เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

สนทนาภาษาปืน => หลังแนวยิง => ข้อความที่เริ่มโดย: เบิ้ม ที่ มิถุนายน 11, 2011, 07:22:10 PM



หัวข้อ: อาหารกับมะเร็ง
เริ่มหัวข้อโดย: เบิ้ม ที่ มิถุนายน 11, 2011, 07:22:10 PM
(http://image.free.in.th/z/io/51251.jpg) (http://image.free.in.th/show.php?id=d655bd91811d4ddc879f71470ad486e6)
Thanks: ฝากรูป (http://www.myuppic.com)

การกินเนื้อแดงมากๆ เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง โดยเฉพาะเนื้อสัตว์ที่ทำให้สุกจนเกรียม เพราะมีสาร polycyclic aromatic hydro corbon ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งสูง

ผู้ที่ชอบรับประทานสเต๊กควรทราบไว้ว่า

เนื้อสัตว์ที่ทำสเต๊กแบบสุกพอดี (medium) และสุกมาก (well done) จะเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารมากกว่ากินเนื้อสัตว์ (สเต๊ก) ที่เป็นแบบสุกๆ ดิบๆ (rare) หรือค่อนข้างสุกดิบ (medium rare) ถึง 3 เท่า

การกินเนื้ออบ (roasted) โดยอบให้สุกช้าๆ ด้วยความร้อนต่ำๆ จะเกิดสารก่อมะเร็งน้อยกว่าการย่างหรือทอดให้สุกเร็วๆ ที่เป็นเช่นนี้เพราะเมื่อเนื้อถูกความร้อนสูง สารโปรตีน creatine จะสร้างสารก่อมะเร็งขึ้น คือ heterocyclic amine

ดังนั้นการกินเนื้ออบโดยอบให้สุกช้าๆ ด้วยความร้อนต่ำๆ แทนเนื้อย่างหรือทอดจะปลอดภัยจากมะเร็งมากว่า

จากการวิจัยพบว่า หญิงสูงอายุที่กินเนื้อแดงมากๆ มีโอกาสป่วยเป็นโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองสูง แต่ถ้ากินผลไม้มากๆ จะช่วยป้องกันโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือได้ ความจริงแล้วผลไม้เกือบทุกชนิดเป็น antioxidants ช่วยต้านโรคมะเร็ง และโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดหัวใจ เพราะผลไม้มีวิตามิน ซี วิตามิน อี และเบต้าแคโรทีน

ในจำพวกผลไม้ต่างๆ สตรอเบอร์รี่เป็น antioxidant ที่ดีที่สุด รองลงมาเล็กน้อยก็คือ ส้ม องุ่นแดง และพลัม (มีน้อยในเมืองไทย)

ลูกเกด หรือองุ่นแห้ง มีสารกลุ่มฟิโนลอยด์ เช่นกรดทาร์ทาริค (tartaric acid) ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นแอนตี้ออกซิแดนท์ ป้องกันไม่ให้ผนังเซลล์เป็นแผลเสียหาย อันเป็นเหุสำคัญอันหนึ่งของโรคหลอดเลือดหัวใจ และโรคมะเร็ง

การกินลูกเกิดยังช่วยลดกรดในลำไส้อีกด้วย

อาหารต้านมะเร็งนอกจากมีในผลไม้แล้วในผักก็มี เช่น บล็อคโคลี่ มีสารชื่อ ซัลฟอราเฟน มีสรรพคุณยับยั้งการก่อตัวของเซลล์มะเร็ง ในบล็อคโคลี่อ่อนมีสารซัลฟอราเฟนมากเป็น 20-50 เท่าของบล็อคโคลี่ที่โตเต็มที่

การกิบผักและผลไม้สด จะได้ประโยชน์สูงสุด ผลไม้กินสดๆ เมื่อมันสุกหรือแก่ได้ที่ดีแล้ว ถ้าเปลือกผลไม้รับประทานได้ เช่น แอปเปิ้ล ก็ล้างให้สะอาดและกินทั้งเหลือก เพราะวิตามินที่มีคุณค่าอยู่บริเวณเปลือก

อาหารไทยที่ช่วยป้องกันมะเร็งก็มี เช่น ตะไคร้ พบว่าตะไคร้สามารถยับยั้งอาการเริ่มแรกที่จะนำไปสู่มะเร็งลำไส้ คือ หลุมในลำไส้ และการผิดเพี้ยนของดีเอ็นเอ

หลุมลำไส้คือเซลล์ผิดปกติและจะพัฒนาไปเป็นเซลล์มะเร็ง

ส่วนการผิดเพี้ยนของดีเอ็นเอนั้นจะเกิดขึ้นเมื่อมีสารก่อมะเร็งไปขัดขวางดีเอ็นเอของร่างกายไม่ให้ผลิตซ้ำตัวเอง ซึ่งเป็นช่วงเริ่มต้นของการเกิดเซลล์มะเร็ง

ตะไคร้ มีผลยับยั้งการทำงานของแบคทีเรียในลำไส้ ทำให้ร่างกายดูดซึมสารก่อมะเร็งน้อยลงไป

