เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

“ตราประทับหยกของเฉียนหลงฮ่องเต้” ทุบสถิติประมูล 528 ล้านบาท

http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9540000039163 (http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9540000039163)

(http://img823.imageshack.us/img823/6820/554000004178601.jpg) (http://img823.imageshack.us/i/554000004178601.jpg/)

Uploaded with ImageShack.us (http://imageshack.us)

ตราประทับหยกขาว แกะสลักรูปมังกร ของจักรพรรดิเฉียนหลง(ค.ศ.1736-1795) แห่งราชวงศ์ชิง(ค.ศ.1644-1911) (ภาพเซาท์ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์)
 
 
       เซาท์ไชน่า มอร์นิ่งโพสต์ - ตราประทับหยกขาว แกะสลักรูปมังกร ของจักรพรรดิเฉียนหลง(ค.ศ.1736-1795) แห่งราชวงศ์ชิง(ค.ศ.1644-1911) ทุบสถิติราคาประมูล 12.4 ล้านยูโร(ราว 136 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง) นับเป็นการประมูลลัญจกรราคาสูงเป็นประวัติการณ์
       
       สื่อฝรั่งเศสรายงาน(28มี.ค.)ว่า บริษัทประมูลซึ่งมีฐานที่เมืองตูลูส ประเทศฝรั่งเศส ได้เคาะขายตราประทับดังกล่าว ซึ่งมีราคาประมูลเริ่มต้นที่ 1.5 ล้านยูโร(ราว 64 ล้านบาท) ให้กับผู้ประมูลไม่เผยนามชาวจีน ที่ราคา 12.4 ล้านยูโร หรือราว 528 ล้านบาท
       
       สำหรับตราประทับที่มีราคาประมูลสูงสุดชิ้นก่อนหน้า เป็นตราประทับหยกขาวของจักรพรรดิคังซี(ค.ศ.1661-1722) แห่งราชวงศ์ชิง ซึ่งครองราชย์ยาวนานสุดถึง 61 ปี และเป็นพระอัยกาของจักรพรรดิเฉียนหลง

(http://img694.imageshack.us/img694/89/554000004178602.jpg) (http://img694.imageshack.us/i/554000004178602.jpg/)

Uploaded with ImageShack.us (http://imageshack.us)

ขณะที่ บริษัทประมูลอีกแห่งในเมืองตูลูส ได้เคาะขายม้วนแผ่นภาพกองทัพจีนแห่งศตวรรษที่ 18 ซึ่งเป็นภาพวาดการตรวจการณ์กองทัพทหารของจักรพรรดิเฉียนหลงชิ้นสุดท้าย จากทั้งหมด 4 ชุด ให้กับ เจ้า ซิน นักสะสมงานศิลปะจีนชาวฮ่องกง ในราคาประมูลมากกว่า 22 ล้านยูโร(ราว 937 ล้านบาท) อันเป็นราคาประมูลงานศิลปะจีนที่สูงสุดในประเทศฝรั่งเศส
       
       ทั้งนี้ เจ้า ซิน ผู้ประกอบการธุรกิจพลังงานไฟฟ้าและถ่านหิน เดิมเป็นชาวมณฑลซานซี ต่อมาได้อพยพไปอยู่ที่ฮ่องกง ในช่วงปลายของปี 2523 - 2533 และนับแต่นั้นมา เขาก็เริ่มสะสมวัตถุโบราณมาตลอด โดยเขาเป็นผู้ทำสถิติราคาประมูลภาพวาดแห่งราชวงศ์หมิงและชิง ที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์
       
       เมื่อเดือนมิ.ย.ปีที่ผ่านมา(2553) เจ้า ได้ประมูลตราประทับหยกอีกชิ้นหนึ่งของจักรพรรดิเฉียนหลง ด้วยราคา 128 ล้านเหรียญฮ่องกง(ราว 496 ล้านบาท) ณ งานประมูลที่จัดขึ้นในไต้หวัน
       
       นอกจากนี้ นายเจ้า ยังเป็นเจ้าของม้วนภาพกองทัพแห่งจักรพรรดิเฉียนหลงชิ้นที่ 3 โดยม้วนภาพฯชิ้นที่ 2 อยู่ที่พระราชวังต้องห้าม ในกรุงปักกิ่ง และม้วนภาพฯชิ้นที่ 1 อยู่ที่ฝรั่งเศส







