เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

สนทนาภาษาปืน => สนทนาภาษาปืน => ข้อความที่เริ่มโดย: ChongKo ที่ พฤศจิกายน 11, 2010, 07:57:09 AM



หัวข้อ: ข่าวความรุนแรงของการใช้อาวุธปืนจากเวปผู้จัดการ
เริ่มหัวข้อโดย: ChongKo ที่ พฤศจิกายน 11, 2010, 07:57:09 AM
http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9530000159076 (http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9530000159076)

ปืน’ ความปลอดภัย - ความขัดแย้ง = ความรุนแรงในสังคมไทย 
 
โดย ASTVผู้จัดการรายวัน 10 พฤศจิกายน 2553 18:15 น.
 
 
 ไม่นานมานี้ ข่าวของนักเรียน ม.3 ที่เผลอทำปืนลั่นใส่เพื่อน จนทำให้เพื่อนเสียชีวิต ได้ตีพิมพ์หราอยู่บนหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์เกือบทุกฉบับ ต่อมาอีกไม่กี่วัน ก็มีข่าว ครูฟิตเนสย่านปิ่นเกล้าโดนยิงตัดขั้วหัวใจ จากระยะไกล ก็กลายเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ทับซ้อนขึ้นมา
       
       ข่าวความรุนแรงจากอาวุธปืนเหล่านี้ แต่เดิมนั้น มักจะเดินทางมาจากประเทศอีกฝั่งของโลก อย่างอเมริกามากกว่า
       
       แต่จะว่าไปแล้ว หากย้อนมองลงไป เรื่องราวคดีอาชญากรรมของบ้านเรา ล้วนแต่มีเรื่องของอาวุธปืนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยในฐานะของเครื่องมือกระทำความผิดทั้งนั้น เอาเฉพาะแค่ช่วงสัปดาห์เดียว ก็มีทั้งกรณีดาบตำรวจยิงพวงสวรรค์พ่อค้าไก่ทอดที่กาญจนบุรี (30 ต.ค.), ทหารหญิงโดนแฟนตำรวจยิงที่ย่านเตาปูน (2 พ.ย.), สองมือปืนยิงเซียนไฮโลที่สุราฎร์ฯ ฯลฯ
       
       สถานการณ์ความรุนแรงจากปืนเหล่านี้ ไม่ได้เกิดขึ้นถี่แต่เฉพาะในปัจจุบัน เพราะจากสถิติของสำนักงานยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นโอดีซี) พบว่าบ้านเราในช่วงปี 2541-2543 นั้น เป็นประเทศที่มีคดีฆาตกรรมโดยการใช้ปืนมากถึง 79.58% ซึ่งถือว่าสูงมาก หากเปรียบเทียบกับภูมิภาคอื่นๆ ในโลก
       
       หรือว่าความรุนแรงที่เกิดขึ้นจากอาวุธปืนในบ้านเรา กำลังก้าวตามสหรัฐอเมริกามาแบบหายใจรดต้นคอ
       
       ดังนั้น ก็พอจะอนุมานได้ว่า คนไทยจำนวนไม่น้อย เป็นคนที่มีอาวุธปืนไว้ในครอบครอง และในบางครั้ง คนเหล่านั้นก็เลือกที่จะใช้ปืนในมือเป็นเครื่องมือยุติความขัดแย้ง
       
       อาวุธปืนมาจากไหน
       
       ที่ผ่านมา สถิติอาวุธปืนที่ได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนตั้งแต่ปี 2503-2546 นั้น มีจำนวนมากกว่าล้านกระบอกทั่วประเทศ แต่ในปัจจุบันเมืองไทยมีการครอบครองอาวุธปืนสูงถึงกว่า 4 ล้านกระบอกแล้ว (สถิติจากบทความของศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้) จำนวนที่ว่านั้น หมายถึงปืนที่มีกันแบบถูกกฎหมายเท่านั้น ยังไม่นับปืนเถื่อนที่หาซื้อกันได้ไม่ยากในตลาดมืด
       
       “การซื้อขายปืนนั้น จะจำหน่ายได้ตามใบอนุญาตขอซื้อปืนเท่านั้น คือผู้ซื้อต้องมีใบอนุญาต ข3. ซึ่งนายทะเบียนท้องที่เป็นผู้พิจารณาออกให้ แต่โดยส่วนมากแล้วข้าราชการจะซื้อในโครงการสวัสดิการของเขามากกว่า ส่วนประชาชนทั่วไปก็จะซื้อไว้เพื่อป้องกันชีวิตและทรัพย์สิน แต่ก็ต้องมีใบอนุญาตเหมือนกันนะ
       
       พิชัย ถนอมทรัพย์ เจ้าของร้านปืนดำริ และนายกสมาคมผู้ประกอบอาวุธปืนแห่งประเทศไทย กล่าวถึงวิธีการได้มาของปืนแบบถูกกฎหมาย หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า ‘ปืนมีทะเบียน’
       
       แล้วสำหรับปืนที่ไม่มีทะเบียน ซึ่งเป็นเครื่องมือในการก่ออาชญากรรมของบรรดาอาชญากรล่ะ?
       
       “โอ้ย! เมื่อก่อนกับสมัยนี้ก็หาได้ง่ายพอๆ กันนะ แค่มีเงินก็พรรคพวกนิดหน่อยก็สามารถมีได้แล้ว”
       
       นั่นเป็นคำตอบของ น้อย (ขอสงวนนามจริง) ข้าราชการภูธร ที่เมื่อครั้งยังเป็นวัยรุ่น เขาก็เป็นคนหนึ่งที่มีปืนเถื่อนไว้ในครอบครอง แต่โชคดีที่เขายังไม่มีโอกาสได้ลองใช้มัน
       
       “คือปืนเถื่อนนี่ ส่วนใหญ่แล้วมันก็จะเข้ามา 2 ทาง คือจากพม่า เดินทางเข้ามาแถวๆ เมืองกาญจน์ ก็อย่างที่รู้กันว่า ต้องเป็นคนมีสีบางคน หรือเป็นคนที่มีแบ็กดีๆ เอาเข้ามา เพราะไม่อย่างนั้นก็ยาก ไม่มีหรอกที่เป็นตาสีสาตาไปเอามาขาย ส่วนอีกทางก็มาจากภาคใต้ผ่านทางจังหวัดชายแดน แถวๆ นั้นปืนนี่หาได้ง่ายมากแล้วก็ซื้อขายกันอิสระ เพราะมันไม่ต้องใช้เอกสารอะไร และจากสองแหล่งนี้มันก็ถูกส่งต่อไปทั่วประเทศ
       