เวลากินแกงต้มยำ ควรพยายามกินตะไคร้ในแกงด้วย ความจริงอาหารไทยก็ได้พยายามใส่เครื่องปรุงที่เป็นตะไคร้ไว้หลายอย่าง ไม่ใช่เฉพาะในแกงต้มยำเท่านั้น แม้แต่กับแกล้มเหล้าก็มีตะไคร้เป็นหลัก ที่เราเรียกกันว่า “ไก่สามอย่าง” ในยำต่างๆ ก็มีตะไครหั่นฝอย ดังนั้นเวลาทำอาหารไทยอย่าไปขี้เหนียวตะไคร้ มีโอกาสใส่ก็ใส่ลงไปเลย ใส่แล้วก็ต้องกินด้วยไม่ใช่ใส่เพื่อไปเขี่ยทิ้ง คุณจะสูญเสียอาหารป้องกันมะเร็งไป

นอกจากตะไคร้ อาหารไทยยังมีกระเทียมสด ซึ่งสามารถต้านทานสารก่อมะเร็งได้ เมื่อเราแกะเปลือกกระเทียมออกจกะมีเอนไซม์ชื่อ อัลลิเนส หลั่งออกมา แล้วก็สร้างปฏิกิริยาทางเคมีที่ก่อให้เกิดสารต้านมะเร็ง แต่ถ้าปอกกระเทียมแล้วเอาไปผ่านความร้อนทันที เอนไซม์อัลลิเนสจะหยุดทำหน้าที่ของมันต้องปอกกระเทียมแล้วรไว้ประมาณ 15 นาที ก่อนจึงนำไปปรุงอาหาร สรรพคุณในการต้านมะเร็งจึงจะยังคงอยู่ ถ้าปอกกระเทียมแล้วนำไปถูกความร้อนทันทีสรรพคุณดังกล่าวจะไม่มีเพราะเอนไซม์อัลลิเนสหยุดทำงาน ฉะนั้น ถ้าจให้ได้ประโยชน์จากกระเทียมอย่าใจร้อน ถ้าไม่กินกระเทียมสด ซึ่งมีสรรพคุณป้องกันมะเร็ง ก็ต้องปอกกระเทียมทิ้งไว้ 15 นาที ก่อนนำไปปรุงอาหาร แม่ครัวหัวป่าทั้งหลายควรใช้กระเทียมให้ถูกวิธี ให้ได้ทั้งความอร่อยและ ประโยชน์ในการต้านมะเร็ง

อาหารใดที่มีวิตามินซีสูงก็จะมีประโยชน์มาก เพราะวิตามินซี รักษาตั้งแต่หวัดไปจนถึงป้องกันมะเร็ง ร่างกายเราสามารถดูดซึมวิตาในซี ไปใช้ได้แค่วันละประมาณ 200 มิลลิกรัมเท่านั้น ซึ่งปริมาณนี้มีครบอยู่แล้วในผักและผลไม้ที่เราบริโภคในแต่ละวัน ถ้าเรากินผักและผลไม้สดประจำทุกวัน ก็ไม่จำเป็นต้องเสียเงินซื้อวิตามิน ซี มารับประทานต่างหากให้สิ้นเปลืองเงินโดยใช่


ที่มา : Woman’s Story


หัวข้อ: Re: อาหารกับมะเร็ง
เริ่มหัวข้อโดย: ขุนช้าง-รักในหลวงและสมเด็จพระเทพ ที่ มิถุนายน 11, 2011, 07:46:47 PM
จริงๆแล้วถ้าเริ่มมีอายุปลาต้มปลานึ่งดีสุดครับ เนื้อแดงนี้นานๆทีดีกว่า   ปลาถ้ามีงบผมว่าพวกปลาทะเลน้ำลึกก็ดีนะครับ  มีเงินหน่อยก็พวกแซลม่อนถ้าไม่มีงบสูงมาปลานิลบ้านเรานี้ละครับเด็ด ปลาสวายก็น่าสนนะครับ เอามาทำแดดเดียวอร่อยดี




แต่ถ้าน้องปลานี้จะตายเพราะสารตะกั่วแทรกซึมร่างกายได้ครับ ::005:: ::005::


หัวข้อ: Re: อาหารกับมะเร็ง
เริ่มหัวข้อโดย: RMAY ที่ มิถุนายน 11, 2011, 07:52:53 PM
ขอบคุณครับ  ::014:: ;D


หัวข้อ: Re: อาหารกับมะเร็ง
เริ่มหัวข้อโดย: ~ Sitthipong - รักในหลวง ~ ที่ มิถุนายน 11, 2011, 08:13:33 PM
จริงๆแล้วถ้าเริ่มมีอายุปลาต้มปลานึ่งดีสุดครับ เนื้อแดงนี้นานๆทีดีกว่า   ปลาถ้ามีงบผมว่าพวกปลาทะเลน้ำลึกก็ดีนะครับ  มีเงินหน่อยก็พวกแซลม่อนถ้าไม่มีงบสูงมาปลานิลบ้านเรานี้ละครับเด็ด ปลาสวายก็น่าสนนะครับ เอามาทำแดดเดียวอร่อยดี


แต่ถ้าน้องปลานี้จะตายเพราะสารตะกั่วแทรกซึมร่างกายได้ครับ ::005:: ::005::

อายุเยอะมองไม่ค่อยเห็นระวังก้างปลาติดคอด้วยครับ   ;D


หัวข้อ: Re: อาหารกับมะเร็ง
เริ่มหัวข้อโดย: ขุนช้าง-รักในหลวงและสมเด็จพระเทพ ที่ มิถุนายน 11, 2011, 08:31:06 PM
 ::005:: ::005:: ปลาตะเพียนสิครับ  ::005:: ::005:: ::005::


