โตโยต้า แถลงตัวเลขขาดทุนเป็นครั้งแรก

[aniki]

แต่รอบนี้ของจริงครับ    ผมอยู่ที่นี่20ปีแล้ว  รู้สึกว่ารอบนี้หนักและสาหัสกว่าครั้งที่แล้ว  สมัยที่บ้านเราเรียกฟองสบู่แตก  ผมก็อยู่ที่นี่  รอวันเผาที่รู้ๆคือบริษัทอีซูซุ  ญี่ปุ่นและคูโบต้า  2รายนี้เน้นการส่งออก  ค่าเงินเเข็งทำให้ขายของไม่ออก  เป็นหลายๆประเทศครับ  แต่ที่เมืองไทยแทบไม่มีข่าวเพราะมัววุ่ยวายกับม้อบ.  ไม่มีคนมารับดูแลเรื่องนี้....
ในญี่ปุ่นเองตอนนี้ยังไม่ถึงกับเดือดเพราะคนงานถูกปลดนั้นมีเงินทุนใช้กินอยู่  อีกสัก6เดือนจะเห็นชัดกว่านี้....อมิตพุทธ

[Southlander]

ตระกูล จึง ที่เกี่ยวดองแนบแน่นกับรถญี่ป่นโดนบ้างไม๊

[ธำรง]

อุตสาหกรรมรถยนต์นั้นมีอิทธิพลสูงมากในหลายด้านหลายมิติ

บ้านเราก็ถูกสร้างค่านิยมการใช้รถส่วนตัว เพื่อเป็นฐานรองรับการผลิต
ส่งผลให้หลายทศวรรษนี้ไม่มีการพัฒนาการขนส่งมวลชน และระบบราง เท่าที่ควร
ทั้งยังทำให้ประเทศต้องนำเข้าพลังงานมูลค่ามหาศาลเพิ่มขึ้นทุกปี

วิกฤต อาจเป็นโอกาส ให้เราได้คิดเปลี่ยนแปลงบ้าง   

[เบิ้ม]

ไม่ใช่แต่โตโยต้าครับ  ทุกยี่ห้ออยู่ในสภาพทรุด  เหมือนกันหมด  โละคนงานออกไปเกือบครึ่ง  โดยเฉพาะเรื่องค่าเงินเยนแข็ง  เมื่อไม่กี่เดือนก่อน115เยนต่อ1ดอลล่า.  ราคาวันนี้80เยนต่อ1ดอลล่า   แค่คิดก็กระอักแล้วครับ     ญี่ปุ่นมีการจ้างคนงาน2แบบคือ1พวกคนงานประจำ  คนกลุ่มนี้ได้รับผลกระทบน้อย  2คือคนงานนอก  หรือซับคอนเเทค  คนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มแรกที่จะโดนปลดและไม่ได้รับการคุ้มครอง     เมื่อพูดอย่างนี้แล้วคงมีคนสงสัยว่าทำไมตอนเป็นคนงานนอกแล้วไม่ดิ้นรน พยายามหาทางหรือสอบบรรจุ  เป็นคนงานประจำ...เหตุผลง่ายๆครับคือ  คนงานนอกจะได้รับค่าแรงที่แพงกว่า  และเป็นความประสงค์ของนายจ้าง
....สินค้าที่เกี่ยวกับการส่งออกทั้งหมดได้รับผลกระทบอย่างสูง    ใกล้ๆกับรง.ผมมีรง.ผลิตเบรครถยนต์  มีคนงาน800คน  ตอนนี้เหลือ200กว่าคน
มีข้อดีที่เห็นๆคือพวกแรงงานต่างชาติ(ที่ยังไม่โดนปลด)  ได้เงินเพิ่มจากค่าเงินเยนแข็ง  เช่นเมื่อก่อนได้ส่งกลับบ้าน2แสนเยนแลกเงินไทยได้6หมื่นกว่าๆ  วันนี้แลกได้เกือบ8หมื่นบาท...

นี่แค่เริ่มสตาร์ทนะครับพี่aniki  เริ่มมาสองสามเดือน ปีหน้าคงหนักหนามาก คนชั้นกลาง-บน คงไม่เดือดร้อนเท่าไหร่ แต่คนชั้นกลาง-ล่างลงมา กระอักเลือดแน่ๆ 



 

[Don Quixote]

อุตสาหกรรมรถยนต์นั้นมีอิทธิพลสูงมากในหลายด้านหลายมิติ

บ้านเราก็ถูกสร้างค่านิยมการใช้รถส่วนตัว เพื่อเป็นฐานรองรับการผลิต
ส่งผลให้หลายทศวรรษนี้ไม่มีการพัฒนาการขนส่งมวลชน และระบบราง เท่าที่ควร
ทั้งยังทำให้ประเทศต้องนำเข้าพลังงานมูลค่ามหาศาลเพิ่มขึ้นทุกปี

