เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

สนทนาภาษาปืน => สนทนาภาษาปืน => ข้อความที่เริ่มโดย: สีอำพัน-รักในหลวง ที่ มิถุนายน 21, 2011, 03:28:55 PM



หัวข้อ: เหตุการณ์นี้ ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: สีอำพัน-รักในหลวง ที่ มิถุนายน 21, 2011, 03:28:55 PM
http://www.ch7.com/news/news_thailand_detail.aspx?c=2&p=5&d=146615 (http://www.ch7.com/news/news_thailand_detail.aspx?c=2&p=5&d=146615)


จากภาพข่าวข้างบนครับ
แต่อย่างไรก็ตาม กรรมติดจรวดจริงๆ ครับ

รายละเอียดข่าว
ขณะที่ นายสมบัติ คมนา อายุ 54 ปี หนุ่มใหญ่ สวมหมวกนิรภัย ถืออาวุธปืนเข้าไปยิงใส่ นายชินวัฒน์ ฟองเสงี่ยม หุ้นส่วนเต้นท์รถยนต์มือสอง ริมถนนพหลโยธิน ตำบลเชียงรากน้อย อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา กระสุนปืน ถูกที่บริเวณบั้นท้ายนายชินวัฒน์ 1 นัด ก่อนที่จะวิ่งเข้าไปหยิบปืนในสำนักงาน ออกมายิงต่อสู้กับ นายสมบัติ ขณะกำลังจะขึ้นรถจักรยานยนต์หลบหนี แต่ปรากฏว่ารถจักรยานยนต์ สตาร์ทไม่ติด จึงถูกกระสุนปืนล้มลงเสียชีวิต
ตำรวจ ตรวจสอบที่เกิดเหตุ ระบุว่า นายสมบัติ มีการวางแผนมาอย่างดี ทั้งการแต่งกาย การเตรียมอาวุธปืน และรถเพื่อหลบหนี ส่วนสาเหตุคาดว่ามาจากเรื่องส่วนตัว หรือไม่ก็เรื่องชู้สาว


รายละเอียดเพิ่มเติม จากเดลินิวส์
http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?categoryID=419&contentID=146502&page=content (http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?categoryID=419&contentID=146502&page=content)
คนร้ายบุกยิงพนักงานขายเต็นท์รถมือสอง พลาดท่าจะหลบหนี สตาร์ทรถไม่ติด ถูกเหยื่อวิ่งเข้าออฟฟิตหยิบปืนยิงสวนดับอนาถ 

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 21 มิ.ย.  พ.ต.ท.ชนาธิป ภาโนนัย  สารวัตรเวร  สภ.พระอินทร์ราชา  จ.พระนครศรีอยุธยา  ได้รับแจ้งมีคนถูกยิงบริเวณเต็นท์รถมือสอง” ราชากระบะพระอินทร์” ตั้งอยู่เลขที่  7  หมู่ 8  ต.เชียงรากน้อย อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา หลังรับแจ้งจึงรีบนำกำลังเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุอยู่ ริมถนนสายพลโยธินขาเข้ากรุงเทพฝั่ง ตรงข้ามตลาดประตูน้ำพระอินทร์    พบรถ จยย.ฮอนด้า รุ่นสกู๊ปปี้  สีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน   ล้มคว่ำอยู่  ตรวจพบแผ่นป้ายทะเบียน ซุกซ่อนอยู่ใต้เบาะ ระบุหมายเลข ทะเบียน ขจจ-841 พระนครศรีอยุธยา โดยมีศพของนายสมบัติ คมนา อายุ 54 ปี  คร่อมรถจยย.อยู่ ในสภาพ ใส่หมวกกันน็อตสีดำ สวมเสื้อเจ๊กเก็ตสีน้ำตาล สวมถุงมือสีน้ำเงินเข้ม สวมกางขายาวสีดำ รองเท้าหนังสีดำ  มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 9 มม. เข้าที่ศีรษะ 1 นัด ไหล่ขวา 1 นัด กลางอก 2 นัด และสีข้างขวา 1 นัด  รวม 5 นัด   ใกล้กันพบอาวุธปืนของผู้ตาย ขนาด .22 ตกอยู่ตรวจสอบพบว่ากระสุนในลูกโม่ถูกยิงไปแล้ว 6 นัด และพบกระสุนปืนในกระเป๋ากาเกงอีก5 นัด       ส่วนผู้ที่ก่อเหตุยืนถืออาวุธปืน ขนาด 9 มม. รอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยอาการตกใจ  ทราบชื่อ นายชินวัฒน์ ปองเสงี่ยม อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 67  หมู่ 7 ต.ลำไทร อ.วังน้อย  จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นพนักงานขายของเต็นท์รถยนต์มือสอง 

นายชินวัฒน์  เปิดเผยว่า ช่วงเกิดเหตุกำลังพาลูกค้าที่มาดูรถ  เห็นนายสมบัติ ขี่รถจยย.ย้อนศรเข้ามาจอดที่หน้าเต็นท์รถ พร้อมถืออาวุธปืนตรงเข้ามาหาตน  โดยพูดว่า”กูจะยิงมึงให้ตาย“    แล้วคนร้ายได้พยามที่จะใช้อาวุธปืนยิงใส่ ตนจึงวิ่งไปหลบข้างหลังลูกค้าซึ่งมีรูปร่างใหญ่  แต่คนร้ายไม่รามือไยิงเข้าใส่ตนอีก 2 นัด  กระสุนถากเข้าที่บริเวณ สะโพกและหลัง  จากนั้นนายสมบัติ ได้รีบวิ่งกลับไปที่รถจยย. ที่จอดหน้าร้าน  เพื่อขับหลบหนี แต่รถจยย.สตาร์ทไม่ติด ตนจึงได้วิ่ง เข้าไปในออฟฟิต หยิบเอาอาวุธปืน ที่อยู่ในลิ้นชัก ออกมายิงใส่นายสมบัติ ระหว่างนั้นนายสมบัติ ยังยิงสวนออกมาอีกหลายนัด ตนยิงตอบโต้ไปหลายนัดเช่นกัน จนนายสมบัติ ล้มลงเสียชีวิต ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดวงจรปิดของเต็นท์รถบันทึกภาพไว้ทั้งหมด
 
“ ตนเองไม่เคยเห็นหน้าและไม่เคยรู้จักคนตายมาก่อนเลย และไม่เคยมีเรื่องทะเลาะกับใคร จึงไม่ทราบว่าผู้ตายมายิงตนเองเพราะสาเหตุใด  ส่วนที่ตนเองยิงใส่คนตายนั้น เพราะป้องกันตัวเท่านั้น เหตุการณ์เกิดขึ้นเร็วมาก หากไม่ยิงเขา เขาก็ยิงผมตาย ซึ่งตนเชื่อว่าที่รอดชีวิตมาได้อาจจะเป็นบารมีเหรียญยันต์หนุนดวง 5 แถว ของอาจารย์ หนูกันภัย ที่ห้อยคอติดตัวเอาไว้” นายชินวัฒน์ กล่าว
 
พล.ต.ต.อนุรักษ์ กล่าวว่า สอบสวนพบว่านายสมบัติ คนตายมีอาชีพเป็นยามอยู่บริษัทแห่งหนึ่งในซอยดินโดไทย เขต อ.บางปะอิน และมีปัญหาทางการเงินในครอบครัว โดยล่าสุดไปยืมเงินหัวหน้างานมา 10,000 บาท ซึ่ง ยังไม่ทราบว่าสาเหตุที่แน่ชัดที่คนตายมาก่อเหตุยิงนายชินวัฒน์  เพราะสาเหตุใด จะเป็นเรื่องขัดแย้งส่วนตัว หรือรับจ้างมายิง  หรือมาก่อเหตุชิงทรัพย์เพราะนายชินวัฒน์ สวมใส่ทองรูปพรรณจำนวนมาก   ทางตำรวจต้องขอเวลาในการสอบปากคำและสืบสวนสอบสวนต่อไป  ส่วน นายชินวัฒน์ ที่ยิงนายสมบัติตายนั้น เบื้องต้นตั้งข้อหา ฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  รถจักรยานยนต์ฮอนด้า รุ่นสกู๊ปปี้ มีเทคนิคพิเศษทางช่างจากโรงงานผลิต คือ หากขาตั้งของรถจักรยายนต์ยังไม่ถูกยกขึ้น จะสตาร์ทรถไม่ติด ซึ่งตรงกับภาพวงจรปิด ที่ผู้เสียชีวิต เมื่อยิงใส่นายชินวัฒน์  พยายามจะหลบหนีแต่สตาร์ทรถไม่ติดเพราะขาตั้งของรถ จยย.ยังไม่ถูกยกขึ้น ทำให้หนีไม่ทันและถูกตามมายิงทันและเกิดการดวนปืนกันริมถนน


หัวข้อ: Re: เหตุการณ์นี้ ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Luther ที่ มิถุนายน 21, 2011, 03:35:22 PM
รอผู้รู้มาตอบ             
แต่ถ้าตามความคิดผมก็สมควรแล้ว


หัวข้อ: Re: เหตุการณ์นี้ ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: SW GLOCK 19 ที่ มิถุนายน 21, 2011, 03:48:00 PM
 น่าจะสมควรนะครับ


หัวข้อ: Re: เหตุการณ์นี้ ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ มิถุนายน 21, 2011, 03:53:45 PM
                   อยู่อีกไม่กี่ปีก็ตายอย่างสงบแล้ว  ......  แส่ไปเป็นซากข้างถนนเอง  โกงซื้อขายรถกันหรือเปล่า  :-\


หัวข้อ: Re: เหตุการณ์นี้ ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ตาเยื้อน ที่ มิถุนายน 21, 2011, 04:06:11 PM
ไม่ทราบปัญหาดั้งเดิมกันมา  ไม่รู้จะเชียร์ใครดี
แต่ไม่ใช่ป้องกันตัวแน่นอนครับ  เพราะเขากำลังจะหนีแล้ว
ถ้าเรายิงสวนตอนเขากำลังยิงเรา เราถึงจะอ้างป้องกันตัวได้


หัวข้อ: Re: เหตุการณ์นี้ ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: bigbang ที่ มิถุนายน 21, 2011, 04:10:02 PM
ซวยและสมควร  
แต่หวาดเสียวคนยิงกลับ หากยิงพลาดไปโดนคนอื่นที่ผ่านมา :OO


หัวข้อ: Re: เหตุการณ์นี้ ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: พญาจงอาง +รักในหลวง+ ที่ มิถุนายน 21, 2011, 04:14:47 PM
เคยอ่านเจอฎีกา กรณีน่าจะคล้ายๆกัน ถ้า"ไม่ได้จงใจทะเลาะวิวาท ป้องกันตัวโดยชอบ เหตุเกิดในเคหะสถานของเรา ไม่ได้ไปท้าคู่กรณีมาดวล"น่าจะหลุดครับ(In my opinion )  ;D


หัวข้อ: Re: เหตุการณ์นี้ ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ มิถุนายน 21, 2011, 04:41:52 PM
เจ้าของเต๊นท์รถรอดครับ ยังไงก็รอดคุก นั่งอยู่ดีๆมีคนมายิงใส่หมายชีวิต จะไม่ให้ตอบโต้เลยมันก็เกินไปครับ... ส่วนที่ว่ามือปืนโดนยิงขณะกำลังสตาร์ตรถหนีน่ะ รู้ได้ยังไงครับว่ากำลังสตาร์ตแล้วจะหนีไป, อาจติดเครื่องเตรียมหนีแล้วย้อนกลับเข้ามายิงใหม่ก็ได้นี่ครับ ลงว่าตัดสินใจยิงนัดแรกไปแล้ว ไม่ต้องหามูลเหตุแรงจูงในในการกระทำผิดนัดที่สองหรอกครับ...