หัวข้อ: Re: อาหารกับมะเร็ง
เริ่มหัวข้อโดย: ~ Sitthipong - รักในหลวง ~ ที่ มิถุนายน 11, 2011, 08:37:01 PM
::005:: ::005:: ปลาตะเพียนสิครับ  ::005:: ::005:: ::005::

ปลาทูนี่แหละครับ  ติดคอได้ของผม ๒ วันกว่าจะออก   :~)


หัวข้อ: Re: อาหารกับมะเร็ง
เริ่มหัวข้อโดย: ขุนช้าง-รักในหลวงและสมเด็จพระเทพ ที่ มิถุนายน 11, 2011, 08:52:47 PM
เคยสงสัยกันไหมครับสมัยนี้ทานไอ้นั้นก็ป่วยทานไอ้นี้ก็ป่วยแต่คนสมัยก่อนไม่ค่อยจะป่วยกัน  มันเป็นเพราะอะไร


หัวข้อ: Re: อาหารกับมะเร็ง
เริ่มหัวข้อโดย: kensiro ที่ มิถุนายน 11, 2011, 08:57:23 PM
เคยสงสัยกันไหมครับสมัยนี้ทานไอ้นั้นก็ป่วยทานไอ้นี้ก็ป่วยแต่คนสมัยก่อนไม่ค่อยจะป่วยกัน  มันเป็นเพราะอะไร

ใช่

อย่างน้ำ สมัยก่อน ปู่จะมี โอ่งสีแดง ลูกพอย่อม ๆมีฝาเป็นใหม่ ตั้งไว้ ที่สุ้ม จักตอกสานไม้เขา ตะไคร่ ขึ้นเขียวเต็มไปหมด น้ำที่เอามาใหญ่เป็นน้ำฝนที่ เก็บไว้ในโอ่งใหญ่ ตักออกมาดื่ม เย็นเหมือนใส่ไว้ในตู้เย็น แต่ชื่นใจกว่า


หัวข้อ: Re: อาหารกับมะเร็ง
เริ่มหัวข้อโดย: ~ Sitthipong - รักในหลวง ~ ที่ มิถุนายน 11, 2011, 09:19:58 PM
เคยสงสัยกันไหมครับสมัยนี้ทานไอ้นั้นก็ป่วยทานไอ้นี้ก็ป่วยแต่คนสมัยก่อนไม่ค่อยจะป่วยกัน  มันเป็นเพราะอะไร

ใช่

อย่างน้ำ สมัยก่อน ปู่จะมี โอ่งสีแดง ลูกพอย่อม ๆมีฝาเป็นใหม่ ตั้งไว้ ที่สุ้ม จักตอกสานไม้เขา ตะไคร่ ขึ้นเขียวเต็มไปหมด น้ำที่เอามาใหญ่เป็นน้ำฝนที่ เก็บไว้ในโอ่งใหญ่ ตักออกมาดื่ม เย็นเหมือนใส่ไว้ในตู้เย็น แต่ชื่นใจกว่า

น้ำฝนที่่มาจากกระเบื้องใยหินทานไม่ได้นะครับ  ถึงจะต้มแล้วก็ตาม   ;)


หัวข้อ: Re: อาหารกับมะเร็ง
เริ่มหัวข้อโดย: Skeleton_King ที่ มิถุนายน 11, 2011, 10:35:02 PM
พูดถึงเรื่องโรคมะเร็ง ผมเตรียมใจไว้แล้ว   ทั้งเหล้าทั้งบุหรี่   ไหนจะควันรถ ไหนจะสารเคมีในอาหารที่เรากินเข้าไปอีก  อย่างไงก็ต้องเป็น

แต่อาศัยตรวจสุขภาพทุกปี รู้ไวรักษาได้


หัวข้อ: Re: อาหารกับมะเร็ง
เริ่มหัวข้อโดย: kensiro ที่ มิถุนายน 11, 2011, 10:41:06 PM
เคยสงสัยกันไหมครับสมัยนี้ทานไอ้นั้นก็ป่วยทานไอ้นี้ก็ป่วยแต่คนสมัยก่อนไม่ค่อยจะป่วยกัน  มันเป็นเพราะอะไร

ใช่

อย่างน้ำ สมัยก่อน ปู่จะมี โอ่งสีแดง ลูกพอย่อม ๆมีฝาเป็นใหม่ ตั้งไว้ ที่สุ้ม จักตอกสานไม้เขา ตะไคร่ ขึ้นเขียวเต็มไปหมด น้ำที่เอามาใหญ่เป็นน้ำฝนที่ เก็บไว้ในโอ่งใหญ่ ตักออกมาดื่ม เย็นเหมือนใส่ไว้ในตู้เย็น แต่ชื่นใจกว่า

น้ำฝนที่่มาจากกระเบื้องใยหินทานไม่ได้นะครับ  ถึงจะต้มแล้วก็ตาม   ;)

ที่บ้านเป็นสังกะสีครับ  แต่ถ้าจะทำยาปู่จะไปเอา นอกชายคาบ้านครับ


หัวข้อ: Re: อาหารกับมะเร็ง
เริ่มหัวข้อโดย: เบิ้ม ที่ มิถุนายน 11, 2011, 11:03:17 PM
พูดถึงเรื่องโรคมะเร็ง ผมเตรียมใจไว้แล้ว   ทั้งเหล้าทั้งบุหรี่   ไหนจะควันรถ ไหนจะสารเคมีในอาหารที่เรากินเข้าไปอีก  อย่างไงก็ต้องเป็น