เครดิต http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9540000039163 (http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9540000039163)

ปล้นเขากินมาเป็นร้อยปี ปีนี้ก็กำลังปล้นอยู่

เป็นชาติพันธุ์ที่อุบาทย์จริงๆ  ::009::

ของๆเค้า ทำไมทำกันแบบนี้ ล่ะครับ >:( :'(

ก็เหมือนที่เราโดนเมกาเอาทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์ไปครับ   ::010::

ผมว่าคนจีนกำลังนำสมบัติของชาติกลับคืนมาแม้นว่าต้องแลกด้วยเงินจำนวนมหาศาล   :)

ความพยามของลูกหลานจีนในการทวงสมบัติชาติครับ
คราก่อนก็ไปประมูลเอาหัวสัตว์พ่นน้ำที่เคยอยู่ในอุทยานของพระราชวังมาได้
แต่งวดนั้นไม่จ่ายครับ พี่แกบอกว่า มันเป็นของคนจีน ทำไมไอต้องจ่ายตัง ยูต้องส่งให้ไอนะ

เล่นเอาบริษัทประมูลมึนหัวตึ๊บ

สมบัติของชาติต้องช่วยกันรักษาเพราะราคามันไม่อาจประเมินได้ยิ่งกว่านั้นคุณค่าทางจิตใจและความเป็นชาติมันประเมินค่าไม่ได้

เอามาให้อ่านกันครับ คู่กรณีคือ เศษฝรั่ง ตามระเบียบ

ขออภัยที่เอารูปมาลงไม่ได้ครับ

การนำรูปปั้นหัวนักษัตรหนูกับกระต่าย ที่ถูกปล้นชิงมาจากพระราชวังแห่งนั้นมาประมูลขายในกรุงปารีส เสมือนเป็นการเปิดปากแผลอดีตให้เหวอะหวะ นำมาซึ่งการต่อสู้เรียกร้องสิทธิของนักชาตินิยม
       
       “ การปล้นพระราชวังฤดูร้อน(หยวนหมิงหยวน) โดยฝรั่งเศสและอังกฤษ และการเผาพระราชวัง ซึ่งอังกฤษเป็นคนเริ่มก่อน ยังคงเป็นอาชญากรรม ที่ไม่มีวันให้อภัยในความทรงจำของชาวจีน” แบร์นาร์ด บริเซย์ ผู้แต่งหนังสือเล่มหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้กล่าว
       
       “ สำหรับฝรั่งเศสแล้ว มันก็เหมือนกับคราวที่พวกเปอร์เชียเผาผลาญพระราชวังแวร์ซายส์ จนราบ ปล้นชิงพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ และจุดไฟเผาหอสมุดแห่งชาติ อย่างที่หยวนหมิงหยวนถูกกระทำครั้งนั้น” เขาแจกแจง
       
       พวกฝรั่งตาน้ำข้าวยาตราทัพถึงกรุงปักกิ่งในเดือนตุลาคม ปีค.ศ. 1860 ซึ่งสงครามฝิ่นครั้งที่ 2 จวนจะสิ้นสุด หลังจากอังกฤษและฝรั่งเศสรบกับจีนมานานถึง 4 ปี
       
       ในตอนแรกพวกทหารเพียงแค่เข้าปล้นชิงข้าวของในพระราชวัง ซึ่งปัจจุบันชาวจีนเรียกกันว่า พระราชวังฤดูร้อนเก่า แต่ได้ย้อนกลับมาเผา เพื่อแก้แค้นให้กับตัวประกันชาวฝรั่งเศสและอังกฤษ ที่ถูกทรมานและฆ่าตาย
       
       พระราชวังซึ่งก่อสร้างแบบตะวันตกแห่งนี้ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงปักกิ่งในยุคที่ราชวงศ์ชิงกำลังรุ่งเรือง และจักรพรรดิมักเสด็จมาประทับที่นี่ เพื่อหลีกเร้นจากนครต้องห้าม และอากาศอันแสนอบอ้าวในหน้าร้อน
       
