หัวข้อ: พ่อของฉัน........คนขายเต้าหู้ เริ่มหัวข้อโดย: Nat_usp ที่ มีนาคม 14, 2011, 06:07:56 PM (http://www.sarnrak.net/blogs/an/angyeeyee/91204092537/b-91204092537.jpg) เกิดขึ้นในจีนแผ่นดินใหญ่ เรื่องราวคนขายเต้าหู้ ~ คือพ่อฉันผู้เป็นใบ้ ~ ตอน เหนือของมณฑลเหลียวหนิง ประเทศจีน มีเมืองขนาดกลาง ชื่อว่า เทือกเหล็ก เกือบทุกเช้าตรู่หรือพลบค่ำ บนท้องถนนกรรมกร จะเห็นผู้เฒ่าเข็นรถขายเต้าหู้เคลื่อนไปอย่างช้าๆ ลำโพงที่ต่อกับแบตเตอรี่บนรถ กระจายเสียงใสของหญิงสาว เต้าหู้มาแล้วจ้า เต้าหู้อ่อนสูตรโบราณ เต้าหู้อร่อยจ้า เสียงนี่เป็นของฉัน คนขายคือพ่อฉัน พ่อฉันเป็นใบ้ ตราบถึงวันนี้อายุกว่ายี่สิบแล้ว ฉันจึงใจกล้าพอที่จะบันทึกเสียงตัวเองไว้บนรถขายเต้าหู้ของพ่อ แทนกริ่งทองเหลืองที่พ่อเขย่ามาหลายสิบปี อายุแค่ 2-3 ขวบ ฉันก็รู้จักว่ามีพ่อเป็นใบ้น่าอัปยศเพียงใด ดังนั้นฉันจึงเกลียดชังพ่อแต่เล็ก เมื่อฉันเห็นเด็กบางคนถูกแม่สั่งให้มาซื้อเต้าหู้ กลับหยิบเต้าหู้ไปโดยไม่จ่ายเงิน พ่อโก่งคอยาวแต่ไม่อาจตะเบ็งเสียงออกมา ฉันไม่อาจทำเหมือนพี่ชายที่ไล่ตามไปต่อยเด็ก ได้แต่เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยไม่ปริปาก ฉันไม่ชังเด็กคนนั้น แต่กลับชังพ่อที่เป็นใบ้ ถึงแม้ว่าทุกครั้งที่พี่ชายช่วยหวีผมให้และเจ็บจนต้องสูดปากซี๊ด ฉันก็แข็งใจไม่ยอมให้พ่อถักผมเปีย ตอนที่แม่เสียไม่ได้เก็บรูปถ่ายบานใหญ่ไว้ มีเพียงรูปขาวดำขนาด 2 นิ้วที่ถ่ายร่วมกับสาวเพื่อนบ้านก่อนแต่งงาน เมื่อพ่อถูกฉันเมินเฉย ก็มักจะหันกระจกเงากลับมาดูรูปแม่อีกด้านหนึ่ง เพ่งจนนานพอแล้ว ค่อยจากไปทำงานอย่างซึมเซา น่าโมโหที่สุดคือเด็กคนอื่นเรียกฉันว่า อีใบ้สาม (ฉันเป็นลูกคนเล็กอยู่อันดับสาม) ฉันจะวิ่งกลับบ้านเมื่อด่าสู้พวกเด็กไม่ได้ ต่อหน้าพ่อที่กำลังโม่เต้าหู้อยู่ ฉันเขียนวงกลมบนพื้น แล้วถ่มน้ำลายที่ตรงกลาง ถึงแม้ฉันไม่เข้าใจว่าที่ตนทำนั้นหมายความว่าอย่างไร แต่ก็ทำเช่นนี้เมื่อถูกเด็กด่าว่า ฉันคิดว่า นี่คงเป็นการแสดงคำด่าคนใบ้ที่ร้ายกาจที่สุดแล้ว ครั้งแรกที่ฉันด่าพ่อด้วยวิธีนี้ ทำให้พ่อต้องหยุดงานในมือ มองดูฉันอย่างงุนงง น้ำตาไหลนองหน้าอยู่นาน น้อยครั้งที่ฉันเห็นพ่อร้องไห้ แต่วันนั้นพ่อขดตัวในโรงเต้าหู้ร้องไห้ตลอดทั้งคืน เป็นการสะอึกสะอื้นที่ไม่ส่งเสียงดัง เพราะเห็นพ่อหลั่งน้ำตา ฉันจึงดูเหมือนหาทางออกให้กับความน้อยใจของฉันได้ ในที่สุด ดังนั้น ต่อจากนั้นเป็นต้นมา ฉันมักจะไปด่าพ่อต่อหน้าต่อตาแล้วเดินหนี ปล่อยให้พ่องงเป็นไก่ตาแตก ทว่าพ่อไม่หลั่งน้ำตาอีกแล้ว แต่จะขดตัวที่ผอมเซียวให้ลีบเล็กลง พิงกับคานโม่ หรือจานโม่ ดูน่าเกลียดยิ่งในสายตาฉัน ฉันต้องเรียนหนังสือให้ดี เพื่อเข้ามหาวิทยาลัย พ้นจากหมู่บ้านเล็กที่ใครๆก็รู้ว่าพ่อฉันเป็นใบ้ นี่เป็นความปรารถนาใหญ่ยิ่งของฉันในขณะนั้น ฉันไม่รู้ว่าพี่ชายสองคนมีเหย้าเรือนได้อย่างไร ไม่รู่ว่าโรงเต้าหู้นั้นพ่อเปลี่ยนคานโม่ใหม่อีกกี่ด้าม ไม่รู้ว่ากริ่งทองเหลืองลั่นจนริมขอบสึก ผ่านไปแล้วกี่ฤดูกาลกี่ตำบลหมู่บ้าน รู้เพียงว่าฉันปฏิบัติต่อตนอย่างเคืองแค้น เรียนหนังสืออย่างบ้าคลั่ง ในที่สุดฉันก็สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ เสื้อ ม่อฮ่อมกรมท่าซึ่งอาโกวตัดเย็บให้ตั้งแต่ปี 1979 พ่อเพิ่งเอามาใส่เป็นครั้งแรกในต้นฤดูใบไม้ร่วง ปี 1992 ท่ามกลางแสงตะเกียงในยามค่ำ พ่อหน้าตาชื่นบานขณะยัดธนบัตรกำใหญ่ซึ่งยังติดกลิ่นคาวเต้าหู้ ไว้ที่ฝ่ามือ ฉันอย่างพิถีพิถันปากก็เอะอะเออออไม่หยุดยั้ง ฉันมองดูความดีใจและภาคภูมิของพ่อโดยวางตัวไม่ถูก เหม่อมองพ่อเที่ยวแจ้งให้ญาติโยมเพื่อนบ้านทราบด้วยใบหน้ายิ้มกริ่มพอใจ เมื่อ ฉันเห็นพ่อพาคุณอาและพี่ๆ มาช่วยลากหมูตัวที่พ่อบรรจงขุนมา 2 ปีจนอ้วนพี ลงมือชำแหละ เพื่อเลี้ยงคนทั้งหมู่บ้าน เป็นการฉลองที่ฉันเข้ามหาวิทยาลัยได้ หัวใจแข็งดุจท่อนไม้ของฉันไม่รู้ถูกอะไรสะกิดเข้า จนฉันร้องไห้โฮ บนโต๊ะอาหาร ฉันคีบหมูหลายชิ้นให้พ่อต่อหน้าคนหลายๆคน ฉันน้ำตานองหน้า เรียกพ่อให้กินเนื้อหมู พ่อไม่ได้ยินหรอก แต่เข้าใจความหมายของฉัน นัยน์ตาพ่อฉายประกายที่ไม่เคยมีมาก่อน ดวดเหล้าเกาเหลียงที่ตวงซื้อมา พร้อมกับกินชิ้นหมูที่ลูกสาวคีบให้ พ่อคงเมาแล้ว หน้าแดงก่ำ หลังยืดตรง ส่งภาษามืออย่างองอาจ เป็นความจริงที่ว่า ผ่านมา 18 ปีเต็มๆ พ่อเพิ่งเคยเห็นรูปริมฝีปากฉันขณะเรียกพ่อเป็นครั้งแรก พ่อโม่เต้าหู้ด้วยความยากลำบาก เอาธนบัตรที่คลุกด้วยกลิ่นไอเต้าหู้ส่งเสียให้ฉันเรียนจนจบมหาวิทยาลัย ปี 1996 ฉันเรียนจบได้รับบรรจุงานที่เทือกเหล็กห่างจากบ้านเกิด 40 กม. เมื่อจัดที่พักเรียบร้อย ฉันเดินทางไปรับพ่อผู้ใช้ชีวิตคนเดียวมาอยู่ในเมือง เพื่อรับความสุขที่ลูกสาวมอบให้แม้จะช้านานก็ตาม ทว่าระหว่างทางนั่งแท็กซี่กลับหมู่บ้าน เกิดอุบัติเหตุขึ้น เรื่องราวต่างๆหลังจากอุบัติเหตุ ฉันทราบจากพี่สะใภ้ เล่าให้ฟัง......... มีคนเดินทางจำได้ว่าผู้ประสบเหตุคือลูกสาวคนเล็กของเฒ่าถู ดังนั้น พี่ใหญ่พี่รอง สะใภ้ใหญ่สะใภ้รองต่างมาถึงที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็ว