หัวข้อ: ชาติที่แล้วผมเป็น ............. "งูเหลือม" เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ กรกฎาคม 05, 2011, 09:11:27 AM (http://www.4x4.in.th//vision12/photo/04767-201172081840.jpg)
ปีพุทธศักราช 2498 นางหนูพุก ภรรยาของนายตา ชาวตำบลหนองแซง อำเภอลิงนกทา จังหวัดอุบลราชธานี มีอาชีพค้าขายขนมจีน ตั้งครรภ์ลูกคนที่ 8 เมื่อครบกำหนดได้คลอดออกมาเป็นลูกชาย มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง แต่ลูกคนนี้มีลักษณะผิดประหลาดไม่เหมือนทารกแรกเกิดทั่วไป คือผิวหนังทั้งตัวเป็นลายตารางสีแดงพาดตัดกันเหมือนขนมเปียกปูน หรือคล้ายๆ ผิวปลาช่อน ที่ขอดเกล็ดออกอย่างไรนั้น ลายประหลาดนี้มีตั้งแต่ใบหน้ามาถึงสะดือ ลายส่วนนี้จะมีสีค่อนข้างอ่อนจาง แต่จากสะดือลงมาถึงข้อเท้าจะเป็นสีเข้ม โดยความเข้ม จะไล่จากสะดือลงมา และมาเป็นสีเข้มจัดตรงบริเวณหน้าแข้ง พ่อแม่ได้ตั้งชื่อให้เป็นมงคลนามว่า บัวลอย เมื่อบัวลอยเจริญเติบโตพ้นวัยทารก ลายสีแดงตามตัวค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเข้ม และลักษณะซึ่งเหมือนเกล็ดปลาช่อนเริ่มเห็นชัดว่าคล้ายเกล็ดงูเหลือม เซลล์ผิวหนังตรงบริเวณเกล็ดแห้งแข็งคล้ายหนังงูลอกคราบ เวลาเอามือไปลูบบริเวณที่เป็นเกล็ด ผิวเกล็ดจะหลุดร่วงออกมาได้เหมือนแผลตกสะเก็ดทั่วไป นอกจากบัวลอยจะมีลักษณะแปลกประหลาดบนเนื้อตัวมาตั้งแต่กำเนิด เขายังมีกิริยาซึ่งผิดปกติธรรมดาของเด็กทั่วไป นั่นคือเมื่ออายุได้ 2 ขวบกว่า เดินได้คล่องแล้ว เวลาจะขึ้นบันไดลงบันได บัวลอยจะไม่เดินขึ้นลงเหมือนคนทั่วไป หากจะนอนพังพาบกับพื้นแล้วไถลตัวเองลงไปทีละขั้นโดยเอาหัวลงไปก่อนจนกระทั่วถึงพื้นเบื้องล่าง ส่วนเวลาขึ้นบันไดก็จะไถลตัวเองขึ้นไปในลักษณะเดียวกัน แม้เวลาจะนอนบัวลอยก็นอนไม่เหมือนเด็กอื่น คือจะหาราวไม้หรือราวระเบียงเป็นที่เกี่ยวขาห้อยหัวลงมา ลักษณะการขึ้นบันได ลงบันได ตลอดจนท่านอนของบัวลอยเป็นลักษณะเดียวกับงูเลื้อยไม่มีผิด หัวข้อ: Re: ชาติที่แล้วผมเป็น ............. "งูเหลือม" เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ กรกฎาคม 05, 2011, 09:13:22 AM ตอนแรกๆ แม่กับพ่อก็ดุด่าห้ามปรามไม่ให้บัวลอยแสดงกิริยาเช่นนั้น เพราะคิดว่าเด็กเล่นซุกซนทำอะไรพิเรนแผลงๆ แต่ไม่ว่าจะดุจะขู่
และทำท่าจะเฆี่ยนตีอย่างไร บัวลอยก็ยังทำกิริยาท่าทางเหมือนเดิมไม่ยอมเปลี่ยน จนพ่อแม่อ่อนใจ จำต้องปล่อยให้เด็กชายบัวลอย แสดงกิริยาพิลึกๆ ตามที่เขาชอบต่อไป เพราะห้ามอย่างไรก็ไม่ฟัง เมื่อบัวลอยเติบโตขึ้น การแสดงกิริยาท่าทางเหมือนงูดังกล่าว ก็ค่อยๆ หายไป ทั้งนี้อาจเนื่องจากได้อยู่ใกล้ชิดกับพ่อแม่และพวกพี่ๆ เรียนรู้จดจำกิริยาท่าทางอันเป็นปกติของมนุษย์ทั่วไป การเคลื่อนไหวแปลกๆ จึงได้เลือนหายไป แต่บางครั้งมีใครมาขอให้เขาแสดง ท่าทางคล้ายงูให้ดู บัวลอยก็จะแสดงให้ดูทันที และทำได้อย่างคล่องแคล่วเพราะมีความเคยชินอยู่ก่อนแล้ว ความวิตกกังวลอีกอย่างหนึ่งของนายตาและนางหนูพุกผู้เป็นพ่อแม่ก็คือ เรื่องผิวพรรณของบัวลอยซึ่งไม่เหมือนพวกพี่ๆ และเด็กทั่วไป ผิวหนังที่แตกเป็นเกล็ดคล้ายๆ งูเหลือมนั้น ทั้งสองไม่รู้ว่าเป็นอะไรและเกิดจากอะไร ทำให้พ่อแม่หวั่นวิตกว่าจะเป็นโรคผิวหนังร้ายแรง หรือเปล่าก็ไม่รู้ เพราะรอยแตกเป็นเกล็ดนั้นไม่ยอมหายไปเสียที ดังนั้น ทั้งสองจึงพาบัวลอยไปหานายแพทย์เพื่อขอให้ตรวจดู แพทย์หรือคุณหมอ ซึ่งประจำอยู่ที่สถานีอนามัยเลิงนกทาสอบถามนายตา กับนางหนูพุกว่ามีญาติพี่น้องคนใดมีผิวหนังผิดปกติลักษณะเดียวกันแบบนี้หรือไม่ เพราะอาจเป็นโรคติดต่อจากกรรมพันธุ์ก็ได้ ทั้งสองยืนยันว่าญาติพี่น้องของตนทั้งสองฝ่ายไม่มีใครมีผิวหนังลักษณะเช่นนี้แม้แต่คนเดียว หมอจึงให้ยาทามาลองทาดูก่อน หัวข้อ: Re: ชาติที่แล้วผมเป็น ............. "งูเหลือม" เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ กรกฎาคม 05, 2011, 09:15:25 AM บัวลอยทายาโรคผิวหนังจนหมดลับก็ไม่ปรากฏผลอะไรเลย ผิวหนังที่แตกเป็นลายงูเคยเป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น พ่อกับแม่เห็นว่ารักษา
ไม่บังเกิดผลและลูกก็ไม่มีอาการเจ็บปวดแต่อย่างไร จึงไม่คิดจะหาทางรักษาอีก ความเปลี่ยนแปลงที่น่าสังเกตก็คือ นานๆ ครั้งเกล็ดตามเนื้อตัวของบัวลอยจะลอกหลุดออกเสียทีหนึ่งคล้ายๆ กับการลอกคราบของงูไม่มีผิด นี่ก็เป็นเรื่องแปลก เวลาได้ผ่านไปกระทั่งบัวลอยมีอายุได้ 3 ขวบ เริ่มพูดได้ เขาก็เจริญวัยเป็นปกติดีทุกอย่างเพียงแต่เนื้อตัวแตกระแหงเป็นลายเกล็ดงูเกือบ จะทั่วทั้งตัวเท่านั้น โดยเฉพาะที่หน้าแข้งจะมีลายชัดเจนมาก คนที่เพิ่งเห็นนึกว่าเป็นโรคผิวหนังมักจะรีบถอยออกห่างๆ เนื่องจากกลัวจะเป็น โรคติดต่อ แต่พ่อแม่ก็ยังรักเอ็นดูบัวลอยเช่นเดียวกับลูกคนอื่นๆ มิได้นึกรังเกียจเดียจฉันท์แม้แต่น้อย วันหนึ่ง ที่วัดโพธารามได้จัดงานบุญประจำปีขึ้น นายตาไปเที่ยวที่งานนั้นพร้อมกับพาบัวลอยลูกชายไปด้วย เมื่อไปถึงบริเวณงานก็ปล่อยให้ บัวลอยวิ่งเล่นที่ลานวัดซึ่งมีคนเดินไปเดินมาพลุกพล่าน ขณะที่บัวลอยกำลังวิ่งเล่นอยู่นั้น มีชายสูงอายุคนหนึ่งเดินผ่านมา พอบัวลอยเห็นหน้า ชายสูงอายุคนดังกล่าวก็หยุดวิ่งเล่นทันที แล้วจ้องมองหน้าเขม็งด้วยสายตาโกรธแค้นทั้งๆ ที่เพิ่งเห็นหน้ากันเป็นครั้งแรก แล้วบัวลอยก็วิ่งเข้าไปกระตุกชายผ้านุ่งของชายสูงอายุ ตะโกนต่อว่าด้วยเสียงอันดัง เฒ่าเหี่ยวใจร้าย! เฒ่าเหี่ยวใจร้าย! ชายสูงอายุคนนั้นมีชื่อว่า เหี่ยวจริงๆ เสียด้วย รู้สึกงงงันที่จู่ๆ มีเด็กตัวเล็กๆ มากระตุกชายผ้านุ่งแล้วพูดว่าตนใจร้าย