       การย่ำยีพระราชวังไม่เพียงแต่คนจีนเท่านั้นที่ตกตะลึง ทว่าชาวต่างชาติ เช่น วิกเตอร์ ฮูโก นักเขียนชาวฝรั่งเศสชื่อก้อง ก็ได้ประณามการทำลาย “พิพิธภัณฑ์อันงามวิจิตรเลิศเลอแห่งตะวันออก”
       
       “ในสายตาของประวัติศาสตร์ หนึ่งในสองอาชญากรนี้จะถูกเรียกว่าฝรั่งเศส และอีกหนึ่งจะถูกเรียกว่าอังกฤษ” ฮูโกเขียน
       
       “ข้าพเจ้าหวังว่า จะมีสักวันหนึ่ง เมื่อฝรั่งเศส ซึ่งถูกปลดปล่อยและชำระล้างจนสะอาด จะส่งคืนของที่ปล้นชิงนี้ให้แก่จีน ผู้ถูกปล้น” เขาระบุ
       
       ขณะนี้ บรรดานักกฎหมายของจีนกำลังเรียกร้องให้ประชาชนในประเทศลุกขึ้นมาสนับสนุนการดำเนินการต่อสู้ทางกฎหมายในฝรั่งเศส เพื่อหยุดยั้งการประมูลขายรูปปั้นหัวนักษัตรให้จงได้
       
       “การปล้นชิงพระราชวังฤดูร้อนเป็นบาดแผล ที่ไม่เคยได้รับการเยียวยา การขายวัตถุ ที่ขโมยไปจากเรา ก็เหมือนกับเอาน้ำเกลือมาราดรดบาดแผล” นายหลิว หยาง ทนายความในกรุงปักกิ่ง ซึ่งเป็นแกนนำในการต่อสู้กล่าว
       
       ด้านรัฐบาลจีนเองก็ได้ออกมาประกาศอย่างแข็งกร้าว “การประมูลขายวัตถุทางวัฒนธรรม ซึ่งถูกปล้นไปในสงคราม ไม่เพียงจะทำให้คนจีนโกรธแค้น และเป็นลอบทำลายสิทธิทางวัฒนธรรมของพวกเขา แต่ยังเป็นการละเมิดอนุสัญญาระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องหลายฉบับอีกด้วย” โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีนแถลง
       
       ทั้งนี้ จักรพรรดิเฉียนหลงทรงรับสั่งให้ช่างฝีมือชาวอิตาลี เป็นผู้ออกแบบ และดูแลการหล่อปั้นขึ้น นาฬิกาน้ำ 12 นักษัตร เป็นประติมากรรมตกแต่งพระราชวังฤดูร้อนหรือหยวนหมิงหยวนอันงดงาม ประติมากรรมรูปหัวสัตว์แห่ง 12 นักษัตร ลำตัวเป็นคน ขนาดใหญ่ แต่ละหัวเป็นตัวแทนของช่วงเวลา 12 ช่วงของวัน ที่แบ่งตามประเพณีจีน ซึ่งแต่ละ 1 ช่วงเวลาของจีนนั้น กินเวลา 2 ชั่วโมง เมื่อถึงช่วงเวลาของนักษัตรตัวใด หัวนั้น ก็จะพ่นน้ำออกมา และเมื่อถึงเวลาเที่ยงตรง หัวนักษัตรทั้ง 12 ก็จะพ่นน้ำออกมาพร้อมๆกัน เป็นภาพที่งดงาม มีชีวิตชีวา
       
       ระหว่างสงครามฝิ่นครั้งที่สอง กองทัพอังกฤษและฝรั่งเศส ได้บุกเผาพระราชวังฤดูร้อน ระหว่างนั้น มีการปล้นสะดมสมบัติล้ำค่าในวัง รวมทั้งรูปปั้นหัวนักษัตร ขณะนี้ จีนสามารถตามรูปปั้นหัวนักษัตร 5 หัว กลับคืนมา และเก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑ์กรุงปักกิ่ง
       
       สำหรับรูปปั้นหัวนักษัตรหนู และกระต่าย ที่สำนักประมูลคริสตี้ส์ได้นำออกประมูลที่กรุงปารีสอยู่ขณะนี้ เป็นของอีฟ แซงต์ โลรอง ดีไซเนอร์ชาวฝรั่งเศสชื่อดัง ผู้วายชนม์ไปแล้ว
       