ทุกคนได้แต่ร้องไห้เมื่อเห็นฉันสลบคาที่ ทำอะไรไม่ถูก พ่อมาถึงที่เกิดเหตุเป็นคนสุดท้าย รีบช้อนร่างฉันขึ้นมาและโบกรถใหญ่ข้างทางให้หยุด ผู้คนในเหตุการณ์ต่างเห็นว่าฉันไม่รอดแน่ พ่อ ใช้ขายันร่างฉันไว้ แล้วใช้มือล้วงธนบัตรปึกใหญ่ออกจากกระเป๋าเสื้อ ยัดใส่มือคนขับรถ พร้อมกับขีดเขียนรูปกากบาทถี่ๆ ขอร้องให้พาส่งโรงพยาบาล พี่สะใภ้เล่าว่า พ่อแต่ไหนแต่ไรร่างกายอ่อนแอ แต่ขณะนั้นสำแดงพลังความแข็งแกร่งมหาศาลอย่างไม่น่าเชื่อ หลังจากพยาบาลเบื้องต้นแล้ว หมอให้ย้ายไปรักษาที่โรงพยาบาลอื่น และเปรยกับพี่ๆ ว่า รักษาต่อไปก็ป่วยการเปล่าเพราะขณะนั้น ความดันโลหิตฉันเกือบวัดไม่ได้ หัวกระบาลถูกชนน่วมเป็นลูกน้ำเต้า ชุด สวมศพที่พี่ใหญ่ซื้อมาโดยเห็นว่าหมดหวังแล้วถูกพ่อฉีกทิ้ง พ่อชี้ที่ตาตัวเอง ชูหัวแม่มือ จ่อที่ขมับตัวเอง จากนั้นชูสองนิ้วชี้ที่ตัวฉัน แล้วชูหัวแม่มืออีก โบกมือแล้วหลับตา นั่นหมายความว่า พวกคุณอย่าร้องไห้ พ่อยังไม่ร้องเลย น้องสาวคุณไม่ตายหรอก เธออายุเพียง 20 กว่า ยังไหวแน่ เราช่วยชีวิตเธอได้แน่ หมอยังคงยืนยันว่าหมดทาง ให้พี่ใหญ่บอกกับพ่อว่า แม่หนูไม่รอดแน่ ถึงจะรักษาก็ต้องใช้เงินมหาศาล และยังไม่แน่ว่าจะรักษาได้ ทัน ใดนั้นพ่อคุกเข่าลง แล้วลุกขึ้นทันที ชี้มายังฉันพร้อมกับชูแขนสูง จากนั้นก็ทำท่าเพาะปลูก เลี้ยงหมู ถางหญ้า โม่เต้าหู้ แล้วปลิ้นกระเป๋าเสื้อซึ่งภายในว่างเปล่า พร้อมกับชูมือสองข้างกลับฝ่ามือไปมาสองรอบ นั่นหมายความว่า ขอร้องคุณหมอเถิด ช่วยชีวิตลูกสาวฉัน เธอมีอนาคตดี เป็นคนเก่ง คุณหมอต้องช่วยเธอ ผมจะหาเงินมาเสียค่ารักษา ผมเลี้ยงหมู ทำนา ทำเต้าหู้ได้ ผมมีเงิน ตอนนี้ก็มีอยู่4 พันหยวน หมอจับมือพ่อพร้อมกับสั่นหัว นัยว่า แค่ 4 พันหยวนยังขาดอีกเยอะ พ่อไม่รีรอ ชี้ไปยังพี่ๆและพี่สะใภ้ กำมือแน่น หมายความว่า ผมยังมีคนเหล่านี้ช่วยกันพยายาม เราทำได้แน่ เห็น หมอยังทำเฉย พ่อชี้ที่หลังคา ก้มหัวใช้เท้ากระทืบพื้น พนมมือสองข้างไว้ด้านขวาของศีรษะ แล้วหลับตา หมายความว่า ผมมีบ้านขายได้ ผมนอนบนพื้นดินก็ได้ แม้จะหมดเนื้อหมดตัว ผมก็ขอให้ลูกสาวอยู่รอด พ่อชี้ไปยังหน้าอกคุณหมอ แล้ววางมือลง หมายความว่า ขอให้คุณหมอไว้ใจ เราไม่เบี้ยวค่ารักษาหรอก เรื่องเงินเราจะหาทางออก พี่ ใหญ่แปลภาษามือของพ่อให้หมอฟังพลางร้องไห้ไป ไม่ทันแปลจบ หมอซึ่งเห็นเรื่องเกิดแก่เจ็บตายจนชินชา บัดนี้ก็อดกลั้นน้ำตาไม่อยู่เช่นกัน พ่อใช้ท่ามือที่รวดเร็ว สื่อความแม่นยำ ใครๆเห็นแล้วต้องร้องไห้ หมอบอกอีกว่า ทำศัลยกรรมก็ไม่รับรองว่าจะช่วยชีวิตได้ เกิดพลาดขึ้นมาจะทำอย่างไร พ่อ ตบกระเป๋าเสื้อตัวเอง แล้วลูบที่หน้าอก หมายความว่า ขอให้หมอช่วยเต็มที่ แม้จะไม่ไหว ก็จะจ่ายเงินให้ครบ โดยไม่บ่นโทษแม้แต่คำเดียว ความรักอันยิ่งใหญ่ของพ่อ ไม่เพียงแต่ค้ำจุนชีวิตฉัน ยังค้ำจุนกำลังใจและความแน่วแน่ให้หมอในการช่วยชีวิตฉัน ฉันถูกนำเข้าห้องผ่าตัด พ่อรออยู่นอกห้องเดินไปมาอย่างลุกลี้ลุกลนตามระเบียงจนรองเท้าสึกเป็นรู พ่อไม่หลั่งน้ำตาแม้แต่หยดเดียว แต่กลับเป็นแผลพุพองเต็มปากหลังจากเฝ้ารออยู่นอกห้องสิบกว่าชั่วโมง พ่อทำท่าอธิษฐานขอพรจากพระเจ้าซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างสับสนไม่เป็นระเบียบ จนฟ้าดินปรานี ให้ฉันรอดมาได้ ฉันสลบเหมือดตลอดระยะเวลาครึ่งเดือน ไม่ตอบสนองต่อความรักจากพ่อ ทุกคนหมดกำลังใจในตัวฉันซึ่งกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา มีเพียงพ่อคนเดียวที่ยืนหยัดเฝ้าอยู่ข้างเตียงคนไข้รอฉันฟื้นขึ้นมา พ่อใช้มืออันหยาบกร้านบรรจงนวดให้ฉัน กล่องเสียงพิการของพ่อได้แต่เปล่งลมเออออเรียกฉัน เหมือนกับพูดว่า ลูกหยูน ตื่นเถิด ลูกหยูน พ่อทำน้ำเต้าหู้สดๆรอลูกอยู่ เพื่อเอาใจหมอและพยาบาล พ่อจะอาศัยเวลาที่พี่มาเฝ้าไข้แทน ทำเต้าหู้ร้อนๆถาดใหญ่ มาแจกแก่เจ้าหน้าที่พยาบาลเกือบทุกคนในแผนกศัลยกรรม แม้ โรงพยาบาลตั้งระเบียบไม่ให้รับของจากคนไข้ แต่ด้วยคำขอร้องที่บริสุทธิ์จริงใจเช่นนี้ พวกเขาก็รับไว้อย่างเงียบๆ แค่นี้พ่อก็พอใจและมีความมั่นใจยิ่งขึ้น พ่อใช้ภาษามือสื่อความว่า ท่านทั้งหลายเป็นผู้ใจบุญ เชื่อว่าต้องรักษาลูกสาวผมได้แน่ ระหว่าง นั้น เพื่อระดมค่ารักษา พ่อเดินสายไปทุกหมู่บ้านที่เคยไปขายเต้าหู้ ความซื่อสัตย์สุจริต ตลอดชีวิตที่ผ่านมา ได้รับความสนับสนุนเพียงพอที่จะช่วยลูกสาวรอดพ้นจากเส้นตาย ชาวบ้าน ต่างออกเงินช่วยเหลือ พ่อก็ไม่ปล่อยปละละเลย ใช้ดินสอจดบัญชีเต้าหู้บันทึกรายละเอียด ด้วยลายมือหงิกงอทว่าชัดเจนดังนี้ คุณจัง 20 หยวน คุณลี่100 หยวน อาซ้อหวัง 65 หยวน...... ในที่สุดฉันฟื้นขึ้นมาจนได้ตอนเช้าตรู่วันหนึ่งหลังจากครึ่งเดือนผ่านไป ฉันเห็นผู้เฒ่าผอมเซียวจนเสียรูป อ้าปากกว้าง เปล่งเสียงเออออดังลั่นด้วย ความดีใจที่ได้เห็นฉันตื่นขึ้นมา ผมขาวโพลนของเขาเปียกชุ่มด้วยเหงื่อในฉับพลันเนื่องจากความตื่นเต้น ครึ่งเดือนก่อนพ่อยังมีผมดำเต็มศีรษะ ครึ่งเดือนผ่านไป พ่อแก่ไปตั้ง 20 ปี หัว โกนจนเกลี้ยงของฉันเริ่มมีเส้นผมงอกขึ้นแล้ว พ่อลูบไล้หัวฉันด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเมตตา การลูบไล้เช่นนี้ ในอดีตถือเป็นความสุขเกินตัวสำหรับพ่อ เวลาผ่านไปครึ่งปี ผมฉันยาวพอที่จะถักเปียได้ ฉันจูงมือพ่อขอร้องช่วยหวีผมให้ พ่อกลับออกอาการเปิ่นเก้อ พ่อหวีทีละกระจุก หมดไปค่อนวันก็ยังไม่อาจหาทรงที่ถูกใจพ่อ มี อยู่ครั้งหนึ่ง พ่อหันมาอยู่หน้าฉัน ทำท่าอุ้มฉันโยนออกไป แล้วงอนิ้วมือเหมือนท่านับเงิน อ้อ พ่อคิดจะเอาตัวฉันไปขายเหมือนขายเต้าหู้ละสิ ฉันแสร้งปิดหน้าร้องไห้ จนพ่อดีใจหัวเราะ ฉันแอบดูพ่อผ่านช่องนิ้วมือ เห็นพ่อหัวเราะจนขดตัวยองๆกับพื้น เกมนี้เราเล่นจนกระทั่งฉันลุกขึ้นยืนและเดินได้ ทุกวันนี้ มีเพียงอาการปวดหัวเป็นครั้งคราวเท่านั้น สุขภาพโดยทั่วไปฉันดูแข็งแรงดี พ่อจึงพึงพอใจยิ่ง เราช่วยกันชำระหนี้สินจนหมด แล้วพ่อก็ย้ายเข้าเมืองอยู่กับฉัน โดยที่พ่อขยันทำงานมาตลอด ทนไม่ได้กับชีวิตอยู่เฉยๆ ฉันจึงเช่าเพิงเล็กๆ ใกล้บ้านให้พ่อทำเป็นโรงเต้าหู้ เต้าหู้ที่พ่อทำ รสชาตินุ่มหอมก้อนใหญ่ดี เป็นที่นิยมของชาวบ้าน ฉันติดตั้งชุดลำโพงกับแบตเตอรี่บนรถเข็นเต้าหู้ให้พ่อ แม้ว่าพ่อไม่ได้ยินเสียงกังวานของฉัน แต่ท่านย่อมทราบดี ทุกครั้งที่พ่อกดปุ่มเสียง ท่านจะอกผายไหล่ผึ่ง รู้สึกถึงความสุขและพอเพียง เรื่องราวในอดีตที่ฉันเหยียดหยามพ่อ ท่านมิได้จดจำจองเวรไว้เลยแม้แต่น้อย จนตัวฉันเองก็ใจไม่ถึงพอที่จะสารภาพผิดต่อท่าน ฉันคิดอยู่เสมอว่า โลกเราเปี่ยมล้นด้วยสังคีตแห่งความรัก เราสดับฟัง สาธยาย สัมผัส และสะเทือนใจ ที่มา http://aurseeyou.net/forum/index.php?topic=12660.0 (http://aurseeyou.net/forum/index.php?topic=12660.0) หัวข้อ: Re: พ่อของฉัน........คนขายเต้าหู้ เริ่มหัวข้อโดย: นายรัก-รักในหลวง- ที่ มีนาคม 14, 2011, 06:18:45 PM เป็นเรื่องราวความรักของพ่อกับลูกที่ซึ้งมากครับ ::014::
หัวข้อ: Re: พ่อของฉัน........คนขายเต้าหู้ เริ่มหัวข้อโดย: yod - รักในหลวง ครับ ที่ มีนาคม 14, 2011, 07:00:07 PM น้ำตาซึม หัวข้อ: Re: พ่อของฉัน........คนขายเต้าหู้ เริ่มหัวข้อโดย: อิติปิโสธงชัย รักในหลวง ที่ มีนาคม 15, 2011, 01:47:59 AM +1ให้กับเรื่องสั้นดีๆ ::002::
หัวข้อ: Re: พ่อของฉัน........คนขายเต้าหู้ เริ่มหัวข้อโดย: อรชุน-รักในหลวง ที่ มีนาคม 15, 2011, 01:55:51 AM ::014:: ::014:: ::014:: :'( :'( :'(
หัวข้อ: Re: พ่อของฉัน........คนขายเต้าหู้ เริ่มหัวข้อโดย: SillyOldMan ที่ มีนาคม 15, 2011, 03:37:43 AM เป็นเรื่องธรรมดาของคนเป็นพ่อครับ
