เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

สนทนาภาษาปืน => หลังแนวยิง => ข้อความที่เริ่มโดย: pasta ที่ มกราคม 20, 2011, 02:39:23 AM



หัวข้อ: กงเกวียนกำเกวียน
เริ่มหัวข้อโดย: pasta ที่ มกราคม 20, 2011, 02:39:23 AM
เจ้ากรรมนายเวร

จากหนังสือ “โลกลี้ลับ”
ปีที่ ๒๑ ฉบับที่ ๒๓๒ เดือน เมษายน ๒๕๔๗
พิมพ์ส่งมาให้เป็นธรรมวิทยาทาน โดย คุณ Lilly

.............................................

ขอย้อนกล่าวถึงอดีตที่ทำให้ข้าพเจ้าต้องได้รับผลแห่งกรรมนั้นอยู่ในทุกวันนี้ เมื่อปี พ.ศ. 2524 ตอนนั้นข้าพเจ้ากำลังศึกษาอยู่ที่วิทยาลัยเทคนิคหนองคาย ปี 2 อายุก็อยู่ราวๆ 19-20 ปี เย็นวันหนึ่งข้าพเจ้าไปเดินเล่นกับเพื่อน พอขากลับก็ได้พบกับลูกสุนัขตัวหนึ่ง สีขาว ขนปุย อยู่ที่ข้างถนน ข้าพเจ้าเห็นมันน่ารักดีจึงร้องเรียกมันว่า เจ้านุ้ย ๆ และดูเหมือนว่ามันจะชอบชื่อนี้ พอเรียก “นุ้ย ๆ” มันก็วิ่งมาหาเลย และยอมให้อุ้มแต่โดยดี ข้าพเจ้าจึงนำเอาเจ้านุ้ยไปฝากให้แม่เลี้ยงที่ อ.ศรีเชียงใหม่ และจะกลับไปเยี่ยมเจ้านุ้ยที่ อ.ศรีเชียงใหม่ ทุกอาทิตย์

และแล้ววันหนึ่งแม่ก็โทรมาบอกข้าพเจ้าว่า “ไอ้นุ้ยโดนรถชน” โดยรถมอเตอร์ไซค์เหยียบบริเวณท่อนหลังของเจ้านุ้ย แต่ไม่ตาย มันเดินด้วยสองขาหน้า แล้วลากส่วนท้ายที่โดนรถเหยียบ และร้องครวญครางอยู่ตลอดเวลาด้วยความเจ็บปวดทรมานทั้งวันทั้งคืน

ตอนแรกที่รู้ข่าวว่าไอ้นุ้ยโดนรถเหยียบ ข้าพเจ้าไม่กล้ากลับบ้าน เพราะไม่อยากเห็นสภาพของเจ้านุ้ย แต่ก็อดคิดถึงมันไม่ได้ จึบงตัดสินใจไปหาเจ้านุ้ย และจะพยายามทำใจไม่ให้สงสารมัน พอข้าพเจ้าก้าวเท้าเข้าไปถึงหน้าบ้าน ก็ได้ยินเสียงของเจ้านุ้ยร้องครวญครางเดินสองขาหน้าลากส่วนหลังที่กำลังจะเน่า เดินเวียนวนไปมา เนื้อตัวมอมแมม ลำตัวผอมกะหร่องด้วยความเจ็บปวดทำให้มันอยู่เฉยไม่ได้ ตลอดคืนยันเช้าเจ้านุ้ยมันไม่ได้หลับไม่ได้นอนเอาแต่ร้องครวญคราง

รุ่งเช้าข้าพเจ้าตัดสินใจมายืนดูเจ้านุ้ย “ใครหนอช่างใจร้ายขับรถเหยียบมันแล้วหนี” เจ้านุ้ยมันคงเจ็บปวดทรมานแทบขาดใจ จะช่วยมันอย่างไรดี เพื่อให้มันพ้นทุกขเวทนา ร่างกายลำตัวของมันส่วนล่างที่กำลังจะเน่ามีแมลงวันบินตอมเป็นกลุ่มๆ มันคงจะปวดแสบปวดร้อนไปทั้งตัว มันจะทรมานอย่างนี้ไปอีกนานแค่ไหน แต่ถ้าหากมันตายไปตอนนี้ก็คงจะไม่ทรมานอีกต่อไป คงจะเจ็บอีกแค่ครั้งเดียว ข้าพเจ้ายืนคิดอยู่นาน คิดไปคิดมา คิดจนสับสน

