เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
พฤศจิกายน 18, 2024, 12:48:28 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เว็บบอร์ด อวป. สามารถเข้าได้ทั้งสองทาง คือ www.gunsandgames.com และ www.gunsandgames.net ครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: กฎหมายชารีอาบรูไน" เคร่งครัด-ร้ายแรง  (อ่าน 1073 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50462



« เมื่อ: พฤษภาคม 07, 2014, 12:39:02 AM »

บรูไนเป็นประเทศที่เคร่งครัดในศาสนามากกว่าประเทศอื่นๆ ในอาเซียน อย่างมาเลเซียหรืออินโดนีเซียอยู่แล้ว แม้ว่าจะไม่เคร่งเท่าในอียิปต์หรืออัฟกานิสถาน แต่การใช้กฎหมายชารีอาแบบเคร่งครัดครั้งนี้จะทำให้บรูไนกลายเป็นประเทศที่ ถูกนานาชาติจับตามองในฐานะรัฐอิสลามสุดโต่งที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน หรือนี่เป็นปฏิกิริยาที่โอเวอร์แอคติงเกินไป ถือเป็นคำถามที่ตอบยาก


ก่อนอื่นเรามาดูกันว่ากฎหมายชารีอาแบบเคร่งครัดที่ว่านี้เป็นอย่างไร ตามกฎหมายฉบับล่าสุดที่มีผลบังคับใช้ไปตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคมที่ผ่านมา การใช้ชารีอาจะแบ่งเป็น 3 เฟส แบบค่อยๆ เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ

เฟสแรก จะมีการบังคับให้ประชาชนต้องถูกลงโทษจำหรือปรับ ในข้อหาประพฤติตนไม่เหมาะสม เช่นไม่ไปละหมาดในวันศุกร์ หรือการท้องก่อนแต่งเป็นต้น กฎหมายเฟสนี้บังคับใช้แล้วตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคมที่ผ่านมา  

ในเฟสที่สอง กฎหมายจะหนักขึ้น ครอบคลุมอาชญากรรมที่รุนแรงขึ้น เช่นการดื่มแอลกอฮอล์ การทำแท้ง การลักขโมย จี้ปล้น รวมถึงการพูดจาดูหมิ่นพระอัลเลาะห์ โดยโทษของอาชญากรรมประเภทนี้ คือการตัดอวัยวะเช่นมือ แขน ขา และการเฆี่ยน กฎหมายเฟสนี้จะบังคับใช้ภายในปีนี้เช่นกัน  

ส่วนกฎหมายเฟสที่ 3 ซึ่งเป็นเฟสที่รุนแรงที่สุด ครอบคลุมความผิดฐานร่วมเพศทางทวารหนักและการคบชู้ ซึ่งมีโทษถึงถูกประหารชีวิตด้วยวิธีการปาหินในที่สาธารณะ กฎหมายเฟสสุดท้ายนี้จะเริ่มบังคับใช้ในปลายปีหน้า   นอกจากโทษที่รุนแรงแล้ว ความเปลี่ยนแปลงสำคัญที่กฎหมายนี้นำมาสู่สังคมบรูไนก็คือ การให้กฎหมายชารีอา ครอบคลุมแทบทุกกิจกรรมของชีวิต จากเดิมที่ชารีอาบังคับใช้กับเฉพาะกฎหมายครอบครัว เช่น การแต่งงานและการสืบมรดกเท่านั้น ส่วนกฎหมายอื่นยังคงยึดตามหลักกฎหมายอังกฤษ

