เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
พฤศจิกายน 30, 2024, 04:57:48 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.เป็นเพียงสื่อกลางช่วยให้ผู้ซื้อ และผู้ขาย ได้ติดต่อกันเท่านั้นและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับประโยชน์หรือความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น
ประกาศหรือแบนเนอร์ในเวบไม่ใช่ตัวบ่งชี้ว่าสินค้านั้นมีคุณภาพหรือไม่
โปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจซื้อด้วยตัวเอง
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เปิดขุมทรัพย์  (อ่าน 1961 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
flyingkob-รักในหลวง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 361
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2396


"สุวิชาโน ภวัง โหติ" ผู้รู้ดี เป็นผู้เจริญ


« เมื่อ: กรกฎาคม 02, 2008, 07:33:10 AM »

เปิดขุมทรัพย์ไทย-กัมพูชาข้อครหาพระวิหารแลกบ่อน้ำมัน


ยังไม่ทันคลี่คลายว่า "ปราสาทเขาพระวิหาร" เป็นของใคร แต่คำครหา
เขาพระวิหารแลกขุมทรัพย์กลางทะเลพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา กลับเอ็ดอึง
แม้จะบ่งถึงการมองการณ์ไกลของอดีตนายกฯ ทักษิณ
ที่ชิงเจรจาธุรกิจพลังงานกับ ฮุน เซน แต่นั่นก็หมิ่นเหม่ต่อความรู้สึก
"รักชาติ"

ผลสะเทือนจากการยื่นขอจดทะเบียน "ปราสาทเขาพระวิหาร"
เป็นมรดกโลกบานปลายเกินกว่าที่คาดคิด โดยเฉพาะการปลุกกระแส "รักชาติ"
และประเด็นการแลกเปลี่ยนเขาพระวิหารกับ "น้ำมัน" และ "ก๊าซธรรมชาติ"
ในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทย-กัมพูชา

ท่ามกลางข่าวสะพัดว่า มีนักการเมืองไทยบางคนจะได้รับ "สัมปทาน" เป็นการตอบแทน

จริงเท็จแค่ไหนยังไม่ปรากฏชัด
แต่ที่ผ่านมาก็มีข่าวที่ถูกนำไปเชื่อมโยงให้เห็นภาพความเกี่ยวข้องอยู่เป็นระยะ
ตั้งแต่ครั้งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย
บินไปตีกอล์ฟกับ ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา

จากนั้นก็มีข่าวว่า อดีตนายกฯ ของไทยจะไปลงทุนทำธุรกิจ ที่ จ.เกาะกง ประเทศกัมพูชา

นายจาม ประสิทธิ์ รมว.พาณิชย์กัมพูชา ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์กัมพูชา
และ พล.อ.เตีย บัน ก็ยืนยันด้วยเช่นกันว่า
อดีตนายกรัฐมนตรีของไทยเจรจาขอทำธุรกิจพลังงานร่วมกับกัมพูชา
แลกกับการเจรจาเรื่องเขาพระวิหาร

แต่ นายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ ก็ออกมาปฏิเสธว่า ไม่มีการเกี้ยเซียะ
หรือเอาแผ่นดินไปแลกอะไรอย่างเด็ดขาด

ส่วนแนวทางการบริหารจัดการพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล เฉพาะข้อมูลที่ นายนพดล
มีอยู่ก็มากมายมหาศาลแล้ว

"พื้นที่ทับซ้อนหรือเจดีเอนั้น มีการประเมินว่ามีทั้งหมด 2.6
หมื่นตารางกิโลเมตร ตรงนี้ต้องตกลงให้ชัดเจน เด็ดขาด
ทั้งสองประเทศต้องมาบริหารจัดการร่วมกัน มาพบกันครึ่งทาง
เนื่องจากมีก๊าซธรรมชาติและน้ำมันอยู่ในพื้นที่ถึง 5 ล้านล้านบาท"

