ที่ทำงานผมมีลูกหนี้บัตรเครดิตหลายคน โดนขู่จะฟ้อง จะยึด จะมาหา สารพัด ผมก็ยังไม่เห็นจะทำอะไรนอกจากโทรมาคุย พวกนี้ก็เหลือเกินจริงๆ เงินเหลือจากเมาถึงจะไปจ่ายให้ แต่ละคนเชื่อว่ายอดเงินคงสูงหลายหมื่นอยู่นะครับ และบริษัทมั่นคงแบบนั้น เชื่อว่าคงมีกำลังจะจ้างทนาย แต่ก็คงไม่คุ้มเขาถึงไม่ฟ้องสักที
หากคุณไข่มีเจตนาและความเชื่ออย่างนั้นจริงๆ ก็คงยอมรับผลลัพธ์ต่างๆได้ ไม่ว่าจะบวกหรือลบ ผมก็ขออนุโมทนาให้ประสบความสำเร็จครับ
บุคคลหว่านพืชเช่นใด ย่อมได้ผลเช่นนั้น
ขอบคุณมากครับสำหรับ ข้อมูลดีๆ
บัตรเคดิส เป็นสัญญาเงินกู้นะครับ เท่าที่ผมทราบมา เขาก็คงทำอย่างที่พี่บอกได้เฉยๆ แต่การเอาคืนของบริษัทเหล่านี้เอาคืนได้เจ็บจริงๆ คือการส่งข้อมูลการชำระเงินของเรา เข้าสู่งเครดิตบูโร ซึ่งหากเราผิดชำระเงินตามที่เขากำหนด เราจะไม่สามารถกู้เงิน จากสถาบันการเงินที่ไหนไม่ได้เลย ซึ่งไม่คุ้มกันเลย ซึ่งผมก็เห็นว่าดีนะครับ สำหรับวิธีนี้ สำหรับพวกไม่มีวินัยการเงิน เสียเงินแค่หลักหมื่นเพื่อบร๊อคไม่ให้คนพวกนี้ เป็นหนี้เสียในระดับแสน ระดับล้าน
แต่กรณีของผมไม่ใช่การกู้เงิน แต่เป็นการเช่าซื้อสินค้าแบบผ่อนชำระ เหมือนเราซื้อรถ เหมือนเราเช่าซื้อบ้าน หากเราขาดส่งตามที่สัญญากำหนด ผู้ขาย ย่อมมีสิทธิ์บอกเลิกสัญญาได้ทันที และติดตามหรือให้ตัวแทนติดตามนำสินค้านั้นคืนมา คล้ายๆกับ ไฟแนนซ์ ตามยึดรถ หากไม่มีก็ต้องถูกดำเนินคดีตามกฏหมาย ข้อหา ยักยอกทรัพย์ ซึ่งเป็นคดีอาญา มีโทษจำคุกสูงสุด ไม่เกิน สามปี
ที่ผมเชื่อมั่นในกฏหมายก็เพราะ มีอยู่ตัวอย่างหนึ่ง เป็นผู้รับเป็ดผมไปเลี้ยง ถึงเวลาส่งไข่ไม่มีไข่ให้ พอจะนำเป็ดกลับก็ลักขายเป็ดไปหลายร้อยตัว เรื่องจึงถึงตำรวจ ผมแค่เป็นผู้เสียหาย ไปแจ้งความและปล่อยให้เป็นไปตามขั้นตอนตามกฏหมาย ใช้เวลาเกือบ 6 เดือน ในที่สุดขั้นตอนการไกล่เกลี่ยก็สิ้นสุด เพราะตำรวจขู่ว่า ถ้าไม่ยอมชดใช้ค่าเสียให้ที่เกิดขึ้นทั้งหมด จะต้องติดคุก โดยให้เวลา 5 เดือนไปหาตัวเป็ดมาคืน ในที่สุดผมก็ได้ตัวเป็ดคืน แค่ขยันไปหาร้อยเวรสักหน่อย ถ้าไม่ค่อยคืบหน้าก็ ขึ้นไปถาม ผกก. ผมจึงไม่ค่อยกังวลเรื่องกฏหมายที่ใช้บังคับสักเท่าไร เพราะมีคดีตัวอย่างมาแล้ว แต่ที่สนใจตอนนี้คือเรื่อง สัญญาที่รัดกุม อยากสนทนากับผู้รู้ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ หาช่องโหว่ เพื่อนำไปเขียนสัญญาที่รัดกุมให้มากที่สุดโดยไม่ขัดกับตัวบทกฏหมาย ขอบคุณทุกท่านครับ