โดย ผู้จัดการออนไลน์ 7 มีนาคม 2551 10:51 น.
ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวผู้ต้องหาฆ่าหมู่ ผอ.โรงพยาบาลนาหม่อม เสียชีวิตพร้อมเพื่อนรวม 8 ศพ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจร่วม 300 นาย เนื่องจากเกรงว่าผู้ต้องหาจะถูกรุมประชาทัณฑ์ โดยผู้ต้องหาสารภาพว่าก่อเหตุคนเดียว ทำไปเพราะหมดความอดทนที่ผู้ตายส่งเสียงดังและพูดจายั่วยุ ทั้งที่เคยเตือนแล้วหลายครั้ง
ตำรวจยันมือปืนสุขภาพจิตปกติ เช้าวันนี้ (7 มี.ค.) พล.ต.ต.วิรุฬ เอี่ยมไพจิตร์ ผบก.ภ.วจ.สงขลา, พ.ต.อ.วีรสิทธิ์ เพ็ชรคล้าย รอง ผบก., พ.ต.อ.สาคร ทองมุณี รอง ผบก., พ.ต.อ.อำพล บัวรับพร ผกก.กลุ่มงานสืบสวน ภ.จว.สงขลา, พ.ต.อ.ศุภวัฒน์ ทับเคลียว ผกก.สภ.หาดใหญ่, พ.ต.ท.นิรัตน์ ปานดำ รอง ผกก.สส.สภ.หาดใหญ่, พ.ตท.ธีรศักดิ์ ไชยโยธา รอง ผกก.ปป.สภ.หาดใหญ่, พ.ต.ท.ศักดา เจริญกุล รอง ผกก.กลุ่มงานสืบสวน, พ.ต.ท.วรา เวชชาภินันท์ รอง ผกก.กลุ่มงานสืบสวนฯ
โดยเจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันรับมอบตัว นายวีนัส ชูกำเนิด หรือหลวงหมัด อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 70/6 ม.7 ต.คอหงส์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสงขลาที่ 264/2551 ลงวันที่ 3 มีนาคม 2551 พร้อมของกลางอาวุธปืนพกสั้นออโตเมติก ยี่ห้อ CZ 75B ซึ่งหมายเลขเลอะเลือนอ่านได้เพียง 3 ตัวท้ายคือ 206 หมายเลขปืน V 9558 สีดำ จำนวน 1 กระบอก แมกกาซีน 1 อัน กระสุนขนาด 9 มม.จำนวน 11 นัดบรรจุอยู่ในแมกกาซีน และซองพก 1 ซอง
พร้อมแจ้งข้อกล่าวหา ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาตและพกพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว โดยไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ ซึ่งผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ใช้อาวุธปืนของกลางดังกล่าวยิงนายตรีรัตน์ หรือเบียร์ กับพวกรวม 8 ศพ ตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุในคดีนี้จริง โดยลงมือแต่เพียงผู้เดียว เพราะเกิดบันดาลโทสะที่กลุ่มผู้ตายซึ่งมีบ้านติดกันได้ดื่มสุราส่งเสียงดัง ตนได้เตือนให้เงียบแล้วแต่กลุ่มผู้ตายไม่ฟัง โดยเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นที่เพิงพักหลังบ้านเลขที่ 70/4 ม.7 ต.คอหงส์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
เมื่อเวลา 09.00 น.เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวนายวีนัสไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ณ ที่เกิดเหตุ โดยมีประชาชนจำนวนมากมาเฝ้ารอดู เจ้าหน้าที่ต้องใช้กำลังตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบร่วม 300 นายทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยเนื่องจากเกรงว่าญาติผู้ตายจะเกิดความไม่พอใจและรุมประชาทัณฑ์ผู้ต้องหา