นายนพดล ยืนยันด้วยว่า การเจรจาจะเป็นแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล
ไม่มีเอกชนเข้ามาเกี่ยวข้องอย่างเด็ดขาด แต่เมื่อเจรจาเสร็จแล้ว
กัมพูชาอยากจะให้
ปตท.หรือบริษัทเอกชนเข้าไปสำรวจนั้นก็เป็นเรื่องที่เขาสามารถจะทำได้

น่าสนใจว่า หลังมีข่าวเขาพระวิหาร แลกก๊าซและน้ำมัน ไม่นาน นายนพดล
ก็ไปเปิดถนนสายที่ 48 ร่วมกับตัวแทนฝ่ายกัมพูชา

ถนนสายที่ 48 เกิดมาจาก "เงินกู้ยืม" ที่รัฐบาลไทยให้แก่กัมพูชา จำนวน
1,200 ล้านบาท พร้อมเงินช่วยเหลืออีก 300 ล้านบาท ในการสร้างสะพานอีก 4
สะพาน

ที่น่าสนใจกว่านั้น คือ ถนนสายนี้จะเชื่อมเส้นทางระหว่าง
จ.เกาะกง-จ.กำปงโสม ระยะทาง 152 กิโลเมตร
และเชื่อมต่อไปยังกรุงพนมเปญอีกกว่า 200 กิโลเมตร

ถนนสาย 48 จึงเป็นถนนสายหลักที่เชื่อมต่อจากเมืองหลวงของกัมพูชามายัง
จ.เกาะกง ซึ่งมีข่าวว่า อดีตนายกฯ ของไทยจะไปลงทุนทำธุรกิจที่นั่น !

สำหรับความคืบหน้าของการแบ่งปันผลประโยชน์ในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล
หลังมีการเปิดถนนสาย 48 นายนพดล บอกว่า ได้หารือกับ นายสก อัน
รองนายกรัฐมนตรี และรมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกัมพูชา

ในการหารือครั้งนี้
ได้พิจารณาว่าจะใช้หลักพื้นที่ใกล้ประเทศไหนประเทศนั้นจะได้ผลประโยชน์มากกว่า
แต่ยังเป็นสูตรที่ไม่ลงตัว
โดยกัมพูชาจะส่งคณะกรรมการเทคนิคมาหารือกับไทยอีกครั้งหนึ่ง
ซึ่งหวังว่าน่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้

คำยืนยันของ รมว.ต่างประเทศ แม้จะยืนยันชัดว่า
จะไม่มีเอกชนรายใดได้ผลประโยชน์จากพื้นที่ทับซ้อนตรงนี้
แต่เมื่อดูจากข้อมูลของพื้นที่ทับซ้อน ทั้งขนาดของพื้นที่
รวมทั้งปริมาณก๊าซธรรมชาติและน้ำมัน
ที่ซุกอยู่ใต้ผืนทะเลก็น่าหวั่นไหวใจในขุมทรัพย์ก้อนนี้ยิ่งนัก

โดยพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทย-กัมพูชา มีพื้นที่ประมาณ 2.6-2.7
หมื่นตารางกิโลเมตร

การเจรจาพื้นที่ทับซ้อนผืนนี้มีการเจรจามานานตั้งแต่กัมพูชาประกาศเขตไหล่ทวีปในปี
2515 และไทยมาประกาศภายหลังในปี 2516 จนเกิดพื้นที่เหลื่อมทับกัน
แต่ผลการเจรจาเรื่องการปักปันเขตแดนและแบ่งผลประโยชน์ในพื้นที่ก็ยังไม่มีความคืบหน้ามานานกว่า
30 ปี

กระทั่ง เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2544 รัฐบาลไทย (สมัย พ.ต.ท.ทักษิณ)
และกัมพูชา ได้ร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยพื้นที่ที่ทั้งสองประเทศอ้างสิทธิในเขตไหล่ทวีปทับซ้อนกัน

ใจความสำคัญ ระบุว่า พื้นที่ทับซ้อนเหนือเส้นละติจูดที่ 11 องศาเหนือ
ขึ้นไปให้ใช้แนวทางการแบ่งเขต (Delimitation)
และพื้นที่ทับซ้อนใต้เส้นละติจูดที่ 11
องศาเหนือลงมาให้ใช้แนวทางการพัฒนาพื้นที่ร่วม (Joint Development Area -
JDA)