ในฐานะที่บรูไนเคยเป็นรัฐอารักขาของจักรวรรดิบริเตน    ฟังรายละเอียดแบบนี้ก็ค่อนข้างชัดเจนว่า กฎหมายดังกล่าวละเมิดสิทธิมนุษยชนตามหลักสากล แต่การลงโทษในลักษณะนี้ไม่ได้ถือเป็นเรื่องใหม่ มีหลายประเทศในตะวันออกกลางที่บังคับใช้กฎหมายชารีอาในลักษณะนี้ และมีการลงโทษที่เฉียบขาดรุนแรงเช่นนี้เหมือนกัน รวมถึงพันธมิตรสำคัญของสหรัฐฯ อย่างซาอุดีอาระเบีย   ที่สำคัญ กฎหมายฉบับนี้ยังบังคับใช้กับเฉพาะคนมุสลิม ซึ่งคิดเป็นประชากร 2 ใน 3 ของประเทศ ต่างจากอีกหลายประเทศที่บังคับใช้ชารีอากับคนทุกศาสนาในประเทศ   สาเหตุที่ทำให้นานาชาติมีปฏิกิริยาต่อการบังคับใช้ชารีอาอย่างเคร่งครัดของบรูไน มากกว่าการใช้กฎหมายชารีอาในประเทศอื่น ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะบรูไนเพิ่งเปลี่ยนแปลงกฎหมาย ในขณะที่ประเทศอื่นใช้กฎหมายในลักษณะนี้มานานแล้ว แต่อีกสาเหตุสำคัญที่มองข้ามไม่ได้ ก็คือบรูไนเป็นพันธมิตรทางทหารที่สำคัญของทั้งสหรัฐฯ และอังกฤษ การใช้กฎหมายชารีอาของบรูไน อาจทำให้สายสัมพันธ์ที่ว่านี้มีปัญหา เนื่องจากมหาอำนาจตะวันตกอาจเผชิญแรงกดดันจากประชาชนและองค์กรระหว่างประเทศ จากการมีความสัมพันธ์อันดีกับประเทศที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน


ที่มา : Voice TV
บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
จอยฮันเตอร์
พระรามเก้า 15-28 E23 LLL
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 10195
ออฟไลน์

กระทู้: 47057


M85.ss


« ตอบ #1 เมื่อ: พฤษภาคม 07, 2014, 11:00:01 AM »

เมื่อก่อนเรามักเรียกย่อๆว่ากฏหมายอิสลาม หลายประเทศใช้กฎหมายแบบนี้ เช่นหลักตาต่อตาฟันต่อฟัน ขโมยของตัดแขน ข่มขืนตัดจู๋อุ๊ยตัดคอ Grin
บันทึกการเข้า

Hang Forever
Hero Member
*****

คะแนน 349
ออฟไลน์

กระทู้: 2215


« ตอบ #2 เมื่อ: พฤษภาคม 08, 2014, 06:13:29 AM »

เมื่อก่อนเรามักเรียกย่อๆว่ากฏหมายอิสลาม หลายประเทศใช้กฎหมายแบบนี้ เช่นหลักตาต่อตาฟันต่อฟัน ขโมยของตัดแขน ข่มขืนตัดจู๋อุ๊ยตัดคอ Grin
ฟังดูก็รู้ว่าเล็ก จู๋ + จิ๋ว  อิอิ ท่านจอยกลัวถูกตัดล่ะสิ ยิ้มีเลศนัย
บันทึกการเข้า
naisomchai
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #3 เมื่อ: พฤษภาคม 08, 2014, 08:59:49 AM »

นายสมชายนักรัฐศาสตร์ครับ มองว่าการปกครองคนในแต่ละสังคมต้องประเมินผู้คนเสียก่อน แล้วใช้รูปแบบการปกครองที่เหมาะสมฯ... ในสังคมทะเลทรายดั้งเดิมเริ่มมาจากสังคมเร่ร่อน(เบดูอิน) ไร่แหล่งที่อยู่แน่นอน และดุร้ายโหดฯ, หากปกครองคนเลวไว้ไม่ได้ก็จะมีผู้คนเดือดร้อนฯ...