       “ก็สมัยก่อนนั้นก็ซื้อกันแค่ 2-3 พันบาทเท่านั้น แต่สมัยนี้มันก็แพงขึ้น ที่นิยมกันมากก็จะเป็น 9 ม.ม. แบบกระสุน 7 นัด ราคาก็อยู่ราวๆ 6 - 8 พันบาท ส่วนพวกปืนอีโบ๊ะที่ใส่กระสุนลูกซองนั้นได้นัดเดียวนั้น จะเป็นปืนไทยประดิษฐ์ หรือไม่ก็มาจากทางจีน ซึ่งมันไม่เป็นที่นิยมเท่าไหร่”
       
       และเมื่อถามว่าทุกวันนี้ยังมีปืนเถื่อนอยู่ในครอบครองหรือไม่ น้อยก็บอกว่าไม่มีปืนเถื่อนไว้ในครอบครองแล้ว
       
       “ผมมีแต่ของถูกกฎหมายเก็บไว้เอง เป็นปืน 9 มม. แบบกระสุน 10 นัด ซึ่งเอาพวกเอกสารหลักฐานไปซื้อมาจากย่านวังบูรพา ส่วนราคานี่ก็เลยครึ่งแสนไปนิดหนึ่ง นี่ขนาดว่ามีส่วนลดแล้วนะ ส่วนเรื่องของความรุนแรงนี่ผมว่าไม่เกี่ยวเท่าไหร่ มันอยู่ที่ว่าเราจะใช้มันรึเปล่า ถ้าคิดจะใช้ คนมีมีดมันก็ใช้ฆ่าคนได้เหมือนกัน”
       
       ปืน = ความรุนแรง
       
       ซึ่งประเด็นอาวุธปืนกับความรุนแรงในสังคมไทยนั้น ในสายตาของ งามศุกร์ รัตนเสถียร อาจารย์ประจำศูนย์ศึกษาและพัฒนาสันติวิธี มหาวิทยาลัยมหิดล มองว่า ปัจจุบันมีการใช้ปืนเพื่อตอบโต้และแก้ไขปัญหามากขึ้น คำถามก็คือปืนเหล่านี้ไปอยู่ในมือของพลเรือนได้อย่างไร
       
       “เข้าใจว่าในช่วงปี 2546 มีความพยายามจะออกกฎหมายเพื่อควบคุมการถือครองอาวุธปืน แต่ถึงที่สุดแล้วก็ไม่ใช่คำตอบ เพราะแม้แต่เจ้าหน้าที่รัฐจะสามารถใช้อาวุธขณะปฏิบัติหน้าที่เท่านั้น แต่เราก็จะเห็นหลายๆ กรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเองยังพกปืนเวลาไปเที่ยวผับ แล้วเราจะมีวิธีป้องกันได้อย่างไร”
       
       เพราะทุกวันนี้ แม้จะมีการควบคุมโควตาอาวุธปืนสำหรับร้านขายอาวุธปืน แต่ในทางปฏิบัติก็ยังมีปืนสวัสดิการของกระทรวงมหาดไทยอีกจำนวนมาก ยิ่งเมื่อมีเหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ก็ยิ่งทำให้ปืนส่วนนี้แพร่ระบาด มิพักต้องพูดถึงว่า ปืนจำนวนนี้เล็ดลอดออกไปเป็นปืนเถื่อนอีกแค่ไหน
       
       กลายเป็นว่าปืนกำลังเป็นทางออกของปัญหาสังคมไทย ซึ่งสะท้อนถึงความล้มเหลวของรัฐในการสร้างสังคมที่ปลอดภัย
       
       “พอคุณมีอาวุธปืนอยู่ในมือ มันก็ง่ายที่เวลาคุณมีปัญหาอะไรก็จะใช้ปืนจัดการกับคู่กรณี เราเองก็ต้องกลับมาถามว่าสภาพสังคมไทยเป็นอย่างไร มันคงเชื่อมโยงกับบริบทอื่นๆ ว่าทำไมจึงเป็นแบบนี้
       
       “เรามักจะคิดว่าการมีอาวุธปืนคือความปลอดภัย แต่ไม่ได้คิดถึงว่าสิ่งที่คนคนหนึ่งทำอาจจะผิด แต่ถึงกับสมควรตายหรือไม่ ดิฉันมีคำถามว่าการตายของบุคคลหนึ่งๆ มันช่วยแก้ปัญหาโครงสร้างสังคมไทยยังไง หรือแม้แต่การเชื่อว่าปืนคือทางออก และสร้างความปลอดภัย มันเท่ากับว่ารัฐไม่ต้องรับผิดชอบ ปล่อยให้จัดการกันเอง แล้วเด็กก็เติบโตกันมาในสภาพแวดล้อมแบบนี้ และเดี๋ยวนี้ก็หาง่าย ไม่สามารถตรวจสอบได้”
       
       การแพร่ระบาดและใช้ความรุนแรงจากอาวุธปืน นอกจากจะบ่งชี้ความหละหลวมของรัฐในการสร้างความปลอดภัยแก่ประชาชนแล้ว อีกด้านหนึ่ง มันเป็นสัญญาณเตือนภัยว่า กลไกต่างๆ ทางสังคม วัฒนธรรม กฎหมาย หรือศีลธรรม ที่คอยควบคุมความรุนแรงและเยียวยาความขัดแย้งกำลังไม่ทำงานอย่างที่ควรจะเป็น
       
       ..........
       