ต่อมา ในวันที่ 10 สิงหาคม 2549 พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
ของไทย (ในขณะนั้น)
เดินทางไปเยือนกัมพูชาอย่างเป็นทางการเพื่อเจรจาเรื่องนี้
แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จ

ประเด็นนี้เริ่มมีความคืบหน้าอีกครั้ง
หลังจากได้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งที่มีความใกล้ชิดกับ พ.ต.ท.ทักษิณ
ในปี 2551

แหล่งข่าวในกองบัญชาการกองทัพไทย เผยว่า เดิมกัมพูชาจะส่ง นายวากิมฮอง
ประธานทีบีซีของกัมพูชา มาเจรจาในเรื่องนี้ แต่ก็เงียบหายไป

โดยครั้งที่ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เดินทางไปกัมพูชา
ก็มีการหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นไปพูด แต่หลังจากนั้นก็ดูเงียบๆ ไป
ซึ่งอาจจะเป็นเพราะกัมพูชาจะมีการเลือกตั้งในเดือนกรกฎาคม
และอาจกำลังยุ่งๆ กับการขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกอยู่ก็เป็นได้

เขามองว่า การเจรจาล่าช้าส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะ 2 สาเหตุหลัก คือ
1.ความไม่ชัดเจนของหลักเขตที่ 73 ซึ่งเป็นหลักเขตแดนไทย-กัมพูชา
หลักสุดท้าย แต่กัมพูชามองว่า เขาเสียเปรียบเยอะ
และมีพื้นที่ทับซ้อนที่ตกลงกันไม่ได้ประมาณ 100 ไร่
จึงไม่สามารถตกลงเขตแดนในทะเลได้
เพราะการแบ่งเขตต้องลากเส้นอ้างอิงจากจุดนี้

2."อคติ" ของตัวแทนเจรจาฝ่ายกัมพูชาที่มีต่อไทย
ซึ่งจะเห็นได้ชัดจากการเจรจาเขตแดนทางทะเลกับฝ่ายเวียดนามที่มีความทับซ้อนกันประมาณ
7,000 กว่าตารางกิโลเมตร ที่สามารถเจรจาตกลงกันได้อย่างรวดเร็ว
แต่กรณีพื้นที่ทับซ้อนกับไทยกลับเดินหน้าไปได้ช้ามาก

ทั้งนี้ การเจรจาแบ่งปันผลประโยชน์บนพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทยกับกัมพูชาคงต้องใช้ระยะเวลาในการเจรจาอีกนาน
และคงต้องรอดูว่า
ผลจากการขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกในที่ประชุมยูเนสโกจะทำให้เกิด
"อาฟเตอร์ช็อก" อะไรตามมาหรือไม่

อาฟเตอร์ช็อก ในที่นี้อาจจะมาจากกระแสคัดค้านของคนไทย
ซึ่งอาจทำให้ยูเนสโกชะลอการขึ้นทะเบียนมรดกโลกไว้ก่อน

หากยูเนสโกยอมชะลอการขึ้นทะเบียนมรดกโลกไว้จริงๆ
ก็ย่อมส่งผลเสียต่อพรรครัฐบาลในกัมพูชาที่พยายามนำเอาประเด็นนี้ไป
"หาเสียง" กับประชาชนของเขามาตลอด
แต่ฝ่ายค้านในกัมพูชาก็พยายามโจมตีกลับว่า
รัฐบาลกัมพูชายอมให้ฝ่ายไทยมากเกินไป

เมื่อรัฐบาลกัมพูชาเสียคะแนน
เพราะไม่เสร็จสมอารมณ์หมายในความพยายามปลุกกระแส "ชาตินิยมกินรวบ"
เขาพระวิหาร..ก็อาจทำให้ฝันของใครบางคนที่จ้องจะมาแบ่งเค้กก้อนใหญ่นับล้านล้านบาทในอ่าวไทยอาจถึงขั้นล้มครืนก็เป็นได้