พอดีนายตาเห็นลูก เข้าไปพูดจาไม่ดีกับผู้ใหญ่ ประกอบกับรู้จักคุ้นเคยกับเฒ่าเหี่ยวมาก่อนจึงรีบเข้าไปดึงบัวลอยออกมา พลางขอโทษขอโพยแทนลูก ตาเหี่ยวก็หัวเราะไม่ถือสาแล้วเดินจากไป เวลานั้นนายตาผู้เป็นพ่อยังไม่สะกิดใจอะไร อุ้มบัวลอยออกเดินเที่ยวงานต่อไปอีก กระทั่งเห็นสมควรแก่เวลาแล้วจึงพาลูกกลับบ้าน เมื่อถึงบ้านนั่งพักพอหายเหนื่อยแล้วเกิดนึกสงสัยขึ้นมาว่าทำไมบัวลอยจึงแสดงกิริยาวาจาก้าวร้าวกับผู้ใหญ่คือตาเหี่ยว จึงเรียกบัวลอย มาซักถามสาเหตุที่ไปต่อว่าตาเหี่ยวเช่นนั้น บัวลอยก้มหน้านิ่งอยู่ครูหนึ่งจึงได้เงยหน้าขึ้นมา บอกเล่าเรื่องราวที่ทำให้นายตาถึงกับตื่นตะลึง และคิดไม่ถึงว่าลูกตัวน้อยๆ ของตนจะพูดออกมาเป็นเรื่องราวซึ่งพิศดารอันเหลือเชื่อปานนั้น อ่านต่อที่นี่ครับ >>>>>>>>> http://jantatip.exteen.com/20070703/entry (http://jantatip.exteen.com/20070703/entry) หัวข้อ: Re: ชาติที่แล้วผมเป็น ............. "งูเหลือม" เริ่มหัวข้อโดย: คมขวาน รักในหลวง ที่ กรกฎาคม 05, 2011, 09:17:15 AM ขอบคุณ ครับ ลุงปู
พี่แป๋งก็เป็น แต่จะออกอาการเป็นบาง ครั้ง ครับ ::005:: ::005:: หัวข้อ: Re: ชาติที่แล้วผมเป็น ............. "งูเหลือม" เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ กรกฎาคม 05, 2011, 09:19:06 AM (http://www.4x4.in.th/vision12/photo/40441-5-201172132619.jpg)
นางหนูพุก แสงวงศ์ เรื่องนี้เกิดที่บ้านแซง อำเภอเลิงนกทา จังหวัดอุบลราชธานี เริ่มแต่ เด็กชายบัวลอย แสงวงศ์ ตัวเรื่องเกิดประมาณปี พ.ศ. ๒๔๙๘ เมื่อเริ่มรู้เรื่องราวกันในวงแคบๆ แล้ว ก็บอกเล่ากล่าวขานกันกว้างขวางออกไป มีคณะบุคคลร่วมกันไปพิสูจน์ข้อเท็จจริงตามคำเล่าลือคณะหนึ่ง ประกอบด้วยพระคุณท่านเจ้าคุณพระมงคลเมธี เจ้าคณะจังหวัด อุบลราชธานี พระมหาถวัลย์ จารยสุโภ(วัดทุ่งศรีเมือง จ.อุบลราชธานี) ท่านปลัดอำเภอเลิงนกทา และบุคคลที่ไม่ได้กล่าวชื่ออีก ๕ คน กับภิกษุสามเณร และชาวบ้าน ผู้อยากรู้อยากเห็น ร่วมเดินทางไปอีกจำนวนมาก ในการพิสูจน์สอบสวนเด็กชายบัวลอยต้นเรื่องแล้วยังขอสัมภาษณ์ผู้เกี่ยวข้องอีกหลายราย พอสรุปเนื้อหาสาระได้ดั้งนี้ เด็กที่สืบชาติจากงูเหลือมมาเกิด ชื่อ เด็กชายบัวลอย แสงวงศ์ ขณะคณะบุคคลดังกล่าวไปพิสูจน์เมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๑ เขามีอายุ ๑๓ ปีแล้ว เขาเป็นลูกคนที่ ๘ ของ นายดา แสงวงศ์ กับ นางหนูพุก แสงวงศ์ ด.ช.