หัวข้อ: ลาก่อนความโกหก เริ่มหัวข้อโดย: pasta ที่ พฤศจิกายน 29, 2010, 11:48:05 AM บทความดีๆเกี่ยวกับการโกหก.. แม้เราทุกคนจะได้รับการสั่งสอนจากผู้ใหญ่มาตั้งแต่เล็กแต่น้อย ให้พูดแต่ความจริง ไม่ให้พูดโกหก และสำหรับชาวพุทธ การโกหกถือเป็นการผิดศีล แต่จะด้วยเหตุผลใดก็ตาม แทบทุกคนไม่มีใครที่ตลอดชีวิตไม่เคยโกหกเลย ...
การโกหกเป็นสิ่งไม่ดี เราทุกคนรู้และไม่มีใครชอบ แต่เพราะอะไร ทำไมถึงต้องโกหก ยิ่งใกล้ชิดยิ่งโกหก นักจิตวิทยาพบว่า มนุษย์เริ่มโกหกเป็นตั้งแต่อายุ 2 ขวบ และเมื่ออายุได้ 5 ขวบ ความสามารถในการโกหกจะได้รับการพัฒนาขึ้นอีกมาก แต่อย่าเพิ่งตกใจไป เพราะในทางจิตวิทยาถือว่าการโกหกเป็นธรรมชาติของเด็กที่เกิดขึ้นอย่างบริสุทธิ์ ไม่มีพิษมีภัย เพราะเด็กยังไม่สามารถแยกแยะจินตนาการออกจากความจริงได้ เด็กมักโกหกเพราะความกลัว ต้องการเลียนแบบและเรียกร้องความสนใจจากผู้ใหญ่ แต่เมื่อโตขึ้น ไม่ว่าหญิงและชาย ประเภทและระดับการโกหกจะยิ่งมากขึ้นและซับซ้อนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ งานวิจัยล่าสุดของ โรเบิร์ต เฟลด์แมน อาจารย์ด้านจิตวิทยา มหาวิทยาลัยแมสซาซูเซตส์ และผู้เขียนหนังสือเรื่อง The Liar in Your Life พบว่า ระหว่างการสนทนาทุกๆ 10 นาที จะมีการโกหกประมาณ 2-3 ครั้ง และในบางคู่สนทนาอาจเกิดขึ้นได้มากถึง 12 ครั้ง เจมส์ แพตเตอร์สัน ผู้เขียนหนังสือ The Day America Told the Truth เผยว่า ไม่ว่าคู่สนทนาจะเป็นใครก็ตามแต่ แทบทุกครั้งของการสนทนามักจะมีเรื่องโกหกร่วมอยู่ด้วยเสมอ เป็นไปไม่ได้เลยที่ทุกคนจะพูดความจริงต่อกันทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาคนใกล้ชิดอย่างคู่รัก พ่อ แม่ ลูก โกหกกันเพื่ออะไร การโกหกเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลาตราบเท่าที่มีการสื่อสารกัน แม้กระทั่งการสื่อสารข้อความผ่านอีเมล หรือการส่งข้อความสั้นทางโทรศัพท์ (sms)ก็เป็นอีกช่องทางยอดฮิตในการโกหก พอล เอ๊กแมน ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยา มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ซึ่งศึกษาเรื่องการโกหกมานานกว่าสี่สิบปี ลงความเห็นว่า มนุษย์ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการโกหกได้ ดังนั้นการทำความเข้าใจเรื่องการโกหกจะเป็นผลดีต่อชีวิตว่าจะดีขึ้นแค่ไหน เราคงต้องมาพิจารณาดูประเภทของการโกหกก่อน โกหกสีขาว (White Lie) เป็นการโกหกด้วยเจตนาดี เพื่อถนอมความรู้สึกและรักษาน้ำใจ แทนที่จะบอกความจริงที่เชื่อว่าผู้ฟังคงรับไม่ได้ออกไป บางครั้งการโกหกในลักษณะนี้เป็นการพูดเพื่อให้กำลังใจอีกฝ่าย เรียกได้ว่าเป็นการโกหกเพื่อทำให้ผู้อื่นมีความสุขนั่นเอง งานวิจัยหลายชิ้นระบุว่า การ รู้จักโกหกเพื่อเข้าสังคมนั้น ส่งผลให้บุคคลนั้นๆ เป็นที่ชื่นชอบของคนในสังคมมากกว่าผู้ที่พูดแต่ความจริงเพราะการเข้าสังคมบางครั้งจำเป็นต้องปรุงแต่คำพูดซึ่งต่างไปจากความรู้สึกที่แท้จริงเพื่อให้คู่สนทนาสบายใจและประทับใจ โกหกเพื่อปกป้องตนเอง เป็นการโกหกเพื่อการเอาตัวรอด เช่นกลัวความผิด กลัวถูกทอดทิ้ง