       แต่จะทำอย่างไรได้ เพราะถ้าให้มองดูจริงๆ แล้ว กลไกที่มาช่วยลดความขัดแย้งและสร้างความปลอดภัยให้แก่คนในสังคมรูปแบบอื่นๆ มันก็แทบจะใช้ไม่ได้จริงแล้วนี่นา ดังนั้น อาวุธปืน อาจจะเป็นคำตอบสุดท้ายที่ใช้จัดการความขัดแย้งและสร้างความปลอดภัยให้แก่สังคมที่ไม่มีทางเลือกจริงๆ
       
 
 


หัวข้อ: Re: ข่าวความรุนแรงของการใช้อาวุธปืนจากเวปผู้จัดการ
เริ่มหัวข้อโดย: ChongKo ที่ พฤศจิกายน 11, 2010, 08:03:23 AM
ส่วนตัวผม  มีปืนแล้วใจเย็นลงเยอะครับ  ก่อนมีปืนก็ใจเย็นลงกว่าแต่ก่อนมากอยู่แล้ว  เหตุผลหนึ่งเพราะตระหนักว่าเรามีอาวุธในมือ  ถ้าใจร้อนผลเสียย่อมตามมาทั้งต่อตัวเรา  คู่กรณี  ผู้คนประชาชนที่อาจโดนลูกหลง  ครอบครัว ฯลฯ

เหตุผลที่หาปืนมาใช้ก็เพราะนับวันบ้านเมืองจะเต็มไปด้วยภัยอันตราย  โจรผู้ร้ายชุกชุม  แถวบ้านผมมีทั้งขี้ยาลักเล็กขโมยน้อย  แขกขาวอาละวาดงัดบ้าน  ฉุดเด็กวัยรุ่นไปรุมโทรม  มั่วสุมเสพยา ซิ่งรถ  ไม่เกรงใจใคร  ชาวบ้านแจ้งตำรวจก็ช่วยได้ไม่มาก



หัวข้อ: Re: ข่าวความรุนแรงของการใช้อาวุธปืนจากเวปผู้จัดการ
เริ่มหัวข้อโดย: NOOM 19 รักในหลวง ที่ พฤศจิกายน 11, 2010, 08:10:44 AM
ว่ากันไป ก็ว่ากันไป


หัวข้อ: Re: ข่าวความรุนแรงของการใช้อาวุธปืนจากเวปผู้จัดการ
เริ่มหัวข้อโดย: ห ม า ย จั น ท ร์ ที่ พฤศจิกายน 11, 2010, 08:19:38 AM
สำหรับข่าวก็คือข่าว ค่าตอบแทนแปรผันไปตามจำนวนตัวหนังสือและบรรทัด ;D


หัวข้อ: Re: ข่าวความรุนแรงของการใช้อาวุธปืนจากเวปผู้จัดการ
เริ่มหัวข้อโดย: กรรมกร ที่ พฤศจิกายน 11, 2010, 08:33:56 AM
ปืน ... เป็นจำเลยอีกตามเคย

......... ปัญหาสังคมตัวต้นเหตุ ไม่เคยมีใครคิดแก้ไข

ชอบจะแก้ปัญหาปลายเหตุกันเนอะ ...


หัวข้อ: Re: ข่าวความรุนแรงของการใช้อาวุธปืนจากเวปผู้จัดการ
เริ่มหัวข้อโดย: GUNS N' ROSES ที่ พฤศจิกายน 11, 2010, 08:42:03 AM
ว่ากันไป ก็ว่ากันไป


ว่าต่อๆกันไป


หัวข้อ: Re: ข่าวความรุนแรงของการใช้อาวุธปืนจากเวปผู้จัดการ
เริ่มหัวข้อโดย: a lone wolf ที่ พฤศจิกายน 11, 2010, 08:47:28 AM
 ;D
ปี 47-53 มีอาวุธปืนเพิ่มขึ้นจากเดิม 1 ล้านกระบอก เป็น 4 ล้านกระบอก
เจ็ดปีเพิ่มขึ้น 3 ล้านกระบอก
สมมติร้านปืนแถววังบูรพาได้กำไรกระบอกละ หนึ่งหมื่นบาท เจ็ดปีฟาดกำไร สามหมื่นล้านบาท เท่ากับกำไรปีละเกือบสี่พันสามร้อยล้านบาท
แบ่งกันในหมู่ร้านปืนแถวนั้น

ผมไปเซ้งใบอนุญาตจำหน่ายอาวุธปืนดีกว่าวุ้ย

ยกตัวเลขสถิติมาจั่วก็ทำให้บทความเริ่มไม่น่าเชื่อถือแล้วล่ะครับ


หัวข้อ: Re: ข่าวความรุนแรงของการใช้อาวุธปืนจากเวปผู้จัดการ
เริ่มหัวข้อโดย: JUNGLE ที่ พฤศจิกายน 11, 2010, 09:34:24 AM
ขอคุณท่านเจ้าของกระทูครับ... ที่นำบทความมาให้ได้อ่านกัน... จากบทความจะเห็นได้ว่า... ผู้คนจำนวนมาก... ยังมีอคติกับอาวุธปืนอยู่เช่นเดิม...


...หากปืนมันไม่มีคนจับขึ้นมายิง... ผมไม่เคยเห็นปืนมันเหาะขึ้นมาไล่ยิงคนเลย... มีแต่คนยิงเท่านั้นที่สั่งให้กระสุนวิ่งออกจากปากกระบอก...

...ในบทความผมเห็นด้วยอย่างเดียว... คือ...ประโยคที่ว่า... "ส่วนเรื่องของความรุนแรงนี่ผมว่าไม่เกี่ยวเท่าไหร่ มันอยู่ที่ว่าเราจะใช้มันรึเปล่า ถ้าคิดจะใช้ คนมีมีดมันก็ใช้ฆ่าคนได้เหมือนกัน"

...อีกนิด.. ผมสงสัยว่าแบบ "ข.3" คืออะไร... สำนักพิมพ์เขาผิมพ์ผิด... หรือผู้เขียนบทความเข้าใจผิด... ยังดีที่ไม่กล่าวว่า... "ป.๓ มีอายุ ๖ เดือน ระหว่างนี้จะซื้อปืนกี่กระบอกก็ได้... " เหมือนในบทความปืนสี่ล้านกระบอกที่เขาอ้างถึง... ::005:: ::005:: ::005::

::014::




หัวข้อ: Re: ข่าวความรุนแรงของการใช้อาวุธปืนจากเวปผู้จัดการ
เริ่มหัวข้อโดย: จอมใจ 53 ที่ พฤศจิกายน 11, 2010, 10:08:38 AM
ส่วนตัวผม  มีปืนแล้วใจเย็นลงเยอะครับ  ก่อนมีปืนก็ใจเย็นลงกว่าแต่ก่อนมากอยู่แล้ว  เหตุผลหนึ่งเพราะตระหนักว่าเรามีอาวุธในมือ  ถ้าใจร้อนผลเสียย่อมตามมาทั้งต่อตัวเรา  คู่กรณี  ผู้คนประชาชนที่อาจโดนลูกหลง  ครอบครัว ฯลฯ

