เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

ตอนนี้ตลาดกล้องถ่ายภาพแข่งกันดุเดือดเพื่อปิดช่องว่างทางการตลาด หรือเรียกอีกอย่างว่า
เปิดช่องทางทางการตลาดใหม่ก็ได้
ช่องว่างระหว่างกล้องCompact กับกล้อง D-SLR มีตัวเลือกใหม่เพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ
ทั้งการเปิดตัวของพวก Like D-SLR และมายุคนี้มีกล้องมิเรอร์เลส(Mirrorless)ออกมาอีก
ทราบว่าตอนนี้แต่ละยี่ห้อทะยอยเปิดตัวกล้องมิเรอร์เลสกันไปหลายยี่ห้อ 
อีกหลายยี่ห้อก็มีแผนงานกำลังจะเปิดตัวมิเรอร์เลสของเขาในอนาคตอันใกล้

ในฐานะเป็นผู้บริโภค คนใช้กล้อง  ผมสนใจกล้องมิเรอร์เลสในธีมที่ว่า
"สามารถติดตัวได้ทุกวัน"

แต่ความรู้เรื่องกล้องมิเรอร์เลสมีน้อยมาก รบกวนท่านผู้รู้ช่วยแถลงไข และยกตัวอย่าง
กล้องมิเรอร์เลสแต่ละรุ่นเปรียบเทียบให้หน่อยครับ

ขอขอบพระคุณครับ  ::014:: ::014:: ::014::

กล้อง Mirrorless คือกล้องอะไร? เป็นยังไง? (EVIL, MILC)
 
ขออธิบายแบบง่ายๆนะครับ ^ ^

ถ้าจะบอกว่ากล้อง Mirrorless เป็นอย่างไร ก็ต้องบอกว่าระบบหลักๆ "เหมือนกล้องคอมแพคตัวเล็กๆธรรมดาๆ แต่ดันเปลี่ยนเลนส์ได้" นั่นเอง
แต่... ไม่มีใครเรียกเจ้า Mirrorless ว่ากล้องคอมแพคเปลี่ยนเลนส์ได้หรอกครับ เพราะจะทำให้ "สับสน" ได้

... ทำไมต้องสับสน? ... ก็เพราะกล้อง Mirrorless นั้น มีคุณภาพระดับเดียวกับ DSLR น่ะสิครับ ^ ^ (กล้อง DSLR คือกล้องตัวใหญ่ๆดำๆ เปลี่ยนเลนส์ได้)
ไปเรียกว่าคอมแพคเปลี่ยนเลนส์ได้ เดี๋ยวคนจะคิดว่าคุณภาพระดับคอมแพค แต่ดันเปลี่ยนเลนส์ได้ซะงั้นไป ^ ^"
ก็เลยมีชื่อใหม่ว่า Mirrorless หรือชื่ออย่างเป็นทางการว่า EVIL หรือ MILC
EVIL ย่อมาจาก electronic viewfinder interchangeable lens
MILC ย่อมาจาก mirrorless interchangeable lens camera


แล้วทำไมต้องใช้คำว่า Mirrorless?
ถ้าไม่อยากให้สับสนกับคุณภาพไฟล์ว่าดีกว่าคอมแพค ตั้งชื่อใหม่ไม่ได้หรือ? หรือตั้งชื่อว่า Mini-DSLR หรือ Compact-DSLR ไม่ดีกว่าหรือ?
...
จริงๆแล้วกล้อง Mirrorless นั้น มีต้นแบบมาจากกล้อง DSLR นั่นแหละครับ
ซึ่งคำว่า DSLR นั้น ย่อมาจาก digital single lens reflex
และสิ่งที่ทำให้เจ้าตัว DSLR ต้องใหญ่เทอะทะ ก็เพราะมี single lens reflex (กระจกสะท้อนแสงจากเลนส์ เข้าสู่ช่องมอง หรือ viewfinder) นั่นเองครับ
และเจ้ากระจกนี้เอง ก็คือที่มาของชื่อของ DSLR ด้วย ^ ^
(เวลาเราจะุถ่ายรูปจาก DSLR เราก็ส่อง ... แล้วก็เห็นภาพ ซึ่งสะท้อนมาจากกระจก ... พอเรากดปุ่มชัตเตอร์ กระจกก็จะยกขึ้น แล้วแสงก็ผ่านเข้าเซนเซอร์แทน ... นี่คือหลักการของ DSLR (บางคนบอกว่าชอบเสียงชัตเตอร์ของกล้อง DSLR แต่บางตัวเสียงที่ได้ยินเป็นเสียงยกกระจกขึ้นลง ไม่ใช่เสียงชัตเตอร์ก็มีครับ เหอๆๆ ^ ^))
...
พอมาเป็น Mirrorless เค้าก็มีแนวคิดคือ "ตัดกระจกที่ว่านี้ออกไป โดยให้ทุกๆอย่างคงเดิม" พูดง่ายๆคือตัด SLR ออกไปนั่นเองครับ
เหตุผลก็คือเพื่อให้ขนาดมันเล็กกระทัดรัดลงกว่า DSLR เปลี่ยนเลนส์ได้เหมือน DSLR และคุณภาพเท่าเทียมกับ DSLR อยู่น่ะครับ ^ ^
...
และเพราะไม่มีกระจกที่ว่านี้ จะใช้ชื่อว่า Mini-DSLR หรือ Compact-DSLR ก็ไม่ได้ครับ ^ ^ เพราะกล้องมันไม่มี SLR อยู่อีกแล้ว แม้ทุกอย่างจะเหมือน DSLR ก็เถอะ
แต่สิ่งที่ตัดออกไป ก็คือส่วนสำคัญของชื่อ DSLR นั่นเอง ^ ^
...
...
ก็เลยได้ชื่อใหม่ว่า "ไร้กระจก" หรือ "Mirrorless" นั่นเองครับ ^ ^


