ด้วยความเคารพครับ
ผมไปอ่านเจอที่หนัสือพิมพ์ ดีกว่า ๓๐ บาทของรัฐบาลอีกครับ ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องน่าจะลองศึกษาดูนะครับว่า เทศบาลนครศรีธรรมราช ทำได้อย่างไร
เทศบาลนครศรีธรรมราชช่วยรากหญ้ารักษาฟรี ไม่เสียแม้ 30 บ.
เทศบาลนครศรีธรรมราช เป็นเทศบาลที่ใหญ่เป็นอันดับสองรองจากนครเชียงใหม่ มีจำนวนประชากรถึง 110,000 คน โดยครึ่งหนึ่งของประชาชนที่อาศัยอยู่ต่างมีฐานะยากจน รายได้ต่ำ หรือเรียกว่าจัดอยู่ในกลุ่มระดับ รากหญ้า ซึ่งส่วนหนึ่งเคยประกอบอาชีพเกษตรกรรมและทำนาในพื้นที่รอบนอก แต่ในช่วงหลังพืชผลทางการเกษตรไม่ให้ผลดีเท่าที่ควร ทำให้ต้องดิ้นรนเคลื่อนย้ายเข้าสู่ตัวเมืองเพื่อทำมาหากิน จึงเป็นเหตุทำให้จำนวนกลุ่มคนระดับรากหญ้าในตัวเมืองนคร มีจำนวนเพิ่มสูงขึ้น และกลายเป็นที่มาของการจัดระบบการแพทย์และการสาธารณสุขต้นแบบในเมืองนครแห่งนี้
หนึ่งในกลุ่มรากหญ้าที่ทะลักเข้าสู่เมืองนคร จนขึ้นสู่ตำแหน่งนายกเทศมนตรีนครศรีธรรมราช ซึ่งได้รับเลือกให้บริหารติดต่อเป็นเวลากว่า 20 ปี นายสมนึก เกตุชาติ กล่าวว่า ในฐานะที่เคยเป็นคนยากจนมาก่อน ทำให้เข้าใจปัญหาของชาวบ้านเป็นอย่างดี ต้องไม่มองว่าคนในระดับรากหญ้าเหล่านี้เป็นปัญหา แต่เป็นโจทย์ให้ผู้บริหารคิดว่า จะแก้ไขอย่างไร จึงจะช่วยชาวบ้านได้ และหนึ่งในคำตอบที่ได้ คือต้องทำให้คนในชุมชนมีสุขภาพที่ดี พร้อมให้การรักษาพยาบาลเมื่อเกิดการเจ็บป่วย ที่ต้องให้คนในทุกระดับเข้าถึง โดยเฉพาะในระดับรากหญ้าที่มีฐานะยากจน ดังนั้นสัดส่วนงบประมาณของเทศบาลนครศรีธรรมราชในแต่ละปี ร้อยละ 28 จึงทุ่มให้กับเรื่องนี้ โดยเริ่มจัดตั้งศูนย์สาธารณสุขขึ้น 5 แห่ง กระจายไปในพื้นที่ มีพยาบาลประจำ พร้อมทั้งจัดรถพยาบาลเครื่องที่ 1 คัน ทั้งหมดเป็นการบริการฟรี ไม่มีการเรียกเก็บค่ารักษาใด ๆ ทั้งสิ้นรวมทั้งการรักษาเมื่อมีการส่งต่อ ซึ่งได้ทำติดต่อเป็นเวลา 22 ปีแล้ว
แต่เนื่องจากโรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่เพื่อส่งต่อผู้ป่วยมีความแออัด ไม่เพียงพอต่อการบริการ ถือเป็นอุปสรรคต่อการเข้าถึงการรักษาของชาวบ้าน ประกอบกับความพร้อมของเทศบาลทั้งด้านงบประมาณและบุคลากร รวมทั้งการผลักดันของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) และโรงพยาบาลมหาราช ทางเทศบาลฯ จึงได้ตั้ง โรงพยาบาลเทศบาลนครศรีธรรมราช ขึ้น ในปี 2547 เป็นโรงพยาบาลแห่งแรกของภาคใต้ที่บริหารโดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเทศบาล ให้บริการระดับปฐมภูมิ 30 เตียง ตามโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า
งบประมาณบริหารโรงพยาบาลนั้น ในปี 2549 นอกจากได้รับเงินจากทาง สปสช. ในค่ารักษารายหัวที่มีผู้ขึ้นทะเบียน 71,765 คน จำนวน 38.3 ล้านบาท ทางเทศบาลนครยังให้เพิ่มอีก 2 เท่า โดยจัดสรรงบประมาณให้ถึง 59.5 ล้านบาท บวกกับรายได้ของโรงพยาบาล 7.8 ล้านบาท ทำให้โรงพยาบาลมีงบประมาณถึง 108 ล้านบาท ในการดำเนินงาน
