มาพากลับเข้าฝั่งครับ
การที่แห้วศักดิ์ซึ่งรู้ตัวเองดีว่าชอบนอนละเมอและเตะต่อยถีบคนที่นอนอยู่ด้วยเสมอ แต่แห้วศักดิ์กลับไปนอนกับ
หาญกล้าบนเตียงเดียวกันจนกระทั่งละเมอถีบหาญกล้าตกจากเตียงนอนจนได้รับบาดเจ็บนั้น กรณีเช่นนี้การที่แห้วศักดิ์
มานอนเตียงเดียวกับหาญกล้าโดยรู้ตัวเองดีอยู่แล้วว่าชอบนอนละเมอและเตะต่อยถีบคนที่นอนอยู่ด้วยเสมอ ดังนี้ย่อม
ถือได้ว่าแห้วศักดิ์ย่อมเล็งเห็นผลได้ว่าหาญกล้าอาจได้รับอันตรายจากการนอนละเมอของตนก็เป็นได้ ดังนั้นแห้วศักดิ์
จึงมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นโดยเจตนาย่อมเล็งเห็นผลตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 59 วรรคสองครับ
ท่านจะสั่งฟ้องจริงๆเหรอครับเนี่ย.......
ถ้าตำรวจกล้าจับมาผมก็กล้าสั่งฟ้องครับ
ท่านอัยการเข้ามาตอบเองเสียด้วย เล่นเอานายสมชายเขวเลยครับ... แฮ่ๆ...
คือนายสมชายรู้กฎหมายแบบงูๆ ปลาๆ ก็เลยเข้าใจเองว่า"เล็งเห็นผล"หมายถึงสามารถคาดการณ์ได้ว่าผลลัพธ์มันเกิดขึ้นแน่ๆ ทำนองหากไม่มีปาติหาริย์แล้วโอการศรอดยาก ทำนองเดียวกับยิงปืนใส่ฝูงชน จะมีโอกาสโดดคนมากกว่าไม่โดน เพราะคนยืนเป็นหมู่มันไม่มีรูให้ลูกปืนรอดออกไปตรงๆน่ะครับ... แฮ่ๆ...
แต่นอนละเมอเตะถีบตามกระทู้นี้ ใช้คำว่า"ชอบนอนละเมอและเตะต่อยถีบคนที่นอนอยู่ด้วยเสมอ"... อย่างนี้ไม่ชัวร์ว่า"โดนถีบแน่ๆ"นี่ครับ, หากเปลี่ยนเป็นเตะต่อยถีบคนที่นอนด้วยทุกคืนแน่ๆ อาจเล็งเห็นผลน่ะครับ...
แต่อย่างไรก็ดี นายสมชายแค่สงสัยความคิดของตนเองเท่านั้นครับ... เย้...
ตรงนี้เป็นแค่ทฤษฎีกฎหมายที่อาจารย์สอนกันในห้องเรียนเท่านั้นครับพี่สมชาย ยังมีช่องให้ถกเถียง
กันหรือมีความเห็นแตกต่างกันได้ เพราะยังไม่เคยมีฎีกาที่ตัดสินคดีในลักษณะนี้ไว้ และผมคิดว่าในอนาคต
อันใกล้นี้ก็ยังไม่น่าจะมีด้วยครับ