ขณะนั้นเองความคิดอุบาทว์ก็เกิดขึ้นมาในสมอง ข้าพเจ้าเดินไปจับได้ท่อนตอไม้ไผ่อันหนึ่งความยาวประมาณเกือบศอกแล้วเดินตรงไปยังเจ้านุ้ยทันที ทันใดนั้นก็เงื้อตอไม้ไผ่ขึ้นสุดแขน น้าข้าพเจ้าร้องทักขึ้น “เฮ้ย นั่นจะทำอะไร” แต่ขณะนั้นเองตอไม้ไผ่ในมือของข้าพเจ้าก็ฟาดลงตรงขมับด้านซ้ายของเจ้านุ้ยอย่างแรงแล้วรีบหันหน้าหนี เสียงของเจ้านุ้ยร้องดังขึ้นอย่างแรง แต่มันไม่ตาย คราวนี้ข้าพเจ้าเหมือนถูกผีร้ายเข้าสิง หันหน้ามาหาเจ้านุ้ยแล้วกระหน่ำตอไม้ไผ่ลงไปที่ศีรษะของมันบริเวณเดิมแบบไม่ยั้ง เสียงของมันค่อยๆ เบาลงๆ อย่างช้าๆ มีเลือดไหลออกตามรูหู รูจมูก และปาก ลำตัวของมันกระตุก สั่น ปากเผยอเล็กน้อยจนสิ้นใจและแน่นิ่งไปในที่สุด

อนิจจา! ชีวิตของเจ้านุ้ยผู้น่าสงสาร ข้าพเจ้ามอบความตายให้มันเพื่อหวังจะช่วยมันหรือเป็นการก่อกรรม ก่อเวรกับเจ้านุ้ยกันแน่ ตอนนั้นทำเพราะคิดจะช่วยให้มันหายจากทุกข์ แต่ใจจริงรัก เมตตา และเสียดายเป็นที่สุด

นับจากวันนั้นเป็นต้นมาชีวิตของข้าพเจ้าก็ดำเนินแบบปกติสุขเรื่อยมา จนกระทั่งวันหนึ่งข้าพเจ้ากับเพื่อนๆ ได้เดินทางไปเที่ยว น้ำตกธารทอง อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย ขณะที่นั่งดูเพื่อนเล่นน้ำอยู่นั้น ไม่ทราบว่าเป็นอะไร อยู่ๆ ข้าพเจ้าก็เกิดพลัดตกลงน้ำแล้วน้ำก็ไหลเข้าหูซ้ายทำให้มีอาการหูอื้อตลอดแต่ไม่มีหนอง นานๆ เข้าก็เริ่มปวดและปวดรุนแรงขึ้น จึงได้ไปพบแพทย์ แพทย์ก็ให้ยาหยอดหูและยามาทาน แต่ก็ไม่หายขาด มีอาการปวดร้าวไปหมดทั้งบริเวณแถบศีรษะด้านซ้าย ไม่ปวดมากแต่จะปวดตลอดทุกเวลา ทุกวินาที ปวดพอให้รำคาญ ปวดแบบนี้มาเป็นปีๆแล้ว

จนปี พ.ศ. 2528 อาการปวดเริ่มหนักขึ้น ทั้งเวียนศีรษะและหน้ามืดบ่อยครั้ง ในที่สุดข้าพเจ้าตัดสินใจไปหาหมออีกครั้งที่โรงพยาบาลศิริราช นครราชสีมา หมอใช้เครื่องส่องดูหูที่หูข้างซ้าย แล้วหมอก็พูดขึ้นว่า “โอ รูโบ๋เลย เยื่อแก้วหูทะลุต้องผ่าตัดเปลี่ยนเยื่อแก้วหูใหม่นะ”