แต่อาศัยตรวจสุขภาพทุกปี รู้ไวรักษาได้

นั่นสิครับ สมัยนี้หัวใจวายตายกันเยอะ มะเร็งก็เยอะ คนยังไม่แก่นี่ล่ะ เสียวๆอยู่เหมือนกันครับ ใช้ร่างกายโหมมามากครับ  ::012::

อยากลาออกจากชีวิตในเมือง ไปซื้อที่ทำไร่ ปลูกผักกิน  ออกกำลังกาย ละเลิกอบายมุข :VOV:


หัวข้อ: Re: อาหารกับมะเร็ง
เริ่มหัวข้อโดย: JUNGLE ที่ มิถุนายน 11, 2011, 11:12:16 PM
::005:: ::005:: ปลาตะเพียนสิครับ  ::005:: ::005:: ::005::

ปลาทูนี่แหละครับ  ติดคอได้ของผม ๒ วันกว่าจะออก   :~)


งั้นก็แสดงว่า... ::005:: ::005:: ::005::



หัวข้อ: Re: อาหารกับมะเร็ง
เริ่มหัวข้อโดย: kensiro ที่ มิถุนายน 11, 2011, 11:17:01 PM
::005:: ::005:: ปลาตะเพียนสิครับ  ::005:: ::005:: ::005::

ปลาทูนี่แหละครับ  ติดคอได้ของผม ๒ วันกว่าจะออก   :~)


งั้นก็แสดงว่า... ::005:: ::005:: ::005::



ปู่ผมเปล่าพรวดเดียว ออกครับ  ซื้อ 40 มาให้ขวดเดียว  เล็กหรือใหญ่ก็ได้ เปล่าสามทีเอง

เคยมีคนข้างบ้านกระดูกติดคอหมา พาไปหาหมอแล้ว ยังเอาออกไม่ได้มาหาปู่ ปู่ไม่รักษาให้

แต่อาแอบรักษาให้คนที่เป็นผู้หญิงอะครับ เปล่าให้  หลุดครับ

พยาบาล ยังมาหาให้ปู่เปล่าให้เลยครับ

ปู่ผมสายขาว ย่าทั้งดำและขาว


หัวข้อ: Re: อาหารกับมะเร็ง
เริ่มหัวข้อโดย: lek ที่ มิถุนายน 11, 2011, 11:31:11 PM
เคยสงสัยกันไหมครับสมัยนี้ทานไอ้นั้นก็ป่วยทานไอ้นี้ก็ป่วยแต่คนสมัยก่อนไม่ค่อยจะป่วยกัน  มันเป็นเพราะอะไร
คนมันเยอะขึ้นครับ  เมื่อก่อน30ปีได้ถามพนง.ห้องดับจิตเขาว่าตายวันละ4-5ศพ  เดี๋ยวนี้10กว่าศพขึ้นครับ เมื่อก่อนแผนกรังสีบ่าย3โมงก็กลับบ้านแล้ว  เดี๋ยวนี้6โมงเย็นยังรอฉายแสงอยู่เลย  เมื่อก่อนไปรับสาวประจำครับ


หัวข้อ: Re: อาหารกับมะเร็ง
เริ่มหัวข้อโดย: JUNGLE ที่ มิถุนายน 11, 2011, 11:40:40 PM
เคยสงสัยกันไหมครับสมัยนี้ทานไอ้นั้นก็ป่วยทานไอ้นี้ก็ป่วยแต่คนสมัยก่อนไม่ค่อยจะป่วยกัน  มันเป็นเพราะอะไร
คนมันเยอะขึ้นครับ  เมื่อก่อน30ปีได้ถามพนง.ห้องดับจิตเขาว่าตายวันละ4-5ศพ  เดี๋ยวนี้10กว่าศพขึ้นครับ เมื่อก่อนแผนกรังสีบ่าย3โมงก็กลับบ้านแล้ว  เดี๋ยวนี้6โมงเย็นยังรอฉายแสงอยู่เลย  เมื่อก่อนไปรับสาวประจำครับ

สมัยนี้ก็ยังไปรับอยู่ไม่ใช่เหรอครับป๋าเล็ก... ;D ;D ;D

::014::



หัวข้อ: Re: อาหารกับมะเร็ง
เริ่มหัวข้อโดย: ~ Sitthipong - รักในหลวง ~ ที่ มิถุนายน 12, 2011, 01:06:02 PM
::005:: ::005:: ปลาตะเพียนสิครับ  ::005:: ::005:: ::005::

ปลาทูนี่แหละครับ  ติดคอได้ของผม ๒ วันกว่าจะออก   :~)

งั้นก็แสดงว่า... ::005:: ::005:: ::005::

.....ผมยังไม่แก่นะ   ::006::


หัวข้อ: Re: อาหารกับมะเร็ง
เริ่มหัวข้อโดย: R2D2 ที่ มิถุนายน 13, 2011, 12:32:41 PM
กินน้ำมาก ๆ  ,กินปลามาก ๆ ,กินผักมาก ๆ..ง่าย ๆ แค่นี้มะเร็งก็ไม่อยากเข้าใกล้แล้วคับ  


หัวข้อ: Re: อาหารกับมะเร็ง
เริ่มหัวข้อโดย: RMAY ที่ มิถุนายน 13, 2011, 02:11:49 PM
กินน้ำมาก ๆ  ,กินปลามาก ๆ ,กินผักมาก ๆ..ง่าย ๆ แค่นี้มะเร็งก็ไม่อยากเข้าใกล้แล้วคับ  

