก็ดีใจหาย คนร้ายก็มาเขี่ยๆไปวันๆนึง

คงต้องกราบขออภัยแทนเพื่อนร่วมงานบางท่านที่กริยาไม่เหมาะสมครับ

แต่อยากจะบอกว่า คนเหล่านั้นเป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้น คนดีๆยังมีอีกมาก

ไม่อย่างนั้นคงไม่มีกระทู้ชมเชยในพันทิพย์เสมอๆ เพียงแต่กระทู้ด่ามันดังกว่าครับ..

ส่วนเรื่องไหว้ผู้โดยสารนั้น บางทีบางครั้งก็อยู่ที่เหตุการณ์เฉพาะหน้า ผู้โดยสารในเครื่องหนึ่งๆก็สองร้อยคนโดยประมาณ บางเครื่องถึงสามร้อย สี่ร้อยคน เดินมาพร้อมกันบ้าง ไม่พร้อมกันบ้าง บางครั้งยกมือไหว้คนแรก หันไปถามเรื่องที่นั่ง ขอดูบอร์ดดิ้งพาสของคนนึงก็ทำให้หลุดการไหว้คนถัดๆไปได้เสมอ  จนมีเรื่องเล่าขำๆว่า ถ้าใครอยากเฟิร์ม เมื่อได้รับหน้าที่ให้มารับผู้โดยสารที่ประตูเครื่อง ทุกครั้งที่ผู้โดยสารเข้าเครื่อง ให้ยกมือไหว้พร้อมฝึกกล้ามเนื่อพีซีไปพร้อมกัน รับรัองว่ากล้ามเนื้อพีซีจะแข็งแรงแฟนรักแฟนหลงแน่นอน

อาชีพบริการเป็นอาชีพที่น่าสงสารครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทย ไม่เฉพาะบนเครื่องบิน

เอาแค่ร้านอาหารต่างๆ พนักงานบริการมักถูกปฏิบัติเสมือนคนใช้ในบ้าน เสมอๆ..

ถ้ายิ้มแย้มแจ่มใส พูดคุยให้เกียรติซึ่งกันและกัน คงไม่ทำให้เกิดเหคุการณ์เหล่านี้..

ฝรั่งเข้าใจเรื่องนี้มากกว่าคนไทย พูดคุยเหมือนเป็นคนฐานะเดียวกัน การบริการก็ราบรื่น

แต่ถ้าเจอใครสักคนขึ้นเครื่องแล้วจิกเอาๆอย่างใจ โดยคิดเพียงว่าชั้นจ่ายค่าบริการแล้ว จะทำอย่างไร อยากได้อะไรต้องได้ โดยไม่พิจารณาถึงสภาพการณ์ในวันนั้นๆ  ซึ่งโดยหน้าที่ของผู้ให้บริการย่อมต้องให้บริการอยู่แล้ว  แต่ว่าภายในใจของผู้ใหบริการจะกระทำด้วยความสุข หรือทำๆไปโดยหน้าที่..


จริงๆเรื่องนี้ไม่มีอะไรเลย ถ้าหากทำความเข้าใจกันได้....ยิ้มแย้มแจ่มใสให้กัน

และขอรับบริการในสถานการณ์ที่เหมาะสม..ลูกเรือหนึ่งคนดูแลผู้โดยสาร 30-50 คนโดยประมาณ

ถ้าคน 30 หรือ 50 คนนั้นร้องขอการบริการพร้อมๆกัน หรือขออะไรที่พิเศษเพิ่มเติมระหว่างนั้น..

ย่อมต้องมีการได้รับบริการก่อนหลัง หรือ เร็วช้า ขึ้นกับคิว และขั้นตอนการบริการที่ยากง่ายต่างกันครับ..

ยกตัวอย่างนะครับในไฟลท์อินเดีย...มักจะมีการขอเบียร์อุ่นๆเสมอๆ... ไอ้กระป๋องเบียร์ที่บรรจุมาปรกติมันก็เย็นๆ

ถ้าจะทำเบียร์อุ่นๆ ก็ต้องเดินกลับไปครัว เอากระป่องเบียร์ไปแช่น้ำร้อน ก่อนจะกลับมาเสิร์ฟใหม่... เมื่อเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ ย่อมทำให้ช่วงเวลา หรือขั้นตอนในการบริการผู้โดยสารยาวนานกว่าปรกติ...

หรือไฟลท์ทางแถบ รัสเซีย ออสเตรเลีย หรือสแกนดิเนเวีย  ผู้โดยสารดื่มจัดมาก ถึงขนาดว่าแอลกอฮอร์ทุกชนิดที่โหลดมาหมดทุกที่ ทุกครัว.. ลูกเรือวิ่งหัวหมุนเติมแอลกอฮอร์จนแทบไม่ต้องทำอย่างอื่น

หรือกรณีนั่งที่นั่งคล้อยไปทางด้านหลัง ทำให้ตัวเลือกของอาหารหมดลงตั้งแต่แถวกลางๆ ทำให้ไม่ได้ทานเมนูที่อยากทาน จนบางครั้งพนักงานต้องเอาอาหารของตนเองมาให้ผู้โดยสารเลือกแทน.. เพราะการโหลดอาหารขึ้นเครื่องไม่สามารถโหลดอาหารทั้งสองหรือสามเมนู ครบทุกคนได้ จึงโหลดคละเคล้ากันไป โดยดูจากสถิติเก่าๆว่า แต่ละไฟลท์ มีการร้องขออาหารชนิดใดมากน้อยเท่าใด และ จะโหลดเกินกว่าจำนวนผู้โดยสารเพียง 10 หรือ 20 เปอร์เซนต์เท่านั้น

และในทุกๆไฟลท์จะมีผู้ต้องการอาหารพิเศษต่างๆ เช่นอาหารฮาลาล อาหารมังสวิรัติ ฯลฯ เสมอ แต่มักไม่ได้แจ้งให้สายการบินทราบตั้งแต่ต้น จึงไม่มีการโหลดอาหารประเภทนั้นๆมาบนเครื่อง ต่อเมื่อผู้โดยสารร้องขอในเครื่องก็ต้องหาทางแก้กันไป  เครื่องบินแวะจอดให้ใครเอาอาหารมาเติมกลางอากาศไม่ได้ซะด้วยสิครับ

