เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

คำ ผกา-แฉแม่ชีทศพร 10-4-54 (http://www.youtube.com/watch?v=9JC_4x_EoLw#ws)

คงบวชชีเพราะหนีรัก จนกลายเป็นชีเพี้ยน  ::006::

 ::007:: ::007:: ::007:: ::007:: ::007::

พี่ศักดา  เอาคำสอนแม่ชีไปให้เมียทำตามเลยครับ  จะได้ไม่ต้องนอนในรถอีก   ::005::

 :OO :OO  ไม่ต้องแฉ ย่ะ  ::006::

มีเรื่องอย่างนี้ คนพวกนี้ คงเพลา การพูดหรือการโฆษณา ไปเยอะครับ

พอกันครับพิธีกรก็สุดโต่งแม่ชีก็สุดโต่ง ทางที่ดีควรจะเจอกันต่อหน้าบนเวที  ::005::

ว.วชิรเมธี กล่าวว่า     คนไทยขาดที่พึ่ง จึงหันหาผู้วิเศษ   

ก็จริงนะผมเห็นหลายคนละ ที่หันหาศาสนา แต่ก็ยังไป หาผู้วิเศษทำพิธีเข้าทรง   

เป็นธรรมดาของคนประเทศนี้ ตราบใดที่ยังกราบลูกวัวสองหัวห้าขาก่อนวันหวยออก พระท่านบอกว่าคนที่ถูกหลอกได้ง่ายที่สุดคือบุคคลที่มีลักษณะแบบนี้คือ"คนจนอยากรวย คนป่วยอยากหาย"บุคคลกล่มนี้จะถูกหลอกได้ง่ายที่สุด ;D

ถ้าผมบอกแสกนกรรมเป็นเรื่องหลอกแหลกจะเชื่อผมไหมละ  วงการหมอดูไทย99เปอร์เซ็นทุกวันนี้หลอกแหลกหมด

                       ::004:: ::004:: เศร้าครับท่านขุน   ให้จารย์สมชายมาว่าดีกว่ามันถึงสะใจดีครับ   
                                                                                  ......กับบัวสี่เหล่า.................. ::014::
                 

นาทีที่ 13.40  คุณพิธีกรบอกว่า " พระนเรศวรประกาศเอกราชนั่นโกหกทั้งเพ "

อ้าว...แล้วกัน  :-\

สมาชิกท่านไดรู้จักพิธีกรคนนี้เป็นการส่วนตัว ช่วยบอกด้วยถ้าคิดอย่างนั้น มึงก็เปลี่ยนเชื้อชาติสัญชาติไทย ไปอาศัยอยู่บนแผ่นดินเดียวกับไอ้ฮุนเซนเขมรพันธุ์ทางสิ

เราเคยได้รับรู้แต่นักบวชเพี้ยนๆเพศผู้ วันนี้ชี (นักบวชเพศเมีย) ได้สร้างภาพให้เกิดคำถามในสังคม ชีคนนี้ภูมิหลังเป็นใครมาจากไหน จบการศึกษาจากไหน ทำไมต้องมาบวชชี
พูดกล่อมคนให้หลงเชื่อได้ นับว่าไม่ธรรมดา

มันบ้าจริงๆ   ::005::  เอาเหตุผลในเรื่องหนึ่งมาอธิบายเรื่องอีกเรื่องหนึ่งได้  ตรรกะแบบประสาทบริโภค 

คำพูดทุกอย่าง บ่งบอกถึงความริษยา ชิงชัง เคียดแค้น เหมือนเพิ่งผุดมาจากโลกบาดาล 

เป็นรูปแบบหนึ่งของความก้าวร้าว    ก้าวร้าวแบบ มธุรสวาจา




ส่วนตัวแล้วเชื่อว่า พวกเราทุกคนก็สามารถเป็นพิธีกรเหมือนสองท่านนี้ได้   ถ้าลืม ความละอายต่อบาป ไปได้

(เดี๋ยวมีต่อ)

ฟังแล้ว พิธีกรไม่มีเครดิต อะไรเลย

เหมือนไม่รู้จักบทบาทของตัวเองพอกันทั้งชีทั้งพิธีกร  :P :P :P :P :P

ของแบบนี้ไม่เชื่อท่านแล้วจะให้ผมเชื่อแมวตัวไหนล่ะครับ   ::002::

พูดตรงๆผมเห็นแม่ชีคนนี้ครั้งแรกก็ตะหงิดๆแล้ว สุดท้ายความจริงก็ค่อยๆปรากฎ

ทศพร ไม่ชอบ ชอบทศพล ^_^"


http://youtu.be/AFYP_L0pAac (http://youtu.be/AFYP_L0pAac)

ถ้าผมเล่านะ จะยิ่งกว่ารายการแฉแต่เช้าอีกครับ ขุดกันตั้งรากเหง้าเลยเชียว ::005:: ::005:: ::005:: ::005::

ลองอ่านบทความของพิธีกรคนนี้ในวารสารรายสัปดาห์บางฉบับ พบว่ากรอบแว่นที่มองออกมาเต็มไปด้วยมิจฉาทิฐิที่รุนแรงมาก............

