เทคนิคทำเบียร์วุ้น มีหลายวิธีครับ
วิธีที่ 1.1 การเคาะ
การเคาะก็มีหลายแบบ
บางคนเอาเหรียญเค้าที่ก้นขวดเบาๆรัวๆ
บางเอามีดเคาะที่ขวดโดยตรง ป๊อกๆๆ
การเคาะจะทำให้ เกล็ดน้ำแข็งข้างในตกผลึก จนกลายเป็นเบียร์วุ้น
ที่ว่าเบียร์วุ้นๆนั้นที่จริงแล้ว มันก็คือเกล็ดน้ำแข็งที่ตกผลึกอยู่ในขวดนั่นเอง...
วิธีที่ 1.2 การกระตุ้น
ณ ขณะที่เบียร์เย็นจัด
เปิดฝาขวดออก
เอาหลอดขูดเอาเกร็ดหิมะที่อยู่ในช่อง Freezer แล้วใส่ลงไปในขวด
เอาหลอแทงๆเข้าๆออกๆ 2-3 ที
ก็จะได้เบียร์วุ้นที่ต้องการ
สำหรับกระบวนการเกิดเบียร์วุ้นตามหลักการทางเคมีนั้น
อธิบาย ได้ง่ายๆคือ อุณหภูมิที่อยู่ภายนอกขวด กับอุณหภูมิข้างในขวดไม่เท่ากัน
(อุณหภูมิ ภายนอกขวดสูงกว่า อุณหภูมิภายในขวด)
ดังนั้นเมื่อขวดมีการกระทบกระเทือน หรือมีการทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
อุณหภูมิภายในขวดอย่างฉับพลัน ก็จะทำให้ความดันภายในขวดสูงขึ้น
และเมื่อเบียร์ได้รับแรงดัน ก็จะทำให้มันกลายเป็นเบียร์วุ้นได้นั่นเอง
การทำเบียร์วุ้น วิธีที่ 2
วิธีนี้ ใช้เวลาไม่นาน เพราะมีตัวช่วยให้เบียร์เย็นเร็ว
อุปกรณ์การทดสอบ
1. เบียร์ 6 ขวด
2. กระติกใส่น้ำแข็งขนาดใหญ่ที่พอจะวางเบียร์ 6 ขวดได้ในแนวตั้ง (ถ้าแนวนอนจะทำให้เบียร์เป็นวุ้นช้า)
3. น้ำแข็งบด
4. เกลือเม็ด 2-3 กำมือ (เกลือเม็ดจะราคาถูกกว่าเกลือป่นที่ใช้รับประทานกันทั่วไป)
5. น้ำ
วิธีทำเบียร์วุ้น
1. เรียงขวดเบียร์ไว้ในกระติกน้ำแข็งในแนวตั้ง
2. ใส่น้ำแข็งลงไปให้ได้ครึ่งกระติก
3. ใส่เกลือตามลงไปสัก 1 กำมือ
4. ใส่น้ำแข็งเพิ่มลงไปอีกจนเต็มกระติก
5. ใส่เกลือที่เหลือลงไป
6. ใส่น้ำจนเต็มกระติก
7. ปิดฝา
8. หมุนไปหมุนมา
9. ประมาณ 10-20 นาที ให้เริ่มตรวจสอบเบียร์ว่ามีเกล็ดหิมะขึ้นมาเกาะหรือยัง ถ้ามีแสดงว่าพร้อมใช้งาน (เวลาขึ้นอยู่กับปริมาณของเกลือด้วย)
ปล. เบียร์แต่ละขวด ใช้เวลาในการเป็นวุ้น ไม่เท่ากัน
ปล. ใส่เกลือมากเกินไป อาจทำให้เบียร์แข็งตัวเร็วมากจนขวดแตก แล้วจะอดกิน
ปล. สำหรับผู้ที่ยกกระดก ก่อนกินเบียร์วุ้นที่ทำจากวิธีที่ 2 โปรดตรวจสอบความเค็มของขวดด้วย
ปล. เบียร์ >> เป็นน้ำ >> เป็นวุ้น >> เป็นน้ำแข๋ง >> แตก >> อดกิน
หลักการของเกลือและน้ำแข็ง
เวลาเอาเกลือละลายน้ำ ถ้าจะให้เกลือละลายเร็วจะต้องใช้น้ำร้อน เพราะเกลือต้องการความร้อน สำหรับช่วยในการละลายตัวให้หมดโดยเร็ว
ดังนั้น เมื่อเอาเกลือใส่ลงไปในน้ำแข็ง เกลือที่ต้องการละลายตัว ไม่สามารถจะหาความร้อนที่ไหนมาช่วยละลายได้
จึงดึงความร้อนจากน้ำแข็งออกมา น้ำแข็งซึ่งเย็นอยู่แล้วจึงยิ่งเย็นลงไปอีก เข้าขั้นเย็นยิ่งยวด อุณหภฺมิ อาจติดลบได้ อยู่ที่ปริมาณของเกลือ
และน้ำในถังที่มีสภาพเป็นของเหลว จึงถูกดึงความร้อนออกไป ของเหลวในถังจึงเย็นลง
สรุปว่า เกลือไม่ได้ทำให้น้ำแข็งละลายช้า แต่จะทำให้น้ำแข็งเย็นจัดกว่าเดิมถึงขั้นอุณหภูมิติดลบ เลยมีผลถึงน้ำในกระติกจะเย็นจัดด้วย
แนะนำ
ในช่วงชีวิตของเบียร์ 1 ขวดนั้น............