จึงใคร่ขอแนะนำว่าถ้ามีรายการอาหารในใจ หรือมีความต้องการพิเศษขอให้แจ้งตั้งแต่ตอนซื้อตั๋วครับ จะได้จัดอาหารพิเศษเฉพาะที่เตรียมไว้แต่แรก

มองอย่างทำความเข้าใจทั้งสองฝ่าย  ผู้โดยสารอยากได้การบริการที่ดีสมกับค่าตั๋วที่จ่ายไป

พนักงานก็พยายามแก้ปัญหาเฉพาะหน้าอยู่เหมือนกัน.. และข้อจำกัดของเครื่องบินที่ไม่สามารถบรรทุกทุกอย่างมาได้ในคราวเดียว

คนมาก คนน้อย ชั่วโมงบินสั้น ยาว พื้นฐานนิสัยของผู้โดยสารแต่ละชาติ ย่อมส่งผลต่อการบริการในเที่ยวบินนั้นๆแน่นอนครับ


หัวข้อ: Re: " น้ำใจ " คนไทย และความไว้วางใจกัน
เริ่มหัวข้อโดย: ขุนช้าง-รักในหลวงและสมเด็จพระเทพ ที่ พฤศจิกายน 08, 2010, 01:07:11 PM
พี่สาวผมสองคนทำงานบริการบนเครื่องครับ ผมเข้าใจเลยว่างานพวกเค้าหนักและเหนื่อยสุดๆครับคนเขียนบทความจิตใจแคบเกินไป ลืมไปว่าเค้าก็คนธรรมดาเหมือนเรานี้ละ


หัวข้อ: Re: " น้ำใจ " คนไทย และความไว้วางใจกัน
เริ่มหัวข้อโดย: SillyOldMan ที่ พฤศจิกายน 08, 2010, 01:20:08 PM
ผู้เขียนไม่กล้าหรอกครับ

คนประเภททำอะไรแล้วยังต้องเอ่ยอ้างว่าเป็น"ศิษย์อาจารย์เสฐียรพงษ์  วรรณปก" ไม่ใช่พวกที่มีความเชื่อมั่นในตัวเอง

เคยเห็นคนไม่มีความเชื่อมั่นในตัวเองคนไหน ที่มีความเชื่อถือในผู้คนบ้างละครับ?

มันยากกว่าแค่เชื่อมั่นในตัวเองเยอะ

ตราบใดที่ยังคอยอ้างว่าเป็น"ศิษย์อาจารย์เสฐียรพงษ์  วรรณปก"เค้าก็ต้องเป็น"ศิษย์อาจารย์เสฐียรพงษ์  วรรณปก"ไปเรื่อยๆ ไม่มีวันเผยอหน้าขึ้นมายืดอกเป็นนายพิสุทธิ์ เกรียงบูรพาอย่างเต็มภาคภูมิได้ดอก  :D
ยกย่องกับแอบอิงมันต่างกันครับ  :D
รบกวนพี่ช่วยชี้แนะด้วยนะครับว่ามันต่างกันยังไงครับ  ขอบพระคุณครับพี่  ::014:: ::014:: ::014:: ::014::

เช่น....

ผมยกย่องคุณหมอท่านนึงที่ราชบุรี ที่รักษาคนไข้ด้วยราคาถูกๆ พยายามลดค่าใช้จ่ายให้ผู้ป่วย ทำกระทั่งมานั่งพับถุงยากันเอง .... แต่ผมไม่เคยจะคิดไปพึ่งพิงคุณหมอท่านนี้

ผมยกย่องอาจารย์ภาษาไทยท่านนึง ที่ไม่ค่อยมีสตางค์แต่ยังรับนักเรียนที่บ้านอยู่ไกลให้มาอาศัยคราวละหลายๆคน ไม่รังเกียจรับอุปการะนักเรียนเกเร มีแต่จะใช้พระคุณเข้ากล่อมเกลา ..... แต่ผมก็ไม่เคยคิดจะไปพลอยอาศัย





นายA.ใช้ความเป็นคนขับรถรัฐมนตรี ไปเบ่งขู่แย่งเส้นทางวิ่งรถตู้ ....แบบนี้แอบอิง....แอบอิงบารมีเจ้านายไปทำเปรตๆแบบนี้สถานเบาต้องเฉดหัวไปขับ6ล้อดัมบ์ในสวนปาล์ม

นายB.โดนตำรวจเรียกตรวจ ดันเปิดกระจกลงมาถาม"มรึงรู้ไหมกรูลูกใคร?" .....แบบนี้ทั้งแอบอ้างชื่อพ่อและแอบอิงบารมีพ่อ

นายC.ไม่มั่นใจว่าตัวเองจะมีน้ำยามากพอที่จะเขียนบทความดีๆ ไม่มีความอดทนมากพอที่จะยืนหยัดจนสร้างชื่อให้ตัวเองได้ เวลาเขียนอะไรส่งก็พ่วงชื่ออาจารย์ลงไปด้วยเสมอ ..... แบบนี้ก็เรียกแอบอิง ..... เมื่อไหร่ที่เขียนบทความห่วยขึ้นมา ชื่ออาจารย์ที่เค้านำไปอ้างก็เน่านำร่องไปก่อนเลย

พอเข้าใจบ่?


