เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
พฤศจิกายน 30, 2024, 05:55:01 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: อวป. มีจำหน่ายที่ สนามยิงปืนราชนาวี/สนามยิงปืนบางบัวทอง/สนามยิงปืนศรภ./
/สนามยิงปืนทอ./
สิงห์ทองไฟร์อาร์ม
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 [2]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ผู้หญิง...กับการป้องกันตัว  (อ่าน 3620 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Yoshiki_Silencer - รักในหลวง
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 278
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 597


ลูกศิษย์ครูหมู (ด้วยอีกคน)


« ตอบ #15 เมื่อ: กันยายน 09, 2010, 10:08:50 PM »

เยี่ยมผมเองก็สอนภรรยาไว้ว่าหากมีกรณีแบบนี้เกิดขึ้น ไหว้ซัดไปเลยไม่ต้องเลี้ยงแต่ที่ถามเพราะต้องการทราบว่าสิ่งที่เราสอนเค้าไปไม่ใช่สิ่งที่ผิดๆ ตกใจ

เพราะผมมองเหตุการณ์ลักษณะนี้ว่าหากตัดสินใจช้ามีผลถึงชีวิตค่อนข้างสูง ที่ผ่านมาก็พยายามสอนการใช้ ลูกโม่ เพื่อยิงจริงๆว่าต้องทำอย่างไรบ้าง(ไปสนามยิงปืน)

ขอถามต่อสักนิดนะครับ ต่อเนื่องจากคำถามแรก หากยิงผู้บุกรุกตายแล้ว ขั้นตอนคงเป็นแจ้งตำรวจและรับทราบข้อกล่าวหา  ฆ่าโดยเจตนา   แล้วจากนั้นจะต้องมีการ

ไปโรงพัก ประกันตัว เหมือนคดีอื่นๆหรือเปล่าเพราะคดีแบบนี้ เจ้าทุกข์กลายเป็นจำเลยไปซะแล้วครับ ไหว้

          คดีในลักษณะนี้ตำรวจจะทำสำนวนแยกเป็นสองสำนวนครับ  

          สำนวนแรกเป็นคดีที่เจ้าของบ้านเป็นผู้เสียหายในส่วนที่คนร้ายบุกเข้ามาภายในบ้าน  ซึ่งตำรวจจะสั่ง

ไม่ฟ้องคนร้ายเนื่องจากคนร้ายถึงแก่ความตาย  ( เพราะถูกเรายิงนั่นแหละครับ )  สิทธิการนำคดีอาญามาฟ้อง

จึงเป็นอันระงับไป

          สำนวนที่สองจะเป็นสำนวนที่เราเป็นผู้ต้องหาในคดีฆ่าผู้อื่น  ซึ่งในเบื้องต้นไม่ว่าอย่างไรเราก็จะต้อง

ถูกตั้งข้อหาฆ่าผู้อื่นไว้ก่อน  จากนั้นตำรวจก็จะดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด  แล้วสรุปความเห็นว่า

จะสั่งฟ้องหรือไม่พร้อมสำนวนไปยังพนักงานอัยการ  ถ้าเห็นว่าเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ  ตำรวจก็จะ

มีความเห็นควรสั่งไม่ฟ้อง  ซึ่งถ้าอัยการเห็นว่าเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุก็จะสั่งไม่ฟ้องตามตำรวจแล้ว

เสนอสำนวนไปที่ผู้ว่า ฯ  ถ้าผู้ว่า ฯ ไม่เห็นแย้ง  คดีนี้ก็เป็นอันยุติในส่วนของการดำเนินคดีโดยอาศัยกลไกของรัฐ      

          ถ้าตำรวจเห็นว่าเป็นการป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุก็จะทำสำนวนพร้อมความเห็นควรสั่งฟ้องไปยัง

พนักงานอัยการ  ถ้าพนักงานอัยการเห็นว่าเป็นการป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุก็จะฟ้องผู้ต้องหาต่อศาล

          ทั้งนี้ไม่ว่าตำรวจจะเสนอความเห็นมาอย่างไร  พนักงานอัยการอาจมีความเห็นต่างจากตำรวจก็ได้  

เช่นตำรวจเห็นควรสั่งไม่ฟ้อง แต่พนักงานอัยการอาจสั่งฟ้องก็ได้  หรือตำรวจเห็นควรสั่งฟ้อง แต่พนักงาน

อัยการอาจจะสั่งไม่ฟ้องก็ได้  ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน และดุลพินิจของพนักงานอัยการเจ้าของสำนวน

          สำหรับขั้นตอนหลังเกิดเหตุนั้นเมื่อเราแจ้งตำรวจแล้วก็จะมีร้อยเวรมาตรวจสถานที่เกิดเหตุพร้อมกับ

รวบรวมพยานหลักฐาน  ซึ่งทางปฏิบัติคดีลักษณะนี้รูปคดีมักยังไม่แน่ใจว่าใครเป็นฝ่ายผิดกันแน่  เจ้าของ