สำหรับกล้อง Mirrorless นั้น
จริงๆโดยระบบ ก็เริ่มตั้งแต่ Leica M8 แล้วครับ แต่ตอนนั้นศัพท์ Mirrorless นี้ยังไม่เกิด อีกอย่างรูปร่างของ Leica M8 นั้นยังเทอะทะและเป็นรุปร่างของ RangeFinder นั่นเองครับ
...
กล้องตัวแรกของ Mirrorless จริงๆนั้นก็คือ Panasonic G1 ครับ ^ ^ (แต่รูปร่างยังเป็น DSLR อยู่ คนเลยไม่ค่อยฮือฮา)
...
จนกระทั่งเกิดการวางตลาดของ Olympus E-P1 นั่นแหละครับ กระแสของ Mirrorless จึงได้เกิด (วางขายกลางปี 2009) เพราะเป็นกล้องตัวแรกจริงๆที่ขนาดไม่ใหญ่ทึนทึก แต่คุณภาพระดับ DSLR
ฮือฮาขนาดไหน? ก็ต้องบอกว่าเวบดังๆอย่าง Dpreview นั้น มีคนเข้าไปดูข้อมูลของ E-P1 มากเป็นอันดับหนึ่ง ติดต่อกันเกือบ 3 เดือน ปล่อยให้กล้อง DSLR รุ่นใหม่ตอนนั้นอับเฉาไปเลย
(แต่ในขณะที่ทั่วโลกสนใจกัน แต่ในไทยฮือฮาแค่กลุ่มคนใช้ Olympus เท่านั้นครับ ... เพราะในไทยมีเรื่องของ Brand Royalty ที่สูง คนใช้ Canon ก็มองแต่ Canon ... คนใช้ Nikon ก็มองแต่ Nikon ... คนใช้ Olympus ก็มองแต่ Olympus ... มันจึงฮือฮาแค่กลุ่มคนใช้ Olympus -*-)

สำหรับปัจจุบัน(ปลายปี 2010)
กล้องที่วางขายแบบหาง่ายๆหน่อย ที่เป็น Mirrorless รูปร่างคอมแพคจริงๆก็มี
Panasonic = GF1, GF2
Olympus = E-P1, E-P2, E-PL1
Sony = NEX3, NEX5, NEX7
Samsung = NX100

ผมเองมี E-P1 อยู่ตัวนึง ลองทดสอบ ISO แบบง่ายๆดูด้วยครับ ไปดูได้ที่ ทดสอบ ISO Olympus E-P1 ครับ (เทียบกับ DSLR ราคา 2-3 หมื่น ที่ออกตอนปี 2009 ไม่แพ้ใครเหมือนกัน ... แต่ถ้าตอนนี้ ปลายปี 2010 มีตัวที่ทำได้ดีกว่า ออกมาเพียบเลย ^ ^")
และดูข้อดีของ Mirrorless ได้ที่ Mirrorless ดีอย่างไรเมื่อเทียบกับ DSLR ครับ ^ ^   (http://journey-trip-review.blogspot.com/2010/12/mirrorless-evil-milc.html)

กล้อง Mirrorless (EVIL, MILC) เทียบกับ DSLR ซื้ออะไรดีกว่า?? อย่างไหนดีกว่ากัน และควรจะเลือกอะไร?
 