เหตุผลที่หาปืนมาใช้ก็เพราะนับวันบ้านเมืองจะเต็มไปด้วยภัยอันตราย  โจรผู้ร้ายชุกชุม  แถวบ้านผมมีทั้งขี้ยาลักเล็กขโมยน้อย  แขกขาวอาละวาดงัดบ้าน  ฉุดเด็กวัยรุ่นไปรุมโทรม  มั่วสุมเสพยา ซิ่งรถ  ไม่เกรงใจใคร  ชาวบ้านแจ้งตำรวจก็ช่วยได้ไม่มาก


เช่นกันครับ  ส่วนตัวผมน่ะครับก่อนมีปืน มีอะไร เอะอะ ! ก็จะพูดทำนองว่า เดี๋ยวถ้ากูมีปืน กูจะยิงมันใส้แตกเลย.. ::009:: ทำอะไรพูดอะไร ทำนองแบบนี้ครับ  แต่พอมีปืนแล้ว รู้อะไรหลายๆ อย่าง คำพูดแบบข้างบน แทบจะไม่กล้าพูดด้วยซ้ำ!  จากใจร้อน กลับใจเย็นลงมากๆๆ  แม้กระทั่งเคยมีครั้งหนึ่งครับ  พกปืนที่เอว พูดคุยตกลงกับผู้รับเหมา  อ้ายผู้รับเหมาพูดกวนมากๆๆ  สมมุติถ้าเป็นเมื่อก่อนควักออกมาตบหน้าแล้ว..  แต่ก็อดครับ ใจเย็นครับ..  ผมว่าแปลกดีครับ.(คงรู้ว่าจะป่วยน่ะ ไอ แย้ว คุก คุก คุก) ;D


หัวข้อ: Re: ข่าวความรุนแรงของการใช้อาวุธปืนจากเวปผู้จัดการ
เริ่มหัวข้อโดย: cadet38 -รักในหลวง- ที่ พฤศจิกายน 11, 2010, 10:36:51 AM
เอาเข้าไป


หัวข้อ: Re: ข่าวความรุนแรงของการใช้อาวุธปืนจากเวปผู้จัดการ
เริ่มหัวข้อโดย: chew - รักในหลวง ที่ พฤศจิกายน 11, 2010, 10:49:02 AM
แต่ละปี จำนวนปืนที่ถูกกฏหมายถูกนำมาใช้ในการก่อเหตุที่ทำให้คนตายและเจ็บน้อยกว่า ไอ้จู่ของคนเป็นกามโรค - เอดส์ เยอะมาก  เราควรจะกล่าวโทษ  ไอ้จู่หรือเจ้าของดีล่ะครับ   


หัวข้อ: Re: ข่าวความรุนแรงของการใช้อาวุธปืนจากเวปผู้จัดการ
เริ่มหัวข้อโดย: gogoh-รักในหลวง- ที่ พฤศจิกายน 11, 2010, 11:07:34 AM
มีปืนต้องมีสติ..ประมาณเมื่อไรหายนะจะเกิดกับตัวท่านหรือคนรอบข้างท่านเอง
การที่เด็กหยิบปืนมาเล่นแล้วปืนลั่นใส่เพื่อนแล้วตายเกิดมาจากความประมาณของผู้ใหญ่..อยู่กับบ้านแท้ๆกลับเอาลูกใส่ปืนไว้ไม่ยอมแยกลูกออกหรือไม่ใส่ในที่เก็บดีๆแล้วล็อกกุญแจทำให้เด็กหญิบออกมาแล้ว


หัวข้อ: มาอีกแล้ว ข่าวแง่ลบกับเรื่องปืน
เริ่มหัวข้อโดย: powerboy ที่ พฤศจิกายน 11, 2010, 11:30:30 AM
http://manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9530000159076 (http://manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9530000159076)

ลองติดตามกันครับ  ::004::


หัวข้อ: Re: ข่าวความรุนแรงของการใช้อาวุธปืนจากเวปผู้จัดการ
เริ่มหัวข้อโดย: Zeus-รักในหลวง ที่ พฤศจิกายน 11, 2010, 11:45:38 AM
อ่านแล้ว ขำครับ คือ 2 ใน 3 ของคนที่ให้สัมภาษนี่มั่วนิ่มเลย 5555+ ::007::


หัวข้อ: Re: มาอีกแล้ว ข่าวแง่ลบกับเรื่องปืน
เริ่มหัวข้อโดย: มะเอ็ม ที่ พฤศจิกายน 11, 2010, 11:46:36 AM
ไม่นานมานี้ ข่าวของนักเรียน ม.3 ที่เผลอทำปืนลั่นใส่เพื่อน จนทำให้เพื่อนเสียชีวิต ได้ตีพิมพ์หราอยู่บนหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์เกือบทุกฉบับ ต่อมาอีกไม่กี่วัน ก็มีข่าว ครูฟิตเนสย่านปิ่นเกล้าโดนยิงตัดขั้วหัวใจ จากระยะไกล ก็กลายเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ทับซ้อนขึ้นมา
       
       ข่าวความรุนแรงจากอาวุธปืนเหล่านี้ แต่เดิมนั้น มักจะเดินทางมาจากประเทศอีกฝั่งของโลก อย่างอเมริกามากกว่า
       
       แต่จะว่าไปแล้ว หากย้อนมองลงไป เรื่องราวคดีอาชญากรรมของบ้านเรา ล้วนแต่มีเรื่องของอาวุธปืนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยในฐานะของเครื่องมือกระทำความผิดทั้งนั้น เอาเฉพาะแค่ช่วงสัปดาห์เดียว ก็มีทั้งกรณีดาบตำรวจยิงพวงสวรรค์พ่อค้าไก่ทอดที่กาญจนบุรี (30 ต.ค.), ทหารหญิงโดนแฟนตำรวจยิงที่ย่านเตาปูน (2 พ.ย.), สองมือปืนยิงเซียนไฮโลที่สุราฎร์ฯ ฯลฯ
       
       สถานการณ์ความรุนแรงจากปืนเหล่านี้ ไม่ได้เกิดขึ้นถี่แต่เฉพาะในปัจจุบัน เพราะจากสถิติของสำนักงานยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นโอดีซี) พบว่าบ้านเราในช่วงปี 2541-2543 นั้น เป็นประเทศที่มีคดีฆาตกรรมโดยการใช้ปืนมากถึง 79.58% ซึ่งถือว่าสูงมาก หากเปรียบเทียบกับภูมิภาคอื่นๆ ในโลก
       
