เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
พฤศจิกายน 21, 2024, 01:29:38 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: อวป. มีจำหน่ายที่ สนามยิงปืนราชนาวี/สนามยิงปืนบางบัวทอง/สนามยิงปืนศรภ./
/สนามยิงปืนทอ./
สิงห์ทองไฟร์อาร์ม
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: +++นกกระเรียนพันธุ์ไทยเริ่มวางไข่ขยายพันธุ์+++  (อ่าน 1046 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
PHAPHOOM
Full Member
***

คะแนน 86
ออฟไลน์

กระทู้: 188



« เมื่อ: กันยายน 15, 2012, 02:59:26 PM »

+++นกกระเรียนพันธุ์ไทยเริ่มวางไข่ขยายพันธุ์+++


บุรีรัมย์ - นกกระเรียนพันธุ์ไทยใกล้สูญพันธ์ ที่สวนสัตว์ จ.นครราชสีมา นำมาเพาะเลี้ยงและปล่อยกลับคืนสู่ธรรมชาติในพื้นที่ชุ่มน้ำ จ.บุรีรัมย์ เริ่มทำรังวางไข่แล้ว ทั้งจากการสำรวจส่วนมากสามารถปรับตัวดำรงชีวิตอยู่ตามธรรมชาติได้เป็นปกติ พร้อมร้องขอชาวบ้านร่วมอนุรักษ์
หลังองค์การสวนสัตว์ ร่วมกับมหาวิทยาลัยมหาสารคาม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และวิทยาลัยมหิดล ได้นำนกกระเรียนพันธุ์ไทยหายากที่ใกล้สูญพันธุ์ มาปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ และเพาะเลี้ยงขยายพันธุ์ ที่อ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มาก อ.เมือง และอ่างเก็บน้ำสนามบิน อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ ในโครงการ "ทดลองปล่อยนกกระเรียนพันธุ์ไทยคืนสู่พื้นที่ชุ่มน้ำธรรมชาติ" ในปี 2554 และ 2555 รวมจำนวน 26 ตัว ในจำนวนนี้พบซากตายไปแล้ว 3 ตัว 2 ตัวไม่ทราบสาเหตุอยู่ระหว่างการตรวจสอบ ส่วนอีก 1 ตัวน่าจะเกิดจากการล่าของชาวบ้านที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ที่เหลืออีก 23 ตัว สามารถปรับตัวดำรงชีวิตและหากินในพื้นที่ชุ่มน้ำในเขตพื้นที่จังหวัดได้ตามธรรมชาติ และล่าสุดพบว่านกกระเรียนจำนวน 3 คู่ ที่นำมาเพาะเลี้ยงไว้ที่พื้นที่ชุ่มน้ำอ่างเก็บน้ำห้วยตลาด นกกระเรียนเพศเมียได้เริ่มทำรังวางไข่แล้ว 1 ตัว ถือว่าการทดลองปล่อยนกกระเรียนคืนสู่ธรรมชาติประสบผลสำเร็จในระดับหนึ่ง ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ติดตามพฤติกรรมและการดำรงชีวิตของนก เพื่อประเมินผลอยู่อย่างใกล้ชิด
ด้านนายไชยพร ทับทิมทอง หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าอ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มาก อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ยังได้ร้องขอประชาชนได้ร่วมกันอนุรักษ์ หากพบเห็นนกกระเรียนพันธุ์ไทยที่นำปล่อยคืนสู่ธรรมชาติเพื่อเพาะขยายพันธุ์ อย่าไปล่าหรือทำร้าย เพื่อให้นกกระเรียนพันธุ์ได้มีการแพร่ขยายพันธุ์เพิ่มมากขึ้น ไม่ให้สูญพันธุ์เหมือนในอดีตที่ผ่านมา หากผู้ใดฝ่าฝืนล่าหรือทำร้ายจะมีโทษตาม พ.ร.บ.สัตว์ป่าคุ้มครอง ปรับไม่เกิน 40,000 บาท จำคุกไม่เกิน 4 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ

ที่มา  http://breakingnews.nationchannel.com/home/read.php?newsid=650097&lang=T&cat=&key=
บันทึกการเข้า