กล้อง Mirrorless (EVIL, MILC) ตอนนี้ก็มี
- Olympus E-P1, E-P2, E-PL1
- Sony NEX 3, NEX 5
- Panasonic GF1
... ซึ่งจัดเป็นกล้องตัวเล็ก แต่คุณภาพพอๆกับ DSLR ระดับเบื้องต้น หรือ entry level

พอมีกล้องแบบนี้ออกมา ก็เกิดข้อสงสัยขึ้นมาว่า ถ้าคิดจะซื้อกล้องไฟล์ดีๆระดับ DSLR เป็นครั้งแรก หรือจะจริงจังกับการถ่ายภาพ ซื้อกล้องอะไรดี?
เป็นกล้องสำรองสำหรับคนใช้ DSLR เท่านั้นหรือไม่?
เท่าที่ฟังหลายๆคห.มา หลายๆคนมักจะบอกว่า Mirrorless มันเหมาะแก่การเป็นกล้องสำรองสำหรับคนซีเรียสเรื่องคุณภาพไฟล์ครับ
หรือไม่ก็เหมาะสำหรับคนที่ไม่สนเรื่องการถ่ายรูป แต่อยากได้ภาพที่ไฟล์ดีๆชัดๆ กว่าคอมแพคที่มีอยู่ พูดง่ายๆคือชัดเหมือน DSLR
...
ส่วนตัวก็ไม่ได้เห็นแย้งนะครับ จริงๆมันก็ขึ้นกับคนใช้ล่ะครับ ^ ^ ว่าจะชอบข้อดีของกล้องแบบไหน และรับไม่ได้กับข้อเสียของกล้องแบบไหน

เอาเป็นว่า ขอบอกข้อดีของ Mirrorless ที่เป็นข้อแข็งที่สุดนอกจากเรื่องของ "เล็กกว่า" มาให้ทราบกันครับ
(ข้อดีของ DSLR ที่ดีกว่าคือการจับถือ การปรับตั้งค่าต่างๆก่อนจะกด shutter ที่สะดวกกว่ามาก)

สิ่งนั้นก็คือ "ใช้กับเลนส์ได้แทบทุกยี่ห้อ และมีตัวแปลงเมาท์ขาย โดยไม่ต้อง DIY" ... หลายๆคนยังไม่รู้แน่ๆ ^ ^
ใครที่ใช้กล้อง DSLR ระบบ 4/3 ของยี่ห้อ Olympus อาจจะบอกว่า "โถ่~~ โอลี่ทำได้มานานแล้ว"
ก็จริงครับ โอลี่ทำได้นานแล้ว ... แต่ทว่า แฟนๆโอลี่คงรู้ดีอยู่ว่า แม้โอลี่จะจับเลนส์ชาวบ้านมาใส่กล้องตัวเองได้ผ่าน adapter แม้จะต้อง MF
(กล้องยี่ห้ออื่นๆอย่าง Nikon หรือ Canon ก็ทำได้ก็จริง แต่ "วัดแสง" ไม่ได้จ้า ต้องอาศัยความเทพของตากล้องอย่างเดียว ^ ^ แต่ 4/3 กับ M4/3 วัดแสงได้ทุกตัวไม่ว่ารุ่นเก่าหรือรุ่นใหม่ ^ ^)
แต่ก็มีเลนส์บางตัวที่ระบบ 4/3 ก็ไม่สามารถจับเลนส์มาใส่ได้ นั่นก็คือ เลนส์ "Canon FD" นั่นเองครับ

Canon นั้นเป็นบริษัทกล้องที่ขายดีตั้งแต่ช่วงเลนส์ FD แล้วครับ
แต่พอ EF เข้ามา เลนส์ FD ก็กลายเป็นของราคาถูกไปซะอย่างนั้น ...
แต่ตอนนี้ เราสามารถนำเลนส์ FD มาหมุนบนกล้อง Mirrorless ได้แล้ว และเป็น infinity focus ด้วยครับ ^ ^
(ใครมีเลนส์ FD เยอะๆ อย่าเพิ่งรีบขายครับ ตอนนี้ใน Ebay ราคากำลังขึ้นเลยล่ะ)
นอกจากนั้น เลนส์ EF ของ Canon ก็ไม่รอด ใช้ MF กับ Mirrorless ได้
...
และีที่น่าทึ่งคือ เลนส์กล้องวิดีโอหรือ CCTV ก็เอามาต่อใช้ได้ *0*