ถึงรัฐบาลจะดำเนินโครงการ 30 บาท ให้ชาวบ้านจ่ายค่ารักษาเพียงแค่ 30 บาทเท่านั้น แต่ที่นี่ก็ยังบริการรักษาฟรีทั้งหมด ไม่คิดเงินซักบาท เพราะว่าก่อนหน้านี้เรารักษาแบบไม่เก็บเงินอยู่ก่อนแล้ว บนสมมุติฐานเพื่อคนในระดับรากหญ้า หากเก็บ 30 บาท จะทำให้ชาวบ้านต้องจ่ายจากเดิมที่เคยรักษาฟรี นายกเทศบาลนคร กล่าว และว่า ที่อื่นเงินไม่พอ แต่ที่มียังมีเหลืออีกกว่า 64 ล้านบาท โดยงบจาก สปสช.ที่ได้ เหมือนกับเป็นเงินที่ช่วยพัฒนาระบบบริการและการักษาให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งขณะนี้เตรียมสร้างอาคารเพื่อรองรับผู้ป่วยเพิ่มเป็นโรงพยาบาลขนาด 70 เตียง
นายสมนึก กล่าวว่า ไม่เพียงแต่ดูแลค่าใช้จ่ายในผู้ป่วยที่ต้องส่งต่อเท่านั้น แต่ยังจัดงบ 3 ล้านบาท สำหรับสงเคราะห์ญาติผู้ป่วยที่ต้องตามไปเฝ้าไข้ เป็นค่าพาหนะและค่าใช้จ่ายส่วนตัว อย่างเช่น การส่งต่อผู้ป่วยไปรักษาใน กทม. จะให้เงินญาติที่ไปกับผู้ป่วย 3,000 บาท หากไม่เพียงพอจะให้เพิ่มเติมอีกเป็นการช่วยเหลือกัน เช่นเดียวกับผู้ป่วยโรคเอดส์ จะมีเงินสงเคราะห์ช่วยเหลือรวมไปถึงญาติและครอบครัวที่ได้รับผลกระทบ นอกจากนี้ยังมีเงินสงเคราะห์ค่าพาหนะสำหรับผู้ป่วยวัณโรคในการเดินทางไปพบแพทย์ เพราะโรคนี้จำเป็นต้องได้รับยาอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ยังได้ทำโครงการโรงพยาบาล 20,000 เตียง โดยใช้เตียงที่บ้านเป็นเตียงผู้ป่วย ซึ่งมีการจัดทีมแพทย์และพยาบาลออกให้บริการรักษาผู้ป่วยถึงที่บ้าน เนื่องจากพบว่า มีผู้ป่วยไม่น้อยที่ไม่สะดวกเดินทางมาพบแพทย์ เช่น คนชรา ผู้ป่วยอัมพฤกษ์ อัมพาต พิการ หัวใจเรื้อรัง จิตเวช และผู้ป่วยที่ไม่มีผู้เลี้ยงดู โดยมีสายฮอตไลน์ 1559 รับแจ้ง 24 ชั่วโมง หากผู้ป่วยมีอาการฉุกเฉินขึ้น ซึ่งจะมีทีมเจ้าหน้าที่พร้อมออกไปดูแลทันที ปัจจุบันมีผู้ป่วยที่เป็นสมาชิกแล้ว 1,587 ราย
ไม่เพียงแต่ทำหน้าที่ตั้งรับรักษาผู้ป่วยเท่านั้น แต่โรงพยาบาลเทศบาลฯ ยังได้เดินหน้าเชิงรุกในการป้องกันโรค ด้วยการออกตรวจสุขภาพ โดยเฉพาะโรคอ้วน ที่เป็นสาเหตุของความดัน เบาหวาน และโรคเรื้อรังอื่นๆ หากพบว่าใครที่เริ่มมีน้ำหนักเกิน แพทย์จะแนะนะให้ออกกำลัง 20 นาทีต่อวัน ซึ่งใครออกกำลังกายได้ครบตามกำหนด 20 นาที จะได้รับคูปองมูลค่า 20 บาท เพื่อนำไปแลกสินค้าอุปโภคบริโภคได้ โดยนำงบป้องกันโรคของทาง สปสช. ที่ให้ 320 บาทต่อหัว มาบริหารในส่วนนี้
นายสมนึก กล่าวทิ้งท้ายว่า งบประมาณเทศบาลเป็นของประชาชน จึงควรจ่ายให้กับประชาชนมากที่สุดซึ่งการรักษาพยาบาลและการสร้างสุขภาพที่ดี ถือเป็นการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชน ซึ่งตนหวังว่าสิ่งที่เทศบาลนครศรีธรรมราชทำอยู่ในขณะนี้จะมีการขยายไปยังเทศบาลอื่น ๆ คนจนที่โคราชจะเหมือนกับคนจนที่นคร ที่ได้รับบริการการรักษาที่ดี และยังมีเทศบาลอีกหลายพื้นที่ซึ่งมีงบประมาณมากกว่าเทศบาลนครฯ ที่มีศักยภาพที่จะทำได้ เพื่อช่วยรากหญ้าที่เป็นหนึ่งเสียงในพื้นที่
ที่มา
http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9490000111543นานแล้วที่ผมไม่โพสต์ข่าวจากหนังสือพิมพ์ ขออภัยด้วยหากไม่ถูกใจท่าน
ขอบคุณครับ