พึ่งเคยดูรายการนี้ แต่ก็มีหลายมุมมองนะ ;D ;D ;D  ชอบไม่ชอบอีกเรื่อง

แต่นี่ไม่ใช่การแฉนะครับ เพราะไม่เห็นมีข้อมูลส่วนตัว เห็นแต่พิธีกรวิเคราะห์ วิจารณ์แล้วแย้งความคิดเห็น

ต้องแนวนี้แหล่ะ ถึงต้องอยู่ช่องนี้ไงครับ  ::005::

เคยอ่านงานเขียนของพิธีกรอยู่บ้าง(คุณคำพกา)ถ้าแฉกันระหว่างแม่ชีและพิธีกรคงจะมันพิลึก

กรณีนี้ผมคิดว่าพิธีกรไม่ได้มีเจตนาลบหลู่ดูหมิ่นกระมังครับ เหมือนจะพูดในเชิงวิชาการประวัติศาสตร์มากกว่า แต่ฟังแล้วก็ยังงอยู่ดีที่บอกว่า "ไม่มีการรับรู้ถึงเอกราช"

ถึงแม้ยุคนั้นชาติพันธุ์ต่างๆในคาบสมุทรอินโดจีนจะยังไม่ได้อยู่ในรูปแบบของประเทศ (nation state) อย่างในปัจจุบัน หากแต่เป็นนครรัฐ (city state) เช่นเดียวกับยุคที่ไม่มีประเทศกรีก แต่มีนครรัฐเอเธนส์ สปาร์ตา มาซีดอน ทั้งที่เป็นชนชาวกรีกเหมือนกัน แต่ทว่าทุกนครรัฐก็ยังมีอธิปไตยและเอกราชเหนือดินแดนของตัวเองอยู่ดี

พิธีกรคนนี้ ขวามากเลยครับ เกือบจะปีนเกาะกลางถนน  ;D
ตอนที่พูดว่าตัวเองวิญญาณฟาสซิสต์จะเข้าสิง ผมว่าเป็นการไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง

ขอบคุณพี่ๆทุกท่านที่ร่วมแสดงความคิดเห็นครับ  ::014::

เชื่อเถอะพื้นฐานแนวคิด  เหมือนจะชงเข้าเรื่องการเมือง เป็นระยางหนึ่งของกลุ่มนักวิชาการสุดโต้งที่เห็นทุนสามานย์ดีกว่าศักดินาล้าหลัง
เมื่อไม่มองในกรอบแคบ  เรื่องทั้งหมดก็จะชงเข้าสู่การเมืองอีกขั้วจนได้   ที่บอกคนไม่เลือกข้าง  มันเลือกข้างชัดๆ  

หันมามองในส่วนเฉพาะรายการ  พิธีกรเหมือนผีเจาะปากมาพูด  พูดเอามันส์ ไม่มีการเจาะลึกลงในเนื้อหาเนื้อแท้จริงสักเรื่อง
เริ่มต้นปากบอกอยากจะคุยเรื่องธรรมะ  แต่กลายเป็นเรื่องที่พิธีกรอยากด่าคนเท่านั้นเอง   มันธรรมะตรงไหน  เอาชนะใจตนเองไม่ได้ เอาชนะใจที่ปากตนเองให้ได้ซะก่อนสิ  

เล่นกะความเชื่อคน เหมือนเยี่ยวรดหัวใจเขา  อย่างเริ่มวิจารณ์เรื่องการกินเนื้อสัตว์  ....  ใครเขาจะกินอะไรมันอยู่ที่ความเชื่อปัจเจกบุคคลของเขา  ถ้าจะวิจารณ์ก็พูดกันเองที่บ้าน  อย่าสะเออะเอามาออกอากาศเวทีสาธารณะ  ......  ยังดีที่พิธีกรยังกลัว  ไม่พูดถึงอิสลามไม่กินเนื้อหมู  ไม่งั้นรายการนี้เละแน่  ....  ความเชื่อทางศาสนา  บางคนกินมังสาวิรัติ  บางคนไม่กินวัวควาย  บางคนไม่กินสัตว์เลื้อยคลาน   เรื่องแบบนี้ เอามาวิจารณ์ออกรายการไม่ได้  เขาเชื่ออย่างไรก็เรื่องของเขา ไม่ใช่ไม่ถูกใจตัวเองก็เปิดประเด็นพูดๆเพื่อหาเงิน
..... พอหลอกด่าเขาเสร็จ  เสือกมาสรุปว่า เป็นสิทธิส่วนบุคคลที่จะเลือกปฎิบัติ ถ้าไม่ทำให้คนอื่นเดือนร้อน ไม่ไปละเมิดสิทธิของคนอื่น  .. แล้วที่ เมิง  ว่าเหน็บแนมเขาเมื่อกี้ละ หมายความว่าอะไร    ตบหัวแล้วลูบหลังชัดๆ