นี่แหละ คือข้อดีของกล้อง Mirrorless ที่หลายๆคนมองข้ามไป ที่ผมอยากเอามาบอกกัน ^ ^

ส่วนตัวมองว่า คนที่ไม่ค่อยได้ใช้โหมด M ... น่าจะชอบ Mirrorless ครับ เพราะว่าใช้เลนส์มือหมุนได้แทบทุกชนิดกันเลย และเลนส์มือหมุนก็ถูกด้วย เรียกว่าช่วยเปิดมุมมองการถ่ายภาพได้ดีเยี่ยมทีเดียว
แต่ถ้าใครชอบถ่าย Manual มากๆ อาจจะต้อง DSLR ครับ เพราะมันกดเปลี่ยนค่าต่างๆได้สะดวกกว่ามาก (แต่เห็นว่า GF1 ก็ปรับง่ายนะครับ ต้องลองดูที่ร้านอีกที ^ ^)

------------------------------------------------------------------------

อัพเดทข้อมูลครับ (หลังจากได้ลองใช้ Mirrorless อย่าง Olympus E-P1 มาแล้ว)

...
หลังจากได้ใช้ Mirrorless รุ่นแรกๆอย่าง Olympus E-P1 ที่โดนโจมตีด้วยความไม่สมบูรณ์แบบอย่าง "ไม่มี ViewFinder กับ Flash" ไปแล้ว
ก็อยากจะบอกว่า มันมีอะไรดีกว่าที่มองจากสเปคผ่านๆครับ ^ ^

ตอนแรก แน่นอนนั้น ว่าผมไม่ถนัดถือแล้วมองดูทาง LCD Live View เท่าไหร่ ^ ^" ไม่ถูกใจเหมือนกัน
แต่พอใช้ไปพักนึง แล้วคุณจะรู้ว่า "มนุษย์(ตัวคุณเอง)ปรับตัวเก่งกว่าที่คุณคิด" ... ใช้แค่วันสองวัน เรื่องการปรับตั้งค่าต่างๆ ง่ายจนเหมือนจะง่ายกว่า DSLR ครับ (กลับมาใช้ DSLR แล้วงงซะงั้น จริงๆครับ -*-)
...
แต่สิ่งที่ชอบและถูกใจที่สุดก็คือ full real time live view ครับ!!
กล้อง DSLR นั้น ไม่ว่าคุณปรับแต่งค่าอะไรยังไง คุณจะเห็นมันตอนที่คุณกดชัตเตอร์ลงไปแล้วครับ แต่เวลาที่คุณส่องดูน่ะ คุณก็เห็นตามที่เลนส์เห็นนั่นล่ะครับ แต่พอกดชัตเตอร์ไปแล้ว แสงออกมายังไง จึงค่อยรู้กันตามนั้นเลย
...
แต่จาก full real time live view ของกล้องแบบคอมแพคนั้น เวลาคุณชดเชยแสง ในโหมด M นี้คุณจะเห็นมันออกมาตั้งแต่ตอนดูที่ live view เลย ^ ^
(มีต่างบ้างเหมือนกันครับ แต่ไม่มาก)
... บอกตรงๆว่าอย่างนี้ มือใหม่ที่ไม่เป็นกล้อง แต่ "เก่งเรื่องมุมกล้อง" หรือพูดง่ายๆก็คือ คนมีศิลป์หน่อย ถ่ายรูปให้เกิดได้ไม่ยากเลยครับ
ส่วนคนที่เก่งแต่ทฤษฎีการวัดแสง แต่ไม่เคยฝึกเรื่องมุมกล้อง หรือใช้มุมแต่ตามตำรา กี่จุดๆนั่น ต้องพัฒนาตัวเองแล้วล่ะครับ เพราะเทคโนโลยีตอนนี้รองรับมือใหม่เต็มที่เลยครับ ^ ^
อย่างผมเอง ปกติชอบโหมด P S A ... แต่พอมาใช้ตัวนี้ เล่น M ตลอดครับ เพราะมันปรับได้อย่างใจ และเห็นทันทีเลย ^ ^
ใครบอกว่า Mirrorless ปรับค่าต่างๆยาก อยากให้ยืมของเพื่อนมาเล่นซัก 2 วันครับ แล้วจะวางไม่ลง อิิอิ ^ ^