บ้านอาจจะป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมายก็ได้ซึ่งไม่เป็นความผิด  ส่วนใหญ่ตำรวจก็มักจะยังไม่จับกุมตัว

ไปโรงพัก  แต่จะเชิญไปโรงพักเพื่อสอบปากคำไว้เป็นพยาน  จากนั้นตำรวจก็มักจะปล่อยตัวเรากลับมาแต่

เราก็ต้องไปพบตำรวจเมื่อมีหมายเรียกมา  จากนั้นตำรวจก็จะดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานจนการสอบ

สวนเสร็จสิ้นแล้วเสนอสำนวนส่งพนักงานอัยการ  ถ้าตำรวจมีความเห็นควรสั่งฟ้องก็ต้องนำตัวเราไปให้พนัก

งานอัยการด้วย  ถ้ามีความเห็นควรสั่งไม่ฟ้องก็ไม่ต้องนำตัวเราไปให้พนักงานอัยการ  ซึ่งในกรณีที่ตำรวจเชิญ

ตัวเราไปสอบปากคำโดยไม่มีการจับกุมก็ไม่จำต้องประกันตัว  เพียงแต่ตำรวจอาจทำบันทึกให้เรารับทราบวัน

นัดเพื่อมาพบตามกำหนดนัด  และเมื่อสำนวนถึงพนักงานอัยการแล้วหากในชั้นตำรวจเราบันทึกรับทราบวันนัดไว้  

( ซึ่งในกรณีจะเป็นกรณีตำรวจมีความเห็นควรสั่งฟ้องเพราะส่งตัวเรามาให้พนักงานอัยการด้วย )  ปกติพนักงาน

อัยการก็จะไม่เรียกหลักประกันแต่จะให้เราทำบันทึกรับทราบวันนัดไว้เพื่อมาพบพนักงานอัยการตามกำหนดนัด

เหมือนชั้นตำรวจ  ถ้าพนักงานอัยการสั่งไม่ฟ้อง แล้วผู้ว่า ฯ ไม่แย้งคดีก็เป็นอันเสร็จไป  แต่ถ้าสั่งฟ้องท่านก็ต้อง

หาหลักทรัพย์ประกันตัวที่ศาล  ศาลจะไม่ให้ทำบันทึกรับทราบวันนัดเหมือนชั้นตำรวจกับชั้นอัยการ  จากนั้นก็

ดำเนินการต่อสู้คดีกันไปจนกว่าจะถึงที่สุด

          แต่ในกรณีที่ตำรวจจับกุมตัวท่านทันทีภายหลังเกิดเหตุ  ท่านก็ต้องดำเนินการหาหลักทรัพย์มาประกันตัว

ทันทีเลยครับ  โดยอาจจะประกันตัวที่สถานีตำรวจ  สำนักงานอัยการ  หรือศาล  แล้วแต่ว่าขั้นตอนการดำเนินคดี

ถึงขั้นไหนแล้วครับ

          
บันทึกการเข้า

ไม่ว่าจะเกลียดขี้หน้าใครขนาดไหน... แต่ตราบใดที่เขายังถูกต้องตามหลักการ ก็จะต้องปกป้องเขา เพราะสิ่งที่ปกป้องมันมากกว่า บุคคล แต่มันคือหลักการที่จะทำให้ระบบดำเนินต่อไปได้
Yoshiki_Silencer - รักในหลวง
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 278
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 597


ลูกศิษย์ครูหมู (ด้วยอีกคน)


« ตอบ #16 เมื่อ: กันยายน 09, 2010, 10:16:55 PM »


          อยู่ที่ทนายจำเลยด้วยส่วนหนึ่งครับที่ต้องถามพยานโจทก์เพื่อให้ศาลเห็นข้อเท็จจริงในคดีชัดเจนทุกมุม

เสมือนให้ศาลอยู่ในเหตุการณ์ด้วย  แต่คดีลักษณะนี้ส่วนมากทนายจำเลยจะทำงานไม่ค่อยหนักหรอกครับ  เพราะ

พยาน  ตำรวจ  อัยการ  และผู้พิพากษา  ก็มักจะเอาใจช่วยอยู่แล้ว

          ถามหน่อยถ้าท่านเป็นผู้พิพากษา  ท่านอยากเอาเจ้าของบ้านที่เป็นผู้หญิงเข้าคุกไหม ?