หัวข้อ: Re: " น้ำใจ " คนไทย และความไว้วางใจกัน
เริ่มหัวข้อโดย: ขุนช้าง-รักในหลวงและสมเด็จพระเทพ ที่ พฤศจิกายน 08, 2010, 01:24:11 PM
พอเข้าใจแล้วครับพี่ ขอบพระคุณครับ  ::014:: ::014:: พอดีกำลังเจอปัญหาแบบนี้อยู่เหมือนกันครับ  ถ้าไม่ให้เครดิตคนสอนหรือก็ดูเนรคุณ เพราะถ้าไม่มีเค้าก็ไม่มีเราในวันนี้       แต่ก็กลัวเป็นการแอบอ้างชื่อครูอาจารย์จนดูว่าเราไม่เก่งพอต้องหาคนมาคอยการันตี  ขอบพระคุณครับพี่  ::014:: ::014:: ::014::


หัวข้อ: Re: " น้ำใจ " คนไทย และความไว้วางใจกัน
เริ่มหัวข้อโดย: SillyOldMan ที่ พฤศจิกายน 08, 2010, 01:32:30 PM
ไม่เกี่ยวครับ ถ้าจะยกย่องครูบาอาจารย์ ก็เขียนกราบขอบพระคุณที่กรุณาสอนสั่งไว้ในคำนำสิครับ

ตราบใดที่ยังเขียนหนังสืออยู่ก็มีโอกาสให้แสดงความกตเวทิตาอีกเยอะแยะ ไม่ต้องเอามาพ่วงไว้กับชื่อตัวเองแบบนี้

ยังงี้เวลานายกร๊วกซักคนไปจ่ายค่าใบสั่ง มันคงได้เขียนชื่อรับข้อกล่าวหาว่า นายกร๊วก นามสกุลขี้เบ่ง น้องรัฐมนตรี,หลานอดีตประธานศาลฏีกา,ผู้กำกับจ.ชุมพร เพื่อนรองผกก.ป.สน.1เพื่อนอีกคนอยู่สน.2 บลาๆๆๆกันสนุกสนานแหละครับ?  ::010::


หัวข้อ: Re: " น้ำใจ " คนไทย และความไว้วางใจกัน
เริ่มหัวข้อโดย: ขุนช้าง-รักในหลวงและสมเด็จพระเทพ ที่ พฤศจิกายน 08, 2010, 01:40:01 PM
ขอบพระคุณครับพี่ ที่กรุณาชี้แนะครับ   ::014:: ::014:: ::014::


หัวข้อ: Re: " น้ำใจ " คนไทย และความไว้วางใจกัน
เริ่มหัวข้อโดย: pasta ที่ พฤศจิกายน 08, 2010, 01:55:09 PM
ไม่เกี่ยวครับ ถ้าจะยกย่องครูบาอาจารย์ ก็เขียนกราบขอบพระคุณที่กรุณาสอนสั่งไว้ในคำนำสิครับ

ตราบใดที่ยังเขียนหนังสืออยู่ก็มีโอกาสให้แสดงความกตเวทิตาอีกเยอะแยะ ไม่ต้องเอามาพ่วงไว้กับชื่อตัวเองแบบนี้

ยังงี้เวลานายกร๊วกซักคนไปจ่ายค่าใบสั่ง มันคงได้เขียนชื่อรับข้อกล่าวหาว่า นายกร๊วก นามสกุลขี้เบ่ง น้องรัฐมนตรี,หลานอดีตประธานศาลฏีกา,ผู้กำกับจ.ชุมพร เพื่อนรองผกก.ป.สน.1เพื่อนอีกคนอยู่สน.2 บลาๆๆๆกันสนุกสนานแหละครับ?  ::010::
[/b]
      ขอชื่นชม นายกร๊วก  นามสกุลขี้เบ่ง ที่ไม่ทำตัวกร๊วก  ขี้เบ่ง ครับ ::002::


หัวข้อ: Re: " น้ำใจ " คนไทย และความไว้วางใจกัน
เริ่มหัวข้อโดย: jane1 ที่ พฤศจิกายน 08, 2010, 05:21:48 PM
พูดถึง taxi  มีเรื่องอยากระบายให้พี่ๆฟังครับ
เมื่อ ต้นปี ผมขึ้น Taxi ที่สุวรรณภูมิ  คนขับเป็นผู้หญิง ครับ ตอนนั้นใครจะขึ้น Taxi ต้องไปรับ บัตรคิว
ที่ต้องกรอกรายละเอียด รถ Taxi ให้ไว้กับผู้โดยสารและอีกส่วนก็ให้คนขับ (เมื่อก่อนผมจะใช้บริการรถ Taxi บ่อยมาก แต่ไม่มีใครกวน t..een เท่า caseนี้ )
ผมนั่งจากสนามบินไป สี่แยกเทพารักษ์ ซึ่งปกติจะคิดแบบระยะทางและ service charge อีก 50 บาท
คนขับที่เป็นผู้หญิง ขอดูบัตรคิวว่า จุดหมายอยู่ที่ใด ปกติจะฉีกส่วนที่เป็นผู้โดยสาร คืนให้เรา(ครั้งนี้เอาไปหมดเลย) ซึ่งส่วนนั้นจะระบุ เลขทะเบียนรถและ เบอร์โทรศูนย์ร้องเรียน
short แรก ยายคนนี้ จะขอค่าโดยสารเป็นแบบเหมาจ่าย  ผมบอกไปแกไปอย่างสุภาพว่า คิดตามมิเตอร์ ( ระบุไว้ในบัตร)  คราวนี้แกเริ่มออกอาการกระฟัดกระเฟียด เริ่มโทรหา ลูกพี่ที่ขับ taxi  อีกคน ว่าคิดเงินแบบไหน พี่ปลายสายก็ยังดี ยังบอกว่าไปเทพารักษ์ เขาคิดตามมิเตอร์ คราวนี้แก่ก็บ่น ทางโทรศัพท์ให้ลูกพี่แกฟังตลอดทาง ที่จับใจความได้ แกไม่อยากมาส่งผมที่เทพารักษ์ เพราะบ้านแกอยู่แถวสะพานใหม่ ( และทำไม ไม่ไปวิ่งแถวโน้น ฟระ   ::013::  )
แต่มีอยู่คำพูดหนึ่ง แกคุยทางโทรศํพท์ กับลูกพี่แก ลูกพี่แกถามว่า ผม ( ผู้โดยสาร)เป็นฝรั่ง หรือเปล่า ยายนี่ตอบว่า ฝรั่งกะผีอะไร รับมังคุดมาอะสิ  ไอ้ผมล่ะปริ๊ดเลย  ::009:: พอถึงจุดหมายผมก็ถามเขาว่ามีเงินทอนไหม แกตอบผมมากวนๆ ว่าใครจะมี พอดีผมโทรหาแฟนผม ให้ช่วยเอาเงินค่า Taxi มาให้ ( โทรหาแฟนด้วยคำสุภาพ เพื่อเจตนาให้คนขับได้ยิน) พี่ๆเชื่อไหม กิริยาที่กวนพหุบาทา
ของโชเฟอร์คนนี้ กลับดู soft ลง ทันตาเห็น และฉุดคิดถึง คำสอนของปู่ย่า ตายายว่า พึงชนะคนโกรธ ด้วยความไม่โกรธ  และสุดท้าย ยายคนนี้ก็ได้รับค่าโดยสาร+ service charge เป๊ะๆ
ไม่ได้รับ ค่า Tip จากผมซักบาท เสียดายไม่ได้จดเลข กทไว้