กลัวเสียเกียรติ กลัวการเผชิญหน้า กลัวความผิดหวัง ฯลฯ การโกหกประเภทนี้ในบางครั้งอาจร้ายแรงถึงขั้นโยนความผิด ใส่ความผู้อื่น เป็นพยานเท็จ ฯลฯ โกหกเพื่อหวังผลประโยชน์ เป็นการโกหกเพื่อทำให้ตนเองได้รับการยอมรับ ความไว้วางใจ ได้โอกาสในการทำงาน มักเป็นในรูปของการปลอมแปลงข้อมูลทางคุณวุฒิ คุณสมบัติ ฐานะการเงิน ฯลฯ โกหกตนเอง มักเกิดกับคนที่สูญเสียความมั่นใจ สับสน และหวาดกลัวความจริง คนประเภทนี้มักสร้างเรื่อง หลอกตนเองให้คลายจากความทุกข์ชั่วขณะ เช่นหลอกว่าคนรักที่ทอดทิ้งไปยังมีใจให้อยู่เสมอ และสุดท้ายคนเหล่านี้มักโทษตนเอง อาจเลยไปถึงขั้นทำร้ายร่างกายตนเองหรือตกอยู่ในภาวถซึมเศร้าก็มี และเมื่อไรก็ตามที่การโกหกลักษณะนี้มีการพัฒนาการมากขึ้น ข้อมูลที่ไม่จริงทั้งหลายก็จะถูกตอกย้ำใส่หูตนเองซ้ำๆ จนตัวเองเริ่มเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง จากนั้นจึงนำเรื่องไม่จริง(ที่ตัวเองเชื่อว่าจริง)นี้ไปบอกผู้อื่นต่อ ทางจิตเวชถือว่าอาการเช่นนี้อยู่ในข่ายอันตรายที่ต้องได้รับการบำบัดเยียวยาอย่างเร่งด่วน ผู้ชาย เพราะผู้หญิงมีความสามารถในการใช้สมองซีกขวา รวบรวมเรื่อง จัดการอารมณ์และความรู้สึกได้ดีกว่าผู้ชาย ผู้หญิงมักโกหกเพื่อถนอมความรู้สุก รักษาน้ำใจของคนใกล้ชิด ผู้ชาย * มักโกหกเพื่อผลประโยชน์ของตนเองและมักเห็นว่าการโกหกเป็นทางออกที่ง่ายที่สุด สถิคิโดยเฉลี่ย ผู้ชายจะโกหกมากถึง 6 ครั้งต่อวัน ขณะที่ผู้หญิงจะโกหกเพียง 2 ครั้งต่อวัน - ประโยคโกหกยอดฮิตของทั้งหญิงและชาย ไม่เป็นไร สบายดี - ประโยคโกหกยอดฮิตที่ทำให้คนรักหน้ามืดตามัว คุณเป็นคนเดียวที่ฉันจะรักจนวันตาย - ประโยคโกหกยอดฮิตที่คนมักใช้กับคนรักเพื่อหวังให้อีกฝ่ายใจอ่อนยอมยกโทษให้ รับรองจะไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย จะรู้ได้อย่างไรว่าใครโกหก นักจิตวิทยาพบสถิติที่น่าสนใจว่า บรรดาคนพูดโกหกจำนวนกว่า 75 เปอร์เซ็นต์ หากพบว่าไม่มีใครจับได้ คนเหล่านั้นก็มีแนวโน้มจะพูดโกหกต่อไปเรื่อยๆ เพราะเห็นว่าการโกหกเป็นเรื่องธรรมดา แต่เชื่อหรือไม่ว่า ไม่ว่าคนคนนั้นจะโกหกได้แนบเนียนอย่างไร ก็ไม่อาจปิดบังปฏิกิริยาในร่างกายขณะโกหกได้ เช่นอัตราการเต้นของหัวใจและชีพจรจะไม่สม่ำเสมอ เหงื่อจะออกมากขึ้น อุณหภูมิในร่างกายสูงขึ้น ที่สำคัญระดับความดันโลหิจจะสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดการระคายเคืองในระดับเนื้อเยื่อ เช่นบริเวณจมูก ลำคอ ใบหน้า คนที่กำลังโกหกจึงมักเกาหรือถูผิวหนังบริเวณนั้นบ่อยๆเพื่อลดการระคายเคือง อาการผิดปกติที่พบเห็นทั่วไปเมื่อเวลาโกหก 1. หลบสายตา กะพริบตาหรือกลอกตามองซ้ายขวาไปมาบ่อยครั้งอย่างไม่จำเป็น 2. กลืนน้ำลายบ่อยกว่าปกติ อาการนี้ผู้ชายจะเป็นมากกว่า 3. น้ำเสียงไม่ปกติ ขึ้นเสียง โวยวายเมื่อถูกถามซ้ำๆเพราะคนโกหกจะไม่สามารถจดจำรายละเอียดเล็กๆน้อยๆได้นาน หรือเล่าความได้ครบถ้วนเหมือนตอนที่เล่าครั้งแรก 4. ตอบคำถามด้วยการย้ำคำพูดหรือหยุดชะงัก ก่อนจะตอบคำถามแบบยืดยาวด้วยการทวนคำถามอีกรอบ ทั้งนี้เพื่อประวิงเวลาในการสร้างเรื่องโกหก โกหกแล้วได้อะไร