ข้าพเจ้าฟังแล้วรู้สึกเสียวและกลัวมาก ผ่าที่ไหนไม่ผ่า มาผ่าที่หัวเรา ถ้าตายจะทำยังไง แล้วหมอก็นัดวันผ่า ตอนผ่ากลัวก็กลัว แต่ก็ไม่ค่อยรู้สึกเจ็บมากนัก เพราะฤทธิ์ของยาชา แต่ก็ยังมีอาการเสียวๆ เย็นๆ ตรงที่ตอนคมมีดกรีด รู้สึกเย็นลงมาที่ลำคอในหลอดอาหาร แล้วข้าพเจ้าก็หมดสติไป จนกระทั่งมารู้สึกตัวอีกครั้ง รู้สึกเหนื่อยและเพลียมาก เพราะข้าพเจ้าวิ่งสุดกำลัง วิ่งหนีสิ่งที่น่ากลัวมาก ซึ่งไม่เคยกลัวอะไรขนาดนี้มาก่อน ด้านหลังของข้าพเจ้าคือสุนัขร่างผอมตัวหนึ่ง สีขาว รูปร่างหน้าตาน่าเกลียดน่ากลัวมาก สูงประมาณเกือบศอก มันแยกเขี้ยวยาวคมกริบ ดวงตาทั้งคู่ของมันโตมากแดงเหมือนสีเลือด มันวิ่งเร็วมาก ข้าพเจ้าก็หนีสุดแรง ไม่ยอมหยุด เหมือนเกลียด โกรธ ชิงชังกันมาเป็นปีเป็นชาติ และในช่วงวินาทีนั้นข้าพเจ้าก็ขาอ่อน และทรุดลง สุนัขตัวนั้นก็ได้กระโดดขึ้นงับบริเวณศีรษะซีกซ้ายทั้งแถบ ข้าพเจ้าร้องและดิ้นจนสะดุ้งตื่น ทำให้เตียงข้างๆ หันมามอง และพูดกับข้าพเจ้าว่า

“อ้าวเป็นอะไร รู้สึกตัวแล้วเหรอ รู้ไหมคุณหลับอยู่นี่สองคืนแล้วนะ พยาบาลเขาเดินมาดูหลายรอบแล้ว คุณก็ไม่ตื่นสักที” ข้าพเจ้ายิ้มแล้วก็พยักหน้าให้เขาคิดย้อนหลังไปดูเหตุการณ์ที่ผ่านมาว่ามันคืออะไร สักพักหนึ่งเหมือนอยากจะอ้วก รีบพยุงตัวเองไปที่กระโถน รู้สึกเหมือนมีอะไรไหลอยู่ในลำคอ ข้าพเจ้าอ้าปากปล่อยให้มันไหลออกมา ปรากฏว่าเป็นน้ำเลือดสีแดงสดๆ ไหลออกจากปากลงสู่กระโถน ข้าพเจ้านอนอยู่โรงพยาบาล 3 วัน แล้วหมอก็ให้กลับบ้านได้

หลังจากผ่าตัดหูแล้วก็ยังมีอาการปวดศีรษะด้านซ้ายอยู่ โดยเฉพาะตรงหูและขมับซ้ายปวดตลอดเวลา จึงไปให้หมอตรวจที่โรงพยาบาลอีก หมอบอกว่าเยื่อแก้วหูทะลุอีก แต่ไม่มากนัก ขนาดเท่าปลายปากกา ข้าพเจ้าถามว่า “จะได้ผ่าตัดอีกไหม”

หมอบอกว่า “ยังไม่ต้องหรอกเพราะยังไม่มาก” หมอให้ยามาหยอด และยาทาน อาการก็แค่พอทุเลาแต่ไม่หาย ระยะหลังๆ มานี้จะมีอาการปวดลูกตาซ้ายร่วมด้วย ปวดข้างเดียว ตาข้างขวาไม่เป็นอะไร และเวลานอนกลางคืนข้าพเจ้ามักจะฝันเห็นสุนัขตัวผอมรูปร่างน่าเกลียดตัวนั้นไล่กัดแทบทุกคืน ก็สงสัยนะว่ามันเป็นเพราะเหตุใด

