ขอคัดลอกประวัติของนายหนังพร้อมมาให้ทราบครับจากเว๊บ
http://www.moradokthai.com/nangpromnoy.htmนายพร้อม บุญฤทธิ์ เป็นชาวจังหวัดพัทลุงโดยกำเนิด เกิดเมื่อวันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๔๗๘ ตรงกับวันพุธขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๓ ปีกุน ณ บ้านชายห้วย ต.โตนดด้วน อ.ควนขนุน จ.พัทลุง เป็นบุตรคนแรกของ กรายหรือพรัด-แปรง บุญฤทธิ์ ซึ่งมีน้องสาวอีกคนคือ ปราณี พรหมช่วย สำหรับตระกูลสายบิดานั้นนับว่าสืบเชื้อสายมาจากศิลปินโดยแท้ ไม่ว่าจะเป็นนายหนังตะลุง นายโรงโนรา หรือแม้กระทั่งหัวหน้าคณะลิเก ความที่เป็นทายาทศิลปินนั้น แม้กระทั้งผู้เป็นพ่อเขาเองก็มีชื่อเสียงโด่งดังในนาน "หนังกรายชายแดน" หรือ "หนังพรัดโห" อันเป็นที่นิยมของชาวใต้เมื่อหลายสิบปีมาแล้ว ซึ่งยังเป็นชื่อที่ระบุถิ่นฐานบ้านช่องด้วย เนื่องจากพ่อเขาได้อพยพครอบครัวไปอยู่ยัง บ้านโห ทางตะวันออกของบ้านแหลมโตนด ต.ปันแต อ.ควนขนุน และนับว่าเป็นพื้นที่ชายแดนเชื่อมระหว่าง จ.พัทลุงกับ จ.นครศรีธรรมราช
พร้อม บุญฤทธิ์" หรือ "หนังพร้อมน้อย ตะลุงสากล" เชื่อว่าทั้ง ๒ ชื่อนี้ เป็นที่รู้จักมักคุ้นของคนใต้ทั่วไป โดยเฉพาะผู้ที่มีสายเลือดสะตอเข้มข้นด้วยแล้ว สมควรต้องจัดว่าเป็นที่คุ้นชินกันเลยทีเดียว กว่าครึ่งศตวรรษมาแล้วที่ หนังพร้อมน้อย ตะลุงสากล ตระเวนสร้างความบันเทิงรื่นเริงใจไปพร้อมๆ กับการสอดแทรกแง่คิดคติธรรมให้กับสังคม จนเป็นที่ชื่นชอบของประชาชนอย่างไม่เลือกชั้น วรรณะ เพศหรือวัย เขาคือคนที่ทำให้ "นายหลำ" "นายยอดทอง" "นายหนูนุ้ย" และ "นายเท่ง" โลดแล่นอยู่บนจออย่างมีชีวิตชีวา เสมือนว่าเป็นคนที่มีตัวตนจริงๆ มิใช่เพียงหนังสัตว์ที่ถูกนำมาเล่นเป็นเงา โดยเฉพาะ "นายหลำ" นั้นเป็นที่รับรู้ของคอหนังตะลุงว่า นั่นคือเอกลักษณ์หรือตัวแทนตัวตนที่แท้จริงของ พร้อม บุญฤทธิ์ เลยทีเดียว
อายุ ๑๙ ปี พร้อม บุญฤทธิ์ แต่งงานครั้งแรกกับ กิ้มแน่น ปลอดพัก ชาวนาปะขอ หากกล่าวว่าเป็น "วิวาห์เหาะ" น่าจะตรงกว่า เพราะเขาใช้วิธีฉุดแล้วพาหนีก่อนที่จะกลับมาขอขมาลาโทษแต่งงานแบบต้องตามประเพณีภายหลัง กับภรรยาคนแรกนี้มีชาย-หญิงด้วยกันอย่างละคน แต่ปัจจุบันเพียงบุตรชายที่ชื่อ กลิ่น บุญฤทธิ์ จากนั้นมาเขาก็มีภรรยาเพิ่มอีก ๙ คน ได้แก่ เนื่อง ศรีวิโรจน์ มีบุตรด้วยกัน ๑ คน, สารภี โพธิ์ทอง มีบุตรด้วยกัน ๓ คน, สารภี บัวทอง มีบุตรด้วยกัน ๕ คน, วิไล อินทฤทธิ์พงศ์, จันทรา แซ่ยิ่ง (เสียชีวิตแล้ว), ละเมียด ชูช่วย, หนูภักดิ์, ศศิธร บัวทอง มีบุตรด้วยกัน ๒ คน และ วิมลวรรณ อย่างไรก็ตาม ในวันนี้เขาอยู่กันกับภรรยา ๖ คนคือ กิ้มแน่น, วิไล, ละเมียด, หนูภักดิ์, ศศิธร และวิมลวรรณ