ส่วนสาเหตุเบื้องหลังนั่นต้องมีแน่ๆครับ โดยเฉพาะวงการรถยนต์มือสองนี่หากเจอคนสกปรก มันสกปรกได้ถึงขั้นออกใบสั่งให้ขโมยรถชาวบ้านมาถอดขายเป็นอะไหล่เลยเชียวครับ... โดนวิสามัญก็แยะ...


หัวข้อ: Re: เหตุการณ์นี้ ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: SIRABHOP ที่ มิถุนายน 21, 2011, 04:55:06 PM
ถ้าคลิปนี้ถึงมือศาล ก็รอด


หัวข้อ: Re: เหตุการณ์นี้ ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: NUTAPHOL ที่ มิถุนายน 21, 2011, 05:09:30 PM
มือปืนยิงแบบกลัวๆกล้า  ถ้าใจนิ่งมือนิ่ง  คงไม่โดนสวนจนตาย...ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว...


หัวข้อ: Re: เหตุการณ์นี้ ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ห ม า ย จั น ท ร์ ที่ มิถุนายน 21, 2011, 06:37:50 PM
คนเสื้อเขียวที่อยู่ตรงกลางคือใคร คนมายิงถึงไม่ยิง


หัวข้อ: Re: เหตุการณ์นี้ ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: oneholeshot - รักในหลวง ที่ มิถุนายน 21, 2011, 06:45:13 PM
คนเสื้อเขียวที่อยู่ตรงกลางคือใคร คนมายิงถึงไม่ยิง

อาจจะเป็นลูกค้าหรือเพื่อนเจ้าของเต๊นท์รถซึ่งไม่มีเรื่องบาดหมางกับผู้ตาย(คนมายิง)ครับ   ::014::


หัวข้อ: Re: เหตุการณ์นี้ ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: BIG BERETTA ที่ มิถุนายน 21, 2011, 07:05:47 PM
     :o  ขออนุญาตแสดงความเห็นโดยไม่ตอบคำถามท่านนะครับ เพราะผมไม่ทราบ  คือว่าตอนเขายิงสวนออกไปนอกร้าน น่าหวาดเสียวคมกระสุนจะไปโดนผู้อื่นที่สัญจรไปมาในทางสาธารณะนะครับ ชีวิตอื่นๆที่มีค่าต่อครอบครัวและสังคม ที่เขาไม่รู้เรื่องด้วย  มันทำให้ผมนึกไปถึงหัวข้อที่พวกเราคุยกันเรื่อง ''คิดเห็นอย่างไรหากมีการอนุญาตให้พกปืนได้''  แล้วหากบางคนที่ได้รับอนุญาตเกิดความจำเป็นและต้องการที่จะต้องใช้ปืนขึ้นมา แล้วควักขึ้นมาใช้ในที่ชุมชน โดยไม่นึกถึงผู้คนรอบข้างแบบนี้ ผมว่ามันอันตรายมากนะครับ อย่างในภาพสังเกตุดูแต่ละนัดที่เขายิงออกไป มันเป็นช่วงที่รถวิ่งมาพอดีเกือบทุกนัดเลย ::012::


หัวข้อ: Re: เหตุการณ์นี้ ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: rainbow warrior ที่ มิถุนายน 21, 2011, 07:18:18 PM
เจ้าของเต๊นท์ยิงแม่นดีครับ 6 นัดเข้าทุกนัด แสดงว่าซ้อมยิงบ่อย  เป็นผมยิง 6 นัดอาจจะหลุดเป้าทุกนัดเลยก็ได้ ;p

คนมายิงก่อนรู้เลยว่าอ่อนซ้อม เอาลูกโม่ .22 ไปยิงคน กระสุนด้านง่ายมาก แถมวิ่งหนีไปขึ้นมอเตอร์ไซค์สตาร์ทไม่ติดอีกต่างหาก นัดสุดท้ายโดนเข้าไปผงะถอยหลังเลยสงสัยจะดับเพราะนัดสุดท้ายนี่เอง


หัวข้อ: Re: เหตุการณ์นี้ ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: mchaivis ที่ มิถุนายน 21, 2011, 07:19:15 PM
ผมว่าไม่น่าจะเข้าข่ายป้องกันตัวสมควรแก่เหตุ
เพราะคนถูกยิงวิ่งหนีพ้นอันตรายแล้ว คนยิงก็วิ่งขึ้นมอเตอร์ไซค์เตรียมหนี
ถ้าไม่หนีคงไม่ขึ้นมอเตอร์ไซค์ แต่เดินตามไปยิงซ้ำ ถือว่าภัยใกล้ตัวผ่านพ้นตัวไปแล้ว
ตรงนี้ถือว่าเป็นหนึ่งคดี คนขับมอเตอร์ไซค์เจตนาฆ่าคนตาย
แต่พอคนถูกยิงวิ่งกลับมายิงคนที่เตรียมหนีถึง 6 นัด ตรงนี้เป็นอีกคดีอีกข้อเท็จจริง
ผมว่าไม่น่าเข้าข่ายป้องกันตัว แต่กลายเป็นเจตนาฆ่าคนตาย
ถ้าคนถูกยิงชักปืนมายิงสวนขณะกำลังถูกยิง แม้จะยิงหมดแม็ก คดีอาจเป็นอื่น
อย่างไรก็ตาม คดีนี้เกิดขึ้นกลางวันแสกๆ มีภาพหลักฐานชัดเจนจากกล้องวงจรปิด คงไม่ยากในการพิจารณา
และเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจสำหรับการใช้ปืนป้องกันตัว


หัวข้อ: Re: เหตุการณ์นี้ ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: cadet38 -รักในหลวง- ที่ มิถุนายน 21, 2011, 07:33:49 PM
ยังกะหนัง


หัวข้อ: Re: เหตุการณ์นี้ ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Ro@d - รักในหลวง ที่ มิถุนายน 21, 2011, 07:50:39 PM
เป็นการกระทำอย่างติดพันทันที หลังจากเพิ่งถูกประทุษร้ายหวังฆ่าให้ตาย จะเข้าเป็นการกระทำที่สมควรแก่เหตุิ หรือไม่ นั้น

ข้อเท็จจริงที่ปรากฎชัดแจ้งเช่นนี้ ไ่ม่น่าหนักใจ และอีกฝ่าย ตาย ฟรี ครับ 


หัวข้อ: Re: เหตุการณ์นี้ ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Manus รักในหลวง ที่ มิถุนายน 21, 2011, 07:54:43 PM
ถ้าเป็นพี่ๆท่านๆ...จะยิงหรือเปล่าครับ....

เป็นผมยิงแน่นอน....

ผมว่านะ....ต่อให้เป็นท่านศาลหรือผู้พิพากษามาเจอแบบนี้ก้ต้องยิง.....


หัวข้อ: Re: เหตุการณ์นี้ ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: สีอำพัน-รักในหลวง ที่ มิถุนายน 21, 2011, 08:47:38 PM
ถ้าเป็นพี่ๆท่านๆ...จะยิงหรือเปล่าครับ....

เป็นผมยิงแน่นอน....

ผมว่านะ....ต่อให้เป็นท่านศาลหรือผู้พิพากษามาเจอแบบนี้ก้ต้องยิง.....

อารมณ์ขณะนั้น อะไรก็คงห้ามไม่อยู่แล้วครับ อยากให้แม็กบรรจุเป็นร้อยนัดเสียด้วยซ้ำไป


หัวข้อ: Re: เหตุการณ์นี้ ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: terhun ที่ มิถุนายน 21, 2011, 11:09:29 PM
จริงๆแล้วผมอยากรู้ในรายละเอียดมากกว่าที่ได้รู้ในตอนนี้  เสียดายนักข่าวน่าจะซูมภาพตัวปืนของผู้ตายให้เห็นแว๊ปเดียวก็ยังดีนะ  ผมจะได้เห็นแล้วจะได้รู้เลยว่าไอ้ปืน .22 ที่ยิงเด็กเต๊นรถ ไม่เข้าน่ะมันเป็นปืนนอก หรือ ปืนไทย   แต่ผมเกรงว่าจะเป็นของไทยมากกว่านะ เพราะเมื่อสมัยย่างเข้าวัยรุ่นก่อน ก็เคยสัมผัส .22 ลูกโม่ไทยประดิษฐ์ มาเหมือนกัน  เคยลองเอามายิงสมุดโทรศัพท์แค่ระยะ 3-4 เมตร หัวกระสุนวิ่งเอาสีข้างเข้าหาเป้า แถมเจาะเข้าสมุดโทรศัพท์แค่ ผิวๆ คิดว่าถ้ายิงคน คงต้องเข้าไปจ่อยิงเลยน่ะ  เข้าแน่ แต่ฝังไม่ลึก แล้วเสียงปืนเบากว่าเสียงปืนแก็ปที่เด็กเอามายิงเล่นกันอีก แถมโม่หมุนตรงรูลำกล้องมั่ง เฉียดรูลำกล้องมั่ง หมุนมั่งไม่หมุนมั่ง.....ก็เลยสงสัยว่าถ้าผู้ตายใช้ปืน .22 ของ นอก(ของมีเกรด) ผมว่าเด็กเต๊นรถคงจะไม่รอดเหมือนกันนะ เพราะ  .22 นี่ถ้าปืนมีเกรท(ของนอก)  ยิงซ้ำได้ หลายนัดเร็วด้วยเพราะคุมง่ายมากๆ ต่อให้คนยิงไม่ชำนาญปืนเลยก็ยังยิงคุมกลุ่มกระสุนได้ดี แล้วยิ่งระยะใกล้แค่นี้ด้วยไม่เหลือครับ แถมเสียงปืนยังดังดีด้วย.......ผมก็เลยตั้งข้อสงสัยว่า ลูกค้าเสื้อเขียวไม่สดุ้งตกใจอาจจจะด้วยเสียงปืนผู้ตายมันไม่ดัง  หรือเปล่า เพราะ .22 ไทยประดิษฐ์มันดัง ปุบๆ ไม่ดัง ปัง เหมือน ปืนนอก    .........ยังไงก็แล้วแต่ เป็นผม......ยิงเหมือนกัน!! :     


หัวข้อ: Re: เหตุการณ์นี้ ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Tืa์M๊ ┇รัnใuxaวJ ที่ มิถุนายน 21, 2011, 11:29:40 PM
กลับสู่ยุคคาวบอยตะวันตก


หัวข้อ: Re: เหตุการณ์นี้ ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Builderman-รักในหลวง ที่ มิถุนายน 22, 2011, 01:13:38 AM
การที่คนเรามีภาษาพูดก็เพื่อการนี้ เพื่อให้ได้พูดคุยกัน
ทำความเข้าใจซึ่งเหตุและผลของกันและกัน
ส่วนที่ว่าสมควรแก่เหตุหรือไม่นั้น ส่วนตัวผมคิดว่าสมควรครับ
เป็นผม ๆ ก็ยิงครับ ในเมื่อเจตนาของอีกฝ่ายชัดเจนขนาดนี้
คงไม่รอให้เขายิงเราจนพอใจแล้วเป็นแน่แท้ครับ

 