จนกระทั่งวันหนึ่งข้าพเจ้าต้องพาแม่ไปนอนวัดเพื่อจำศีลอุโบสถที่ วัดหินหมากเป้ง อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย ซึ่งเป็นวัดกรรมฐาน ตอนนั้นเป็นเวลาทำวัตรเย็น แม่ให้อยู่ทำวัตรเย็นด้วยกันก่อนค่อยกลับ พระเริ่มสวดมนต์ได้สักพักหนึ่งข้าพเจ้าก็เริ่มมีอาการง่วงนอน ง่วงมากจนทนไม่ไหว จะหลับท่าเดียว จนในที่สุดข้าพเจ้าก็ไม่ได้ยินเสียงพระสวดมนต์เลย จะว่าหลับก็ไม่ใช่เพราะรู้ว่าตัวเองนั่งพนมมืออยู่ ไม่รู้นานแค่ไหนแล้ว ข้าพเจ้าก็มองเห็นและได้ยินเสียงร้อยโหยหวนด้วยความเจ็บปวดทรมานของสุนัขตัวหนึ่ง มีขนสีขาว ตัวผอม ตอนนั้นข้าพเจ้าเหมือนลอยอยู่ มองดูข้างๆของสุนัขตัวนั้น มีชายคนหนึ่งกำลังถือตอไม้ไผ่อยู่ในมือยาวประมาณครึ่งศอก ข้าพเจ้าใจหายวาบ ขนลุก และกลัวจนตัวสั่น เพราะชายคนนั้นกำลังใช้ตอไม้ไผ่ตีลงไปที่หัวของสุนัขแบบไม่ยั้งมือ ข้าพเจ้ารีบร้องตะโกนใส่ชายคนนั้น “เฮ้ย! คุณฆ่ามันทำไม มันไปทำอะไรให้คุณ” ชายคนนั้นไม่ตอบ และเหมือนจะไม่ได้ยิน จนสุนัขตัวนั้นขาดใจตายและแน่นิ่งไป แล้วชายคนนั้นก็หันหน้ามา พอข้าพเจ้าเห็นหน้าเขาก็ตกใจหัวใจแทบหยุดเต้น

อนิจจา ชายคนที่หันหน้ามาเขาคือตัวของข้าพเจ้าเอง ข้าพเจ้าตกใจกลัวและรู้สึกตัวขึ้นมา ปรากฏว่าทำวัตรเย็นจบไปตั้งนานแล้ว ตอนนี้คนอื่นๆ กำลังนั่งหลับตาภาวนาสมาธิกันอยู่ แต่หลายคนก็กลับไปแล้ว ข้าพเจ้าหันไปมองนาฬิกาที่ผนัง “โธ่ นี่เรานั่งอยู่ตรงนี้เกือบ 2 ชั่วโมงแล้วหรือ” แต่ไม่อยากรบกวนคนที่นั่งสมาธิอยู่ข้างๆ จึงนั่งต่อ ช่วงนั้นร่างกายรู้สึกปลอดโปร่ง รู้สึกว่าอาการปวดศีรษะจะไม่มีเลย จึงขยับตัวเปลี่ยนท่ามานั่งขัดสมาธิเหมือนที่คนข้างๆ เขาทำ แต่ไม่รู้หรอกว่านั่งแล้วต้องท่องคาถาอะไรหรือเปล่าเพราะไม่เคยนั่ง เห็นตัวเองกำลังรู้สึกสบายก็เลยอยากจะนั่ง

แต่เอ๊ะ! ที่ข้าพเจ้าเห็นผ่านไปเมื่อสักครู่มันคืออะไร และแล้วข้าพเจ้าก็รู้ และจำได้ทั้งหมดทุกขั้นตอนที่ทำกับเจ้านุ้ย มิน่าล่ะ ภาพนี้เหตุการณ์นี้มันจึงได้ตามหลอกหลอนข้าพเจ้าเรื่อยมา ข้าพเจ้าไม่กล้าที่จะพูดเรื่องนี้กับใคร จนได้มาเจอ นิตยสารโลกทิพย์ และได้มาอ่านเจอคอลัมน์ “กรรมใดใครก่อ” จึงคิดที่จะเปิดเผยเล่าเรื่องนี้ให้ผู้ที่สนใจ ได้อ่านและพิจารณาปฏิบัติตัวตามแนวทางที่เป็นจริง หลีกเลี่ยงจากการก่อกรรมทำเข็ญต่าง ๆ

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาข้าพเจ้าไม่คิดที่จะไปรักษาหูให้หายขาดจากความเจ็บปวดอีกเลย ข้าพเจ้ายอมรับความเจ็บนี้ แม้จะเจ็บปวดไปจนถึงวันตายก็ยอม บุญใด กุศลใดที่ข้าพเจ้าทำ ที่ข้าพเจ้าสร้าง ขอให้เจ้านุ้ยได้รับผลบุญกุศลที่ได้อุทิศไปให้ ไม่ว่าเจ้านุ้ยจะตกอยู่ ณ สถานที่แห่งใดก็ตาม ถ้าเจ้านุ้ยได้รับความทุกข์ทรมานก็ขอให้พ้นจากทุกข์ ถ้ามีสุขก็ขอให้มีความสุขยิ่งๆขึ้นไป อย่าได้มีเวรมีกรรมต่อกันอีกเลย ขอให้หมดเวรหมดกรรมต่อกันแต่เพียงชาตินี้

จากผู้สำนึกผิด

..............


พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน  
  
  
กงเกวียนกำเกวียน
 
กงเกวียนกำเกวียน
ความหมาย

(สํา) ใช้เป็นคําอุปมาหมายความว่า เวรสนองเวร, กรรมสนองกรรม, เช่น ทําแก่เขาอย่างไร ตนหรือลูกหลานเป็นต้นของตนก็อาจจะถูกทำในทำนองเดียวกันอย่างนั้นบ้าง เป็นกงเกวียนกําเกวียน.

 
 
 197.“กงเกวียนกำเกวียน” ไม่ใช่ “กงกรรมกงเกวียน”
posted on 31 Mar 2009 06:37 by pbmath  in WONDERS เกวียน เป็นพาหนะที่คนไทยแต่ก่อนนิยมใช้
กงเกวียน คือ วงรอบของล้อเกวียน
ส่วน กำเกวียน (คำว่า กำ เขียน ก ไก่ สระอำ) คือ ซี่ล้อซึ่งตรงกลางมีดุมที่มีรูสำหรับสอดเพลาเป็นแกนยึดล้อ ๒ข้าง เมื่อกงเกวียนหมุนไปทางใด กำเกวียนก็หมุนตามไปทางนั้น   
 
ในภาษาไทยมีสำนวนเปรียบเทียบว่า กงเกวียนกำเกวียน หมายถึง การกระทำใด ๆ ที่มีผลต่อผู้กระทำนั้น ๆ เช่น เขาทำบาปมาตลอดชีวิต จึงต้องทุกข์ทรมานเช่นนี้ นี่แหละกงเกวียนกำเกวียน
 
สำนวนนี้มักใช้กันผิด ๆ ว่า กงเกวียนกรรมเกวียน  (คำว่า กรรม  เขียน ก ไก่  ร หัน  ม ม้า) เพราะเข้าใจว่า “กำ” ในสำนวนนี้คือ “กรรม” ซึ่งแปลว่า การกระทำ บ้างก็ใช้คำผิดและยังลำดับคำผิดเป็น “กงกรรมกงเกวียน” ก็มี ที่ถูกต้องคือ กงเกวียนกำเกวียน จำง่าย ๆ ว่า กง (ของ) เกวียน และ กำ (ของ) เกวียน



ที่มา :  บทวิทยุรายการ "รู้ รัก ภาษาไทย"  ออกอากาศทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ ๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๐ เวลา ๗.๐๐-๗.๓๐ น.Tags: กงกรรมกงเกวียน, กงเกวียนกำเกวียน, สำนวนไทย, ใช้ผิด
 


หัวข้อ: Re: กงเกวียนกำเกวียน
เริ่มหัวข้อโดย: RMAY ที่ มกราคม 20, 2011, 10:44:09 AM
ขอบคุณครับ ผมเชื่อ ครับ ::014::


หัวข้อ: Re: กงเกวียนกำเกวียน
เริ่มหัวข้อโดย: pasta ที่ มกราคม 20, 2011, 12:24:34 PM
ขอบคุณครับ ผมเชื่อ ครับ ::014::

ครับผม  ::014::


หัวข้อ: Re: กงเกวียนกำเกวียน
เริ่มหัวข้อโดย: Wachira1973 ที่ มกราคม 20, 2011, 12:48:31 PM
ผมก็เชื่อเหมือนกันครับ...ขอบคุณครับที่นำมาให้อ่านครับ  ::014::


หัวข้อ: Re: กงเกวียนกำเกวียน
เริ่มหัวข้อโดย: pasta ที่ มกราคม 20, 2011, 02:24:21 PM
ผมก็เชื่อเหมือนกันครับ...ขอบคุณครับที่นำมาให้อ่านครับ  ::014::

ครับผม    ::014::


หัวข้อ: Re: กงเกวียนกำเกวียน
เริ่มหัวข้อโดย: vuttichai ที่ มกราคม 20, 2011, 06:13:33 PM
ทำบาปกับสัตว์มานิดหน่อยชักกลัว. ::004::


หัวข้อ: Re: กงเกวียนกำเกวียน
เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ มกราคม 20, 2011, 08:45:40 PM
                            ผมใช้ผิดมาตลอด  ......  กงกำกงเกวียน ...... เพิ่งรู้ตอนนี้เอง           ขอบคุณครับน้าอรรถ