วิกฤต อาจเป็นโอกาส ให้เราได้คิดเปลี่ยนแปลงบ้าง   

ตอนน้ำมันแพงถนนโล่งไปเลย แต่ตอนน้ำมันถูก รถติดเหมือนเดิม

ผมดูแล้วน่า่สนใจครับ คือตอนน้ำมันแพง คนเลิกใช้รถ ปรับตัวเข้าสู่ชีวิตประจำวันใหม่  ส่วนต่างค่าน้ำมันที่เพิ่มขึ้นน่าจะประมาณ 2-3 พันบาท/เดือน แต่พอน้ำมันถูกก็ไม่ออม 2-3 พันบาทไว้ เอารถออกมาใช้อีก

[submachine -รักในหลวง-]

แต่รอบนี้ของจริงครับ    ผมอยู่ที่นี่20ปีแล้ว  รู้สึกว่ารอบนี้หนักและสาหัสกว่าครั้งที่แล้ว  สมัยที่บ้านเราเรียกฟองสบู่แตก  ผมก็อยู่ที่นี่  รอวันเผาที่รู้ๆคือบริษัทอีซูซุ  ญี่ปุ่นและคูโบต้า  2รายนี้เน้นการส่งออก  ค่าเงินเเข็งทำให้ขายของไม่ออก  เป็นหลายๆประเทศครับ  แต่ที่เมืองไทยแทบไม่มีข่าวเพราะมัววุ่ยวายกับม้อบ.  ไม่มีคนมารับดูแลเรื่องนี้....
ในญี่ปุ่นเองตอนนี้ยังไม่ถึงกับเดือดเพราะคนงานถูกปลดนั้นมีเงินทุนใช้กินอยู่  อีกสัก6เดือนจะเห็นชัดกว่านี้....อมิตพุทธ

ผมว่า คนญี่ปุ่น จะเดินทางออกนอกประเทศมากขึ้น
มีเพื่อนคนไทยอยู่คน เค้าทำท่องเที่ยว มีคนรู้จักเยอะ เล่าให้ฟังว่า
บางทีเพื่อนชาวญี่ปุ่นของเขา เดินทางมาเมืองไทย พักอยู่3เดือน 

เวลาที่ใช้ในเมืองไทย ใช้ค่าใช้จ่ายน้อยกว่าที่ญี่ปุ่นซะอีกแน่ะ

[เบิ้ม]

"ไอเอ็มเอฟ"ระบุศก.ปีหน้า"มืดมาก" ส่งออกญี่ปุ่นร่วงเป็นประวัติการณ์



เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม เอเอฟพีรายงานว่า นายโดมินิค สเตราส์-คาห์น กรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ให้สัมภาษณ์ว่า ปีหน้าจะเป็นปีที่มืดมิดอย่างมากสำหรับเศรษฐกิจโลก และจะยิ่งเลวร้ายลงหากว่ารัฐบาลประเทศต่างๆ ไม่ออกมาตรการเพื่อสู้วิกฤต

"สิ่งที่เราทำนายสำหรับปีหน้าก็คือจะมืดมิดอย่างมาก และจะยิ่งมืดมากกว่าถ้าหากว่ารัฐบาลประเทศต่างๆ ไม่ใช้มาตรการการคลังในการกระตุ้นเศรษฐกิจ" นายสเตราส์-คาห์นกล่าว และว่า แม้ว่าในขณะนี้จะได้เห็นมาตรการหลายอย่างประกาศออกมา แต่ตนเกรงว่าจะไม่เพียงพอ ทั้งนี้ นายสเตราส์-คาห์น เคยเรียกร้องให้ทั่วโลกจัดงบประมาณ 2% ผลิตภัณฑ์มวลรวม (จีดีพี) ภายในของแต่ละประเทศร่วมกันออกมาใช้จ่ายกระตุ้นเศรษฐกิจ

วันเดียวกันกระทรวงการคลังญี่ปุ่นได้เผยแพร่ตัวเลขดุลการค้าและการส่งออกเดือนพฤศจิกายน ระบุว่า ขาดดุลการค้า 6.77 หมื่นล้านเยน มากกว่าเดือนตุลาคม และยังตรงกันข้ามกับปีที่แล้วซึ่งเกินดุลการค้า 7.844 แสนล้านเยน ทั้งนี้ การส่งออกโดยรวมลดลงอย่างมาก 26.7% ถือว่าลดลงมากที่สุดนับจาก ค.ศ.1980 การส่งออกสินค้ารถยนต์ลดลง 31.9% ไมโครชิปและชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ ลดลง 29% โดยตลาดสหรัฐอเมริกาลดลง 33.8% ลดลงมากเป็นประวัติการณ์ ตลาดยุโรปลดลง 30.8% ส่งออกไปเอเชียลดลง 26.7%

http://www.matichon.co.th/matichon/view_news.php?newsid=01ecb03231251&sectionid=0141&day=2008-12-23