หัวข้อ: Re: " น้ำใจ " คนไทย และความไว้วางใจกัน
เริ่มหัวข้อโดย: pasta ที่ พฤศจิกายน 09, 2010, 01:40:06 AM
พูดถึง taxi  มีเรื่องอยากระบายให้พี่ๆฟังครับ
เมื่อ ต้นปี ผมขึ้น Taxi ที่สุวรรณภูมิ  คนขับเป็นผู้หญิง ครับ ตอนนั้นใครจะขึ้น Taxi ต้องไปรับ บัตรคิว
ที่ต้องกรอกรายละเอียด รถ Taxi ให้ไว้กับผู้โดยสารและอีกส่วนก็ให้คนขับ (เมื่อก่อนผมจะใช้บริการรถ Taxi บ่อยมาก แต่ไม่มีใครกวน t..een เท่า caseนี้ )
ผมนั่งจากสนามบินไป สี่แยกเทพารักษ์ ซึ่งปกติจะคิดแบบระยะทางและ service charge อีก 50 บาท
คนขับที่เป็นผู้หญิง ขอดูบัตรคิวว่า จุดหมายอยู่ที่ใด ปกติจะฉีกส่วนที่เป็นผู้โดยสาร คืนให้เรา(ครั้งนี้เอาไปหมดเลย) ซึ่งส่วนนั้นจะระบุ เลขทะเบียนรถและ เบอร์โทรศูนย์ร้องเรียน
short แรก ยายคนนี้ จะขอค่าโดยสารเป็นแบบเหมาจ่าย  ผมบอกไปแกไปอย่างสุภาพว่า คิดตามมิเตอร์ ( ระบุไว้ในบัตร)  คราวนี้แกเริ่มออกอาการกระฟัดกระเฟียด เริ่มโทรหา ลูกพี่ที่ขับ taxi  อีกคน ว่าคิดเงินแบบไหน พี่ปลายสายก็ยังดี ยังบอกว่าไปเทพารักษ์ เขาคิดตามมิเตอร์ คราวนี้แก่ก็บ่น ทางโทรศัพท์ให้ลูกพี่แกฟังตลอดทาง ที่จับใจความได้ แกไม่อยากมาส่งผมที่เทพารักษ์ เพราะบ้านแกอยู่แถวสะพานใหม่ ( และทำไม ไม่ไปวิ่งแถวโน้น ฟระ   ::013::  )
แต่มีอยู่คำพูดหนึ่ง แกคุยทางโทรศํพท์ กับลูกพี่แก ลูกพี่แกถามว่า ผม ( ผู้โดยสาร)เป็นฝรั่ง หรือเปล่า ยายนี่ตอบว่า ฝรั่งกะผีอะไร รับมังคุดมาอะสิ  ไอ้ผมล่ะปริ๊ดเลย  ::009:: พอถึงจุดหมายผมก็ถามเขาว่ามีเงินทอนไหม แกตอบผมมากวนๆ ว่าใครจะมี พอดีผมโทรหาแฟนผม ให้ช่วยเอาเงินค่า Taxi มาให้ ( โทรหาแฟนด้วยคำสุภาพ เพื่อเจตนาให้คนขับได้ยิน) พี่ๆเชื่อไหม กิริยาที่กวนพหุบาทา
ของโชเฟอร์คนนี้ กลับดู soft ลง ทันตาเห็น และฉุดคิดถึง คำสอนของปู่ย่า ตายายว่า พึงชนะคนโกรธ ด้วยความไม่โกรธ  และสุดท้าย ยายคนนี้ก็ได้รับค่าโดยสาร+ service charge เป๊ะๆ
ไม่ได้รับ ค่า Tip จากผมซักบาท เสียดายไม่ได้จดเลข กทไว้

ผมมารับการระบายแล้ว 1 คนครับ พร้อม +1 แต้ม  ;)


หัวข้อ: Re: " น้ำใจ " คนไทย และความไว้วางใจกัน
เริ่มหัวข้อโดย: มะเอ็ม ที่ พฤศจิกายน 09, 2010, 08:23:40 AM
ส่วนเรื่องไหว้ผู้โดยสารนั้น บางทีบางครั้งก็อยู่ที่เหตุการณ์เฉพาะหน้า ผู้โดยสารในเครื่องหนึ่งๆก็สองร้อยคนโดยประมาณ บางเครื่องถึงสามร้อย สี่ร้อยคน เดินมาพร้อมกันบ้าง ไม่พร้อมกันบ้าง บางครั้งยกมือไหว้คนแรก หันไปถามเรื่องที่นั่ง ขอดูบอร์ดดิ้งพาสของคนนึงก็ทำให้หลุดการไหว้คนถัดๆไปได้เสมอ  จนมีเรื่องเล่าขำๆว่า ถ้าใครอยากเฟิร์ม เมื่อได้รับหน้าที่ให้มารับผู้โดยสารที่ประตูเครื่อง ทุกครั้งที่ผู้โดยสารเข้าเครื่อง ให้ยกมือไหว้พร้อมฝึกกล้ามเนื่อพีซีไปพร้อมกัน รับรัองว่ากล้ามเนื้อพีซีจะแข็งแรงแฟนรักแฟนหลงแน่นอน

อาชีพบริการเป็นอาชีพที่น่าสงสารครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทย ไม่เฉพาะบนเครื่องบิน


ขอรับบริการในสถานการณ์ที่เหมาะสม..ลูกเรือหนึ่งคนดูแลผู้โดยสาร 30-50 คนโดยประมาณ

ถ้าคน 30 หรือ 50 คนนั้นร้องขอการบริการพร้อมๆกัน หรือขออะไรที่พิเศษเพิ่มเติมระหว่างนั้น..

