ค่อนข้างเป็นวิชาการนิดนึงครับ กฎหมายที่เกี่ยวข้องครับ ประมวลกฎหมายอาญา
โทษที่เห็น เห็น คือมาตรา 288 ผู้ใดฆ่าผู้อื่น ต้องระวางโทษประหารชีวิต จำคุก ตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่สิบห้าปีถึงยี่สิบปี
ถ้ารับสารภาพ และไม่เคยทำความผิดมาก่อน ศาลอาจลดให้ครึ่งหนึ่ง
ข้อที่จะอ้างล่ะครับ
มาตรา 68 ผู้ใดจำต้องกระทำการใดเพื่อป้องกันสิทธิของตนหรือของผู้อื่น ให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อ กฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง ถ้าได้กระทำพอสมควร แก่เหตุ การกระทำนั้นเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย ผู้นั้น ไม่มีความผิด
มาตรา 69 ในกรณีที่บัญญัติไว้ใน มาตรา 68 นั้น ถ้าผู้กระทำได้กระทำไปเกินสมควรแก่เหตุ หรือเกินกว่ากรณีแห่ง ความจำเป็นหรือเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกัน ศาลจะลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น เพียงใดก็ได้แต่ถ้าการกระทำนั้นเกิดขึ้นจากความตื่นเต้น ความ ตกใจหรือความกลัว ศาลจะไม่ลงโทษผู้กระทำก็ได้
มาตรา 72 ผู้ใดบันดาลโทสะถูกข่มเหงอย่างร้างแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จึงกระทำความผิดต่อผู้ข่มเหงในขณะนั้น ศาลจะลงโทษผู้นั้นน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้
ความเห็นผม คือ เวลาให้ทนายความสู้คดี เราก็สู้ทั้งป้องกันพอสมควรแก่เหตุ(ม.68) ซึ่งถ้าศาลเชื่อก็ไม่ผิดเลย
แต่ถ้าศาลว่าป้องกันแต่เกินกว่าเหตุ ศาลลงโทษน้อยเท่าใดก็ได้ หรือศาลเห็นว่าเราอาจตกใจ ตื่นเต้น กลัว จะไม่ลงโทษก็ได้
ถ้าศาลว่าไม่ใช่ป้องกัน ศาลอาจเห็นว่าเป็นการบันดาลโทสะ ลงโทษน้อย ตาม มาตรา 72 ได้เช่นกัน
ข้อเท็จจริงเราไม่ทราบ เห็นแต่ภาพ ถ้าเพื่อนร่วมโต๊ะเป็นพยานว่า คนตายด่าพ่อ ด่าแม่ของคนยิง แล้วยังขู่ว่ากูจะยิงมรึง และทำท่าเหมือนชักปืนจากเอว และยิ่งหากพบว่ามีปืนที่เอว คนยิงอาจไม่ผิดเพราะอ้างป้องกันได้
สรุป คือ ฟันธงยาก อยู่ที่ข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่เกิดขึ้นจริง หรือที่สร้างขึ้นมาให้กระบวนการยุติธรรมเชื่อ รวมทั้งแกล้งเชื่อด้วย ศาลตัดสินตามพยานหลักฐานในสำนวนเท่านั้นนะครับ