       จีนคัดค้านการประมูลโบราณวัตถุสองชิ้นนี้อย่างสุดฤทธิ์ “ โดย เอเปซ” (APACE) สมาคม ตัวแทนพิทักษ์ผลประโยชน์ด้านวัฒนธรรมและมรดกของจีน ได้ยื่นอุทธรณ์ขอให้ศาลในกรุงปารีส ซึ่งพิจารณาพิพากษาโดยองค์คณะ สั่งห้ามการประมูลขายรูปปั้นหัวนักษัตรหนู และกระต่ายดังกล่าว แต่ในวันจันทร์ศาลแดนน้ำหอมตัดสินไม่รับคำอุทธรณ์ของจีน
       
       ด้านรัฐบาลจีนได้ออกโรงเรียกร้องอย่างเป็นทางการ ขอให้ทางปารีสยกเลิกการประมูลสมบัติจีนทั้งสองชิ้นนี้
       
       อย่างไรก็ตาม เมื่อวันพุธ(25 ก.พ.) บริษัทการประมูลคริสตี้ส์กลับเมินข้อเรียกร้องของทางการจีน เดินหน้าจัดการประมูลหัวนักษัตรหนูและกระต่ายในกรุงปารีส โดยมูลค่าการประมูลแพงที่สุดเป็นประวัติการณ์ในราคาชิ้นละ 15.7 ล้านยูโร (20.3 ล้านเหรียญสหรัฐ) ขณะที่ผู้ประมูลนิรนามยังไม่ปรากฏตัว

ที่มา : http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9520000021396 (http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9520000021396)

ใช่มันน่ารังเกียจมากครับจ้าว  ::009:: ::009:: ::009::

อดีตอันข่มขืนของผู้ถูกปล้นสมบัติชาติ...

ใช้คำว่าเลวดีกว่าครับ... ::012:: ::012:: ::012::

เห็นด้วยครับ... เลว...

ตอนนี้พวกกลุ่มเดิมก็กำลังไล่ปล้นล่าทรัพยากรใต้ดินอยู่ทั่วโลกครับ... กำลังคอยดูว่าที่ลิเบียจะจบยังไง, แล้วเสียวไส้ว่าแถวเขาพระวิหาร แถวเกาะกูดในอ่าวไทย เราจะโดนรังแกแบบนี้ครับ...

มันต้องเจอดอกนี้ครับ


จีนเล่นมุขเด็ดแก้เผ็ดตะวันตก แอบประมูลรูปปั้นหัวนักษัตร แถลงข่าวไม่จ่ายเงินให้

แฉนักประมูลจีนเอาคืนตะวันตก แอบประมูลรูปปั้นหัวนักษัตรที่ถูกขโมยจนสำเร็จ พร้อมแถลงข่าวจะไม่จ่ายเงินให้แน่นอน สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 2 มี.ค.ว่า กรณีรูปปั้นหัว2นักษัตรของจีน รูปหนูและกระต่าย ซึ่งจีนอ้างว่าเป็นเจ้าของเพราะถูกขโมยจากฝรั่งเศสและจีน ในช่วงสงครามฝิ่น และถูกประมูลในฐานะวัตถุสะสมมีค่าของอีฟส์ แซง โลรองต์ อดีตดีไซเน่อร์ที่เสียชีวิตไปแล้ว เมื่อสัปดาห์ก่อนที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสโดยสถาบันประมูลคริสตี้ของอังกฤษ และถูกประมูลจากผู้ประมูลนิรนามจากโทรศัพท์ ด้วยมูลค่า 20 ล้านดอลลาร์ รายงานระบุว่า ขณะนี้ผู้ประมูลได้ออกมาเปิดเผยตัวแล้วปรากฎว่าเป็นที่ปรึกษากองทุนจีนด้านงานศิลปะที่ถูกขโมย และนักประมูลชื่อดังระดับสากล ณะที่เจ้าตัวกล่าวว่า งานนี้จะไม่มีการจ่ายเงินประมูลให้แก่สถาบันคริสตี้ทั้งสิ้น เนื่องจากศิลปะวัตถุทั้งสองถูกขโมยมา และว่า การกระทำของเขาเป็นปฎิบัติการแห่งความรักชาติ และเขาคิดว่า ตอนประมูล คนจีนคงจะสนับสนุนเขา และชี้ว่า โอกาสได้มาถึงเขาแล้ว และเขาขอรับผิดชอบเรื่องนี้แต่เพียงผู้เดียว