หัวข้อ: Re: เหตุการณ์นี้ ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: rangsonaon ที่ มิถุนายน 22, 2011, 01:51:51 AM
ดูแล้วเสียวแทนคนกลางเสื้อเขียวจริงๆเลย ไอ เจ้าของร้านเอามาบังปืนเพื่อให้ตัวเองพ้นภัย...นิสัยเสียจริงๆ

กรณีนี้ผมว่าไม่รอดครับ...ติดคุก แต่อาจจะไม่นาน


หัวข้อ: Re: เหตุการณ์นี้ ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: romeo_play-boy ที่ มิถุนายน 22, 2011, 03:21:07 AM
การที่คนเรามีภาษาพูดก็เพื่อการนี้ เพื่อให้ได้พูดคุยกัน
ทำความเข้าใจซึ่งเหตุและผลของกันและกัน
ส่วนที่ว่าสมควรแก่เหตุหรือไม่นั้น ส่วนตัวผมคิดว่าสมควรครับ
เป็นผม ๆ ก็ยิงครับ ในเมื่อเจตนาของอีกฝ่ายชัดเจนขนาดนี้
คงไม่รอให้เขายิงเราจนพอใจแล้วเป็นแน่แท้ครับ

 
เป็นผมก็ยิงครับ
ไม่ปล่อยให้มันกลับมาเก็บรอบสองแน่
ครั้งหน้าอาจจะไม่โชคดีแบบรอบแรกครับ


หัวข้อ: Re: เหตุการณ์นี้ ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: yod - รักในหลวง ครับ ที่ มิถุนายน 22, 2011, 07:52:03 AM
แล้วกระสุน ที่ไม่เข้าเป้า

แต่ผลัดไปโดนคนอื่น ๆ ล่ะ


หัวข้อ: Re: เหตุการณ์นี้ ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: พญาจงอาง +รักในหลวง+ ที่ มิถุนายน 22, 2011, 08:26:01 AM
ดูข่าวเมื่อคืน พิธีกรข่าวถามไปยังบริษัทที่ผลิตรถจักรยานยนต์ที่ผู้ถูกยิงเสียชีวิตใช้ขับมาก่อเหตุว่าทำไหมสตาร์ตไม่ติด ปรากฎว่าวิศวกรของบริษัทได้อธิบายเกี่ยวกับระบบสตาร์ตของรถจักรยานยนต์รุ่นนี้ว่าจะมีระบบไฟฟ้าที่ขาตั้ง นั้นคือถ้าไม่เก็บขาตั้งขึ้น ยังไงก็สตาร์ตไม่ติด ยี่ห้อรถบอกในนี้ได้ไหมนี้  ;D ::005::


หัวข้อ: Re: เหตุการณ์นี้ ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ มิถุนายน 22, 2011, 09:12:47 AM
ดูแล้วเสียวแทนคนกลางเสื้อเขียวจริงๆเลย ไอ เจ้าของร้านเอามาบังปืนเพื่อให้ตัวเองพ้นภัย...นิสัยเสียจริงๆ

กรณีนี้ผมว่าไม่รอดครับ...ติดคุก แต่อาจจะไม่นาน

โห... คนเสื้อเขียวเป็นทองไม่รู้ร้อนเลย, ยิงยกแรกแล้วก่อนยิงยกสองยังเดินเหินปรกติไม่วิ่งเสียด้วย...

คือก่อนยกแรกยังพอคิดว่า"คงไม่ยิงจริงมั๊ง"... แต่จบยกแรกแล้วระหว่างเหยื่อวิ่งกลับไปเอาปืนมายิงใส่มือปืนนี่ เสี้อเขียวยังเดินเหินได้ปรกติไม่วิ่งจู๊ด(จะหลบหรือสู้ก็ว่ากันไป)... โห...


หัวข้อ: Re: เหตุการณ์นี้ ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: สีอำพัน-รักในหลวง ที่ มิถุนายน 22, 2011, 09:18:05 AM
ดูข่าวเมื่อคืน พิธีกรข่าวถามไปยังบริษัทที่ผลิตรถจักรยานยนต์ที่ผู้ถูกยิงเสียชีวิตใช้ขับมาก่อเหตุว่าทำไหมสตาร์ตไม่ติด ปรากฎว่าวิศวกรของบริษัทได้อธิบายเกี่ยวกับระบบสตาร์ตของรถจักรยานยนต์รุ่นนี้ว่าจะมีระบบไฟฟ้าที่ขาตั้ง นั้นคือถ้าไม่เก็บขาตั้งขึ้น ยังไงก็สตาร์ตไม่ติด ยี่ห้อรถบอกในนี้ได้ไหมนี้  ;D ::005::
ถ้าเป็นรถมอเตอร์ไซด์เกียร์อัตโนมัติ ของยี่ห้อ ฮอนด้า ถ้าไม่เอาขาตั้งขึ้นสตาร์ตไม่ติดครับ เป็นระบบความปลอดภัยป้องกันไม่ให้ผู้ขับขี่ลืมเอาขาตั้งขึ้น กันอุบัติเหตุ แต่ของยามาฮ่า รุ่นมิโอที่ผมใช้อยู่ไม่มีระบบนี้ ลืมเอาขาตั้งรถขึ้นบ่อยเหมือนกัน เกือบเกิดอุบัติเหตุก็หลายหน  ดีว่าเป็นนักกีฬาเก่าพอแก้ไขเหตุการณ์ได้บ้างครับ


หัวข้อ: Re: เหตุการณ์นี้ ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: สีอำพัน-รักในหลวง ที่ มิถุนายน 22, 2011, 09:18:58 AM
ดูแล้วเสียวแทนคนกลางเสื้อเขียวจริงๆเลย ไอ เจ้าของร้านเอามาบังปืนเพื่อให้ตัวเองพ้นภัย...นิสัยเสียจริงๆ

กรณีนี้ผมว่าไม่รอดครับ...ติดคุก แต่อาจจะไม่นาน

โห... คนเสื้อเขียวเป็นทองไม่รู้ร้อนเลย, ยิงยกแรกแล้วก่อนยิงยกสองยังเดินเหินปรกติไม่วิ่งเสียด้วย...

คือก่อนยกแรกยังพอคิดว่า"คงไม่ยิงจริงมั๊ง"... แต่จบยกแรกแล้วระหว่างเหยื่อวิ่งกลับไปเอาปืนมายิงใส่มือปืนนี่ เสี้อเขียวยังเดินเหินได้ปรกติไม่วิ่งจู๊ด(จะหลบหรือสู้ก็ว่ากันไป)... โห...
ผมว่าคงตกใจ จนสติสตัง ไม่อยู่แล้วครับ จนทำอะไรไม่ถูก


หัวข้อ: Re: เหตุการณ์นี้ ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: NUTAPHOL ที่ มิถุนายน 22, 2011, 09:31:47 AM
ดูแล้วเสียวแทนคนกลางเสื้อเขียวจริงๆเลย ไอ เจ้าของร้านเอามาบังปืนเพื่อให้ตัวเองพ้นภัย...นิสัยเสียจริงๆ

กรณีนี้ผมว่าไม่รอดครับ...ติดคุก แต่อาจจะไม่นาน

โห... คนเสื้อเขียวเป็นทองไม่รู้ร้อนเลย, ยิงยกแรกแล้วก่อนยิงยกสองยังเดินเหินปรกติไม่วิ่งเสียด้วย...

คือก่อนยกแรกยังพอคิดว่า"คงไม่ยิงจริงมั๊ง"... แต่จบยกแรกแล้วระหว่างเหยื่อวิ่งกลับไปเอาปืนมายิงใส่มือปืนนี่ เสี้อเขียวยังเดินเหินได้ปรกติไม่วิ่งจู๊ด(จะหลบหรือสู้ก็ว่ากันไป)... โห...
ผมว่าคงตกใจ จนสติสตัง ไม่อยู่แล้วครับ จนทำอะไรไม่ถูก
  คนไม่เคยมีประสพการณ์  ตกใจทำอะไรไม่ถูกมากกว่าครับ


หัวข้อ: Re: เหตุการณ์นี้ ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ห ม า ย จั น ท ร์ ที่ มิถุนายน 22, 2011, 09:38:40 AM
ดูแล้วเสียวแทนคนกลางเสื้อเขียวจริงๆเลย ไอ เจ้าของร้านเอามาบังปืนเพื่อให้ตัวเองพ้นภัย...นิสัยเสียจริงๆ

กรณีนี้ผมว่าไม่รอดครับ...ติดคุก แต่อาจจะไม่นาน

โห... คนเสื้อเขียวเป็นทองไม่รู้ร้อนเลย, ยิงยกแรกแล้วก่อนยิงยกสองยังเดินเหินปรกติไม่วิ่งเสียด้วย...

คือก่อนยกแรกยังพอคิดว่า"คงไม่ยิงจริงมั๊ง"... แต่จบยกแรกแล้วระหว่างเหยื่อวิ่งกลับไปเอาปืนมายิงใส่มือปืนนี่ เสี้อเขียวยังเดินเหินได้ปรกติไม่วิ่งจู๊ด(จะหลบหรือสู้ก็ว่ากันไป)... โห...
ผมว่าคงตกใจ จนสติสตัง ไม่อยู่แล้วครับ จนทำอะไรไม่ถูก
  คนไม่เคยมีประสพการณ์  ตกใจทำอะไรไม่ถูกมากกว่าครับ

คนมีประสพการณ์ ก็น้อยคนที่ได้กลับมาเล่าครับ...พี่นัท  ;D


หัวข้อ: Re: เหตุการณ์นี้ ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: rangsonaon ที่ มิถุนายน 22, 2011, 09:41:23 AM
ดูแล้วเสียวแทนคนกลางเสื้อเขียวจริงๆเลย ไอ เจ้าของร้านเอามาบังปืนเพื่อให้ตัวเองพ้นภัย...นิสัยเสียจริงๆ

กรณีนี้ผมว่าไม่รอดครับ...ติดคุก แต่อาจจะไม่นาน

โห... คนเสื้อเขียวเป็นทองไม่รู้ร้อนเลย, ยิงยกแรกแล้วก่อนยิงยกสองยังเดินเหินปรกติไม่วิ่งเสียด้วย...

คือก่อนยกแรกยังพอคิดว่า"คงไม่ยิงจริงมั๊ง"... แต่จบยกแรกแล้วระหว่างเหยื่อวิ่งกลับไปเอาปืนมายิงใส่มือปืนนี่ เสี้อเขียวยังเดินเหินได้ปรกติไม่วิ่งจู๊ด(จะหลบหรือสู้ก็ว่ากันไป)... โห...
ผมว่าคงตกใจ จนสติสตัง ไม่อยู่แล้วครับ จนทำอะไรไม่ถูก
 คนไม่เคยมีประสพการณ์  ตกใจทำอะไรไม่ถูกมากกว่าครับ

พี่คนเสื้อเขียวนี่น่าจะเป็นพยานปากสำคัญที่ทำให้เจ้าของเต๊นท์รอดได้...แค่บอกว่า "มือปืนขู่ก่อนกลับไปที่มอเตอร์ไซค์ ว่า"มรึงรอเดี๋ยว เดี๋ยวกรูกลับมาคิดบัญชีกับมรึงต่อ" หาทนายเก่งๆ ผมว่า รอดนิ่มๆ....


