คิดแบบนี้ได้ก็ดีกับตัวท่านครับ แต่ถ้าคิดจะไปเปลี่ยนความคิดคนอื่นนั้น คงยาก
ลักษณะทางกายภาพของคนเรา ที่จริงแล้วไม่ใช่สัตว์กินเนื้อ เป็นสัตว์เคี้ยวเอื้อง เพราะมีแค่ฟันบด ไม่มีเขี้ยวเพื่อฉีกเหยื่อ คนเราสมัยนี้กินเนื้อกันน่ากลัว ผิดกับแต่ก่อนที่จะได้กินเนื้อก็เฉพาะมีงานแต่ง งานบวช งานบุญ เท่านั้น นอกนั้นก็น้ำพริก ปู ปลา ผัก คนสมัยจึงนี้มักป่วยด้วยโรคแปลก ๆ
ข้อนี้ผมเห็นแย้งครับมนุษย์ปัจจุบันเป็นสัตว์ที่กินทั้งพืชและเนื้อสัตว์ มนุษย์เป็นสัตว์ที่มีสายวิวัฒนาการแยกจากลิงชิมแปนซีเมื่อประมาณ 4 ล้านปีก่อน
ซึ่งชิมแปนซีเป็นสัตว์ที่กินทั้งพืชและเนื้อสัตว์ มนุษย์เองก็ยังมีฟันเขี้ยวเหลืออยู่เป็นหลักฐาน
ด้านของสัตว์กินพืช
1. มีฟันบด
2. มีลำใส้ยาว
ด้านของสัตว์กินเนื้อ
1. ไม่สามารถเปลี่ยนคาร์โบไฮเดรตเป็นโปรตีนได้แบบสัตว์กินพืช(นั่นคือเหตุผลว่าทำไมคนที่กินเจถึงต้องกินถั่ว)
2. ในขณะที่โปรตีนส่วนเกินจะถูกเปลี่ยนเป็นคาร์โบไฮเดรตและไขมันได้อย่างสัตว์กินเนื้อทั่วๆไป
3. น้ำย่อยในกระเพาะนั้นเน้นหนักไปที่การย่อยสลายโปรตีนและไขมัน แต่เอนไซม์ที่ย่อยคาร์โบไฮเดรตจริงๆอยู่ที่น้ำลาย
มุมมองทางด้านประวัติศาสตร์ คนเรากินเนื้อกันมาก่อน(สังเกตุจากรูปภาพก่อนประวัติศาสตร์)
"เราล่าสัตว์เป็นก่อนจะเพาะปลูกเป็นซะอีก" มนุษย์เพิ่งรู้จักการเพาะปลูกประมาณ 20,000 ปีมานี้เอง ขณะที่เราล่าสัตว์กันมาเป็นล้านปีแล้ว
แต่เดิมมนุษย์นั้นเป็นสัตว์กินเนื้อที่วิวัฒนาการมาจนกลายมาเป็นสัตว์ที่กินทุกอย่าง สังเกตุจากด้านโครงสร้างที่เปลี่ยนแปลงไป
จนมีลักษณะของสัตว์กินพืชร่วมด้วย แต่ถึงกระนั้นตัวระบบก็ยังเป็นรูปแบบของสัตว์กินเนื้ออยู่
ขอบคุณครับ
ผมเคยไปเถียงคนกิน มังสะวิรัสนะครับ ว่าคนเราเป็นสัตว์กินเนื้อ
เคยโดนสวนกลับมาว่า เป็นสัตว์กินเนื้อใช่ไหม
งั้น เอาเนื้อสดมา ครึ่งกิโล กับเอาผักสดมาครึ่งกิโล คุณจะกินอะไร
ผมยืนทำตาปริบๆ ไม่รู้จะพูดไงต่อ
แล้วค้างคาใจมาตลอด ว่าคนเราเป็นสัตว์กินอะไรกันแน่
ถ้ากินทั้งพืชและสัตว์ ทำไมเรารู้สึกเหม็นคาวกับเนื้อดิบๆ ต้องเอามาปรุงแต่งให้กลิ่นคาวนั้นหมดไปถึงจะกินได้ ทำไมไม่กินได้เลย
ยังสงสัยอยู่ครับ
อันนี้ก็ไม่ทุกอย่างครับ