บัวลอยจำอดีตชาติได้ ๒ ชาติ เขาเล่าแก่คณะพิสูจน์ว่า เขาจำได้แม่นยำในชาติก่อนหน้าที่เขาจะเกิดมาเป็นงูเหลือม เขาเคยเกิดเป็นกวางตัวเมียเคราะห์ร้ายถูกพรานป่ายิงตาย วิญญาณ(โอปปาติกะ)เขาออกจากร่างกวางไปพบเจ้าพ่อแห่งผีตนหนึ่ง ชื่อเจ้าศรีสงครามเจ้าพ่อแห่งผีให้เขาไปเกิด เป็นงู เฝ้าสมบัติ(พระพุทธรูป)ในถ้ำอ่างน้ำจาง ซึ่งอยู่ในท้องที่อำเภอเลิงนกทา ที่ถ้ำนี้มีงูเหลือมใหญ่เฝ้าสมบัติอยู่หลายตัว ชาวบ้านกลัวงูเหลือมเหล่านี้จึงไม่กล้าเข้าไปในถ้ำ ตัวเขาเอง(ตอนที่เป็นโอปปาติกะหรือวิญญาณกวาง)จึงได้ไปเกิดเป็นงูเหลือมตัวเมีย เมื่อตัวเขา(ตอนที่เป็นงูเหลือม)เติบโตเป็นงูสาวก็ได้สมสู่กับงูตัวผู้ในถ้ำ จนมีลูกในท้อง คราวหนึ่งนางงูเหลือมท้องไปหากินที่ห้วยน้ำจาง มีหมา ๒ ตัว มาเห่ากระโชก นางงูเหลือมไม่กลัวคิดจะจับหมากินเสีย แต่ยังไม่ทันมีโอกาสได้จับกิน ก็มีเจ้าของหมา ๒ ตัวนั้น มาพบงูเหลือมแสดงท่าร้ายจึงเกิดต่อสู้กับงู งูเหลือมเมื่อได้โอกาสก็หนีไปได้ เมื่อไปถึงปากถ้ำอ่างน้ำจางอันเป็นถ้ำที่อยู่เฝ้าพระพุทธรูป ยังไม่ทันเข้าในถ้ำ นึกว่าปลอดภัยจึง นอนพักผึ่งแดดจนงีบหลับไปรู้สึกตัวอีกทีก็มีเชือกบ่วงรัดคอแน่น นางงูเหลือมเหลือบตาดูก็เห็นชายคนที่ต่อสู้กันที่ห้วยน้ำจาง กับชายอีกคนหนึ่ง ช่วยกันรัดคองูเหลือม(คือตัวเขา)แล้วใช้ท่อนไม้ร่วมกันตีหัวงูจนความรู้สึกดับวูบไปรู้สึกตัวอีกทีก็เป็นโอปปาติกะงู(วิญญาณงู) เห็นชายทั่งสองร่วมกันตัดร่างงูเหลือม(คือร่างเดิมของเขา)เป็นท่อน โอปปาติกะงู ติดตามไปจนกระทั่งเขานำเนื้องูเหลือมไปแกงกินกัน เขาจำชายคนแรกที่สู้กลับเขาทำร้ายเขาได้ติดตา และโกรธเคืองไม่หาย(พยาบาท) ในบรรดาพวกคนที่เขากินเนื้องูกันอยู่ มีอยู่คนหนึ่งมาร่วมกินด้วย โอปปาติกะงูเห็นชายนั้น มีลักษณะท่าทางไม่ค่อยดุร้าย เมื่อพวกคนเขากินกันเสร็จแล้วก็พากันแยกย้ายกลับบ้าน โอปปาติกะงูตัดสินใจไปกับชายท่าทางใจดีคนนั้น โดยโดดเกาะไหล่เขาไป จนกระทั่ง ถึงบ้านของชายคนนั้น พอชายคนนั้นขึ้นบันไดบ้าน เขาจึงออกจากบ่าของชายคนนั้นไปอยู่บนเสารั้วใกล้ๆบันไดบ้าน ต่อมาเขาเห็นผู้หญิงคนหนึ่งออกจากห้องมาดื่มน้ำ โอปปาติกะงูจึงโดดจากปลายเสารั้วไปหาหญิงนั้นเลยตกลงไปในขันน้ำ ผู้หญิงนั้นดื่มน้ำเข้าไปก็ติดโอปปาติกะลงท้องไปด้วย ต่อมาเขา(โอปปาติกะงู) ก็รู้สึกตัวว่าเขาได้เกิดมาเป็นเด็กชายบัวลอย ชายคนนั้นที่เขา(โอปปาติกะงู)เกาะบ่ามาก็คือ นายดา แสงวงศ์ พ่อของเขาเอง และผู้หญิงที่ดื่มน้ำติดเขา(โอปปาติกะงู) ลงท้องไปด้วยก็คือนางหนูพุก แสงวงศ์ แม่ในชาตินี้ของเขานั้นเอง หัวข้อ: Re: ชาติที่แล้วผมเป็น ............. "งูเหลือม" เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ กรกฎาคม 05, 2011, 09:21:02 AM (http://www.4x4.in.th/vision12/photo/40441-6-201172132732.jpg)