ปัญหามันอยู่ที่ว่า ข้อเท็จจริงแบบนี้ รวมทั้ง พยาน หลักฐาน จะอยู่ในกระบวนการตั้งแต่ต้นหรือไม่
และบุคคลในกระบวนการ กล้าที่จะวินิจฉัยให้เป็นไปตามข้อเท็จจริงหรือเปล่า

เพราะความเป็นจริง หากกระบวนการ ไม่ทำหน้าที่ และไม่มองมุมของทั้งฝ่ายผู้เสียหาย และจำเลยแล้ว
ข้อเท็จจริงตรงนี้ ก็กลายเป็นเพียงคำเบิกความ.......ของจำเลยเท่านั้น  Cheesy




          ใช่ครับเรื่องแบบนี้สำคัญที่ข้อเท็จจริงในสำนวนการสอบสวนจะตรงกับข้อเท็จจริง

ตามความเป็นจริงหรือเปล่า  เพราะต้องยอมรับว่ามีเหตุปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้ข้อเท็จจริง

ที่ปรากฏในสำนวนการสอบสวนแตกต่างไปจากข้อเท็จจริงตามความเป็นจริง  ซึ่งบางเรื่อง

ต่างกันชนิดหน้ามือเป็นหลังเท้าเลยทีเดียว

          ถ้าข้อเท็จจริงตรงกันทนายจำเลยก็ทำงานสบายหน่อย  แต่ถ้าแตกต่างกันตรงนี้ก็อยู่ที่

ฝีมือทนายจำเลยแล้วล่ะครับว่าจะมีความสามารถถามค้านพยานโจทก์เพื่อตีแผ่ข้อเท็จจริงที่ถูก

ต้องให้ปรากฏต่อศาลได้อย่างไร  เพราะในคดีอาญาคำเบิกความของจำเลยแทบไม่มีน้ำหนัก

ให้รับฟังอยู่แล้วตามที่พี่สิงห์กล่าวไว้ครับ  ไหว้
บันทึกการเข้า

ไม่ว่าจะเกลียดขี้หน้าใครขนาดไหน... แต่ตราบใดที่เขายังถูกต้องตามหลักการ ก็จะต้องปกป้องเขา เพราะสิ่งที่ปกป้องมันมากกว่า บุคคล แต่มันคือหลักการที่จะทำให้ระบบดำเนินต่อไปได้
kilin
ชาว อวป.
Full Member
****

คะแนน 11
ออฟไลน์

กระทู้: 141


« ตอบ #17 เมื่อ: กันยายน 10, 2010, 07:40:33 AM »


          อยู่ที่ทนายจำเลยด้วยส่วนหนึ่งครับที่ต้องถามพยานโจทก์เพื่อให้ศาลเห็นข้อเท็จจริงในคดีชัดเจนทุกมุม

เสมือนให้ศาลอยู่ในเหตุการณ์ด้วย  แต่คดีลักษณะนี้ส่วนมากทนายจำเลยจะทำงานไม่ค่อยหนักหรอกครับ  เพราะ

พยาน  ตำรวจ  อัยการ  และผู้พิพากษา  ก็มักจะเอาใจช่วยอยู่แล้ว

          ถามหน่อยถ้าท่านเป็นผู้พิพากษา  ท่านอยากเอาเจ้าของบ้านที่เป็นผู้หญิงเข้าคุกไหม ?


ปัญหามันอยู่ที่ว่า ข้อเท็จจริงแบบนี้ รวมทั้ง พยาน หลักฐาน จะอยู่ในกระบวนการตั้งแต่ต้นหรือไม่
และบุคคลในกระบวนการ กล้าที่จะวินิจฉัยให้เป็นไปตามข้อเท็จจริงหรือเปล่า

เพราะความเป็นจริง หากกระบวนการ ไม่ทำหน้าที่ และไม่มองมุมของทั้งฝ่ายผู้เสียหาย และจำเลยแล้ว
ข้อเท็จจริงตรงนี้ ก็กลายเป็นเพียงคำเบิกความ.......ของจำเลยเท่านั้น  Cheesy




ขอคำขยายความเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องของ

1.ข้อเท็จจริงแบบนี้ รวมทั้ง พยาน หลักฐาน ..หมายถึงข้อเท็จจริงว่าเกิดการบุกรุกจนถูกยิงตาย หรือ เกิดการยิงจนถึงแก่ความตาย ครับ

2.ไม่ทำหน้าที่ และไม่มองมุมของทั้งฝ่ายผู้เสียหาย และจำเลย....มุมมองที่ว่านั้นผู้หญิงที่ถูกคุกคามเป็นจำเลยหรือผู้เสียหายครับ(เข้าใจว่าเป็นจำเลย)แต่ไม่ใช่คนเริ่มก่อเหตุ

3.คำว่ามุมของฝ่ายผู้เสียหาย...ซึ่งเป็นต้นเหตุของเหตุการทั้งหมดที่เกิดขึ้น(บุกรุก)รบกวนขยายความมุมของฝ่ายบุกรุกเพื่อทำร้ายด้วยครับ
บันทึกการเข้า
eddynkp
Full Member
***

คะแนน 8
ออฟไลน์

กระทู้: 156



« ตอบ #18 เมื่อ: กันยายน 10, 2010, 09:04:33 AM »

