เท่าที่จำได้ ป้ายแดงอนุญาตให้ใช้ในเวลาราชการเพื่อการไปติดต่อ
หากมีความจำเป็นใช้นอกเหนือจากเวลานั้นจะต้องขออนุญาตจากนายทะเบียน
ป้ายแดงที่ถูกต้องจะมีสมุดประจำป้าย ให้บันทึกการใช้รถระบุว่าจะเดินทางจากไหนไปไหนเวลาเท่าไร
แต่เนื่องจากมีปัญหาว่าบางคนใช้ป้ายแดงเป็นเดือน อาจเพราะผู้ขายไม่ไปดำเนินการ
เป็นเหตุให้ถูกจับ เวลากลางคืนหรือวิ่งบนทางด่วน เลยมีการอนุโลมให้บ้าง
โดยตำรวจประกาศผ่อนผันไม่จับกุมหากวิ่งไม่เกิน ๓๐๐๐ กิโลเมตร เกินกว่านั้นก็จับกุม
เท่าที่จำได้ ป้ายแดงอนุญาตให้ใช้ในเวลาราชการเพื่อการไปติดต่อ
หากมีความจำเป็นใช้นอกเหนือจากเวลานั้นจะต้องขออนุญาตจากนายทะเบียน
ป้ายแดงที่ถูกต้องจะมีสมุดประจำป้าย ให้บันทึกการใช้รถระบุว่าจะเดินทางจากไหนไปไหนเวลาเท่าไร
แต่เนื่องจากมีปัญหาว่าบางคนใช้ป้ายแดงเป็นเดือน อาจเพราะผู้ขายไม่ไปดำเนินการ
เป็นเหตุให้ถูกจับ เวลากลางคืนหรือวิ่งบนทางด่วน เลยมีการอนุโลมให้บ้าง
โดยตำรวจประกาศผ่อนผันไม่จับกุมหากวิ่งไม่เกิน ๓๐๐๐ กิโลเมตร เกินกว่านั้นก็จับกุม
เรื่องจริงครับ เพราะ พรบ.รถยนต์ มีข้อห้ามเรื่อง ห้ามวิ่งเกิน 3000 กิโล จริงครับ,
ให้ใช้วิ่งเฉพาะช่วงเวลา 06.00 น. - 18.00 น. เท่านั้น, และห้ามวิ่งข้ามจังหวัดอีกด้วย
แต่เพราะ ตร.ผ่อนผันและอนุโลมให้ จึงกลายเป็น 2 มาตรฐานครับ
-----------------------------------------------------------------------------------------------
ควรจะอนุโลมให้วิ่งได้ไม่เกินเที่ยงคืน,หรือให้วิ่งข้ามจังหวัดได้ไม่เกิน 2 ทุ่ม.... ก็น่าจะโอเคทั้งสองฝ่าย
ส่วนวิ่งเกิน 3000 กิโลเมตรนั้น.... ไม่น่าอนุโลม - เพื่อให้ทางบริษัทรถยนต์จะได้กระตือรือร้นเร่งจดเลขทะเบียนให้เจ้าของรถไวๆ
เพราะที่ผ่านมาสมัยก่อน.... เซลล์บริษัทรถหลายยี่ห้อ ได้ใช้วิธีเอาเงินจากการขายรถได้.... ไปหมุนใช้ก่อน
พอได้ลูกค้าใหม่.... จึงค่อยเอาเงินของลูกค้าใหม่ไปโปะให้ลูกค้าเก่า.... เป็นลูกโซ่ไปเรื่อยๆ
บางคนซื้อเงินสด.... แต่กว่ารถจะได้จดเลขทะเบียนนั้น เป็นปีๆ เลย
สอบถามไป.... เซลล์บอกว่าส่งเรื่องจดทะเบียนไปที่กรมขนส่งฯ แล้ว.... แล้วโทษว่ากรมขนส่งฯ ช้า
แต่หารู้ไม่ว่า.... เราก็กว้างขวางที่นั่น.... พอรู้ว่าโดนจับโกหกได้....
ก็อ้างว่าส่งเรื่องไปที่สำนักงานใหญ่แล้ว.... แต่สนญ. ยังไม่ได้ส่งเรื่องกลับมา
เลยให้ ตร.สอบถาม สำนักงานใหญ.... สนญ. บอกว่าไม่เคยมีเรื่องจากศูนย์ขายส่งมา
เลยโทรไปศูนย์ขาย.... พนง.ก็โยนกันไปกันมา.... เลยเข้าไปจัดการติดต่อที่ศูนย์ขายเองเลย
และบอกว่า ผมได้เลขทะเบียนXXXX มาแล้วเมื่อปีที่แล้ว.... แต่ต้องคืนเลขไป เพราะทางศูนย์ไม่ได้ส่งเรื่องจดทะเบียนไป
และตอนนี้ ผมได้เลข XXXXหมวดใหม่มาเป็นเดือนแล้ว แต่รอเอกสารจากทางศูนย์เท่านั้น.... ถ้าไม่ส่งเรื่องจดให้ภายในอาทิตย์นี้ เป็นเรื่องแน่
เชื่อไหมว่า.... ภายในอาทิตย์นั้น เซลล์รีบทำเรื่องให้เลย....