หัวข้อ: Re: เหตุการณ์นี้ ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: nick357 "รักในหลวง" ที่ มิถุนายน 22, 2011, 09:57:35 AM
เป็นผมโดนยิงขนาดนี้คงยิงกลับเหมือนกัน


หัวข้อ: Re: เหตุการณ์นี้ ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Choro - รักในหลวง ที่ มิถุนายน 22, 2011, 10:48:47 AM
 เป็นผมคงยังสวนเหมือนกันครับ ส่วนจะยิงเท่าใรนั้น ขึ้นอยู่ว่ามันจะหมดสภาพเมื่อใด  ::014::



 


หัวข้อ: Re: เหตุการณ์นี้ ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ckanoon ที่ มิถุนายน 22, 2011, 11:09:15 AM

     ตามความคิดของผมถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุกรณีผู้ร้ายมีอาวุธปืน  แต่พี่ท่านยิงมากเกินเหตุและกระสุนอาจไปถูกผู้สัญจรบนถนนได้ดูแล้วหวาดเสียว

มาก  :OO :OO  อีกประเด็นหนึ่งคือผู้ร้ายล้มลงแล้วสภาพไม่น่าจะก่อเหตุซ้ำได้อีก  อุทาหรณ์สอนว่ามีปืนแล้วได้ใช้  ดีกว่าจะใช้แล้วไม่มีครับ.


หัวข้อ: Re: เหตุการณ์นี้ ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ภูปทุม-รักในหลวง ที่ มิถุนายน 22, 2011, 11:50:48 AM
ดูแล้วเสียวแทนคนกลางเสื้อเขียวจริงๆเลย ไอ เจ้าของร้านเอามาบังปืนเพื่อให้ตัวเองพ้นภัย...นิสัยเสียจริงๆ

กรณีนี้ผมว่าไม่รอดครับ...ติดคุก แต่อาจจะไม่นาน

โห... คนเสื้อเขียวเป็นทองไม่รู้ร้อนเลย, ยิงยกแรกแล้วก่อนยิงยกสองยังเดินเหินปรกติไม่วิ่งเสียด้วย...

คือก่อนยกแรกยังพอคิดว่า"คงไม่ยิงจริงมั๊ง"... แต่จบยกแรกแล้วระหว่างเหยื่อวิ่งกลับไปเอาปืนมายิงใส่มือปืนนี่ เสี้อเขียวยังเดินเหินได้ปรกติไม่วิ่งจู๊ด(จะหลบหรือสู้ก็ว่ากันไป)... โห...
ผมว่าคงตกใจ จนสติสตัง ไม่อยู่แล้วครับ จนทำอะไรไม่ถูก
  คนไม่เคยมีประสพการณ์  ตกใจทำอะไรไม่ถูกมากกว่าครับ

คนมีประสพการณ์ ก็น้อยคนที่ได้กลับมาเล่าครับ...พี่นัท  ;D

  ผมก็อยู่ในส่วนน้อยครับ พี่ต่าย ::003::


หัวข้อ: Re: เหตุการณ์นี้ ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Ninja 19 + รักในหลวง + ที่ มิถุนายน 22, 2011, 11:54:38 AM
ผมว่าไม่น่าจะเข้าข่ายป้องกันตัวสมควรแก่เหตุ
เพราะคนถูกยิงวิ่งหนีพ้นอันตรายแล้ว คนยิงก็วิ่งขึ้นมอเตอร์ไซค์เตรียมหนี
ถ้าไม่หนีคงไม่ขึ้นมอเตอร์ไซค์ แต่เดินตามไปยิงซ้ำ ถือว่าภัยใกล้ตัวผ่านพ้นตัวไปแล้ว
ตรงนี้ถือว่าเป็นหนึ่งคดี คนขับมอเตอร์ไซค์เจตนาฆ่าคนตาย
แต่พอคนถูกยิงวิ่งกลับมายิงคนที่เตรียมหนีถึง 6 นัด ตรงนี้เป็นอีกคดีอีกข้อเท็จจริง
ผมว่าไม่น่าเข้าข่ายป้องกันตัว แต่กลายเป็นเจตนาฆ่าคนตาย
ถ้าคนถูกยิงชักปืนมายิงสวนขณะกำลังถูกยิง แม้จะยิงหมดแม็ก คดีอาจเป็นอื่น
อย่างไรก็ตาม คดีนี้เกิดขึ้นกลางวันแสกๆ มีภาพหลักฐานชัดเจนจากกล้องวงจรปิด คงไม่ยากในการพิจารณา
และเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจสำหรับการใช้ปืนป้องกันตัว

............... ::002::  มองมุมเดียวกันครับ  ::002::



หัวข้อ: Re: เหตุการณ์นี้ ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Ninja 19 + รักในหลวง + ที่ มิถุนายน 22, 2011, 11:58:29 AM

คนมีประสพการณ์ ก็น้อยคนที่ได้กลับมาเล่าครับ...พี่นัท  ;D


.............. ::005:: บางที่รอกกลับมาเล่า แต่ฟังแล้วไม่อยากจะเชื่อ เหมือนโม้ ซะงั้น  ::005:: ::005:: ::005:: ::005::



หัวข้อ: Re: เหตุการณ์นี้ ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: NUTAPHOL ที่ มิถุนายน 22, 2011, 01:24:34 PM
ดูแล้วเสียวแทนคนกลางเสื้อเขียวจริงๆเลย ไอ เจ้าของร้านเอามาบังปืนเพื่อให้ตัวเองพ้นภัย...นิสัยเสียจริงๆ

กรณีนี้ผมว่าไม่รอดครับ...ติดคุก แต่อาจจะไม่นาน

โห... คนเสื้อเขียวเป็นทองไม่รู้ร้อนเลย, ยิงยกแรกแล้วก่อนยิงยกสองยังเดินเหินปรกติไม่วิ่งเสียด้วย...

คือก่อนยกแรกยังพอคิดว่า"คงไม่ยิงจริงมั๊ง"... แต่จบยกแรกแล้วระหว่างเหยื่อวิ่งกลับไปเอาปืนมายิงใส่มือปืนนี่ เสี้อเขียวยังเดินเหินได้ปรกติไม่วิ่งจู๊ด(จะหลบหรือสู้ก็ว่ากันไป)... โห...
ผมว่าคงตกใจ จนสติสตัง ไม่อยู่แล้วครับ จนทำอะไรไม่ถูก
  คนไม่เคยมีประสพการณ์  ตกใจทำอะไรไม่ถูกมากกว่าครับ

คนมีประสพการณ์ ก็น้อยคนที่ได้กลับมาเล่าครับ...พี่นัท  ;D
แบบนี้คนร้ายมุ่งแต่คู่กรณีอย่างเดียวครับ  ยังไม่ถึงขั้นหน้ามืดเจอใครขวางยิงดะหมด

คนมีประสพการณ์ ก็น้อยคนที่ได้กลับมาเล่าครับ...พี่นัท  ;D


.............. ::005:: บางที่รอกกลับมาเล่า แต่ฟังแล้วไม่อยากจะเชื่อ เหมือนโม้ ซะงั้น  ::005:: ::005:: ::005:: ::005::


ผมเคยเจอกับตัวเองมาแล้วครับเหตุการณ์แบบนี้  หันไปเห็นปืนลูกซองสั้นชี้มากลางหน้าผากพอดี  บอกตามตรงว่าตอนนั้นใจผมหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มแล้วละครับ  เพราะว่าคู่กรณีมันมายืนแอบหลังผมเหมือนในข่าวนี้ละครับ  มองดูในมือของคนที่จะยิงมือซ้ายถือลูกกระสุนปืนลูกซองเผื่อไว้อีก3-4 นัด อันนี้ทำให้ผมไม่แน่ใจว่าเขาจะเหมาผมด้วยรึปล่าวที่อยู่ในที่เกิดเหตุ  แต่ใจผมก็คิดว่านัดแรกนี่ไม่ใช่ของกูแน่  ถ้าใช่เขาคงยิงตั้งแต่ผมหันไปเห็นแล้ว ผมก็พยายามพูดจาให้คนที่จะยิงเขาใจเย็นๆ   เจ้าคู่กรณีมันดันปากมากชอบเถียง มือปืนโมโหเลยยิงเข้าให้ครับถูกขาหัก   แล้วเขาหักลำจะใส่ลูกที่สอง  ลูกที่สองนี่ความคิดขึ้นปุ๊บมันจะให้เรารึปล่าววะ :OO  ว่าเเล้วผมก็เลยโดดเข้าปล้ำแย่งปืนจากมือปืน  ปล้ำกันอยูสักพักจนเขาเห็นว่ายิงนัดที่สองต่อไม่ได้แน่แล้วเขาเลยวิ่งหนีพร้อมทั้งถือปืนไปด้วย  พอเขาวิ่งหนีผมก็ออกวิ่งบ้างแต่ไปคนละทางกลับที่เขาวิ่งหนีไป ขอบอกครับเหนื่อยสุดๆอีตอนที่ปล้ำแย่งปืนกันนี่มีแรงเท่าไรใส่หมดครับ


หัวข้อ: Re: เหตุการณ์นี้ ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: boilerman ที่ มิถุนายน 22, 2011, 03:33:27 PM
อ้างถึง
ผมเคยเจอกับตัวเองมาแล้วครับเหตุการณ์แบบนี้  หันไปเห็นปืนลูกซองสั้นชี้มากลางหน้าผากพอดี  บอกตามตรงว่าตอนนั้นใจผมหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มแล้วละครับ  เพราะว่าคู่กรณีมันมายืนแอบหลังผมเหมือนในข่าวนี้ละครับ  มองดูในมือของคนที่จะยิงมือซ้ายถือลูกกระสุนปืนลูกซองเผื่อไว้อีก3-4 นัด อันนี้ทำให้ผมไม่แน่ใจว่าเขาจะเหมาผมด้วยรึปล่าวที่อยู่ในที่เกิดเหตุ  แต่ใจผมก็คิดว่านัดแรกนี่ไม่ใช่ของกูแน่  ถ้าใช่เขาคงยิงตั้งแต่ผมหันไปเห็นแล้ว ผมก็พยายามพูดจาให้คนที่จะยิงเขาใจเย็นๆ   เจ้าคู่กรณีมันดันปากมากชอบเถียง มือปืนโมโหเลยยิงเข้าให้ครับถูกขาหัก   แล้วเขาหักลำจะใส่ลูกที่สอง  ลูกที่สองนี่ความคิดขึ้นปุ๊บมันจะให้เรารึปล่าววะ   ว่าเเล้วผมก็เลยโดดเข้าปล้ำแย่งปืนจากมือปืน  ปล้ำกันอยูสักพักจนเขาเห็นว่ายิงนัดที่สองต่อไม่ได้แน่แล้วเขาเลยวิ่งหนีพร้อมทั้งถือปืนไปด้วย  พอเขาวิ่งหนีผมก็ออกวิ่งบ้างแต่ไปคนละทางกลับที่เขาวิ่งหนีไป ขอบอกครับเหนื่อยสุดๆอีตอนที่ปล้ำแย่งปืนกันนี่มีแรงเท่าไรใส่หมดครับ

เป็นประสบการณ์ที่ไม่อยากเจอ แต่ถ้าใครได้เจอ ก็สามารถเล่าได้อย่างภูมิใจชั่วลูกชั่วหลาน เหมือนเครื่องบินตก แต่ไม่ตาย