เรื่องถึงศาลอย่างดีก็คิดว่ารอลงอาญา ๒ ปีครับ  เพราะเค้าบุกรุกเข้ามาทำร้ายเราในเคหสถาน  เราซึ่งเป็นผู้หญิงใช้ปืนป้องกันตัวเอง  สมควรแก่เหตุ .....เห็นด้วยคับ
บันทึกการเข้า
Ro@d - รักในหลวง
รักเธอ.. ประเทศไทย
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 4088
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 20186


1 คัน 1 ชีวิตที่อิสระ มี G23 กาแฟอีก 1 เป็นเพื่อน


« ตอบ #19 เมื่อ: กันยายน 10, 2010, 09:21:31 AM »

ขอแทรก ไว้ ก่อนนะครับ  เพียงการบุกรุกอย่างเดียว  เจ้าของบ้าน ที่เป็นผู้หญิง หรือผู้ชาย จักไม่เกิดสิทธิ ใช้อาวุธปืนยิง นะครับ
และโทษที่ได้รับสำหรับเจ้าบ้านผู้ยิง จะติดตะรางจริง โดยไม่มีการรอลงอาญา   ประเด็นนี้ ถ้ากฎหมายไม่เคร่งครัด  นิดหน่อย ก็ใช้ปืนยิงกันตาย

การบุกรุก ที่ เจ้าบ้านจะเกิดสิทธิในการป้องกันตัว โดยใช้อาวุธปืน ยิงได้ ก็ต่อเมื่อ ผู้บุกรุกกระทำความผิดฐานร้ายแรงอื่น โดยมีอาวุธ  ร่วมขึ้นมาด้วย



บันทึกการเข้า

Daimyo
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 924
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 9042



« ตอบ #20 เมื่อ: กันยายน 10, 2010, 09:31:47 AM »

ถามเพิ่มเติมนะครับ.....

ในกรณีที่ตํารวจให้ความเห็นไม่สั่งฟ้อง....รวมทั้งอัยการด้วยเช่นกัน...

ญาติผู้เสียหาย(ผู้ตาย)..มีสิทธิ์ตั้งทนายขึ้นมาฟ้องอาญาได้หรือไม่ครับ....

ผมเข้าใจว่ากรณีที่สั่งฟ้อง...ฝ่ายผู้เสียหายสามารถตั้งทนายเป็นโจทย์ร่วมกับอัยการได้...แต่กรณีสั่งไม่ฟ้องนี่...ทําได้หรือไม่ครับ
บันทึกการเข้า

ดังสายลมที่พัดผ่านลานป่า..พาใบไม้พลัดถิ่น..ดั่งสายน้ำที่ไหลรินพัดพา..นำดวงใจฉันมาใกล้เธอ..
"ความหวังดีที่เธอให้สังคม ฉันชื่นชมเธอเสมอ"
Ro@d - รักในหลวง
รักเธอ.. ประเทศไทย
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 4088
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 20186


1 คัน 1 ชีวิตที่อิสระ มี G23 กาแฟอีก 1 เป็นเพื่อน


« ตอบ #21 เมื่อ: กันยายน 10, 2010, 09:52:19 AM »

ถามเพิ่มเติมนะครับ.....

ในกรณีที่ตํารวจให้ความเห็นไม่สั่งฟ้อง....รวมทั้งอัยการด้วยเช่นกัน...

ญาติผู้เสียหาย(ผู้ตาย)..มีสิทธิ์ตั้งทนายขึ้นมาฟ้องอาญาได้หรือไม่ครับ....

ผมเข้าใจว่ากรณีที่สั่งฟ้อง...ฝ่ายผู้เสียหายสามารถตั้งทนายเป็นโจทย์ร่วมกับอัยการได้...แต่กรณีสั่งไม่ฟ้องนี่...ทําได้หรือไม่ครับ

สิทธิ์ในการฟ้องคดี อาญา เป็นของ รัฐ และของผู้เสียหาย

เมื่อรัฐ มีความเห็นไม่ฟ้อง  ผู้เสียหาย ยอมมีสิทธิ์ ฟ้องคดีนั้นด้วยตนเอง  แต่โดยกระบวนการ ศาลจะต้องทำการไต่สวนมูลฟ้อง
เพื่อให้เชื่อว่ามีมูลคดีเกิดขึ้นจริง จึงจะประทับรับฟ้องไว้พิจารณา   ครับ คุณอ้วน.   

อย่างคดี หมอผัสพร ที่บิดาฯ เป็นผู้เสียหาย นำคดีสู่ศาลเพื่อทวงความยุติธรรมให้แก่บุตรสาว.  เยี่ยม

แต่ถ้าคดีนั้น ฝ่ายรัฐ โดยพนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องคดีไปแล้ว ผู้เสียหายจะฟ้องคดีอีกไม่ได้ จะถือเป็นฟ้องซ้ำ
จะต้องยื่นคำร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม  กับพนักงานอัยการ ที่เป็นโจทก์ในคดีนั้น   ครับ

 
บันทึกการเข้า

SingCring
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #22 เมื่อ: กันยายน 10, 2010, 09:59:06 AM »

ถามเพิ่มเติมนะครับ.....