       หรือว่าความรุนแรงที่เกิดขึ้นจากอาวุธปืนในบ้านเรา กำลังก้าวตามสหรัฐอเมริกามาแบบหายใจรดต้นคอ
       
       ดังนั้น ก็พอจะอนุมานได้ว่า คนไทยจำนวนไม่น้อย เป็นคนที่มีอาวุธปืนไว้ในครอบครอง และในบางครั้ง คนเหล่านั้นก็เลือกที่จะใช้ปืนในมือเป็นเครื่องมือยุติความขัดแย้ง
       
       อาวุธปืนมาจากไหน
       
       ที่ผ่านมา สถิติอาวุธปืนที่ได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนตั้งแต่ปี 2503-2546 นั้น มีจำนวนมากกว่าล้านกระบอกทั่วประเทศ แต่ในปัจจุบันเมืองไทยมีการครอบครองอาวุธปืนสูงถึงกว่า 4 ล้านกระบอกแล้ว (สถิติจากบทความของศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้) จำนวนที่ว่านั้น หมายถึงปืนที่มีกันแบบถูกกฎหมายเท่านั้น ยังไม่นับปืนเถื่อนที่หาซื้อกันได้ไม่ยากในตลาดมืด
       
       “การซื้อขายปืนนั้น จะจำหน่ายได้ตามใบอนุญาตขอซื้อปืนเท่านั้น คือผู้ซื้อต้องมีใบอนุญาต ข3. ซึ่งนายทะเบียนท้องที่เป็นผู้พิจารณาออกให้ แต่โดยส่วนมากแล้วข้าราชการจะซื้อในโครงการสวัสดิการของเขามากกว่า ส่วนประชาชนทั่วไปก็จะซื้อไว้เพื่อป้องกันชีวิตและทรัพย์สิน แต่ก็ต้องมีใบอนุญาตเหมือนกันนะ
       
       พิชัย ถนอมทรัพย์ เจ้าของร้านปืนดำริ และนายกสมาคมผู้ประกอบอาวุธปืนแห่งประเทศไทย กล่าวถึงวิธีการได้มาของปืนแบบถูกกฎหมาย หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า ‘ปืนมีทะเบียน’       
       แล้วสำหรับปืนที่ไม่มีทะเบียน ซึ่งเป็นเครื่องมือในการก่ออาชญากรรมของบรรดาอาชญากรล่ะ?
       
       “โอ้ย! เมื่อก่อนกับสมัยนี้ก็หาได้ง่ายพอๆ กันนะ แค่มีเงินก็พรรคพวกนิดหน่อยก็สามารถมีได้แล้ว”
       
       นั่นเป็นคำตอบของ น้อย (ขอสงวนนามจริง) ข้าราชการภูธร ที่เมื่อครั้งยังเป็นวัยรุ่น เขาก็เป็นคนหนึ่งที่มีปืนเถื่อนไว้ในครอบครอง แต่โชคดีที่เขายังไม่มีโอกาสได้ลองใช้มัน
       
       “คือปืนเถื่อนนี่ ส่วนใหญ่แล้วมันก็จะเข้ามา 2 ทาง คือจากพม่า เดินทางเข้ามาแถวๆ เมืองกาญจน์ ก็อย่างที่รู้กันว่า ต้องเป็นคนมีสีบางคน หรือเป็นคนที่มีแบ็กดีๆ เอาเข้ามา เพราะไม่อย่างนั้นก็ยาก ไม่มีหรอกที่เป็นตาสีสาตาไปเอามาขาย ส่วนอีกทางก็มาจากภาคใต้ผ่านทางจังหวัดชายแดน แถวๆ นั้นปืนนี่หาได้ง่ายมากแล้วก็ซื้อขายกันอิสระ เพราะมันไม่ต้องใช้เอกสารอะไร และจากสองแหล่งนี้มันก็ถูกส่งต่อไปทั่วประเทศ
       
       “ก็สมัยก่อนนั้นก็ซื้อกันแค่ 2-3 พันบาทเท่านั้น แต่สมัยนี้มันก็แพงขึ้น ที่นิยมกันมากก็จะเป็น 9 ม.ม. แบบกระสุน 7 นัด ราคาก็อยู่ราวๆ 6 - 8 พันบาท ส่วนพวกปืนอีโบ๊ะที่ใส่กระสุนลูกซองนั้นได้นัดเดียวนั้น จะเป็นปืนไทยประดิษฐ์ หรือไม่ก็มาจากทางจีน ซึ่งมันไม่เป็นที่นิยมเท่าไหร่”
       
       และเมื่อถามว่าทุกวันนี้ยังมีปืนเถื่อนอยู่ในครอบครองหรือไม่ น้อยก็บอกว่าไม่มีปืนเถื่อนไว้ในครอบครองแล้ว
       
       “ผมมีแต่ของถูกกฎหมายเก็บไว้เอง เป็นปืน 9 มม. แบบกระสุน 10 นัด ซึ่งเอาพวกเอกสารหลักฐานไปซื้อมาจากย่านวังบูรพา ส่วนราคานี่ก็เลยครึ่งแสนไปนิดหนึ่ง นี่ขนาดว่ามีส่วนลดแล้วนะ ส่วนเรื่องของความรุนแรงนี่ผมว่าไม่เกี่ยวเท่าไหร่ มันอยู่ที่ว่าเราจะใช้มันรึเปล่า ถ้าคิดจะใช้ คนมีมีดมันก็ใช้ฆ่าคนได้เหมือนกัน”
       
       ปืน = ความรุนแรง       
       ซึ่งประเด็นอาวุธปืนกับความรุนแรงในสังคมไทยนั้น ในสายตาของ งามศุกร์ รัตนเสถียร อาจารย์ประจำศูนย์ศึกษาและพัฒนาสันติวิธี มหาวิทยาลัยมหิดล มองว่า ปัจจุบันมีการใช้ปืนเพื่อตอบโต้และแก้ไขปัญหามากขึ้น คำถามก็คือปืนเหล่านี้ไปอยู่ในมือของพลเรือนได้อย่างไร
       