ก๊าซ-น้ำมันมหาศาลในพื้นที่ทับซ้อน

ข้อมูลของ บริษัท เชฟรอน เมื่อปี 2548 ระบุว่า
ได้ค้นพบบ่อน้ำมันและก๊าซขนาดใหญ่ในพื้นที่ 2,427 ตารางกิโลเมตร
ทางตอนใต้ของกัมพูชา

โดยเฉพาะพื้นที่สัมปทานแปลงเอ เนื้อที่ 6,278 ตารางกิโลเมตร
คาดว่าจะมีน้ำมันสำรองถึง 700 ล้านบาร์เรล และก๊าซอีก 3-5
ล้านล้านลูกบาศก์เมตร

ธนาคารโลก ประเมินว่า แหล่งพลังงานในกัมพูชาน่าจะมีน้ำมันถึง 2
พันล้านบาร์เรลและก๊าซธรรมชาติอีก 10 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต

โดยจะสร้างรายได้ให้กัมพูชาไม่น้อยกว่า 2 พันล้านเหรียญต่อปี
(เมื่อเทียบกับราคาน้ำมันดิบบาร์เรลละ 60 เหรียญ)

พื้นที่ที่น่าจะมีก๊าซธรรมชาติ และน้ำมันมากที่สุด ก็คือ
พื้นที่ทับซ้อนทางทะเลกับไทย

โดยเฉพาะแหล่งน้ำมันแปลงบี ห่างจากชายฝั่งกัมพูชา 250 กิโลเมตร
ไปทางตะวันออก ติดกับเขตน่านน้ำไทยในอ่าวไทย ซึ่งครอบคลุมพื้นที่กว่า
6,551 ตารางกิโลเมตร
คาดว่ามีน้ำมันและก๊าซธรรมชาติอยู่หลายร้อยล้านบาร์เรล
บันทึกการเข้า

ตึกยาวหลังนี้ สอนให้เรารู้สำนึกถึงบุญคุณของแผ่นดิน
ป้อมทอง พรานชุมไพร
ดับบาป ด้วยบุญปืน
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 780
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 6885


นรชาติวางวาย สถิตย์ไว้ แต่ความดีประดับไว้โลกา


« ตอบ #1 เมื่อ: กรกฎาคม 02, 2008, 07:39:57 AM »

ดีครับ   สำหรับข้อมูล    ขอโทษครับเป็นศิษย์เก่า  สก.หรือเปล่า
บันทึกการเข้า

รักกันไว้เถอะ  เราเกิดร่วมแดนไทย   จะเกิดภาคไหนๆ    ก็ไทยด้วยกัน      
เชื้อสายประเพณีไม่มีขีดคั่น        เกิดเป็นไทยนั้นปวงชนทุกคนคือไทย
naisomchai
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #2 เมื่อ: กรกฎาคม 02, 2008, 08:26:13 AM »

ยิ่งอ่านแล้วยิ่งคิดถึงว่าหาวิธีทำอย่างไรให้ผลประโยชน์กำไรจาก ปตท. ตกเป็นของชาติครับ...

ส่วนประเด็นว่าคนไทยคนอื่นไม่เก่งเท่าอดีตนายกฯนั้น ไม่จริงครับ... มีคนไทยเก่งแยะ มีนักกฏหมายการค้าระหว่างประเทศคนไทย ทำงานที่บริษัทในอุตสาหกรรมน้ำมันก็มีแยะ... แต่คนเหล่านี้ดังในวงการ เราไม่รู้จักในที่สาธารณะ... เพียงแต่นักการเมืองรู้จักคิดถึงส่วนรวมมากกว่าส่วนตย เมื่อนั้นจะมีคนออกมาอาสาทำงานให้แยะครับ...