*** ดูถูกคนอื่น เท่ากับดูถูกตนเอง ***
PHAPHOOM
Full Member
***

คะแนน 86
ออฟไลน์

กระทู้: 188



« ตอบ #1 เมื่อ: กันยายน 15, 2012, 03:10:27 PM »

+++ปล่อยนกกระเรียนใกล้สูญพันธุ์สู่ธรรมชาติ+++



สวนสัตว์โคราช เพาะนกกระเรียนพันธุ์ไทย กว่า 100 ตัว ที่ใกล้สูญพันธุ์
จนท.เข้าพื้นที่เป้าหมาย 6 แห่ง ติดตามนกกระเรียนพันธุ์ไทยที่ปล่อยสู่พื้นที่ลุ่มน้ำธรรมชาติ

ที่สวนสัตว์นครราชสีมา อ.เมือง นายบัญญัติ อินทร์สุวรรณ ผู้อำนวยการสวนสัตว์นครราชสีมา เปิดเผยว่า องค์การสวนสัตว์ โดยส่วนอนุรักษ์วิจัย และศึกษา ร่วมกับสวนสัตว์นครราชสีมา ร่วมกันวิจัยตามโครงการปล่อยนกกระเรียนพันธุ์ไทยคืนสู่พื้นที่ลุ่มน้ำธรรมชาติ โดยคณะวิจัยได้ลงพื้นที่แล้ว เพื่อสำรวจพื้นที่เป้าหมาย 6 แห่ง ประกอบด้วย เขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงโขงหลง จ.หนองคาย เขตห้ามล่าสัตว์ป่าบงคาย จ.เชียงราย เขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงบอระเพ็ด จ.นครสวรรค์ เขตห้ามล่าสัตว์ป่าห้วยตลาด และห้วยจระเข้มาก จ.บุรีรัมย์ เขตห้ามล่าสัตว์ป่าบางพระ จ.ชลบุรี และเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าภูเขียว จ.ชัยภูมิ

นายบัญญัติ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาก่อนดำเนินการเราได้จัดประชุมติดตามผลความคืบหน้างานวิจัยตาม โครงการปล่อยนกกระเรียนพันธุ์ไทยคืนสู่พื้นที่ลุ่มน้ำธรรมชาติ ซึ่งนกกระเรียนพันธุ์ไทยจัดเป็นนกที่มีสถานภาพใกล้สูญพันธุ์ชนิดหนึ่งของโลก โดยมีความสำคัญเป็น 1 ใน 15 ชนิดของสัตว์ป่าสงวนในประเทศไทย ซึ่งสวนสัตว์นครราชสีมาประสบผลสำเร็จในการเพาะขยายพันธุ์ได้เป็นจำนวนมาก ขณะนี้มีอยู่กว่า 100 ตัว โดยมุ่งประเด็นในเรื่องของการศึกษาวิจัยพื้นที่ลุ่มน้ำธรรมชาติในประเทศไทย 6 แห่ง เพื่อค้นหาพื้นที่รองรับในการปล่อยนกกระเรียนพันธุ์ไทย โดยเราได้รับเกียรติจาก Mr.Georg W.Archibald ผู้อำนวยการสมาคมอนุรักษ์นกกระเรียนสากล ( The International Crane Foundation . ICF ) ที่มาเป็นที่ปรึกษาของโครงการนี้ และได้จัดประชุมหารือติดตามความก้าวหน้าในโครงการดังกล่าวเป็นไปด้วยความร่วมมืออย่างดียิ่ง โดยมีผู้เข้าร่วมประกอบด้วย ส่วนอนุรักษ์วิจัยและศึกษา องค์การสวนสัตว์ ผู้เชี่ยวชาญด้านนิเวศวิทยา จากหลายภาคส่วน ทั้งภาควิชาชีววิทยา ม.เกษตรศาสตร์ และ ม.มหาสารคาม หัวหน้าสถานีเพาะเลี้ยงนกน้ำบางพระ จ.ชลบุรี หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าอ่างเก็บน้ำห้วยตลาด จ.บุรีรัมย์ หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าห้วยจระเข้มาก จ.บุรีรัมย์ และทีมงานวิจัยคุณภาพของสวนสัตว์นครราชสีมา อย่างไรก็ดี เราไม่ได้หยุดยั้งในการอนุรักษ์และเพาะขยายพันธุ์สัตว์ป่าเมืองไทยตลอดจนการพัฒนาสวัสดิภาพ และคุณภาพชีวิตสัตว์ให้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้เป็นสถาบันอนุรักษ์และให้ความรู้ด้านสัตว์ป่าระดับสากล