สิ่งที่เราต้องย้ำก็คือว่า จะไม่มีการจ่ายเงินใด ๆ ทั้งสิ้นนายไช่ มิงเชา ที่ปรึกษากองทุนจีนด้านงานศิลปะที่ถูกขโมยรายนี้กล่าวระหว่างการแถลงข่าว

รายงานระบุว่า ก่อนหน้าที่สถานประมูลคริสตี้ประกาศจะประมูลศิลปะวัตถุทั้งสอง กระทรวงการต่างประเทศจีนได้เรียกร้องว่า ต้องการศิลปะวัตถุทั้งสองคืน เนื่องจากเป็นมรดกของชาติจีนที่ถูกปล้นตังแต่สมัยอังกฤษและฝรั่งเศสรุกรานจีน โดยนายเบิร์ก คู่หูของดีไซนเน่อร์ก้องโลก ซึ่งเป็นนักเรียกร้องสิทธิมนุษยชน ได้เสนอจะคืนให้ แลกกับการที่จีนต้องรับปากว่าจะปรับปรุงประวัติด้านสิทธิมนุษยชน แต่จีนปฎิเสธ ขณะที่ศาลกรุงปารีส ได้คัดค้านคำร้องให้ยุติการประมูลโบราณวัตถุทั้งสอง และก่อนหน้านี้ เหล่านักศึกษาจีนยังได้แจกเอกสารความเป็นมาของศิลปะวัตถุทั้งสอง และการรุกรานจีนแผ่นดินใหญ่ด้วย

ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ จีนยังได้ประกาศด้วยว่า สถาบันคริสตี้จะต้องรับผิดชอบต่อการประมูลศิลปะวัตถุทั้งสองด้วย

เนื้อหาโดย : มติชน

เศษฝรั่งถึงกับร้องไม่ออกครับงานนี้

จีนแดงในวันนี้คือมหาอำนาจหนึ่งเดียวที่อเมริกันต้องใส่ใจครับ...

เห็นด้วยว่าน่ารังเกียจจริงๆ ครับ...

เป็นการแก้เผ็ดที่ทำได้สะใจดีครับ... ในจีนอาจจะทำได้... เพราะผู้นำเขาอาจจะเห็นแก่ประโยชน์ของชาติเป็นหลัก... แต่บางประเทศ... ผู้บริหารเห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตนเป็นหลัก... คงมีรายการบังคับให้จ่ายเงิน... หรือบังคับให้คืนของ... เพื่อกู้หน้าตาของประเทศ... หรือไม่ก็เพื่อเสริมฐานะของตนเอง...

...ผมยังมองว่า... การทวงคืนสมบัติของชาติที่ถูกขโมยไป... น่าจะให้วิธีทางการทูตครับ... แล้วจะได้กลับมาโดยไม่บาดหมางใจกัน... ถ้าเป็นของเอกชน... ก็ชดเชยให้ในราคาที่เหมาะสม... หรือยกย่องให้เป็นผู้บริจาคศิลปะวัตถุไปเลยก็ได้...

...แอบประมูลแล้วหักหลังแบบในข่าว... จะทำได้ครั้งเดียว... และทำให้เพื่อนร่วมชาติคนอื่นๆ ที่เจตนาประมูลจริงๆ หมดสิทธิ์ในการประมูลไปครับ...

...แต่ทิ้งท้ายว่า... ผู้ที่น่าละอายที่สุด... คือคนที่ฉกสมบัติของผู้อื่นไปครับ... ::014::

สงสัยจีนจะหวังผลด้านการประชาสัมพันธ์ครับ... เปิดประเด็นแรงๆแบบนี้มันไม่แรงในการเมืองระหว่างประเทศ แต่แรงในสภากาแฟคนจีนทั่วโลกเลยนะเนี่ย...

ก็คิดดูซิครับ ตราประทับอันนี้สมัยก่อนถือว่าเห็นแค่รอยประทับ เสมือนหนึ่งเห็นฮ่องเต้ เอาแค่คลี่ม้วนผ้าออกมาจะอ่านพระบรมราชโองการ คนรับพระบรมราชโองการยังต้องนั่งเอากำปั้นขวาจิ้มกับพื้นคุกเข่าฟัง... ฟังแล้วในนั้นบอกให้เป็นก็เป็น บอกให้ตายก็ตาย บอกให้ยกทัพรอนแรมข้ามเขาไปตีเมืองอื่นก็ต้องไปตามนั้น...