แล้วไปว่าเขาต่ออีกนะ ว่าคนที่ทำบุญมากๆ จะคิดว่าตนเองเหนือกว่าผู้อื่น แล้วไปตัดสินผู้อื่น  .....  ใครกันแน่วะ  ไม่ใช่เมิงสองคนดอกหรือที่ไปตัดสินผู้อื่น   อันนี้แย่กว่าคนอื่นอีกที่ ไม่ได้ทำอะไร  แล้วไปตัดสินผู้อื่น   ........  คนที่ปฎิบัติดีปฎิบัติชอบของจริง  เขาไม่ไปตัดสินใครหรอก  รู้แจ้งเห็นจริงด้วยตัวเขาเอง    (นี้พิธีกรก็พูดขัดกัน)  ......  ตัวเองไม่ทำห่าอะไรแล้ว  ยังหาเรื่องไปด่าคนที่เขาทำอีก

ทำบุญเอาหน้า  ยังดีกว่าคนที่ไม่ทำห่าอะไร แล้วว่าแดกดันคนอื่น 

นอกจากนี้แล้วพิธีกรยังพูดดูถูกคนอื่นอีก ที่ว่า "ความเชื่อทางศาสนา เป็นรสนิยม"    มันพูดดูแคลนศัทธาของคนๆหนึ่งที่มีต่อศาสนา  อย่างไม่ละอาย    ศัทธามันสูงส่งกว่า รสนิยม หลายร้อยพันเท่านัก ศัทธาเป็นความเชื่อที่มีเหตุผลรองรับ


ประเด็นถัดไป  พูดถึง ความรู้ทางพระพุทธศาสนา ที่บอกว่าผ่านมา 2500 กว่าปี ย่อมปะทะกระแสสังคม พิธีกรเองไม่เชื่อว่าความรู้เหล่านี้ไม่มีการปรับเปลี่ยนตามกระสังคม  ซึ่งก็คลายๆกะดูแคลน   เหล่าสาวก  ว่าเงื่อนไขข้ออ้างต่างๆ  ล้วนแต่ปรับตามความต้องการผลประโยชน์ของเหล่าสาวกเอง  (ตรงนี้มีหลุดปากพูดถึงเพื่อประโยชน์ทางการเมือง )  ...........    พิธีกรไม่ได้แยกแยะเลยว่า  บางกรณีเป็นเรื่องของทางโลก แต่ผู้มีอำนาจใช้อุบายอ้างศาสนามาเป็นฉากบังหน้า  แต่พิธีกรกลับมองว่า  เพราะมีศาสนานั้นแหละ ถึงทำให้มีเงื่อนไขให้คนใช้อำนาจมิชอบมาเป็นข้ออ้างในการหาผลประโยชน์ส่วนตน  .....  ไม่ได้มองว่าสาเหตุมาจากคนไม่ดีนำศาสนามาเป็นเครื่องมือ  มองในรูป เพราะมีศาสนาถึงเป็นเหตุให้เกิดความยุ่งยาก

และในขั้นถัดไป ก็ใช้กระบวนการคิดเช่นนี้  มองว่า เพราะมี รัฐชาติ  จึงเป็นต้นเหตุให้ประชาชนยุ่งยาก   .......  ดั่งที่พูดถึง  ไม่เชื่อเรื่องการประกาศเอกราชของสมเด้จพระนเรศวร


(ยังมีต่อ)

                   
                                                                                                         
     ชอบครับ  รอติดตามอ่านอยู่       ::014::

มรว.คึกฤทธิ์ เคยถาม "ประสก"(นายจำรัส ดวงธิสาร บก.นิตยสารชาวกรุง-เคยบวชเป็นมหาเปรียญ มีความรู้ด้านพุทธศาสนามาก)ว่า คนชื่ออะไรเอ่ยต้องห้ามมิให้บวชชี ? .. "ประสก" อึ้งไปครู่ใหญ่ ไม่สามารถตอบได้ เพื่อน สมช.มีคำตอบไหม ?  ..ผมจะมาเฉลยทีหลังนะครับ  

+ ให้ท่านโทน73 -รักในหลวง-  และท่าน poethipus ครับ  ::002::

รออ่านตอนต่อไปอยู่นะครับ

ข้อสังเกตของท่านโทน73 เป็นมุมมองที่น่าอ่านอย่างยิ่ง ขออนุญาต +1 ครับ

จริงครับ ให้ดวลฝีปากกันเลย    พิธีกร ก็อยากดังเหมือนกัน

อย่าเลยครับ ขนาดพูดอย่าง ยังวิจารญ์แปลอีกอย่าง ... ห่วยขนาดนี้ก็อยู่ช่องนี้แหละดีแล้ว  ::010:: ::010::