กินน้ำมาก ๆ            ต้องไม่มีคลอครีน หรือไม่ใช่น้ำปะปา  เพราะคลอรีน เมื่อโดนความร้อน จะเป็นสารก่อมะเร็ง  และน้ำตรา สิงห์ น้ำที่ไม่มีแร่ธาตุเลย ซักนิดแถมมันสะอาดจนเป็นอันตรายต่อร่าง กาย  สังเกตง่ายๆ คนที่กินน้ำ ตราสิงห์เป็นประจำจะมีอาการ ปวดตามข้อปวดหลัง
กินปลามาก ๆ         ต้องเป็นปลาสดๆ ให้ดีจับเองกับมือ  เพราะว่า แม่ค้าพ่อค้าบางคน ใส่ ฟอมมอรีน เพื่อไม่ให้ปลาเสีย ง่ายๆเก็บไว้ขายได้หลายๆวัน
กินผักมาก ๆ           ต้องเป็นผัก ที่ สดๆเท่านั้น  หรือผักปลอดสารพิษ  และไม่ใส่ ยาฆ่าแมลง   และสิ่งที่ไม่น่ากินก็คือ"ถั่วงอก"ที่ ขาวๆอวบๆ 

 :~) :~) :~) :~) :~)


หัวข้อ: Re: อาหารกับมะเร็ง
เริ่มหัวข้อโดย: JUNGLE ที่ มิถุนายน 13, 2011, 02:29:29 PM
กินน้ำมาก ๆ  ,กินปลามาก ๆ ,กินผักมาก ๆ..ง่าย ๆ แค่นี้มะเร็งก็ไม่อยากเข้าใกล้แล้วคับ  

กินน้ำมาก ๆ            ต้องไม่มีคลอครีน หรือไม่ใช่น้ำปะปา  เพราะคลอรีน เมื่อโดนความร้อน จะเป็นสารก่อมะเร็ง  และน้ำตรา สิงห์ น้ำที่ไม่มีแร่ธาตุเลย ซักนิดแถมมันสะอาดจนเป็นอันตรายต่อร่าง กาย  สังเกตง่ายๆ คนที่กินน้ำ ตราสิงห์เป็นประจำจะมีอาการ ปวดตามข้อปวดหลัง
กินปลามาก ๆ         ต้องเป็นปลาสดๆ ให้ดีจับเองกับมือ  เพราะว่า แม่ค้าพ่อค้าบางคน ใส่ ฟอมมอรีน เพื่อไม่ให้ปลาเสีย ง่ายๆเก็บไว้ขายได้หลายๆวัน
กินผักมาก ๆ           ต้องเป็นผัก ที่ สดๆเท่านั้น  หรือผักปลอดสารพิษ  และไม่ใส่ ยาฆ่าแมลง   และสิ่งที่ไม่น่ากินก็คือ"ถั่วงอก"ที่ ขาวๆอวบๆ 

 :~) :~) :~) :~) :~)

งั้น... กลับไปกินมาม่าอย่างเดิมก็แล้วกัน... ปลาทูเอาไว้ให้แมว... ::007:: ::007:: ::007::

::014::



หัวข้อ: Re: อาหารกับมะเร็ง
เริ่มหัวข้อโดย: ขุนช้าง-รักในหลวงและสมเด็จพระเทพ ที่ มิถุนายน 13, 2011, 02:48:06 PM
กินน้ำมาก ๆ  ,กินปลามาก ๆ ,กินผักมาก ๆ..ง่าย ๆ แค่นี้มะเร็งก็ไม่อยากเข้าใกล้แล้วคับ  

กินน้ำมาก ๆ            ต้องไม่มีคลอครีน หรือไม่ใช่น้ำปะปา  เพราะคลอรีน เมื่อโดนความร้อน จะเป็นสารก่อมะเร็ง  และน้ำตรา สิงห์ น้ำที่ไม่มีแร่ธาตุเลย ซักนิดแถมมันสะอาดจนเป็นอันตรายต่อร่าง กาย  สังเกตง่ายๆ คนที่กินน้ำ ตราสิงห์เป็นประจำจะมีอาการ ปวดตามข้อปวดหลัง
กินปลามาก ๆ         ต้องเป็นปลาสดๆ ให้ดีจับเองกับมือ  เพราะว่า แม่ค้าพ่อค้าบางคน ใส่ ฟอมมอรีน เพื่อไม่ให้ปลาเสีย ง่ายๆเก็บไว้ขายได้หลายๆวัน
กินผักมาก ๆ           ต้องเป็นผัก ที่ สดๆเท่านั้น  หรือผักปลอดสารพิษ  และไม่ใส่ ยาฆ่าแมลง   และสิ่งที่ไม่น่ากินก็คือ"ถั่วงอก"ที่ ขาวๆอวบๆ 

 :~) :~) :~) :~) :~)

งั้น... กลับไปกินมาม่าอย่างเดิมก็แล้วกัน... ปลาทูเอาไว้ให้แมว... ::007:: ::007:: ::007::

::014::


5555555555555555555   ดื่มวีต้าละไปนอนในรถซะตาบัง



ผักสมัยนี้ปลาสมัยนี้มันก็ไว้ใจยากครับ ทั้งฟอมารีนทั้งสารต่างๆๆคงต้องเลือกแหล่งผลิตดีๆๆละครับ