หัวข้อ: Re: เหตุการณ์นี้ ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: NUTAPHOL ที่ มิถุนายน 22, 2011, 03:39:15 PM
อ้างถึง
ผมเคยเจอกับตัวเองมาแล้วครับเหตุการณ์แบบนี้  หันไปเห็นปืนลูกซองสั้นชี้มากลางหน้าผากพอดี  บอกตามตรงว่าตอนนั้นใจผมหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มแล้วละครับ  เพราะว่าคู่กรณีมันมายืนแอบหลังผมเหมือนในข่าวนี้ละครับ  มองดูในมือของคนที่จะยิงมือซ้ายถือลูกกระสุนปืนลูกซองเผื่อไว้อีก3-4 นัด อันนี้ทำให้ผมไม่แน่ใจว่าเขาจะเหมาผมด้วยรึปล่าวที่อยู่ในที่เกิดเหตุ  แต่ใจผมก็คิดว่านัดแรกนี่ไม่ใช่ของกูแน่  ถ้าใช่เขาคงยิงตั้งแต่ผมหันไปเห็นแล้ว ผมก็พยายามพูดจาให้คนที่จะยิงเขาใจเย็นๆ   เจ้าคู่กรณีมันดันปากมากชอบเถียง มือปืนโมโหเลยยิงเข้าให้ครับถูกขาหัก   แล้วเขาหักลำจะใส่ลูกที่สอง  ลูกที่สองนี่ความคิดขึ้นปุ๊บมันจะให้เรารึปล่าววะ   ว่าเเล้วผมก็เลยโดดเข้าปล้ำแย่งปืนจากมือปืน  ปล้ำกันอยูสักพักจนเขาเห็นว่ายิงนัดที่สองต่อไม่ได้แน่แล้วเขาเลยวิ่งหนีพร้อมทั้งถือปืนไปด้วย  พอเขาวิ่งหนีผมก็ออกวิ่งบ้างแต่ไปคนละทางกลับที่เขาวิ่งหนีไป ขอบอกครับเหนื่อยสุดๆอีตอนที่ปล้ำแย่งปืนกันนี่มีแรงเท่าไรใส่หมดครับ

เป็นประสบการณ์ที่ไม่อยากเจอ แต่ถ้าใครได้เจอ ก็สามารถเล่าได้อย่างภูมิใจชั่วลูกชั่วหลาน เหมือนเครื่องบินตก แต่ไม่ตาย
ครับบอกตามตรงว่าไม่อยากเจอ   แต่ก็ต้องเจอทั้งๆที่เรื่องที่มันเกิดมันไม่ใช่เรื่องของเราสักนิด   เหมือนกับว่าเราไปอยู่ผิดที่ผิดเวลาอย่างนั้นละครับ   แต่มาคิดดูอีกทีวันนั้นถ้าผมไม่ตัดสินใจโดดเข้าแย่งปืนอาจมีคนตายครับ   ทั้งๆที่ไม่ใช่เรื่องของเราผมต้องเที่ยวไปเที่ยวมาไปให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่สอบสวนอยู่หลายครั้ง...


หัวข้อ: Re: เหตุการณ์นี้ ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: HS1BTI ที่ มิถุนายน 22, 2011, 04:30:46 PM
ไม่ทราบปัญหาดั้งเดิมกันมา  ไม่รู้จะเชียร์ใครดี
แต่ไม่ใช่ป้องกันตัวแน่นอนครับ  เพราะเขากำลังจะหนีแล้ว
ถ้าเรายิงสวนตอนเขากำลังยิงเรา เราถึงจะอ้างป้องกันตัวได้
เห็นด้วยครับ...แบบนี้เป็นการเอาคืนไม่ใช่ป้องกันตัวครับ...



















หัวข้อ: Re: เหตุการณ์นี้ ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Ro@d - รักในหลวง ที่ มิถุนายน 22, 2011, 04:39:28 PM
ไม่ทราบปัญหาดั้งเดิมกันมา  ไม่รู้จะเชียร์ใครดี
แต่ไม่ใช่ป้องกันตัวแน่นอนครับ  เพราะเขากำลังจะหนีแล้ว
ถ้าเรายิงสวนตอนเขากำลังยิงเรา เราถึงจะอ้างป้องกันตัวได้
เห็นด้วยครับ...แบบนี้เป็นการเอาคืนไม่ใช่ป้องกันตัวครับ...



พฤติการณ์เช่นนี้ ยังไม่ขาดไปจากเหตุการณ์ที่เกิด และคนร้ายพร้อมจะใช้อาวุธปืนได้ตลอดเวลา

ไม่ใช่อย่างที่ทั้งสองท่านเข้าใจครับ  กรณีนี้ ยังเข้าเป็นเรื่องป้องกันตัว แต่จะเกินกว่าเหตุ หรือไม่เท่านั้น นะครับ  ::002::



หัวข้อ: Re: เหตุการณ์นี้ ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Eka นายเอกา+รักในหลวง ที่ มิถุนายน 22, 2011, 05:36:27 PM
ไม่รู้ว่าสมควรแก่เหตุหรือเปล่าแต่คนร้ายสมควรโดนแบบนี้แหละครับ


หัวข้อ: Re: เหตุการณ์นี้ ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ มิถุนายน 22, 2011, 05:44:55 PM
นายสมชายไม่ใช่นักกฎหมาย... แต่มีความเห็นว่าถึงแม้การป้องกันนั้นจะหยุดไปแล้ว เพราะมือปืน"ตั้งใจ"จะหลบหนีก็ตาม แต่การที่มือปืนบุกมายิงนี่ก็อาจถือได้ว่าเป็นการ"ข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยสาเหตุอันไม่เป็นธรรม"ครับ...

โดนข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยสาเหตุอันไม่เป็นธรรม สามารถสู้คดีโดยอ้างบันดาลโทสะ(เหตุบรรเทาโทษ), เพราะเหตุอันเดียวกันจะเป็นการป้องกันฯ กับบันดาลโทสะได้เพียงอย่างหนึ่งอย่างใดเท่านั้นครับ... ดังนั้นทนายเก่งๆ จะสามารถวางรูปคดีให้รัดกุม มีก๊อกหนึ่งก๊อกสอง, เพราะการพิสูจน์ว่ามือปืน"ตั้งใจหนี"นั้นก็ไม่แน่ว่าจะพิสูจน์ได้ชัดเจน...


หัวข้อ: Re: เหตุการณ์นี้ ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ICKILAS ที่ มิถุนายน 22, 2011, 05:48:50 PM
แนวยิงเต็มไปด้วยรถบนถนน  อาจจะโดนลูกหลงได้ สำหรับคนในรถที่ผ่านไปมา  ผมว่าควรยึดใบ ป.3 ป.4 ครับ  สำหรับมือยิง 9 มม  นับแล้วได้ 12 นัดครับ เกือบหมดแม็กที่รัวออกไป   โดนแค่ 3-4 นัด


หัวข้อ: Re: เหตุการณ์นี้ ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ขวัญชัย - รักในหลวง ที่ มิถุนายน 22, 2011, 06:34:45 PM
แนวยิงเต็มไปด้วยรถบนถนน  อาจจะโดนลูกหลงได้ สำหรับคนในรถที่ผ่านไปมา  ผมว่าควยึดใบ ป.3ป.4 ครับ  สำหรับมือยิง 9 มม  นับแล้วได้ 12 นัดครับ เกือบหมดแม็กที่รัวออกไป   โดนแค่ 3-4 นัด

ยึดไปทำไมครับใบ ป3 คงไปอยู่ที่อำเภอแล้วครับ


หัวข้อ: Re: เหตุการณ์นี้ ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: pongsuri ที่ มิถุนายน 22, 2011, 06:43:59 PM





พฤติการณ์เช่นนี้ ยังไม่ขาดไปจากเหตุการณ์ที่เกิด และคนร้ายพร้อมจะใช้อาวุธปืนได้ตลอดเวลา

ไม่ใช่อย่างที่ทั้งสองท่านเข้าใจครับ  กรณีนี้ ยังเข้าเป็นเรื่องป้องกันตัว แต่จะเกินกว่าเหตุ หรือไม่เท่านั้น นะครับ  ::002::


[/quote]
เห็นด้วยครับเพราะเป็นการโต้ตอบในทันใด


หัวข้อ: Re: เหตุการณ์นี้ ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: asawin rattikarn ที่ มิถุนายน 22, 2011, 06:55:03 PM
เจ้าของเต๊นท์ยิงแม่นดีครับ 6 นัดเข้าทุกนัด แสดงว่าซ้อมยิงบ่อย  เป็นผมยิง 6 นัดอาจจะหลุดเป้าทุกนัดเลยก็ได้ ;p

คนมายิงก่อนรู้เลยว่าอ่อนซ้อม เอาลูกโม่ .22 ไปยิงคน กระสุนด้านง่ายมาก แถมวิ่งหนีไปขึ้นมอเตอร์ไซค์สตาร์ทไม่ติดอีกต่างหาก นัดสุดท้ายโดนเข้าไปผงะถอยหลังเลยสงสัยจะดับเพราะนัดสุดท้ายนี่เอง

      ดูคลิปที่ชัดๆ ผมนับได้ 13 นัดครับ ดูในคลิประยะยิงน่าจะไม่เกิน 5 เมตรครับแค่จากหัวรถไปท้ายรถ


หัวข้อ: Re: เหตุการณ์นี้ ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ICKILAS ที่ มิถุนายน 22, 2011, 07:29:43 PM
รู้สึกจะ 15 นัดทั้งแม๊ก


หัวข้อ: Re: เหตุการณ์นี้ ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: CZsj ที่ มิถุนายน 22, 2011, 08:34:36 PM
ดูคลิปผ่านๆ  ไม่แน่ใจกี่นัด   แต่ยืนยิงนานเหมือนกันนะครับ กว่าคนขี่มอไซด์จะล้มลง   ยิงไม่เข้าจุดสำคัญใช่ไหมครับ


หัวข้อ: Re: เหตุการณ์นี้ ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ICKILAS ที่ มิถุนายน 22, 2011, 09:07:40 PM
ได้เข้าไปผลัดกันยิงประตูหลังในคุกแน่  ::010::


หัวข้อ: Re: เหตุการณ์นี้ ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: jrs รักในหลวง ที่ มิถุนายน 22, 2011, 09:42:26 PM
นับว่าโชคดีที่ไม่มีใครโดนลูกหลง  วิถีกระสุนน่ากลัวจริง ๆ ครับ   ผมว่าเกินกว่าเหตุครับ ส่วนตัวนะครับ    แค่นัดที่ล้มลงแล้วรถล้มทับ เป็นผมคงยิงแค่นั้น
สาเหตุไม่รู้เกิดจากเรื่องอะไร ถึงทำให้คนอายุ 54 ปี แค้นมาก ขนาดถือปืนมายิง  ตรงนี้น่าสนใจกว่าครับ ::004::


หัวข้อ: Re: เหตุการณ์นี้ ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: mchaivis ที่ มิถุนายน 23, 2011, 12:18:10 AM
นายสมชายไม่ใช่นักกฎหมาย... แต่มีความเห็นว่าถึงแม้การป้องกันนั้นจะหยุดไปแล้ว เพราะมือปืน"ตั้งใจ"จะหลบหนีก็ตาม แต่การที่มือปืนบุกมายิงนี่ก็อาจถือได้ว่าเป็นการ"ข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยสาเหตุอันไม่เป็นธรรม"ครับ...