ย่อมต้องมีการได้รับบริการก่อนหลัง หรือ เร็วช้า ขึ้นกับคิว และขั้นตอนการบริการที่ยากง่ายต่างกันครับ..


อาชีพบริการเป็นอาชีพที่น่าสงสารครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทย ไม่เฉพาะบนเครื่องบิน

เอาแค่ร้านอาหารต่างๆ พนักงานบริการมักถูกปฏิบัติเสมือนคนใช้ในบ้าน เสมอๆ..

------------------------------------------------------------------------------------------------------------

เอาใจครับ....แต่เมื่อรักในอาชีพที่จะต้องให้บริการ ก็ควรจะเข้าว่าสิ่งจะเกิดหรือสิ่งที่ต้องทำนั้น

ควรจะทำอย่างเต็มใจ ไม่ใช่ขอไปที :~) :~) :~) อาชีพบริการบนเครื่องบิน คงเปรียบเทียบกับ

ร้านอาหารต่างๆ ไม่ได้หรอกครับ   ทั้งวิธีการคัดเลือกเข้าทำงาน รายได้สวัสดิการต่างก็ห่างชั้นกันเลย 

รักในอาชีพไม่ว่าอาชีพอะไร  ทำให้ดีที่สุด และทำอย่างเต็มใจที่จะทำน่ะครับ  ผู้รับบริการจะได้ประทับใจ  ::002::



หัวข้อ: Re: " น้ำใจ " คนไทย และความไว้วางใจกัน
เริ่มหัวข้อโดย: jane1 ที่ พฤศจิกายน 09, 2010, 08:54:55 AM
พูดถึง taxi  มีเรื่องอยากระบายให้พี่ๆฟังครับ
เมื่อ ต้นปี ผมขึ้น Taxi ที่สุวรรณภูมิ  คนขับเป็นผู้หญิง ครับ ตอนนั้นใครจะขึ้น Taxi ต้องไปรับ บัตรคิว
ที่ต้องกรอกรายละเอียด รถ Taxi ให้ไว้กับผู้โดยสารและอีกส่วนก็ให้คนขับ (เมื่อก่อนผมจะใช้บริการรถ Taxi บ่อยมาก แต่ไม่มีใครกวน t..een เท่า caseนี้ )
ผมนั่งจากสนามบินไป สี่แยกเทพารักษ์ ซึ่งปกติจะคิดแบบระยะทางและ service charge อีก 50 บาท
คนขับที่เป็นผู้หญิง ขอดูบัตรคิวว่า จุดหมายอยู่ที่ใด ปกติจะฉีกส่วนที่เป็นผู้โดยสาร คืนให้เรา(ครั้งนี้เอาไปหมดเลย) ซึ่งส่วนนั้นจะระบุ เลขทะเบียนรถและ เบอร์โทรศูนย์ร้องเรียน
short แรก ยายคนนี้ จะขอค่าโดยสารเป็นแบบเหมาจ่าย  ผมบอกไปแกไปอย่างสุภาพว่า คิดตามมิเตอร์ ( ระบุไว้ในบัตร)  คราวนี้แกเริ่มออกอาการกระฟัดกระเฟียด เริ่มโทรหา ลูกพี่ที่ขับ taxi  อีกคน ว่าคิดเงินแบบไหน พี่ปลายสายก็ยังดี ยังบอกว่าไปเทพารักษ์ เขาคิดตามมิเตอร์ คราวนี้แก่ก็บ่น ทางโทรศัพท์ให้ลูกพี่แกฟังตลอดทาง ที่จับใจความได้ แกไม่อยากมาส่งผมที่เทพารักษ์ เพราะบ้านแกอยู่แถวสะพานใหม่ ( และทำไม ไม่ไปวิ่งแถวโน้น ฟระ   ::013::  )
แต่มีอยู่คำพูดหนึ่ง แกคุยทางโทรศํพท์ กับลูกพี่แก ลูกพี่แกถามว่า ผม ( ผู้โดยสาร)เป็นฝรั่ง หรือเปล่า ยายนี่ตอบว่า ฝรั่งกะผีอะไร รับมังคุดมาอะสิ  ไอ้ผมล่ะปริ๊ดเลย  ::009:: พอถึงจุดหมายผมก็ถามเขาว่ามีเงินทอนไหม แกตอบผมมากวนๆ ว่าใครจะมี พอดีผมโทรหาแฟนผม ให้ช่วยเอาเงินค่า Taxi มาให้ ( โทรหาแฟนด้วยคำสุภาพ เพื่อเจตนาให้คนขับได้ยิน) พี่ๆเชื่อไหม กิริยาที่กวนพหุบาทา
ของโชเฟอร์คนนี้ กลับดู soft ลง ทันตาเห็น และฉุดคิดถึง คำสอนของปู่ย่า ตายายว่า พึงชนะคนโกรธ ด้วยความไม่โกรธ  และสุดท้าย ยายคนนี้ก็ได้รับค่าโดยสาร+ service charge เป๊ะๆ
ไม่ได้รับ ค่า Tip จากผมซักบาท เสียดายไม่ได้จดเลข กทไว้

ผมมารับการระบายแล้ว 1 คนครับ พร้อม +1 แต้ม  ;)