... ทำให้นึกถึงกล้อง SLT อย่าง A33 กับ A55 ของ Sony เลยครับ ... เพราะเป็น full real time live view เหมือนกัน!!
ถ้าชอบรูปร่างดำใหญ่ เพราะคิดว่าจับถือถนัดสะใจ ... เป็นตัวเลือกที่น่าสนมากๆครับ ^ ^   (http://journey-trip-review.blogspot.com/2010/10/evil-milc-dslr.html)

+1คุณยอดครับ คราวนี้รอข้อมูลเพิ่มเติม 
ใครใช้มิเร่อร์เลสอยู่ หรือพอมีภาพที่ถ่ายจากกล้องมิเร่อร์เลสพอที่จะแบ่งปันได้
ขอดูด้วยครับ

โธ่...พี่ ซับ
มันก็คือไฟล์รูปจากกล้องนี่แหละครับ
อย่างกล้องคอมแพค ก็ใช่
เพราะ live view ดูจากหลังกล้อง
กดปุ๊บ ติดปั๊บ ไม่ต้องรอนาน
เพียงแต่ มันเปลี่ยนเลนส์ได้ ปรับ AV แสดงผลได้เลย
จะมืดจะสว่าง  คือ เหมือนตาเห็น

แหะ แหะ  คือผมอยากดูคุณภาพของเซ็นเซอร์รับภาพ ดูความคมของเลนส์ครับ
เพราะรูปที่ถ่ายจากกล้องที่มีเซ็นเซอร์และเลนส์ดีๆ มักจะโดดเด่นเห็นชัดครับ

ตัวนี้ Ricoh GXR เลนส์ 33 f/2.5 (eq. 50 mm.) เซนเซอร์ APSC  ทำฉากหลังเบลอร์ได้ดีกว่าคอมแพ็คแยะครับ เหมือนพวก DSLR
แต่มีทีเด็ด คือสามารถ synch flash ได้ตลอดความเร็วชัตเตอร์ (สูงสุด 1/3200) เพราะใช้ชัตเตอร์แทรกในเลนส์ ไม่ใช่ focal plane ครับ
(http://i257.photobucket.com/albums/hh201/panisuan/R0015688.jpg)

มีคนส่งมาแช่งผมตอนปีใหม่   ::008::
(http://i257.photobucket.com/albums/hh201/panisuan/R0015687.jpg)

...ภาพจาก GF 1 ครับ
(http://i680.photobucket.com/albums/vv170/doddor/P1010660.jpg)

(http://i680.photobucket.com/albums/vv170/doddor/P1010668.jpg)

(http://i680.photobucket.com/albums/vv170/doddor/P1000752.jpg)

(http://i680.photobucket.com/albums/vv170/doddor/P1000703.jpg)

(http://i680.photobucket.com/albums/vv170/doddor/P1000672.jpg)

(http://i680.photobucket.com/albums/vv170/doddor/P1000490.jpg)

สุดยอดมากๆครับ +1ทุกๆท่าน  ::002::

กำลังเล็ง pana gf 2 อยู่พอดีครับ

ใจเย็นๆค่ะ รอซักช่วงเมษา จะมีของค่าย C กับ N มาให้เทียบค่ะ :D
ส่วนช่วงมีนาจะมีของค่ายแป้นออกมาค่ะ :D

ตัวอย่างภาพจากกล้องMirrorless เดี๋ยวขอเวลาแป๊บ จะไปขอจากเพื่อนที่ใช้olyมาให้เทียบนะจ๊ะ :D

ภาพตัวอย่างจากoly ของเพื่อนโอเองค่ะ :D

http://hippomum.multiply.com/tag/%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%B5 (http://hippomum.multiply.com/tag/%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%B5)

http://hippomum.multiply.com/photos/album/310/At_Peace_with_the_World (http://hippomum.multiply.com/photos/album/310/At_Peace_with_the_World)

พอดีโอสงสัยในเรื่องของกล้องMirrorlessใส่เลนส์เทพ กับ กล้องDSLRใส่เลนส์เทพ ภาพที่ได้จะออกมาต่างกันแค่ไหน ก็มีคนนึงเค้าตอบโอมาแบบนี้ค่ะ