ตอนวัยเด็กอาศัยอยู่กับยาย ตอน ๙ ขวบเข้าเรียนที่โรงเรียนชัยแก้วศึกษา วัดป่าตอ ต.โตนดด้วน เรียนชั้น ป.เตรียมได้ ๑๐ วันก็เลื่อนสู่ชั้น ป.๑ ความที่อ่านหนังสือคำกลอนพระอภัยมณีได้ด้วยลุงและน้าช่วยสอนให้ ทำให้เมื่อจบ ป.๑ ก็ได้กระโดดไปเรียนชั้น ป.๓ เลย ทว่าเรียนได้อีกเทอมเดียวก็หนีไปอยู่กับพ่อที่บ้านโห แล้วเข้าเรียนต่อที่โรงเรียนบ้านแหลมโตนดในชั้น ป.๔ จนอายุ ๑๑ ขวบก็ตัดสินใจหันหลังให้การศึกษา ในระบบเขารักที่จะเดินตามเส้นทางชีวิตศิลปินแบบพ่อ ตั้งแต่ช่วงที่ยังนุ่งชุดนักเรียนอยู่ กลางวันไปเรียนหนังสือ กลางคืนขอหัดหนังตะลุงที่บ้าน เมื่อออกจากโรงเรียนเลยได้โอกาสติดส้อยห้อยตามพ่อไปตระเวนเล่นหนังตะลุง พอเป็นหนุ่นกระทงอายุ ๑๕ ปี พ่อได้ไปปักหลักอยู่ที่สุราษฎร์ธานี อินทร์ ชูเดช ชาวนาปะขอ ต.นาปะขอ อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง เกลอแก้วเกลอขวัญของพ่อมาขอไปเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม ทำให้ต้องระหนระเหินมาอยู่ที่บ้านนาปะขอ โบราณว่า "รถไฟ-เรือเมย์-ลิเก-ตำรวจ" พวกมีอาชีพเหล่านี้มักเจ้าชู้ ทว่าสำหรับสายเลือดสะตอเมืองใต้แล้วต้องรวมเอา "นายหนังตะลุง" ไว้ในทำเนียบจอมเจ้าชู้ด้วย
แม้พ่อเป็นนายหนังตะลุงชื่อก้อง พ่อเป็นครูคนแรกที่หัดหนังตะลุงให้ ขนาดตอนพ่อขึ้นโรงก็ยังให้ช่วยพากษ์ฤาษีหรือพระอิศวรแทนอยู่บ่อยๆ ทว่าครูหนังตะลุงที่ "ครอบมือ" ให้ พร้อม บุญฤทธิ์ กลับเป็น "หนังสีหมอก" นายหนังตะลุงขาด้วนที่ขี่ควายมาที่โรงหนังแล้วยื่นหนังตะลุงอันถือเป็นการครอบครูให้
บนเส้นทางสู่ความเป็น หนังพร้อมน้อย ตะลุงสากล ที่ชื่อเสียงเรียงนามนับว่ากระฉ่อนทั่วภาคใต้ในวันนี้ ถือได้ว่าต้องต่อสู้แผ่วถางทางมาอย่างชนิดสมบุกสมบันพอดู กล่าวคือ ขณะอาศัยอยู่กับพ่อตา-แม่ยายชุดแรกที่นาปะขอ เขาต้องปลีกจากเวลางานมาซุ้มฝึกฝนขับกลอนอ่านหนังสือด้วยตัวเองประมาณ ๕ ปีเต็ม จึงส่งผลให้พ่อตา-แม่ยายเห็นใจยอมซื้อเครื่องมือเล่นหนังตะลุงให้ยกชุด จากนั้นก็หอบลูกค้า ๔ คนออกตระเวนแสดงไปแบบได้รับ "ค่าราด" บ้างไม่ได้บ้าง ต้องอดๆ อยากๆ อยู่ราว ๒-๓ ปีจึงเริ่มจะมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก และก็เลยวัยเบญจเพสได้ไม่นานก็นับว่าอยู่ในขั้นโด่งดังก็ว่าได้