หัวข้อ: Re: อาหารกับมะเร็ง
เริ่มหัวข้อโดย: R2D2 ที่ มิถุนายน 13, 2011, 03:15:15 PM
กินน้ำมาก ๆ  ,กินปลามาก ๆ ,กินผักมาก ๆ..ง่าย ๆ แค่นี้มะเร็งก็ไม่อยากเข้าใกล้แล้วคับ  

กินน้ำมาก ๆ            ต้องไม่มีคลอครีน หรือไม่ใช่น้ำปะปา  เพราะคลอรีน เมื่อโดนความร้อน จะเป็นสารก่อมะเร็ง  และน้ำตรา สิงห์ น้ำที่ไม่มีแร่ธาตุเลย ซักนิดแถมมันสะอาดจนเป็นอันตรายต่อร่าง กาย  สังเกตง่ายๆ คนที่กินน้ำ ตราสิงห์เป็นประจำจะมีอาการ ปวดตามข้อปวดหลัง
กินปลามาก ๆ         ต้องเป็นปลาสดๆ ให้ดีจับเองกับมือ  เพราะว่า แม่ค้าพ่อค้าบางคน ใส่ ฟอมมอรีน เพื่อไม่ให้ปลาเสีย ง่ายๆเก็บไว้ขายได้หลายๆวัน
กินผักมาก ๆ           ต้องเป็นผัก ที่ สดๆเท่านั้น  หรือผักปลอดสารพิษ  และไม่ใส่ ยาฆ่าแมลง   และสิ่งที่ไม่น่ากินก็คือ"ถั่วงอก"ที่ ขาวๆอวบๆ 

 :~) :~) :~) :~) :~)
ถ้าจะให้ครบสูตรต้องอึทุกวัน,ออกกำลังกาย,และอารมณ์ต้องไม่บูดด้วยคับ  


หัวข้อ: Re: อาหารกับมะเร็ง
เริ่มหัวข้อโดย: RMAY ที่ มิถุนายน 13, 2011, 03:58:54 PM


งั้น... กลับไปกินมาม่าอย่างเดิมก็แล้วกัน... ปลาทูเอาไว้ให้แมว... ::007:: ::007:: ::007::

::014::




5555555555555555555   ดื่มวีต้าละไปนอนในรถซะตาบัง



ผักสมัยนี้ปลาสมัยนี้มันก็ไว้ใจยากครับ ทั้งฟอมารีนทั้งสารต่างๆๆคงต้องเลือกแหล่งผลิตดีๆๆละครับ
มาเป็นชุด  ::013::






หัวข้อ: Re: อาหารกับมะเร็ง
เริ่มหัวข้อโดย: ขุนช้าง-รักในหลวงและสมเด็จพระเทพ ที่ มิถุนายน 13, 2011, 04:04:37 PM
เอ๊ยเรื่องผักเรื่องปลาหมึกผมพูดจริงๆครับบัง  สารเคมีเพียบ  สมัยก่อนผมค้าส่งอาหารทะเลแปรรูป


หัวข้อ: Re: อาหารกับมะเร็ง
เริ่มหัวข้อโดย: soveat ชุมไพร ที่ มิถุนายน 13, 2011, 04:09:16 PM
น้ำกินมากอยู่แล้วมีไม่อั้นนิ... :D

ปลาไว้ใจได้เพราะหาเอง  โดยเฉพาะปลาวัดรักษาศีล บริสุทธิ์ผุดผ่อง  ::007:: ::007::

ผัก ปลูกเอง ไม่งั้นก็ไปขอข้างบ้าน  สังคมชนบทมันเป็นอย่างนี้   :D

แต่ยังไง มีปลาจานนึง  มีหมูจานนึง  มีไก่จานนึง  มีอาหารทะเลจานนึง  มีเนื้อจานนึง  ผมก็ยังหยิบเนื้อก่อนอยู่ดี... ;D


หัวข้อ: Re: อาหารกับมะเร็ง
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ มิถุนายน 13, 2011, 04:39:24 PM
น้ำกินมากอยู่แล้วมีไม่อั้นนิ... :D

ปลาไว้ใจได้เพราะหาเอง  โดยเฉพาะปลาวัดรักษาศีล บริสุทธิ์ผุดผ่อง  ::007:: ::007::


ยังเอามาคุย...

 ::009:: ::009:: ::009::


หัวข้อ: Re: อาหารกับมะเร็ง
เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ มิถุนายน 13, 2011, 04:42:32 PM

                      มะเร็งถ่ายทอดทางพันธุกรรมเหมือนโรคหัวใจหรือเปล่าครับ  ........   เห้ออออ   กินก็ตาย  ไม่กินก็ตาย


หัวข้อ: Re: อาหารกับมะเร็ง
เริ่มหัวข้อโดย: R2D2 ที่ มิถุนายน 13, 2011, 05:00:08 PM
มะเร็งถ่ายทอดทางพันธุกรรมเหมือนโรคหัวใจหรือเปล่าครับ  ........   เห้ออออ   กินก็ตาย  ไม่กินก็ตาย
ถ้ามีคนในครอบครัวเป็น ถือว่ามีความเสี่ยงสูง ต้องไปเช็คบ่อย ๆ (early warning)สัก 6 เดือนครั้ง ก็ได้ครับ ถ้ามันก่อตัวขึ้นมาสามารถกำจัดได้ทัน  


หัวข้อ: Re: อาหารกับมะเร็ง
เริ่มหัวข้อโดย: RMAY ที่ มิถุนายน 13, 2011, 05:28:42 PM