โดนข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยสาเหตุอันไม่เป็นธรรม สามารถสู้คดีโดยอ้างบันดาลโทสะ(เหตุบรรเทาโทษ), เพราะเหตุอันเดียวกันจะเป็นการป้องกันฯ กับบันดาลโทสะได้เพียงอย่างหนึ่งอย่างใดเท่านั้นครับ... ดังนั้นทนายเก่งๆ จะสามารถวางรูปคดีให้รัดกุม มีก๊อกหนึ่งก๊อกสอง, เพราะการพิสูจน์ว่ามือปืน"ตั้งใจหนี"นั้นก็ไม่แน่ว่าจะพิสูจน์ได้ชัดเจน...
อ้างเหตุบันดาลโทสะ เพื่อขอบรรเทาโทษ เป็นอีกเหลี่ยมที่น่าสนใจในการสู้คดี
แต่การขอบรรเทาโทษ ก็เท่ากับยอมรับว่า การออกวิ่งมายิงคนที่ยิงตนเป็นการป้องกันตัวเกินกว่าเหตุ


หัวข้อ: Re: เหตุการณ์นี้ ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: eazycompany ที่ มิถุนายน 23, 2011, 01:57:28 AM
                          ผมว่าบทเรียนอย่างนึงที่ได้จากเรื่องนี้ก็คือ   กระสุน.22เเม๊กนั่ม   ไม่มีอานุภาพเหมาะสมเพียงพอในการใช้ยิงต่อสู้ระหว่างมนุษย์ด้วยกัน     เพราะขนาดถูกยิงเข้าที่สะโพก1นัดคนถูกยิงยังสามารถวิ่งไปหยิบปืนเเล้วกลับมายิงสวนได้สบายๆ      ตัวผมคิดว่าถ้าจะใช้ปืนเพื่อป้องกันตัวอย่างน้อยขอเป็น.38สเปฯหรือ9มม.เป็นอย่างต่ำดีกว่าเพื่อความสบายใจ     


หัวข้อ: Re: เหตุการณ์นี้ ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: mchaivis ที่ มิถุนายน 23, 2011, 02:09:26 AM
                          ผมว่าบทเรียนอย่างนึงที่ได้จากเรื่องนี้ก็คือ   กระสุน.22เเม๊กนั่ม   ไม่มีอานุภาพเหมาะสมเพียงพอในการใช้ยิงต่อสู้ระหว่างมนุษย์ด้วยกัน     เพราะขนาดถูกยิงเข้าที่สะโพก1นัดคนถูกยิงยังสามารถวิ่งไปหยิบปืนเเล้วกลับมายิงสวนได้สบายๆ      ตัวผมคิดว่าถ้าจะใช้ปืนเพื่อป้องกันตัวอย่างน้อยขอเป็น.38สเปฯหรือ9มม.เป็นอย่างต่ำดีกว่าเพื่อความสบายใจ     
ขอนอกประเด็นกระทู้ครับ
กระสุน .22 lr จะมีอำนาจสังหารอย่างมากหากยิงในระยะใกล้ หรือยิงในระยะไกลแต่เข้าจุดสำคัญ
ในกรณีไล่ยิงกันและคนถูกยิงเคราะห์ร้าย หัวกระสุนตัดเส้นเลือดใหญ่ ก็มีสิทธิ์เช่นกัน
แต่แน่นอน ถ้าต้องแอบยิงกันอย่างในหนัง ใช้กระสุนหน้าตัดใหญ่กว่า น่าจะเหมาะ


หัวข้อ: Re: เหตุการณ์นี้ ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: purit ที่ มิถุนายน 23, 2011, 02:26:31 AM
ผมว่าไม่น่าจะเข้าข่ายป้องกันตัวสมควรแก่เหตุ
เพราะคนถูกยิงวิ่งหนีพ้นอันตรายแล้ว คนยิงก็วิ่งขึ้นมอเตอร์ไซค์เตรียมหนี
ถ้าไม่หนีคงไม่ขึ้นมอเตอร์ไซค์ แต่เดินตามไปยิงซ้ำ ถือว่าภัยใกล้ตัวผ่านพ้นตัวไปแล้ว
ตรงนี้ถือว่าเป็นหนึ่งคดี คนขับมอเตอร์ไซค์เจตนาฆ่าคนตาย
แต่พอคนถูกยิงวิ่งกลับมายิงคนที่เตรียมหนีถึง 6 นัด ตรงนี้เป็นอีกคดีอีกข้อเท็จจริง
ผมว่าไม่น่าเข้าข่ายป้องกันตัว แต่กลายเป็นเจตนาฆ่าคนตาย
ถ้าคนถูกยิงชักปืนมายิงสวนขณะกำลังถูกยิง แม้จะยิงหมดแม็ก คดีอาจเป็นอื่น
อย่างไรก็ตาม คดีนี้เกิดขึ้นกลางวันแสกๆ มีภาพหลักฐานชัดเจนจากกล้องวงจรปิด คงไม่ยากในการพิจารณา
และเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจสำหรับการใช้ปืนป้องกันตัว

............... ::002::  มองมุมเดียวกันครับ  ::002::


เห็นด้วยกับสองท่านนี้ครับ เนื่องจากภัยอันตรายได้ขาดตอนไปแล้วจะเห็นได้จากผู้ตายลั่นไกไปหมดไม่ได้แสดงเจตนาว่าจะบรรจุกระสุนเพิ่มหรือแก้ไขปืนที่ขัดข้องและกระทำการเป็นอันตรายต่อไปเพียงแค่พยายามติดเครื่องจักรยานยนต์ที่เป็นพาหนะเพื่อหลบหนีจึงถือได้ว่าการคุกคามได้สิ้นสุดลงไปแล้วอันทำให้ผู้ยิงโต้ตอบปราศจากข้ออ้างที่จะใช้เรื่องการป้องกันโดยชอบฯการยิงชุดโต้ตอบจึเป็นการต่างกรรมต่างวาระควรจะเป็นเจตนาฆ่าฯ ในส่วนข้ออ้างที่ว่าบันดาลโทษะเป็นข้อโต้สู้ที่เชื่อว่าฟังขี้น จริงอยู่แม้ผู้ตายกระทำผิดกฎหมายโดยเข้ามายิงด้วยเจตนาฆ่าแต่ไม่สำเร็จ(เพราะกระสุนหมดหรือปืนขัดข้อง)แต่เจตนารมณ์กฎหมายก็ไม่ได้ยอมให้ประชาชนโต้ตอบเหตุการร้ายแรงได้ด้วยตนเองยกเว้นการป้องกันโดยชอบฯ อาทิเช่นหากมีผู้มาฆ่าญาติเรา เราต้องพึ่งกระบวนการยุติธรรมเพื่อลงโทษผู้ทำกระทำผิดมิใช่ ฆ่าล้างแค้นกันเอง ดังนั้นหากเห้นได้ว่าผู้ยิงโต้ตอบสามารถหลบหนีเข้าไปในออฟฟิตเพื่อหยิบปืน จะเห็นได้ว่าพ้นจากภัยอันตรายได้พอสอมควรแล้วการยิงโต้ตอบครั้งหลังจึงเป็นการฆ่าผุ้อื่นโดยเจตนา
 ::014:: ::014:: ::014::


หัวข้อ: Re: เหตุการณ์นี้ ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: yod - รักในหลวง ครับ ที่ มิถุนายน 23, 2011, 08:13:00 AM
กระสุน.22เเม๊กนั่ม   ไม่มีอานุภาพเหมาะสมเพียงพอในการใช้ยิงต่อสู้ระหว่างมนุษย์ด้วยกัน      


ไม่จริงครับ

เข้าโซน  ผมว่าขึ้นเมรุ

เพียงว่ากรณีนี้ มันถาก


หัวข้อ: Re: เหตุการณ์นี้ ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: NUTAPHOL ที่ มิถุนายน 23, 2011, 08:29:01 AM
กระสุน.22เเม๊กนั่ม   ไม่มีอานุภาพเหมาะสมเพียงพอในการใช้ยิงต่อสู้ระหว่างมนุษย์ด้วยกัน     


ไม่จริงครับ

เข้าโซน  ผมว่าขึ้นเมรุ

เพียงว่ากรณีนี้ มันถาก
จริงครับถ้าเข้าโซน   เข้าจุดสำคัญก็ได้จองศาลาวัดเหมือนกันครับ....นี่ดูแล้วลูกกระสุนคงแค่เฉียดหรือถาก   ไม่ถูกกระดูกไม่ถูกจุดสำคัญ  ถึงได้ยังวิ่งไปหยิบปืนมายิงได้  และยังมายืนให้สัมภาษณ์ได้อีกด้วย....


หัวข้อ: Re: เหตุการณ์นี้ ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: เขาใหญ่ ที่ มิถุนายน 23, 2011, 08:29:24 AM
เป็นการกระทำอย่างติดพันทันที หลังจากเพิ่งถูกประทุษร้ายหวังฆ่าให้ตาย จะเข้าเป็นการกระทำที่สมควรแก่เหตุิ หรือไม่ นั้น

ข้อเท็จจริงที่ปรากฎชัดแจ้งเช่นนี้ ไ่ม่น่าหนักใจ และอีกฝ่าย ตาย ฟรี ครับ  

ได้ข้อมูล ความรู้อีกแล้วครับ


หัวข้อ: Re: เหตุการณ์นี้ ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: เขาใหญ่ ที่ มิถุนายน 23, 2011, 08:40:28 AM
นายสมชายไม่ใช่นักกฎหมาย... แต่มีความเห็นว่าถึงแม้การป้องกันนั้นจะหยุดไปแล้ว เพราะมือปืน"ตั้งใจ"จะหลบหนีก็ตาม แต่การที่มือปืนบุกมายิงนี่ก็อาจถือได้ว่าเป็นการ"ข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยสาเหตุอันไม่เป็นธรรม"ครับ...

โดนข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยสาเหตุอันไม่เป็นธรรม สามารถสู้คดีโดยอ้างบันดาลโทสะ(เหตุบรรเทาโทษ), เพราะเหตุอันเดียวกันจะเป็นการป้องกันฯ กับบันดาลโทสะได้เพียงอย่างหนึ่งอย่างใดเท่านั้นครับ... ดังนั้นทนายเก่งๆ จะสามารถวางรูปคดีให้รัดกุม มีก๊อกหนึ่งก๊อกสอง, เพราะการพิสูจน์ว่ามือปืน"ตั้งใจหนี"นั้นก็ไม่แน่ว่าจะพิสูจน์ได้ชัดเจน...

   อ้างว่าคนร้ายยิงผู้เสียหายแล้วเตรียมหลบหนี ผู้เสียหายตามมาเพื่อจะดูรูปพรรณสัณฐานและยานพาหนะ  

ผู้ตายจึงนั่งลงพร้อมใช้รถเป็นที่กำบังและยิงมายังผู้เสียหายหวังยิงให้ตาย อีกหลายนัด

ผู้เสียหายจึงยิงตอบโต้ด้วยอาวุธปืนที่หยิบติดตัวมา จนหมดเเม็ก



หัวข้อ: Re: เหตุการณ์นี้ ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: เขาใหญ่ ที่ มิถุนายน 23, 2011, 08:47:06 AM
กระสุน.22เเม๊กนั่ม   ไม่มีอานุภาพเหมาะสมเพียงพอในการใช้ยิงต่อสู้ระหว่างมนุษย์ด้วยกัน     


ไม่จริงครับ

เข้าโซน  ผมว่าขึ้นเมรุ

เพียงว่ากรณีนี้ มันถาก

มือปืน ไม่ชำณาญ ยิงไม่แม่น ขาดการฝึกซ้อม เซลเลยรอด


หัวข้อ: Re: เหตุการณ์นี้ ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: mchaivis ที่ มิถุนายน 23, 2011, 11:44:36 AM
นายสมชายไม่ใช่นักกฎหมาย... แต่มีความเห็นว่าถึงแม้การป้องกันนั้นจะหยุดไปแล้ว เพราะมือปืน"ตั้งใจ"จะหลบหนีก็ตาม แต่การที่มือปืนบุกมายิงนี่ก็อาจถือได้ว่าเป็นการ"ข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยสาเหตุอันไม่เป็นธรรม"ครับ...