ในกรณีที่ตํารวจให้ความเห็นไม่สั่งฟ้อง....รวมทั้งอัยการด้วยเช่นกัน...

ญาติผู้เสียหาย(ผู้ตาย)..มีสิทธิ์ตั้งทนายขึ้นมาฟ้องอาญาได้หรือไม่ครับ....

ผมเข้าใจว่ากรณีที่สั่งฟ้อง...ฝ่ายผู้เสียหายสามารถตั้งทนายเป็นโจทย์ร่วมกับอัยการได้...แต่กรณีสั่งไม่ฟ้องนี่...ทําได้หรือไม่ครับ

ตามปัญหา ผมเข้าใจว่าคงตามกรณี ที่พนักงานอัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องผู้ใช้สิทธิป้องกัน
ต่อมาญาติของคนร้าย จะใช้สิทธิฟ้องคดีต่อศาลเอง ฟ้องผู้ใช้สิทธิป้องกันที่พนักงานอัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องใช่ไหมครับ

หากใช่ โดยหลักแล้ว มาตรา ๓๔ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา บัญญัติว่า คำสั่งไม่ฟ้องคดี หาตัดสิทธิผู้เสียหายฟ้องคดีโดยตนเองไม่

แต่ปัญหาจะอยู่ที่ว่า ผู้มีสิทธิฟ้องคดีต่อศาลได้ จะต้องเป็น "ผู้เสียหาย" ตามกฎหมายด้วย (มาตรา ๒(๔) )
กล่าวคือ จะต้องเป็นบุคคลผู้ได้รับความเสียหาย เนื่องจากการกระทำผิดฐานใดฐานหนึ่ง และจะต้องเป็นผู้เสียหายโดยนิตินัย คือไม่ได้เป็นผู้ก่อให้เกิดความเสียหายนั้นด้วย

การที่ผู้ตาย บุกรุกหรือกระทำการใดอันเป็นการละเมิดต่อกฎหมาย ส่งผลให้เกิดการใช้สิทธิป้องกัน
ไม่ว่าผลสุดท้าย การกระทำป้องกันของผู้ใช้สิทธิป้องกันดังกล่าว จะเป็นการป้องกันหรือไม่ หรือเป็นการป้องกันที่เกินกว่าเหตุหรือไม่.

แต่ต้องถือว่าผู้ตายเอง เป็นผู้ก่อให้เกิดภยันตรายอันละเมิดต่อกฎหมาย อันเป็นเหตุให้เกิดการใช้สิทธิป้องกัน
ผู้ตายจึงไม่ใช่ผู้เสียหาย ตามกฎหมาย

เมื่อกฎหมายบอกว่า ผู้มีอำนาจฟ้องคดีอาญาต่อศาลนั้น ได้แก่
(๑) พนักงานอัยการ
(๒) ผู้เสียหาย

แต่ผู้ตายมิใช่ผู้เสียหายตามกฎหมายเสียแล้ว ดังนั้นผู้ตาย หรือแม้แต่ญาติของผู้ตาย ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องคดีอาญาต่อศาลได้
และสุดท้าย ศาลต้องยกฟ้อง เพราะผู้ตายและญาติ ไม่มีอำนาจฟ้องนั้นเอง
ในกรณีนี้จึงยังคงเหลือบุคคลเดียว คือพนักงานอัยการ เมื่อพนักงานอัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องแล้ว ก็เอวังด้วยประการ  ฉะนี้

ปล. ผมเข้าใจคำถามผิดหรือเปล่า คิก คิก
แต่ถ้าในกรณีพนักงานอัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องคนร้ายที่มาทำละเมิดต่อเราแล้ว ข้อกฎหมายก็เป็นไปตามความเห็นของพี่ Ro@d  ข้างต้นทุกประการครับ  Cheesy Cheesy
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 10, 2010, 10:11:35 AM โดย นายสิงห์กลิ้ง » บันทึกการเข้า
kilin
ชาว อวป.
Full Member
****

คะแนน 11
ออฟไลน์

กระทู้: 141


« ตอบ #23 เมื่อ: กันยายน 10, 2010, 10:01:42 AM »

ขอแทรก ไว้ ก่อนนะครับ  เพียงการบุกรุกอย่างเดียว  เจ้าของบ้าน ที่เป็นผู้หญิง หรือผู้ชาย จักไม่เกิดสิทธิ ใช้อาวุธปืนยิง นะครับ
และโทษที่ได้รับสำหรับเจ้าบ้านผู้ยิง จะติดตะรางจริง โดยไม่มีการรอลงอาญา   ประเด็นนี้ ถ้ากฎหมายไม่เคร่งครัด  นิดหน่อย ก็ใช้ปืนยิงกันตาย