หนังพร้อมน้อย ตะลุงสากล ตระเวนเล่นหนังตะลุง มาแล้วไม่น้อยกว่า ๕๗ ปี กว่า ๒๐,๐๐๐ ครั้ง เพราะบางปีเล่นทั้งกลางวันและกลางคืน เล่นหนังตะลุงเพราะใจรัก และชอบสร้างความสนุก ให้ความรู้แก่ผู้ชม มิได้คิดหวังแค่เงินเพียงอย่างเดียว แต่กลับคิดถึงประโยชน์ที่ผู้ชมควรจะได้รับด้วย พร้อมน้อย ตะลุงสากล เป็นหนังตะลุงคณะแรกที่นำเอาดนตรีสากลผสมกับดนตรีหนังตะลุง และเล่นเข้ากันได้อย่างดี ตลอดระยะเวลาอันยาวนานดังกล่าว พร้อมน้อย สร้างความบันเทิง ร่าเริงใจไปพร้อมกับสอดแทรกแง่คิด คติธรรมให้แก่สังคม เป็นที่ชื่นชมของประชาชนทั่วไป พร้อมน้อย เป็นผู้ทำให้ "นายหลำ" หรือ "ตาหลำ" โลดแล่นอยู่บนจออย่างมีชีวิตชีวา เสมือนกับคนจริงๆ "นายหลำ"เป็นที่รับรู้ของคอหนังตะลุงว่า นี่คือเอกลักษณ์หรือตัวแทนตัวตนที่แท้ของ"พร้อมน้อย"เลยทีเดียว "นายหลำ"คือ ตัวตลกเอก ดังนั้น เมื่อใครเอ่ยชื่อ นายหลำ ก็คือ การนึกถึงพร้อมน้อย ตะลุงสากล พร้อมน้อย ได้ประชันขันแข่งกับหนังตะลุงและมโนราห์มาแล้วมากมาย ยกเว้น หนังตะลุงเพียง ๒ คณะ ที่ไม่ได้แข่งขัน คือ หนังกั้น ทองหล่อ กับหนังประวิง หัวไทร เท่านั้น นอกนั้นประชันหมด เช่น หนังจูลี้ หนังเคล้าน้อย หนังแปลก หนังจูเลี่ยม หนังแคล้ว หนังหนูปล้อง หนังหลัก หนังพร้อมใหญ่ หนังอิ่มเท่ง หนังจันทร์แก้ว หนังหมุนนุ้ย หนังฉิ้น หนังประทิ่น หนังประเสริฐน้อย หนังสำเนียง หนังกิ้มเนี่ยว หนังนครินทร์ ฯลฯ นอกนั้นก็มีการประชันกับมโนราห์ เช่น มโนราห์พิน พัน มโนราห์ฉลวย มโนราห์ปรีชา มโนราห์แปลก มโนราห์ขำคม มโนราห์หนูพร้อม ฯลฯ
หนังพร้อมน้อย เป็นที่ยอมรับของชาวจังหวัดพัทลุงว่า เป็นบุคคลที่มีน้ำใจ โอบอ้อมอารี ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่เสมอ ช่วยคนยากคนจน ถึงกับซื้อที่ทำกินให้ สร้างบ้านให้ โดยมิได้หวังผลตอบแทน หนังพร้อมน้อย สร้างความดีมาตลอด จากหมู่บ้าน สู่ตำบล จากตำบลสู่อำเภอ จากอำเภอสู่จังหวัด ในที่สุดได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของจังหวัดพัทลุง ๓ สมัย ในช่วงที่เป็นผู้แทนราษฎร การแสดงหนังตะลุงจะได้รับค่าตอบแทนเฉพาะค่าลูกคู่กับค่าน้ำมันรถเท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นงานวัด งานโรงเรียน งานส่วนราชการ นอกจากนั้นหนังพร้อมน้อย ยังเป็นวิทยากรให้แก่สถาบัน โรงเรียน หน่วยงานต่างๆ อยู่เสมอ รวมทั้งการจัดตั้งโรงเรียนสอนหนังตะลุงขึ้น โดยผู้เรียนไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น
