..เครื่องคำนวณเครื่องแรกของโลกที่ยอมรับกันคือลูกคิดที่ประดิษฐ์โดยชาวจีน
..เครื่องคำนวณเครื่องแรกที่ทำการคำนวณในระบบเลขฐาน 10 (Decimal Number System) ประดิษฐ์โดยนักวิทยาศาสตร์ชาวฝรั่งเศสชื่อ Blaise Pascal ในปี ค.ศ.1642 ประกอบด้วยเฟืองและเกียร์ เครื่องดังกล่าวสามารถทำได้เพียงการบวกและการลบเท่านั้น ยังไม่สามารถทำการคูณกับการหารได้
..ปี ค.ศ.1670 นักคณิตศาสตร์ชาวเยอรมันชื่อ Baron Von Liebnitz ได้ปรับปรุงเครื่องคำนวณของ Pascal ให้สามารถทำการคูณ การหาร และหาราก (Roots) ของตัวเลขได้ นับเป็นเครื่องต้นแบบของเครื่องคำนวณที่มีใช้กันมากในทางธุรกิจก่อนที่จะมีเครื่องคำนวณแบบอิเล็กทรอนิกส์
เครื่องคำนวณเครื่องแรกที่ถือเป็นต้นแบบของคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน ออกแบบโดยนักคณิตศาสตร์ชาวอังกฤษชื่อ Charles Babbage ในราวปี ค.ศ.1800 เรียกว่าเครื่องจักรกลวิเคราะห์ (Analytical Engine) แม้ว่าจะไม่สามารถสร้างให้ใช้งานได้ แต่ก็ถือเป็นความพยายามครั้งแรกที่จะเอาหน่วยความจำ (Memory) ใส่เข้าไปในเครื่องคำนวณ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน Babbage Machine นี้ยังคงเก็บรักษาไว้ที่ Science Museum ใกล้ๆ Hyde Park ในลอนดอน (เดินจากสถานฑูตไทยมาประมาณ 400 เมตร) เครื่องใหญ่มาก...
คอมพิวเตอร์อิเล็กทรอนิกส์ความสามารถสูงเครื่องแรก ที่ประกอบด้วยอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แบบกัมมันต์ (Active) สร้างโดย Eckert กับ Mauchly ในปี ค.ศ.1946 ที่ University of Pensilvania ชื่อ ENIAC (Electronic Numerical Integrator And Computer) หนัก 30 ตัน ประกอบด้วยหลอดสูญญากาศถึง 18,000 หลอด แต่เมื่อเทียบความสามารถกับคอมพิวเตอร์ในปัจจุบันแล้ว เทียบได้เพียงกับเครื่องคิดเลขแบบมือถือเท่านั้น การโปรแกรมก็ใช้แผ่น Hard-wire เครื่องหลอดสูญญากาศใช้กำลังไฟมากและเสียหายบ่อย ทำให้ใช้งานเครื่อง ENIAC นานไม่ได้
ต่อมามีการเสนอแนวความคิดเรื่องการเก็บโปรแกรมไว้ในหน่วยความจำของคอมพิวเตอร์ซึ่งทำให้เกิดการก้าวกระโดดของเทคโนโลยี นำโดย IBM ในเครื่อง Selective Electronic Calculator ปี ค.ศ.1948 และเครื่อง UNIVAC I ของบริษัท Remington Rand ในปี ค.ศ.1951 ซึ่งถือว่าเป็นคอมพิวเตอร์แบบอิเล็กทรอนิกส์เครื่องแรกที่ออกมาเป็นการค้า
ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์แบบอิเล็กทรอนิกส์นับตั้งแต่ปี ค.ศ.1950 ได้ก้าวไปพร้อมกัน หรือบางครั้งก็เป็นผลมาจากการพัฒนาของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ความก้าวหน้าที่สำคัญอันหนึ่งคือการพัฒนาทรานซิสเตอร์โดย Shockley, Brattain และ Bardeen แห่งห้องวิจัย Bell Telephone ในปี ค.ศ.1947 จึงมีการนำเอาวงจรลอจิกที่สร้างมาจากทรานซิสเตอร์เข้ามาแทนหลอดสูญญากาศในคอมพิวเตอร์รุ่นแรก (First-Generation Computer) ทำให้คอมพิวเตอร์มีประสิทธิภาพและความเชื่อถือสูงขึ้นเรียกว่าเป็นคอมพิวเตอร์รุ่นที่สอง (Second-Generation Computer) ในปี ค.ศ.1960 ได้มีการพัฒนาคอมพิวเตอร์รุ่นที่สาม (Third-Generation Computer) ซึ่งมีระบบปฏิบัติการ (Operating System) และภาษาสำหรับโปรแกรม (Programming Language) ที่สลับซับซ้อนขึ้นมามาก
การพัฒนาต่อมาของเทคโนโลยีได้มีการนำเอาวงจรอิเล็กทรอนิคส์มาผลิตเป็นวงจรรวมที่มีขนาดเล็กลง และวงจรรวมที่ถูกปรับปรุงโดยบริษัท Texas Instruments Inc. ได้ถูกนำมาใช้สร้างคอมพิวเตอร์รุ่นที่สี่ (Fourth-Generation Computer) ที่มีหน่วยความจำเป็นประเภทสารกึ่งตัวนำ แทนที่จะเป็นหน่วยความจำแบบ Magnetic Core ที่นิยมใช้กันในช่วงทศวรรษ 1960 จนถึงต้นทศวรรษ 1970
การพัฒนาไมโครโพรเซสเซอร์ (Microprocessor) ของบริษัท Intel ในปี ค.ศ.1971 ทำให้เกิดการปฏิวัติทางคอมพิวเตอร์ขึ้นมาอย่างมากมาย แม้ว่าจะเป็นเพียงคอมพิวเตอร์ที่อยู่บนชิพเดี่ยวซึ่งมีความสามารถต่ำเมื่อเทียบกับเครื่องคอมพิวเตอร์แบบเมนเฟรม (Main Frame) ของคอมพิวเตอร์รุ่นที่สี่ก็ตาม แต่กลับได้รับความนิยมใช้งานกันอย่างแพร่หลายในเครื่องมือที่ต้องการใช้คอมพิวเตอร์เพื่อเป็นหลักในการควบคุม โดยไม่ต้องใช้ความสามารถการคำนวณมากนัก และมีขนาดเล็ก เช่น คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (Personal Computer) เครื่องเล่นวีดีโอเกมส์ และวงจรควบคุมต่างๆ เป็นต้น
เรื่องปืนผลิตเมื่อใดไม่ทราบแต่มีข้อมูลเกี่ยวกับการพัฒนาจรวดเสริมนิดหนึ่งครับ
ในศตวรรษที่ 1 นั้นชาวจีนได้ผลิตดินปืนอย่างง่ายขึ้นจาก ดินประสิว กำมะถัน และผงถ่าน ซึ่งได้นำมาใช้ใน
ดอกไม้ไฟเพื่อการเฉลิมฉลอง โดยนำมาบรรจุในไม้ไผ่เพื่อให้ระเบิดแล้วเกิดเสียง แต่บางอันอาจไม่ระเบิดแต่พุ่งออกไปได้ ต่อมาก็พัฒนาไปติดกับลูกธนูและต่อมาก็พบว่าจรวดสามารถพุ่งออกไปได้เอง
ปี ค.ศ.1232 ชาวจีนได้ใช้จรวดติดปลายไม้พุ่งเข้าใส่ชาวมองโกลที่มารุกรานเป็นครั้งแรกที่ได้มีการใช้จรวดอย่างจริงจัง จรวดนี้จัดเป็นต้นแบบของจรวดเชื้อเพลิงแข็ง ต่อมาชาวมองโกลได้สร้างจรวดขึ้นเองและได้นำไปใช้ในการรุกรานยุโรปของเจงกิสข่าน (Kai-Keng) ทำให้จรวดแพร่หลายเข้าไปในยุโรปต่อมา ระหว่างศตวรรษที่ 13 ถึง 15 มีรายงานการพัฒนาจรวดในยุโรปหลายเรื่อง เช่น ในอังกฤษมีพระชื่อ Roger Bacon
พัฒนาดินปืนให้สามารถส่งจรวดไปได้ไกลๆ ในฝรั่งเศส Jean Froissart พบว่าการส่งจรวดผ่านไปในท่อจะทำให้จรวดเข้าสู่เป้าหมายได้แม่นยำขึ้น ซึ่งเป็นต้นความคิดของ Bazooka