       “เข้าใจว่าในช่วงปี 2546 มีความพยายามจะออกกฎหมายเพื่อควบคุมการถือครองอาวุธปืน แต่ถึงที่สุดแล้วก็ไม่ใช่คำตอบ เพราะแม้แต่เจ้าหน้าที่รัฐจะสามารถใช้อาวุธขณะปฏิบัติหน้าที่เท่านั้น แต่เราก็จะเห็นหลายๆ กรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเองยังพกปืนเวลาไปเที่ยวผับ แล้วเราจะมีวิธีป้องกันได้อย่างไร”
       
       เพราะทุกวันนี้ แม้จะมีการควบคุมโควตาอาวุธปืนสำหรับร้านขายอาวุธปืน แต่ในทางปฏิบัติก็ยังมีปืนสวัสดิการของกระทรวงมหาดไทยอีกจำนวนมาก ยิ่งเมื่อมีเหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ก็ยิ่งทำให้ปืนส่วนนี้แพร่ระบาด มิพักต้องพูดถึงว่า ปืนจำนวนนี้เล็ดลอดออกไปเป็นปืนเถื่อนอีกแค่ไหน
       
       กลายเป็นว่าปืนกำลังเป็นทางออกของปัญหาสังคมไทย ซึ่งสะท้อนถึงความล้มเหลวของรัฐในการสร้างสังคมที่ปลอดภัย
       
       “พอคุณมีอาวุธปืนอยู่ในมือ มันก็ง่ายที่เวลาคุณมีปัญหาอะไรก็จะใช้ปืนจัดการกับคู่กรณี เราเองก็ต้องกลับมาถามว่าสภาพสังคมไทยเป็นอย่างไร มันคงเชื่อมโยงกับบริบทอื่นๆ ว่าทำไมจึงเป็นแบบนี้       
       “เรามักจะคิดว่าการมีอาวุธปืนคือความปลอดภัย แต่ไม่ได้คิดถึงว่าสิ่งที่คนคนหนึ่งทำอาจจะผิด แต่ถึงกับสมควรตายหรือไม่ ดิฉันมีคำถามว่าการตายของบุคคลหนึ่งๆ มันช่วยแก้ปัญหาโครงสร้างสังคมไทยยังไง หรือแม้แต่การเชื่อว่าปืนคือทางออก และสร้างความปลอดภัย มันเท่ากับว่ารัฐไม่ต้องรับผิดชอบ ปล่อยให้จัดการกันเอง แล้วเด็กก็เติบโตกันมาในสภาพแวดล้อมแบบนี้ และเดี๋ยวนี้ก็หาง่าย ไม่สามารถตรวจสอบได้”
       
       การแพร่ระบาดและใช้ความรุนแรงจากอาวุธปืน นอกจากจะบ่งชี้ความหละหลวมของรัฐในการสร้างความปลอดภัยแก่ประชาชนแล้ว อีกด้านหนึ่ง มันเป็นสัญญาณเตือนภัยว่า กลไกต่างๆ ทางสังคม วัฒนธรรม กฎหมาย หรือศีลธรรม ที่คอยควบคุมความรุนแรงและเยียวยาความขัดแย้งกำลังไม่ทำงานอย่างที่ควรจะเป็น
       
       ..........
       
       แต่จะทำอย่างไรได้ เพราะถ้าให้มองดูจริงๆ แล้ว กลไกที่มาช่วยลดความขัดแย้งและสร้างความปลอดภัยให้แก่คนในสังคมรูปแบบอื่นๆ มันก็แทบจะใช้ไม่ได้จริงแล้วนี่นา ดังนั้น อาวุธปืน อาจจะเป็นคำตอบสุดท้ายที่ใช้จัดการความขัดแย้งและสร้างความปลอดภัยให้แก่สังคมที่ไม่มีทางเลือกจริงๆ

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ขึ้นอยู่ที่ตัวบุคคลครับ..... ::004:: ::004:: ::004::


หัวข้อ: Re: ข่าวความรุนแรงของการใช้อาวุธปืนจากเวปผู้จัดการ
เริ่มหัวข้อโดย: kundum ที่ พฤศจิกายน 11, 2010, 11:50:55 AM
การกล่าวโทษปืนมันง่ายดีครับพี่  เหมือนกับพูดว่าไฟไหม้เพราะไฟฟ้าลัดวงจร  พูดว่ารถเลื่อนทับคนเพราะเกียร์ออโต  ผมยังงงว่าถ้าเกียร์มันไม่อยู่ที่ N มันจะสตาทเครื่องจนรถพุ่งไปทับคนได้ยังไง


หัวข้อ: Re: ข่าวความรุนแรงของการใช้อาวุธปืนจากเวปผู้จัดการ
เริ่มหัวข้อโดย: NUTAPHOL ที่ พฤศจิกายน 11, 2010, 11:57:14 AM
เอะอะก็โทษปืนเน้อ....  ไม่เห็นมีใครโทษคนทำเลยนะ  ปืนมันอยู่เฉยๆของมันถ้าคนไม่เอามันไปก่อเหตุมันจะมีปัญหาไม๊เนี่ย....


หัวข้อ: Re: มาอีกแล้ว ข่าวแง่ลบกับเรื่องปืน
เริ่มหัวข้อโดย: Choro - รักในหลวง ที่ พฤศจิกายน 11, 2010, 11:58:15 AM
 อะไรๆ ก็โทษปืน


หัวข้อ: Re: มาอีกแล้ว ข่าวแง่ลบกับเรื่องปืน
เริ่มหัวข้อโดย: RO 04 ที่ พฤศจิกายน 11, 2010, 11:58:56 AM
ขอรวมกระทู้ครับ.