................................... หัวข้อ: Re: พ่อของฉัน........คนขายเต้าหู้ เริ่มหัวข้อโดย: มะเอ็ม ที่ มีนาคม 15, 2011, 08:18:50 AM เป็นเรื่องธรรมดาของคนเป็นพ่อครับ โคตรธรรมดา................................... เรื่อองผมก็เคยมาแล้ว.....อ่านอีกก็รู้ถึงคนเป็นพ่อเป็นแม่.....ที่ยอมทุกอย่างเพื่อลูก..ขอบคุณครับ ::014:: ถึงจะธรรมดาแต่ สมช. นำมาให้อ่านน่าจะใช้คำ "..................................." ::013:: หัวข้อ: Re: พ่อของฉัน........คนขายเต้าหู้ เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ มีนาคม 15, 2011, 08:25:12 AM คนจีนเน้นเรื่องกตัญญูกติเวทีต่อบุพการี ...... เรื่องนี้คนแต่งคงไม่ทราบ หัวข้อ: Re: พ่อของฉัน........คนขายเต้าหู้ เริ่มหัวข้อโดย: FORESTRY JUNIOR - รักในหลวง ที่ มีนาคม 15, 2011, 09:58:30 AM ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆครับ ::014::
หัวข้อ: Re: พ่อของฉัน........คนขายเต้าหู้ เริ่มหัวข้อโดย: Nat_usp ที่ มีนาคม 15, 2011, 10:02:41 AM ดีใจที่ทุกท่านชอบครับผม หัวข้อ: Re: พ่อของฉัน........คนขายเต้าหู้ เริ่มหัวข้อโดย: m120 ที่ มีนาคม 15, 2011, 10:39:56 AM เรื่องราวชีวิตคนจีน..อ่านแล้วได้คติดีดี เสมอครับ
เคยอ่านเรื่อง ,ทรัพย์ในดิน, ของเพริล เอส บัค ..สนุกดีครับ. หัวข้อ: Re: พ่อของฉัน........คนขายเต้าหู้ เริ่มหัวข้อโดย: wiched ที่ มีนาคม 15, 2011, 10:55:33 AM +1 ครับ น้ำตาจะไหล
หัวข้อ: Re: พ่อของฉัน........คนขายเต้าหู้ เริ่มหัวข้อโดย: Glock Jumper ที่ มีนาคม 15, 2011, 01:31:45 PM คนที่เป็นมีสิ่งนึงที่ขาดไม่ได้คือ ความกตัญญู เรื่องนี้เนื้อหาซึ้งใจจริงครับ
หัวข้อ: Re: พ่อของฉัน........คนขายเต้าหู้ เริ่มหัวข้อโดย: pasta ที่ มีนาคม 15, 2011, 02:08:59 PM ขอบคุณครับ ::014:: ... ผม + 1 = 171 ให้คุณ จขกท. ครับ ::002::
หัวข้อ: Re: พ่อของฉัน........คนขายเต้าหู้ เริ่มหัวข้อโดย: Nat_usp ที่ มีนาคม 15, 2011, 03:19:25 PM ขอบคุณครับ ::014:: ... ผม + 1 = 171 ให้คุณ จขกท. ครับ ::002:: + คืนครับผม หัวข้อ: Re: พ่อของฉัน........คนขายเต้าหู้ เริ่มหัวข้อโดย: SillyOldMan ที่ มีนาคม 15, 2011, 04:46:33 PM เป็นเรื่องธรรมดาของคนเป็นพ่อครับ เรื่อองผมก็เคยมาแล้ว.....อ่านอีกก็รู้ถึงคนเป็นพ่อเป็นแม่.....ที่ยอมทุกอย่างเพื่อลูก..ขอบคุณครับ ::014:: ถึงจะธรรมดาแต่ สมช. นำมาให้อ่าน"ไม่"น่าจะใช้คำ ".........................." ::013:: อ้าว ขอโทษด้วยครับคุณเอ็ม ::014:: หัวข้อ: Re: พ่อของฉัน........คนขายเต้าหู้ เริ่มหัวข้อโดย: RMAY ที่ มีนาคม 15, 2011, 05:17:46 PM ::014:: ::014:: ::014:: +1ครับ ::014::