นายเหี่ยว กุมารสิทธิ์ เด็กชายบัวลอย เกิดมาจำอดีตชาติได้ และผิวหนังประหลาด มีลายเป็นเกล็ดคล้ายเกล็ดงูเหลือมในชาติก่อนของเขา จะเช็ดถูอย่างไรก็ไม่หายเป็นอันเดียวกับหนัง เด็กชายบัวลอยรู้สึกนึกคิดเหมือนอย่างมนุษย์ธรรมดาทั่วไป แต่ความรู้สึกสะเทือนใจ เคียดแค้นเมื่อตอนที่เขาเป็นงูแล้วถูกคนฆ่าตายยังติดอยู่ในใจมาตลอดถึงชาตินี้ เมื่อเขาเป็นเด็กโตพอจำความได้ คราวหนึ่งเขาไปเที่ยวงานที่บ้านห้องแซง เขาพบชายแก่คนที่ฆ่าเขาเมื่อตอนที่เขาเป็นงูเหลือม แล้วตัดร่างเขา(งูเหลือม)ออกเป็นท่อนๆ แล้วแกงกิน เขายังจำได้แม่นยำ เขาแสดงสีหน้าโกรธแค้นแต่เขายังเป็นเด็กทำอะไรชายแก่นั้นไม่ได้ เพียงแต่จับดึงผ้านุ่งของชายแก่จนหลุดเท่านั้น ชายแก่ผู้นี้คือ นายเหี่ยว กุมารสิทธิ์ ในตอนนั้นเขารู้สึกมึนงงสงสัยว่า เด็กที่ไหนลูกเต้าเหล่าใครมาดึงผ้านุ่งของเขาจนหลุด แล้วยังมาทำหน้าดุๆใส่เขาอีก ต่อมาเขาได้ทราบ จากครอบครัวของเด็กชายคนนั้นว่า เด็กชายบัวลอยคืองูเหลือมที่เขาเคยฆ่ามาแกงกินกลับชาติมาเกิด เขาจึงซื้อเสื้อผ้ามาให้และด้ายผูกข้อมือรับขวัญเด็กชายบัวลอย อธิษฐานขอขมาลาโทษ อย่าได้จองเวรจองกรรมกันเลย ต่อมานายเหี่ยว กุมารสิทธิ์ ก็กลายเป็นคนจิตใจอ่อนโยน กลัวบาปกลัวกรรมมากขึ้น และนายเหี่ยวก็เป็นคนหนึ่งที่ พาคณะพิสูจน์ไปสัมภาษณ์ เด็กชายบัวลอย นายเหี่ยว เล่าถึงความหลังให้ฟังว่า เขาเป็นคนบ้านสีแก้วห่างจากบ้านห้องแซงบ้านเกิดของ ด.ช.บัวลอย ประมาณ ๒๐ กม. คราวหนึ่ง(ประมาณปี พ.ศ.๒๔๙๗ ) เขาตั้งใจไปจับเต่าที่ห้วยน้ำจาง จึงพาหมาไปด้วย ๒ ตัว เมื่อไปถึงห้วยลำห้วยน้ำจาง ได้ยินหมาเห่ากระโชกอยู่ฝั่งตรงข้ามจึงข้ามลำน้ำไปดู ก็พบงูเหลือมตัวโต นายเหี่ยวเห็นก็คิดจะฆ่าเอางูไปเป็นอาหาร แต่พอจะจับงูก็สู้ เกิดการต่อสู้กัน สุดท้ายงูเหลือมตัวนั้นหนีไปได้ เมื่องูตัวนั้นเลื้อยหนีไปเขาจึงรีบกลับไปบ้าน พาเพื่อนคนหนึ่ง มาช่วยตามจับงูด้วย พวกเขาตามรอยงูเหลือมไปจนไปพบมันนอนนิ่งอยู่(หลับ) ใกล้ปากถ้ำ พวกเขาจึงช่วยกันฆ่างูเหลือมตาย แล้วนำไปตัดเป็นท่อนๆ แล้วแกงกินกัน (เหตุการณ์ที่นายเหี่ยวเล่ามา ตรงกับคำบอกเล่าของเด็กชายบัวลอยชาติที่เป็นงูเหลือมถูกฆ่าทุกประการ) และต่อมาเมื่อนายเหี่ยวทราบเรื่องราวการจำอดีตชาติได้ของเด็กชายบัวลอย ก็เชื่อมโยงเรื่องราวได้ว่า วันนั้นที่เด็กชายบัวลอยแสดงสีหน้าโกรธเคืองถึงกับกระชาก ผ้านุ่งเขาหลุด ในงานบ้านห้องแซง ทั้งที่เขาไม่เคยรู้จักหรือพบหน้ากันมาก่อนเลยนั้น ก็คืองูเหลือมที่เขาฆ่าตายสืบชาติมาเกิดนั่นเอง เด็กชายบัวลอยจำหน้าเขาได้ เมื่อครั้งที่เป็นงูเหลือมที่ต่อสู้กันและโดนเขาฆ่าตาย เอาเนื้อไปกินเมื่อครั้งกระโน้น หัวข้อ: Re: ชาติที่แล้วผมเป็น ............. "งูเหลือม" เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ กรกฎาคม 05, 2011, 09:23:42 AM (http://www.4x4.in.th/vision12/photo/40441-7-201172132821.jpg) (http://www.4x4.in.th/vision12/photo/40441-8-201172132853.jpg)