การบุกรุก ที่ เจ้าบ้านจะเกิดสิทธิในการป้องกันตัว โดยใช้อาวุธปืน ยิงได้ ก็ต่อเมื่อ ผู้บุกรุกกระทำความผิดฐานร้ายแรงอื่น โดยมีอาวุธ  ร่วมขึ้นมาด้วย





จากคำถามของผม  เจ้าของบ้านที่เป็นหญิง ผู้บุกรุกแสดงเจตนาประสงค์ร้ายต่อทรัพย์และร่างกาย(ประมาณว่าจะข่มขืนโดยแสดงออกทางกิริยาท่าทาง)แต่ไม่แสดงอาวุธ(ไม่เห็นว่ามีหรือไม่มี)คิดว่ามีไว้ก่อน

.......การป้องกันตัวเองจากการข่มขืน มีสิทธิยิงหรือไม่......ข่มขืนเป็นอันตรายร้ายแรงหรือไม่ ไหว้

"ประเด็นนี้ ถ้ากฎหมายไม่เคร่งครัด  นิดหน่อย ก็ใช้ปืนยิงกันตาย"  มองจากมุมเจ้าของบ้านที่เป็นผู้หญิงจะมองว่าเป็นเรื่อง นิดหน่อยหรือเปล่าครับ ไหว้
บันทึกการเข้า
Ro@d - รักในหลวง
รักเธอ.. ประเทศไทย
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 4088
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 20186


1 คัน 1 ชีวิตที่อิสระ มี G23 กาแฟอีก 1 เป็นเพื่อน


« ตอบ #24 เมื่อ: กันยายน 10, 2010, 10:05:37 AM »

ขอแทรก ไว้ ก่อนนะครับ  เพียงการบุกรุกอย่างเดียว  เจ้าของบ้าน ที่เป็นผู้หญิง หรือผู้ชาย จักไม่เกิดสิทธิ ใช้อาวุธปืนยิง นะครับ
และโทษที่ได้รับสำหรับเจ้าบ้านผู้ยิง จะติดตะรางจริง โดยไม่มีการรอลงอาญา   ประเด็นนี้ ถ้ากฎหมายไม่เคร่งครัด  นิดหน่อย ก็ใช้ปืนยิงกันตาย

การบุกรุก ที่ เจ้าบ้านจะเกิดสิทธิในการป้องกันตัว โดยใช้อาวุธปืน ยิงได้ ก็ต่อเมื่อ ผู้บุกรุกกระทำความผิดฐานร้ายแรงอื่น โดยมีอาวุธ  ร่วมขึ้นมาด้วย



จากคำถามของผม  เจ้าของบ้านที่เป็นหญิง ผู้บุกรุกแสดงเจตนาประสงค์ร้ายต่อทรัพย์และร่างกาย(ประมาณว่าจะข่มขืนโดยแสดงออกทางกิริยาท่าทาง)แต่ไม่แสดงอาวุธ(ไม่เห็นว่ามีหรือไม่มี)คิดว่ามีไว้ก่อน

.......การป้องกันตัวเองจากการข่มขืน มีสิทธิยิงหรือไม่......ข่มขืนเป็นอันตรายร้ายแรงหรือไม่ ไหว้

"ประเด็นนี้ ถ้ากฎหมายไม่เคร่งครัด  นิดหน่อย ก็ใช้ปืนยิงกันตาย"  มองจากมุมเจ้าของบ้านที่เป็นผู้หญิงจะมองว่าเป็นเรื่อง นิดหน่อยหรือเปล่าครับ ไหว้

การขมขืน เริ่มจากพฤติการณ์  สตรีผู้เสียหาย มีสิทธิ์ใช้อาวุธทุกอย่างที่อยู่ใกล้มือ ยับยั้งได้ อยู่แล้ว ครับ

การอธิบายความ ในเรื่องข้อกฎหมาย ไม่ใช่เพื่อตอบข้อสงสัยของ จขกท. เพียงเท่านั้น
ยังต้องคาบเกี่ยว เพื่อให้เป็นประโยชน์แก่ เพื่อนสมาชิกทีเข้ามาอ่าน ด้วย

เรื่องข้อกฎหมาย จะใช้ความเห็น โดยไม่มีความรู้กฎหมายไม่ได้ ไม่อย่างนั้น จะออกทะเลหมด
และคนที่จำไปผิด ๆ จะต้องไปรับผิดชอบกับความรันทดนั้น ด้วยตนเอง

และเพื่อนที่ให้ความเห็น รวมถึงผมด้วย ก็เป็นนักกฎหมาย   ไม่ได้ใช้ความเห็น ความรู้สึกส่วนตัว มาแนะนำ กัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 10, 2010, 10:33:03 AM โดย Ro@d - รักในหลวง » บันทึกการเข้า

kilin
ชาว อวป.
Full Member
****

คะแนน 11
ออฟไลน์

กระทู้: 141


« ตอบ #25 เมื่อ: กันยายน 10, 2010, 10:39:23 AM »