                      มะเร็งถ่ายทอดทางพันธุกรรมเหมือนโรคหัวใจหรือเปล่าครับ  ........   เห้ออออ   กินก็ตาย  ไม่กินก็ตาย


ขอตอบตามความรู้ที่มีครับ ลุง

เค้าว่ากันว่า อาจจะเป็น แต่ ถ้ามอง ดูแล้ว ผมว่าไม่ครับ
นึกง่ายๆครับ
  วันนี้ ที่บ้านลุงปูแกง ส้มกุ้งมะละกอ  ไข่เจียว  ทุกคนในบ้านก็ต้องกินเหมือน กัน  เรื่องนี้ ถูกต้องที่สุด ตามปกติ สมมุติว่า
วันนี้ผัด ถั่วงอกกับเลือดหมู ในถั่วงอกมีสารพิษ (ฟอกขาว) ทุกคนในบ้านก็จะกิน ผัดถั่วงอกเหมือนกัน หมด
วันนี้หุงข้าว แต่ซาวข้าว(ล้างข้าวก่อนหุง)ด้วยน้ำปะปา  ในน้ำปะปา มี คลอรีน ข้าวจะดูดซับเอา คลอรีน เก็บไว้ที่เม็ดข้าว ไม่ว่าจะซาวกี่ครั้งก็เท่ากับการ เพิ่มปริมาณของ คลอรีนในเม็ดข้าว  สุดท้าย ทุกคนในบ้าน ก็ต้องกินข้าวหม้อนั้นเหมือน กัน  เพราะฉะนั้น ลุงปู รับสารพิษเท่าไหร่ในการกินข้าวที่บ้าน คนที่บ้านก็รับเท่ากันหมด  ::014::
 วิธีพิสูจน์ คือเอาข้าวสาร 1กำมือ น้ำ 1แก้ว หยด อุทัยทิพ(แทนสารพิษ) จะเห็นได้เลยว่า ข้าวสารจะดูดเอาอุทัยทิพย์ ไปอยู่ในเม็ดข้าว  ยิ่งทำแบบนี้ มาเท่าไหร่ ข้าวก็จะมีสีของอุทัยทิพย์ที่มากขึ้น 
   
 


หัวข้อ: Re: อาหารกับมะเร็ง
เริ่มหัวข้อโดย: เบิ้ม ที่ มิถุนายน 13, 2011, 06:56:01 PM
 ;D

ได้รับเมล์จากเพื่อน อ่านแล้วคิดว่ามีประโยชน์เป็นอย่างมากอยากจะนำมาให้พี่น้องชาว gotoknow ได้อ่านด้วย

ท่านทั้งหลายลองถามตัวเองดูซิว่าภายใน 1 วันท่านทานผักไปกี่ชนิด แล้วผักแต่ละชนิดมีประโยชน์อย่างไร

เรามาดู คุณประโยชน์ของผักแต่ละชนิดกันค่ะ

ลำดับ
 ชนิด
 คุณสมบัติ
 
1
 สะเดา  (Neem  tree)
 มีเบต้าแคโรทีนสูง   บำรุงสายตา   เสริมระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้นอนหลับ
 
2
 ผักกาดขาว (Chinese white cabbage)
 ช่วยระบบย่อยอาหาร  ขับปัสสาวะ  แก้ไอ  มีโฟเลทสูง บำรุงคุณแม่ตั้งครรภ์
 
3
 ต้นหอม  (Shallot)
 มีน้ำมันหอมระเหย  บรรเทาอาการหวัด  มีสารฟลาโวนอยด์ต้านมะเร็ง
 
4
 แครอท (Carrot)
 เบต้าแคโรทีนป้องกันโรคมะเร็ง  มีแคลเซียม  แพคเตท  ลดระดับ คลอเลสเตอรอลได้
 
5
 หอมหัวใหญ่ (Onion)
 มีสารฟลาโวนอยด์  ช่วยลดอาการของโรคหัวใจ  ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
 
6
 คะน้า (Chinese kale)
 มีแคลเซียมและสารต้านอนุมูลอิสระสูง  ป้องกันโรคกระดูกพรุน และมะเร็ง
 
7
 พริก (Chilli)
 มีแคปไซซินกระตุ้นการขยายตัวของหลอดเลือด  ช่วยให้เจริญอาหาร  ขับเหงื่อ
 
8
 กระเจี๊ยบเขียว (Okra)
 ลดความดันโลหิต  บำรุงสมอง  ลดอาการกระเพาะหรือลำไส้อักเสบ
 
9
 ผักกระเฉด(Water mimosa)
 ดับพิษไข้  กากใยช่วยระบบขับของเสีย  เพิ่มการเผาผลาญสารอาหาร
 
10
 ตำลึง (Ivy  gourd)
 มีวิตามินเอสูง  ดีต่อดวงตา  เส้นใยจับไนเตรต  ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งในกระเพาะอาหาร
 
11
 มะระ (Chinese bitter cucumber)
 มีแคลเซียม  ฟอสฟอรัส  เป็นยาระบายอ่อน ๆ  น้ำคั้นลดระดับน้ำตาลในเลือด
 
12
 ผักบุ้ง (Water  spinach)
 บรรเทาอาการร้อนใน  มีวิตามินเอบำรุงสายตา  ธาตุเหล็กบำรุงเลือด
 
13
 ขึ้นฉ่าย (Celery)
 กลิ่นหอม  ช่วยเจริญอาหาร  มีวิตามินเอ  บี  และซี  บำรุงสมอง ป้องกันโรคหัวใจขาดเลือด
 