อันดับแรกคือ ความโล่งอกที่หลุดพ้นภาวะหน้าสิ่วหน้าขวานนั้นมาได้ แต่สิ่งที่จะตามมาติดๆคือ ความกังวลใจ กลัวไปสารพัด เพราะไม่อยากถูกจับได้ แต่ยิ่งกลัวมากเท่าไร โอกาสที่การโกหกจะลุกลามต่อไปก็มีมากยิ่งขึ้นเท่านั้น เพราะเมื่อกลัวว่าที่โกหกไปแล้วจะไม่แนบเนียนก็ย่อมต้องโกหกเรื่องอื่นๆ ตามมาเพื่อเสริมความน่าเชื่อถือขึ้นอีกเป็นชั้นๆ บางกรณีเมื่อโกหกแล้วยังไม่มีใครจับได้ ก็ได้ใจและทำต่อไปเรื่อยๆ สำหรับบางคนเลยเป็นสิ่งที่กลายเป็นนิสัยที่แก้ไม่หาย แต่ความลับไม่มีในโลก ดังนั้นไม่ว่าการโกหกจะถูกเปิดโปงด้วยวิทยาการล้ำสมัยหรือเป็นการจนมุมง่ายๆด้วยวิธีใดก็ตามที ผลที่ผู้โกหกจะได้รับคงไม่แตกต่างไปจากเด็กเลี้ยงแกะที่ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว ไม่มีใครเชื่อถือและให้ความไว้วางใจอีกต่อไป ก๊อปปี้มาจากเวปอื่นครับ ;D สวัสดีครับ... pasta ::014:: :VOV: :VOV: :VOV: หัวข้อ: Re: ลาก่อนความโกหก เริ่มหัวข้อโดย: อนัตตา ที่ พฤศจิกายน 29, 2010, 11:59:41 AM ขอบคุณครับ ว่ากันว่าการโกหกไม่ยาก แต่จะยากตรงที่มันต้องโกหกตลอดไปให้เหมือนเดิม เช่นโกหกภรรยาเป็นต้น :~)
หัวข้อ: Re: ลาก่อนความโกหก เริ่มหัวข้อโดย: Ro@d - รักในหลวง ที่ พฤศจิกายน 29, 2010, 12:11:02 PM ขอบคุณมาก + ๑ ให้แล้ว ครับ.. :D
หัวข้อ: Re: ลาก่อนความโกหก เริ่มหัวข้อโดย: pasta ที่ พฤศจิกายน 29, 2010, 12:19:23 PM ขอบคุณมาก + ๑ ให้แล้ว ครับ.. :D กราบขอบคุณครับพี่ ::014:: :VOV: หัวข้อ: Re: ลาก่อนความโกหก เริ่มหัวข้อโดย: M 60 - 7 รักในหลวง ที่ พฤศจิกายน 29, 2010, 12:21:12 PM "โกหกสีขาว (White Lie) เป็นการโกหกด้วยเจตนาดี เพื่อถนอมความรู้สึกและรักษาน้ำใจ แทนที่จะบอกความจริงที่เชื่อว่าผู้ฟังคงรับไม่ได้ออกไป บางครั้งการโกหกในลักษณะนี้เป็นการพูดเพื่อให้กำลังใจอีกฝ่าย เรียกได้ว่าเป็นการโกหกเพื่อทำให้ผู้อื่นมีความสุขนั่นเอง"
:Dผมทำบ่อยครับ เวลากลับบ้านดึกๆ ขอบคุณท่าน pasta ครับ หัวข้อ: Re: ลาก่อนความโกหก เริ่มหัวข้อโดย: pasta ที่ พฤศจิกายน 29, 2010, 12:32:02 PM "โกหกสีขาว (White Lie) เป็นการโกหกด้วยเจตนาดี เพื่อถนอมความรู้สึกและรักษาน้ำใจ แทนที่จะบอกความจริงที่เชื่อว่าผู้ฟังคงรับไม่ได้ออกไป บางครั้งการโกหกในลักษณะนี้เป็นการพูดเพื่อให้กำลังใจอีกฝ่าย เรียกได้ว่าเป็นการโกหกเพื่อทำให้ผู้อื่นมีความสุขนั่นเอง" :Dผมทำบ่อยครับ เวลากลับบ้านดึกๆ ขอบคุณท่าน pasta ครับ ครับผม ::014:: :VOV: หัวข้อ: Re: ลาก่อนความโกหก เริ่มหัวข้อโดย: ขุนช้าง-รักในหลวงและสมเด็จพระเทพ ที่ พฤศจิกายน 29, 2010, 12:40:58 PM ผมทำบ่อยครับเวลาสาวๆถามว่า อ้วนไหม กับข้าวอร่อยเปล่า ความจริงเป็นสิ่งไม่ตายครับ แต่ถ้าพูดความจริงไปผมจะตายก่อนได้ ::005:: ::005:: ::005::