มันจะสามารถเป็นเบียร์วุ้นได้ เพียงครั้งเดียว (ไม่ว่าจะเป็นวุ้นจากวิธีที่ 1 หรือ 2)
เมื่อกลายเป็น เบียร์วุ้นแล้ว จึงต้องรีบกินทันที เพราะถ้าปล่อยทิ้งไว้ มันจะไม่สามารถกลับไปเป็นเบียร์วุ้นได้อีกต่อไป
คลิปการทำเบียร์วุ้นโดย การเคาะ (ขวดเคาะขวด)
http://www.youtube.com/watch?v=3qFXyEFMwBE&feature=player_embeddการดื่มเบียร์ให้ได้รสชาติควรดื่มที่อุณหภูมิระหว่าง 8 - 12 c เพราะเป็นอุณหภูมิที่ทำให้ได้ลิ้มรสชาติเบียร์อย่างแท้จริง
แต่ในเมืองไทยส่วนใหญ่นิยมดื่มเบียร์ที่เย็นจัดมาก ๆ โดยเฉพาะในประเทศแถบร้อนซึ่งความจริงแล้วการดื่มเบียร์ที่เย็นจัดมาก ๆ
แม้จะให้ความสดชื่นแต่จะไม่ได้รสชาติที่แท้จริงของเบียร์
การรินเบียร์ก็เป็นส่วนสำคัญมาก การรินเบียร์ต้องใช้แก้วที่สะอาดและเย็นจนมีเกร็ดน้ำแข็งเกาะ
และส่วนที่สำคัญก่อนดื่มเบียร์เราควรจะเริ่มจากซอฟต์ดริ้งค์ก่อนเนื่องจากการรินเบียร์ทุกครั้ง
จะเกิดฟองเพราะแรงดันสูง
การรินเบียร์ที่ดีควรแบ่งออกเป็น 2 ช่วงคือ รินครั้งแรกประมาณ 3 ใน 4 ของแก้วเพื่อเก็บพื้นที่
ส่วนที่เหลือให้ฟองเบียร์ จากนั้นให้รอสักครู่จึงรินเบียร์เพิ่มเพื่อให้ฟองเบียร์ลอยขึ้นไปอยู่เหนือปากแก้ว
การดูเบียร์ที่มีคุณภาพให้ดูที่ฟองเบียร์ ฟองจะมีความสวยงาม รสขมเล็กน้อย
ซึ่งเราจะเห็นฟองเบียร์เล็ก ๆ ละเอียดอ่อนลอยอยู่สูงขึ้นมาประมาณ 4 เซนติเมตร
ลักษณะของฟองเบียร์ที่มีคุณภาพฟองจะไม่หมดหมดฟองไปง่าย ๆ แม้จะตั้งทิ้งไว้ก็ตาม
วิธีการดื่มเบียร์ ไม่ว่าจะเป็นเบียร์ชนิดใดก็ตามแต่ สิ่งที่บอกได้ถึงคุณภาพของเบียร์
คือกลิ่น (Aroma) และรสชาติ (Flavour) การชิมเบียร์ไม่มีกรรมวิธีพิเศษยุ่งยากใด ๆ
และนี่คือ 4 ขั้นตอนหลักสำหรับการดื่มด่ำกับกลิ่นและรสชาติเบียร์สด
1.มองด้วยตา (LOOK)
เบียร์มีสีที่ต่างกันเนื่องจากมีความต่างของวัตถุดิบที่นำมาผลิต
แต่ไม่ว่าจะเป็นเบียร์ชนิดใดเมื่อรินใส่แก้วจะมองเห็นความใสของเบียร์
และฟองเบียร์ต้องละเอียด เมื่อมองด้วยสายตาเราก็สามารถรู้ได้ถึงรสชาติของเบียร์นั้นได้ในระดับหนึ่งแล้ว
2.หมุนแก้วเบียร์ (SWIRL)
การหมุนวนแก้วเบียร์เพื่อให้ได้กลิ่นเบียร์ ให้วนเพียงเบา ๆ
จะช่วยให้เราได้กลิ่นหอมของดอกฮ็อปวัตถุดิบสำคัญตัวหนึ่งที่บ่งบอก
ได้ถึงคุณภาพและรสชาติของเบียร์ได้เป็นอย่างดี
3.สูดดมกลิ่น (SNIFF)
เรามักจะได้กลิ่นหอมของเบียร์สดที่มีลักษณะที่ดี เสมอไม่ว่าจะตั้งใจสูดดม
กลิ่นเบียร์ก่อนลิ้มรสชาติหรือไม่ก็ตามเนื่องจากลักษณะเฉพาะของเบียร์ที่มี
กลิ่นหอมเย้ายวนชวนให้เจริญอาหารอย่างที่สุด
4.จิบชิมลิ้มรส(SIP)
ขั้นตอนท้ายสุดของการชิมเบียร์กลิ่นและรสจะผสานไหลผ่านลิ้นและลำคอ
ของเราขณะยกแก้วเบียร์ขึ้นจิบปลายลิ้นจะได้ลิ้มรสชาติหอมหวานจากมอลต์
เป็นอันดับแรกตามมาด้วยความซาบซ่าจากรสชาติของวัตถุดิบหลักที่นำมาผลิตเบียร์