เคยมีผู้ศึกษาชีวิตความเป็น หนังพร้อมน้อย ตะลุงสากล ไว้เยอะพอดู ในจำนวนนี้มีที่เป็นผลงานระดับวิทยานิพนธ์ปริญญาโท ของนักศึกษาจากสถาบันทักษิณคดีศึกษาอยู่ด้วย โดยหากประเมินจากงานต่างๆ เหล่านี้จะพบว่า ปัจจัยที่ทำให้เขากลายเป็นนายหนังตะลุงยอดนอคมของชาวใต้ ประกอบด้วย
๑. เสียงดี เสียงดัง ฟังชัด เล่น ๗-๘ ชั่วโมงไม่มีแหบ แถมยังเลียนเสียงได้หลายเสียงด้วย
๒. มีความรอบรู้ทั้งทางโลก-ทางธรรม และใกล้ชิดประชาชนทำให้นำมาสอดแทรกได้เป็นอย่างดี
๓. สามารถสวมวิญญาณให้กับรูปหนังได้ทุกตัว และสับเปลี่ยนได้โดยฉับพลัน
๔. มีไหวพริบปฏิภาณสูง นำเหตุการณ์บ้านเมืองและท้องถิ่นมาดัดแปลงได้ดี
๕. สร้างอารมณ์ขันได้ตลอดเวลา
๖. สามารถจำบทกลอนในวรรณคดีมาใช้ได้ลงตัว
๗. ลูกคู่มีมากถึง ๑๑ คนและเล่นดนตรีได้ถูกใจทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะวัยรุ่น
๘. สร้างชีวิตให้กับรูปตัวตลกได้ดีเยี่ยม โดยเฉพาะคู่นายหลำ-นายยอดทอง และนายหนูนุ้ย-นายเท่ง ซึ่งสำหรับนายหลำกลายเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวเลยทีเดียว
เขาเคยได้รับรางวัลแห่งความสำเร็จมาแล้วมากมาย อาทิ
- มงกุฎทองคำฝังเพชรจากสนามหน้าเมืองนครศรีธรรมราช
- ต้นศรีตรังทองคำจากสนามแข่งขันโรงเรียนกลึงวิทยา อ.ห้วยยอด จ.ตรัง
- ถ้วยเกียรติยศประมาณ ๑๔๐ ใบ
- ขันน้ำพานรองประมาณ ๒๐ ใบ
- โล่เกียรติยศประมาณ ๑๐ โล่
- จอหนังตะลุงประมาณ ๑๐๐ จอ
- รวมถึงโคถึก ๓ ตัว โคธรรมดา ๕ ตัว และรกจักรยานยนต์ ๑ คัน เป็นต้น
- ปัจจุบันเขายังรับเล่นหนังตะลุง และเปิดโรงเรียนสอนหนังตะลุงอยู่ที่บ้านท่าแค ต.ท่าแค อ.เมือง จ.พัทลุง ไปพร้อมกับเดินสายเป็นวิทยากรให้ความรู้แก่สาธารณชนอย่างสม่ำเสมอ
ศิลปินแห่งชาติประจำปี ๒๕๔๖
นายพร้อม บุญฤทธิ์ สาขาศิลปะการแสดง (หนังตะลุง) ศิลปะการแสดงหนังตะลุง "พร้อม บุญฤทธิ์" รับรางวัลอันทรงเกียติไปครอง พร้อมรอเข้ารับพระราชทานเข็มเชิดชูเกียรติพระราชทาน จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ในวันศิลปินแห่งชาติ
http://www.moradokthai.com/nangpromnoy.htm