หัวข้อ: Re: ลาก่อนความโกหก เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ พฤศจิกายน 29, 2010, 12:51:51 PM อาชีพผมยิ่งแล้วใหญ่ครับน้าอรรถ ::004:: จะสบายใจได้พูดจริงจากใจก็ตอนอยู่กับเพื่อนฝูงนี่แหละ ::013:: หัวข้อ: Re: ลาก่อนความโกหก เริ่มหัวข้อโดย: ขุนช้าง-รักในหลวงและสมเด็จพระเทพ ที่ พฤศจิกายน 29, 2010, 12:55:21 PM อาชีพผมยิ่งแล้วใหญ่ครับน้าอรรถ ::004:: จะสบายใจได้พูดจริงจากใจก็ตอนอยู่กับเพื่อนฝูงนี่แหละ ::013:: พอกันครับพี่ มีแต่สังคมคนเวปนี้เท่านั้นที่ผมกล้าพูดตรงๆด้วย อาชีพผมเองถ้าพูดตรงหมดได้มีคนฆ่าตัวตายแน่ๆ ::014:: ::014:: ::014:: หัวข้อ: Re: ลาก่อนความโกหก เริ่มหัวข้อโดย: ฅนบ้านนอก ที่ พฤศจิกายน 29, 2010, 12:58:39 PM ขอบคุณท่านพาสต้ามากครับสำหรับสิ่งดีๆที่คอยบอกคอยเตือนสติ แต่บางครั้ง ผมรู้ว่าเขาโกหกเขาหลอกผมก็แกล้งทำเป็นไม่รู้ครับ....(บางกรณี)... ::014:: หัวข้อ: Re: ลาก่อนความโกหก เริ่มหัวข้อโดย: RMAY ที่ พฤศจิกายน 29, 2010, 01:12:20 PM ผมทำบ่อยครับเวลาสาวๆถามว่า อ้วนไหม กับข้าวอร่อยเปล่า ความจริงเป็นสิ่งไม่ตายครับ แต่ถ้าพูดความจริงไปผมจะตายก่อนได้ ::005:: ::005:: ::005:: กาลครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว ภรรยา นี่ เธอวันนี้จะกินอะไร ดีจ๊ะ :VOV: สามี อะไรก็ได้จ๊ะ ภรรยา งั้นผัดผัก รวมมิตรนะ สามี ก็ได้ หลังจากนั้น ภรรยาก็หายเข้าไปในครัว 1 ชั่วโมง ภรรยา ตะโกนออกมาจากใน ครัว ว่า กับข้าวเสร็จแล้ว พร้อมตักมาให้ สามี ชิม สามี ในขณะที่ชิม :OO ::010:: ::010:: ::010:: ::010:: ::010:: :~) :~) ภรรยา อร่อยมั้ย ขาดอะไรบ้าง สามี เอ่อ.....อืม..... (ย้อนกลับไปเมื่อ เดือนที่แล้ว สถานการณ์นี้เคยกิดขึ้น มาแล้ว 1 ครั้ง ยังจำแม่น กับคำถามที่ว่า อร่อยมั้ย ขาด อะไรบ้าง ตอนนั้นตอบไปว่า " โคตรเค็มเลยอ่ะ" :~) ก็โดนสวนกลับว่า "ทำไมไม่ทำเองเลย ว่ะ พอกรูทำก็บ่น" >:( ย้อนกลับมา เวลาปัจุบัน กับคำถาม เดิมอีกครั้ง กับคำถามที่ ขาดอะไรอีกมั้ย สามี "ก็อร่อย ดี น่ะ" ขณะนั้น ความคิดเริ่มแล่น เข้ามาใน สมอง แล้ว เค้าก็ ปิ้ง ๆๆๆ ;D พร้อมพูดในใจว่า ออกไปข้างนอกดีกว่า เดี๋ยวให้แม่ยายกลับมาก่อน ::005:: ::005:: สามี นี่เธอ ผมออกไปข้างนอกเดี๋ยวนะ จะไป บ้าน ........ เดี๋ยว ภรรยา รีบไปรีบกลับ นะ :VOV: :VOV: สามี จ้า ::007:: ::007:: ::007:: ::007:: ::007:: ผู้เป็น สามี ใช้เวลา อยู่ 2 ชั่วโมงกับร้านน้ำชา หน้าปากซอย และคอยดูแม่ยายว่ากลับมาตอนไหน เมื่อแม่ยายกลับเข้าไปในบ้าน ได้ 20 นาที ผู้เป็นสามี ก็ตามแม่ยายเข้าไปใน บ้าน พร้อมกับได้ยินเสียงว่า แม่ยาย โอ้โห :o นี่กับข้าวหรือ อาหารแมว ว่ะ แบบนี้ใครจะกินลง ::012:: ::013:: ภรรยา ก็เมื่อกี้ พี่เค้าบอกว่าอร่อยดีนี่ ??? แม่ยาย อร่อย ของ มึงคนเดียวซิ สามีก็เข้ามาแจม พอดี สามี เถอะน่านะ อะไร ผมก็กินได้ เรื่องแค่นี้เอง อย่ามีเรื่อง มีราวกันเลย ::008:: แม่ยายเลยเอา ผัดผักเข้าครัวเพื่อแก้ รสชาดใหม่ทั้งหมด ในขณะที่สามี บอกกับ ภรรยาว่า " เถอะน่า ปล่อยๆแกบ้าง แกอยากทำอะไร อย่าไปขัดแก นะ แก แม่เรา นะ " ::008:: ภรรยา เงียบ หน้างอ งอนแม่ยาย ::004:: ::001:: ::001:: ::001:: สามี นึกในใจว่า "กูรอดตายแล้วโว้ย ได้กินกับข้าวอร่อยฝีมือแม่ยาย แถมไม่ต้อง แดรก ไอ้ผัดผัก นรกนั้น" ::007:: ::007:: ::007:: ::007:: ::007:: จบ.... หัวข้อ: Re: ลาก่อนความโกหก เริ่มหัวข้อโดย: