ท่านรักปืนครับ ผมเป็นแค่"เด็กส่งของ"ครับ
ไม่ถึงขนาดรับจ้างตัดอ้อย แต่ก็เป็นแค่เด็กส่งของ ขับรถไปเดินยกลังส่งของวันละเกิน10กิโลฯ วันละราวๆ10ชม.
ช่วง5เดือนที่แล้ว แม่อีหนูผมไม่อยู่ ผมต้องทำงานแล้วก็เป็นพ่อใบเลี้ยงเดี่ยว เลี้ยงลูกสาว2คนอยู่คนเดียว
เพราะไม่อยากให้ลูกต้อง"พร่อง"อะไรไป ผมจะอยู่กับลูกตลอดเวลาที่ไม่ได้เข้าห้องเรียน ไปรับลูกตอนเย็น อยู่เล่นกับลูกที่สนามเด็กเล่นจน6โมง หาข้าวกิน เข้าบ้าน จับอาบน้ำเปลี่ยนชุดนอน คุยกันไปทำการบ้านที่เหลือกันไป ถึงเวลาก็ชวนกันสวดมนต์ อ่านนิทาน ........ เว้นเย็นวันพฤหัสฯที่ออกเร็วเพื่อพาไป(เล่น)หัดดนตรี ยอมออกส่งของอีกทีก็เกิน4ทุ่ม ออกป่านนั้นกว่าจะเสร็จก็ปาไปตี3 กว่าจะได้หลับก็ตี3.30
ตื่น.6.30มาเตรียมชุด เตรียมมื้อเช้า(ลูกกินแซนวิชสารพัดไส้จนเบื่อ) กลับจากส่งลูกก็ลนลานไปส่งของที่เหลือ ช่วง11.30-13.30จะหาจังหวะงีบได้นิดหน่อย
เสาร์-อาทิตย์ได้ตื่นสายหน่อย มาทำมื้อเช้าให้เด็กแล้วก็นอนเป็นหมอนอิงให้ลูกๆหนุนดูการ์ตูน ช่วงบ่ายถึงค่อยพาลูกไป(เล่น)หัดวาดรูป บ่าย3-4โมงเฮกันไปเล่นน้ำ ฯลฯ....ที่เหมือนเดิมคือกอดๆฟัดๆกับลูกกันจนหลับ แล้วค่อยออกไปส่งของ
ผมใช้ชีวิตแบบนี้มาหลายปีแล้วครับ เพียงแต่ช่วงเมื่อเร็วๆนี้จะหนักหน่อยเพราะเลี้ยงอยู่คนเดียว นน.หายไป6กก.
เรื่องนี้ ทุกคนทำได้ครับ อยู่ที่เรา"เลือก"จะเอามันไปไว้ตรงไหน ถ้ายังมีเวลาเล่นเนต , มีเวลานั่งจิบ ก็ต้องมีเวลาเล่นกับลูก
เพราะที่นี่คือประเทศไทย ผม
ถึงต้องตั้งหน้าทำให้มันดีขึ้นไงครับ เย็นไหนไปกินข้าวที่เซ็นทรัล ลูกกินเสร็จจะขอไปนั่งอ่านนิทานที่ร้านหนังสือ ..... อ่านเสร็จ ลูกๆจะช่วยกันเก็บหนังสือ"ทุกเล่ม"ที่บริเวณโซฟาไปเก็บเข้าที่ของมัน ......
ลูกเคยตอบใครซักคนว่ามันเป็นความรับผิดชอบค่ะ วันนั้นผู้ใหญ่ชุ่ยๆแถวนั้นหน้าหมาไปเลย ตรงตัวอักษรสีน้ำเงิน ขอบคุณที่ไม่คิดโทษสถานศึกษาอย่างเดียว แต่ช่วยรับช่วงสานต่อเพื่อสังคมในวันข้างหน้า
ตรงตัวอักษรสีขาว สมควรแล้วที่ผู้ใหญ่เหล่านั้นต้องสะดุ้ง เนื่องจากนิสัยและสันดานส่วนด้อยที่แก้ไม่หาย