บันทึกการเข้า
flyingkob-รักในหลวง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 361
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2396


"สุวิชาโน ภวัง โหติ" ผู้รู้ดี เป็นผู้เจริญ


« ตอบ #3 เมื่อ: กรกฎาคม 02, 2008, 09:25:16 AM »

ดีครับ   สำหรับข้อมูล    ขอโทษครับเป็นศิษย์เก่า  สก.หรือเปล่า

ใช่ครับ สวนกุหลาบรุ่น ๙๙ เลขประจำตัว สก.๒๒๑๔๓
บันทึกการเข้า

ตึกยาวหลังนี้ สอนให้เรารู้สำนึกถึงบุญคุณของแผ่นดิน
Southlander
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 5711
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 48212



« ตอบ #4 เมื่อ: กรกฎาคม 02, 2008, 08:40:06 PM »

ข้อมูลน่าสนใจมากถ้าไทยจะได้ผลประโยชน์ก็ขอให้ตกอยู่กับรัฐมิใช่ เอกชน ถ้าจะให้ดีหาบริษัทอื่นที่ไม่ใช่ ปตท. มาสำรวจและผลิตเพื่อถ่วงดุลป้องกันการการผูกขาด


+1
บันทึกการเข้า

๏ทุกวันนี้ศึกไกลยังไม่ห่วง  แต่หวั่นทรวงศึกใกล้ไล่ข่มเหง
ถ้าคนไทยหันมาฆ่ากันเอง   จะร้องเพลงชาติไทยให้ใครฟัง
                      
                             โดย:นภาลัย สุวรรณธาดา พศ.๒๕๑๐
คนแปลกหน้า - รักในหลวง
" ลุกปืน สั่งให้ไปได้แต่สั่งให้หยุดและเรียกกลับไม่ได้ "
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 126
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 956



« ตอบ #5 เมื่อ: กรกฎาคม 02, 2008, 09:12:51 PM »

กองทัพเรือต้องเร่งสร้างแสนยานุภาพทางทะเล  ภายหน้าต้องมีการเจรจาต่อรองแน่นอน ระหว่างนั้น ทั้ง ๒ ฝ่าย ต่างคุมเชิง
บันทึกการเข้า
SOAP47 รักในหลวง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 333
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5792



« ตอบ #6 เมื่อ: กรกฎาคม 02, 2008, 09:18:31 PM »

ได้เวลากองทัพเรือจะมีเครื่องบินขับไล่ /โจมตี แบบสองเครื่องยนต์แล้ว แล้วก็ เครื่องขึ้นลงทางดิ่งรุ่นใหม่ด้วย อ้อ ลืมเรือดำนำไปได้อย่างไร อิอิ
บันทึกการเข้า

THIS IS MY STEYR.
THERE ARE MANY LIKE IT, BUT THIS ONE IS MINE.
WITHOUT MY STEYR,I AM NOTHING.
WITHOUT ME, MY STEYR IS NOTHING.
ภูปทุม-รักในหลวง
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 89
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 914



« ตอบ #7 เมื่อ: กรกฎาคม 02, 2008, 09:20:51 PM »

ข้อมูลน่าสนใจมากถ้าไทยจะได้ผลประโยชน์ก็ขอให้ตกอยู่กับรัฐมิใช่ เอกชน ถ้าจะให้ดีหาบริษัทอื่นที่ไม่ใช่ ปตท. มาสำรวจและผลิตเพื่อถ่วงดุลป้องกันการการผูกขาด


+1
บริษัทของไทยที่ไม่ใช่ ปตท.มีด้วยหรือครับ ถ้าโอกาสเป็นอย่างว่าจริง บริษัทใดก็ได้ที่เป็นของไทยสนับสนุนครับ
เพราะถ้าเป็นของต่างชาติสุดท้ายก็ต้องเอากลับมาขายคนไทยอีก
บันทึกการเข้า

จะแน่วแน่แก้ไขในสิ่งผิด
.
Southlander
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 5711
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 48212



« ตอบ #8 เมื่อ: กรกฎาคม 02, 2008, 09:55:00 PM »

ข้อมูลน่าสนใจมากถ้าไทยจะได้ผลประโยชน์ก็ขอให้ตกอยู่กับรัฐมิใช่ เอกชน ถ้าจะให้ดีหาบริษัทอื่นที่ไม่ใช่ ปตท. มาสำรวจและผลิตเพื่อถ่วงดุลป้องกันการการผูกขาด