วุธ อุดร -รักในหลวง~ ที่ พฤศจิกายน 29, 2010, 01:21:39 PM ผมทำบ่อยครับเวลาสาวๆถามว่า อ้วนไหม กับข้าวอร่อยเปล่า ความจริงเป็นสิ่งไม่ตายครับ แต่ถ้าพูดความจริงไปผมจะตายก่อนได้ ::005:: ::005:: ::005:: กาลครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว ภรรยา นี่ เธอวันนี้จะกินอะไร ดีจ๊ะ :VOV: สามี อะไรก็ได้จ๊ะ ภรรยา งั้นผัดผัก รวมมิตรนะ สามี ก็ได้ หลังจากนั้น ภรรยาก็หายเข้าไปในครัว 1 ชั่วโมง ภรรยา ตะโกนออกมาจากใน ครัว ว่า กับข้าวเสร็จแล้ว พร้อมตักมาให้ สามี ชิม สามี ในขณะที่ชิม :OO ::010:: ::010:: ::010:: ::010:: ::010:: :~) :~) ภรรยา อร่อยมั้ย ขาดอะไรบ้าง สามี เอ่อ.....อืม..... (ย้อนกลับไปเมื่อ เดือนที่แล้ว สถานการณ์นี้เคยกิดขึ้น มาแล้ว 1 ครั้ง ยังจำแม่น กับคำถามที่ว่า อร่อยมั้ย ขาด อะไรบ้าง ตอนนั้นตอบไปว่า " โคตรเค็มเลยอ่ะ" :~) ก็โดนสวนกลับว่า "ทำไมไม่ทำเองเลย ว่ะ พอกรูทำก็บ่น" >:( ย้อนกลับมา เวลาปัจุบัน กับคำถาม เดิมอีกครั้ง กับคำถามที่ ขาดอะไรอีกมั้ย สามี "ก็อร่อย ดี น่ะ" ขณะนั้น ความคิดเริ่มแล่น เข้ามาใน สมอง แล้ว เค้าก็ ปิ้ง ๆๆๆ ;D พร้อมพูดในใจว่า ออกไปข้างนอกดีกว่า เดี๋ยวให้แม่ยายกลับมาก่อน ::005:: ::005:: สามี นี่เธอ ผมออกไปข้างนอกเดี๋ยวนะ จะไป บ้าน ........ เดี๋ยว ภรรยา รีบไปรีบกลับ นะ :VOV: :VOV: สามี จ้า ::007:: ::007:: ::007:: ::007:: ::007:: ผู้เป็น สามี ใช้เวลา อยู่ 2 ชั่วโมงกับร้านน้ำชา หน้าปากซอย และคอยดูแม่ยายว่ากลับมาตอนไหน เมื่อแม่ยายกลับเข้าไปในบ้าน ได้ 20 นาที ผู้เป็นสามี ก็ตามแม่ยายเข้าไปใน บ้าน พร้อมกับได้ยินเสียงว่า แม่ยาย โอ้โห :o นี่กับข้าวหรือ อาหารแมว ว่ะ แบบนี้ใครจะกินลง ::012:: ::013:: ภรรยา ก็เมื่อกี้ พี่เค้าบอกว่าอร่อยดีนี่ ??? แม่ยาย อร่อย ของ มึงคนเดียวซิ สามีก็เข้ามาแจม พอดี สามี เถอะน่านะ อะไร ผมก็กินได้ เรื่องแค่นี้เอง อย่ามีเรื่อง มีราวกันเลย ::008:: แม่ยายเลยเอา ผัดผักเข้าครัวเพื่อแก้ รสชาดใหม่ทั้งหมด ในขณะที่สามี บอกกับ ภรรยาว่า " เถอะน่า ปล่อยๆแกบ้าง แกอยากทำอะไร อย่าไปขัดแก นะ แก แม่เรา นะ " ::008:: ภรรยา เงียบ หน้างอ งอนแม่ยาย ::004:: ::001:: ::001:: ::001:: สามี นึกในใจว่า "กูรอดตายแล้วโว้ย ได้กินกับข้าวอร่อยฝีมือแม่ยาย แถมไม่ต้อง แดรก ไอ้ผัดผัก นรกนั้น" ::007:: ::007:: ::007:: ::007:: ::007:: จบ.... นินทาเมียมันบาปนะบัง ::005:: หัวข้อ: Re: ลาก่อนความโกหก เริ่มหัวข้อโดย: RMAY ที่ พฤศจิกายน 29, 2010, 01:22:44 PM อาชีพผมยิ่งแล้วใหญ่ครับน้าอรรถ ::004:: จะสบายใจได้พูดจริงจากใจก็ตอนอยู่กับเพื่อนฝูงนี่แหละ ::013:: การค้าการขายก็ต้องโกหกเป็นธรรมดา ครับ ลุง ผมก็โกหก ยอมรับ ผมไม่กล้าพูดหรอกครับ สายชารท์ มาเส้น นึง 15-18 บาท ขาย 100 ลูกค้าต่ออย่างมากก็ได้แค่ 80 บาท โอ้ย นี้ก็เท่าทุนแล้ว ลดไม่ได้ ผมไม่บอกหรอก ครับ มันมาเส้นนึง 18 บาท ขาย 80 บาทเนี้ย เท่าทุนแล้ว ::007:: ::007:: โดนถีบ เอาง่ายๆ :~) :~) หัวข้อ: Re: ลาก่อนความโกหก เริ่มหัวข้อโดย: อนัตตา ที่ พฤศจิกายน 29, 2010, 01:25:28 PM งั้นโทรศัพท์ที่ว่าซ่อม 400 ก็200 ละกัน 8)