การที่ใช้กล้องแบบ mirrorless มีข้อดี(เหมือน aps-c) คือมี image circle (พื้นที่รับภาพ) น้อยกว่าและเล็กกว่ากล้อง 35mm ครับ
ฉนั้น ไอ้เลนส์ที่เคยขอบไม่คม ขอบมืด ฯลฯ พอมาใช้กับกล้องประเภทนี้แล้ว ปัญหาเหล่านี้จะหมดไปครับ

แต่ในขณะเดียวกัน เนื่องจากด้วยการที่มีเซ็นเซอร์ขนาดเล็กกว่า ความหนาแน่นของตัวเม็ดพิกเซลล์ก็จะแน่นกว่า (อยู่ติดๆกัน)
พวกรายละเอียดยิบย่อย (micro details) การไล่โทนสี (tonality) หรือคอนทราสต์ของภาพ อาจจะทำได้ไม่มีเท่าเซ็นเซอร์ใหญ่ๆครับ

ซึ่งถ้าอ่านแค่ข้างบนจะเห็นว่า อ้าว แบบนี้ไอ้พวกเลนส์เทพก็อาจจะไม่เทพ แต่เลนส์ไม่เทพอาจจะเทพขึ้นได้ใช่มั้ย ??

ก็ตอบได้ว่า ใช่ และไม่ใช่ครับ เพราะมันมีการ post-process ของตัวกล้องหรือ cpu เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยครับ
เพราะอย่างพานาโซนิค ก็มีระบบแก้ขอบอัตโนมัติ ซึ่งได้ขอบภาพที่คมขึ้น แต่ภาพก็เสียรายละเอียดไปบ้างเหมือนกันครับ
กล้องดิจิตอลไม่เหมือนฟิลม์ ที่มีปัจจัยในการคุมภาพแค่ 3 อย่าง (แสง เลนส์ ฟิลม์) แต่มีมากกว่านั้นอีกเยอะครับ ...

ตามที่คุณโอได้รับคำตอบมาถูกต้องแล้วครับ
คือคุณภาพของภาพไม่ได้ขึ้นอยู่กับ mirror หรือ mirrorless ครับ  ขึ้นอยู่กับขนาดของเซนเซอร์ และจำนวนเม็ดพิกเซลที่ผู้ผลิตยัดเยียดเข้าในพื้นที่จำกัดนั้น   ถ้าพื้นที่(ขนาดเซนเซอร์)เท่ากัน  ตัวที่พิกเซลน้อยกว่าจะได้ภาพเล็กกว่าแต่สดใสสะอาดกว่า (คือคอนทราสกับไล่โทนดีกว่า)  หรือกลับกันจะเข้าใจง่าย คือจำนวนพิกเซลเท่ากัน ตัวที่เซนเซอร์ใหญ่กว่าภาพก็จะดีกว่าเสมอ  ทั้งนี้ ตัว engine ที่ประมวลผลก็มีส่วนอยู่บ้างพอสมควร

สมมุติ เอาเลนซ์เทพของนิคอน(สำหรับฟูลเฟรม)ตัวเดียวกัน  ใส่อแดปเตอร์นะครับ  ใช้กับกล้อง M4/3 (โอลี, พานา) เทียบกับเมื่อใช้กับโซนี NEX
ภาพที่ได้จาก โซนีจะดีกว่า เพียงเพราะเซนเซอร์ใหญ่กว่าครับ (เชียร์โซนีมากหน่อย เพราะ Made in Thailand นะครับ  ::002:: )

**************
เรื่องการเรียกชื่อกล้องกลุ่มนี้ว่า mirrorless ยังอาจสร้างความสับสนได้บ้าง  เพราะพวก range finder อย่างไลก้า ก็ไม่มีกระจกเช่นกัน
กล้องที่เริ่มใช้กระจกก่อนคือพวก TLR (Twin-Lens Reflex) ที่มีสองเลนซ์ซ้อนกัน ใช้ฟิล์ม 120  ต่อมาจึงเกิด SLR (Single-Lens Reflex) ซึ่งมีทั้งที่ใช้ฟิล์ม 120 อย่าง ฮัซเซลบลัด มามิยา  และฟิล์ม 35 ที่เห็นกันทั่วไป   เป็นคำตอบสำหรับบางคนที่ถามว่า ทำไมกล้องที่เปลี่ยนเลนส์ได้มากมาย จึงชื่อ single lens

ล่าสุดมีคนเสนอชื่อกล้องยุคใหม่นี้ว่า Electronic Viewfinder Interchangeable Lens
ซึ่งคงไม่ค่อยมีการยอมรับ เพราะจะเรียกย่อว่า EVIL Cameraครับ  

