ผมบอกเรื่องความเกี่ยวพันเพราะเห็นว่ามันเป็นข้อมูลให้ท่าน ๆ ทราบถึงความคิดอีกแนวหนึ่งของผมเท่านั้น ... ไม่ได้หวังจะไปแก้ต่างให้กับบริษํทที่ผมมีความเป็นเจ้าของแค่ 0.0... ไปอีกสิบตัว ..1% แต่อย่างใด
ที่จะบอกอีกอย่าง ... ผมไม่ได้หุ้นเหล่านี้มาจากตลาดแรก (ที่ออก IPO) ... ผมได้มาจากตลาดรอง (ตลาดหุ้น) ....
ผมมองว่ามันเป็นการลงทุนอย่างหนึ่งเท่านั้น (เหมือนกับที่ท่าน ๆ เก็บเงินมาเปิดร้านค้าเองนั้นล่ะ) .... วันใดบริษัทนี้มันไม่สามารถตอบสนองการทำกำไรตามที่ผมต้องการได้แล้ว ผมก็ขายเอาเงินคืนเท่านั้น (ในตลาดรอง) ....
เรื่องการถือหุ้นไม่ปรากฏชื่อ ... ท่าน ๆ ก็ทำได้ครับ .... เช่น
๑. ท่านซื้อกองทุนวายุภักดิ์
๒. ท่านเป็นสมาชิก กบข. (ข้าราชการทั้งหลาย)
๓. ท่านซื้อกองทุนรวมหุ้น (บางทีกองทุนอาจไม่ได้ซื้อ ปตท. ก็ได้)
.... ท่านใดมีวิธีิื่อื่นอีก ก็กรุณาให้ความรู้ผมด้วยครับ ....
เอ ... กระทู้มันชักจะกลายพันธ์เสียแล้ว
เป็นอย่างนี้ทุกทีสิผม
เรื่อง IPO ผมแค่โยนหินถามไปเท่านั้นเองครับ เพราะผมไม่รู้ว่าซื้อราคาไหน แต่ความเป็นเจ้าของนั้นเหมือนกัน เพราะการซื้อจากตลาดรองซื้อเสร็จก็เป็นเจ้าของหุ้นทันที่
การซื้อหุ้นโดยไม่ปรากฏชื่อ ในตัวอย่างที่คุณจักกฤษณ์ ระบุมานั้นผมว่ายังไม่เข้าประเด็น เพราะคนที่เปิดบัญชีชื่อตัวเองก็เช่นกัน เวลาไป bid หรือ offer ก็แสดงแค่ ราคา และจำนวน หุ้น ไม่ได้แสดงว่าใครซื้อหรือขาย รู้กันเฉพาะมาร์เก็ตติ้ง+โบรก+ศูนย์รับฝาก +ตัวหุ้น กับ นักลงทุน การส่งมอบหุ้น ชำระราคา ผ่าน แบงค์ สืบกันได้
การซื้อหุ้นโดยไม่ปรากฏชื่อในความหมายที่หมายถึงกัน พูดตรงๆ ก็คือ นอมินี นอมินี มีทั้งที่เป็นบุคคลธรรมดา และที่เป็นสถาบันการเงิน คุณลองล็อกอินเข้าเว็บไซท์ที่คุณเปิดบัญชีอยู่ แล้วดูรายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ในหุ้นหลายๆตัว รวมถึง PTT จะมีนอมินีถือหุ้นแทนคนบางคนอยู่ อันนั้นเป็นนอมินีโดยสถาบันการเงิน แต่นอมินีที่เป็นบุคคลธรรมดาก็มี แต่เวลาถือหุ้นแทนใครเขาไม่มีคำว่านอมินีต่อท้ายนามสกุล เลยเป็นสิ่งที่น่ากลัวกว่า การจ่ายผลประโยชน์แก่กันระหว่างตัวการกับนอมินี ก็ไม่ทำผ่านระบบที่ตรวจสอบได้
อะไรที่ตรวจสอบไม่ได้นั้น ถือว่าเป็นมะเร็งร้าย สำหรับระบอบธรรมมาภิบาลครับ
**********
อันนี้เป็น ความเห็นเพิ่มเติม โดยสุมมุติว่า คุณ จักกฤษณ์ เป็นเพียงผู้ถือหุ้น PTT เท่านั้น
การที่ PTT เอาบริษัทลูกที่เดิมตัวเองถือ 100% ไปแบ่งขายในกระดาน ในฐานะที่คุณเป็นผู้ถือหุ้น PTT บริษัทเดียวโดยไม่ได้ตามไปซื้อหุ้นบริษัทลูก เพื่อรักษาสัดส่วนความเป็นเจ้าของในเนื้อธุรกิจ นานไปคุณก็จะเป็นเจ้าของเนื้อธุรกิจของ PTT น้อยลง
มันก็เหมือนกับที่ผมเป็นผู้ถือหุ้น ประเทศไทย ในสัดส่วน1/70ล้าน พอประเทศไทยโดยรัฐบาลของคนที่คุณรู้ว่าใคร เอา PTT ไปขายในตลาดหลักทรัพย์ ความเป็นเจ้าของใน PTT ของผมก็น้อยลงไปด้วย ถ้า คุณ จักกฤษณ์ ไม่ใช่คนใน ทรท. คุณก็เป็นแค่ตัวกำบังของทุนการเมืองเท่านั้นเอง เหมือนเวลาที่นายทุน+ นักการเมืองท้องถิ่น จะไปฮุบที่ป่าสาธารณะ ก็จะเอาชาวบ้านไปจับจองที่ดินเป็นรั่วรอบๆ ตัวเองอยู่ตรงกลาง
ผมมีรายได้ หลายทางจาก PTT ปีนึงเป็นเงินที่คิดว่าไม่น้อยกว่าคุณได้รับ(ปันผล+ส่วนแบ่งกำไร+Capital gain) แต่ผมก็เห็นด้วยถ้าปตท. จะกลับไปเป็นรัฐวิสาหกิจอีกครั้ง เพราะผมไม่ได้เกิดจากกระบอกไม่ไผ่ แต่มีญาติพี่น้อง หากนับญาติกันจริงๆก็คนไทยเกิน 40 ล้านน่าจะเป็นญาติผม หรือดองกัน ผมสงสารพวกเขา ไม่ว่าพวกเขาจะสำเหนียกว่าตัวเองน่าสงสารหรือไม่ก็ตาม