14
 เห็ด (Mushroom)
 แคลอรีน้อย  ไขมันต่ำ  มีวิตามินดีสูง  ช่วยในการดูดซึมแคลเซียม เสริมกระดูกและฟัน
 
15
 บัวบก (Indian  pennywort)
 มีวิตามินบีสูง  ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย  บำรุงสมองและความจำ บำรุงผิวพรรณ ลดอาการอักเสบ
 
16
 สะระแหน่ (Kitchen mint)
 กลิ่นหอมเย็นของใบให้ความสดชื่น  ทำให้ความคิดแจ่มใส  แก้ปวดหัว
 
17
 ชะพลู (Cha-plu)
 รสชาติเผ็ดเล็กน้อย  แก้จุกเสียด  ขับเสมหะ  มีแคลเซียมสูง
 
18
 ชะอม (Cha-om)
 ช่วยลดความร้อนในร่างกาย  ขับลมในลำไส้  มีเส้นใยคอยจับ อนุมูลอิสระ
 
19
 หัวปลี (Banana  flower)
 รสฝาด  แก้ร้อนใน  กระหายน้ำ และบำรุงน้ำนม  มีกากใย  โปรตีน และวิตามินซีสูง
 
20
 กระเทียม (Garlic)
 ลดไขมันในเลือด  ป้องกันหัวใจขาดเลือด ใบกระเทียมมีโฟเลท เหล็ก วิตามินซีสูง
 
21
 โหระพา (Sweet  basil)
 น้ำมันหอมระเหยทำให้โล่งจมูก  ช่วยระบายลม  มีเบต้าแคโรทีน  แคลเซียม
 
22
 ขิง (Ginger)
 บรรเทาอาการหวัดเย็น  ลดอาการคัดจมูก รสเผ็ดร้อน  แก้อาการท้องอืดท้องเฟ้อ
 
23
 ข่า (Galangal)
 น้ำมันหอมระเหย  ช่วยระบบย่อยอาหารขับลม  มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย  และเชื้อรา
 
24
 กระชาย (Wild ginger)
 บรรเทาอาการท้องอืดท้องเฟ้อ  บำรุงธาตุ  มีวิตามินเอและแคลเซียม
 
25
 ถั่วพู (Winged bean)
 ให้คุณค่าทางอาหารสูง  มีโปรตีน  แคลเซียม  ฟอสฟอรัส  และสาร  ช่วยย่อยกรดไขมันอิ่มตัว
 
26
 ดอกขจร (Cowslip  creeper)
 กระตุ้นให้รู้รสอาหาร  ให้พลังงานสูง  ประกอบด้วย  คาร์โบไฮเดรต  โปรตีน  ไขมัน
 
27
 ถั่วฝักยาว (Long bean)
 มีเส้นใย  ช่วยลดคอเลสเตอรอล  มีวิตามินซี  ช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็ก  บำรุงเลือด
 
28
 มะเขือเทศ (Tomato)
 มีวิตามินเอสูง  วิตามินซี  รสเปรี้ยว  ช่วยกระตุ้นน้ำย่อย  และแก้อาการคอแห้ง
 
29
 กะหล่ำปลี (White cabbage)
 มีกลูโคซิโนเลท  เมื่อแตกตัวจะเป็นสารต้านมะเร็ง  และมีวิตามินซีสูง
 
30
 มะเขือพวง (Plate brush eggplant)
 ช่วยให้เจริญอาหารและช่วยลดความดันเลือด  มีแคลเซียม  และฟอสฟอรัส
 
31
 ผักชี (Chinese  paraley)
 ขับลม  บำรุงธาตุ  ช่วยย่อยอาหาร  มีน้ำมันหอมระเหย  แก้หวัด  มีวิตามินเอและซีสูง
 
32
 กุยช่าย (Flowering chives)
 มีกากใยช่วยระบายของเสีย  มีธาตุเหล็กช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดง
 
33
 ผักกาดหัว (Chinese radish)
 แก้ไอ  ขับเสมหะ  เพิ่มภูมิต้านทางโรค  มีสารช่วยให้กระเพาะอาหารและลำไส้บีบตัวได้ดี
 
34
 กะเพรา (Holy basil)
 แก้อาการจุกเสียดแน่นท้อง  มีเบต้าแคโรทีนสูง  ป้องกันโรคมะเร็ง  และโรคหัวใจขาดเลือดได้
 
35
 แมงลัก (Hairy  basil)
 ช่วยย่อยอาหาร  ป้องกันเลือดออกตามไรฟัน  ขับลม  ขับเหงื่อ
 
36
 ดอกแค (Sesbania)
 กินแก้ไขช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลง  เป็นยาระบายอ่อน ๆ  มีวิตามินเอสูง  บำรุงสายตา
 
 37
  หญ้าอ่อน
  กินเพิ่มความคึกคัก ให้กระชุ่มกระช่วย หัวใจสูบฉีด


http://www.gotoknow.org/blog/articlerrpol/349068 (http://www.gotoknow.org/blog/articlerrpol/349068)
 


หัวข้อ: Re: อาหารกับมะเร็ง
เริ่มหัวข้อโดย: RMAY ที่ มิถุนายน 13, 2011, 07:31:15 PM
37
  หญ้าอ่อน
  กินเพิ่มความคึกคัก ให้กระชุ่มกระช่วย หัวใจสูบฉีด



 :OO ::007:: ::007:: ::007:: ::007::