ตามเนื้อเรื่องในกระทู้นี้มองกฎหมายอิสลามแค่จุดเดียวเรื่องการลงโทษที่หนักหน่วง และรุนแรงแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน แต่จริงๆแล้วกว่าที่ผู้คนในศาสนาอิสลามจะกระทำผิดอาญาได้ มันนับหนึ่งมาจนถึง 100 แล้วครับ... เพราะศาสนาอิสลามบังคับกิจวัตรผู้คนตั้งแต่ตื่นนอนเช้าตรู่ จนตกค่ำเข้านอน เกือบ 24 ชั่วโมง และทำละหมาดวันละ 5 ครั้ง แม้แต่ในพระคัมภีร์ฯ ก็ยังลงรายละเอียดไปถึงการต่อสู้กับความรู้สึกภายในของมนุษย์ ได้แก่ ความปรารถนา ความภาคภูมิใจ ความทะเยอทะยาน ความหลงตัวเอง ความริษยา ความโลภ แม้แต่บังคับไปถึงความฟุ้งเฟ้อ ฯลฯ...

นายสมชายสรุปว่าเรื่องการบังคับใช้กฎหมายของแต่ละประเทศฯ ก็เป็นเรื่องภายในของประเทศเขา พวกนักสิทธิมนุษยชนตามท้องเรื่องนี้ไม่มีวันเข้าใจหรอกครับ และนายสมชายยังว่าสาเหตุที่เป็นประเด็น ก็คงเกิดจากเรื่องเดิมฯ คือหาเรื่อง"แซะ"เพื่อหวังประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาตินั่นแหละครับ...

สำหรับท่านที่อยากค้น/อ่านเรื่องราวเพิ่มเติม ให้ลองดูที่ลิ้งก์นี่ครับ จะทำให้มองเห็นภาพรวมได้ชัดขึ้น... http://digi.library.tu.ac.th/thesis/jc/1434/11%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%884%20%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2%2040%20-%2070.pdf ...
บันทึกการเข้า
Udomkd
รักษ์ธรรมชาติ
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 3700
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 41046



« ตอบ #4 เมื่อ: พฤษภาคม 08, 2014, 11:15:02 AM »


ใครไม่อยากโดนบังคับด้วยกฎหมายที่ไม่ชอบ ก็ไปแสวงหาดินแดนใหม่ที่ชอบ อิๆ

แต่ส่วนใหญ่แล้ว ใครๆก็อยากเขียนกฎเอง ทั้งนั้น
บันทึกการเข้า

รักมิตร รักเพื่อนรักผอง ดั่งขวานทอง ต้องมีด้ามขวาน
   รักมิตรรักเพื่อนรักผอง ดั่งขวานทอง ต้องมีคมขวาน
   รักมิตร รักเพื่อน
naisomchai
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #5 เมื่อ: พฤษภาคม 08, 2014, 04:51:10 PM »


ใครไม่อยากโดนบังคับด้วยกฎหมายที่ไม่ชอบ ก็ไปแสวงหาดินแดนใหม่ที่ชอบ อิๆ

แต่ส่วนใหญ่แล้ว ใครๆก็อยากเขียนกฎเอง ทั้งนั้น

ตรงตัวแดงนี่แหละครับคือปัญหาของทุกสังคม... คือทุกฝ่ายก็บอกว่าฉันเป็นเสียงส่วนใหญ่ ดังนั้นฉันจะเป็นผู้เขียนกฎของฉันเอง ใครไม่เห็นด้วยก็ต้องโหวตนับคะแนนเสียงกัน ฝ่ายที่นับคะแนนเสียงแล้วแพ้โหวตก็ต้องยอมโดนบังคับไป...

ทีนี้หลักการพื้นฐานของสังคมมนุษย์คือมนุษย์ทำอะไรด้วยตนเองคนเดียวไม่ได้ทุกอย่าง จึงต้องมาอยู่รวมกันเป็นสังคม แล้วแบ่งหน้าที่กันตามความถนัดฯ... ปัญหามันเกิดตรงที่ผู้คนบางส่วนไม่รู้ตัวว่าตนเองถนัดทำงานด้านใด แต่พยายามทำงานที่ตนไม่ถนัด ตัวอย่างเช่นไปเขียนกติกาสังคม เพราะถือว่าตนเองก็เป็นเจ้าของแผ่นดิน และมีเสียงส่วนใหญ่ฯ...