โดนข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยสาเหตุอันไม่เป็นธรรม สามารถสู้คดีโดยอ้างบันดาลโทสะ(เหตุบรรเทาโทษ), เพราะเหตุอันเดียวกันจะเป็นการป้องกันฯ กับบันดาลโทสะได้เพียงอย่างหนึ่งอย่างใดเท่านั้นครับ... ดังนั้นทนายเก่งๆ จะสามารถวางรูปคดีให้รัดกุม มีก๊อกหนึ่งก๊อกสอง, เพราะการพิสูจน์ว่ามือปืน"ตั้งใจหนี"นั้นก็ไม่แน่ว่าจะพิสูจน์ได้ชัดเจน...

   อ้างว่าคนร้ายยิงผู้เสียหายแล้วเตรียมหลบหนี ผู้เสียหายตามมาเพื่อจะดูรูปพรรณสัณฐานและยานพาหนะ 

ผู้ตายจึงนั่งลงพร้อมใช้รถเป็นที่กำบังและยิงมายังผู้เสียหายหวังยิงให้ตาย อีกหลายนัด

ผู้เสียหายจึงยิงตอบโต้ด้วยอาวุธปืนที่หยิบติดตัวมา จนหมดเเม็ก


แสดงว่าท่านไม่เห็นภาพเหตุการณ์จากกล้องวงจรปิด


หัวข้อ: Re: เหตุการณ์นี้ ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ตาเยื้อน ที่ มิถุนายน 23, 2011, 01:59:32 PM
ลองหามาเปรียบเทียบครับ
พิพากษาศาลฎีกาที่  3976/2543 แม้ผู้เสียหายจะเป็นฝ่ายก่อเหตุทำร้ายจำเลยก่อน แต่จำเลยจะอ้างว่าที่ใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายเป็นการป้องกันสิทธิของตนให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายไม่ได้ เพราะข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าผู้เสียหายจะเข้าทำร้ายจำเลยขณะจำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหาย ส่วนที่ผู้เสียหายทำร้ายจำเลยที่ชั้นสองและถีบจำเลยขณะตามผู้เสียหายขึ้นไปชั้นสามนั้น ไม่ใช่ภยันตรายที่ใกล้จะถึง แต่เป็นเหตุการณ์ที่ผ่านพ้นไปแล้ว อย่างไรก็ดี การที่ผู้เสียหายทำร้ายจำเลยแล้ววิ่งขึ้นไปชั้นสาม จำเลยตามขึ้นไปแล้วใช้อาวุธปืนของกลางยิงผู้เสียหายในเวลาต่อเนื่องกระชั้นชิดกับที่จำเลยยังมีโทสะอยู่ การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำเนื่องจากถูกผู้เสียหายข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม เป็นความผิดฐานพยายามฆ่าโดยบันดาลโทสะ หาใช่เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายไม่

          ทำผิดโดยบันดาลโสะ  ศาลลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดเท่าไรก็ได้ครับ

          สรุป น่าจะติดคุกนิดหน่อย

           อย่างไรก็ตาม  เวลาสู้คดี  ควรให้ทนายสู้ทั้งป้องกัน(ทำให้ไม่ต้องรับโทษ  เผื่อฟลุ๊คครับ) และบันดาลโทสะ(รับโทษน้อย)
ผลประการใดแล้วแต่ศาล


หัวข้อ: Re: เหตุการณ์นี้ ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ตาเยื้อน ที่ มิถุนายน 23, 2011, 02:05:13 PM
อีกนิดครับ  ความจริง คดีนี้  หากไม่มีกล้องวงจรปิด  อาจพลิกคดีได้
ให้เพื่อนหรือลูกค้าเป็นพยานว่า  คนตายเล็งจะยิงมา  ผู้ต้องหาเลยชักปืนมั่ง ยิงสวนไปติด ติด เลย
ก็จะเป็นป้องกัน(ไม่ต้องรับโทษ)ครับ

แต่ยอมรับความจริงดีกว่านะครับ 
และการทำให้ลอดช่องของกฎหมาย ตั้งแต่กระทำผิด เป็นผู้บริสุทธิ์
ส่วนการสร้างข้อเท็จจริงขึ้นใหม่ หลังกระทำผิดไปแล้ว เป็นคนไม่ดีครับ


หัวข้อ: Re: เหตุการณ์นี้ ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Ro@d - รักในหลวง ที่ มิถุนายน 23, 2011, 02:24:31 PM
ลองหามาเปรียบเทียบครับ
พิพากษาศาลฎีกาที่  3976/2543 แม้ผู้เสียหายจะเป็นฝ่ายก่อเหตุทำร้ายจำเลยก่อน แต่จำเลยจะอ้างว่าที่ใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายเป็นการป้องกันสิทธิของตนให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายไม่ได้ เพราะข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าผู้เสียหายจะเข้าทำร้ายจำเลยขณะจำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหาย ส่วนที่ผู้เสียหายทำร้ายจำเลยที่ชั้นสองและถีบจำเลยขณะตามผู้เสียหายขึ้นไปชั้นสามนั้น ไม่ใช่ภยันตรายที่ใกล้จะถึง แต่เป็นเหตุการณ์ที่ผ่านพ้นไปแล้ว อย่างไรก็ดี การที่ผู้เสียหายทำร้ายจำเลยแล้ววิ่งขึ้นไปชั้นสาม จำเลยตามขึ้นไปแล้วใช้อาวุธปืนของกลางยิงผู้เสียหายในเวลาต่อเนื่องกระชั้นชิดกับที่จำเลยยังมีโทสะอยู่ การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำเนื่องจากถูกผู้เสียหายข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม เป็นความผิดฐานพยายามฆ่าโดยบันดาลโทสะ หาใช่เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายไม่

          ทำผิดโดยบันดาลโสะ  ศาลลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดเท่าไรก็ได้ครับ

          สรุป น่าจะติดคุกนิดหน่อย

           อย่างไรก็ตาม  เวลาสู้คดี  ควรให้ทนายสู้ทั้งป้องกัน(ทำให้ไม่ต้องรับโทษ  เผื่อฟลุ๊คครับ) และบันดาลโทสะ(รับโทษน้อย)
ผลประการใดแล้วแต่ศาล

ขอบคุณมากเลยครับ คุณ j@xx
ฎีกานี้ ใกล้เคียงมาก แต่ยังไม่ตรงนักครับ เพราะกรณีเป็นเรื่องการทำร้ายร่างกาย ไม่ได้มีอาวุธปืนทำร้ายจำเลยก่อน
การทำร้าย ภยันตรายไม่ร้ายแรงถึงต้องเสียชีวิต และบรรลุผลจบลงไปแล้ว
จำเลยจะใช้อาวุธปืน ยิงผู้เสียหายจะอ้างเหตุป้องกันตัวไม่ได้.. เพราะมันเกินกว่าผลที่ตัวเองได้รับผลราย มากเกินไป
แต่เพราะจำเลยถูกกระทำด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จึงการกระทำตอบโต้ไป การจึงเป็นเรื่องของบันดาลโทสะ

แต่กรณีตามกระทู้นี้ เหตุเกิดจากใช้อาวุธปืน ยิงเพื่อฆ่า และกำลังหนี ขณะเดียวกันก็พร้อมใช้อาวุธปืนยิงได้อีก
(กระสุนหมดหรือไม่ ไม่ใช่ประเด็น ก็เพราะไมมีใครรู้นอกจากคนยิง) และเป็นการกระทำที่ติดพันทันที การยิงหลายนัด จนอีกฝ่ายที่มีอาวุธปืนล้มลง
กรณี เป็นเหตุเกิดจากการป้องกันตัว แต่จะเกินกว่าเหตุหรือไม่ นั้น ศาลจะเป็นผู้วินิจฉัย หรือ
อย่างน้อย ก็มีเรื่องบันดาลโทสะ รองรับ..  ซึ่งข้อกฎหมายนี้ ล้วนเป็นคุณ ทั้งสิ้น ครับ  ;D



หัวข้อ: Re: เหตุการณ์นี้ ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: mchaivis ที่ มิถุนายน 23, 2011, 02:42:21 PM
ประเด็นน่าสนใจครับ จะเป็นป้องกันตัวหรือเจตนาฆ่า
ความสนุกของกฎหมายอยู่ตรงนี้ เอาเหลี่ยมไหนมาว่ากัน
เป็นกระทู้ที่แตกยอดออกมาเป็นผลประโยชน์ทางความรู้แท้จริง
แต่สุดท้ายก็อยู่ที่คำตัดสินของศาล
อยากให้ จขกท ตามผลคดีให้ด้วย คงไม่รบกวนมากเกินไป


หัวข้อ: Re: เหตุการณ์นี้ ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: 17zatan ที่ มิถุนายน 23, 2011, 02:58:42 PM
ตามความคิดผม ว่าน่าจะเกินกว่าเหตุครับ ยิงจนหมดเเม็ก เเถมดูจากกล้องเเล้วผู้ตายเจตนาจะหนีเเล้ว เเต่มาโดนยิงจนหมดเเม็ก เเล้วยังมีโอกาสพลาดไปโดนผู้อื่นที่ขับรถผ่านไปมาอีกด้วย น่าจะคุกครับ เเต่อาจจะโทษไม่หนัก กล้องมันมัดตัวครับ

เเต่เป็นใครมีปืน ใครก็ยิงให้ตายเเหละครับ ไม่ตายวันหน้าเราก็อาจตาย สรุป โชคดีที่ยังไม่ตายละกันครับ ส่วนคุกเรื่องเล็ก เดี๋ยวก็ออกครับ   ::011::


หัวข้อ: Re: เหตุการณ์นี้ ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: knum ที่ มิถุนายน 23, 2011, 03:10:29 PM
กระสุน.22เเม๊กนั่ม   ไม่มีอานุภาพเหมาะสมเพียงพอในการใช้ยิงต่อสู้ระหว่างมนุษย์ด้วยกัน     


ไม่จริงครับ

เข้าโซน  ผมว่าขึ้นเมรุ

เพียงว่ากรณีนี้ มันถาก
จริงครับถ้าเข้าโซน   เข้าจุดสำคัญก็ได้จองศาลาวัดเหมือนกันครับ....นี่ดูแล้วลูกกระสุนคงแค่เฉียดหรือถาก   ไม่ถูกกระดูกไม่ถูกจุดสำคัญ  ถึงได้ยังวิ่งไปหยิบปืนมายิงได้  และยังมายืนให้สัมภาษณ์ได้อีกด้วย....