นายบัญญัติ กล่าวอีกว่า สำหรับนกกระเรียนพันธุ์ไทย จัดเป็นนกน้ำขนาดใหญ่ ซึ่งทั่วโลกมีอยู่ 15 ชนิด ใน 4 วงศ์ ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในทวีปออสเตรเลีย  อเมริกาเหนือ เอเชียตะวันออก และทวีปแอฟริกา ในจำนวนนี้มี 8 ชนิดที่หายาก และ 1 ชนิดที่ใกล้สูญพันธุ์ คือ นกกระเรียนพันธุ์ไทย และจัดเป็นนกน้ำขนาดใหญ่มาก น้ำหนักตัวประมาณ 5 - 12 กิโลกรัม ความยาวปากจรดปลายหาง 180 - 220 ซม. มีลักษณะเหมือนนกกระเรียนพันธุ์อินเดีย และนกกระเรียนพันธุ์ออสเตรเลีย แตกต่างกันตรงที่นกกระเรียนพันธุ์ไทยจะมีขนาดตัวเล็กกว่าสายพันธุ์อินเดีย แต่ใหญ่กว่าสายพันธุ์ออสเตรเลีย ขนปกคลุมลำตัวมีสีเทาเข้ม บริเวณกระหม่อมเป็นแผ่นหนังเรียบสีเขียวอ่อน นอกจากนั้นบริเวณตั้งแต่ส่วนหัว แก้ม ลำคอส่วนบนเป็นแผ่นหนังสีส้มสดหรือสีแดงเข้ม ขาสีแดง ทั้งเพศผู้ และเพศเมีย มีลักษณะคล้ายกัน แต่เมื่อเทียบคู่กันแล้วเพศเมียจะมีขนาดใหญ่กว่าเพศผู้ สำหรับแหล่งอาศัยอยู่ตามที่ชุ่มน้ำ เป็นที่ราบลุ่ม ทุ่งนา ป่าพรุ และตามบึงน้ำตื้นๆ ที่มีไม้จำพวก กก บัว หญ้า และสาหร่ายต่างๆ อาหารกินทั้งพืช และสัตว์ อาทิเช่น เมล็ดข้าวสาลี ข้าวเจ้า ข้าวโพด ถั่ว ส่วนของลำต้นและรากของพืชน้ำ ยอดอ่อนของหญ้า แมลงต่างๆ โดยเฉพาะตั๊กแตน หอยน้ำจืด ปลา กบ และงูน้ำ

นายบัญญัติ กล่าวต่อว่า ส่วนพฤติกรรมการสืบพันธุ์ จะเริ่มจับคู่ผสมพันธุ์ เมื่ออายุ 2 - 3 ปีขึ้นไป และจะจับคู่แบบผัวเดียว เมียเดียว ฤดูผสมพันธุ์ในช่วงต้นฤดูฝน ตั้งแต่เดือนมิถุนายน - กันยายน ลักษณะการเกี้ยวราพาสี มีลักษณะพิเศษ และสวยงาม โดยตัวผู้ และตัวเมียจะเปล่งเสียงร้องประสานกัน ตัวผู้จะร้องเสียงยาวระดับต่ำ ขณะร้องจะยืดคอ และเงยปากขึ้นสูง กางปีก และยกสูงขึ้นเหนือระดับหลัง ส่วนตัวเมียจะยืนข้างตัวผู้ หุบปีก เงยปากไปด้านหน้า และเปล่งเสียงร้องสั้นๆ 2 - 3 ครั้ง ประสานกับเสียงของเพศผู้ และการสร้างรังรักจะใช้วัสดุจำพวกพืชน้ำ ลักษณะรังคล้ายกระจาด วางไข่บนพื้นดิน เฉลี่ยครั้งละ 2 ฟอง ฟักไข่ 30 - 32 วัน