เส้นแบ่งคือคนส่วนใหญ่ลากประเทศไปทางไหน? เข้าสู่ความเจริญรุ่งเรือง หรือลากประเทศเข้าสู่ความหายนะครับ... ความถูกต้องมันอยู่ตรงนี้ สิ่งที่คิดว่าเป็นความถูกต้องมาตลอด แต่ถ้ามันหากลากจนตกเหว, แปลว่านั่นคือไม่ถูกต้องครับ... เย้...

ขมวดปมให้เข้าตามท้องเรื่องในกระทู้นี้ก็คือ หากประเทศบรูไนฯ สามารถเจริญรุ่งเรืองได้ ผู้คนไม่อดอยากปากแห้ง ไพร่ฟ้าหน้าใส ฯลฯ... นั่นคือสิ่งที่ถูกต้องของสังคมนั้นครับ ซึ่งอาจไม่ใช่"ประชาธิปไตย"ตามเกณฑ์การตัดสิน ในสายตาของโลกตะวันตก หรือนักสิทธิมนุษยชนฯ...
บันทึกการเข้า
Udomkd
รักษ์ธรรมชาติ
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 3700
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 41046



« ตอบ #6 เมื่อ: พฤษภาคม 08, 2014, 05:32:09 PM »


ใครไม่อยากโดนบังคับด้วยกฎหมายที่ไม่ชอบ ก็ไปแสวงหาดินแดนใหม่ที่ชอบ อิๆ

แต่ส่วนใหญ่แล้ว ใครๆก็อยากเขียนกฎเอง ทั้งนั้น

ตรงตัวแดงนี่แหละครับคือปัญหาของทุกสังคม... คือทุกฝ่ายก็บอกว่าฉันเป็นเสียงส่วนใหญ่ ดังนั้นฉันจะเป็นผู้เขียนกฎของฉันเอง ใครไม่เห็นด้วยก็ต้องโหวตนับคะแนนเสียงกัน ฝ่ายที่นับคะแนนเสียงแล้วแพ้โหวตก็ต้องยอมโดนบังคับไป...

ทีนี้หลักการพื้นฐานของสังคมมนุษย์คือมนุษย์ทำอะไรด้วยตนเองคนเดียวไม่ได้ทุกอย่าง จึงต้องมาอยู่รวมกันเป็นสังคม แล้วแบ่งหน้าที่กันตามความถนัดฯ... ปัญหามันเกิดตรงที่ผู้คนบางส่วนไม่รู้ตัวว่าตนเองถนัดทำงานด้านใด แต่พยายามทำงานที่ตนไม่ถนัด ตัวอย่างเช่นไปเขียนกติกาสังคม เพราะถือว่าตนเองก็เป็นเจ้าของแผ่นดิน และมีเสียงส่วนใหญ่ฯ...

เส้นแบ่งคือคนส่วนใหญ่ลากประเทศไปทางไหน? เข้าสู่ความเจริญรุ่งเรือง หรือลากประเทศเข้าสู่ความหายนะครับ... ความถูกต้องมันอยู่ตรงนี้ สิ่งที่คิดว่าเป็นความถูกต้องมาตลอด แต่ถ้ามันหากลากจนตกเหว, แปลว่านั่นคือไม่ถูกต้องครับ... เย้...

ขมวดปมให้เข้าตามท้องเรื่องในกระทู้นี้ก็คือ หากประเทศบรูไนฯ สามารถเจริญรุ่งเรืองได้ ผู้คนไม่อดอยากปากแห้ง ไพร่ฟ้าหน้าใส ฯลฯ... นั่นคือสิ่งที่ถูกต้องของสังคมนั้นครับ ซึ่งอาจไม่ใช่"ประชาธิปไตย"ตามเกณฑ์การตัดสิน ในสายตาของโลกตะวันตก หรือนักสิทธิมนุษยชนฯ...
ขอบคุณครับน้า............ประมาณนั้น