รอยแผลเป็นต่างๆ ข้อมูลเพิ่มเติม : - ปัจจุบัน นายบัวลอย แสงวงศ์ อายุ 55 ปี - ตอนตั้งท้อง ด.ช.บัวลอย นางหนูพุกผู้เป็นแม่ฝันว่ามีงูตัวใหญ่มากกลิ้งมาหาเธอ และขอมาอยู่ด้วย - ด.ช.บัวลอย แสงวงศ์ มีรอยแผลเป็นขนาดใหญ่ที่ติดตัวมาตั้งแต่แรกเกิด 2 รอย ที่บริเวณหลัง และบริเวณรักแร้ ซึ่งเป็นร่องรอยบาดแผลที่สืบเนื่องมาจากเหตุการณ์ในอดีตชาติ ที่นางงูเหลือมถูกพรานเหี่ยวใช้มีดฟันจนตาย และจนถึงปัจจุบันนี้ก็ยังปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน หัวข้อ: Re: ชาติที่แล้วผมเป็น ............. "งูเหลือม" เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ กรกฎาคม 05, 2011, 09:25:30 AM (http://www.4x4.in.th/vision12/photo/40441-9-201172132919.jpg)
ร่องรอยบาดแผลบริเวณไหล่ขวาของพรานเหี่ยว - นายเหี่ยว กุมารสิทธิ์ เมื่อได้พิสูจน์เรื่องราวการจำอดีตชาติได้ของ ด.ช.บัวลอย แล้วรู้สึกสำนึกผิดในบาปกรรมที่ทำไว้ เขาจึงบวชอุทิศให้กับงูที่ถูกตัวเองฆ่าในครั้งนั้น เป็นเวลา 3 พรรษา โปรดใช้วิจารณญานในการอ่านด้วย ......... ขอบคุณครับ หัวข้อ: Re: ชาติที่แล้วผมเป็น ............. "งูเหลือม" เริ่มหัวข้อโดย: คมขวาน รักในหลวง ที่ กรกฎาคม 05, 2011, 09:26:00 AM ขอบคุณ ครับ ลุงปู อ้าว โษที ครับ ::014::พี่แป๋งก็เป็น แต่จะออกอาการเป็นบาง ครั้ง ครับ ::005:: ::005:: คั่นกลางซะแล้ว นึกว่าจบแล้ว ครับ ::004:: ::004:: หัวข้อ: Re: ชาติที่แล้วผมเป็น ............. "งูเหลือม" เริ่มหัวข้อโดย: RMAY ที่ กรกฎาคม 05, 2011, 09:34:32 AM ขอบคุณครับ ลุง +1 ครับ ::014::
ยากที่จะเชื่อ แต่ก็ต้องเชื่อ ::014:: หัวข้อ: Re: ชาติที่แล้วผมเป็น ............. "งูเหลือม" เริ่มหัวข้อโดย: carrera ที่ กรกฎาคม 05, 2011, 09:43:59 AM ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ ;D ;D ;D
หัวข้อ: Re: ชาติที่แล้วผมเป็น ............. "งูเหลือม" เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ กรกฎาคม 05, 2011, 09:47:49 AM เพื่อนผมคนหนึ่งโดนสตรีในสถานบันเทิงต่อว่า "พี่นี่..ชาติที่แล้วคงเป็นปลาหมึกนะเนี่ย..." ;D
หัวข้อ: Re: ชาติที่แล้วผมเป็น ............. "งูเหลือม" เริ่มหัวข้อโดย: soveat ชุมไพร ที่ กรกฎาคม 05, 2011, 09:48:48 AM จะมีใครมาดึงกุงเกงตูไหมเนี่ย ::005::
หัวข้อ: Re: ชาติที่แล้วผมเป็น ............. "งูเหลือม" เริ่มหัวข้อโดย: คมขวาน รักในหลวง ที่ กรกฎาคม 05, 2011, 09:50:34 AM จะมีใครมาดึงกุงเกงตูไหมเนี่ย ::005:: อืมส์ เป็นไปได้ ::007::หัวข้อ: Re: ชาติที่แล้วผมเป็น ............. "งูเหลือม" เริ่มหัวข้อโดย: wiched ที่ กรกฎาคม 05, 2011, 11:14:55 AM น่ากลัวจังเลยครับ +1