ที่มา  http://entertainment.goosiam.com/news/html/0022218.html
บันทึกการเข้า

*** ดูถูกคนอื่น เท่ากับดูถูกตนเอง ***
แปจีหล่อ
Hero Member
*****

คะแนน 6324
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8251



« ตอบ #2 เมื่อ: กันยายน 15, 2012, 03:24:15 PM »

ว่าเรื่องสัตว์ต่างๆที่ใกล้สูญพันธุ์ผมมีวิธีดีๆในการอนุรักษ์ครับ ง่ายๆส่งเสริมสนับสนุนให้เลี้ยงหรือเพาะพันธุ์ขายเลยครับผมรับรองว่าไม่มีทางสูญพันธุ์อย่างแน่นอนครับ นี่อะไรบางอย่างก็ไม่ให้เลี้ยงไอ้ที่ให้เลี้ยงก็ต้องขออนุญาต ยกตัวอย่างเสือที่จับได้เมื่อไม่นานมานี้จับแล้วแก้ปัญหาได้ก็ไม่ได้ทำไมไม่ให้เิปดให้เพาะเลี้ยงขายในเชิงพานิชย์ไปเลยจำนวนสัตว์ก็เพิ่มขึ้นด้วยไม่ต้องกลัวสูญพันธุ์ อย่างนกกระเรียนที่ว่านี่ก็เหมือนกันทำไมไม่จำหน่ายลูกพันธุ์แล้วส่งเสริมเกษตรกรให้เลี้ยงขายละครับ อันไหนเรื่องไหนที่เค้าไม่มีความรู้ก็จัดอบรมสอน ติดตามดูแลช่วยเหลือแนะนำเค้าสิครับ ยกตัวอย่างปลาบึกไงครับเมื่อก่อนบอกหาอยากใกล้สูญพันธุ์พอประมงเพาะพันธุ์จำหน่ายได้ตอนนี้ปลาบึกมีเยอะแยะไม่ใช่ปลาหาอยากอีกต่อไป
บันทึกการเข้า

สีกากีเป็นสีของดิน ข้าราชการควรต้องติดดิน ออกพื้นที่รับฟังปัญหาของชาวบ้าน ข้าราชการคือ ข้าที่ทำกิจการต่างๆให้กับพระราชา เครื่องแบบข้าราชการสีกากีคือสีแห่งข้ารับใช้แผ่นดิน
Nero Angel01
Hero Member
*****

คะแนน 275
ออฟไลน์

กระทู้: 3048


« ตอบ #3 เมื่อ: กันยายน 15, 2012, 03:32:50 PM »

เพิ่งรู้ว่ามีนกกระเรียนพันธุ์ไทยด้วยครับ +1ให้ครับ
บันทึกการเข้า
อิติปิโสธงชัย รักในหลวง
The best it yet to be......
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 537
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2734



« ตอบ #4 เมื่อ: กันยายน 15, 2012, 10:45:57 PM »

+65 เยี่ยมเยี่ยมครับ เยี่ยม
บันทึกการเข้า

ผมก็คือส่วนหนึ่งของความไม่เป็นกลาง เพราะผมอยู่ข้างในหลวง
~ Sitthipong - รักในหลวง ~
"วาจาย่อมมีน้ำหนัก หากหนุนด้วยสรรพอาวุธ"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2953
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 23210



« ตอบ #5 เมื่อ: กันยายน 15, 2012, 11:20:59 PM »

ดีครับ  เพาะพันธุ์ให้ได้เยอะ ๆ นะ   เยี่ยม

บันทึกการเข้า



...ไม่มีใครทำขาวให้เป็นดำ  หรือทำผิดให้เป็นถูกได้ตลอด...
carrera
กินลูกเดียวเที่ยวสองลูก
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2329
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 84478


« ตอบ #6 เมื่อ: กันยายน 16, 2012, 06:29:41 AM »

เวลาเห็นตัวขาวๆตามต่างจังหวัด Grin Grin Grin ผมเรียกนกกะเรียนไปเรื่อย นึกว่าเหมือนกัน ทรงมันได้
บันทึกการเข้า

เนื้อร้ายตัดทิ้ง
www.ipscthailand.com
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.138 วินาที กับ 22 คำสั่ง