หัวข้อ: Re: ลาก่อนความโกหก เริ่มหัวข้อโดย: RMAY ที่ พฤศจิกายน 29, 2010, 01:28:06 PM งั้นโทรศัพท์ที่ว่าซ่อม 400 ก็200 ละกัน 8) :OO ผมยังไม่ได้เห็นเครื่อง เลย อ่ะ :~) :~) :~) ส่งมาซิจะ ฟันให้เละ เล้ย :D~ :D~ ::007:: ::007:: นินทาเมียมันบาปนะบัง ::005:: :OO ไหนชื่อเมีย ผม ม่ายยยมีซักกะนิด ::005:: ::005:: ::005:: ::007:: ::007:: ::007:: ::014:: หัวข้อ: Re: ลาก่อนความโกหก เริ่มหัวข้อโดย: อนัตตา ที่ พฤศจิกายน 29, 2010, 01:30:08 PM :OOวิตถาร ไม่เว้นกระทั่งโทรศัพท์ :OO
หัวข้อ: Re: ลาก่อนความโกหก เริ่มหัวข้อโดย: RMAY ที่ พฤศจิกายน 29, 2010, 01:31:56 PM :OOวิตถาร ไม่เว้นกระทั่งโทรศัพท์ :OO ตรงรูชาทร์นั้น แหละ :D~ :D~ :D~ ซี้ดดดดดดดด หัวข้อ: Re: ลาก่อนความโกหก เริ่มหัวข้อโดย: ขุนช้าง-รักในหลวงและสมเด็จพระเทพ ที่ พฤศจิกายน 29, 2010, 01:32:10 PM งั้นโทรศัพท์ที่ว่าซ่อม 400 ก็200 ละกัน 8) :OO ผมยังไม่ได้เห็นเครื่อง เลย อ่ะ :~) :~) :~) ส่งมาซิจะ ฟันให้เละ เล้ย :D~ :D~ ::007:: ::007:: นินทาเมียมันบาปนะบัง ::005:: :OO ไหนชื่อเมีย ผม ม่ายยยมีซักกะนิด ::005:: ::005:: ::005:: ::007:: ::007:: ::007:: ::014:: หัวข้อ: Re: ลาก่อนความโกหก เริ่มหัวข้อโดย: RMAY ที่ พฤศจิกายน 29, 2010, 01:35:47 PM งั้นโทรศัพท์ที่ว่าซ่อม 400 ก็200 ละกัน 8) :OO ผมยังไม่ได้เห็นเครื่อง เลย อ่ะ :~) :~) :~) ส่งมาซิจะ ฟันให้เละ เล้ย :D~ :D~ ::007:: ::007:: นินทาเมียมันบาปนะบัง ::005:: :OO ไหนชื่อเมีย ผม ม่ายยยมีซักกะนิด ::005:: ::005:: ::005:: ::007:: ::007:: ::007:: ::014:: หัวข้อ: Re: ลาก่อนความโกหก เริ่มหัวข้อโดย: pasta ที่ พฤศจิกายน 29, 2010, 03:19:32 PM ขอบคุณครับ ว่ากันว่าการโกหกไม่ยาก แต่จะยากตรงที่มันต้องโกหกตลอดไปให้เหมือนเดิม เช่นโกหกภรรยาเป็นต้น :~) ผมทำบ่อยครับเวลาสาวๆถามว่า อ้วนไหม กับข้าวอร่อยเปล่า ความจริงเป็นสิ่งไม่ตายครับ แต่ถ้าพูดความจริงไปผมจะตายก่อนได้ ::005:: ::005:: ::005:: ขอบคุณท่านพาสต้ามากครับสำหรับสิ่งดีๆที่คอยบอกคอยเตือนสติ แต่บางครั้ง ผมรู้ว่าเขาโกหกเขาหลอกผมก็แกล้งทำเป็นไม่รู้ครับ....(บางกรณี)... ::014:: ผมทำบ่อยครับเวลาสาวๆถามว่า อ้วนไหม กับข้าวอร่อยเปล่า ความจริงเป็นสิ่งไม่ตายครับ แต่ถ้าพูดความจริงไปผมจะตายก่อนได้ ::005:: ::005:: ::005:: กาลครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว ภรรยา นี่ เธอวันนี้จะกินอะไร ดีจ๊ะ :VOV: สามี อะไรก็ได้จ๊ะ ภรรยา งั้นผัดผัก รวมมิตรนะ สามี ก็ได้ หลังจากนั้น ภรรยาก็หายเข้าไปในครัว 1 ชั่วโมง ภรรยา ตะโกนออกมาจากใน ครัว ว่า กับข้าวเสร็จแล้ว พร้อมตักมาให้ สามี ชิม สามี ในขณะที่ชิม :OO ::010:: ::010:: ::010:: ::010:: ::010:: :~) :~) ภรรยา อร่อยมั้ย ขาดอะไรบ้าง สามี เอ่อ.....