หัวข้อ: Re: ชาติที่แล้วผมเป็น ............. "งูเหลือม" เริ่มหัวข้อโดย: ~ Sitthipong - รักในหลวง ~ ที่ กรกฎาคม 05, 2011, 11:19:03 AM เพื่อนผมคนหนึ่งโดนสตรีในสถานบันเทิงต่อว่า "พี่นี่..ชาติที่แล้วคงเป็นปลาหมึกนะเนี่ย..." ;D เห็นสาว ๆ แล้วมือเหมือนปลาหมึก :OO หัวข้อ: Re: ชาติที่แล้วผมเป็น ............. "งูเหลือม" เริ่มหัวข้อโดย: Southlander ที่ กรกฎาคม 05, 2011, 11:27:41 AM เพื่อนผมคนหนึ่งโดนสตรีในสถานบันเทิงต่อว่า "พี่นี่..ชาติที่แล้วคงเป็นปลาหมึกนะเนี่ย..." ;D เห็นสาว ๆ แล้วมือเหมือนปลาหมึก :OO บางคนพอให้ขึ้นเวทีพูดอะไรสักหน่อย ออกอาการเหมือนคนมือเยอะคือไม่รู้จะเก็บไว้ไหนดี ซุกกระเป๋าก็แล้ว กุมเป้าก็แล้ว ไพล่หลังก็แล้ว บิดก็แล้ว มือก็ยังไม่หมด แต่พอเข้าที่มืดๆสลัวๆเมื่อไหร่จะเปลี่ยนไปทันทีคือ เหมือนกับคนที่มีมือไม่พอใช้ เลื้อยยุ่บยั่บไปหมดทั้งซ้าย-ขวา บางทีหันมาพูดกับผม เฮ้ยๆ น้องๆเยอะ ยืมมือคุณหน่อยได้ไม๊ มือผมไม่พอ ไม่ทันใช้เสียแล้วว่ะ ::013:: หัวข้อ: Re: ชาติที่แล้วผมเป็น ............. "งูเหลือม" เริ่มหัวข้อโดย: จอยฮันเตอร์ ที่ กรกฎาคม 05, 2011, 11:40:15 AM นึกว่าลุงปูออกมาสารภาพ ::007::
หัวข้อ: Re: ชาติที่แล้วผมเป็น ............. "งูเหลือม" เริ่มหัวข้อโดย: PsanP_IT.31(ไพศาล ๓) ที่ กรกฎาคม 05, 2011, 01:54:49 PM ขอบคุณครับลุงปู....
ตามไปอ่านลิ้ง....เห็นแต่ละเม้นท์แล้ว.....ไม่น่าเชื่อว่าเป็น บอร์ดเกี่ยวกับพระ-เจ้า.... ::005:: ::005:: ::005:: หัวข้อ: Re: ชาติที่แล้วผมเป็น ............. "งูเหลือม" เริ่มหัวข้อโดย: คมขวาน รักในหลวง ที่ กรกฎาคม 05, 2011, 02:03:57 PM ขอบคุณครับลุงปู.... ลุงปูธรรมะธรรมโมจะตายตามไปอ่านลิ้ง....เห็นแต่ละเม้นท์แล้ว.....ไม่น่าเชื่อว่าเป็น บอร์ดเกี่ยวกับพระ-เจ้า.... ::005:: ::005:: ::005:: เห็นเด็กปิ๊ง ๆ ๆก็จะนั่งบริกรรม พุทโธ ๆๆๆพุทโธ่ๆ(เอ๊ย) ยุบหนอ พองหนอ ๆ ๆ ๆ ๆ รุ่นนี้ไม่มีเที่ยวไล่จับเด็ก ครับ วัยตั้งมั่น ตั้งมั่นให้เด็กวิ่งเข้ามาหาเอง :D~ :D~ :D~ หัวข้อ: Re: ชาติที่แล้วผมเป็น ............. "งูเหลือม" เริ่มหัวข้อโดย: PsanP_IT.31(ไพศาล ๓) ที่ กรกฎาคม 05, 2011, 02:43:31 PM ขอบคุณครับลุงปู.... ลุงปูธรรมะธรรมโมจะตายตามไปอ่านลิ้ง....เห็นแต่ละเม้นท์แล้ว.....ไม่น่าเชื่อว่าเป็น บอร์ดเกี่ยวกับพระ-เจ้า.... ::005:: ::005:: ::005:: เห็นเด็กปิ๊ง ๆ ๆก็จะนั่งบริกรรม พุทโธ ๆๆๆพุทโธ่ๆ(เอ๊ย) ยุบหนอ พองหนอ ๆ ๆ ๆ ๆ รุ่นนี้ไม่มีเที่ยวไล่จับเด็ก ครับ วัยตั้งมั่น ตั้งมั่นให้เด็กวิ่งเข้ามาหาเอง :D~ :D~ :D~ มิน่า... ::005:: ::005:: ::005:: ;D ;D ;D ::014:: หัวข้อ: Re: ชาติที่แล้วผมเป็น ............. "งูเหลือม" เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ กรกฎาคม 05, 2011, 02:47:05 PM โฮ้ยยยยยยยย แต่ละคน ............ (http://upic.me/i/xr/25issg4_th.gif) (http://upic.me/show/14930551) หัวข้อ: Re: ชาติที่แล้วผมเป็น ............. "งูเหลือม" เริ่มหัวข้อโดย: คมขวาน รักในหลวง ที่ กรกฎาคม 05, 2011, 03:03:40 PM โฮ้ยยยยยยยย แต่ละคน ............ (http://upic.me/i/xr/25issg4_th.gif) (http://upic.me/show/14930551) หัวข้อ: Re: ชาติที่แล้วผมเป็น ............. "งูเหลือม" เริ่มหัวข้อโดย: ตี๋ br ที่ กรกฎาคม 05, 2011, 04:40:52 PM รีบเข้ามาอ่าน นึกว่า อยู่ๆน้าปูก็ระลึกชาติ ตกใจหมดเลย โธ่ แล้วไป
แต่วันก่อน ไปซุ้ม นางเลิ้ง เจองูเหลือม นอนอยู่บนตั่ง พุงใหญ่มาก เจ้า ตัวสารภาพว่า กินหม..เข้าไปตัวนึง รอย่อยอยู่ รู้สึกน้าซับ จะถ่ายรูปไว้เป็น หลักฐานโพสท์ที่กระทู้สมาชิกใหม่.. ::005:: ::014:: หัวข้อ: Re: ชาติที่แล้วผมเป็น ............. "งูเหลือม" เริ่มหัวข้อโดย: คมขวาน รักในหลวง ที่ กรกฎาคม 05, 2011, 04:55:32 PM รีบเข้ามาอ่าน นึกว่า อยู่ๆน้าปูก็ระลึกชาติ ตกใจหมดเลย โธ่ แล้วไป แต่วันก่อน ไปซุ้ม นางเลิ้ง เจองูเหลือม นอนอยู่บนตั่ง พุงใหญ่มาก เจ้า ตัวสารภาพว่า กินหม..เข้าไปตัวนึง รอย่อยอยู่ รู้สึกน้าซับ จะถ่ายรูปไว้เป็น หลักฐานโพสท์ที่กระทู้สมาชิกใหม่.. ::005:: ::014:: ขอบคุณ ครับ ลุงปู ตามนี้ครับพี่ตี๋พี่แป๋งก็เป็น แต่จะออกอาการเป็นบาง ครั้ง ครับ ::005:: ::005:: มี ๒ อาการ คือแบบพี่ตี๋ว่า กับแบบออกอาการที่หัว ครับ ::005:: ::005:: รีบเข้ามาอ่าน นึกว่า อยู่ๆน้าปูก็ระลึกชาติ ตกใจหมดเลย โธ่ แล้วไป แต่วันก่อน ไปซุ้ม นางเลิ้ง เจองูเหลือม นอนอยู่บนตั่ง พุงใหญ่มาก เจ้า ตัวสารภาพว่า กินหม..เข้าไปตัวนึง รอย่อยอยู่ รู้สึกน้าซับ จะถ่ายรูปไว้เป็น หลักฐานโพสท์ที่กระทู้สมาชิกใหม่.. ::005:: ::014:: หัวข้อ: Re: ชาติที่แล้วผมเป็น ............. "งูเหลือม" เริ่มหัวข้อโดย: lek ที่ กรกฎาคม 05, 2011, 06:09:41 PM สงสัยชาติก่อนผมเป็นรถขุดครับ ชาตินี้ก็ยังชอบล้วงชอบควักอยู่เลย หัวข้อ: Re: ชาติที่แล้วผมเป็น ............. "งูเหลือม" เริ่มหัวข้อโดย: อ้วน 008 รักในหลวง ที่ กรกฎาคม 05, 2011, 08:43:45 PM ผมสนใจอ่านเรื่องแบบนี้ครับ
และมีอาการเลื้อยคล้ายงูบ้าง..........เวลาเมา ;D หัวข้อ: Re: ชาติที่แล้วผมเป็น ............. "งูเหลือม" เริ่มหัวข้อโดย: จอยฮันเตอร์ ที่ กรกฎาคม 06, 2011, 08:10:51 AM สงสัยชาติก่อนผมเป็นรถขุดครับ ชาตินี้ก็ยังชอบล้วงชอบควักอยู่เลย หัวข้อ: Re: ชาติที่แล้วผมเป็น ............. "งูเหลือม" เริ่มหัวข้อโดย: JUNGLE ที่ กรกฎาคม 06, 2011, 10:44:12 AM สงสัยชาติก่อนผมเป็นรถขุดครับ ชาตินี้ก็ยังชอบล้วงชอบควักอยู่เลย ::007:: ::007:: ::007:: ::014:: |