การขมขืน เริ่มจากพฤติการณ์  สตรีผู้เสียหาย มีสิทธิ์ใช้อาวุธทุกอย่างที่อยู่ใกล้มือ ยับยั้งได้ อยู่แล้ว ครับ

การอธิบายความ ในเรื่องข้อกฎหมาย ไม่ใช่เพื่อตอบข้อสงสัยของ จขกท. เพียงเท่านั้น
ยังต้องคาบเกี่ยว เพื่อให้เป็นประโยชน์แก่ เพื่อนสมาชิกทีเข้ามาอ่าน ด้วย

เรื่องข้อกฎหมาย จะใช้ความเห็น โดยไม่มีความรู้กฎหมายไม่ได้ ไม่อย่างนั้น จะออกทะเลหมด
และคนที่จำไปผิด ๆ จะต้องไปรับผิดชอบกับความรันทดนั้น ด้วยตนเอง

และเพื่อนที่ให้ความเห็น รวมถึงผมด้วย ก็เป็นนักกฎหมาย   ไม่ได้ใช้ความเห็น ความรู้สึกส่วนตัว มาแนะนำ กัน
...

รับทราบและขอบคุณครับ ไหว้ เยี่ยม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 10, 2010, 10:40:55 AM โดย kilin » บันทึกการเข้า
Daimyo
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 924
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 9042



« ตอบ #26 เมื่อ: กันยายน 10, 2010, 11:14:43 AM »

ถามเพิ่มเติมนะครับ.....

ในกรณีที่ตํารวจให้ความเห็นไม่สั่งฟ้อง....รวมทั้งอัยการด้วยเช่นกัน...

ญาติผู้เสียหาย(ผู้ตาย)..มีสิทธิ์ตั้งทนายขึ้นมาฟ้องอาญาได้หรือไม่ครับ....

ผมเข้าใจว่ากรณีที่สั่งฟ้อง...ฝ่ายผู้เสียหายสามารถตั้งทนายเป็นโจทย์ร่วมกับอัยการได้...แต่กรณีสั่งไม่ฟ้องนี่...ทําได้หรือไม่ครับ

ตามปัญหา ผมเข้าใจว่าคงตามกรณี ที่พนักงานอัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องผู้ใช้สิทธิป้องกัน
ต่อมาญาติของคนร้าย จะใช้สิทธิฟ้องคดีต่อศาลเอง ฟ้องผู้ใช้สิทธิป้องกันที่พนักงานอัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องใช่ไหมครับ

หากใช่ โดยหลักแล้ว มาตรา ๓๔ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา บัญญัติว่า คำสั่งไม่ฟ้องคดี หาตัดสิทธิผู้เสียหายฟ้องคดีโดยตนเองไม่

แต่ปัญหาจะอยู่ที่ว่า ผู้มีสิทธิฟ้องคดีต่อศาลได้ จะต้องเป็น "ผู้เสียหาย" ตามกฎหมายด้วย (มาตรา ๒(๔) )
กล่าวคือ จะต้องเป็นบุคคลผู้ได้รับความเสียหาย เนื่องจากการกระทำผิดฐานใดฐานหนึ่ง และจะต้องเป็นผู้เสียหายโดยนิตินัย คือไม่ได้เป็นผู้ก่อให้เกิดความเสียหายนั้นด้วย

การที่ผู้ตาย บุกรุกหรือกระทำการใดอันเป็นการละเมิดต่อกฎหมาย ส่งผลให้เกิดการใช้สิทธิป้องกัน
ไม่ว่าผลสุดท้าย การกระทำป้องกันของผู้ใช้สิทธิป้องกันดังกล่าว จะเป็นการป้องกันหรือไม่ หรือเป็นการป้องกันที่เกินกว่าเหตุหรือไม่.

แต่ต้องถือว่าผู้ตายเอง เป็นผู้ก่อให้เกิดภยันตรายอันละเมิดต่อกฎหมาย อันเป็นเหตุให้เกิดการใช้สิทธิป้องกัน
ผู้ตายจึงไม่ใช่ผู้เสียหาย ตามกฎหมาย

เมื่อกฎหมายบอกว่า ผู้มีอำนาจฟ้องคดีอาญาต่อศาลนั้น ได้แก่
(๑) พนักงานอัยการ
(๒) ผู้เสียหาย

แต่ผู้ตายมิใช่ผู้เสียหายตามกฎหมายเสียแล้ว ดังนั้นผู้ตาย หรือแม้แต่ญาติของผู้ตาย ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องคดีอาญาต่อศาลได้
และสุดท้าย ศาลต้องยกฟ้อง เพราะผู้ตายและญาติ ไม่มีอำนาจฟ้องนั้นเอง
ในกรณีนี้จึงยังคงเหลือบุคคลเดียว คือพนักงานอัยการ เมื่อพนักงานอัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องแล้ว ก็เอวังด้วยประการ  ฉะนี้