โดยเหตุการณ์ฆ่าโหดในครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2551 เวลาประมาณ 23.30 น. นายวีนัส ชูกำเนิด ผู้ต้องหาได้ใช้อาวุธปืนของกลางยิง พญ.สุธาทิพย์ ธรรมชาติ ผอ.รพ.นาหม่อม จ.สงขลา, นายตรีรัตน์ โชโต, นายเรืองทิตย์ แตงเกษม, นายปวราห์ เจริญสวัสดิ์, นายศราวุธ ลีลาวุฒิประเสริฐ, นายบุญทิพย์ เดสโร, น.ส.รำไพพรรณ แก้วมณี และ น.ส.อรเพ็ญ จารุวรรณเสวี เสียชีวิตรวม 8 ศพ
เจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่า นายวีนัสผู้ต้องหาให้การว่านายตรีรัตน์ซึ่งเป็นแฟนของ พญ.สุธาทิพย์ ชอบพาเพื่อนมาดื่มเหล้าบริเวณเพิงพักหลังบ้านที่เกิดเหตุและส่งเสียงดัง ตนได้เตือนหลายครั้งก็ยังเหมือนเดิม ตนต้องตื่นนอนตอนดึกเพื่อออกไปกรีดยางพารา ทำให้ไม่สามารถพักผ่อนได้เต็มที่จึงเกิดอาการเครียดอยู่ตลอด และช่วงเกิดเหตุเวลาประมาณ 20.00 น.นายวีนัสได้พูดคุยกับนายศักดา บิดาของนายตรีรัตน์ให้ตักเตือนแล้ว แต่กลุ่มผู้ตายก็ยังส่งเสียงดังจึงเกิดความโมโหใช้อาวุธปืนที่ซื้อมาจากนายปิงไม่ทราบนามสกุล ในราคา 20,000 บาท เมื่อประมาณ 5 เดือนก่อนเกิดเหตุ
โดยผู้ต้องหารับว่าตั้งใจจะยิงเพียงนายตรีรัตน์ โชโต หรือเบียร์ แฟนหนุ่มของ พญ.สุธาทิพย์ เพียงคนเดียว แต่นายตรีรัตน์นั่งอยู่ติดกับนายบุญทิพย์ กระสุนจึงไปถูกนายบุญทิพย์ ซึ่งเป็นน้องเขยของตนเองด้วย เมื่อกระสุนถูกนายบุญทิพย์ จึงเกิดความเสียใจ โมโห และสับสนจนไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้จึงยิงทุกคนที่นั่งอยู่จนหมดกระสุน 14 นัดในแมกกาซีน
โดยผู้ต้องหารับสารภาพว่าก่อเหตุเพียงคนเดียว หลังจากยิงแล้วได้ตะโกนบอกให้นายมนูญ ชูกำเนิด บุตรชายซึ่งอยู่ในบ้านนำนายบุญทิพย์ส่งโรงพยาบาล แต่ก็เสียชีวิตในเวลาต่อมา ผู้ต้องหาเปิดเผยอีกว่ามักใช้อาวุธปืนซ้อมยิงลูกมะพร้าวในสวนยางหลังบ้านเป็นประจำทำให้เกิดความชำนาญและแม่นยำในการยิงปืน
นายวีนัส กล่าวหลังจากทำแผนประกอบคำรับสารภาพว่า ได้เคยตักเตือนกลุ่มผู้ตายหลายครั้งแล้ว และเคยเข้าไปขู่ว่าถ้าไม่ไปเสียภายใน 3 วันก็จะยิงให้ตายทั้งหมด จากนั้นเพื่อนผู้ตายซึ่งเป็นคนละกลุ่มกับที่เสียชีวิตจึงแยกย้ายกันไป
หลังจากนั้นไม่นานไอ้เบียร์ก็ชวนเพื่อนกลุ่มใหม่มาอีก พร้อมพูดจายั่วยุ และท้าทายจนทนไม่ไหวและเกิดความเครียดจึงเอาปืนที่ซื้อไว้ออกไปยิง ตอนนั้นรู้สึกมั่วไปหมดเพราะกระสุนไปถูกบุญทิพย์ด้วย นายวีนัส กล่าว
ทั้งนี้ หลังก่อเหตุผู้ต้องหาได้หลบหนีโดยอาศัยรถบรรทุก 10 ล้อไปหลบซ่อนตัวตามสวนยางที่ อ.ปะเหลียน จ.ตรัง เป็นเวลา 3 วัน จากนั้นจึงหนีต่อไปยัง อ.คลองท่อม จ.กระบี่ และได้ให้ญาติติดต่อขอเข้ามอบตัวในที่สุด
ทั้งนี้
เจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันว่าผู้ต้องหามีสภาพจิตปกติดีทุกอย่าง แต่ยอมรับว่าก่อนหน้านี้เคยเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง และได้กินยาระงับความเครียดอยู่เป็นประจำทุกคืน
ไม่ยักรู้ว่าตำรวจ..ท่านวินิฉัยโรคทางจิตประสาทได้ด้วย ภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ ไม่มีอะไรที่ตำรวจไทยทำไม่ได้............................