อืม..... (ย้อนกลับไปเมื่อ เดือนที่แล้ว สถานการณ์นี้เคยกิดขึ้น มาแล้ว 1 ครั้ง ยังจำแม่น กับคำถามที่ว่า อร่อยมั้ย ขาด อะไรบ้าง ตอนนั้นตอบไปว่า " โคตรเค็มเลยอ่ะ" :~) ก็โดนสวนกลับว่า "ทำไมไม่ทำเองเลย ว่ะ พอกรูทำก็บ่น" >:( ย้อนกลับมา เวลาปัจุบัน กับคำถาม เดิมอีกครั้ง กับคำถามที่ ขาดอะไรอีกมั้ย สามี "ก็อร่อย ดี น่ะ" ขณะนั้น ความคิดเริ่มแล่น เข้ามาใน สมอง แล้ว เค้าก็ ปิ้ง ๆๆๆ ;D พร้อมพูดในใจว่า ออกไปข้างนอกดีกว่า เดี๋ยวให้แม่ยายกลับมาก่อน ::005:: ::005:: สามี นี่เธอ ผมออกไปข้างนอกเดี๋ยวนะ จะไป บ้าน ........ เดี๋ยว ภรรยา รีบไปรีบกลับ นะ :VOV: :VOV: สามี จ้า ::007:: ::007:: ::007:: ::007:: ::007:: ผู้เป็น สามี ใช้เวลา อยู่ 2 ชั่วโมงกับร้านน้ำชา หน้าปากซอย และคอยดูแม่ยายว่ากลับมาตอนไหน เมื่อแม่ยายกลับเข้าไปในบ้าน ได้ 20 นาที ผู้เป็นสามี ก็ตามแม่ยายเข้าไปใน บ้าน พร้อมกับได้ยินเสียงว่า แม่ยาย โอ้โห :o นี่กับข้าวหรือ อาหารแมว ว่ะ แบบนี้ใครจะกินลง ::012:: ::013:: ภรรยา ก็เมื่อกี้ พี่เค้าบอกว่าอร่อยดีนี่ ??? แม่ยาย อร่อย ของ มึงคนเดียวซิ สามีก็เข้ามาแจม พอดี สามี เถอะน่านะ อะไร ผมก็กินได้ เรื่องแค่นี้เอง อย่ามีเรื่อง มีราวกันเลย ::008:: แม่ยายเลยเอา ผัดผักเข้าครัวเพื่อแก้ รสชาดใหม่ทั้งหมด ในขณะที่สามี บอกกับ ภรรยาว่า " เถอะน่า ปล่อยๆแกบ้าง แกอยากทำอะไร อย่าไปขัดแก นะ แก แม่เรา นะ " ::008:: ภรรยา เงียบ หน้างอ งอนแม่ยาย ::004:: ::001:: ::001:: ::001:: สามี นึกในใจว่า "กูรอดตายแล้วโว้ย ได้กินกับข้าวอร่อยฝีมือแม่ยาย แถมไม่ต้อง แดรก ไอ้ผัดผัก นรกนั้น" ::007:: ::007:: ::007:: ::007:: ::007:: จบ.... นินทาเมียมันบาปนะบัง ::005:: อาชีพผมยิ่งแล้วใหญ่ครับน้าอรรถ ::004:: จะสบายใจได้พูดจริงจากใจก็ตอนอยู่กับเพื่อนฝูงนี่แหละ ::013:: กราบขอบคุณทุกท่านครับผม ::014:: :VOV: หัวข้อ: Re: ลาก่อนความโกหก เริ่มหัวข้อโดย: pasta ที่ พฤศจิกายน 29, 2010, 03:28:07 PM ในสมัยโบราณเมื่อจะนำเรืออกเดินทางไปในทะเลหรือ มหาสมุทรอันเวิ้งว้างกว้างไกล กะลาสีมักนำสุนัขตัวเล็กๆหรือลิงไปเป็นเพื่อนด้วยเพื่อจะได้คลายเหงา
วันหนึ่งขณะเรือแล่นผ่านแหลมใหญ่ของประเทศกรีกได้ถูกพายุพัดกระหน่ำจนล่ม บรรดากะลาสีต่างตะเกียกตะกายว่ายน้ำเข้าฝั่งที่มองเห็นอยู่ลิบๆ แม้ตัวเองยังแทบเอาชีวิต่ไม่รอดจึงไม่อาจช่วยชีวิตสัตว์เลี้ยงของตน ได้เมื่อ เรือจม ลิงตัวหนึ่งพยายามว่ายน้ำฝ่าคลื่นไปตามลำพังปลาโลมาตัวหนึ่งมาพบเข้าใจว่า เป็นคนจึงให้ขี่หลังพามุ่งหน้าเข้าสู่ฝั่งขณะว่ายผ่านนครเอเธนส์มองเห็นท่า เรือพีรุสอยู่อีกไม่ไกลนัก ปลาโลมาเห็นลิงนั่งยุกยิกผิดสังเกตจึงเอ่ยถามว่า ท่านเป็นชาวเอเธนส์หรือ ใช่..ข้าเป็นคนในตระกูลเก่าแก่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของนครเอเธนส์แห่งนี้ที เดียว เจ้าลิงเริ่มคุยอวดตัว ถ้าเช่นนั้นท่านคงรู้จักพีรุสดีนะซิ ปลาโลมาถามต่อ แน่นอน..เขากับข้าเป็นเพื่อนรักกันมาทีเดียวเมื่อได้ฟังคำตอบปลาโลมา นึกหมั่นไล้ที่ลิงมีนิสัยชอบคุยโตโอ้อวดจึงดำหนีไป ปล่อยให้ลิงเผชิญชะตากรรมของมันตามพัง การพูดเท็จ การคุยโตโอ้อวด ย่อมเป็นภัยแก่ตนเอง ผมเคยสัมผัสคนประเภทนี้หลายคนครับ :D หัวข้อ: Re: ลาก่อนความโกหก เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ พฤศจิกายน 29, 2010, 03:41:35 PM เดี๋ยวนี้มักเจอ โกหกโดยมิจฉาทิษฐิ ดื้อ เอาชนะ โดยไม่มีเหตุผลขอให้ได้โกหก หรือเถียงไว้ก่อน