ขอบคุณครับพี่pasta +1 คืนให้ครับ
พูดถึงน้ำใจ สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ต้องปลูกฝังกันมาตั้งแต่เด็กครับ
ผมเคยดูรายการ รายการหนึ่ง จะมีโรงเรียนอยู่ติดกับวัด ครูและนักเรียน
โรงเรียนนี้ดีมากครับ เค้าจะจัดเด็กนักเรียนมาช่วยนวดประคบ คุณตา คุณยายที่มาทำบุญ
ที่วัดแห่งนี้ทุกวันพระ ซึ่งเป็นการสร้างและปลูกฝังนิสัยให้โอบอ้อมอารี และมีน้ำใจ
โดยไม่ต้องหวังผลตอบแทนครับ
  ::002::


หัวข้อ: Re: " น้ำใจ " คนไทย และความไว้วางใจกัน
เริ่มหัวข้อโดย: pasta ที่ พฤศจิกายน 09, 2010, 10:26:46 AM
พูดถึง taxi  มีเรื่องอยากระบายให้พี่ๆฟังครับ
เมื่อ ต้นปี ผมขึ้น Taxi ที่สุวรรณภูมิ  คนขับเป็นผู้หญิง ครับ ตอนนั้นใครจะขึ้น Taxi ต้องไปรับ บัตรคิว
ที่ต้องกรอกรายละเอียด รถ Taxi ให้ไว้กับผู้โดยสารและอีกส่วนก็ให้คนขับ (เมื่อก่อนผมจะใช้บริการรถ Taxi บ่อยมาก แต่ไม่มีใครกวน t..een เท่า caseนี้ )
ผมนั่งจากสนามบินไป สี่แยกเทพารักษ์ ซึ่งปกติจะคิดแบบระยะทางและ service charge อีก 50 บาท
คนขับที่เป็นผู้หญิง ขอดูบัตรคิวว่า จุดหมายอยู่ที่ใด ปกติจะฉีกส่วนที่เป็นผู้โดยสาร คืนให้เรา(ครั้งนี้เอาไปหมดเลย) ซึ่งส่วนนั้นจะระบุ เลขทะเบียนรถและ เบอร์โทรศูนย์ร้องเรียน
short แรก ยายคนนี้ จะขอค่าโดยสารเป็นแบบเหมาจ่าย  ผมบอกไปแกไปอย่างสุภาพว่า คิดตามมิเตอร์ ( ระบุไว้ในบัตร)  คราวนี้แกเริ่มออกอาการกระฟัดกระเฟียด เริ่มโทรหา ลูกพี่ที่ขับ taxi  อีกคน ว่าคิดเงินแบบไหน พี่ปลายสายก็ยังดี ยังบอกว่าไปเทพารักษ์ เขาคิดตามมิเตอร์ คราวนี้แก่ก็บ่น ทางโทรศัพท์ให้ลูกพี่แกฟังตลอดทาง ที่จับใจความได้ แกไม่อยากมาส่งผมที่เทพารักษ์ เพราะบ้านแกอยู่แถวสะพานใหม่ ( และทำไม ไม่ไปวิ่งแถวโน้น ฟระ   ::013::  )
แต่มีอยู่คำพูดหนึ่ง แกคุยทางโทรศํพท์ กับลูกพี่แก ลูกพี่แกถามว่า ผม ( ผู้โดยสาร)เป็นฝรั่ง หรือเปล่า ยายนี่ตอบว่า ฝรั่งกะผีอะไร รับมังคุดมาอะสิ  ไอ้ผมล่ะปริ๊ดเลย  ::009:: พอถึงจุดหมายผมก็ถามเขาว่ามีเงินทอนไหม แกตอบผมมากวนๆ ว่าใครจะมี พอดีผมโทรหาแฟนผม ให้ช่วยเอาเงินค่า Taxi มาให้ ( โทรหาแฟนด้วยคำสุภาพ เพื่อเจตนาให้คนขับได้ยิน) พี่ๆเชื่อไหม กิริยาที่กวนพหุบาทา
ของโชเฟอร์คนนี้ กลับดู soft ลง ทันตาเห็น และฉุดคิดถึง คำสอนของปู่ย่า ตายายว่า พึงชนะคนโกรธ ด้วยความไม่โกรธ  และสุดท้าย ยายคนนี้ก็ได้รับค่าโดยสาร+ service charge เป๊ะๆ
ไม่ได้รับ ค่า Tip จากผมซักบาท เสียดายไม่ได้จดเลข กทไว้

ผมมารับการระบายแล้ว 1 คนครับ พร้อม +1 แต้ม  ;)

ขอบคุณครับพี่pasta +1 คืนให้ครับ
พูดถึงน้ำใจ สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ต้องปลูกฝังกันมาตั้งแต่เด็กครับ
ผมเคยดูรายการ รายการหนึ่ง จะมีโรงเรียนอยู่ติดกับวัด ครูและนักเรียน
โรงเรียนนี้ดีมากครับ เค้าจะจัดเด็กนักเรียนมาช่วยนวดประคบ คุณตา คุณยายที่มาทำบุญ
ที่วัดแห่งนี้ทุกวันพระ ซึ่งเป็นการสร้างและปลูกฝังนิสัยให้โอบอ้อมอารี และมีน้ำใจ
โดยไม่ต้องหวังผลตอบแทนครับ
  ::002::