ใอ้ที่ไปชี้โบ้ชี้เบ้คนอื่นเขาอยู่ มันก็แย่งคนอื่นเขามา ทั้งนั้น ยิ่งทุกวันมันก็แย่งซ้ำยังรังแกคนอื่นอยู่ หลายวิถีทาง

ต่อไปข้างหน้า มันก็คงยังแย่งกัน อยู่อย่างนี้แหละคน และแย่งกันรุนแรงมากยิ่งขึ้น เพราะสิ่งที่มันแย่งกันอยู่ ยิ่งมีน้อย ลงทุกวัน
บันทึกการเข้า

รักมิตร รักเพื่อนรักผอง ดั่งขวานทอง ต้องมีด้ามขวาน
   รักมิตรรักเพื่อนรักผอง ดั่งขวานทอง ต้องมีคมขวาน
   รักมิตร รักเพื่อน
ค..ควาย...ใส่ชฎา
Hero Member
*****

คะแนน -15856
ออฟไลน์

กระทู้: 13569


No justice No peace


« ตอบ #7 เมื่อ: พฤษภาคม 08, 2014, 06:31:31 PM »



นายสมชายนักรัฐศาสตร์ครับ

มองว่าการปกครองคนในแต่ละสังคมต้องประเมินผู้คนเสียก่อน
แล้วใช้รูปแบบการปกครองที่เหมาะสมฯ...

ในสังคมทะเลทรายดั้งเดิมเริ่มมาจากสังคมเร่ร่อน(เบดูอิน)
ไร่แหล่งที่อยู่แน่นอน และดุร้ายโหดฯ, หากปกครองคนเลวไว้ไม่ได้ก็จะมีผู้คนเดือดร้อนฯ...

ตามเนื้อเรื่องในกระทู้นี้มองกฎหมายอิสลามแค่จุดเดียวเรื่องการลงโทษที่หนักหน่วง
และรุนแรงแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน  แต่จริงๆแล้วกว่าที่ผู้คนในศาสนาอิสลามจะกระทำผิดอาญาได้
มันนับหนึ่งมาจนถึง 100 แล้วครับ...

เพราะศาสนาอิสลามบังคับกิจวัตรผู้คนตั้งแต่ตื่นนอนเช้าตรู่
จนตกค่ำเข้านอน เกือบ 24 ชั่วโมง และทำละหมาดวันละ 5 ครั้ง
แม้แต่ในพระคัมภีร์ฯ ก็ยังลงรายละเอียดไปถึงการต่อสู้กับความรู้สึกภายในของมนุษย์
ได้แก่ ความปรารถนา ความภาคภูมิใจ ความทะเยอทะยาน
ความหลงตัวเอง ความริษยา ความโลภ แม้แต่บังคับไปถึงความฟุ้งเฟ้อ ฯลฯ...

นายสมชายสรุปว่าเรื่องการบังคับใช้กฎหมายของแต่ละประเทศฯ
ก็เป็นเรื่องภายในของประเทศเขา 

พวกนักสิทธิมนุษยชนตามท้องเรื่องนี้ไม่มีวันเข้าใจหรอกครับ
และนายสมชายยังว่าสาเหตุที่เป็นประเด็น ก็คงเกิดจากเรื่องเดิมฯ

คือหาเรื่อง"แซะ"เพื่อหวังประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาตินั่นแหละครับ...




55555   " กรมหลวงชุมพร เขตอุดมศักดิ์  " อ่ะ ฮา  5555555 ขำก๊าก ขำก๊าก ขำก๊าก



บันทึกการเข้า

หัว...ฆรวย

หัวโขนมิวางออก              เจ้าหลงครอบไปทุกที่
อ่าองค์ว่าโสภี                  นฤดีปริ่มเปรมใจ
ลืมไปว่าที่ครอบ                ต้องวางออกนหทัย
สวมครอบตัวตนไว้             ก็แค่ควายใส่ชฎา
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.114 วินาที กับ 22 คำสั่ง