ปล. ผมเข้าใจคำถามผิดหรือเปล่า คิก คิก
แต่ถ้าในกรณีพนักงานอัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องคนร้ายที่มาทำละเมิดต่อเราแล้ว ข้อกฎหมายก็เป็นไปตามความเห็นของพี่ Ro@d  ข้างต้นทุกประการครับ  Cheesy Cheesy


เข้าใจถูกต้องครับ.....ผมสงสัยในประเด็นนี้ครับ....ขอบพระคุณมากครับ....
บันทึกการเข้า

ดังสายลมที่พัดผ่านลานป่า..พาใบไม้พลัดถิ่น..ดั่งสายน้ำที่ไหลรินพัดพา..นำดวงใจฉันมาใกล้เธอ..
"ความหวังดีที่เธอให้สังคม ฉันชื่นชมเธอเสมอ"
Daimyo
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 924
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 9042



« ตอบ #27 เมื่อ: กันยายน 10, 2010, 11:16:14 AM »

ขอบพระคุณพี่โร๊ดด้วยครับ....ขอบวกแต้มให้2ท่านครับ
บันทึกการเข้า

ดังสายลมที่พัดผ่านลานป่า..พาใบไม้พลัดถิ่น..ดั่งสายน้ำที่ไหลรินพัดพา..นำดวงใจฉันมาใกล้เธอ..
"ความหวังดีที่เธอให้สังคม ฉันชื่นชมเธอเสมอ"
noibmw
Full Member
***

คะแนน 21
ออฟไลน์

กระทู้: 225


« ตอบ #28 เมื่อ: กันยายน 13, 2010, 08:34:36 AM »

ท่านทั้งหลายมีความรู้สึกไม๊ว่ากฎหมายในเมืองไทยลงโทษอ่อนไป โดยเฉพาะคดีที่เกียวกับความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน ผมอยากเสนอความเห็นแต่ไม่รู้มีใครเห็นด้วยหรือไม่
1.คนร้ายใช้อาวุธปืนหรือระเบิดชิงทรัพย์หรือปล้นทรัพย์มีโทษอย่างเดียวคือประหาร คนร้ายคงไม่ใช้ปืนขู่แต่เพียงอย่างเดียวหรอก ถ้ามีคนขัดขวางหรือเจ้าทรัพย์ไม่ยอม(เจ้าทรัพย์ไม่ตาย)
2.ถ้าการชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย ประหาร
3.พลเมืองดีที่พบเห็นการใช้อาวุธปืนหรือเจ้าทรัพย์สามารถใช้ปืนกับคนร้ายได้โดยไม่มีความผิด
บันทึกการเข้า
Daimyo
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 924
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 9042



« ตอบ #29 เมื่อ: กันยายน 13, 2010, 09:28:19 AM »

ท่านทั้งหลายมีความรู้สึกไม๊ว่ากฎหมายในเมืองไทยลงโทษอ่อนไป โดยเฉพาะคดีที่เกียวกับความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน ผมอยากเสนอความเห็นแต่ไม่รู้มีใครเห็นด้วยหรือไม่
1.คนร้ายใช้อาวุธปืนหรือระเบิดชิงทรัพย์หรือปล้นทรัพย์มีโทษอย่างเดียวคือประหาร คนร้ายคงไม่ใช้ปืนขู่แต่เพียงอย่างเดียวหรอก ถ้ามีคนขัดขวางหรือเจ้าทรัพย์ไม่ยอม(เจ้าทรัพย์ไม่ตาย)
2.ถ้าการชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย ประหาร
3.พลเมืองดีที่พบเห็นการใช้อาวุธปืนหรือเจ้าทรัพย์สามารถใช้ปืนกับคนร้ายได้โดยไม่มีความผิด


ผมให้ข้อสังเกตุแบบนี้ครับ......

ในหลายๆความผิด....กฏหมายได้กําหนดบทลงโทษหนักอยู่แล้ว.....แต่ก็ยังมีคนกล้าที่จะกระทําผิดอีก....

เพราะ....คนที่ทําผิด....ไม่คิดว่าตัวเองจะโดนจับครับ......เรื่องการโดนลงโทษเลยไม่สน


ส่วนข้อ๓นี่....ไม่เห็นด้วยครับ....เพราะสุ่มเสี่ยงที่จะเกินเลยไปหน่อย....ปล่อยให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ที่มีกฏหมายคุ้มครองดีกว่า...
บันทึกการเข้า

ดังสายลมที่พัดผ่านลานป่า..พาใบไม้พลัดถิ่น..ดั่งสายน้ำที่ไหลรินพัดพา..นำดวงใจฉันมาใกล้เธอ..
"ความหวังดีที่เธอให้สังคม ฉันชื่นชมเธอเสมอ"
หน้า: 1 [2]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.235 วินาที กับ 22 คำสั่ง