หัวข้อ: Re: กงเกวียนกำเกวียน
เริ่มหัวข้อโดย: pasta ที่ มกราคม 21, 2011, 01:27:06 AM
ทำบาปกับสัตว์มานิดหน่อยชักกลัว. ::004::
                            ผมใช้ผิดมาตลอด  ......  กงกำกงเกวียน ...... เพิ่งรู้ตอนนี้เอง           ขอบคุณครับน้าอรรถ




ครับผม  ::014::


หัวข้อ: Re: กงเกวียนกำเกวียน
เริ่มหัวข้อโดย: Major ที่ มกราคม 24, 2011, 11:42:35 AM
ผมเคยได้ยินเหมือนกันครับ

"เมตตามรณะ"

ด้วยความเคารพ


หัวข้อ: Re: กงเกวียนกำเกวียน
เริ่มหัวข้อโดย: pasta ที่ มกราคม 24, 2011, 04:32:39 PM
ผมเคยได้ยินเหมือนกันครับ

"เมตตามรณะ"

ด้วยความเคารพ




ครับผม


หัวข้อ: Re: กงเกวียนกำเกวียน
เริ่มหัวข้อโดย: หินเหล็กไฟ ที่ มกราคม 24, 2011, 06:02:41 PM
ผมว่าถ้าตีทีเดียวแล้วหมามันตายไปเลยคงไม่ทรมาณและไม่บาปนานขนาดนี้นะ


หัวข้อ: Re: กงเกวียนกำเกวียน
เริ่มหัวข้อโดย: pasta ที่ มกราคม 24, 2011, 06:05:09 PM
ผมว่าถ้าตีทีเดียวแล้วหมามันตายไปเลยคงไม่ทรมาณและไม่บาปนานขนาดนี้นะ

ครับผม


หัวข้อ: Re: กงเกวียนกำเกวียน
เริ่มหัวข้อโดย: ณัฏฐ์ ที่ มกราคม 24, 2011, 06:37:05 PM
ขอบคุณครับ ผมเชื่อครับผมเคยเห็นคนชอบเบือหมาเวลาจะตายเหมือนกับหมาที่เขาเบือ


หัวข้อ: Re: กงเกวียนกำเกวียน
เริ่มหัวข้อโดย: หินเหล็กไฟ ที่ มกราคม 24, 2011, 06:47:31 PM
อีกอย่างสำหรับเรื่องนี้ผมมีความคิดเห็นว่าถ้าดูตามเจตนาแล้ว เจ้าของเรื่องมีเจตนาดีคือต้องการให้หมาพ้นทุกข์ ก้ไม่น่าที่จะตามล้างตามเช็ดอะไรกันขนาดนั้น สำคัญกว่านั้นคือเรื่องของความคิด หรือแนวคิด ถ้าคิดมากไปก็บาปมากนะผมว่า อย่างแม่ค้าปลาในตลาดสดวันหนึ่งๆฆ่าปลา ขอดเกล็ด หั่นเป็นบั้งๆวันละกี่ตัววันละกี่บาป จะต้องไปชดใช้กันกี่ปีกี่ชาติ(ปลาก็เป็นสัตว์น้ำ ;Dก็รักชีวิตมันเหมือนกัน)
แต่ที่ผมเกลียดที่สุดก็พวกแม่ค้าขายกบที่ มันลอกหนังกบทั้งที่ยังไม่ตายเป็นยี่สิบสามสิบตัววางกองกันอยู่บนกระด้ง เนื้อเต้นดิกๆ เลือดแตกซิบๆ ลืมตาแผล็บๆ ตัวสั่นดิกๆ(สาเหตุคงจากพวกชอบกินแต่กบไม่ชอบหนังกบมันสกปรก) คนพวกนี้ช่างเป็นคนใจไม้ไส้ระกำ โหดเหี้ยมไม่คำนึงถึงความเจ็บปวดของคนอื่นๆ ดูตามเจตนาแล้วผมว่าสมควรได้รับกรรมมากกว่านะ


หัวข้อ: Re: กงเกวียนกำเกวียน
เริ่มหัวข้อโดย: JJ-รักในหลวง ที่ มกราคม 24, 2011, 08:18:32 PM
ขอบคุณครับ
คงไม่มีใครหนีกรรม พ้นครับ


หัวข้อ: Re: กงเกวียนกำเกวียน
เริ่มหัวข้อโดย: pasta ที่ มกราคม 24, 2011, 08:21:39 PM
ขอบคุณครับ
คงไม่มีใครหนีกรรม พ้นครับ


ครับผม