 ::014:: ขอบคุณค่ะอาจารย์ สงสัยตั้งนานว่าEvilมันย่อมาจากอะไร นึกว่ากล้องมันเลวร้ายอะไรซะอีกอ่ะค่ะ ::008::

ขอบคุณทุกความรู้ครับ
+1ทุกท่าน

สอบถามต่อครับ หลังจากพยายามหาข้อมูล
ตอนนี้ผมแยกประเด็นเป็น กล้องMirrorless แบบที่มีกันสั่นในตัวกล้อง
กับแบบที่มีกันสั่นในตัวเลนส์

ดูไปพวกที่มีกันสั่นในตัวกล้อง กล้องอวบขึ้น แต่เลนส์กระบอกเล็ก เช่นOlympus PEN E-PL1 /E-P2
(https://phototronic.24secure.com/shop/images/Olympus-epl114-42.gif)

หรือPanasonic Lumix GF1, GF2

(http://aeykomson.com/images/gf1.jpg)

(http://www.widgetandgadget.com/wp-content/uploads/2010/11/Panasonic-Mirrorless-Cameras-1.jpg)

ส่วนแบบที่มีกันสั่นในตัวเลนส์ ตัวกล้องเล็กลงแต่ กระบอกเลนส์ใหญ่  เช่นSony Nex3,Nex5

(http://www.hitechsphere.com/wp-content/uploads/2010/05/Sony-nex.jpg)


ภาพด้านหลัง ไม่มีViewfinder  ;D
(http://www.pilenz.com/blog/wp-content/uploads/2010/05/Sony-NEX-3-2.jpg)

อยากทราบว่าแบบกันสั่นที่กล้องกับกันสั่นในเลนส์อันไหนมีข้อดีข้อด้อยอย่างไร
เรื่องราคาและความคุ้มค่าด้วยครับ

นอกจากยี่ห้อที่ผมกล่าวมี มียี่ห้อไหนอีกครับ ที่มีMirrorless

สั่นที่กล้อง เอาเลนส์อะไรมาใส่ ก็กันสั่นได้

สั่นที่เลนส์ เปลี่ยนเลนส์ไม่มีกันสั่น มันก็ไม่สั่น

แล้ว เลนส์ที่มีกันสั่น ก็มักจะแพงกว่าที่ไม่สั่น

พานาฯ GF1, GF2 กันสั่นที่เลนส์ครับ  มีแต่ Olympus เจ้าเดียว ที่ใช้กันสั่นในตัวกล้อง
จุดที่พวกกันสั่นในเลนส์คุยว่าเหนือกว่า ก็คือ สั่นมากสั่นน้อยตามความเหมาะสมครับ และได้ผลมากกว่า  เพราะชิ้นเลนส์ที่จะต้องขยับเพื่อหักล้างการสั่นของมือคนถือกล้องนั้นมันเล็กนิดเดียว  ไม่เหมือนพวกที่ขยับเซนเซอร์ ที่ต้องเคลื่อนย้ายมวลที่หนักกว่า  แถมเพิ่มความยุ่งยากให้ตัวกล้อง  โอกาสชำรุดมากขึ้นอีก

อีกอย่าง  เลนส์สั้นๆ หรือไวด์  ไม่ต้องกันสั่นครับ  ที่จำเป็นต้องใช้คือพวกเทเลฯ

ผมว่าคุณซับเลือกที่ระบบดีกว่าครับ  เช่น จะเอา m4/3 (พานาฯ, โอลี) หรือชอบเซนเซอร์ใหญ่กว่านี้ (โซนี, ซัมซุง และอาจมีสมาชิกเพิ่มปลายปีนี้)  ถ้าพิจารณา ณ วันนี้ m4/3 ติดตลาดแล้ว  มีเลนส์อิสระให้เลือกได้มากมาย นอกเหนือจากที่ใช้อแดปเตอร์ครับ   ส่วน NEX เพิ่งเริ่มอนุญาตให้คนอืนทำเลนส์เสริม

หรือจะดูในด้าน.... made in Thailand = Sony,  made in Japan = Pana,  made in China = Oly  เลือกเอาครับ

ขอบคุณครับ

 ขออนุญาตพี่ซับนะครับ  คืออยากทราบว่า กล้อง DSLR ถ่ายไปราวๆสามหมื่นภาพนี่  ถือว่าเยอะไปไหมครับ
  พอดีจะหากล้องมือสองมาใช้สักตัวหนึ่งน่ะครับ