กระสุน .22 แม๊กนั่ม จริงๆแล้วเป็นกระสุนสังหารนะครับ สมัยก่อนพวกมือปืนชอบใช้กัน อำนาจกระสุนสร้างบาดแผลได้ไม่แพ้พวก .38 เลยนะครับ
แล้วข้อดีคือ แรงรีคอยน้อยกว่า คุมปืนได้แม่นยำกว่า  แถมไม่ทิ้งปลอกกระสุนให้ตามสืบอีกด้วย
แต่กรณีในกระทู้นี้ มันยิงไม่โดนจุดสำคัญมากกว่าครับ
ถ้าโดนจุดสำคัญ ผมว่ารอดยากเหมือนกัน


หัวข้อ: Re: เหตุการณ์นี้ ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Supakij Kaw ที่ มิถุนายน 26, 2011, 11:22:14 AM
ตามพี่ NUTAPHOL เรืื่องลูกซองสั้นนี่น่ากลัวครับ ผมเคยพบคนที่เจอยิงแบบเข้ากลุ่ม (คอขวด)
ไม่เคยมีใครรอดสักรายเลยครับ


หัวข้อ: Re: เหตุการณ์นี้ ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: mchaivis ที่ มิถุนายน 26, 2011, 12:40:57 PM
ตามความคิดผม ว่าน่าจะเกินกว่าเหตุครับ ยิงจนหมดเเม็ก เเถมดูจากกล้องเเล้วผู้ตายเจตนาจะหนีเเล้ว เเต่มาโดนยิงจนหมดเเม็ก เเล้วยังมีโอกาสพลาดไปโดนผู้อื่นที่ขับรถผ่านไปมาอีกด้วย น่าจะคุกครับ เเต่อาจจะโทษไม่หนัก กล้องมันมัดตัวครับ

เเต่เป็นใครมีปืน ใครก็ยิงให้ตายเเหละครับ ไม่ตายวันหน้าเราก็อาจตาย สรุป โชคดีที่ยังไม่ตายละกันครับ ส่วนคุกเรื่องเล็ก เดี๋ยวก็ออกครับ   ::011::
กรุณาอย่าคิดเลยครับว่า เรื่องคุกเรื่องเล็ก เพราะมันมีผลต่อการตัดสินใจ
หากคิดว่า เรื่องคุกเรื่องใหญ่ เราก็จะเลือกทำอีกอย่าง
ชีวิตไม่ใช่มีแค่เรา ยังมีคนข้างหลังด้วย อย่าลืม


หัวข้อ: Re: เหตุการณ์นี้ ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: yotinpen ที่ มิถุนายน 26, 2011, 01:56:06 PM
เรื่องนี้น่าติดตามว่า ศาลจะตัดสินอย่างไรครับ ::014::


หัวข้อ: Re: เหตุการณ์นี้ ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: sod123 ที่ มิถุนายน 26, 2011, 06:37:04 PM
ตามความคิดผม ว่าน่าจะเกินกว่าเหตุครับ ยิงจนหมดเเม็ก เเถมดูจากกล้องเเล้วผู้ตายเจตนาจะหนีเเล้ว เเต่มาโดนยิงจนหมดเเม็ก เเล้วยังมีโอกาสพลาดไปโดนผู้อื่นที่ขับรถผ่านไปมาอีกด้วย น่าจะคุกครับ เเต่อาจจะโทษไม่หนัก กล้องมันมัดตัวครับ

เเต่เป็นใครมีปืน ใครก็ยิงให้ตายเเหละครับ ไม่ตายวันหน้าเราก็อาจตาย สรุป โชคดีที่ยังไม่ตายละกันครับ ส่วนคุกเรื่องเล็ก เดี๋ยวก็ออกครับ   ::011::

เห็นด้วยครับท่าน ด้วยความเคารพ ถ้าเป็นผม ณ นาทีนั้น  ผมต้องป้องกันตัวเองเต็มที่ เพราะว่า ติดคุกดีกว่าไปนอนวัด3วันเผ่า ขอบคุณครับ


หัวข้อ: Re: เหตุการณ์นี้ ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ae20e ที่ มิถุนายน 26, 2011, 08:49:10 PM
ผมว่าไม่น่าจะเข้าข่ายป้องกันตัวสมควรแก่เหตุ
เพราะคนถูกยิงวิ่งหนีพ้นอันตรายแล้ว คนยิงก็วิ่งขึ้นมอเตอร์ไซค์เตรียมหนี
ถ้าไม่หนีคงไม่ขึ้นมอเตอร์ไซค์ แต่เดินตามไปยิงซ้ำ ถือว่าภัยใกล้ตัวผ่านพ้นตัวไปแล้ว
ตรงนี้ถือว่าเป็นหนึ่งคดี คนขับมอเตอร์ไซค์เจตนาฆ่าคนตาย
แต่พอคนถูกยิงวิ่งกลับมายิงคนที่เตรียมหนีถึง 6 นัด ตรงนี้เป็นอีกคดีอีกข้อเท็จจริง
ผมว่าไม่น่าเข้าข่ายป้องกันตัว แต่กลายเป็นเจตนาฆ่าคนตาย
ถ้าคนถูกยิงชักปืนมายิงสวนขณะกำลังถูกยิง แม้จะยิงหมดแม็ก คดีอาจเป็นอื่น
อย่างไรก็ตาม คดีนี้เกิดขึ้นกลางวันแสกๆ มีภาพหลักฐานชัดเจนจากกล้องวงจรปิด คงไม่ยากในการพิจารณา
และเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจสำหรับการใช้ปืนป้องกันตัว

 ::002:: ::002::


หัวข้อ: Re: เหตุการณ์นี้ ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: KunPa008-รักในหลวง ที่ มิถุนายน 27, 2011, 03:07:40 PM
ไม่เกิดกับตัวเองก็ไม่รู้หรอกเรา :~) :~) :~)ไปซ้อมยิงกันบ่อยๆบ้างนะครับ ::002:: ::002:: ::002:: ::002:: ::014:: ::014::


หัวข้อ: Re: เหตุการณ์นี้ ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ มิถุนายน 27, 2011, 04:06:18 PM
เอาแบบบ้านๆนะครับ... สมมติว่าถ้ามือปืนหนีไปได้ ต่อให้มีวงจรปิดให้เห็นหน้าชัดเจนแบบระบุชื่อได้ก็ตาม คิดว่าตำรวจจะจับคนร้ายได้ไหมเล่าครับ, ที่ถามแบบนี้เพราะมีคดีที่ปิดไม่ลงอีกแยะ ต่อให้รู้ตัวและออกหมายจับด้วย ก็ไม่แน่ว่าจะจับตัวได้...

แล้วสมมติต่อว่าถ้าตำรวจจับตัวไม่ได้... เวลาเดินตลาดห้างร้าน หรือนั่งกินก๋วยเตี๋ยวข้างทางจะสบายใจไหมครับ, ลงว่ามันกล้าเดินเข้ามายิงครั้งแรกแล้วพลาด ครั้งที่สองมันคงคิดน้อยกว่าเดิมแยะก่อนลั่นไกครับ...

คิดสะระตะแล้ว... นายสมชายว่าทุกคนคงคิดคล้ายกันว่าไม่อยากโดนยิงฟรีๆ แล้วนอนไม่หลับไปหลายปีครับ, คว่ำตรงนั้นได้ก็ต้องคว่ำมันก่อน ถ้ามันไม่ตายก็จะเดินไปจ่อยิงครับ...

ส่วนเรื่องคดีนั่นลงว่าโดนยิงในสถานที่ของตัวเองแบบนี้แล้วกฎหมายนอกจากคุ้มครองไม่ได้แล้วยังเป็นผลร้ายแก่คนโดนยิงก่อนถึงขั้นติดคุกแล้วละก้อ... ผู้คนในกระบวนการยุติธรรมคงนั่งกินก๋วยเตี๋ยวข้างทางไม่สบายใจกันมั่งล่ะครับ, เพราะคนที่ติดคุกออกมาแล้วคงไม่คิดมากเวลาจะเดินถือแปรงถือผงซักฟอกตามล้างตามเช็ดคราบก๋วยเตี๋ยวในอดีตให้สะอาดน่ะครับ... แฮ่ๆ...


หัวข้อ: Re: เหตุการณ์นี้ ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: J_D ที่ มิถุนายน 27, 2011, 07:55:15 PM

เราๆท่านๆดูภาพจากกล้องมุมสูงดูแล้วดูอีก  แต่คนที่อยู่ในเหตุการณ์ไม่ได้เห็นหรือมีเวลาคิดอย่างเรา  ถ้านึกไม่ออกก็คิดถึงกรรมการบอลในสนามกับผู้ชมที่ดูภาพซูม replay ได้  แน่นอนบางทีคำตัดสินของกรรมการก็ค้านสายตาคนดู  แต่กรรมการไม่ได้เห็นแบบที่เราเห็นไม่ได้มีเวลาคิดมากมาย

งานนี้คนที่รอดโดนยิงก้นแล้วกลับไปเอาปืน   ในแนวราบรถที่จอดอยู่ก็บัง  ก้นก็เจ็บสติสตางค์เหลืออยู่เท่าไหร่  กับเวลาแค่ไม่กี่วินาที  เค้าจะรู้ได้ยังไงว่า  มือปืนกลับไปที่รถไปทำอะไร  ใส่ลูกปืนเพิ่มหรือหยิบดาบกลับมาซ้ำ  ปืนมันลูกหมดแล้วยัง  สตาร์ทรถแล้วจะแถมให้อีก 2-3 นัดก่อนไปหรือเปล่า

ยังไม่พูดถึงถ้าปล่อยมันขี่ออกไปแล้ว ตร. จะจับมันได้ไหม จะกลับมาเก็บงานคิดบัญชีอีกหรือเปล่า  อย่างที่พี่ สมชาย ว่า เครียดอีกหลายปี

ตัวกฎหมายเองให้ทางออกเอาไว้แล้ว   คราวนี้ปัญหามันอยู่ที่การตีความของผู้คนในกระบวนการยุติธรรมแล้วจะมองแบบไหนหยุมหยิมแค่ไหน   ในโลกความเป็นจริงมันไม่ได้ทำตามสูตรสำเร็จง่ายๆหรอกว่า  ยิงไม่เกินกี่นัดถึงจะไม่เกินกว่าเหตุ  ต้องยิงตำแหน่งตรงนั้นตรงนี้ถึงไม่พยายามฆ่า   โจรวิ่งไปที่รถแล้วถือว่าหนี   ยกตัวอย่างง่ายๆ  แฟนผมยิงปืนแค่ 5-7 เมตรเป้ากระดาษ a4 ยังยิงโดนไม่ครบทุกนัดเลย   ถ้าเกิดผมไม่อยู่โจรขึ้นบ้านตื่นเต้นตกใจหยิบปืนผมมายิงสาดหมดตับโดนสักนัดก็บุญแล้ว   จะมายิงขู่ก่อนไม่หยุดถึงยิงขารับรองว่า "ตายห่า" ก่อนครับ  




หัวข้อ: Re: เหตุการณ์นี้ ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: KOMPISIT ที่ มิถุนายน 27, 2011, 09:11:34 PM
.....ถ้าคนยิงอ้างว่ายิงเพื่อหยุดคนร้าย เพื่อไม่ให้หนีไปได้ละครับ แต่คนร้ายยังยิงตอบโต้กลับมา เลยยิงกลับไป ในคลิปก็เห็นชัดเจนอยู่ว่าคนร้ายยังยิงกลับมา จึงยิงต่อเนื่องจนคนร้ายหยุดลง อ้างแบบนี้ได้ไหมครับ  ::014:: หากมีคนมายิงเราแล้วเราตอบโต้เพื่อจะจับหรือหยุดมัน แล้วเราติดคุกก็เจริญละครับประเทศไทย :~)