 ::002:: ฝากบทความดีๆให้คุณ jane1 ครับ

--------------------------------------------------------------------------------

                        ผู้เคารพ ย่อมมีคนเคารพตอบ
           ต้นไม้มีสองประเภท  คือ  ประเภทอ่อนนอกแข็งใน
เช่น ต้นสัก ต้นตะเคียน ต้นประดู่ กับประเภทอ่อนในแข็งนอก เช่น
ต้นมะพร้าว ต้นตาล ต้นหมาก
          สัตว์เดียรฉานก็มีสองประเภท คือ ประเภทอ่อนนอกแข็งใน
เช่น ช้าง ม้า วัว ควาย กับ ประเภทอ่อนในแข็งนอกเช่น กุ้ง หอย ปู
          ดูสัตว์และต้นไม้แล้ว ลองหันมาดูคน คนเราก็มีอยู่สองประเภท
เช่นเดียวกัน คือ พวกอ่อนนอกแข็งในกับพวกอ่อนในแข็งนอก
           พวกอ่อนในแข็งนอกคือ คนที่เอาความแข็งออกมาอวดข้าง
นอกเช่น วางโต ทำเขื่อง แสดงสีหน้าบึ้งตึง คำพูดก็หยาบคาย กระด้าง
กระโชกโฮกฮาก ให้คนเห็นว่าตนเก่ง ตนใหญ่
            พวกอ่อนในแข็งนอก คือคนที่เอาความนิ่มนวล ออกมาแสดง
ให้เห็นข้างนอกเช่น ท่าทางเคารพนบไหว้ ยิ้มแย้มแจ่มใส พูดจาสุภาพ
อ่อนโยน ใครฟังแล้วชื่นใจ จิตใจมีเมตตากรุณา
            หลายคนมักเข้าใจว่า ถ้าทำตัวให้เขาเห็นว่าใหญ่ เช่น วางท่า
ทางใหญ่ พูดจาสำแดงอำนาจ ขู่ตะคอก จะทำให้เขาเห็นว่าเราสำคัญ
เป็นที่นับถือยำเกรงของคนอื่น นั่นเป็นความเข้าใจผิด
            เพราะนอกจากจะไม่มีใครเห็นว่าสำคัญจริงแล้ว ยังไม่มีโอกาส
ใหญ่และสำคัญขึ้นมาได้ เพราะความแข็งกระด้างของเขาเป็นเหตุ
            ไม่ว่าอะไรถ้าเอาของแข็งมาหุ้มไว้ข้างนอก มักขยายตัวออกอีก
ยาก ดูอย่างต้นหมาก ต้นมะพร้าว หรือสัตว์พวกกุ้ง หอยเถิดไม่เห็นมันโต
อะไรมากนัก คนเราก็เหมือนกัน ถ้าเอาความแข็งกระด้างออกอวดข้างนอก
แล้ว โอกาสเจริญเติบโตจริงๆยาก เพราะไม่มีใครเขาเคารพรักและนับถือ
จริง
             อำนาจนั้น  ยากที่จะมี แต่ถ้าเป็นคนอ่อนนอกแข็งในแล้ว  จะมีอำนาจในตัวเอง
                                                            พุทธวิธีแก้ทุกข์  ศาตราจารย์พิเศษ เสฐียรพงษ์ วรรณปก ราชบัณฑิต
             


หัวข้อ: Re: " น้ำใจ " คนไทย และความไว้วางใจกัน
เริ่มหัวข้อโดย: soveat ชุมไพร ที่ พฤศจิกายน 09, 2010, 10:43:33 AM
ประสพการณ์เลวร้าย  อยู่ที่ตลาดไนท์บาร์ซ่า ประจวบ ซึ่งผมขึ้นบัญชีหนังหมาไว้เลยว่าเป็นที่ๆผมจะไม่ไปอีก  :P

ประสพการณ์ดีๆอยู่ที่ ต.ท่าข้ามครับ  น้ำใจคนที่นั่นสุดยอด  ::002::


หัวข้อ: Re: " น้ำใจ " คนไทย และความไว้วางใจกัน
เริ่มหัวข้อโดย: อนัตตา ที่ พฤศจิกายน 09, 2010, 10:59:08 AM
ตรงนี้ดีครับ..แต่ว่าให้หลายๆคนก็ดีครับ ::008::
(http://img180.imageshack.us/img180/4830/cats1cr.jpg)


หัวข้อ: Re: " น้ำใจ " คนไทย และความไว้วางใจกัน
เริ่มหัวข้อโดย: pasta ที่ พฤศจิกายน 09, 2010, 02:01:10 PM
ตรงนี้ดีครับ..แต่ว่าให้หลายๆคนก็ดีครับ ::008::
(http://img180.imageshack.us/img180/4830/cats1cr.jpg)


ได้ครับ   ผมให้คุณ @นัตตา และทุกท่านครับ    :)


หัวข้อ: Re: " น้ำใจ " คนไทย และความไว้วางใจกัน
เริ่มหัวข้อโดย: ทัดมาลา ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป ที่ พฤศจิกายน 11, 2010, 05:28:47 PM
 ผมมีเพื่อนเป็นลูกเรือเยอะพอสมควร

การอดทนต่อการดูถูก และความสามารถในการระงับอารมณ์ของคนเหล่านี้ เป็นเลิศครับ

แทบไม่เคยได้ยินข่าว พนักงานต้อนรับมีเรื่องกับผู้โดยสาร

มีแต่ผู้โดยสารทำร้ายร่างกาย และหรือมีเรื่องกับพนักงานต้อนรับ

มีเคสเอามาม่าร้อนราดใส่น้องๆก็เคยมี

ถ้าเป็นผม คงไม่จบง่าย งานหาเอาใหม่ได้ แต่ศักดิ์ศร๊บางทีมันแลกไม่ได้

ไม่นานมานี้คงได้ยินข่าว ที่สจ๊วตสายการบินต่างชาติคนหนึ่ง หอบเบียร์หนึ่งแพ๊ก

พร้อมพูดว่า กูพอแล้ว แล้วกระโดดออกจากเครื่องบินที่กำลังแท๊กซี่ที่อเมริกาได้..

งานให้บริการ ให้บริการสุภาพชนครับพี่ มิใช่อาชีพรองรับอารมณ์คนอื่น...