หัวข้อ: Re: ข่าวความรุนแรงของการใช้อาวุธปืนจากเวปผู้จัดการ
เริ่มหัวข้อโดย: permsak ที่ พฤศจิกายน 11, 2010, 12:07:57 PM
ผมว่าปืนที่เด็กนำมาเล่นแล้วถูกเพื่อนๆบาดเจ็บและเสียชีวิตส่วนใหญ่แล้วขาดความรอบคอบของผู้ใหญ่ที่ใช้ปืนแล้วไม่ระวังเช่นใส่ลูกแล้วพร้อมใช้เก็บไว้ใต้หมอน โดยไม่ได้เก็บไว้ที่มิชิด เช่นในตู้เซฟแล้วล๊อคกุญแจ หลังจากเลิกใช้งานแล้ว ไม่เคลียร์ลูกออก และที่สำคัญคือ
ความซุกซนของเด็กอยากรู้อยากลองเพราะเห็นในหนังเขาทำแบบไหนจะเลียนแบบ พระเอก ดังนั้นผู้ปกครอง หรือผู้ใหญ่ควรจะให้ความรู้
เรื่องปืนแก่เด็ก และหากเข้าสนามก็ควรนำเขาไปด้วยให้คุ้นเคย หรือส่งเขาอบรมในสนามเลยทำให้เด็กๆเหล่านั้นเข้าใจกฏความปลอดภัย
ของการใช้อาวุธปืน ซึ่งเรื่องนี้เห็นเกิดขึ้นบ่อยๆ บางครั้งก็เป็น จนท.ในเครื่องแบบที่เลิกจากงานประจำแล้วไปถึงบ้านก็ไม่ได้เคลียร์ปืนแล้วเก็บให้พ้นมือเด็กเลยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้บ่อยครั้ง ดังนั้นจึงขอภาวนาว่าอย่าให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีกเลยหากผู้ใหญ่ให้ความสำคัญ
กับการใช้ปืนและหลังเลิกใช้ให้เป็นนิสัยเคยชิน เชื่อว่าคงลดลงบ้าง ::004::


หัวข้อ: Re: ข่าวความรุนแรงของการใช้อาวุธปืนจากเวปผู้จัดการ
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ พฤศจิกายน 11, 2010, 12:48:01 PM
ทั้งหมดมีรากเหง้าอยู่ที่การบังคับใช้กฎหมายครับ, เหมือนงูกินหาง, หรือไก่กับไข่อะไรมันจะเกิดก่อนครับ... คนซื้อปืนก็เพราะไม่เชื่อว่าตำรวจจะคุ้มครองตัวเองได้ แล้วก็มีคนอีกกลุ่มหนึ่งบอกว่าก็เพราะมีปืนนั่นแหละ ทำให้เกิดความรุนแรง...


หัวข้อ: Re: ข่าวความรุนแรงของการใช้อาวุธปืนจากเวปผู้จัดการ
เริ่มหัวข้อโดย: somkeat rtmc-love king ที่ พฤศจิกายน 11, 2010, 12:56:11 PM
สิทธิ เสรีภาพ เป็นของทุกๆคน สิทธิในการป้องกันอันตรายมีอยู่กับมนุษย์ทุกผู้ทุกนาม "ssmmon colt กล่าว่า พระเจ้าสร้างมนุษย์มาสูงต่ำดำขาวไม่เท่ากัน แต่โคลท์ทำให้ทุกคนเท่าเทียมกัน " (แต่นายอำเภอทำให้ไม่ค่อยเท่าเทียมกัน )เกี่ยวกันใหมนี่ ;D ;D


หัวข้อ: Re: ข่าวความรุนแรงของการใช้อาวุธปืนจากเวปผู้จัดการ
เริ่มหัวข้อโดย: Tืa์M๊ ┇รัnใuxaวJ ที่ พฤศจิกายน 11, 2010, 01:42:59 PM
ถ้าโลกนี้ไม่มีอาวุธ  ผมว่าคนเราก็คงใช้ หมัด เท้า เข่า ศอก ฆ่ากันอยู่ดีครับ
ปืนเป็นเพียงเครื่องมือชิ้นหนึ่งเท่านั้น   จิตใจคนต่างหากที่น่ากลัวที่สุด


หัวข้อ: Re: ข่าวความรุนแรงของการใช้อาวุธปืนจากเวปผู้จัดการ
เริ่มหัวข้อโดย: yakdee ที่ พฤศจิกายน 11, 2010, 01:53:52 PM
นักข่าวสำนักนี้...มีเพียงปากกา และเทียน 1 เล่ม เท่านั้น....ในการสื่อสาร
บวกด้วยความเชื่อ....อันเป็นคุณสมบัติเฉพาะตนเอง......นำมาเป็นแนวทาง

อย่าไปคิดอะไรมากเลยครับ.....ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป...


หัวข้อ: Re: ข่าวความรุนแรงของการใช้อาวุธปืนจากเวปผู้จัดการ
เริ่มหัวข้อโดย: chagreen ที่ พฤศจิกายน 11, 2010, 02:44:43 PM
เขียนบทความกันไม่นึกถึงคนที่ใช้ปืนในทางที่ดีเลย ::004::


หัวข้อ: Re: ข่าวความรุนแรงของการใช้อาวุธปืนจากเวปผู้จัดการ
เริ่มหัวข้อโดย: s_chai รักในหลวง ที่ พฤศจิกายน 11, 2010, 03:16:18 PM
ผมไม่รู้ว่ามีรถอยู่กี่คัน แต่ผมว่ารถฆ่าคนมากกว่าปืนนะ เทศกาลเดียวไม่ต่ำกว่าสามร้อยคน


หัวข้อ: Re: ข่าวความรุนแรงของการใช้อาวุธปืนจากเวปผู้จัดการ
เริ่มหัวข้อโดย: RMAY ที่ พฤศจิกายน 11, 2010, 03:28:02 PM
ที่ขับรถชนคนตาย ทำไมไม่โทษ รถกันบ้าง   ::006:: ::006:: ::006::