หัวข้อ: Re: พ่อของฉัน........คนขายเต้าหู้ เริ่มหัวข้อโดย: มะเอ็ม ที่ มีนาคม 15, 2011, 05:25:31 PM เป็นเรื่องธรรมดาของคนเป็นพ่อครับ เรื่อองผมก็เคยมาแล้ว.....อ่านอีกก็รู้ถึงคนเป็นพ่อเป็นแม่.....ที่ยอมทุกอย่างเพื่อลูก..ขอบคุณครับ ::014:: ถึงจะธรรมดาแต่ สมช. นำมาให้อ่าน"ไม่"น่าจะใช้คำ ".........................." ::013:: อ้าว ขอโทษด้วยครับคุณเอ็ม ::014:: เช่นกันครับ ::014:: ::002:: ::002:: ::002:: ::002:: ยังเหลืออยู่หน้าแรกน่ะครับ หัวข้อ: Re: พ่อของฉัน........คนขายเต้าหู้ เริ่มหัวข้อโดย: SillyOldMan ที่ มีนาคม 15, 2011, 05:28:16 PM แหะๆ ตะกี้ลืมแก้ที่ต้นทาง ::012::
แก้แล้วฮับ :D หัวข้อ: Re: พ่อของฉัน........คนขายเต้าหู้ เริ่มหัวข้อโดย: carrera ที่ มีนาคม 15, 2011, 07:26:22 PM เยี่ยมมมมม ;D ;D ;D
หัวข้อ: Re: พ่อของฉัน........คนขายเต้าหู้ เริ่มหัวข้อโดย: รักปืน-รักในหลวง ที่ มีนาคม 15, 2011, 08:10:57 PM ชอบครับ ความรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก คือรักของแม่กับพ่อที่มีต่อลูกครับ ไม่ไช่รักของหนุ่มๆสาวๆที่วัยรุ่นเรากำลังคิดกันนะครับ
หัวข้อ: Re: พ่อของฉัน........คนขายเต้าหู้ เริ่มหัวข้อโดย: rute - รักในหลวง ที่ มีนาคม 16, 2011, 12:52:11 AM ขอบคุณท่าน จขกท.ที่กรุณานำมาเล่าสู่กันฟังครับ... ::014::
หากแต่...สาธารณรัฐประชาชนจีนจำกัดให้แต่ละครอบครัวมีบุตรได้เพียงหนึ่งคน... หากจะมีคนที่สองก็ต้องเป็นสมาชิกระดับสูงมากของพรรค... หรือเป็นชนกลุ่มน้อยเช่น ชาวเขา(หลายๆเผ่า) ที่เหลือพลเมืองน้อยมาก... กฎหมายนี้ยังมีผลถึงปัจจุบัน... ผมเชื่ออย่างแน่นอนว่าเป็นเรื่องแต่งครับ... แต่งได้ดี แต่ยังไม่ถึงระดับดีเยี่ยมครับ... ;D หัวข้อ: Re: พ่อของฉัน........คนขายเต้าหู้ เริ่มหัวข้อโดย: bang 41 รักในหลวง ที่ มีนาคม 18, 2011, 10:07:01 AM บอกได้คำเดียวครับ รักพ่อครับ จงตอบแทนท่านก่อนที่ท่านไม่อยู่ให้ตอบแทนบุญคุณ
หัวข้อ: Re: พ่อของฉัน........คนขายเต้าหู้ เริ่มหัวข้อโดย: binlaart @ รักในหลวงด้วยคนครับ ที่ มีนาคม 18, 2011, 10:44:16 AM +1 ครับ สำหรับเรื่องราวดีๆ
หัวข้อ: Re: พ่อของฉัน........คนขายเต้าหู้ เริ่มหัวข้อโดย: neunang-นิ้วนาง ที่ มีนาคม 18, 2011, 12:26:27 PM อ่านแล้ว ซึ้งมากมายครับกับความรักที่พ่อมีต่อลูก