ใจเขาใจเราครับ  ถ้าผู้โดยสารให้เกียรติ ย่อมได้รับเกียรติตอบแน่นอน


หัวข้อ: Re: " น้ำใจ " คนไทย และความไว้วางใจกัน
เริ่มหัวข้อโดย: uncle_oud-รักในหลวง ที่ พฤศจิกายน 11, 2010, 07:03:27 PM
สำหรับสายการบิน " ไทย " ผมกลับประทับใจหลายครั้งเพราะว่าเคยเห็น
แอร์โฮสเตสถูกผู้โดยสารแขกกดไฟเรียกมาเก็บผ้าห่มที่ตกลงพื้นเห็นกับ
ตาเพราะนั่งอยู่ข้างๆเลยแต่ผมกลับรู้สึกชื่นชมน้องคนนั้นมากครับ
และอีกครั้งผู้โดยสารอาเจียรช่วงเครื่องกำลังขึ้นพอเครื่องบินได้ระดับ
แอร์โอสเตสก็เอากระดาษมานั่งเช็ดจนหมดผมก็สงสารน้องๆอีกแหละ
อีกครั้งทำงาน ตปท.(มุสลิม) หลายวันพอขึ้นเครื่องกลับบ้านขอให้
แอร์ช่วยเสิร์ฟแอลกอฮอล์ให้จนหลับยันกรุงเทพยังประทับใจอยู่เลย
งานผมเดินทาง ตปท.10 กว่าประเทศมากกว่า 100 เที่ยวบินก็ยัง
ไม่เจอแบบไม่ประทับใจ


หัวข้อ: Re: " น้ำใจ " คนไทย และความไว้วางใจกัน
เริ่มหัวข้อโดย: ค..ควาย...ใส่ชฎา ที่ พฤศจิกายน 11, 2010, 08:20:18 PM
็Ha Ha  ฮา ยายรอด TG มาได้
ยายคิดว่า  SQ สายตาเขาไม่ค่อยเหยียดหมาม คนไทยอ่ะ ฮา


หัวข้อ: Re: " น้ำใจ " คนไทย และความไว้วางใจกัน
เริ่มหัวข้อโดย: dignitua-รักในหลวง ที่ พฤศจิกายน 11, 2010, 09:24:18 PM
ถ้าเอาเรื่องวัฒนธรรม... ไม่เกี่ยวกับงานบริการ... ผมจะเลือกยกมือไหว้คนทุกครั้งที่ดูแล้วน่าจะอายุมากกว่าผมทุกครั้งที่ต้องพบปะสังสรรค์ หรือผู้ร่วมงาน... แต่การไหว้ ไม่น่าจะเกี่ยวกับน้ำใจนะครับ... น่าจะเป็นเรื่องสัมมาคารวะมากกว่าครับ... :)


หัวข้อ: Re: " น้ำใจ " คนไทย และความไว้วางใจกัน
เริ่มหัวข้อโดย: โทน73 -รักในหลวง- ที่ พฤศจิกายน 12, 2010, 12:43:03 AM
เพราะคนไทยติดนิสัยชอบเรียกร้องอะไรที่มันเป็นพิเศษจากผู้ให้บริการเสมอ หลายคนทำทุกครั้งที่ทำได้ โดยใช้คำว่า"น้ำใจ"มาเป็นข้อตัดพ้อ .... บางคนสันดานเลวมาก พอเอาเปรียบเค้าไม่สำเร็จก็มาพล่ามคำว่าน้ำใจ

เพราะคนไทยสมัยนี้"ไม่น่าไว้ใจ"เอาเสียเลย , ไม่รักษาคำพูด , เห็นแก่เศษเงินมากกว่าความถูกต้องเป็นธรรม....แท็กซี่ขอให้จ่ายเงินก่อน ผู้เขียนกล้าจ่ายให้ไหมละครับ? กล้าทิ้งทรัพย์สินไว้ในรถไหม?

ไม่ใช่พ่อใช่แม่ ไม่ใช่ครู/ญาติผู้ใหญ่ที่ผม"ต้อง"เคารพ ไม่ใช่คนที่ผมนับถือ ไม่ใช่คนที่รู้ว่าเค้าปราถนาดีกับผม/เป็นมิตรกับผม ผมไม่ยกมือไหว้เด็ดขาดครับ .... ผมเข้าใจพนง.พวกนี้ ที่ต้องซังกะตายยกมือไหว้คนไม่รู้จัก

คนเจ้าอารมณ์  และพอดีเป็นคนพอมีชื่อเสียงบ้าง  เสียงบ่นเลยดัง  และขมวดท้ายให้ดูดีอ้างธรรมะ   คือหลอกด่าเขา และอ้างว่าเป็นการสั่งสอน 

เรื่องแบบนี้หาฟังได้ทั่วไป เราก็บ่นเขาก็บ่น   ::005::


ไม่เกี่ยวครับ ถ้าจะยกย่องครูบาอาจารย์ ก็เขียนกราบขอบพระคุณที่กรุณาสอนสั่งไว้ในคำนำสิครับ

ตราบใดที่ยังเขียนหนังสืออยู่ก็มีโอกาสให้แสดงความกตเวทิตาอีกเยอะแยะ ไม่ต้องเอามาพ่วงไว้กับชื่อตัวเองแบบนี้

ยังงี้เวลานายกร๊วกซักคนไปจ่ายค่าใบสั่ง มันคงได้เขียนชื่อรับข้อกล่าวหาว่า นายกร๊วก นามสกุลขี้เบ่ง น้องรัฐมนตรี,หลานอดีตประธานศาลฏีกา,ผู้กำกับจ.ชุมพร เพื่อนรองผกก.ป.สน.1เพื่อนอีกคนอยู่สน.2 บลาๆๆๆกันสนุกสนานแหละครับ?  ::010::

ขอขยายความต่อสักนิด  ถ้าบทความเป็นเรื่องส่งเสริมการสร้างสิ่งดีๆที่ได้รับต้นทุนทางวิชาจากอาจารย์  ควรแล้วที่จะกล่าวคำยกย่อง
แต่ถ้าเขียนหลอกด่าคนอื่น ก็ไม่ควรใส่ชื่ออาจารย์  เพราะเหมือนจะลากอาจารย์ลงมาเสี่ยงด้วย หรือมองอีกนัยหนึ่ง  เพื่อป้องกันตนเองจากการถูกด่ากลับ  มันก็แอบอิง ชัดๆ