ยังไม่ถึงแสน จิ๊บๆ ครับโอ๊ค  ;D

ปกติอายุมันอยู่ที่กดชัตเตอร์ไปแสนห้าครับ

สามหมื่นภาพ ถ้าเป็น DSLR รุ่นโปร หรือกึ่งโปร ถือว่ายังไม่มาก
แต่ถ้าเป็นระดับ entry level ก็แยะแล้วนะครับ   

  ขอบพระคุณสำหรับความรู้ครับ  พอดีมีคนจะขาย Canon 1D Mk III  Body
  น่าจะกดไปสามหมื่น  ขายอยู่ $ 1800 ครับผม เลยมาถามหาความรู้ดูก่อนครับ

ตัว 1D Mk III นี้ แคนอนคุยว่าอายุการทำงาน 300,000 รอบครับ สมัย Mk II คุยไว้แค่ 200,000

ถ้าเป็นตัวนี้ ชัตเตอร์ สามหมื่นจิ๊ปๆเลยครับ  :D~ :D~ :D~

ราคานี้ ถ่ายมาแค่นี้...

ถ้าหากกะว่าจะเอาจริงด้านถ่ายภาพ...

คว้าไว้เลยครับ... ::002::

กังวลในเรื่องที่ไม่ควรกังวล

สำหรับกล้องมืออาชีพ

ควรกังวลว่า จะซื้อเลนส์อะไร ต่อไปดีกว่าครับ

ค่ากล้อง น่ะไม่เท่าไหร่  ค่าเลนส์ แพงกว่าแยะ  ::005::

รีวิว เน็กซ์3

http://panithanks.multiply.com/reviews/item/1 (http://panithanks.multiply.com/reviews/item/1)

ตกลงคุณซับฯเลือกอะไรครับ......

ตอนนี้เห็นถือคอมแพคพัง ๆ อยู่ตัวนึง....ถ่ายมามัว ๆ ... แบตฯถ่ายได้สิบกว่าภาพก็หมด...   ::005:: ::005::
และก็ว่าจะใช้ตัวนี้ถ่ายไปเรื่อย ๆ ไม่เปลี่ยนครับ... ::013::

ที่ถามว่าพี่ซับเลือกอะไร... ก็ตอบว่าขอเลือกเป็นกะเทยครับ.... ;D

(http://image.ohozaa.com/i/eaf/KHk5j.jpg)

ตอนนี้ เพ็นแท็ก ก็ลงมาเล่น ตลาด มิเรอร์ เลส แล้ว ชื่อ Pentex Q

http://www.dpreview.com/previews/pentaxQ/ (http://www.dpreview.com/previews/pentaxQ/)

Q = Cute, and that's it.

...Pentax ทนไม่ได้แล้ว
(http://a.img-dpreview.com/previews/pentaxQ/images/Intro-001.jpg)

ขออนุญาตถามครับ แล้วเรามีวิธีเช็คที่ตัวกล้องมั๊ยครับ ว่าถ่ายไปเท่าไหร่แล้ว
ของผม CANON 350D ได้รับการบริจาคมาจากพี่เมียครับ ::014::

ลองใช้  Opanda IExif  2.3 ดูนะครับ เป็นไฟล์เล็ก ๆ หาดาวน์โหลดได้ทั่วไป....

เปิดโปรแกรมมา แล้วเลือก Open ภาพสุดท้ายจากกล้องที่เราถ่ายมา..
จะขึ้นอะไรมายุ่บยั่บเยอะแยะครับ..
ให้หาดูบรรทัดตรงจำนวนชัตเตอร์ที่กล้องใช้ครับ.. ;D

(http://image.ohozaa.com/i/ec9/fFy3Q.jpg) (http://image.ohozaa.com/view/6m31u)


(http://image.ohozaa.com/i/c66/kyP1w.jpg) (http://image.ohozaa.com/view/6m320)

จากตัวอย่าง  หมายถึงกล้องตัวนี้ชัตเตอร์ทำงานไป 7516 ครั้งครับ

ขอบพระคุณมากครับ เดี๋ยวจะลองทำดูครับ
มือใหม่เพิ่งจะได้มาประมาณ 2เดือนครับ

ลืมไปครับ +1ครับ ::002::

ตัวจริงสวยมากเลยครับ.....หลงรักทันทีที่เห็น ขนาดกระทัดรัด

แต่เห็นราคาแล้ว......ผมถอยตั้งหลักก่อน