หัวข้อ: Re: ข่าวความรุนแรงของการใช้อาวุธปืนจากเวปผู้จัดการ
เริ่มหัวข้อโดย: DekWatPa_รักในหลวง ที่ พฤศจิกายน 11, 2010, 03:44:34 PM
จากบทความผมเองก็กำลังจะบอกคนเขียนบทความนี้เหมือนกันว่าให้กลับไปใช้พิมพ์ดีดเหมือนสมัยก่อนครับ ::001::  เพราะคอมพิวเตอร์ที่คุณใช้นั้นก็ก่อให้เกิดอันตรายและก่อให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินได้ไม่แพ้กับปืน สมมุติว่ามีแฮคเกอร์เข้าไปแอบขโมยโอนเงินของคุณทั้งหมดที่อยู่ในธนาคารไปใช้นะครับ ใช่คุณอาจไม่เสียชีวิตแต่สูญเสียทรัพย์และอาจจะต้องตายทั้งเป็น เพราะกว่าธนาคารจะติดตามสืบเสาะเอาเงินมาคืนให้ คุณอาจจำเป็นต้องขายบ้านขายรถ มีหนี้สินขึ้นมาทันตาเห็น เพื่อเอาเงินมาใช้เลี้ยงชีพเพราะถูกขโมยเงิน(อยู่ดีๆก็จนลงซะงั้น) ทุกอย่างมีทั้งคุณประโยชน์และโทษครับ อาวุธปืนก็เหมือนกัน สักวันหนึ่งคุณเองอาจจะต้องใช้มันเพราะความจำเป็น  ::004::เศร้า ::004::...กับวงการสื่อที่นับวันยิ่งกว่าพวกลัทธิบูชาเงินเสียอีก ข่าวไหนเขียนไปแล้วยอดขายดีมีคนซื้ออ่านก็เขียนได้เป็นกระบุง ข่าวไหนเงินน้อยสามบรรทัดจบ ส่งต้นฉบับไปบก.ก็คัดทิ้งเปลืองเนื้อที่โฆษณา ผมเองเป็นคนหนึ่งที่ยังไม่มีทั้งปืนที่ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ถูกต้องตามกฎหมายมาครอบครอง แต่ศึกษาหาข้อมูล พยายามไปสนามยิงปืนเพื่อดูวิธีการใช้ปืนที่ถูกต้องจากผู้เชี่ยวชาญ ติดตามข่าวโครงการฝึกอบรมในการใช้อาวุธปืน เมื่อพร้อมทั้งความรู้,กำลังทรัพย์และเอกสาร ก็จะยื่นเอกสารขอซื้อปืนทันที ซึ่งก็เลือกไว้ที่GLOCKครับ  


หัวข้อ: Re: ข่าวความรุนแรงของการใช้อาวุธปืนจากเวปผู้จัดการ
เริ่มหัวข้อโดย: Ruk™-รักในหลวง ที่ พฤศจิกายน 11, 2010, 03:50:40 PM
   ทำไมเขาไม่เปรียบเทียบให้เห็นระหว่างคนที่บา่ดเจ็บและล้มตายจากอาวุธปืน และคนที่บา่ดเจ็บ
และล้มตายจากอุบัติเหตุจราจรบนท้องถนน ว่าอะไรเกิดมากกว่ากัน
   


หัวข้อ: Re: ข่าวความรุนแรงของการใช้อาวุธปืนจากเวปผู้จัดการ
เริ่มหัวข้อโดย: MJTactical ที่ พฤศจิกายน 11, 2010, 05:28:23 PM
กรณีเด็กม.3 ทำปืนลั่นโดนเพื่อนตาย

เรื่องของเรื่องคือเด็กไม่มีความรู้เรื่องปืน แยกไม่ออกว่ากระบอกไหนปืนตริงหรือปืนของเล่น

ไม่รู้เรื่องกฏแห่งความปลอดภัย มันจึงเกิดเหตุแบบนี้ขึ้นมา

ปืนใช่ว่าจะเป็นต้นเหตุแห่งความรุนแรงเสมอไป เรื่องแบบนี้ขึ้นอยู่กับตัวบุคคลครับ

ว่าจะใช้ปืนไปในทางไหน ปืนมันเป็นแค่อุปกรณ์


หัวข้อ: Re: ข่าวความรุนแรงของการใช้อาวุธปืนจากเวปผู้จัดการ
เริ่มหัวข้อโดย: JJ-รักในหลวง ที่ พฤศจิกายน 11, 2010, 06:32:12 PM
การกล่าวโทษปืนมันง่ายดีครับพี่  เหมือนกับพูดว่าไฟไหม้เพราะไฟฟ้าลัดวงจร  พูดว่ารถเลื่อนทับคนเพราะเกียร์ออโต  ผมยังงงว่าถ้าเกียร์มันไม่อยู่ที่ N มันจะสตาทเครื่องจนรถพุ่งไปทับคนได้ยังไง
เข้าใจเปรียบเทียบดีครับ +1


หัวข้อ: Re: ข่าวความรุนแรงของการใช้อาวุธปืนจากเวปผู้จัดการ
เริ่มหัวข้อโดย: songchai_n ที่ พฤศจิกายน 11, 2010, 10:05:36 PM
ไปถามคนในชุมชนบ่อนไก่ หรือบ้านแถวๆแยกราชประสงค์ ที่อยู่ในสภาพสงครามกลางเมือง ครั้งที่แล้วดีไหม..."ผมนึกถึงปืนจับใจเลย ทำไมเราไม่ขอเอาไว้ป้องกันตัวบ้าง" "ทั้งบ้านมีมีดอีโต้ เล่มเดียว นี่ถ้าบุกกันเข้ามา ก็ไม่รู้จะทำไงเหมือนกัน" "จะออกไปหนูก็ไม่กล้า กลัว อยู่บ้านก็ได้ยินแต่เสียงทุบกระจก กระแทกประตูบ้าน ปิดไฟมืด นั่งร้องให้อยู่ข้างใน" หรือเอาแบบคนต่างจังหวัดดี "โอย แถวนี้เขามีแรงๆกันทั้งนั้นล่ะคุ๊ณ 357, 11 เฝ้าสวนอยู่ คนเดียว มันหอบมามีทั้งเอ็ม ทั้งอาก้า ของเรานี่กลายเป็นของเด็กเล่นไปเลย" "มันมากันสี่คนพี่ พอเห็นลูกซองผมในมือ ก็บอกว่า พูดจาอะไรระวังหน่อย แล้วก็พากันกลับไป นี่ถ้าวันนั้น ไม่มีไอ้นี่อยู่กับตัว คงจมกองเท้า ไม่ก็เป็นศพไปแล้ว"

 อยากพูดอะไรก็พูดไป ถ้าห้ามคนร้ายไม่ได้ อย่ามาห้ามไม่ให้เรามี


หัวข้อ: Re: ข่าวความรุนแรงของการใช้อาวุธปืนจากเวปผู้จัดการ
เริ่มหัวข้อโดย: BIG BERETTA ที่ พฤศจิกายน 13, 2010, 10:12:22 PM
 :)โดยความเคารพครับเพื่อน ๆ ชาวเว๊ป เขากล่าวถึงปัญหาอาชญากรรมนะครับ ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากอาชญากร ซึ่งส่วนใหญ่ใช้ปืนเถือน แล้วเราชาวเว๊ปจะไปเดือดร้อนกันทำไมล่ะครับ  เข้าใจครับว่าเขาเอาสิ่งที่เรารักและชอบมาเป็นประเด็นแต่มันคนละส่วนกันนะครับ หรือกลัวว่าข้อความดังกล่าวจะทำให้ในอนาคตพวกเราจะซื้อปืนยาก