แต่ในวันนี้กลายเป็นสิ่งของให้ประมูลฯ ใครมีตังค์ก็ได้ไป ได้ไปแล้วเอาไปประทับเล่นยังไงก็ได้ จะประทับใส่กระดาษแล้วสั่งให้คนใช้ไปซื้อบุหรี่เล่นๆก็ได้(ใครจะไปรู้)... อย่างนี้มันดูเหมือนหยามเกียรติคนจีนทั้งโลกครับ...

สิ่งที่ลูกหลานจีนพยามทำอยู่นี่แหล่ะครับ คือทวงคืนมาให้ได้
อย่างที่ผมว่าลูกหลานเค้าถือว่ามันมีคุณค่าทางจิตใจเพราะมันเป็นของสำคัญของชาติ
คนต่างชาติที่ไม่เข้าใจในวัฒนธรรม ยอมไม่รู้สึกครับ
เป็นหนึ่งหลายๆเรื่องที่คนตะวันตกไม่เข้าใจคนตะวันออกครับ

ผู้ครอบครองโดยมิชอบควรนำส่งคืนทางการจีนครับ

ขโมยของคนอื่นมายังจะหน้าด้านเอามาหาประโยชน์อีก

...ของโดนปล้นไป  น่าส่งตีนแมวไปเอาคืน

เอาคืนอย่างนุ่มนวลไงครับ... ขาไปโดนปล้นไปมันเอิกเกริก ขากลับขอแบบนุ่มนวลเงียบเชียบครับ... แฮ่ๆ...

เอาคืนแบบเอิกเกริกนี่แหละครับสะใจ ได้หักหน้าประจานพวกหน้าด้านด้วย
ไปขโมยเดียวเจอของปลอมวางล่อเหยื่อให้เจ็บใจอีก

 ::005:: ;D

เค้าไม่อายกันมั่งหรอครับ เล่นเอาของที่ฉกฉวยขโมยมา เอามาขายแบบนี้

งั้นนายสมชายตามน้ำครับ...

แบบเอิกเกริก เสนอโจหยุนฟะ ส่งลูกน้องไปบู๊สะบั้นหั่นแหลกแบบในหนัง โหด เลว ดี ชั่ว... ฮา...

ถ้าแบบนุ่มนวล ต้องเฉินหลงครับ ตะแกถนัดกายกรรมห้อยโหนแบบทอบครูสใน MI ก็ได้ จะเป็นไอ้หนุ่มหมัดเมาก็ไหว... แต่ถ้าแก่เกิน ก็เอาเจ๊ตลีก็ได้ หนุ่มขึ้นมาอีกนี๊ดดด นึง... จ๊ากซ์...

อย่าลืมลูกน้องหน้ากากแตน พ่อเจย์ โชว์ ด้วยนะครับ เลือดใหม่ไฟแรง

แบบข้อความที่ท่าน alut_b ยกมาน่ะแหละครับพี่สะใจสุดแล้ว ประมูลได้ แต่ไม่จ่ายตังค์ แต่ต้องได้ของนะ

สะใจสุดๆให้พวกเศษฝรั่ง งามหน้า งามตับ กันไปข้างนึงเลย ;D :D

แบบนั้นต้องยิวครับ
อิสราเอลขึ้นชื่อด้านนี้ มืออาชีพด้วย ไม่เคยพลาด

ขมขื่นครับ ไม่ใช่ข่มขืน สะกดต่างกันนิดเดียว ความหมายคนละโยชน์เลย

   หลายคนไม่ได้มองแบบนั้นสิครับ  กลับมองว่าต้องถูกโขมยไปเสียทุกอย่าง
   ทั้งๆที่คนในชาติ คนในพื้นที่เองนั้นแหละ ที่เอาไปเร่ขาย ไปประเคนให้เขา
   หากรักชาติจริง เอาเงินมาง้าง เท่าไหร่ก็ไม่ขึ้น   แต่โดยมากจะเจอแต่พวก มือถือสาก  ปากถือศีล