และเซลล์นั้นก็โดนไล่ออก.... เพราะมันทุจริต.... เก็บเอกสารซื้อขายรถไว้เป็นปี.... ไม่ยอมส่งเอกสารสัญญาซื้อขายรถให้บริษัทขายเลย
มันได้เงินสดไป.... ก็เลยเอาเงินของเราไปหมุนใช้ก่อน.... มันเลยไม่มีเงินส่งให้บริษัท.... ทีนี้ก็เลยเอาเอกสารซื้อขายรถ ไปดองเก็บไว้นานเป็นปี
(เจ้าของรถก็คือเพื่อนของภรรยาของผมครับ).... จึงเล่ามาให้เป็นอุทาหรณ์.... ครับ
ผมจึงเห็นด้วยกับเรื่องที่ว่า ห้ามวิ่งเกิน 3000 กิโล ยังไงละครับ
เวลาจ่ายตังค์ค่ารถมักเป็นเช็คหรือแค็ชเชียร์เช็ค ต้องสั่งจ่ายบริษัทผู้จัดจำหน่ายมิใช่หรือครับ
เมื่อเป็นแบบนั้นเซลไม่น่าจะเอาเงินนี้ไปใช้เองได้
จ่ายเงินสดเลยครับ เพราะเจ้าของก็เอาใบหลักฐานยืนยันการชำระเงินมาให้ดูครับ (ผมขอดู เพื่อจะดูวันที่ซื้อขาย ตอนให้ ตร.ติดตามเรื่องให้)
ดูรถและจ่ายเงินทำสัญญากันที่ศูนย์ขายเลยในวันนั้น.... ต่อหน้าทุกคนในที่นั้น.... ใครจะไปรู้ได้ว่า มันจะเก็บเงินและสัญญาการซื้อขายไว้ ไม่ยอมส่ง
เขาอยากได้รถทันที และรถมีในตอนนั้น ออกได้เลย ไม่ต้องเสียค่าจอง.... เขามีเงิน ก็ยอมจ่ายสด เพื่อตัดปัญหายุ่งยากอื่นๆ
--------------------------------------
เช่น พี่เขยผมไม่ต้องทำงานเลย (เพราะพ่อรวยที่ดิน) ไปเที่ยวต่างประเทศแทบทุกปี ทุกวันนี้เก็บเฉพาะค่าเช่าที่ดิน ก็ใช้ไม่หมดแล้วครับ
วันนั้น แกพาพ่อแกไปดูรถแบบแวนของค่ายยุโรปชื่อดัง (อยู่ปากซอยบ้านของเขาเอง)
แกใส่กางเกงขาสั้น เสื้อยืด ผ้าขาวม้าผูกเอว รองเท้าแตะแบบหนัง
ส่วนพ่อแกนุ่งผ้าโสร่ง ใส่เสื้อเชิ้ตแขนสั้นแบบชาวสวนชาวไร่ รองเท้าแตะธรรมดา
เข้าไปดูรถ เซลล์มันไม่สนใจเลย ถามข้อมูลอะไร มันก็ตอบแบบขอไปที (แบบไม่เต็มใจจะขายให้)
แต่ไปสนใจลูกค้าที่เข้ามาทีหลังมากกว่า (เขาอาจจะแต่งตัวดีกว่ามั้ง)
เขาก็เลยตัดสินใจเดินออกไป.....
ผจก.ที่นั้นรู้จักกับครอบครัวของเขาดี.... พอเห็น.... ก็รีบเดินออกมาทักทาย.... แต่เสียใจด้วย ไม่ทันเปลี่ยนใจแล้ว
เขาก็แค่บอกว่ามาดูรถเฉยๆ เท่านั้น.... แต่ไม่บอกว่าเซลล์แสดงนิสัยกิริยาอย่างไรกับเขา
ตอนแรกนั้น.... เขากะว่าจะซื้อรถเงินสดตอนนั้นเลย (เงินสดในกระเป๋าเกือบ 2 ล้าน)
แต่เห็นปฏิกิริยาท่าทางของเซลล์แล้ว เขาก็เลยตัดสินใจไปซื้อที่อื่นดีกว่า
วันรุ่งขึ้น.... เขาก็ขับรถยี่ห้อนั้น.... ผ่านโชว์รูมนั้น (แต่.... ซื้อที่โชว์รูมอื่นแทน)
อีกไม่กี่วัน ผจก.ก็เห็นเขาขับผ่านหน้าเขาไป.... ส่วนเซลล์ ไม่กล้าสบตามองเวลาที่เขาขับรถผ่านเลย
และอีกเดือนถัดมา.... เขาก็ไม่เคยเห็นเซลล์คนนั้นที่ศูนย์ฯ นั้นอีกเลย