หัวข้อ: Re: พ่อของฉัน........คนขายเต้าหู้ เริ่มหัวข้อโดย: Wachira1973 ที่ มีนาคม 18, 2011, 02:26:16 PM ...ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจริง หรือเรื่องที่แต่งขึ้น แต่ผมเชื่อว่ายังมีเรื่องราวความรักระหว่างพ่อกับลูกอีกมากมายในโลกใบนี้ที่ยังรอให้เราได้ชื่นชมครับ
บวกให้ จขกท. สำหรับเรื่องราวดีดีครับ... ::014:: หัวข้อ: Re: พ่อของฉัน........คนขายเต้าหู้ เริ่มหัวข้อโดย: Nat_usp ที่ กรกฎาคม 29, 2011, 04:05:13 PM ดึงกระทู้ครับ
(http://news.mthai.com/wp-content/uploads/2011/07/6468.jpg.pagespeed.ce.GgVAwZsYCR.jpg) ไทยประกันชีวิต Silence of Love เผยได้รับแรงบันดาลใจจากฟอร์เวิร์ดเมล์ 29 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คลิปโฆษณาของไทยประกันชีวิตเป็นโฆษณาชุด Silence Of Love ซึ่งเป็นตัวล่าสุด ได้ถูกเผยแพร่ทั้งในทางโทรทัศน์และในเว็บไซต์ โดยเป็นโฆษณาอีกชุดที่สร้างความประทับใจ เรียกน้ำตาให้กับผู้ชมไม่แพ้กับโฆษณาตัวผ่านๆ มา ทั้งนี้ โฆษณาตัวดังกล่าวผลิตโดย บริษัทโอกิลวี่ แอนด์เมเธอร์แอดเวอร์ไทซิ่ง ผู้เคยผลิตผลงานโฆษณาหลากหลายชุดของไทยประกันชีวิต โดยครั้งนี้จัดทำภายใต้แนวคิด CARE and TRUSTWORTHY เพื่อสื่อถึงการดูแล เอาใจใส่ชีวิตคนไทย http://www.youtube.com/watch?v=tmMRvuV2We4&feature=player_embedded สำหรับ ตัวเนื้อหาได้หยิบยกประเด็นของ ความกตัญญูต่อบุพการี มาใช้ในการสร้างสรรค์งาน มุ่งเน้นสื่อถึงการดูแลเอาใจใส่ลูกของ พ่อ เนื่องจากพ่อคือเสาหลักของทุกครอบครัว พ่อคือผู้ที่เหน็ดเหนื่อยเพื่อพวกเราเสมอมา พ่อ เปรียบเสมือนพ่อพระในบ้าน ที่เป็นคนสำคัญของสถาบันครอบครัว แม้ว่า พ่อ จะเป็นใบ้ แต่ก็พยายามทำทุกอย่างเพื่อลูกเสมอ อย่างไรก็ตาม แรงบันดาลใจของเรื่องราวมาจากฟอร์เวิร์ดเมล์ฉบับหนึ่ง ที่เป็นเรื่องราวของหญิงสาวที่มีพ่อเป็นใบ้ เธอรู้สึกไม่พอใจในความพิการของพ่อและอยากได้พ่อที่มีร่างกายปกติ จนวันหนึ่งเธอได้รับอุบัติเหตุจนได้รับบาดเจ็บสาหัส พ่อผู้พิการของเธอพยามทุกอย่างเพื่อจะช่วยชีวิตเธอ เธอจึงได้รู้ว่าพ่อผู้บกพร่องทางร่างกาย แต่สมบูรณ์แบบในความเป็นพ่อ พ่อของเธอคนนี้ที่รักลูกอย่างเธอจนสุดหัวใจ ที่มา : http://news.mthai.com/hot-news/124647.html (http://news.mthai.com/hot-news/124647.html) หัวข้อ: Re: พ่อของฉัน........คนขายเต้าหู้ เริ่มหัวข้อโดย: Congto-รักในหลวง ที่ กรกฎาคม 29, 2011, 05:20:18 PM +1 ครับ น้ำตาซึมเหมือนกัน
หัวข้อ: Re: พ่อของฉัน........คนขายเต้าหู้ เริ่มหัวข้อโดย: Victor&Sugus ที่ กรกฎาคม 29, 2011, 07:49:34 PM เป็นเรื่องที่อ่านแล้วคิดถึงพ่อขึ้นมาเลยครับ.......
|