กลายเป็นหัวข้อวิพากษ์วิจารณ์ทั่วสังคม จากเหตุการณ์คุณลุงวัย 70 ยิงตีนแมวที่บุกรุกเข้ามาภายในบ้าน
ย่านหัวหมากจนถึงแก่ความตาย โดยเหตุเกิดตอนตี 2 เมื่อเจ้าของบ้านได้ยินสุนัขเห่าและเสียงคนรื้อค้นข้าวของ
จึงคว้าปืนออกมาจากห้องนอนเพื่อตรวจสอบ
จนพบกับคนร้ายในห้องรับแขกชั้นล่าง แล้วในนาทีเผชิญหน้า ฝ่ายตีนแมวปรี่เข้าหาจะทำร้าย
ทำให้คุณลุงตัดสินใจใช้ปืน .38 ยิงใส่ ก่อน ที่คนร้ายจะวิ่งหนีไปล้มฟุบขาดใจตายบริเวณ หน้าบ้าน จากนั้นเจ้าของบ้านโทรศัพท์แจ้งตำรวจสน.หัวหมาก พร้อมกับถือปืนยืนรออยู่ในบ้าน
ข่าวที่สื่อมวลชนนำเสนอระบุว่า หลังจากตำรวจมาตรวจที่เกิดเหตุและสอบปากคำเจ้าของบ้าน ทุกอย่างชัดเจนไม่มีอะไรน่ากังขา
ลงเอยร้อยเวรจึงแจ้งข้อหาเจ้าของบ้านเอาไว้ก่อนว่า ฆ่าคนตายโดยเจตนา!! จากนี้จะสอบสวนพยานหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อสรุปคดีที่ชัดเจนต่อไป
ท้ายข่าวเป็นเช่นนี้ เลยทำเอาตำรวจโดนชาวบ้านกังขาต่างๆ นานา
ทำนองว่า ตอนคนร้ายบุกเข้าบ้านเขา ตำรวจมัวไปอยู่ที่ไหน ไม่มาช่วย
พอเจ้าของบ้านจำเป็นต้องป้องกันตัวเอง กลับมาตั้งข้อหาฆ่าคนตายให้เขาอีก!? เสียงสวดตำรวจอื้ออึงไปทั่วทั้งในรายการวิทยุ ทีวี ยัน โซเชี่ยลมีเดีย
เรื่องนี้ถือเป็นบทเรียนให้กับตำรวจที่การออกข่าวสร้างความเข้าใจ และสื่อเองอาจต้องช่วยขยายความให้ชัดเจนขึ้น อันที่จริงที่สรุปท้ายข่าวสั้นๆ ว่า ตำรวจจึงตั้งข้อหาคุณลุงเจ้าของบ้านเอาไว้ก่อนว่าฆ่าคนตาย เพื่อรอสอบสวนเพิ่มเติมต่อไปนั้น
ข้อความที่สมบูรณ์จะต้องเป็นดังนี้
ตำรวจจึงตั้งข้อหาเอาไว้ก่อนว่าฆ่าคนตาย แต่ถือเป็นกรณีป้องกันตนเองและทรัพย์สินตามสมควรแก่เหตุ
อีกทั้งเมื่อเจ้าของบ้านได้แจ้งตำรวจมาสอบสวนและไม่ได้หลบหนีไปไหน จึงให้ปล่อยตัวไปโดยไม่ต้องยื่นหลักทรัพย์ประกันตัว
จากนี้จะได้เร่งสอบสวนพยานหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อสรุปเป็นสำนวนคดี ซึ่งหากไม่มีอะไรเคลือบแคลง
จะต้องสรุปสำนวนเพื่อสั่งไม่ฟ้องคุณลุงเจ้าของบ้านในที่สุด!
ถ้าหากมีการเปิดเผยรายละเอียดครบถ้วนเช่นนี้
เชื่อว่าประชาชนทั่วไปจะเข้าใจในขั้นตอนการทำงานของตำรวจ
ไม่โดนสวดกันไปทั้งเมืองเช่นนี้
แถมอาจทำให้พวกท่องคาถาปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง ตาโตหูผึ่ง
หยิบเหตุนี้มาขยายร้องตะโกนต้องปฏิรูปตำรวจๆๆๆ กันจ้าละหวั่นอีก!
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1445614161