บริษัทของไทยที่ไม่ใช่ ปตท.มีด้วยหรือครับ ถ้าโอกาสเป็นอย่างว่าจริง บริษัทใดก็ได้ที่เป็นของไทยสนับสนุนครับ
เพราะถ้าเป็นของต่างชาติสุดท้ายก็ต้องเอากลับมาขายคนไทยอีก

นั่นซิครับผมนึกไม่ออกว่ามีใครอีก แต่ในอ่าวไทยเราตอนนี้ที่ตั้งแท่นเจาะอยู่มี ปตท .สผ- ยูโนแคล-โทเทล
ผมคิดไม่ออกว่าจะไม่ให้รั่วไหลไปอีกอย่างไรเลยเสนอแบบนี้มารอผู้รู้มาตอบอีกทีนะครับ
...แต่ถ้าเราให้ทุกบริษัทที่สำรวจขุดเจาะอยู่ตอนนี้มาประมูลแข่งกันเราจ้างเฉพาะสำรวจขุดเจาะนะพอได้น้ำมันมาแล้วเราบริหารเองโดยรัฐบาล เหมือนกับเราตั้ง
รัฐวิสาหกิจด้านพลังงานขึ้นมาแข่งกับ ปตท. เดิมซึ่งแน่นอนต้นทุนต่ำกว่าคราวนี้หุ้น ปตท. ตก รูดมหาราชเราก็ช้อนซื้อแปรรูปกลับมารวมตัวกันกลายเป็นของรัฐอีกที
ตอนนี้มีบริษัทไทยที่ทำแท่นเจาะเองได้แล้วแถมส่งออกด้วยอยู่ริมอ่าวแถวแหลมฉบัง
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

กรณีเรือดำน้ำผมอยากให้มีมานานแล้วไม่ใช่แค่ ลำ 2 ลำ ผมอยากให้มีเป็นฝูงๆละ 2- 4 ลำก็ได้อยู่ฝั่งอันดามัน 1 ฝูง ฝั่ง อ่าวไทย 1 ฝูง
และแล่นสลับไปมาทั้งสองฝั่งสวนทางทักทายกันตลอดเพื่อประกาศแสนยานุภาพของเราพร้อมปกป้องอธิปไตยและทรัพยากรใต้ผืนน้ำของเรา ยิ่งเจอขุมทรัพย์แบบนี้ด้วยมีสิทธิ์ทะเลเดือดเอาง่ายๆ
บันทึกการเข้า

๏ทุกวันนี้ศึกไกลยังไม่ห่วง  แต่หวั่นทรวงศึกใกล้ไล่ข่มเหง
ถ้าคนไทยหันมาฆ่ากันเอง   จะร้องเพลงชาติไทยให้ใครฟัง
                      
                             โดย:นภาลัย สุวรรณธาดา พศ.๒๕๑๐
ต้นน้ำ
Full Member
***

คะแนน 5
ออฟไลน์

กระทู้: 117


« ตอบ #9 เมื่อ: กรกฎาคม 03, 2008, 06:49:41 PM »

พี่เหลี่ยมเอาทุกอย่างเลย.......
เเปรรูป ปตท.  เอาหุ้นเข้าพวกพ้อง.....
CTX....ซื้อที่ดินรัชดา
ขายหุ้น 73000 ล้านให้สิงคโปร์ ไม่เสียภาษี........
เอาเเผ่นดินเขาพระวิหารให้เขมรเเลกบ่อน้ำมัน......
ชวนเเขกมาซื้อที่นา........
เอาเงินฟาดหัวจมูกหมู ตาเหล่ เป็ดฝั่งธน  มาเป็นรัฐบาล.........
   เยอะเเยะพิมพ์ไม่หมด.....ยิ่งกว่าพระยาจักรีตอนเสียกรุงศรีครั้งที่ 1 อีก....
บันทึกการเข้า
carrera
กินลูกเดียวเที่ยวสองลูก
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2329
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 84478


« ตอบ #10 เมื่อ: กรกฎาคม 03, 2008, 09:00:59 PM »

นึกว่าขุมทรัพย์โกโบริ Grin Grin Grin
บันทึกการเข้า

เนื้อร้ายตัดทิ้ง
www.ipscthailand.com
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.118 วินาที กับ 22 คำสั่ง