หัวข้อ: Re: ลาก่อนความโกหก เริ่มหัวข้อโดย: RMAY ที่ พฤศจิกายน 29, 2010, 03:44:54 PM เดี๋ยวนี้มักเจอ โกหกโดยมิจฉาทิษฐิ ดื้อ เอาชนะ โดยไม่มีเหตุผลขอให้ได้โกหก หรือเถียงไว้ก่อน มันเป็นยังไงครับน้าซับ " โกหกโดยมิจฉาทิษฐิ "หัวข้อ: Re: ลาก่อนความโกหก เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ พฤศจิกายน 29, 2010, 03:48:58 PM คือดื้อ เอาชนะ ใช้มิจฉาทิษฐินำทางชีวิต
แบบไม่ชอบคนนี้ หรือเคยเสียหน้าเพราะถูกคนนี้จับโกหกได้ ต้องโกหกใหม่ แบบไม่ให้จับได้ แต่สุดท้าย อ้าปากพูด เขาก็รู้กันแล้วว่าโกหก แต่เขาเบื่อที่จะต่อปากด้วยหรือเขาหมั่นใส้มาซักจนไปไม่ถูกต้องเอาสีข้างไปก็มี ส่วนโกหกแบบเอาหนังราชสีห์มาคลุมตัวเพื่อให้คนเข้าใจผิดว่าตนคือราชสีห์ บังคงเพิ่งผานตาไปเมื่อไม่นาน อันนั้นเพื่อประโยชน์หรือเพื่อสนองความต้องการตัวเองก็ไม่รู้ หัวข้อ: Re: ลาก่อนความโกหก เริ่มหัวข้อโดย: RMAY ที่ พฤศจิกายน 29, 2010, 03:51:36 PM คือดื้อ เอาชนะ ใช้มิจฉาทิษฐินำทางชีวิต ขอบคุณครับ ::014:: แบบไม่ชอบคนนี้ หรือเคยเสียหน้าเพราะถูกคนนี้จับโกหกได้ ต้องโกหกใหม่ แบบไม่ให้จับได้ แต่สุดท้าย อ้าปากพูด เขาก็รู้กันแล้วว่าโกหก แต่เขาเบื่อที่จะต่อปากด้วยหรือเขาหมั่นใส้มาซักจนไปไม่ถูกต้องเอาสีข้างไปก็มี ส่วนโกหกแบบเอาหนังราชสีห์มาคลุมตัวเพื่อให้คนเข้าใจผิดว่าตนคือราชสีห์ บังคงเพิ่งผานตาไปเมื่อไม่นาน อันนั้นเพื่อประโยชน์หรือเพื่อสนองความต้องการตัวเองก็ไม่รู้ หัวข้อ: Re: ลาก่อนความโกหก เริ่มหัวข้อโดย: pasta ที่ พฤศจิกายน 29, 2010, 04:06:34 PM เดี๋ยวนี้มักเจอ โกหกโดยมิจฉาทิษฐิ ดื้อ เอาชนะ โดยไม่มีเหตุผลขอให้ได้โกหก หรือเถียงไว้ก่อน คือดื้อ เอาชนะ ใช้มิจฉาทิษฐินำทางชีวิต แบบไม่ชอบคนนี้ หรือเคยเสียหน้าเพราะถูกคนนี้จับโกหกได้ ต้องโกหกใหม่ แบบไม่ให้จับได้ แต่สุดท้าย อ้าปากพูด เขาก็รู้กันแล้วว่าโกหก แต่เขาเบื่อที่จะต่อปากด้วยหรือเขาหมั่นใส้มาซักจนไปไม่ถูกต้องเอาสีข้างไปก็มี ส่วนโกหกแบบเอาหนังราชสีห์มาคลุมตัวเพื่อให้คนเข้าใจผิดว่าตนคือราชสีห์ บังคงเพิ่งผานตาไปเมื่อไม่นาน อันนั้นเพื่อประโยชน์หรือเพื่อสนองความต้องการตัวเองก็ไม่รู้ ขอบคุณครับน้าซัป ::014:: :VOV: หัวข้อ: Re: ลาก่อนความโกหก เริ่มหัวข้อโดย: pasta ที่ พฤศจิกายน 29, 2010, 06:36:49 PM ขอลา นงราม เบื่อความโกหก โกหกเสียจริง ลาก่อนผู้หญิง ที่ชอบหลอกลวง อยู่ไปช้ำใจฟรีๆ แค่นี้เจ้าทำให้ช้ำทรวง ทนดูความลวงมาห้าหกปี เหลือทน ดูคนพูดจาโกหก หัวอกระกำ หลอกลวงจนหนำ ใจดำสิ้นดี ไม่รักแล้วใยให้รอ ให้รอแล้วทำให้ช้ำฟรี ขอพอกันที สะลามมุดสลา >ยัง ไม่ตายยังหลอกเพียงนี้ ถ้าตายเป็นผี คงหลอกพี่กว่านี้สิหนา ปลาไหลว่าลื่น ลูกปืนว่าไว ยังอายกานดา ผีดุๆที่ในป่าช้า ยังกลัวแก้วตาหลอกลวง ขอลาหน้ามลเบื่อคนโกหก เจ็บอกเจ็บใจ อยู่ไปไม่ไหว หัวใจจะกลัว หลอกเราให้รอ รอรอ บอกพอสักคำเถอะความลวง ลบชื่อพุ่มพวง ด้วยซาโยนาระ.. :D |